คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8:Motherly Nature
Chapter 8: Motherly Nature
เขากลอกตาใส่เธออย่างงุนงง
“ช่วยเธอให้เข้าห้องได้ยังไงล่ะ เกรนเจอร์!” เขาตวาดตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด เธอเกือบจะถามเขาอีกครั้ง แต่เธอก็ต้องหยุดคำถามนั้นเมื่อเขายกฝ่ามือของเธอขึ้นแนบกับประตู ประตูฉายแสงสีทองวาบชั่วขณะจากนั้นเหวี่ยงเปิดออกอย่างไร้เสียง เดรโกวางมือเธอลง และยิ้มเย้ยให้กับใบหน้าที่แปลกใจของเฮอร์ไมโอนี่
“มันรับรู้การสัมผัสของเธอ” เขาพูดลากเสียงยาว
“เอ่อ...ขอบคุณ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ความรู้สึกต่างๆเกิดขึ้นมาอย่างฉันพลันก่อนที่จะถูกลืมไปโดยสิ้นเชิง เดรโกทำหน้าบึ้ง
“ฉันไม่ได้กำลังช่วยเธอนะ เกรนเจอร์” เขาพูดเสียงอู้อี้ในขณะที่เดินอาดๆกลับไปที่โซฟาของเขา
“ฉันแค่ไม่อยากจะนึกภาพเธอตะโกน อะโลฮาโมร่าไปตลอดคืนต่างหาก”
“ฉันก็นึกไว้อยู่แล้วชียว คนอย่างนาย!” แต่เดรโกไม่สนใจเธอ เขากลับไปนั่งที่โซฟาเช่นเดิม และเป็นอีกครั้งที่จ้องมองไปที่ผนังเพดานอย่างว่างเปล่า ทันใดนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่สังเกตเห็นบางอย่างสีน้ำตาลแดงไม่ชัดเจนวิ่งผ่านเธอไป เธอมองด้วยความตกใจ ในขณะที่แมวของเธอไม่สนใจเธอเลย และตะครุบลงบนตักของมัลฟอย มันทำให้เขาสะดุ้ง
“อะไรอีกล่ะ โอ้! แกเองเหรอ” เดรโกยิ้ม รอยยิ้มที่แท้จริงครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่เคยเห็นบนหน้าของเขา
“ว่าไง เพื่อน” เขาพูดพึมพำ ในขณะที่เขาลูบหลังของครุกแชงก์ ซึ่งทำให้แมวส่งเสียงร้องเมี้ยวเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่มองตามและเริ่มหลงใหลนึกไปชั่วเสี้ยวนาทีว่าเดรโก มัลฟอยดูดีแค่ไหนในวันนี้ ดวงตาสีเงินที่มีขนตาหนา และริมฝีปากอวบอิ่มโค้งได้รูป ผมสีเงินของเขาช่างงดงาม ใบหน้าของเขาช่างหล่อเหลา... รวมถึงรูปร่างที่แข็งแกร่งของชายหนุ่มที่ดูดีไม่แพ้กับรูปหน้าเลยทีดียว เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจว่า เธอกำลังปล่อยสายตาเตร็ดเตร่มองเขานานเกินไปแล้ว เธอดึงตัวเองออกจากภวังค์โดยเร็ว
“ครุกแชงก์! มานี่เดี๋ยวนี้!” เธอเรียกอย่างเกือบจะหมดหวัง เดรโกยิ้มกว้างให้เธอ
“ทำไมเหรอ เกรนเจอร์ ฉันยังไม่ได้บอกเธอเหรอว่าฉันคือแม่เหล็ก? ไม่มีสิ่งใดต้านทานฉันได้แม้กระทั้งเจ้าตัวนี้”
“แมวของฉันกำลังทำความคุ้นเคยกับศัตรู! นั่นแหละคือปัญหา!” เธอต้องแปลกใจเพราะคำพูดนี้ดูเหมือนว่าจะมีผลต่อเดรโก รอยยิ้มของเขาเลือนหายกลายเป็นใบหน้าที่เย็นชาดุจเดิม เขายักไหล่ และเอนหลังอีกครั้ง
“แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดว่าโวลเดอมอร์ต่างหากคือศัตรู” เขากระซิบ เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาด้วยความประหลาดใจ
“นายว่ายังไงนะ”
“ไม่มีอะไรหรอก เกรนเจอร์ ทำไมเธอไม่ไปดูห้องที่เธออยากเห็นจนแทบจะเป็นบ้าเมื่อกี้นี้ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่คิดทบทวนชั่วครู่ เธอคิดว่านี่คือเวลาที่ดีที่จะถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน หลังจากผ่านไป 1 หรือ 2 นาที เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจลองเสี่ยง และนั่งลงบน เก้าอี้โซฟาของเธอ
“เอ่อ มัลฟอย?” เขาแกล้งไม่สนใจเธอ
“มัลฟอย” เธอเรียกเขาอีกครั้ง เขายังคงลูบแมวของเธอ (และจ้องมองความว่างเปล่า)
“มัลฟอย!” เขาหันมาหาเธอ
“อะไรอีกล่ะ เกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อย เพราะสายตาสีเทาจับจ้องเธอไว้ราวกับถูกสะกด เธอขยับตัวอย่างกระสับกระส่าย
“เกิดอะไรขึ้นกับนายในช่วงฤดูร้อนนี้”
_______________________________________________________________________________
“และตอนนี้ฉันคิดว่าโวลเดอมอร์คือศัตรู” คำพูดของเขาเมื่อครู่นี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา เดรโกถอนหายใจกับตัวเอง และกำลังคิดว่าเกรนเจอร์จะสนใจเรื่องนี้มากแค่ไหน
เธอและเพื่อนกริฟฟินเดอร์ของเธอ คิดว่าจะเอาชนะโวลเดอมอร์ได้ในที่สุดอย่างนั้นหรือ!
