ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry potter I never regretted that she lovers (เดร/เฮอร์)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7: ความลับที่ไม่เป็นความลับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      4
      10 พ.ค. 53

    Harry potter I never regretted that she lovers (เดร/เฮอร์)
     
    Chapter 7: ความลับที่ไม่เป็นความลับ
     
    หลังจากการล่มสลายของเจ้าแห่งศาสตร์มืด และพวกเขาได้ถูกมือปราบมารดำเนินคดีกับเหล่าบรรดาผู้เสพความตาย ลูเซียส มัลฟอย ก็ไม่เคยเข้ามาย่างกรายยังกระทรวงเวทมนต์อีกเลยเพราะรู้ว่าอาจจะมีคนจำนวนมากที่ไม่ชอบคนอย่างเขาให้มาป้วนเปี้ยนแถวนี้ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อ มาคัส เมอเร่รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์คนใหม่เข้ามารับตำแหน่งนี้ ดูแล้วยุคมืดที่แอบแฝงอย่างเงียบๆเริ่มจะกลับมาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างมาคัสและเหล่าผู้เสพความตายบางคน หนึ่งนั้นคือลูเซียส มัลฟอย แต่ทุกอย่างดูจะพ่ายแพ้ต่ออำนาจของความมั่งคั่งและบารมีของมาคัสที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ  แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีการต่อต้านอำนาจมืดเสียเลย การต่อต้านยังคงมีบ้างเป็นไปตามกฏเกณฑ์ที่กระทรวงมีบังคับ เพราะเหตุนี้ ตัวมาคัสเองก็ทำอะไรที่นอกลู่นอกทางไม่ได้เท่าที่ควรเช่นกัน อย่างน้อยๆคนของดับเบิลดอร์และพวกของอาเธอร์ วิสลี่ส์ก็ยังพอมีมากที่จะจับตาดูคนพวกนี้ทั้งพวกที่เป็นศัตรูแบบเปิดเผยและลับๆ
     
    ลูเซียสเดินตามชายวัยกลางคนที่เป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนคดีพิเศษซึ่งมีหน้าที่ด้านการตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยที่มารอรับเขาที่ห้องโถงของกระทรวงก่อนจะเชื้อเชิญลูเซียสขึ้นไปยังชั้นหนึ่งเพื่อไปยังห้องของท่านรัฐมนตรีมาคัส มีเจ้าหน้าที่มากหน้าหลายตาเดินเข้าๆออกๆตลอดเวลาไม่มีใครยิ้มแย้ม หรือทักทาย มีเพียงสายตาที่บ่งบอกถึงความกังขาจากคนหลายคน
     
    เขาพาลูเซียสเข้ามายังหน้าห้องของเลขาท่านรัฐมนตรี มีเสียงโต้เถียงดังขึ้นในห้องทำงานและดังลั่นออกมาถึงห้องโถงมีบางคนฟาดของบางอย่างลงบนโต๊ะเสียงดังสนั่น
     
    “มันมากไปแล้วที่นั่นเป็นโรงเรียนเวทมนต์นะจะมีใครเข้าออกเป็นว่าเล่นได้ยังไงกัน”
     
    ลูเซียส มัลฟอย ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรให้เห็นนอกจากความเรียบเฉยบนใบหน้าในขณะที่เจ้าหน้าที่สืบสวนคนนั้นหน้าแดงกว่าปกติ ในขณะนั้นบานประตูเปิดออกหญิงร่างสูงผมดำขลับก้าวออกมา
     
    “คุณฮัลโร”หญิงสาวคนนั้นยิ้มแหยๆให้เขา
     
    “ผมพาคุณลูเซียสมาแล้ว “เขาบอกพร้อมส่งสายตาไปทางห้องท่านรัฐมนตรีอย่างหวาดๆ
     
    “อ้อค่ะ คุณลูเซียส คงต้องรออีกสักพัก ดิฉันจะพาคุณไปยังห้องประชุมเล็กเพื่อพักผ่อนที่ห้องนั้นก่อนเมื่อท่านรัฐมนตรีว่างแล้วดิฉันถึงค่อยพาคุณมาพบท่านดีไหมค่ะ”ลูเซียสพยักหน้าให้น้อยๆและตามเลขาสาวออกไปจากห้องทำงานเดินไปยังห้องประชุมเล็กในขณะที่เขาเดินออกไปเขายังคงได้ยินเสียงโต้เถียงดังลั่นอยู่ต่อไป
     
    ลูเซียสนั่งคอยได้ไม่นานเมื่อเสียงฝีเท้าหนักๆแต่มั่นคงเดินตรงเข้ามายังภายในห้องประชุม ชายวัยต้นห้าสิบสูงปานกลางรูปร่างท้วมที่ลูเซียสจำได้เป็นอย่างดีเปิดเผยรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อได้เห็นเขา
     
    “ลูเซียส เพื่อนรัก”พวกเขาทั้งสองกอดทักทายกันอย่างสนิทสนม
     
    “ดีใจที่แกมาที่นี่ มานี่สิเรามาคุยกันในห้องดีกว่านะ” มาคัสบอกและเดินนำหน้าลูเซียสไปยังห้องทำงานส่วนตัวของขา
     
    ภายในห้องทำงานของรัฐมนตรีเวทมนต์คนใหม่ดูแตกต่างจากรัฐมนตรีคนเก่าอย่างเห็นได้ชัด รสนิยมชั้นเลิศของมาคัสแสดงออกมาจากการตกแต่งห้องที่ดูเรียบง่ายแต่ของตกแต่งแต่ละชิ้นล้วนมีค่าและวิจิตรตระการตาต่อผู้พบเห็น โซฟาแบบวิคตอเรียนสีน้ำตาลเข้มดูหรูหราอย่างมีไสตร์ตั้งอยู่กลางห้อง เหล้าชั้นดีและไวส์เลิศรสเรียงรายวางไว้อีกมุมห้องสำหรับต้อนรับแขกหรือบุคคลสำคัญที่มีเกียรติ ผนังห้องติดรูปวิวธรรมชาติที่เคลื่อนไหวได้ราวมีชีวิตตามแบบเวทมนต์ที่ร่ายคาถาอาไว้ ดูเก๋ไก๋และสบายตาสำหรับผู้รับชมทั้งหลาย
     
