ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic แปล harry potter / Strange and beautiful เซดีก/เฮอร์ไมโอ

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 : ชีวิตสู้ชีวิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 566
      4
      31 มี.ค. 54

    บทที่ 7   ชีวิตสู่ชีวิต...

    ค.ศ. 1528

    เธอยืนอยู่ที่หน้าต่างกำลังมองออกไป  ในขณะที่สะพานลดต่ำลงเพื่อให้ขบวนม้าเข้าสู่ปราสาท  เธอกัดริมฝีปากอย่างกระสับกระส่าย  และเม้มปลายผมซึ่งอลิซซาเบธเพิ่งถักผมให้  หัวใจของเธอเต้นแรงภายในอกราวกับกลอง  เธอพยายามจะมองผู้ที่ขี่ม้าเข้ามา  พยายามที่จะนึกว่าเขาคือใคร  แต่เขายังคงอยู่ไกลเกินกว่าจะเห็นใบหน้าอย่างชัดเจน

    “นายหญิงของข้า  โปรดออกห่างจากหน้าต่างเถอะ” อลิซซาเบธหนึ่งในสาวใช้ของเธอบอก

    “มันไม่ถูกต้องที่เขาจะเห็นท่านก่อนเข้าพิธีแต่งงาน”

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจเธอ  ยังคงจ้องออกไปที่นอกหน้าต่าง  เธอคิดว่ามันไร้สาระที่จะซ่อนตัวเองจากเขา  เขากำลังจะเป็นสามีของเธออีกไม่ถึง 1 ชั่วโมงนี้ พวกเขากำลังจะแต่งงานกัน   มันจะสำคัญอะไรที่จะเป็นตอนนี้ หรือในอีกชั่วโมงข้างหน้า      อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้จักผู้ที่ขี่ม้าเข้ามา   ธงสีเหลืองแห่งดิกกอรี่อาณาจักรที่อยู่ทางเหนือ ปลิวสะบัดด้วยแรงลม  ในขณะที่ทหารควบม้าเข้ามาในปราสาท  และไม่ถึงชั่วโมงนี้เฮอร์ไมโอนี่จะแต่งงานกับเจ้าชายของพวกเขา และ เธอต้องขี่ม้ากลับไปยังอาณาจักรดิกกอรี่ ซึ่งจะเป็นบ้านของเธอ  เป็นอาณาจักรของเธอ  เธอจะได้เป็นราชินีในวันหนึ่ง  ในขณะที่สามีของเธอจะเป็นราชา  มันถูกวางไว้แล้วตั้งแต่เธอเกิด  เธอได้ให้สัญญาไว้กับเจ้าชายเซดริกแห่งอาณาจักรดิกกอรี่ว่า จะมอบทั้งชีวิตของเธอให้แก่เขา   และวันนี้เป็นวันแต่งงานของคนทั้งสอง  มันเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้พบเขา  เช่นนี้มันจึงอธิบายได้ถึงความกระสับกระส่ายที่เธอเป็น

    “นายหญิงของข้าได้โปรด  มันไม่เหมาะสม” อลิซาเบธพูดอีกครั้ง  จับมือของเฮอร์ไมโอนี่ และชักนำเธอออกจากหน้าต่าง  เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาเศร้าสอยจากการมองสามีในอนาคตของเธอ  ถึงเวลาที่เธอจะต้องแต่งตัวแล้ว  เธอต้องดูสมบรูณ์แบบ  แม้ว่าเธอจะไม่เคยพบเขามาก่อนก็ตาม   เธอยังคงปรารถนาให้เขาประทับใจในตัวเธอ  เธอสงสัยว่าเขาจะคิดอย่างไรกับการจัดงานทั้งหมดนี้  เธออยากรู้ว่าเขาจะพอใจกับการที่เธอเติบโตขึ้นอย่างไร 

