คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chepter : 8 เพื่อนใหม่
บทที่ 8 เพื่อนใหม่
วันใหม่มาเยือนโดยไม่มีใครสังเกตุเห็นเกี่ยวกับแวมไพร์หรือมนุษย์หมาป่าที่วนเวียบรอบๆ
ตัวปราสาทเลย ทุกคนยังทำตัวเหมือนปกติ ไปห้องโถงใหญ่เพื่อรัปทานอาหารเช้าร่วมกันเสร็จแล้วต่างแยกย้ายไปตามชั้นเรียน สก็อตตื่นขึ้นมาภายในกระท่อมโดยมีเซดริกนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆโดยไม่ยอมไปไหน
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”สก๊อตงัวเงียถามขึ้นรู้สึกถึงร่างกายที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัว
“นายจำไม่ได้เหรอ”เซดริกถาม
“ฉันจำได้ลางๆว่าฉันเปลี่ยนร่างอยู่ภายนอกตัวปราสาท”สก๊อตหยุดเพื่อคิดสักครุ่
“หลังจากนั้นล่ะ “เซดริกค่อยๆช่วยรื้อฟื้นความทรงจำของสก๊อตหลังจากที่เขาจำได้ลางๆว่าเขาเปลี่ยนร่างอยู่ภายนอกปราสาทแต่เขามีความรู้สึกฝังใจในความทรงจำอันใหม่ ความทรงจำที่เขาเผชิญหน้ากับเด็กหญิงคนหนึ่ง เด็กหญิงคนนั้นที่สก๊อตจำได้อย่างแม่นยำ เธอคือ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
“เกรนเจอร์” สก๊อตครางน้ำเสียงแหบแห้ง “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันทำอะไรเธอหรือเปล่าเซดริก”เซดริกพยักหน้าให้สก๊อตเล็กน้อย
“ก็เกือบไป”เพื่อนรักของเขาดูท่าทางหวาดกลัว
“นายหมายความว่ายังไง เมอลินท์ นี่ฉันทำอะไรลงไป” สก๊อตร่ำร้องออกมาในสิ่งที่เขาคิดเขารู้สึกอยากจะตายเสียเดี้ยวนั้น หัวใจของเขาเต้นแรงและเร็วจนแทบจะออกมานอกร่าง
“เฮ้ย ฉันแค่ว่าเกือบไป นายยังไม่ทันทำอะไรเธอสก๊อต”
“เฮ้อ”สก๊อตถอนหายใจอย่างโล่งอก “เออ ฉันก็ลืมไปว่า ขวัญใจนายนี่ นายคงไม่ปล่อยให้ฉันขย้ำเธอแน่หรอกใช่ไหม” สก๊อตเย้าแวมไพร์หนุ่ม
“ระวังคำพูดหน่อยสก๊อต”เซดริกเตือนสก๊อตเขาหน้าแดงเล็กน้อยกับคำพูดของหมาป่าหนุ่ม”เอาล่ะฉันว่าตอนนี้เรากลับเข้าไปด้านในดีกว่าเดี้ยวคนอื่นเขาจะสงสัยเอาว่าพวกเราทำไมไม่อยู่ที่หอนอนกัน”
พวกเขาทั้งคุ่ทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาทานอะไรไม่ลงเอาเสียเลย พวกเขาไม่ไปกินอาหารเช้าและไม่พูดคุยกับใครทั้งสิ้น และรีบเผ่นออกจากห้องเรียนทันทีที่เสียงระฆังดัง สก๊อตรีบเดินออกไปทันทีเหมือนเขาต้องการที่จะตามหาอะไรหรือใครบางคนอยู่ แม้แต่เชคดริกเองก็ตามเขาไม่ทัน เมื่อสก็อตรีบเดินออกจากห้องและเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน และเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวันสก็อตนั้นมองหาเซดริกเพราะเขายังไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่กลับมาเนื่องจากภาวะอารมณ์ที่ยังไม่คงที่ของสก๊อตนั่นเองและในตอนนี้เขาเองก็รู้แล้วว่าเช็คดริกละความพยายามที่จะคุยกับเขาแล้ว ตอนนี้สก๊อตเองก็ไม่รอที่จะคอยเพื่อนของเขาเพื่อพูดคุยเนื่องจากสก๊อตเองอยากทำบางสิ่งบางอย่างให้ถูกต้อง เสียก่อน
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้สก๊อตรีบตรงไปที่ห้องสมุดทันทีที่ทุกคนมุ่งตรงไปที่ห้องโถงใหญ่สำหรับอาหารกลางวัน เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับใครทั้งสิ้น ตราบใดที่เขายังรู้สึกผิดอยู่เต็มอก
สก็อตก้าวเข้ามาในห้องสมุด เขารู้ว่าทุกส่วนในร่างกายบอกให้เขาหันกลับและแผ่นออกจาก
ที่นี้ แต่การที่สายตาของเขาได้เห็นหญิงสาวมันทำให้เขาชะงัก
มันเป็นความผิดพลาดที่เขาถูกจับได้เมื่อคืนนี้ สก็อตเดินมาหยุดที่หญิงสาวและลงนั่งที่เก้าอื้ตัวที่อยู่ข้างหน้าของเธออย่างรวดเร็ว ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นด้วยอาการสะดุ้ง ทันใดนั้นเธอก้มหน้าลงแต่นั้นก่อนที่สก็อตจะสังเกตเห็นรอยดำรอบดวงตาของเธอ
“อืม
..เฮอร์ไมโอนี่ใช่ไหม” สก็อตถามทำให้เฮอร์ไมโอนี่ที่เงยหน้าขึ้นจ้องมองมา
ที่เขาด้วยความงวยงง
“โทษที
..ฉัน สก็อต ซิมมอนส์ ฉันเป็นเพื่อนของเชคดริก “ สก็อตเอ่ยโดยมอง
ที่หญิงสาวที่เกร็งตัวเล็กน้อย และชั่วเวลาหนึ่งที่เธอมองเขาด้วยความหวาดกลัว จากนั้นดวงตา
เธอดูแข็งกร้าวและเธอกัดฟันเล็กน้อยเพื่อข่มความกลัว หลังจากนั้นเธอพยายามมองไปทางอื่นแต่ก็หันกลับมาที่สก็อตในที่สุด