พวกนั้นคิดแค่ว่าเขาเลวอย่างนั้นใช่ไหม!
พวกนั้นไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังต่อสู้อยู่กับอะไร! ใช่ ฉันรู้มาตลอดว่าพวกนั้นโง่แค่ไหน เขายังคงลูบขนครุกแชงก์ เสียงร้องครางยาวๆของสัตว์ที่ทำให้เขาผ่อนคลายเป็นที่สุด
เดรโกอยู่ในช่วงระหว่างความเป็นกับความตาย และเขาไม่แน่ใจว่าจะแก้ไขมันได้อย่างไร เขายังไม่แน่ใจว่าเขาอยากจะทำมันหรือไม่ ลูเซียส สอนให้เขาอยู่โดยปราศจากความกลัว ความเสียใจ สามัญสำนึก และปราศจาก “รัก” พูดสั้นๆคือ ปราศจากความอ่อนแอ เดรโกในตอนนี้ไม่กลัวอะไรเลย เพราะเขาเคยพบกับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสที่ไม่อาจจินตนาการได้
ครั้งหนึ่งเขาถูกขังในคุกใต้ดินที่มีหนู และแมงมุม เต็มไปหมดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ไม่มีอาหาร น้ำ หรือ แสงไฟ คุณเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเลยล่ะว่า มันอาจจะไม่เลวร้ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเวลาส่วนใหญ่ช่วงนั้นหมดไปภายใต้คำสาปกรีดแทง
แล้วมันจะมีอะไรให้ต้องกลัวอีกล่ะ? ความตายเหรอ? ความตายก็แค่การนอนหลับอย่างสงบตลอดไป ก็เท่านั้น
ความทุกข์ทรมานจิตใจเหรอ? นั่นอาจใช้ได้ถ้าคุณใส่ใจนะ เดรโกไม่ใส่ใจอะไรเลย ไม่เลยจริงๆ แน่นอนเขารับความจริงใจจากเพื่อน และรู้ว่าพวกเขาจริงใจ แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาใส่ใจ มันก็แค่อะไรบางอย่างที่เขารู้สึกว่ากำลังทำอยู่ และมันเรียบง่าย
เมื่อมีสามัญสำนึก หรือความเสียใจ...เดรโกรู้ว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ และเมื่อเขาไม่ใส่ใจอะไรเลย อะไรจะทำให้เขาเสียใจได้อีกล่ะ นอกจากนี้เขาไม่เคยทำอะไรต่อต้านกับความตั้งใจของเขาเองมาก่อน และนั่นไม่ใช่เมื่อ 2 ปีก่อน ก่อนขึ้นปีที่ 5 เดรโกยังคงอ่อนแอ เขาไม่ใส่ใจสิ่งใดเลย แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสนในนั่นคือการทำให้ ลูเซียส พอใจ และอยู่กับด้านไม่ดีของเขา ในตอนนั้นเดรโกจะทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้พ่อพอใจได้ จากนั้นอะไรบางอย่างก็แค่เปลี่ยนไปในตัวเดรโก ในที่สุดเขาก็คิดว่าจะไม่ยอมรับความเห็นชอบของพ่อ และความเห็นชอบของพ่อจะไม่มีอิทธิพลต่อเขาไม่ว่าจะยังไง เขาไม่ต้องการอะไรที่พ่อของเขาจะให้เขา และแน่นอนมันไม่ใช่ “ความรัก”
เดรโกรู้สึกคล้ายกำลังหัวเราะอยู่ในความคิด เขาอายุ 17 ปี และเขาไม่มีความคิดว่า “ความรัก” คืออะไร (ถ้าคุณไม่นับหลายๆคืนแห่ง “การร่วมรัก” ที่เขามีกับหญิงสาวเกือบจะทุกคน) เขาเคยได้ยินเด็กๆพูดว่าพวกเขา “รัก” พ่อแม่ของพวกเขา และพ่อแม่ของพวกเขาก็พูดว่า “รัก” ลูกๆ แต่อะไรก็ตามที่ทำให้ดวงตาของคนพวกนั้นเป็นประกายเวลาที่พูดแบบนั้น เดรโกก็รู้ว่าเขาไม่เคยรู้สึกถึงมันเลย และพ่อแม่ของเขาก็ไม่เคยมองเขาในทางนั้น เดรโกโกธรเมื่อแม่ของเขาถูกส่งไปเซนต์มังโก แต่นั่นเป็นเพราะเธอทำให้ชีวิตของเขาง่ายขึ้น อย่างน้อยที่สุดเธอพยายามที่จะทำให้เดรโกถูกลงโทษน้อยที่สุดมาตลอด เดรโกไม่รู้ว่าทำไมเธอทำอย่างนั้น แต่มันไม่ใช่เพราะว่าเธอ “รักเขา” และเขาไม่ได้คิดว่าตัวเอง “รัก” แม่เช่นกัน
“เอ่อ มัลฟอย”เสียงเรียกของเฮอร์ไมโอนี่เหมือนสายลมที่พัดผ่าน มันไม่ได้ทำให้เดรโกหลุดออกจากความคิดต่างๆของเขาแม้แต่นิดเดียว
______________________________________________________________________________
เวลานี้เดรโกไม่รู้ว่าจะทำยังไง ช่วงเวลาที่เขาเติบโตมาจากคฤหาสน์มัลฟอย และเงินทั้งหมดของลูเซียสถูกลิขิตให้เป็นของเดรโก ไม่ว่า ลูเซียสจะเกลียดเขามากแค่ไหน เดรโกก็ถูกกำหนดชีวิตไว้แล้ว แต่ชีวิตแบบไหนกันล่ะที่ถูกกำหนด เขาปฏิเสธที่จะรับใช้โวลเดอมอร์ เขาจะทำอย่างไรดีในตอนนี้? ศาสตร์มืดคือทั้งหมดที่เดรโกรู้จัก...