    “เป็นยังไงห้องทำงานของฉัน”มาคัสถามเมื่อสายตาช่างสังเกตุมองเห็นลูเซียสกำลังสอดส่ายสายตาพิจารณาห้องของตนเองอย่างชื่นชม ไม่ต้องกล่าวอะไรอีกแล้วมาคัสรู้ได้จากสีหน้าที่มักจะไร้ความรู้สึกของลูเซียสที่แสดงออกถึงความชื่นชม อย่างเปิดเผย
     
    จังหวะนั้นมาคัสตวัดไม้วิเศษไปที่บาร์เหล้าไม่กีอึดใจบาร์เหล้าเหมือนมีชีวิตแก้วทรงสูงสองใบที่คว่ำหน้าอยู่กระเด้งตัวพลิกหงาย ขวดไวส์ชั้นดีที่มีอยู่ค่อนขวดถูกเปิดออกจากมือที่มองไม่เห็นและอย่างช้าๆมันลอยขึ้นไปราวมีมือมาจับมันไว้ และรินใส่แก้วทั้งสองใบเรียบร้อยแล้ว ขวดไวส์จึงวางไว้ที่เดิมแก้วทั้งสองใบที่มีไวส์บรรจุไว้ ลอยมาอย่างช้าๆหยุดกึกที่หน้าลูเซียสเมื่อเขาคว้าไว้แก้วหนึ่งแก้วที่เหลือก็ลอยมาวางอย่างสงบตรงหน้ามาคัส
     
    “เยี่ยมมาก”ลูเซียสอุทานเบาๆอย่างพึงพอใจพลางจิบเครื่องดื่มของตัวเอง
     
    “การเป็นรัฐมนตรีมันค่อนข้างงานยุ่งและเหนื่อยฉันเลยต้องมีมุมโปรดเอาไว้ให้คลายเครียดสักหน่อย”มาคัสพูดพร้อมกับจิบไวส์อย่างช้าๆเพื่อดื่มด่ำกับรสชาติของมัน เขาหลับตาลงเพื่อพักผ่อนสายตาพลางถอนหายใจเพื่อไล่ความเหนื่อยอ่อนออกจากร่างกาย
     
    “ฉันรู้ได้เลย เห็นได้จากการโต้เถียงกันในห้องนี้ตอนที่ฉันมา”ลูเซียสกล่าวพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อยเหมือนเห็นเป็นเรื่องขบขัน มาคัสส่ายหน้าอย่างระอาพร้อมกับสบถออกมาเบาๆ
     
    “เจ้าพวกงั่ง”
     
    “บอกได้ไหม เรื่องลับหรือเปล่า”ลูเซียสพูดโดยไม่ได้ใส่ใจต่อคำตอบนัก เพราะเขาก็ไม่คิดว่ามาคัสจะบอกเรื่องงานของกระทรวงให้เขารู้ แต่ลูเซียสคาดผิด มาคัสเขม้นมองเขาก่อนจะสั่นหัวอย่งเงียบขรึม
     
    “ไม่หรอกไม่ใช่ความลับความจริงฉันจัดสรรเงินงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อเข้าไปบูรณะซ่อมแซมโรงเรียนฮ๊อกว๊อตส์ที่ถูกโจมตีเมื่อครั้งก่อน แต่พวกงี่เง่าไม่ยอมให้พวกเราเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับทางฮ๊อกว๊อตส์สักเท่าไหร่”
     
    ลูเซียสอมยิ้มเขาพอจะอ่านเกมส์ของมาคัสออกมาคัสต้องการเข้าไปในโรงเรียนมีจุดประสงค์เพื่อหาบางอย่างไม่ใช่เพื่อซ่อมแซมฮ๊อกว๊อตส์และเขาก็คิดว่าทางฝ่ายตรงข้ามก็คงจะดูออกเช่นกันถึงดัดค้านหัวชนฝาแบบนั้น
     
    เหมือนมาคัสจะรู้ว่าลูเซียสคิดอะไร เขาหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า
    “ฉันไม่ได้โง่ หรอกนะฉันรู้ว่าพวกเขาอ่านเกมส์ฉันออก “
     
    ลูเซียสมองดูเขาด้วยความสงสัย
     
    “ฉันเพียงแต่ลองประเมินกำลังของศัตรูฉันเท่านั้น”
     
    “แล้วเป็นไง”ลูเซียสถาม
     
    “มีอยู่สองสามคนที่ต่อต้านฉันอย่างเปิดเผยแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาฉันจะจัดการพวกเขาที่หลังเมื่อทุกอย่างพร้อม ”ลูเซียสพยักหน้ารับเขาดูมาคัสผิดไปดูท่าความเฉลียวฉลาดกึ่งๆเจ้าเล่ร์ของมาคัสได้รับมรดกตกทอดจากมาดามมากาเร็ตแม่ของมาคัสอย่างเห็นได้ชัด
     
    “เด็กๆเหล่านั้นคงเดินทางเข้าไปแล้วสินะ”มาคัสถามดูท่าให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษจากอาการที่โน้มตัวมาข้างหน้าเหมือนต้องการคำตอบยืนยันจากลูเซียส
     
    “โอ้วใช่ ฉันมาก็พราะเหตุนี้แหละ  มาคัส”ลูเซียสวางแก้วไวส์ลง แล้วเริ่มบทสนทนาอย่างจริงจัง มาคัสหัวเราะอย่างร่าเริง
     