“มีอะไรให้ช่วยเหรอ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตากลมโตของเธอมองเขาอย่างนิ่งเงียบ สก๊อตมองเธออย่างพิจารณา อะไรบางอย่างในตัวเธอทำให้สก๊อตชืนชม เธอไม่ได้เป็นคนสวยมากในโรงเรียนพ่อมดแม่มดนี้ แต่เธอเป็นคนที่มีเสน่ห์ทำให้คนที่อยู่ต่อหน้าเธอต้องลองหันมามองดูเธอซ้ำเป็นครั้งที่สองเหมือนเขา ดวงตาสีน้ำตาลของเธอดูมีอำนาจ ทำให้สก๊อตรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งสก็อตเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนแวมไพร์ของเขาถึงชอบเธอ
คนส่วนมากคงจะกรีดร้องแทบเป็นบ้าเมื่อค้นพบว่ามีมนุษย์หมาป่าใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขาในโรงเรียนนี้แต่กับหญิงสาวตรงข้างหน้านี้เธอแตกต่าง
“ฉันแค่ต้องการ
แน่ใจว่าเธอปลอดภัยดี” สก็อตกล่าวทำให้เฮอร์ไมโอนี่
เกร็งและจ้องมองเขาด้วยความไม่แน่ใจบนใบหน้าเธอแต่หลังจากนั้นเธอก็กลับไปสู่อาการปรกติ
“แล้วทำไมฉันจะไม่ปลอดภัยล่ะ” เธอกล่าวอย่างสงสัยระหว่างที่สก็อตผงะถอยห่างเธออีกครั้งและมองไปทางอื่นอย่างอึดอัด
“มันแค่
. คือเชคดริกเหมือนกับจะเล่าว่า เธอถูกทำร้ายโดยบางอย่างน่ะ” สก็อต
กล่าวโดยกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องสมุดเพื่อดูผู้คนทั่วไปและพยายามจะไม่สบสายตาเธอ
“ฉันแค่
.. ต้องการจะแน่ใจว่าเธอสบายดีน่ะ เชคดริกกังวลมากว่าเธอจะเป็นอะไรไป
เขากลัวว่าเธอจะเป็นลมน่ะ” สก็อตค่อยมองเธอระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่ส่วยศรีษะ
“ฉันว่าจะถาม ศาสตราจารณ์สเนปเพื่อจะผลิตยาเพื่อช่วยเธอเวลาเธอ
. เปลี่ยนร่าง ฉันแน่ใจว่าถ้าเธอถาม ศาสตราจารร์สเนปเองคงไม่มีใครรู้อะไรหรอก” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวโดยจ้องที่เขาทำให้หน้าเขาซีด เมื่อรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
“ฉันไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร” เขาพูดติดๆขัดๆ ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่ จะยิ้มให้เขา สก๊อตผุดลุกขึ้นยืนและพยายามมองหาทางออก แต่การหัวเราะกิ๊กกั๊กของเธอทำให้เขาหันมองมาที่เธออีกครั้ง
“มันไม่เป็นไรหรอก
. ฉันจะไม่บอกใครทั้งนั้น แต่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเธอว่าจะเชื่อใจ
ฉันแค่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างกันเองทำให้สก๊อตจ้องมองเธอก่อนที่เขาจะนั่งลงและ
เอนตัวไปข้างหน้าอย่างไม่สบายใจนัก
“ยังไงล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มพร้อมเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อพูดกับเขาด้วยเสียงที่แผ่วเบาเหมือนว่ากำลังอยู่ท่ามกลางศัตรูและไม่ต้องการให้พวกเขาได้ยิน
“คือว่า
. เมื่อปีก่อนฉันค้นพบว่ามีคนๆหนึ่งเป็นมนุษย์หมาป่า ฉะนั้นถ้าเธอกังวลใจ
ว่าฉันจะวิ่งแจ้นไปบอกอาจารย์ใหญ่ล่ะก็ไม่จำเป็นหรอก เพราะคัมเบิลดอร์คงไม่ให้เธออยู่ที่นี่
แน่ตัวเขาคงคิดแน่ๆว่าเธอนั้นอันตราย “เฮอร์ไมโอนี่กล่าวระหว่างที่สก็อตนั่งตะลึง ไม่ใช่ตะลึงเรื่องที่ดับเบิลดอร์จะไล่เขาออกไปหรอก เพราะดับเบิลดอร์นั่นรู้เรื่องของเขาดีอยู่แล้ว และเขาเองที่เป็นคนอนุญาติให้สก๊อตได้อยู่ที่นี่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงคือเรื่องที่เคยมีมนุษย์หมาป่าอยู่ที่นี่ด้วยต่างหาก
“เธอมีอาการเหมือนเพื่อนฉันหลังจากที่พระจันทร์เต็มดวง
. มันง่ายที่จะสังเกตเวลา
ที่เธอรู้ว่ากำลังมองหาอะไร” เฮอร์ไมโอนี่กล่าว สก๊อตนั้นเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้เจอเธอและได้คุยกับเธอ
“อืม
..คือ
ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะไปที่ไหนดี” สก็อตกล่าวพร้อมกับหัวเราะแบบไร้กังวล
พร้อมมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ที่ยิ้มให้เขา
“เธอมั่นใจได้เลยว่าฉันจะไม่บอกใครทั้งนั้น” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างมั่นใจสก็อตนั้นผงกศรีษะยอมรับพร้อมกับสีหน้าที่คลายกังวลขึ้นมากกว่าเดิม
“ขอบใจ
. ฉันหมายถึงขอบใจเธอมาก เฮอร์ไมโอนี่”
“และเธอก็สามารถที่จะบอกฉันได้ว่าทำไมแวมไพร์ถึงได้มาอยู่ที่ฮอกส์วอร์ต” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างจริงจัง ระหว่างที่สก็อตอ้าปากค้าง ที่จู่ๆเฮอร์ไมโอนี่ถามเขาเรื่องนี้อย่างกะทันหันโดยที่เขาเองก็ไม่ได้ตั้งตัวเลย
เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่ามีทั้งมนุษย์หมาป่าและแวมไพร์อยู่ในโรงเรียนนี้ แล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างละเนี่ย?