“มัลฟอย นายเป็นอะไรไป”
เดรโกไม่มีอนาคต เขาไม่มีปัจจุบัน ทั้งหมดที่เขามีคือ อดีตที่น่ากลัว และถ้าเขาซื่อสัตย์กับตัวเองซึ่งทำให้เขาเจ็บปวด เขาคงต้องยอมรับว่าเขารู้สึกไร้แก่นสาร เขาไม่มีจุดยืนในชีวิต ผู้คนไม่ชอบเขา และเขาก็ดูหมิ่นคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พอตเตอร์ วีเซิล และ...
“มัลฟอย!” เดรโกหันไปมองเด็กสาวที่คั่นกลางขบวนความคิดของเขาด้วยเสียงตะโกนอันดังของเธอ
“เกรนเจอร์ เธอต้องการอะไร” เขาถาม พยายามควบคุมอารมณ์ และสงสัยว่าทำไมเธอยังคงอยู่ที่นั่น เธอขยับตัวอย่างกระสับกระส่าย
“เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่”
“มันเป็นธุระกงการอะไรของเธอล่ะ” เขาตะคอกกลับไป เธอยักไหล่ดู...เจ็บปวด? เดรโก กระพริบตา และพยายามวิเคราะห์สีหน้าของเธออีกครั้ง
“ฟังนะ ฉันรู้ว่านายไม่อาจจะใส่ใจอะไร- - -”
“เธอพูดถูกต้องแล้ว”
“แต่ฉันช่วยนายในคืนนั้น และนายก็ทำให้ฉันกลัวจริงๆ ฉันคิดจริงๆว่านายกำลังจะตาย” เดรโกมองด้วยความตกตะลึงที่ซ่อนไว้ในขณะที่เธอพยายามกระพริบตากลืนน้ำตากลับไป
“ฉันรู้ว่าถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไปอีกอย่าง มันคงจะไม่ใช่เรื่องของเธอ” เขาคิดว่าอยากจะวิ่งออกไปจากห้อง ในทันทีทันใด มันกำลังทำให้เขาอึดอัด แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดและหนีปัญหา
ดวงตาสีน้ำตาลชินนามอนของเฮอร์ไมโอนี่จับจ้องอยู่ที่เดรโกอย่างเปิดเผย และเดรโกพบว่าตัวเองไม่สามารถจะหันหน้าหนีไปทางอื่นได้
“ฟังนะ มัลฟอย ฉันคิดว่านายมันร้ายกาจ อวดดี ถูกตามใจจนเสียคน ชอบต่อปากต่อคำ- - -”
“ฉันคิดว่าฉันพอจะเข้าใจแล้ว” เขาพูดแบบไร้อารมณ์
“- - -ไร้มารยาทมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมาในชีวิต!! อย่าได้คิดเป็นอย่างอื่นฉันไม่อยากเห็นนายตาย มันทำให้กลัวแทบบ้า ฉันนอนไม่หลับตั้งแต่นั้นมา และทั้งหมดคือความผิดของนาย! ฉันต้องส่งนกฮูก 30 รอบก่อนที่พวกเขาจะขู่ว่าจะเปลี่ยนหัวหน้านักเรียนหญิงเป็นคนอื่น! นายฟังอยู่ใช่ไหม? ฉันเกือบจะสูญเสียตำแหน่งหัวหน้านักเรียนไปแล้วเพราะฉันวิตกเรื่องนาย ลองนึกดูสิ ดังนั้นอย่างน้อยฉันสมควรจะได้รับคำอธิบายบ้าง!”
ทำไมเธอร้องไห้อีกแล้วล่ะ? เดรโกเกลียดเวลาที่เธอร้องไห้แบบนั้น มันกวนใจเขา และ เช่นเดิมไม่มีทางที่เขาจะพูดกับเธอว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาได้ หรือบอกว่า ลูเซียสทำสิ่งเหล่านั้นกับเขา สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการคือความสงสารจากเธอ นอกจากนี้มันไม่ใช่เรื่องของเธอ และแน่นอนมันไม่ใช่เรื่องของพอตเตอร์ เดรโกคิดทบทวน เขาวางครุกแชงก์ลงบนพื้น และเปลี่ยนไปยังฝั่งที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งอยู่ ดวงตาของเธอเบิกกว้างในขณะที่เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ตรงมาที่หน้าอกของเธอ
“ฟังนะ เกรนเจอร์ ฉันไม่รู้จักพวกอีเดียดซักอย่างที่เธอคิดว่าฉันเป็น แต่ฉันไม่โง่ ถ้าเธออยากจะผ่านปีแย่ๆแบบนี้ไปอย่างปลอดภัย จงหยุดพูดเรื่องเหลวไหลนี้เลย เธอเข้าใจไหม” เขาพูดเสียงดัง เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัวอย่างสับสน
“ฉันก็แค่อยากจะรู้ เข้าใจไหม ฉันจำเป็นต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วฉันจะไม่กวนใจนายอีก ฉันสัญญา และจะไม่บอกคนอื่นด้วย!”
เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตาลงอย่างไม่ปลอดภัย แต่ก็ยังแกล้งทำเพิกเฉยต่อไม้กายสิทธิ์ของเดรโก
“นายคิดว่าฉันกำลังหาเรื่องซุบซิบหรือไง!” เธอพูด เดรโกรู้สึกเหน็ดเหนื่อยในทันใด
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเหรอที่เธอต้องการ ไม่เอาน่าเกรนเจอร์ เธอไม่เข้าใจหรอก ฉันไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไร”
“อะไร มัลฟอย นายไม่เข้าใจความคิดของคนที่ห่วงใยคนอื่นๆหรอกหรือ” เดรโกคิดและเขาลูบผมตัวเอง
“เธอไม่ได้ห่วงใยฉันหรอกเกรนเจอร์! เธอไม่มีเหตุผลอะไรต้องห่วงใยฉัน และฉันไม่ต้องการให้เธอมาห่วงใย! แค่หยุดการกระทำน่าเบื่อหน่ายนี้ซะ! ก็พอแล้ว”
“ใช่! ฉันห่วงนาย นายมันร้ายกาจ! ดี ถ้านายไม่ยอมบอกฉัน ฉันจะสืบหามันด้วยตัวเอง อย่าคิดว่าฉันทำไม่ได้นะ!” เมื่อพูดจบเธอรีบเดินเข้าห้องอย่างโกรธๆ ประตูปิดไล่หลังเธอ เดรโกร้องคราง ‘มันบ้าอะไรกันเนี่ย ไม่ใช่เรื่องของเธอเลยที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นช่วงฤดูร้อนนั่น และครุกแชงก์ต่างหากที่พบฉัน ถ้ามีแค่เธอในคืนนั้น ฉันคงจะตายไปแล้ว’
เขาเดินไปยังเก้าอี้โซฟาของตัวเอง และนอนกางแขนกางขา จ้องมองไปยังเพดาน เขายังไม่เคยสังเกตเห็นมันมาก่อน แต่เพดานถูกร่ายมนต์ให้ดูเหมือนท้องฟ้า เหมือนเพดานในห้องโถงใหญ่มาก และเขาก็คิดว่า เพดานนี้ต้องทำให้หลายคนมีความสุขถ้าพวกนั้นได้เจอแบบเขา แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่คู่ควรจะได้รับความพึงพอใจนี้
“ฉันน่าจะสาปเธอนะยายหนอนหนังสือจุ้นจ้าน สิ่งเดียวที่หนอนหนังสือน้อยผู้เย่อหยิ่งอยางเธอใส่ใจคือจำนวนนกฮูกที่เธอได้รับ และยังไงก็ตามเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะใส่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน บ้า ฉิบ..... ทำไมฉันต้องคิดถึงเกรนเจอร์ด้วยล่ะ” เขาตำหนิตัวเอง เดรโกเงยหน้าขึ้น และสะดุ้งเมื่อความเจ็บปวดไหลผ่านแขนซ้ายของเขา เขากัดริมฝีปาก และรอให้ความเจ็บปวดบรรเทาลง แม้ว่ามาดามพอมฟรีย์ได้พยายามรักษาเขาแล้ว แต่อาการจากแขนของเดรโกจะไม่มีทางหายไป ที่ซึ่งตรามารเริ่มปรากฏออกมาให้เห็น แล้วอย่างน้อยที่สุดมันก็ไม่ได้ผล ฉันไม่ใช่ผู้เสพความตาย ตราบใดที่ฉันพูดว่าฉันจะไม่เป็น ไม่เป็นอย่างที่เกรนเจอร์สงสัย! เดรโกยิ้มกับตัวเอง และผล็อยหลับไป
“นายมันพวกเชื่อมั่นในตัวเอง, น่าสังเวช, ดื้อด้าน, ผมบลอนด์, ตาสีเงิน” เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตา “ฉันหมายถึงนายมันจอมวายร้าย!” เฮอร์ไมโอนี่คำรามด้วยความไม่พอใจ และทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างแรง เธอครุ่นคิด ‘ฉันแค่อยากรู้ ให้ตายเถอะเมอร์ลิน เขาคิดว่าฉันอยากจะเอาเรื่องเขาไปพูดซุบซิบเหรอ ถ้าเธออยากซุบซิบเธอคงไปหาลาเวนเดอร์กับปาราวาตีไม่ใช่เขา! และฉันจะไปซุบซิบกับใครที่ไหนกัน เพื่อนที่ฉันมีก็แค่...แฮร์รี่กับรอนเท่านั้น โอ้! ทำไมฉันโง่อย่างงี้ เขาคงคิดว่าฉันจะต้องเล่าให้แฮร์รี่กับรอนฟัง’ ด้วยเหตุผลบางอย่าง...เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเจ็บปวด ทุกๆคนคิดว่าชีวิตของเธอวนเวียนอยู่กับหนังสือ แฮร์รี่ รอนหรือไง ใช่ บางทีมันอาจจะจริง แต่เธอก็ไม่ต้องชอบมันทั้งหมดนี่
เฮอร์ไมโอนี่ผิดหวังอย่างหนักที่เดรโกไม่ยอมบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้น เธออยากรู้อยากเห็นเป็นนิสัย และนี่เป็นความลึกลับที่เธอต้องแก้ให้ได้ อันที่จริงมีหลายอย่างเกี่ยวกับเดรโก มัลฟอยที่เฮอร์ไมโอนี่อยากจะเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น
ทำไมเขาไม่เคยพูดดีๆกับใครเลย แต่เขากลับนั่งลูบแมวของเธอเล่นเป็นชั่วโมงได้
ทำไมเขาถึงทำอะไรที่เป็นการช่วยเหลืออย่างเช่นเปิดประตูให้เธอ จากนั้นก็ข่มขู่ในนาทีต่อมา และใครกันที่จะเกลียดเดรโก มัลฟอยได้มาก พอที่จะฆ่าเขา มันช่างแตกต่างจากสถานการณ์ใดๆที่เกี่ยวข้องกับแฮร์รี่ คุณไม่อาจจะเข้าใจว่าเป็นโวลเดอมอร์ เดรโก มัลฟอยน่าจะถูกดัมเบิลเดอร์ฆ่ามากกว่าที่จะเป็นโวลเดอมอร์ซะอีก
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ และเมื่อมาถึงบทสรุป เธอต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจะหาความจริงจากทุกๆคนที่เธอหาได้