    “ดีมากลูเซียส ที่นี่ก็เพียงแต่รอฟังข่าวดีที่จะตามมาเท่านั้น”
     
    “นายคิดว่าเราจะทำสำเร็จหรือเปล่า”คำถามของลูเซียสจุดรอยยิ้มของเขาขึ้นมาทันที
     
    “แน่นอน นายไม่ต้องห่วงลูเซียส เพียงแค่ทำตามแผนการ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”
     
    “ฉันก็หวังไว้อย่างนั้น “ลูเซียสรับคำและรู้สึกกังวลอย่างเห็นได้ชัดในสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำในต่อไปนี้
     
    “แล้วเราจะกลับมายิ่งใหญ่ลูเซียส จะไม่มีใครขวางทางพวกเราได้อีก ฉันมั่นใจ”มาคัสกล่าวหนักแน่นลูเซียสพยักหน้าราวกับจะคิดเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะได้ยินแบบนี้ เขายังคงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหลุดปากถามคำถามที่เพิ่งผุดขึ้นมาในใจ
     
    “มีเรื่องหนึ่งฉันอยากถามเพื่อให้มั่นใจกับการเสี่ยงในครั้งนี้”
    พวกเขาสบสายตากัน มาคัสพยักหน้าทำท่าเหมือนจะเข้าใจ เขาคิดอยู่อึดใจก่อนจะพูดต่อ
     
    “ก็ได้อยากรู้อะไรล่ะ”
     
    “ทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวเด็กคนนั้น”ลูเซียสไม่เสียเวลาเกริ่นเรื่องเขาถามอย่างตรงไปตรงมา มาคัสผงกหัวและเอนตัวกลับพนักพิงพลางวางมือประสานกันบนพุงรอยยิ้มของเขาดูเครียดเล็กน้อย
     
    “นายรู้จักพวกมูทาอิบหรือเปล่า พ่อมดมูทาอิบน่ะ””
     
    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
     
    เกือบจะหนึ่งอาทิตย์แล้วที่แฮร์รี่ยังคงนอนอยู่ห้องพยาบาลทั้งๆที่ดูเขาเองแข็งแรงดีแล้วก็ตามแต่มาดามพอมฟรีย์เองกลับขอให้เขาอยู่ต่ออีกนิดเพื่อความแน่ใจ มีคนเข้าออกไปเยี่ยมแฮร์รี่ไม่ขาดสาย อย่างน้อยแฮร์รี่ก็เป็นคนดังในฐานะที่เป็นคนทำลายเจ้าแห่งศาสตร์มืดได้ ในจำนวนหลายๆวันที่ผ่านมามีรอนและเฮอร์ไมโอนี่ที่มาเยี่ยมเขาทุกวันซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดกว่าใคร น่าแปลกที่จินนี่มาเยี่ยมเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ในตอนนี้แฮร์รี่คิดอยู่เสมอว่าระหว่างเขากับจินนี่เหมือนมีไอหมอกสีเทากั้นระหว่างเขากับเธอและมันยิ่งทำให้พวกเขาห่างกันมากยิ่งกว่าเคย และเขาก็ไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่ต้องเป็นแบบนี้
     
    ในช่วงหนึ่งอาทิตย์ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนของแฮร์รี่เท่าไหร่ แต่มันกลับทำความลำบากให้เฮอร์ไมโอนี่เพราะทุกวันหลังเลิกเรียนเป็นอย่างน้อยสองชั่วโมงที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องหอบตำราเรียนมาพร้อมกับรอนเพื่อมาช่วยติวแฮร์รี่และเอาการบ้านแทบทุกวิชามาให้เขาทำ
     
    เฮอร์ไมโอนี่ยินดีที่จะช่วยเพื่อนเธอเสมอทั้งๆที่เธอเองเหน็ดเหนื่อยกับการเรียนและการเป็นพรีเฟ็ครวมทั้งการที่ต้องหลบเลี่ยงพี่น้องมัลฟอยอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เดรโก มัลฟอยที่พยายามจะหาเรื่องเธอเสมอไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม แต่ยังดีที่เธอมีรอน ที่คอยตอบโต้แทนให้ตลอดเวลาซึ่งเธอสังเกคุได้ว่ามันกลับสร้างความหงุดหงิดให้เดรโกมากกว่าเดิมเมื่อรอนคอยออกหน้าแทนเธอ
    เฮอร์ไมโอนี่อดแปลกใจไม่ได้กับการแสดงการคุกคามของเดรโกที่มีต่อเธอ ปกติแล้วตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีหกเดรโก ไม่ค่อยจะมาต่อปากต่อคำกับเลือดสีโคลนอย่างเธอมากเท่ากับการหาเรื่องแฮร์รี่แต่ปีนี้ เขากลับพยายามที่จะหาเรื่องเธอตั้งแต่ต้นเทอมและมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ระอากับพฤติกรรมของเขาเต็มทีเฮอร์ไมโอนี่พยายามอย่างที่สุดก็คือการหลบเลี่ยงเขาทุกวิถีทาง
     
    ตอนเช้ารอนแวะมาบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่าวันนี้เป็นวันที่แฮร์รี่จะออกจากห้องพยาบาลและพวกเขาจะไปรับแฮร์รี่พร้อมกันในตอนเที่ยง ก่อนเที่ยงเฮอร์ไมโอนี่มีคาบว่างดังนั้นเธอจึงถูกขอร้องจากแคทเธอลีนช่วยหาหนังสือเพื่อทำรายงานในหัวข้อเรื่องพ่อมดแม่มดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็รับปากเธอว่าจะช่วยเธอทำรายงานชิ้นนี้อีกแรง
     
    เฮอร์ไมโอนี่ไล่นิ้วมือไปตามสันปกหนังสือในโซนพ่อมดแห่งศาสตร์มืดเพื่อหาข้อมูลของพ่อมดที่แคทลีนตั้งใจจะทำพลางถามอย่างสงสัย
     