    มันเป็นหน้าที่ของเธอที่จะเป็นภรรยาที่ดี และสักวันหนึ่งจะเป็นราชินีเพื่อประชาชนของเขา  เป็นแม่ให้กับลูกของซึ่งจะเป็นทายาทสืบต่อไปของเขา  แม้ว่าเธอไม่อาจเลือกหนทางของตัวเองได้ แต่เธอหวังว่าเซดริกจะเป็นคนดี 

    มีผู้ชายมากมายข้างนอกที่ทำร้ายภรรยาของตัวเอง เธอทำได้เพียงภาวนาว่าเขาจะไม่ใช่ชายประเภทนั้น  แม้ว่ามันจะสายเกินไปแล้วที่จะเปลี่ยนแปลง

    หนึ่งชั่วโมงถัดไป และเฮอร์ไมโอนี่อาบน้ำและแต่งตัวในชุดสีขาว  ในขณะนี้ผู้เข้าร่วมในพิธีต่างรวมตัวกันในโบสถ์ขนาดเล็ก และรอคอยการมาของเจ้าสาว  เซดริกอยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวรัดเอวแบบชาวกรีกสีเหลืองและสวมถุงน่องยาว   เขาอยู่ที่แท่นชูชากับบาทหลวง  และกำลังรอคอยการมาของเจ้าสาวด้วยใจจดจ่อ  เขาแทบจะทนไม่ได้  เขาพร้อมแล้วที่จะเข้าพิธีแต่งงานนี้ และเมื่อพิธีเสร็จสิ้นเขาจะได้กลับไปยังอาณาจักรดิกกอรี่  เหตุผลเดียวที่เขาอยู่ที่นี่   เป็นเพราะหน้าที่ที่เขาจะต้องทำ  เขาไม่ต้องการแต่งงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนแปลกหน้า  แต่ในฐานะที่เป็นเจ้าชาย  มันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะสร้างทายาทที่คู่ควรต่อบรรลังก์    และเขาถูกหมายหมั้นไว้กับเจ้าหญิงเฮอร์ไมโอนี่แห่งเกรนเจอร์  ตั้งแต่ที่เธอเกิด 15 ปีก่อนหน้านี้ 

    ผู้คนที่รวมตัวกันในโบสถ์ส่งเสียงกระซิบกระซาบ  และเซดริกหันหน้าไป เขาพบว่าในที่สุดเธอก็มาถึง เขาหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อเห็นเธอครั้งแรก  เธอสวมเสื้อคลุมสีขาว และถือช่อดอกไม้ป่าสีเหลืองตรงหน้าเธอ  มันเป็นสีเหลืองแคนนาลี่ และสีดำซึ่งเป็นสีประจำอาณาจักรดิกกอรี่ และ เขา รู้ว่าดอกไม้ที่เธอถืออยู่  คือ สัญญาณที่ทำขึ้นเพื่อเขา  เธอสวมผ้าคลุมหน้าแต่เขายังคงเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างสมบรูณ์แบบ  ดวงตาสีน้ำตาลลึก  ผิวเนียนไร้ที่ติ  กระที่อยู่บนดั้งจมูกของเธอ  ผมเป็นลอนยาวหนาของเธอถูกรวบไว้ด้านหลังเป็นปมเผยให้เห็นคอที่เป็นระหงส์ของเธอ  

    เขามองไปที่คอของเธอ  เซดริกรู้สึกราวกับว่าเขาได้สัมผัส และเคยจูบมันมาก่อน  แม้เขาจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้   นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองเธอ  แต่ถึงกระนั้นเขาไม่อาจขจัดความรู้สึกออกไปได้  มันเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นเธอมาก่อน

    เฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามทางเดิน และ ไม่มองใครอื่น  ในชั่วขณะนี้เธอจับจ้องไปที่เซดริก  เธอไม่ได้สังเกตเห็นพระบิดา หรือ พระมารดา หรือ ทหารของเซดริกเลย  เธอเห็นแค่เซดริกคนเดียวเท่านั้น  ชายที่อีกแค่ไม่กี่คำพูดจากนี้จะกลายเป็นสามีของเธอ  สำหรับเธอเขาดูคุ้นเคยมาก  เธอมีความรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมองเข้าไปในดวงตาสีเทาของเขา

    ในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้แท่นบูชาที่เขายืนอยู่  เขายื่นมือออกมาให้เธอเพื่อรับเธอ  และเธอยิ้มจางๆครั้งหนึ่ง  มือของเธอวางอยู่บนมือของเขา  นิ้วมือของเขาเกาะกุมนิ้วมือของเธอ  แสงสีขาวจ้าจนมองไม่เห็นวาบขึ้นตรงตาของเฮอร์ไมโอนี่  ในทันทีที่พวกเขาสัมผัสกัน เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังล้มหงายหลังหมดสติไป   เธอเปิดปากกรีดร้อง แต่มันไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว  แสงสีขาวค่อยๆหายไปในม่านหมอกสีเทา  รู้ตัวอีกทีเธอก็กำลังจ้องเข้าไปในตัวตาของเซดริกแล้ว  

    “โอ้ใช่”  เธอยิ้มให้เขา  ในขณะที่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังคงหงายหลังอยู่  เธอเคยจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้นมาก่อน 

    ศาสตราจารย์มิเนอร์ว่า  มักกอลนากัล   ก้าวออกห่างจากเพนซิปของดัมเบิลเดอร์ก่อนที่ความทรงจำจะเล่นต่อไปให้เธอดูจนหมด   เธอหลับตาลง มือของเธอปิดอยู่ที่ปาก  เธอไม่อาจมองมันได้อีกต่อไป  เธอไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เห็น  ถ้าเธอไม่ได้เพิ่งดูเข้าไปในอ่างสีเงินเพื่อเห็นความทรงจำนั่น  ที่เล่นอยู่ตรงหน้าเธอ  อัลบัสพูดถูกมาตลอด  เซดริก ดิกกอรี่ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์  ถูกผูกจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน และ เป็นมาหลายศตวรรษแล้ว

    เธอหันหน้าช้าๆจ้องไปที่ชายชราที่กำลังนั่งลงในเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของเขา   เขาไม่ขยับเขยื้อน หรือ พูดอะไรเลย  เขาจ้องไปที่เธอในขณะที่เธอพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เธอเพิ่งได้เห็น  ลึกลงไปในความทรงจำของเขา  แน่นอน  ความทรงจำเหล่านั้นไม่ใช่ความทรงจำของเขาเอง  เขาไม่ได้เป็นพยานในช่วงชีวิตชาติภพในอดีตของเซดริก และเฮอร์ไมโอนี่

    คาถาพิเศษ คือการใช้เวทมนตร์ที่ทรงอำนาจดังกล่าวที่ดัมเบิลเดอร์สามารถสร้างการเชื่อมโยง และ สร้างช่องทางสื่อสาร   ความทรงจำที่เป็นของเซดริก และเฮอร์ไมโอนี่  ความทรงจำที่พวกเขาเริ่มรับรู้มากขึ้น  แต่ยังไม่สามารถควบคุมได้  ดัมเบิลเดอร์เก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้ในเพนซิปด้วยความหวังว่าจะเรียนรู้เกี่ยวกับสถานภาพของพวกเขาให้มากขึ้นกว่านี้

    คาถาผูกจิตวิญญาณระหว่างเซดริก ดิกกอรี่ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เป็นคาถาที่แข็งแกร่งมากที่สุดที่เขาเคยศึกษามา มันเป็นคาถาที่กินเวลามาหลายศตวรรษ  และหลังจากคัดเลือกผ่านหลายร้อยความทรงจำจากแต่ละความคิดของพวกเขา  ดัมเบิลเดอร์เรียกทั้งมิเนอร์ว่า และ โพโมน่า สเปราส์ มาที่ห้องทำงานของเขาเพื่อที่พวกเขาทั้งคู่จะได้มองเห็นมันเช่นกัน