________________________________________________________________
หลังจากที่ไม่ได้เจอเพื่อนรักมาสองวันเต็มๆ เชคดริกเริ่มที่จะทำอะไรบางอย่างมากกว่าที่จะนั่งคอยอย่างกังวลคนเดียว
เมื่อเขาเริ่มถาม ศาสตราจารณ์ดับเบิลดอร์.ว่าสก๊อตอยู่ที่ไหน เขาก็ได้รับคำตอบเดิมๆ ว่า สก็อตไม่สบายและขอลาป่วยในวันนี้ ไม่มีวี่แววของเขาในห้องพยาบาล หรือแม้แต่ที่กระท่อมหรือห้องนั่งเล่นรวม เชคดริกคิดที่จะออกตามล่าหามนุษย์หมาป่าตัวนี้โดยเร็ว
เขารู้ว่าสก๊อตเป็นกังวลแต่เขานั้นได้อธิบายต่อสก็อตแล้วว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือแม้แต่เฮอร์ไมโอนี่ แต่ดูเหมือนว่าสก็อตนั้นจะเป็นกังวลมากกว่าอะไรทั้งสิ้น
เชคดริกย่ำเท้าเข้าไปในห้องนั่งเล่นรวมด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเขา เขากวาดสายตามองทุกคนด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่กำลังจะระเบิด และดูท่าทางทุกคนจะเดาออกว่าขึนพวกเขาเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าอาจต้องลำบากแน่นอน หลังจากที่เขาเข้าพบกับดับเบิลดอร์แล้ว เช็คดริกตรงไปที่ห้องนั่งเล่นรวมและมุ่งสู่ห้องนอนของเขาในทันที
เขาทำเสียงฮึดฮัดใส่เด็กปีหนึ่งคนหนึ่งที่เดินผ่านเขาและกำลังคิดในใจบ่นด่าเขาอยู่ เขากวาดสายตากลับขึ้นมาและเห็นสก๊อตจ้องมาที่เขาบนโซฟาของห้องนั่งเล่นรวม
เชคดริกกัดฟันแน่นเพื่อแน่ใจว่ามันจะไม่ไปกัดมนุษย์หมาป่า ซึ่งในตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่จะอ่านความคิดของเพื่อนหน้าขนของเขา โดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เช็คดริกคว้าแขนของสก๊อตแล้วดึงขึ้นมาด้วยอารมณืที่งุดหงิด ซึ่งถ้าเป็นคนธรรมดาคงแขนหลุดไปแล้ว
เขามองไปที่เด็กปีห้าสองคนที่กำลังจะเดินออกไปนอกห้องและเมื่อประตูปิดลง สก๊อตก็ปัดมือของเช็คดริกออกและจ้องมองไปที่เขาอย่างยียวน
“ฟังนะฉันไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก” สก็อตพูดโดยไม่ละสายตาจากแวมไพร์ผู้ที่พยายามมองเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง โดยไม่แม้แต่จะให้คำถามเกิดขึ้นบนใบหน้า เซดดริกจ้องมองสก๊อตราวจะกินเลือดกันเนื้อ เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มด่าว่าสก๊อตจากตรงจุดไหนดี
“สองวัน ฉันรอแกมาสองวัน” เสียงกระซิบนั้นดังพอที่มนุษย์หมาป่าจะได้ยินก่อนจะอ้าปากพูดอะไร
“รอก่อน” เชคดริกตวาดรู้สึกเหมือนตัวเขาจะระเบิด เพราะความคิดหนึ่งแล่นมาจากมนุษย์หมาป่า เกี่ยวกับเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งเขากำลังอ่านมันจากความคิดของสก๊อต
“นายบอกเธอ” เชคดริกกระแทกเสียงและจ้องมองไปที่ดวงตาของสก๊อตระหว่างที่เขาพยายามจะกลั้นความกลัว เขาเคยเห็นเชคดริกโกรธแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และแค่นั้นก็เพียงพอที่เขาไม่ต้องการเห็นความโกรธของเชคดริกอีก
“ฉันไม่ได้บอกนะ
เธอเดาเอง จริงๆ แล้วเธอรู้เอง เธอรู้เองว่าฉันเป็นคนที่จู่โจมเธอ”
เชคดริกอ่อนลงเมื่อเห็นความรู้สึกผิดในดวงตาของเพื่อนเขา
“นายก็รู้ว่าเธอต้องรู้ อย่าปฏิเสธเลย เธอบอกว่าเธอเริ่มจะเดาออก ตอนที่อยู่ในห้องสมุด คืนที่นายหยุดหนังสือนั่นไม่ให้หล่นใส่เธอ” สก็อตอธิบาย ความโกรธนั้นปรากฏบนใบหน้าเชคดริกอีกครั้ง
“นายช่วยเธอจากฉัน”
“เพราะนายไม่หยุดน่ะสิ” เชคดริกกล่าวอย่างโมโห ดวงตาเขาเข้มขึ้น