    “ทำไมเธอถึงอยากทำรายงานเรื่องพ่อมดมูทาอิบล่ะแคทเธอลีน”
     
    แคทเธอลีนที่อยู่อีกช่องของชั้นหนังสือถัดไปชะโงกหน้าตอบ
    “ฉันว่ามันน่าสนใจดีนะเฮอร์ไมโอนี่เขาดูลึกลับดีออกอีกอย่างฉันอยากรู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงแตกคอกับผู้นำสลิธลีนน่ะ”
     
    “ที่ฉันพอจะรู้เขาเป็นพ่อมดแห่งศาสตร์มืดนะแล้วอีกอย่างข้อมูลของเขาก็หายากสุดๆ”
     
    “ก็เพราะอย่างงี้แหละฉันจึงขอความช่วยเหลือจากเธอไง”
     
    เฮอร์ไมโอนี่หันหน้ามาทำหน้าย่นให้แคทเธอลีนแล้วเป่าลมออกจากปากแผ่วเบา
    “ด้วยความยินดี แต่ฉันหามาหลายชั่วโมงแล้วเพิ่งหามาได้สองเล่มเองน่ะ เธอหาได้กี่เล่ม”
     
    แคทเธอลีนยักไหล่ “ไม่ได้สักกะเล่ม”
     
    เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าแล้วถือหนังสือที่หาได้เดินกลับมาที่โต๊ะของพวกเธอและกางมันออกมาดู
    “งั้นเราก็มาดูกัน...”
     
    แต่ก่อนที่พวกเธอทั้งสองจะทันได้ดูข้อมูลที่มีเหลือน้อยนิดของมูทาอิบเสียงโหวกเหวกของรอน วิสลี่ส์แทบจะทำให้สองสาวอยากหาอะไรหนักๆปาใส่หัวเขาเสียเดี๊ยวนั้น
     
    “เฮ้ รอน เบาสิ มาดามพินซ์ก็ได้เตะออกนอกห้องสมุดหรอก “
    เหมือนรอนจะรู้ตัวเขาทำคอย่นและหันไปมองรอบๆเมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีจึงรีบตรงมาหาพวกสาวๆ
     
    “ขอโทษฉันลืมไป เฮอร์ไมโอนี่ได้เวลาแล้วนะเราไปรับแฮร์รี่กันเถอะ”
     
    “เออ นั่นสิลืมไปเลย งั้นไปกัน” เฮอร์ไมโอนี่หันมาเก็บข้าวของของเธอใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะหันมาทางแคทเธอลีนที่คุยอยู่กับรอน “วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนนะแคทเธอลีนแล้วพรุ่งนี้มีคาบว่างฉันจะช่วยเธอหาข้อมูลอีกทีหนึ่ง”
     
    แคทเธอลีนพยักหน้าอย่างเข้าใจ“ไปเถอะ ฉันกะว่าจะลองหาอีกแป๊บนึงก็จะไปแล้วเหมือนกัน”
    ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่และรอนจะเดินออกจากห้องสมุด พลันเฮอร์ไมโอนี่เปลี่ยนทิศทางไปยังโต๊ะทำงานของมาดามพินส์ที่ยังคงก้มหน้าก้มตากับหนังสือหลากหลายที่อยู่ล้อมรอบตัวเธอ
     
    “ขอโทษนะค่ะมาดามหนูอยากทราบว่าหนังสือเกี่ยวกับพ่อมดมูทาอิบมันมีทั้งหมดกี่เล่มค่ะเพราะพวกหนูหามาได้แค่สองเล่มเท่านั้น”
     
    มาดามพินส์ละสายตาจากกองหนังสือของเธอหันมาสนใจเสียงใสๆตรงหน้าอย่างใจดี
    “พ่อมดมูทาอิบเหรอ ข้อมูลเขามีไม่มากหรอกจ๊ะ มีแค่สามเล่มเท่านั้นเอง อีกเล่มรู้สึกว่าจะมีเด็กปีเจ็ดยืมไปนะตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ”
     
    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตื่นเต้นอย่างน้อยๆก็ยังมีอีกหนึ่งเล่มที่พอจะมีข้อมูลของพ่อมดคนนี้
    “เหรอค่ะว่าแต่ใครยืมไปค่ะเผื่อหนูรู้จักจะได้ยืมเขาทำรายงานด้วย”เฮอร์ไมโอนี่ถามกลับอย่างรวดเร็วและแสดงท่าทีดีใจอย่างเห็นได้ชัด
     
    “แป๊ปนะจ๊ะ “ มาดามพินส์ยกไม้วิเสษของเธอตวัดหนึ่งครั้งแสงสีฟ้าส่องประกายอยู่ข้างหน้ามาดามพินส์ เธอเพ่งมองรายชื่อชั่วครู่ก่อน ตอบกลับ “อ้อ เดรโก มัลฟอย จ๊ะอยู่สลิธลีน”
     
    “ห๊า เดรโก มัลฟอย เหรอครับ” รอนแทบตะโกนถามซึ่งทำให้มาดามพินส์ถึงกับทำสีหน้าไม่พอใจที่เขาตะโกนในห้องสมุดในขณะที่เธอคงยังยืนอยู่ตรงนี้
     
    “ใช่จ๊า  เธอมีปัญหาอะไรหรือ”มาดามพินส์ถามเสียงเครียด
     
    “เออ ไม่ค่ะ ไม่มีอะไร ขอบคุณนะค่ะมาดาม” เฮอร์ไมโอนี่รีบดึงแขนรอนออกไปทันทีเมื่อเห็นท่าทางของมาดามพินส์ที่แทบจะกลายร่างเป็นนางเสือได้ทันทีถ้ารอนยังแหกปากอยู่แบบนี้
     