    “เราจะทำยังไงดีล่ะทีนี้” มิเนอร์ว่าพ่นลมเบาๆ  เริ่มหนักใจมากขึ้นจากสิ่งที่เธอเพิ่งเห็น มันปรากฏในความคิดของเธอ   เธอเพิ่งเห็นคนสองคนที่เธอรูว่าเป็นเซดริก ดิกกอรี่ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์เมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว  ผูกจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน ท่ามกลางพิธีแต่งงาน  มันทำให้เธอกลัว 

    “เราไม่อาจแยกพวกเขาออกจากกัน”

    “ผมเกรงว่า...” อัลบัสถอนหายใจ  “ไม่ว่าเราจะแยกพวกเขาออกจากกันหรือไม่  แต่เรื่องราวของพวกเขาในชาตินี้จะจบลงแบบที่มันเคยเป็นเสมอ”

    น้ำตาหนึ่งหยดค่อยไหลลงจากแก้มของโพโมน่าอย่างช้าๆ  ในขณะที่เธอก้าวออกจากอ่างสีเงิน และหันกลับออกไปจากสิ่งที่เธอเพิ่งเห็น  เธอเคยเป็นเด็กสาวที่โง่เขลาที่คิดว่า การผูกจิตวิญญาณกับใครสักคนหนึ่งอาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องโรแมนติก  แต่สิ่งที่เธอพึ่งเห็นมันเป็นเรื่องน่าสลดใจไม่ใช่เรื่องน่าโรแมนติกเลย  ความรักควบคุมพวกเขาในทุกแนวทางชีวิตไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร  จิตวิญญาณ และหัวใจของพวกเขาถูกผูกเข้ากันไว้ตลอดกาล และความทรงจำที่เธอเพิ่งเห็นไม่มีสิ่งดีเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตในสถานะดังกล่าว

    เธอปรารถนาที่จะลบสิ่งที่เธอเห็นออกไป  เธอปรารถนาว่าสิ่งที่เธอเห็นมันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าความฝัน  และไม่ใช่ความทรงจำที่เกิดขึ้นจริงๆ  เธอไม่อาจเชื่อว่า นักเรียนฮอกวอตส์ของเธอเอง ทั้งสองคนจะมีพันธะดังกล่าว หรือไม่อาจจะเชื่อว่านักเรียนทั้งสองคนถูกผูกจิตวิญญาณไว้  และท้ายที่สุดเธอไม่อาจเชื่อว่าจะมีความทรงจำที่เธอเพิ่งได้เห็น

    “ต้องมีทาง” มิเนอร์ว่ากระซิบ  

    “ต้องมีคาถาที่จะทำลายพันธะนั้น  แน่นอนอัลบัสคุณต้องรู้บางสิ่ง”

    เธอรู้ดีว่าเธอเป็นคนแรกที่พิจารณาเรื่องทั้งหมดว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถเอาชนะได้ ทุกๆกรณีของคาถาผูกจิตวิญญาณที่เธอรู้จะไม่จบลงด้วยดีสำหรับคนสองคนที่เกี่ยวข้องกัน   คาถาผูกจิตวิญญาณเป็นคาถาหนึ่งที่ควบคุมความรักทั้งหมด และความรัก เป็นสิ่งที่ทรงอำนาจมากกว่าอารมณ์ใดๆทั้งหมด  มันเป็นพลังที่รุนแรง แม้แต่พ่อมดส่วนใหญ่ก็รับรู้ว่ามันสามารถผลักดันให้บุคคลคนหนึ่งเป็นสุขอย่างที่สุด หรือสิ้นหวังอย่างที่สุดได้   ความรักสามารถทำให้คนๆหนึ่งทำทุกสิ่งภายใต้การควบคุมของมัน  อันที่จริงแล้วความรักเป็นอะไรที่น่ากลัวที่จะต้องประสบพบเจอ เพราะมันไม่สามารถคาดการณ์ได้เลย  