เธอต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเดรโก เฮอร์ไมโอนี่ผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนด้วยความคิดมากมายที่เกี่ยวกับหนุ่มสลิธีรินที่เข้าใจยากคนนี้
+++++++++++++++++++++++++
“เดรโก ใช่เธอจริงๆเหรอ เธอเปลี่ยนทรงผมตั้งแต่เมื่อไหร่” เดรโกพยายามหรี่ตามองคนที่กำลังพูดกับเขาด้วยวิธีการชื่นชมเช่นนั้นว่าเป็นใคร เขามองไปรอบๆ และเห็นว่าเขาอยู่ไหน...เขาอยู่ในที่ว่างเปล่า ไม่มีคำไหนจะอธิบายได้ดีกว่านี้ ที่ว่างซึ่งมืดมัว และ มืดมิด
“คุณคือใคร” เขาถามด้วยความสงสัย ปัดผมเปียปอยหนึ่งออกจากใบหน้าโดยไม่รู้ตัว หญิงคนนั้นเริ่มเข้ามาใกล้ และเมื่อลำแสงจางๆแผ่ออกมาจากตัวเธอ เดรโกกระพริบตาด้วยความแปลกใจ
“แม่เหรอฮ่ะ” เขาถามอย่างอ่อนแรง เดรโกรู้สึกเจ็บปวดในอกแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“โอ้ ลูกชายของแม่ มาให้แม่กอดสักครั้งได้ไหม แม่...แม่รู้ว่า แม่เป็นแม่ที่แย่ แต่ได้โปรด...มาให้แม่กอดหน่อย” เดรโกเข้าใกล้เธออย่างระมัดระวัง จากนั้นโอบกอดรอบตัวเธอ เขาฝังใบหน้าจมลงเส้นผมอ่อนนุ่มของเธอ สิ่งนี้ทำให้ทั้งคู่ตกใจ เพราะปกติแล้วเขาไม่เคยแสดงความรักเช่นนี้กับพ่อแม่เลย
“แม่ไม่ได้บ้า” เขากระซิบ เขารู้สึกว่าเธอตัวแข็ง
“โอ้ ใช่จ๊ะ” เธอตอบด้วยเสียงเย็นเยือก เหมือนกับว่าเธอเป็นผี
“ในโลกแห่งความจริงแม่ค่อนข้างจะเสียสติจริงๆ”
“โลกแห่งความจริงเหรอ? แล้วที่เขาอยู่ตอนนี้ล่ะ” เขาถาม และถอยกลับไป
“ความฝัน เดรโก” เธอหยุดชั่วขณะ และจ้องมองเขา กระเดาะลิ้น
“ลูกเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่แม่จากไป” เธอพูดอย่างเศร้าๆ เดรโกขมวดคิ้วเพราะน้ำเสียงของเธอ
“มันแย่แค่ไหนเหรอฮ่ะ ในที่ๆแม่อยู่” เขารีบถามกลับ
“เดรโก แม่ไม่มีเวลาได้คุยกับลูกในฐานะแม่สักครั้ง” เธอตอบ เพื่อหลีกเลี่ยงคำถาม
“นี่คือการกระทำอย่างสิ้นคิด แม่มาเพื่อช่วยลูก ลูกรู้ใช่ไหมว่าแม่ทำนายอนาคตได้”
“ผมคิดว่ารู้ฮ่ะ”
“ลูกรู้ใช่ไหมว่าลูกเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน” คำถามของเธอทำให้เกิดความเงียบ นาร์ซิสซายิ้มอย่างเศร้าๆ
“แม่เดาว่า ไม่ ใช่ไหม”
“แหงล่ะ” เดรโกพึมพำ “แม่ อย่าน้อยใจไปเลย ถ้าผมมองเห็นอนาคตได้ แม่ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมน่าจะสังเกตเห็นมันไปแล้ว มันคงจะช่วยผมในหลายปัญหาเมื่อเร็วๆนี้ไปแล้ว” เธอส่ายหัว
“ขอให้แม่ได้อธิบาย แม่รู้ว่าลูกกระหายความรู้ และความเข้าใจ มากเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของลูก... ทันใดนั้นเธอหยุดราวกับกำลังฟังอะไรบางอย่าง
“เดรโก แม่ต้องรีบโวลเดอมอร์กำลังจะฆ่าแม่คืนนี้” เธอกล่าวอย่างไม่สนใจ และไร้ความรู้สึก ราวกับว่าเธออาจกำลังคุยเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่
“แม่รู้ได้อย่างไร ใช่! แม่มองเห็นอนาคต แต่ทำไมเขาต้องฆ่าแม่ตอนนี้ล่ะ” เขาถาม ปกปิดความกลัวที่เข้าครอบงำภายในจิตใจอย่างฉับพลันด้วยใบหน้าแบบไร้ความรู้สึก
“เขาคุมตัวและขังแม่ไว้ในที่ที่แม่ไม่อาจเข้าถึงคนอื่นๆได้” เธอตอบน้ำเสียงธรรมดา
“แต่แม่ฝ่าเข้าไปเพื่อลูก แต่เขารับรู้ได้ มันไม่ปลอดภัยอีกต่อไปที่เขาจะปล่อยให้แม่มีชีวิตอยู่ ตอนนี้จงฟัง เดรโกเข้ามาฟังใกล้ๆ”เธอเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงซึ่งเตือนให้เดรโกนึกถึงเกรนเจอร์
“โรวีน่า เรเวนคลอคือแม่มดที่ค้นพบพรสวรรค์นี้โดยใช้เวทมนตร์คาถาและการปรุงยา เธอสามารถมองเห็นอดีต ปัจจุบันและอนาคต แม้กระทั่งเดินทางไปในความฝัน มันเป็นขั้นตอนที่ยาวนานและอันตราย และเธอประสบความสำเร็จเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น คือ กับตัวเธอเองและกับน้องชายของเธอ ร็อดเจอร์ พรสวรรค์ในการเป็นผู้เห็นอนาคตส่งผ่านความสามารถนั้นรุ่นสู่รุ่น และมันก็จะส่งต่อไปยังลูกเพียงคนเดียว มันอาจจะมีอยู่ในคนเพียงคนเดียวในแต่ละช่วงเวลา ลูกเข้าใจใช่ไหม” เธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างรีบเร่ง และความรีบเร่งของเธอทำให้เดรโกค่อนข้างตกใจ
“แม่หมายถึง โรวีน่าสืบทอดพรสวรรค์ให้แก่ลูกคนหนึ่งของเธอก่อนเธอตาย” ผู้เป็นแม่ผงกหัว
“และลูกของเธอคนหนึ่งมีพรสวรรค์เช่นกัน”
“ใช่ และมันยังคงเป็นเช่นนั้นเรื่อยไป และแม่มาที่นี่เพื่อส่งมอบพรสวรรค์ให้แก่ลูก”
“แต่แม่ยังไม่ตายนี่!”