    @@@@@@@@@@@
     
    “ไอ้เล่มนั้นถ้าจะลำบาก เฮอร์ไมโอนี่ลืมๆมันซะ”น้ำเสียงของรอนท้อแท้อย่างหมดอาลัยตายอยากขณะที่พวกเขาเดินมาตามทางเพื่อไปห้องพยาบาลด้วยกัน
     
    “ทำไมเดรโกถึงสนใจพ่อมดมูทาอิบ” เฮอร์ไมโอนี่บ่นพึมพำหน้าตาครุ่นคิด
     
    “เขาอาจทำรายงานเรื่องเดียวกับแคทเธอลีนก็ได้ อย่าสนใจเลย”รอนมองดูเธอใบหน้าของเขาเครียดแต่ไม่มีความรู้สึกรู้สม เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจยาวแล้วเดินตามรอนไปแต่จิตใจของเฮอร์ไมโอนี่กลับหมกมุ่นอยู่กับคำถามนี้ อะไรที่ทำให้เดรโกสนใจเรื่องนี้
     
    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
     
    เฮอร์ไมโอนี่ออกไปกับรอนแล้วแคทเธอลีนเปิดหนังสือที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับพ่อมดมูทาอิบ เธออ่านมันผ่านๆแค่คร่าวๆเล่มแรกที่เธออ่านมีประวัติอยู่เล็กน้อยมีไม่ถึงห้าหน้าด้วยซ้ำในขณะที่อีกเล่มหนึ่งมีเพียงสองสามหน้าเท่านั้น
     
    แคทเธอลีนถอนหายใจ ถ้าข้อมูลของพ่อมดมูทาอิบมีเพียงเท่านี้ เธอจะทำรายงานได้ยังไงกัน เพราะศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลป์ได้กำหนดรายงานชิ้นนี้ไว้ถึงยี่สิบหน้าด้วยกัน
     
    แคทเธอลีนตัดสินใจเดินไปยังชั้นหนังสือของศาสตร์มืดอีกครั้ง เพื่อลองหาดูอีกรอบหนึ่งเผื่อว่าอาจจะหลงหูหลงตาไปบ้างในขณะที่เธอไล่ดูตามชั้นหนังสืออย่างละเอียดอยู่นั้น พลันเธอได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยกันของชายหนุ่มสองคนซึ่งอยู่ด้านหลังของชั้นหนังสือที่เธอกำลังหาอยู่
    “แบรดเมื่อวานนายเห็นเด็กใหม่ที่ชื่ออมาธาร์ เมอเร่แล้วหรือยังสวยชะมัดเลยว่ะ”
     
    “เห็นแล้วเซ็กซี่เป็นบ้าเลย ตอนที่เธอเดินมาหาเดรโก มัลฟอยหนุ่มๆมองกันจนเหลียวหลังด้วยกันทั้งนั้น แต่เสียดายวะ”
     
    “เสียดายอะไร”
     
    “ดูท่าทางจะตามติดพี่น้องมัลฟอยนั่นไม่ยอมห่างเลยนะสิ”
     
    “นายว่าเธอเป็นแฟนใครว่ะคนพี่หรือคนน้อง”
     
    “ดูไม่ออกว่ะ เห็นแววตาเวลามองคนพี่งี้หยาดเยิ้ม มองคนน้องตาละห้อยเชียว แต่ยังไงก็ตามอย่ายุ่งกับเธอดีกว่าเธอเป็นสมบัติของพี่น้องตระกูลมัลฟอย ใครจะกล้าไปจีบกันล่ะ”
     
    แคทเธอลีนอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ฟังเสียงพูดคุยกันของสองหนุ่มที่กำลังพูดถึงเด็กสาวที่ร้อนแรงที่สุดในฮ๊อกว๊อตส์ตอนนี้ อมาธ่า เมอร์เร่ ผู้ชายแทบจะทุกคนหรือเรียกได้ว่าแทบจะทุกบ้านต่างพูดถึงหญิงสาวคนนี้ตลอดเวลายามที่เธอเดินผ่าน
     
    แคทเธอลีนกำลังจะเดินผละจากไปเพราะไม่อยากฟังเรื่องที่หาสาระไม่ได้แบบนี้ แต่เธอก็ต้องตัวแข็งอยุ่กับที่เมื่อได้ยินหัวข้อสนทนาเรื่องใหม่ที่เธอสนใจมากว่าเรื่องของผู้หญิงคนนั้น
     
    นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีนักในการแอบฟังใครๆคุยกันแต่โชคร้ายที่เธอไม่มีทางออกที่ดีไปกว่านั้น เธอรู้ว่ามีบางอน่างที่ไม่ถูกต้องพวกนี้ต้องการแกล้งใครบางคนที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี
     
    “ฉันก็ว่าอย่างงั้นแหละ เออ ว่าแต่ เมื่อวานที่ห้องปรุงยาฉันเห็นแกไปป้วนเปี้ยนอะไรแถวกระเป๋าลองบัตท่อมร์ว่ะ”
     
    “แกเห็น”
     
    “เออสิ”
     
    “อย่าบอกใครน่ะ ฉันเอาคางคกของลองบัตท่อมไปซ่อนน่ะสิ”
    มีเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานจากผู้ชายสองคนนั้น
     
    “นายไปแกล้งไอ้งี่เง่าลองบัตท่อมแบบนั้น ไม่กลัวว่าพวกพอตเตอร์จะรู้หรือไงกันว่ะ แบรด”
     
    “จะต้องไปกลัวทำไมว่ะ ถึงพวกพอตเตอร์มันจะรู้ ถ้ามันทำอะไรพวกเราบ้านสลิธลีนแกคิดว่าพวกมัลฟอยจะยอมหรือไง”
     
    “แต่ถ้าพวกมัลฟอยไม่ยอมช่วยพวกเราล่ะ “
     
    “ไม่มีทางแกอย่าลืมสิ พวกมัลฟอยน่ะเกลียดไอ้เจ้าพอตเตอร์ยังกับอะไรดีถ้าจะให้เลือกมัลฟอยต้องเลือกเข้าข้างบ้านเดียวกันอยู่แล้ว
     