    อย่างไรก็ตามมีอยู่ไม่กี่สิ่งที่เวทมนตร์ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่มันต้องมีหนทางบ้างสักครั้งสิ  ตลอดระยะเวลาของประวัติศาสตร์ต้องมีหนึ่งกรณี ใครสักคนที่ทำลายคาถาผูกจิตวิญญาณได้  แยกการเชื่อมโยงระหว่างหัวใจสองดวงที่ผูกเข้าด้วยกัน  และมันต้องแก้ไขได้ไม่ว่าวิธีใดก็ตาม

    “ต้องมีทาง” มิเนอร์ว่าทวนคำ  พยายามย้ำตัวเองมากกว่าพูดกับคนอื่น 

    “เราไม่อาจปล่อยให้พวกเขาตายอัลบัส  เราไม่อาจ.....” 

     ........................................................................................

    “เฮอร์ไมโอนี่ให้ฉันดูซิ!  รอนส่งเสียงขู่จากโต๊ะอีกข้างที่พวกเขานั่งอยู่ในห้องสมุด  ผลักหนังสือของเขาออกไป  ความพยายามที่จะดูชื้นส่วนของกระดาษหนังที่เพื่อนรักของเขากำลังรีบเร่งเขียนด้วยลายมือหวัดๆลงไป

    เธอส่ายหัว  “ให้ตายเถอะโรนัลด์ ทำไมนายกับแฮร์รี่ไม่พยายามทำงานของตัวเองสักครั้งล่ะ”

    “เราอยู่ที่นี่หลังจากอาหารเย็น” รอนแย้ง 

    “เห็นได้ชัดว่าเราพยายามแล้ว  แต่ตอนนี้เราต้องการความพยายามจากเธอ  ได้โปรดช่วยเราด้วย!” เขาพูดต่อด้วยอาการตกใจ

    การเปลี่ยนร่างไม่ใช่วิชาโปรดของรอน และไม่ใช่วิชาที่เขาทำได้ดีที่สุด   ทุกๆคืนตามปกติแล้ว เขาจะมองหาความช่วยเหลือจากเฮอร์ไมโอนี่  โดยปกติแล้วเธอจะทำโดยปราศจากการกอดอก  อย่างไรก็ตามเขาไม่แม้แต่หวังว่าเธอจะยอมให้เขาลอกงานเธออีก  เขารู้มันมามานานแล้ว  เมื่อขอความช่วยเหลือจากเฮอร์ไมโอนี่  เธอหวังให้เขาทำงานด้วยตัวเอง และเขาก็ทำเช่นนั้นแต่มันก็ไม่ช่วยให้เขาหยุดบ่น  และทั้งนี้เพื่อให้งานของเขาเสร็จ  เขาต้องการให้เธอช่วย 

    “เธอกำลังเขียนอะไรเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถาม  จากเก้าอี้ที่เขานั่งข้างรอน เขาโน้มตัวพยายามที่จะมอง  แต่เฮอร์ไมโอนี่พยายามมองสิ่งที่เธอเขียน  ไม่ว่าเธอกำลังเขียนอะไรอยู่  เธอเขียนมันโดยเร็วอย่างไม่น่าเป็นไปได้  รอนและแฮร์รี่มองในขณะที่มือของเธอ  บินว่อนอยู่เหนือกระดาษ  เขียนลำดับของคำไปอย่างรวดเร็ว  มือของเธอเกือบจะดูเหมือน การเคลื่อนไหวรางเลือน  เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นเพื่อมองพวกเขา  แต่มือของเธอยังคงเขียนต่อไปราวกับว่าเธอไม่อาจจะควบคุมแขนของเธอได้