“เธอบอกว่าจะไม่บอกใครเรื่องฉัน แล้วเรื่องที่เธอรู้มันไม่ใช่เพราะเธอเดาถูกเองหรอกนะ
.. เพราะลักษณะของฉันต่างหาก อีกอย่างเธอรู้ว่านายเป็นอะไร ตอนที่นายจับ
มือเธอ” สก็อตอธิบายระหว่างที่เชคดริกเริ่มผ่อนคลายก่อนจะหันมาและย้ายตัวเองอย่างรวดเร็วไปที่เตียงเขา
“เธอจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น” สก๊อตย้ำคำอย่างมั่นใจในตัวเฮอร์ไมโอนี่
“นายรู้ได้ไง
. หลังจากที่ได้คุยกับเธอเป็นชั่วโมงอย่างนั้นเหรอ “เชคดริกกล่าวอย่างไม่พอใจ ก่อนที่สก๊อตจะจ้องเขา เขารู้สึกแปลกๆกับการที่สก๊อตดูมั่นใจหญิงสาวเกินเหตุ
“คือ
. มันมีอะไรมากกว่าที่ปัญญาของนายจะรู้ อย่าคิดว่าฉันเป็นแค่มนุษย์หมาป่าที่
ต่ำต้อย ฉันถึงไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” สก็อตตอบโต้ทำให้เชคดริกหยุดแล้วจ้องมองเขา สก๊อตรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอมากกว่าเอย่างงั้นเหรอ เซคดริกหรี่ตาแล้วมองจ้องไปที่สก๊อตที่ยังคงพูดต่อไป
“ให้ตายเถอะ เด็กคนนั้นบอกฉันมากมายถึงสิ่งที่เธอได้พบเจอและเผชิญในสี่ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งเมื่อนายกับฉันรวมกันแล้ว คงไม่ได้ถึงครึ่งของเธอเลยเสียด้วยซ้ำไป เธอทั้งเก่งและฉลาด เธอเดาออกด้วยว่าอาจารย์ของเราคนหนึ่งเป็นมนุษย์หมาป่าและก็ไม่เคยที่จะบอกใครทั้งนั้น นั้นเป็นสิ่งเดียวกับที่เธอสัญญาในเรื่องของเราทั้งคู่ ฉันเพิงจะรู้เดี๊ยวนี้เองว่าที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะคบกับเธอก็เพราะเธอเป็นคนที่ซื่อสัตย์น่ะสิ” สก็อตคำราม เขารู้สึกได้ถึงความโกรธที่เพิ่มขึ้นเมื่อนึกถึงหญิงสาวคนนั้นกับเหล่าบรรดาเพื่อนๆของเธอ
เชคดริกก้มลงและถอนหายใจเมื่อได้ยินถึงความคิดสก๊อต ซึ่งดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้มีผลกับแวมไพร์อย่างเขาเท่านั้น แต่มันมีผลกับมนุษย์หมาป่าอย่างสก๊อตด้วย
“นายกลัวอะไรนักหนา
. ทำไมนายกลัวเธอนัก เธอไม่ทำร้ายนายหรอก”
“แต่ฉันสามารถทำร้ายเธอได้” เชคดริกคำรามก่อนจะกุมขมับอย่างสับสน
“อายุฉันเกือบจะร้อยปีแล้วนะ
. ไม่ว่าจะตอนที่ยังเป็นมนุษย์หรือตอนนี้ ฉันสามารถ
พูดได้เลยว่าไม่เคยมีใครมีผลกระทบกับฉันอย่างนี้มาก่อน ฉันคิดว่าการที่ฉันไม่สามารถอ่านความคิด
เธอได้นั้นมันน่าสนใจ เธอนั้นเป็นมากกว่าที่ฉันเคยพบเคยเจอมาก่อน และเป็นครั้งแรกที่ฉันอยู่ใกล้
ใครสักคนแล้ว ฉันรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเท่านี้ มันเป็นเพราะกลิ่นกายเธอด้วย ฉันไม่อยากดูดเลือดเธอถึงแม้ว่าฉันต้องการ แค่ไหนก็ตามแต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น ฉันแค่ต้องการจะอยู่ใกล้เธอและในขณะเดียวกันฉันก็อยากอยู่ให้ไกลเธอมากที่สุด ฉันนึกถึงเธอตลอด เธอดูบริสุทธิ์แต่ความคิดเธอนั้นดูแก่กว่าอายุเธอเสยอีก” เชคดริกหยุดพูดเพราะไม่สามารถจะอธิบายความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงในใจเขาได้
“ฉันจะพยายามหลบหลีกเธอจนกว่าปีนี้จะผ่านพ้นไปแต่ แต่ฉันก็รู้ว่าฉันไม่สามารถที่จะอยู่ใกล้เธอได้ เพราะฉันอาจจะทำร้ายเธอ” เชคดริกกล่าวโดยกำผ้าปูที่นอนของเขาไว้แน่นจนเกิดเสียงดัง
“นายสามารถควบคุมตัวเองได้เซดริก”สก๊อตให้กำลังใจเขา
“ฉันต่างจากนายสก็อต นายแค่เป็นตัวอันตรายเพียงสามคืนในหนึ่งเดือนเท่านั้น แต่