    “ว่าแต่แกบอกฉันได้หรือเปล่าว่าแกเอาคางคกของลองบัตท่อมว้ที่ไหน”
    มีเสียงเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่แคทลีนจะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจในประโยคถัดไป
     
    “ชั้นหกจะมีห้องพยาบาลเก่าที่เขาไม่ใช้แล้วอยู่ห้องหนึ่งฉันเอาไว้แถวนั้นนั่นแหละ”
     
    “มันคงหาไม่เจอแน่”
     
    “ใช่ป่านนี้ฉันว่านะมันคงร้องไห้ไปหาพรรคพวกมันแล้วล่ะ”
    เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง และอยู่ๆเสียงก็เงียบหายไปกลายเป็นเสียงหวานกังวาลใสราวดนตรีของผู้หญิงคนหนึ่ง
    “หวัดดีหนุ่มๆ เมื่อกี้พูดถึงฉันอยู่หรือไง”
     
    และนั่นมันทำให้แคทลีนอดไม่ได้ที่จะมองลอดช่องหนังสือที่เป็นช่องว่างเพื่อมองดูว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร และสิ่งที่เธอเห็นคือ อมาธา เมอเร่พาเรือนร่างบอบบางได้สัดส่วนสาวเท้ากรีดกรายมายืนอยู่ข้างหน้าของสองหนุ่มสลิธลีน กิริยาของเธอที่แคทลีนเห็นส่อได้ชัดว่าเจตนาให้ฝ่ายตรงข้ามลุ่มหลงกับอิริยาบทอันอ่อนช้อยราวนางพญาของเธอท่วงท่าของหญิงสาวผู้นั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนและกลิ่นอายที่ทรงอำนาจเร้นลับอันน่าทึ่ง อมาธ่าบรรจงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆตรงหน้าสองหนุ่มและมอบรอยยิ้มอย่างจงใจไปให้พวกเขา
     
    และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่แคทเธอลีนเห็นเพราะเธอค่อยๆบรรจงย่องออกมาจากตรงนั้นในทันทีเมื่อเธอคิดได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะอยู่ตรงนั้นเมื่อสิ่งที่เธอต้องการรู้เธอได้รับมันไว้ในสมองเธอเรียบร้อยแล้วและที่สำคัญในตอนนี้เธอสายแล้วจากการเรียนในคาบต่อไปของเธอ
     
    @@@@@@@@@@@@
     
    แฮร์รี่ทิ้งหนังสือวางแหมะบนเตียงพยาบาลและเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเขารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย ทำไม จินนี่ไม่เคยคิดที่จะมาหาเขาเลย ทำไม เกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเธอ ดูเธอไม่แยแสเขาเหมือนแต่ก่อน เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการตามหาเหตุผลที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาโดยคลำทางผิดๆถูกๆ  แฮร์รี่กำลังคิดอยู่ว่าเมื่อเขาออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่ เขาต้องพูดกับจินนี่ให้รู้เรื่อง และต้องจบเกมส์แมววิ่งไล่จับหนูกันเสียที เขาจะยอมจินนี่หมดทุกอย่างที่เธอต้องการและนั่นมันคงจะทำให้สถาณะการณ์ที่เลวร้ายของเขาและจินนี่จบลงเสียที
     
    แฮร์รี่เหลียวไปมองที่ประตูห้องพยาบาลเขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่และรอนวิ่งพรวดพราดผ่านประตูเข้ามาด้วยรอยยิ้มทั่วใบหน้าของพวกเขาทั้งสอง
     
    “เฮ้ แฮร์รี่”เสียงของรอนตะโกนโหวกเหวกตามนิสัยที่โผงผางของเขาและโชคดีที่มาดามพอมฟรีย์ไม่อยู่ในห้องพยาบาลในเวลานี้เสียด้วย
     
    “เตรียมตัวพร้อมแล้วสินะแฮร์รี่”เฮอร์ไมโอนี่แกล้งเย้าด้วยรอยยิ้มที่สดใสเช่นทุกวัน
     
    “อือ พร้อมแล้วฉันอยากจะออกไปจากที่นี่จะแย่แล้ว”
    รอนเดินตรงมาที่เตียงและทรุดตัวลงนั่งที่มุมเตียง
     
    “ใจร้อนจริงเลยนะเพื่อน เออ เมื่อเช้าฉันเจอกับแฮกริด เขาว่าจะมาหานาย นายเจอเขาแล้วหรือยัง”
     
    “อ้อ เจอแล้วแฮกริดมาเยี่ยมฉันตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ”
     
    “แล้วแฮกริดมาเยี่ยมเฉยๆหรือมาบอกอะไรนายบ้างล่ะแฮร์รี่”เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับทำตาอย่างมีเลศนัย
     
    “เธอหมายความว่าไง เฮอร์ไมโอนี่ “แฮร์รี่ถามพลางเอนตัวมาข้างหน้าและมองอย่างสงสัย รอนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดและมองเพื่อนๆทั้งสองอย่างสงสัย
     
    “ฉันกับแอนโทนี่มีความคิดเห็นตรงกันว่าอาจจะมีใครอยากทำร้ายเธอ ฉันก็เลยคิดว่าแฮกริดอาจจะมีเงื่อนงำอะไรมาบอกเธอบ้างนะสิ”
     
    “ไม่นี่แฮกริดไม่ได้บอกอะไรฉัน ว่าแต่ เธอคิดว่าใคร”เฮอร์ไมโอนี่เหลือบตามองเพื่อนอีกสองคนของเธอที่จ้องเธอตาเขม็งและเงี่ยหูฟังเธอพูด อย่างสนใจใคร่รู้ เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าช้าๆและยักไหล่
     