    รอน และ แฮร์รี่จ้องไปที่เธอก่อนจะมองกลับลงไปที่มือที่ยังคงเขียนอยู่ของเธอ  มันหยุด และ ปากกาตกลงจากมือของเธอทันที ดูเหมือนว่าเฮอร์ไมโอนี่กลัวที่จะมองลงไปในสิ่งที่เธอเพิ่งเขียน และเห็นมันจริงๆ แต่เธอมุ่งมั่นที่จะมองลงไป  รอนและแฮร์รี่มองเช่นกัน และทั้งสามเริ่มสับสนกับสิ่งที่เขาเห็นอย่างแท้จริง

    “นั่นอะไร” รอนถาม 

    “นั่นคือ...” แฮร์รี่หันหัวเล็กน้อยเพื่อมองกระดาษหนังให้ชัดเจนขึ้น 

    “นั่นภาษาลาตินใช่ไหม” เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อมองไปที่เพื่อนของเขา 

    “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอรู้จักภาษาลาติน”

    ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เอ่อล้นและเต็มไปด้วยน้ำตา  ในขณะที่เธอจ้องลงไปในสิ่งที่เธอเพิ่งเขียน  ราวกับว่าเธอเขียนมันมาตลอดชีวิตของเธอ  เธอส่ายหัว  ผมของเธอตกลงมาสู่ใบหน้า  

    “ฉันไม่รู้”  เธอกระซิบ มือของเธอเริ่มสั่น  ในขณะที่เธอผลักกระดาษหนังออกจากตัวเธอ และเธอลุกขึ้นจากโต๊ะ  เธอพยายามไม่มองไปที่มัน แต่เธอไม่อาจทำเช่นนั้นได้ 

    การมองไปยังสิ่งที่เธอเขียนมันทำให้เธอหงุดหงิด  รอนรู้ในทันที เขาเอื้อมมือออกไป และค่อยๆดึงแผ่นกระดาษหนังข้ามโต๊ะมายังตัวเขา  พับมันและยัดมันลงในหนังสือเล่มหนึ่งของเขา  แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ยังคงจ้องมองลงไปที่โต๊ะที่กระดาษหนังเคยอยู่  น้ำตาไหลลงอาบแก้มของเธอ และ ในที่สุดเธอมองไปที่เพื่อนรักที่สุดทั้งสองคนของเธอ   พวกเขารู้จักเธอดีกว่าใคร หรือ ...    หรืออย่างน้อยนั่นเคยเป็นความจริง

    “ฉันต้องไปหาเซดริก” เธอกระซิบ  แต่เมื่อเธอเริ่มเก็บของ แฮร์รี่คว้าข้อมือเธอไว้

    “เฮอร์ไมโอนี่  เธอพูดกับเราได้นะ”  เขาพูดกับเธอราวกับว่า  เขากำลังเตือนสติเธอ

    เธอมองไปที่เขาและจากนั้นมองไปที่รอน  พวกเขาทั้งสามผ่านพ้นอะไรด้วยกันมามาก และเธอรู้ดีว่ามิตรภาพของพวกเขาจะไม่เลือนหายไป   แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเธอและเซดริก  เธอไม่อาจจะบอกพวกเขาได้

                  เธอจะเอาหนังสือให้พวกเขาดู และให้พวกเขาอ่านบทคาถาผูกจิตวิญญาณ และจากนั้นพวกเขาจะรู้  แต่เธอรู้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจ  พวกเขาจะไม่เข้าใจความเจ็บปวดที่เธอรู้สึก   เมื่อไรก็ตามที่เธออยู่ห่างจากเซดริก  ความปรารถนาอย่างที่สุดของเธอ   เธออยากเห็นเขา และอยู่ใกล้เขา  พวกเขาจะไม่เข้าใจความฝันหรือความสามารถในการอ่านเกือบจะทุกๆความคิดซึ่งกันและกัน   พวกเขาจะไม่เข้าใจรอยแผลเป็น หรือ แสงแวววาวสีแดงบนแขนของเธอ   เธอรักแฮร์รี่และรอนอย่างสุดซึ้ง   แต่เธอไม่อาจจะพูดกับพวกเขาได้  ไม่ว่าเธอต้องการจะเผยความลับมากเท่าไร