ฉันอันตรายตลอดทั้งปี ฉันแค่สามารถควบคุมตัวเองได้เท่านั้น แต่ถ้าวันหนึ่งฉันพลาดล่ะ” เชคดริก
กล่าวอย่างอ่อนแรง ทำให้สก็อตเม้มปากตัวเองอย่างครุ่นคิด
“ฉันไม่ต้องการให้เธอตายด้วยน้ำมือของฉัน” เชคดริกกล่าว
“เพราะนายเห็นแก่ตัวน่ะสิ” สก็อตเอ่ยทำให้เชคดริกตวัดสายตามายังเพื่อนเขาด้วยความไม่พอใจ เพียงแค่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก้มหน้าลงพลางครุ่นคิด
ทำให้สก็อตหัวเราะและรู้สึกถึงความผ่อนคลายของตัวของเขาเอง
“นายเห็นแก่ตัวเพราะตลอดสามปีที่ฉันได้รู้จักนาย ฉันเก็เพิ่งจะเห็นนายดูมีความสุขก็ตอนนี้และนายจะละทิ้งมันไปง่ายๆเพียงเพราะความกลัว แค่นี้หรือไง นายต้องสู้สิ เพื่อตัวเธอและนาย” สก็อตอธิบายทำให้เชคดริกจ้องเขาอย่างแปลกใจกับความคิดที่ดูเป็นผู้ใหญ่ครั้งแรกของสก๊อต
“นายอย่าหวังว่าฉันจะเห็นด้วยกับความคิดที่บ้าคลั่งของนายนะ” เชคดริกกล่าวระหว่างที่สก๊อตล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา
“ก็ได้
.. แต่ตอนนี้ฉันหิวแล้ว” สก็อตกล่าวก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปเชดริกมองตามก่อนที่สก๊อตจะหยุดและหันกลับมามองเพื่อนของเขา
“บอกฉันมาเถอะหลังจากที่นายอ่านความคิดฉันแล้วนายว่าเธอจะสามารถรับมือนายได้ไหม”
เซดริกนิ่งเงียบไม่มีคำพูดใดๆออกจากแวมไพร์หนุ่ม ดังนั้นสก๊อตจึงหันหลังกลับแล้วเดินจากไปโดยที่ยังคิดถึงเรื่องของเฮอร์ไมโอนี่อยู่
สำหรับเซดริกนั้นยังคงมีความสับสนอยู่ในหัว ถึงวิธีที่จะหลบหลีกจากเธอและความต้องการที่จะอยู่ใกล้ๆ เธอ
____________________________________________________________________
วันเสาร์เป็นวันแรกของสองวันที่ดีที่สุดสำหรับสก็อตและเซดริกเพราะพวกเขาไม่ต้องแกล้งทำตัวเป็นมนุษย์เหมือนคนอื่นๆ เนื่องจากไม่มีการแข่งควิดดิช ไม่มีการไปฮอกส์มี้กและไม่มีเรียน มันช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ
หรือไม่อย่างน้อยมันก็คงจะดีถ้าโช ไม่ได้มาดักรอเขาและเธอพยายามบอกใบ้เขาเพื่อจะให้เขาชวนเธอไปงานเต้นรำเชดริกคิดอย่างรวดเร็วและแสดงให้เธอเห็นว่าเขายังไม่แน่ใจว่าเขาจะไปหรือเปล่าและถึงเขาจะไปเธอก็คงไม่สนุกแน่ที่เป็นคู่ควงเขา
เช็คดริกยังคงคิดทบทวนกับสิ่งที่สก๊อตบอกเขา และนี่เองที่เป็นสาเหตุทำให้เขาเขียนจดหมายไปขอคำปรึกษาจากเอ็ดเวิร์ด จดหมายจากเอ็ดเวิร์ดได้ ตอบกลับมาหาเขาอย่างรวดเร็ว เช็คดริกนั้นต้องการเพียงคำตำหนิติเตียนที่จะทำให้ความคิดเหล่านี้หายไปจากหัวสมองของเขา แต่แทนที่เขาจะลืมได้เขากลับรู้สึกกลัวเข้าไปอีก เมื่อเอ็ดเวิร์ดบอกกับเขาว่าเมื่อตกหลุมรักใครสักคนแล้วมันยากที่จะถอนตัวจากสิ่งเหล่านั้น
เชดริกพยายามที่จะเลิกคิดในสิ่งเหล่านั้นอย่างรวดเร็วเพราะเขารู้ว่าเขาไม่สามารถรักมนุษย์ได้ ซึ่งแน่นอนเขาได้ตกลงไปในกลอุบายของเธอแต่ความรักก็สั่งให้เขายังคิดถึงมันอยู่
อย่างไรก็ดีเอ็ดเวิร์ดยังบอกอีกว่าครอบครัวของเขานั้น คงจะยอมรับเธอได้ยาก โดยเฉพาะความลับของพวกเขาที่เป็นแวมไพร์
เอ็ดเวิร์ดลงท้ายจดหมายด้วยคำว่า “มนุษย์ทำให้เราประหลาดใจได้เสมอ” เชดริกนั้นอยากที่จะโยนจดหมายฉบับนี้ลงไปในกองไฟเมื่อเขาได้อ่านมันจบ
เชดริกนั้นครุ่นคิดอย่างหนักถึงสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดกล่าว ในหัวของเขานั้นเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับเธอ
เขารักเธอได้ไหม?