    “ฉันไม่รู้ แต่ฉันจะลองสืบดู”
    แฮร์รี่มองเธออย่างไม่เห็นด้วย“ช่างมันเถอะเฮอร์ไมโอนี่ มันอันตรายนะ”
    เฮอร์ไมโอนี่เขม้นมองมาทางแฮร์รี่ก่อนจะสั่นหัวอย่างเงียบขรึม
     
    “ไม่ได้หรอกแฮร์รี่ มันเล่นกับชีวิตของเธอเลยนะ”
     รอนแยกเขี้ยวยิ้ม”คิดเข้าท่าเนอะ” เขาหยอกแล้วสีหน้ากลับมาจริงจังไปที่แฮร์รี่“ ทำยังกับนายจะห้ามเธอได้ “
     
    “รอน” เฮอร์ไมโอนี่หันมาค้อนเขา รอนผายมือย่างเปิดเผยเต็มที่
     
    “อะไรเล่า อย่ามาทำเสียงเขียวนะฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเธอสักคำเลยนะเฮอร์ไมโอนี่”
    เฮอร์ไมโอนี่ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับรอนแต่เธอกลับถามคำถามที่แม้แต่รอนเองก็ไม่สามารถหาคำตอบที่ดีให้แก่แฮร์รี่ได้
     
    “ว่าแต่ นายบอกจินนี่หรือเปล่าว่าแฮร์รี่จะออกวันนี้น่ะ”
     
    “บอกสิ แต่” เขาพูดค้างไว้แค่นั้น แล้วหันมาทางแฮร์รี่พลาง พูดแก้ตัวให้จินนี่  “เออ ฉันเดาว่าเธอคงมีชั่วโมงเรียนน่ะแฮร์รี่เลยปลีกตัวมาไม่ได้”
     
    แฮร์รี่ถอนหายใจ “ไม่เป็นไรหรอกมีพวกนายสองคนก็พอแล้วล่ะ ว่าแต่เราออกไปได้แล้วหรือยัง” แฮร์รี่ไม่คิดจะรอฟังคำตอบจากใครเขาคว้าเป้ของเขาพาดไหล่และรวบหนังสือสองเล่มไว้ในวงแขนก่อนสาวท้าวเดินนำหน้าเพื่อนๆของเขาออกจากห้องพยาบาลเพื่อไปยังหอนอนกริฟฟินดอร์ในทันที
     
    @@@@@@@@@@@@@@@
     
    กว่าที่แคทเธอลีนจะเรียนคาบสุดท้ายเสร็จก็กินเวลาเกือบเย็นเธอไหว้วานเพื่อนสนิทของเธอช่วยเก็บสัมภาะอาไปไว้ในหอเรเวคอล ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งไปยังห้องสมุดในทันทีเพื่อขอทำเรื่องยืมหนังสือเพื่อทำรายงานสองเล่มนั้น หลังจากการเสียเวลาในการยืมหนังสือออกจากห้องสมุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แคทเธอลีน ตรงดิ่งขึ้นไปยังชั้นหกซึ่งเป็นห้องพยาบาลเก่าร้างมาหลายปี เพื่อที่จะไปตามเทรเวอร์ คางคกของเนวิลล์ให้กับเขา เธอไม่ได้บอกใครถึงเรื่องนี้ ความจริงเธอตั้งใจว่าจะบอกเฮอร์ไมโอนี่และตามเฮอร์ไมโอนี่ให้มาเป็นเพื่อนเธอด้วย แต่กว่าเธอจะเรียนเสร็จและกว่าจะตามหาเฮอร์ไมโอนี่เจอร์ก็คงจะค่ำพอดี การค้นหาสัตว์เลี้ยงที่น่าสงสารก็คงจะเป็นไปด้วยความลำบากพอดู ดังนั้น ในตอนนี้แคทเธอลีนจึงหวังว่าจะพึ่งตนเองเท่านั้น เธอรีบเร่งฝีเท้าเพื่อไปถึงเป้าหมายโดยเร็ว แต่จากเรือนกระจกมายังตัวปราสาทและเสียเวลาไปกับการยืมหนังสือ และเดินขึ้นมายังชั้นหก ก็เล่นกินเวลาไปมากโขอยู่
     
    แคทเธอลีนขึ้นมาถึงชั้นหกแล้ว เธอเดินข้ามห้องโถงร้างห้องหนึ่งแล้วเดินไปตามระเบียงตรงไปยังห้องพยาบาลเก่าที่อยู่ไม่ไกลนักนอกจากจะเป็นห้องพยาบาลเก่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรแล้วมันยังเป็นห้องเก็บของจากห้องพยาบาลของมาดามพอมฟรีย์ด้วย จึงเป็นห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อยเล็กน้อย ภายในห้องมีกระจกบานใหญ่สองบานบานแรกป็นห้องเก็บของจำพวกยาทั้งหลายเพราะเป็นห้องทำงานเก่าของมาดามพอมฟรีย์ส่วนบานที่สองจะเป็นสถานที่เอาไว้เก็บตู้เตียงเก่าๆของห้องพยาบาลและโต๊ะตู้ทั้งหลายที่มีขนาดใหญ่ที่ห้องนี้ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะเป็นของเก่าและใช้ไม่ได้แล้วจนนำมาวางไว้ให้รกร้างว่างเปล่า
     
    แคทเธอลีนสอดส่ายสายตาหาเทรเวอร์อย่างตั้งใจโดยไม่นำพาต่อเสียงหรือสิ่งรอบข้างใดๆทั้งสิ้นและแคทเธอลีนหาเทรเวอร์ได้ไม่ยากมันถูกวางไว้บนโต๊ะใกล้กระถางทองเหลืองใส่ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้ว แสดงถึงคนที่เอามันมาไว้ไม่ได้คิดที่จะซ่อนมันไว้อย่างตั้งใจซึ่งก็เป็นการดีสำหรับเธอที่ไม่ต้องใช้เวลามากนัก
     