                  และแทนที่จะพูดกับพวกเขา  เธอกลับก้มลงไปที่โต๊ะและจูบแก้มของพวกเขาทั้งสองโดยเร็วก่อนจะคว้ากระเป๋าและรีบออกไปจากห้องสมุด  เธอเช็ดน้ำตาก่อนออกไป  อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้เจอกับเซดริกในเช้านั้น    แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ได้อย่างแน่ชัดว่าเซดริกอยู่ที่ไหน   เธอรู้สึกถึงเขาได้  เธอเร่งฝีเท้าและเริ่มวิ่งไปยังสนามควิดดิช  เธอต้องการพบเขา  เธอไม่ได้สัมผัสเขามาเกือบ 5 ชั่วโมงแล้ว และความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเธอมันไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป บางทีเขาอาจจะมีความคิดหรือรู้อะไรบางอย่าง ว่าทำไมเธอเพิ่งเขียนภาษาลาตินอย่างคล่องแคล่ว เธอหวังว่าเขาจะมีความคิดว่ามันหมายถึงอะไร    แม้ว่าเขาจะมีความคิดที่ว่างเปล่าเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดเช่นเดียวกับที่เธอเป็นก็ตาม 

     

    ค.ศ. 1529…..

                  “ข้าขอโทษ  นายท่าน” หมอหลวงบอกเซดริกเบาๆ  บริเวณทางเดินข้างนอกห้องนอนของเขาและ เฮอร์ไมโอนี่ 

                  “เธอสูญเสียเลือดมากเกินไป  ข้าทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้” เซดริกจ้องไปที่หมอหลวงชั่วครู่  ก่อนจะหันหน้าไปมองประตูที่ปิดอยู่  มันน่าจะเป็นวันที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตของพวกเขา  พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอ นับตั้งแต่วันที่เธอตั้งท้อง  พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น  และเธอกำลังจากเขาไปแล้ว  เขารู้สึกได้ถึงการจากไปช้าๆของเธอ และไม่ว่าหัวใจของเขา  จะซื่อสัตย์ต่อเธอมากแค่ไหน  เธอก็ยังคงค่อยจากไปอย่างเงียบๆ

                  เขาฝันถึงมัน  ทุกๆคืนตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา  เขาฝันถึงการตายของเธอ   แต่เขาโง่พอที่จะคิดว่าเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวและไร้สาระ  ไม่เคยมีสักเสี้ยววินาทีที่เขาคิดว่าเฮอร์ไมโอนี่จะตายหรือจากเขาไป   เขาและเธอเพิ่งพบกัน  เธอจะจากเขาไปได้อย่างไรกันล่ะ

                  โดยปราศจากคำพูดใดๆกับหมอหลวง  เซดริกผลักประตูเปิดออกและเดินเข้าไปในห้อง  ไฟโหมกระหน่ำในหัวใจเขา และห้องส่งกลิ่นคาวเลือด  เลือดของภรรยาของเขา  นางพยาบาลอยู่ที่นั่น  กำลังห่อหุ้มร่างทารกที่เกิดใหม่ด้วยผ้า  แต่เมื่อเห็นเซดริก เธอย่อตัวโดยเร็ว และรีบออกไปจากห้อง

                  เขาแทบจะไม่สังเกตเห็นอะไรเลยในขณะที่เขาค่อยๆเดินไปที่เตียงอย่างช้าๆ   เฮอร์ไมโอนี่กำลังนอนอยู่ตรงนั้น  ผ้าปูที่นอนที่เคยเป็นสีขาวตอนนี้กลายเป็นสีแดงเข้ม   ขาของเธอยังคงกางออก และโผล่ออกมานอกผ้าห่ม  ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ และท่อนล่างของเธอเต็มไปด้วยเลือด เธอตะแคงหัวบนหมอนและมองเขา  เริ่มร้องไห้  เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายจากไป  เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังล่องลอย  แสงแวววาวสีแดงบนแขนของพวกเขากำลังจางหายไป  เธอเอื้อมมือออกไปหาเขา และเขารับมันโดยไม่ลังเล