. มันเป็นไปได้ไหมที่เขาจะรักมนุษย์ เพราะมนุษย์ที่เขาเคยรู้จัก
มาล้วนแต่ชราตามกาลเวลาและในที่สุดก็ตายลง ซึ่งเขาก็ไม่สามารถจะรู้สึกเสียใจในการจากไปของ
พวกเขาเหล่านั้นได้เพราะเขารู้ดีว่าคงไม่มีมนุษย์คนไหนอายุยืนไปกว่าแวมไพร์แน่นอน
พ่อแม่ของเขานั้นมักจะโยนความรักของแวมไพร์ทิ้งไป เพราะพวกเค้ารู้ว่าเชดริกคงจะไป
สัมผัสถึงมันหรือแม้แต่ต้องการจะให้เขาสัมผัสถึง
เอ็ดเวิร์ดนั้นเป็นคนเดียวที่สามารถแยกตัวออกมาและอยู่ใกล้ชิดมนุษย์ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าเธอจะต้องแก่ไปตามกาลเวลา และสักวันหนึ่งเธอจะต้องตายระหว่างที่เขายังคงแข็งแรงอยู่
เชดริกนั้นหยุดคิดเมื่อรู้ตัวว่าเขาเดินมายังห้องสมุดโดยแทบจะไม่รู้ตัวและกำลังมองดูเฮอร์ไมโอนี่หยิบหนังสือลงมาจากชั้นวางหนังสือ
สักวันเฮอร์ไมโอนี่ต้องแก่ เธอจะต้องเจ็บป่วย และในที่สุดก็ต้องตาย ซึ่งเขาไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดยั้งสิ่งนั้นได้ โดยเขานั้นหวังที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาได้ไหม ทั้งๆที่ตัวเขา
เองยังไม่สามารถไว้ใจตัวเองได้เมื่อต้องอยู่ใกล้ๆเธอ
ไม่
.. เขาไม่สามารถหรือแม้แต่จะรักเธอได้
เชดริกหลบไปด้านอื่น เมื่อเฮอร์มโอนี่กวาดสายตามองรอบๆตัวเธอ เพราะเธอรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนจ้องมองเธออยู่ จากนั้นเธอจึงเดินกลับไปที่โต๊ะ
เซดริกยังคงเฝ้ามองเธอที่ทำตัวเหมือนพ่อมดและแม่มดคนอื่นๆ ซึ่งมากกว่าที่มนุษย์ทั่วไปสามารถจะใช้ชีวิตอย่างนั้นได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ตาย
เขาถอนหายใจก่อนจะพิงหัวลงชั้นวางหนังสือ โดยเขาสาปแช่งและขอบคุณสก็อตที่ทำให้เขาคิดถึงเรื่องนี้
มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ความรู้สึกเขาอ่อนแอ เขารู้ว่าเขาตกหลุมรักเธอ ซึ่งตอนนี้เขารู้แล้วว่า
หากหัวใจเขาจะเต้นอีกครั้งมันจะเต้นเพื่อเธอ
เช็คดริกตัดสินใจที่จะเลิกคิดถึงเธอ เขาก็ต้องหันศรีษะกลับไปแทบจะในทันทีเมื่อได้ยินความคิดอันดังของ วิกเตอร์ ครัม ซึ่งครัมในตอนนี้ยืนอยู่ต่อหน้าเฮอร์ไมโอนี่ เชดริกนั้นอยากจะเผาสมองของครัม เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเธออีก ถึงแม้ว่าเซดริกจะตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งกับเธอเท่านั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ตัวเขาชอบความคิดที่คนอื่นมาอยู่ใกล้ๆ เธอ
เชดริกนั้นถูกแปลงสภาพเมื่ออายุ 17 ปี ซึ่งแม้ว่าเขาจะได้ประสบการณ์ในการใช้ชีวิตทั้งสองอย่างแต่ความเป็นเด็กก็ยังคงมีอยู่ในตัวเขา
“เฮอร์-มาย-โอ้-นีส” เสียงของครัมบาดใจเชดริกเหมือนมีดร้อนๆ ซึ่งเขาคงจะไม่ร้อนรนหากเขาไม่ได้ยินความคิดของครัมในตอนนี้
“เธอไม่ปฏิเสธฉันแน่” เชดริกกัดฟันตัวเองไว้แน่นเพื่อไม่ให้คำรามออกมาเมื่อเขาได้ยินความคิดของครัม แต่เซดริกก็ยังระบายความร้อนรุมของตัวเองกับหนังสือเล่มใหญ่ที่ถูกวางกระแทกอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง เและเฝ้ามองดูพวกเขาที่สะดุ้งตกใจกับเสียงที่เซดริกแกล้งทำแต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความสนใจมากพอที่จะมองหาที่มาของเสียงนั้น
“คะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและสุภาพ เชดริกรู้สึกหมั่นไส้กับน้ำเสียงห้าวของครัมที่เอยชื่อหญิงสาวออกมา ซึ่งครัมก็เรียกชื่อเธอได้ถูกต้อง แม่ไม่ค่อยได้ใช้มันเท่าไหร่