“มันไม่สำคัญหรอก แม่ตัดสินใจส่งต่อพรสวรรค์ให้แก่ลูก และแม่จะไม่ใช่ผู้มองเห็นอนาคตอีกต่อไป” เดรโกพยักหน้า เขายังคงพยายามคิดทำความเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูดกับแม่ที่เสียสติของเขา ซึ่งคงจะตายแล้วในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้
“ถ้างั้นเราก็มีเชื้อสายของเรเวนคลอเหรอ” เขาถาม รอยยิ้มแบบสบายใจเล็ดลอดออกมาจากโครงหน้าเย่อหยิ่งของเขา
“เรเวนคลอคนไหนฮ่ะ”
“แน่นอน! ต้องเป็นโรวีน่า เดรโก” เธอหยุดชั่วขณะเป็นอีกครั้งที่เธอทำให้เดรโกประหลาดใจว่าเธอกำลังฟังอะไรบางอย่างที่เธอได้ยินเพียงคนเดียว
“เดรโก พวกเขาอยู่ที่นี่! ฟังนะ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่กำลังจะตาย แม่ก็ไม่อยากจะมอบพรสวรรค์นี้ให้แก่ลูก สักพัก ลูกจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างมากในหัวของลูก
ไปหามาดามพอมฟรีย์ซะ เธอรู้เพราะเธอเคยช่วยแม่มาก่อน”
“แม่ครับ” นาร์ซิสซาร์จับคางของเดรโก
“เดรโกสัญญากับแม่ซิว่าลูกจะไม่สิ้นหวัง พยายามมีความสุข และเดรโก...สัญญากับแม่ว่าจะไม่รับใช้โวลเดอมอร์ เข้าใจนะลูก”
“ผมน่ะเหรอ? รับใช้คนชั้นต่ำนั่น เชื่อผมบ้างเถอะ แม่!” เดรโกตะโกนอย่างเจ็บร้อน แล้วสีหน้ากับน้ำเสียงของเขาค่อยๆเบาลง
“แม่ไม่มีอะไรที่จะสามารถทำเพื่อปกป้องตัวเองเลยเหรอ?”
สีหน้าเจ็บปวดปรากฏบนโครงหน้าของเธอ ในขณะที่นาร์ซิสซาร์กำลังจะพูดตอบ แต่กลับกลายเป็นเลือดข้นๆที่ไหลออกมาจากปากของเธอแทน เธอหดตัวด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเธอแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด และล้มลงสู่พื้น เดรโกพยายามวิ่งไปหาเธอ แต่ความว่างเปล่าค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป...ทุกสิ่งกำลังจากไป...
______________________________________________________________________________
อีกด้านของปราสาท อัลบัส ดัมเบิลเดอร์สะดุ้งตื่น
_____________________________________________________________________________
“อ้าาาาาาาาา! บ้าที่สุด!” เดรโกร้องเสียงดังในขณะที่ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนมีมีดหลายเล่มฟันสมองของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ เขาลุกขึ้นนั่งกอดเข่า และยกมือขึ้นจับหัวด้วยแรงทั้งหมดที่มี พยายามที่จะทำให้ความเจ็บปวดหายไป เมื่อเขาได้สติ เขาย้ำกับตัวเองไม่ให้แสดงความอ่อนแอ ใดๆออกมา เขาอดกลั้นที่จะไม่ร้องตะโกนเพราะความเจ็บปวด ด้วยการกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น ไม่นานนักเขาก็ได้ลิ้มรสเลือดสดๆของตัวเอง
“มัลฟอย นายเป็นอะไร เดรโก! เมอร์ลิน! นายไม่เป็นไรใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่กระโดดออกมาจากห้องของเธอด้วยความเร็วสูงสุด เธอเห็นเขานอนตัวงอ และ กุมขมับไว้อย่างเงียบๆ เธอเริ่มตกใจ
“เดรโก ปากนายมีเลือดไหล! นายบาดเจ็บ...! เมอร์ลิน คิดซิเฮอร์ไมโอนี่ คิด!” เธอร่ำร้องกับตัวเอง เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำโดยเร็ว และชั่วขณะต่อมาเธอกลับมาพร้อมกับผ้าเปียก 1 ผืน
“เดรโกฉันรู้ว่านายเกลียดฉัน แต่นายจะสาปฉันก็ได้หลังจากนี้ ฉันสัญญา แต่ตอนนี้...” เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆเขยิบตัวขึ้นไปอยู่ข้างๆเขาอย่างประหม่า และวางผ้าลงบนหน้าผากของเขา ปกติแล้วเดรโกคงจะเหวี่ยงมันทิ้งไปแล้ว แต่เขาเจ็บปวดมากเกินกว่าจะทำอะไรได้ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอย่างเต็มที่ เดรโกร้องตะโกนสุดเสียงเมื่อความเจ็บปวดจู่โจมเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง
“ชู่! ไม่เป็นไรนะ ฉันจะไปตามมาดามพอมฟรีย์ ตกลงไหม”