                  เซดริกปืนขึ้นไปบนเตียงโอบแขนของเขารอบตัวเธอ  กอดเธอไว้แน่นไม่ยอมให้เธอจากไปไหน  เขาเอนหัวลงบนไหล่ของเธอ  ฝังมันลงในคอด้านข้างของเธอ และเฮอร์ไมโอนี่ยกแขนโอบตัวเขาอย่างอ่อนแรง  เธอพยายามฝืนลืมตา  แต่มันเป็นความพยายามที่เธอกำลังจะพ่ายแพ้  เซดริกขยับมือของเขาไปที่หน้าอกของเธอ  วางมันบนหัวใจของเธอ  ทั้งคู่รู้สึกว่ามันกำลังเต้นช้าลง และจังหวะการเต้นกำลังจะหายไป 

                  เขายกหัวขึ้น และประกบริมฝีปากเธอไว้ เขาจูบเธออย่างลึกซึ้งและอย่างสิ้นหวัง   แน่นอน  มีบางสิ่งที่เขาจะทำได้เพื่อหยุดมัน  แต่มันสายเกินไปแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะตายและเซดริกรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเริ่มช้าลงไปกับเธอ   เขาปฎิเสธที่จะอยู่โดยปราศจากเธอ  ถ้าเธอกำลังจะตายเขาก็ควรตายเช่นกัน   เขาไม่กลัวความตาย  แต่เขากลัวว่า จะอยู่อย่างไรโดยไม่มีเธอมากกว่า

                  “ผมจะพบคุณอีกครั้ง” เซดริกกระซิบบอกเธอ  ริมฝีปากของเขาแทบจะไม่ขยับออกจากริมฝีปากของเธอเพื่อจะพูด เช่นนั้น  “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน  ผมจะพบคุณอีกครั้ง”

                  ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เปิดเป็นครั้งสุดท้ายมองไปที่ดวงตาสีเทาก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจครั้งสุดท้าย และเขารู้สึกถึงจิตวิญญาณของเธอ ว่าได้จากเขาไปแล้ว     เสียงลมพัดอย่างแรง เธอนอนแน่นิ่ง และแสงแวววาวสีแดงของแผลเป็นของเธอดับลง  น้ำตาไหลออกจากดวงตาของเซดริก  ในขณะที่เขากอดภรรยาของเขา คนรักของเขา  เขาเขย่าตัวเธอ  จูบผมและใบหน้าของเธอ  เขากอดเธอแนบแน่นไม่ยอมให้เธอจากไปอย่างเด็ดขาด   เขาเริ่มรู้สึกว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นช้าลงและเขารู้ดีว่าเขาจะตามเธอไปในไม่ช้า

                  เซดริกเอียงหัวลง และ จูบริมฝีปากเย็นเยียบของเฮอร์ไมโอนี่  เธอเริ่มตัวเย็นอย่างรวดเร็วและเขาพูด

                  “จนกว่าเราจะพบกันอีก...”  

                  เมื่อหมอหลวงเข้ามาในห้องอีก 5 นาทีต่อมา ทั้งเซดริกและเฮอร์ไมโอนี่ แห่งอาณาจักรดิกกอรี่ก็ได้ตายไปแล้ว    พวกเขานอนอยู่บนเตียง แขนของเซดริกโอบล้อมรอบร่างกายผู้ซึ่งเป็นภรรยา เมื่อมีการตรวจสอบร่างกายของเขา ก็ไม่พบบาดแผลหรือพิษภายในร่างกายแต่อย่างใด   พวกเขาไม่พบคำอธิบายว่าทำไม เจ้าชายถึงตายตามเจ้าสาวของเขาแทบจะในทันที

    ……………………………….

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×