“ผมสงสัยว่าคุณจะ.......” ครับพูดอะไรไม่ออก เพราะเชดริกเดินมายืนอยู่ข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่
และจ้องมองครัมอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ครัมรู้สึกตกใจเล็กน้อยกับสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มเบื้องหน้า
“เกรนเจอร์ ฉันเจอหนังสือ” เชดริกกล่าว พร้อมทั้งลงไปนั่งเก้าอี้ข้างๆเธอ ดวงตาเซดริกนั้นกลายเป็นสีค่อนข้างเข้มโดยเขายังคงจ้องมองดูอยู่แต่ผู้บุกรุกรายนี้เท่านั้น
“ดิกกอรี่ฉันไม่รู้มาก่อนว่านาย...” ครัมเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก
“ว่าฉันกับเกรนเจอร์กำลังทบทวนตำรากันอยู่เหรอ ไม่น่าสงสัยหรอก ฉันแค่หายไป
แว๊บเดียวเพื่อไปหยิบหนังสือ” เชดริกหยิบหนังสือออกมาเพื่อพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาจริง โดยที่เชดริกไม่ต้องหันไปมองเขาก็รู้สึกได้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความโกรธ แต่เธอไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มหวานให้กับครัม
“ต้องการถามอะไรฉันเหรอ วิคเตอร์” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างเอาใจใส่ โดยไม่สนใจท่าทางของเชดริกหลังจากที่ครัมเอาไหล่มาเกยเชดริกและด่าทอในใจ
“คงไม่มีอะไรมากนอกจากงานเต้นรำน่ะสิครับ
. เกรนเจอร์ตกลงที่จะไปกันผมแล้ว และ
ผมก็ไม่ชอบที่จะให้ใครมาคิดเกี่ยวกับการที่เธอจะมีคู่เดทสองคน” เชดริกกล่าวพยายามทำท่าว่า
ภูมิใจ แต่ในใจรู้สึกเป็นทุกข์ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมันอีกเลย หลังจากที่ได้เห็นหน้าซังกะตายของครัมอย่างสะใจแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่หันมามองเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยท่าทางที่ว่า “จะพูดหรือตะโกนใส่ทีหลัง”เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว
“เข้าใจละ ฉะนั้นฉันคงต้องหาคู่เดทคนอื่น” ครัมกล่าวก่อนที่จะก้มลงเล็กน้อยให้เฮอร์ไมโอนี่ และเดินออกไปจากห้องสมุดโดยก่อนที่จะมองกลับมาที่เชดริกที่ดูไม่มีท่าทางอวดดีเหมือนเคย
ภายหลังที่ได้อยู่กันตามลำพัง เชดริกรู้สึกว่าเฮอร์ไมโอนี่ หันมาทางเขาแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่าการหัวเราะเพราะรู้สึกว่าเธอมองมาที่เขาด้วยแววตาร้อนผ่าว เขาหันไปหาเธอด้วยท่าทางอวดดี ในขณะที่เธอกลับทำอาการฉุนเฉียวใส่เขา ซึ่งหากเป็นคนปรกติคงจะกลัวกับอาการของเธอ แต่ในเมื่อเขารอดพ้นจากมังกรมาได้ คงไม่มีอะไรที่เธอพ่นออกมาแล้วเขาจะหลบมันไม่ได้
“หยาบคาย
เห็นแก่ตัว
โง่เขลา”เฮอร์ไมโอนี่ด่าทออย่างสุดจะกลั้น
“แวมไพร์” เชดริกกระซิบและยื่นหน้าเกือยใกล่เธอ ซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่หยุดและหน้าซีดด้วยคำพูดและท่าทางของเขา
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัวเบาๆอย่างระอา ก่อนที่จะหยิบหนังสือของเธอและจะเดินออกไป แต่เชดริกกลับเอื้อมมือของเขาเพื่อหยุดยั้งมือเธอ เขาใช้ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนจะสัมผัสถึงอาการเกร็งและการหดมือของเธอเพราะมือที่เย็นเยียบของเขาก่อนจะหดมือกลับมา
“เกรนเจอร์ฉันไม่ได้คิดที่จะทำร้ายเธอหรือทำให้เธอกลัว
สก๊อตบอกทุกอย่างที่เธอค้นพบมาให้ฉันฟังแล้ว” เชดริกเอ่ยก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะสูดหายใจเฮือกใหญ่แต่ยังปฏิเสธที่จะมองเขา เช็คดริกถอนหายใจก่อนที่จะเอนตัวพิงเก้าอี้และกอดอกมองดูเธอ
“ฉันแค่อยากจะขอบคุณ” เขาพึมพำไม่มีความอวดดีอยู่ในตัวเขาอีกแล้ว ระหว่างที่เธอจ้องมองเขาว่าขอบคุณเธอเรื่องอะไร