“ฉันอยู่นี่แล้ว คุณเกรนเจอร์!” มาดามพอมฟรีย์พูดขณะเร่งรุดเข้าไปดูอาการของเดรโกโดยเร็ว เฮอร์ไมโอนี่จ้องเธอด้วยความแปลกใจ
“คุณรู้ได้ไงค่ะ”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาคุยกัน คุณเกรนเจอร์” ดับเบิลเดอร์ ตอบขณะที่เขานั่งลงข้างๆเธอ เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า และหันกลับไปหาเดรโกในขณะที่มาดามพอมฟรีย์หมุนไม้กายสิทธิ์ของเธอรอบๆหัวของเดรโก แสงสีแดงจางๆเริ่มเต้นรอบตัวเขา จากนั้นหายไป มาดามพอมฟรีย์ส่ายหัว และเฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจว่ามาดามพอมฟรีย์สงสัยหรือตกใจสุดขีดกันแน่
“อัลบัส คุณพูดถูกอย่างเคยนะ” มาดามพอมฟรีย์ชี้ไม้กายสิทธิ์ของเธอไปที่เดรโกอีกครั้ง และกระซิบว่า “ สลัมเบรีออส”
“มันคงเป็นอย่างที่ฉันกลัว เธอตายแล้ว” คิ้วของเฮอร์ไมโอนี่ยับย่นด้วยความกังวล
“ขอโทษค่ะ ศาสตราจารย์” เธอเริ่มในขณะที่เดรโกล่องลอยเข้าสู่การนอนหลับลึก
“แต่ใครกันค่ะที่ตาย” ดัมเบิลเดอร์ พิจารณาเธอชั่วครู่ จากนั้นดูเหมือนว่าจะมาถึงบทสรุป
“ป๊อบปี้ คุณอยู่กับเดรโกสักครู่ได้ไหม”
“แน่นอน อัลบัส” ดัมเบิลเดอร์ลุกขึ้นยืน และให้สัญญาณกับเฮอร์ไมโอนี่
“มาที่ห้องทำงานของฉัน คุณเกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่ตามเขาไปยังเตาผิงที่ในตอนนี้เขากำลังรออยู่ เขายื่นผงฟลูกำมือหนึ่งให้เธอ เธอรับไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ และก้าวเดินไปยังเตาผิงพร้อมกับพูดว่า
“ห้องทำงานอาจารย์ใหญ่!”
หลายนาทีต่อมา เธอและดัมเบิลเดอร์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขา และมีถ้วยโกโก้ร้อนสำหรับทั้งคู่
“คุณเกรนเจอร์ จะเป็นอะไรไหมที่จะบอกฉันว่าเธอพบเดรโกในคืนนี้ได้อย่างไร” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า และสูดลมหายใจยาว
“หนูสะดุ้งตื่นเพราะเขาร้องอย่างเจ็บปวด...หนูเลยรีบวิ่งออกมาจากห้อง และเขาอยู่บนเก้าอี้โซฟาแบบเดียวกับที่คุณเห็น เขาคงจะเผลอหลับไปแบบนั้น หลังจากที่เราโต้เถียงกัน...” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆเบาลงไป และดูละอายใจ
“ฉันเข้าใจ คุณเกรนเจอร์ ฉันรู้ดีว่าเดรโกไม่ใช่คนที่จะเข้ากันได้ง่าย ถึงอย่างไรจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา ฉันต้องขอให้เธอปฏิบัติกับเขาด้วย...” เขานึกคำพูดที่เหมาะสม
“ปฏิบัติกับเขาด้วยความเข้าใจ และ ไม่ใช่ว่าเขาจะทำอะไรให้มันง่ายขึ้นอย่างแน่นอน” เขาพูดต่อ ในขณะที่จิบโกโก้จิบหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ทำเช่นเดียวกัน และเมื่อช็อกโกแลตมีผลต่อความคิดของเธอ ความอยากรู้อยากเห็นก็เข้าครอบงำในทันใด
“อาจารย์ค่ะ...หนูอยากรู้ว่าคุณพอจะบอกหนูได้ไหมค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา“
“ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาหรอก คุณเกรนเจอร์”
“อาจารย์ค่ะ” ดวงตาของดัมเบิลเดอร์เริ่มเป็นประกายอย่างซุกซน...
“ฉันคิดว่าถ้าเธอต้องการคำตอบ เธอควรถามคุณมัลฟอยเอง” เฮอร์ไมโอนี่ทำดีที่สุดแค่เพียงไม่ทำคิ้วขมวด
“แต่อาจารย์ค่ะ คุณก็รู้ว่าเขาคงจะยอมตายมากกว่าที่จะบอกอะไรหนู!”
“นั่นก็สุดแล้วแต่มนุษย์สัมพันธ์ของเธอ” ดัมเบิลเดอร์บอกอย่างมีชั้นเชิง
“แล้วเมื่อไหร่กันค่ะที่มนุษย์สัมพันธ์จะเกิดขึ้นกับเดรโก มัลฟอย” เธอถามด้วยความโมโห เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่า ถ้าเขาไม่เห็นว่าคุณ ‘สูงส่ง’ ก็ไม่มีทางที่ มัลฟอย จะให้ความสุภาพ หรือมีมารยาทแก่คุณได้ มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอเกลียดเขา ดัมเบิลเดอร์นิ่งเฉยกับคำถามในเชิงโวหารนี้
“อย่างในคืนนี้ คนที่เราพูดถึง เธอคนนั้น คือ นาร์ซิสซาร์ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกไม่ดีเลย
“โอ้ เมอร์ลิน แม่ของเขา...”