“ทำไม” เธอถามอย่างเย็นชา ดวงตาจ้องมองไปในตาเขาเพื่อจะค้นหาความจริง
“มันคงจะไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ เมื่อรู้ว่าเพื่อนนักเรียนเป็นแวมไพร์หรือมนุษย์หมาป่าใช่ไหม เกรนเจอร์”เชดริกกระซิบดังเพียงพอให้เธอได้ยินเพียงคนเดียว เธอหน้าแดงและผงกศรีษะ เขายิ้มให้เธอ
“ดังนั้น เธออ่านใจคนได้” เฮอร์ไมโอนี่ถามโดยเชดริกไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเธออาจจะสังเกตได้
เพราะเมื่อเธอมองเขาทำสีหน้าตกใจเธอกลับหัวเราะคิกคัก
“ฉัน
ใช่ ไม่ใช่จิตใจแต่ความคิดที่ฉันสามารถได้ยิน จริงๆ มันไม่เสมอไปหรอก เธอเข้าใจไหม ฉันให้เกียรติพวกเขา โดยจะม่พยายามอ่านความคิดของคนอื่นถ้าไม่จำเป็น” เชดริกกล่าว เฮอร์ไมโอนี่ผงกศรีษะ ก่อนที่จะนั่งลงที่โต๊ะข้างหน้าเธอ
“แต่แปลกนะ ที่ฉันไม่สามารถรับรู้ความคิดเธอได้” เชดริกกล่าวโดยจ้องมองที่พื้นจากนั้นไม่นานเชดริกมองขึ้นมาก็เจอดวงตากลมโตสีน้ำตาลของเธอจ้องมองเขาอยู่ก่อนล้ว
“ทำไม” เธอถามอีกครั้งด้วยความสงสัย
“ไม่รู้สิ ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับฉันเพราะมันไม่เคยเกิด”
เชดริกกล่าวโดยหน้าผากเธอย่นและริมฝีปากล่างอยู่ระหว่างฟันเธอ
“อะไรนะ” เธอถามอย่างแปลกใจ ทำให้เขายักไหล่ และจ้องมองที่หนังสือก่อนจะเบนหน้าหนี เพราะคำว่า “หัวใจที่โดนสาป”
“ไม่มีอะไร เธอไม่ชอบที่จะไม่ได้รับคำตอบหรือไง เซ้าซี้อยู่ได้” เชดริกแกล้งว่าเธอ ระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะและส่ายหัวไปมาอย่างเขินอาย
ผมที่ถูกรัดไว้บางส่วนหล่นลงมาอยู่ปรกแก้มเธอ ทำให้เซดริกเอื้อมมือจับปอยผมของเธอขึ้นมาทัดหูไว้ เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง ก่อนจะหลุบตาลงต่ำและใบหน้าแดงจัดด้วยความเขินอายที่จู่โจมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่เซดริกจะตั้งสติได้อีกครั้ง เขาก็ได้แต่เอาจ้องมองที่ดวงตาของเธอ เขาพบกับความสับสน ความกลัวและความประหม่าในดวงตานั้นของเธอ ซึ่งเชดริกนั้นสงสัยว่ามันเป็นเพราะว่าในสิ่งที่เขาเป็นหรือสิ่งที่เขาทำกันแน่ แต่อาการหน้าแดงของเธอก็พิสูจน์ได้ว่ามันไม่ใช่ที่ตัวตนของเขา และวิธีที่เธอมองมาที่เขานั่นมันทำให้เขาเขินอายขึ้นมาบ้างแล้ว
เชดริกแสร้งทำท่าทางอวดดีเพื่อกลบความเขินอายของเขา ก่อนที่เขาจะเอนหลัง เขายังคงยิ้มให้เธอเมื่อเธอมองมาที่เขา
“เธอปลอดภัยจากพวกบรรดาหนุ่มๆนั้นแล้ว ฉันว่าฉันไปตามหาสก็อตดีกว่า เจ้านั่น
ค่อนข้างงอแง ถ้าแม่ไม่พาไปเดินเล่น “เชดริกพูดติดตลกทำให้เธอหัวเราะกับสิ่งที่เขากล่าว
“บอกพอตเตอร์ด้วย ฉันหวังว่าจะเจอเขาที่นี่คืนพรุ่งนี้ ถ้าเขาต้องการจะรู้ว่าจะทำยังไงกับไข่มังกรของเขา” เชดริกกล่าวโดยเธอมองเขาด้วยความฉงน ก่อนที่จะเอาตัวเองออกจากอาการฉงน และพยักหน้าตกลง
“และเธอก็ควรจะหาชุดใส่สำหรับงานเต้นรำได้แล้วนะ”เชดริกสั่งพร้อมหัวเราะน้อยๆโดยเธอจ้องเขาด้วย อาการงงก่อนที่เขาจะยักคิ้วให้เธอ
“ถ้าแวมไพร์สามารถทำความสะอาดตัวเองให้เอี่ยมอ่องสำหรับงานเต้นรำได้ เธอก็ควรจะพา
เขาออกไปจากชีวิตที่น่าเวทนานี้ เพียงแค่คืนเดียวเกรนเจอร์” เชดริกทำเสียงอ้อนอย่างน่าสงสารก่อนจะเดินออกไปจากห้องสมุดโดยไม่แม้แต่จะรอคำตอบจากเธอ
บางทีมนุษย์ทำให้เราประหลาดใจ แต่เชดริกนั้นก็คิดบางอย่างออกเหมือนกันแม้แต่แวมไพร์เช่นเขาก็ทำให้ตัวเองประหลาดใจเช่นกัน เขายิ้มอยางมีตวามสุขและนึกถึงวันงานเต้นรำที่จะมีในเร็ววันนี้
ความคิดเห็น