“ใช่ ฉันเกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม อย่าคาดหวังว่าเดรโกจะมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้” คำพูดของ ดัมเบิลเดอร์ครั้งนี้ทำให้เฮอร์ไมโอนี่คิ้วขมวด
“คุณจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆเกิดขึ้นได้อย่างไรล่ะ ถ้าแม่ของคุณตาย!” เธอร้องเสียงดัง และ แหลมด้วยความรังเกียจ
“คุณเกรนเจอร์ คุณมัลฟอยมาจากโลกที่แตกต่างจากฉัน และเธอ เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตัดสินใจ” เฮอร์ไมโอนี่ยังคงไม่อยากจะเชื่อถ้าแม่ของเธอตาย เธอคงจะรู้สึกแย่ไปเป็นเดือนๆ จะมีใครที่ไม่มีปฏิกิริยาเลยได้อย่างไรล่ะ
พวกเขานั่งอยู่ในความเงียบชั่วครู่ ต่างฝ่ายต่างครุ่นคิดกับตัวเอง และเฮอร์ไมโอนี่ก็นึกถึงความต้องการของเธอที่จะค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงฤดูร้อน
“อาจารย์ค่ะ คุณจะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเดรโกตอนฤดูร้อนนี้ได้ไหมค่ะ ในตอนที่ครุกแชงก์ และฉันพบเขา เรื่องมันเป็นยังไงค่ะ” ดัมเบิลเดอร์ไม่พูดอะไรเลยแม้เพียงเล็กน้อย และเฮอร์ไมโอนี่เริ่มสงสัยว่าเขาได้ยินเธอหรือเปล่า ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นว่า
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด นั่นคงเป็นสิ่งที่ทำให้เธอกับเดรโกทะเลาะกันในตอนเย็นใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกผิด นึกสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไร
“ในเรื่องนั้น ฉันไม่มีสติดีพอที่จะบอกคุณ นอกจากนี้ฉันเชื่อว่าได้เวลาที่เราจะกลับกันไปได้แล้ว”
ในห้องนั่งเล่นรวมของทั้งสอง เฮอร์ไมโอนี่ช่วยมาดามพอมฟรีย์ และศาสตราจารย์ดัมเบิลเดอร์ ทำให้เดรโกที่สลบอยู่ลอยไปยังห้องพยาบาล ทันทีที่เขาอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว เฮอร์ไมโอนี่หันไปหาดัมเบิลเดอร์ที่ยืนอยู่ปลายเตียง
“ศาสตราจารย์ ดัมเบิลเดอร์ เขาจะต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนค่ะ” เธอถาม
“เขาจะต้องอยู่ที่นี่อย่างน้อย 3 วัน เผื่อว่ามีอะไรที่ฉันจำเป็นต้องทำ” มาดามพอมฟรีย์พูดอย่างเข้มงวด ราวกับว่าท้าทายใครสักคนที่อาจจะไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วยเลย
“เขาจะผ่านการรักษาประเภทไหนค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างไม่รู้ หลบสายตาของ ดัมเบิลเดอร์ที่ดูเหมือนมีอารมณ์ขันอย่างไม่ลดละ มาดามพอมฟรีย์ตอบอย่างขอร้องไม่ให้ใครก็ตามแสดงความสนใจในงานของเธอ
“ไม่หนักหนานักหรอก ที่รัก แน่นอนต้องใช้ยานอนหลับ มนต์นิทราควบคู่ไปกับยาระงับปวด แน่นอนทีเดียวที่เหลือคือ ขอบเขตการรักษาของ อัลบัส” เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ” เธอถามด้วยความอยากรู้
“อะแฮ่ม” ดัมเบิลเดอร์กระแอมอย่างมีจุดมุ่งหมาย มาดามพอมฟรีย์เข้าใจความหมาย และมองเด็กสาวกริฟฟินเดอร์ด้วยสายตาที่หรี่แคบ
“หมดคำถามแล้วสำหรับคืนนี้ ตอนนี้ออกไปก่อน! คุณมัลฟอยจะไม่เป็นไร และฉันก็เข้าใจความเป็นห่วงของเธอดี” เธอพูดพร้อมกับขยิบตาซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
“หมดธุระของเธอแล้วนะตอนนี้ ไม่มีอะไรที่นี่ที่เธอจะทำได้เลยจริงๆ”
และด้วยความขวนเขินจากสาเหตุใดก็ไม่รู้ เฮอร์ไมโอนี่จึงหันกลับไปมองร่างของเดรโก มัลฟอยที่กำลังหลับอยู่เป็นครั้งสุดท้าย ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเขาไม่แสดงให้เห็นอะไรเลย ผิวที่ไร้ที่ติ และงดงามเช่นเคย แต่มีความตึงเครียดรอบๆดวงตาของเขา ซึ่งบ่งบอกถึงความเจ็บปวดแม้แต่ในยามหลับ เธอเห็นเขา และความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้น มันเป็นความอบอุ่นที่เกิดขึ้นภายในตัวเธอ เฮอร์ไมโอนี่ตื่นจากการตกอยู่ในภวังค์อันแปลกประหลาดนี้ และ เป็นอีกครั้งที่เธอโทษธรรมชาติของความเป็นแม่ในตัวเธอ และออกไปจากห้องพยาบาล
++++++++++++++++++
ความคิดเห็น