    เทรเวอร์อยู่ในหลอดแก้วที่ขังมันเอาไว้โดยมีรูที่ฝาเปิดปิดสำหรับให้มันหายใจ มันอยู่นิ่งๆในนั้นจนแคทเธอลีนหวั่นใจว่ามันตายไปแล้ว เธอคว้าหลอดแก้วนั้นขึ้นมาดูอย่างหวาดๆ จะว่าไปคางคกของเนวิลล์ไม่ได้ดูน่ารักสักเท่าไหร่ออกจะน่าเกลียดเสียด้วยซ้ำตอนที่แคทเธอลีนคว้าหลอดแก้วมาดูมันเริ่มเคลื่อนไหวเธอมองมันอย่างโล่งใจ และในขณะนั้นเมื่อสมองของเธอเริ่มปลอดโปร่ง
     
    พลันเธอกลับได้รับสัมผัสของเสียงบางอย่างเข้ามายังโสตประสาทของเธอ มันเป็นเสียงเอี๊ยดอ๊าด และเสียงครางอย่างเจ็บปวดของชายหญิงคู่หนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แคทเธอลีนจำต้องเงี่ยหูและตั้งใจฟังอีกครั้ง มันเงียบเสียงไปและครางขึ้นมาอีกประสานกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงภายในห้องพยาบาลเก่าหลังบานประตูกระจกบานนั้น และสิ่งที่ทำให้เธอถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงครางอย่างเจ็บปวดนั้นถี่ขึ้นกว่าเก่าและดังขึ้นมาเรื่อยๆประสานกันเมื่อเสียงเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดถี่กระชั้นขึ้นเร็วกว่าเดิม
     
    แคทเธอลีนเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ฝ่ามือที่จับหลอดแก้วและหนังสือชื้นเย็นไปด้วยเหงื่อ ความคิดของเธอคือห้องนั้นอาจจะมีนักเรียนคนใดคนหนึ่งหรือสองคนได้รับบาดเจ็บจากอะไรบางอย่าง
    ดวงตาดำขลับที่ปกติจะเป็นประกายตาวาววับบัดนี้กลับอัดอั้นไปด้วยอารมณ์ที่ยากจะอธิบายได้
     
    เธอยื่นงกๆเงิ่นๆอยู่กลางห้องเพียงครู่หนึ่งก่อนเดินไปยังประตูกระจกที่มีฝุ่นหนาเตอะจับกระจกบานนั้นจนแทบมองข้างในไม่เห็น แคทเธอลีนถอนหายใจเบาจนแทบจะไม่ได้ยินและแนบสายตาลงบนกระจกของบานประตูนั้นและเขม้นสายตาเข้าไปยังภายในถึงแม้กระจกจะมีฝุ่นหนาแต่ก็พอให้เห็นข้างในได้ลางๆ เธอสอดส่ายสายตาหาที่มาของเสียงนั่น จากกลางห้องไปยังมุมห้องทั้งขวาและซ้ายและที่มุมห้องด้านขวาเธอเห็นอะไรบางอย่างกำลังขยับเขยื้อนขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เธอคิดว่าต้องเป็นคนอย่างแน่นอน แต่ทำไมมีแค่คนเดียวล่ะแล้วอีกคนหายไปไหน แคทเธอลีนคิดอย่างสงสัย
     
    เธอได้ยินเสียงคนสองคนแต่เธอเห็นคนแค่คนเดียวเท่านั้น แคทเธอลีนตัดสินใจในฉับพลันเธอเอาหนังสือและหลอดแก้ววางไว้ที่พื้น ก่อนที่เธอ จะค่อยๆแง้มประตูเปิดเล็กน้อย เมื่อประตูกระจกถูกเปิดออกเธอได้ยินเสียงดังเข้ามามากยิ่งขึ้น
     
    “โอ้ว ....โอ้ว “
    “อือ อือ”
     
    แคทเธอลีนชะงักอยู่หน้าประตูที่เปิดกว้าง ใบหน้าของเธอขาวซีดมือข้างที่ว่างกำแน่นด้วความเครียดเธอกำลังคุมสติตัวเอง เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างที่เธอคิดไว้ตั้งแต่ทีแรกกลับไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเมื่อเธอเห็นร่างขาวนวลที่ไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายแม้แต่สักชิ้นเดียวของหญิงสาวผมสีแดงเพลิงซึ่งในตอนนี้บิดตัวนั่งทับอยู่บนร่างของชายคนหนึ่งอยู่บนเตียง แคทเธอลีนมองเห็นฝ่ายชายไม่ถนัดนัก เพราเขากึ่งนั่งกึ่งนอนหันหลังมาทางเธอ แต่เธอรู้ได้ว่าฝ่ายชายมีเรือนผมสีบลอนส์ทองและยังคงมีเสื้อผ้าของตัวเองอยู่บนตัวอยู่ ผิดที่ตรงที่ว่ากางเกงนักเรียนขายาวของเขาร่นลงมาอยู่แค่เข่าเท่านั้น ในลักษณะแบบนี้เป็นใครก็รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่
     
    แคทเธอลีนจะไม่ตกใจเลยถ้าสิ่งที่เธอเห็น จะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่สาวน้อยผมสีแดงที่เงยหน้าครางอย่างเป็นสุขด้วยเสียงอันดังเป็นคนที่เธอรู้จัก หญิงสาวที่เป็นที่อิจฉของทุกๆบ้าน หญิงสาวที่เป็นคนรัก น้องรัก และเพื่อนรัก ของกลุ่มดรีมทีม ที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี จินนี่ วิสลี่ส์
     
    แคทเธอลีนตัวสั่นด้วยความหดหู่และความกลัวที่อยู่ภายในใจมือทั้งสองข้างของเธอยกขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงที่แสดงความตกใจเล็ดลอดออกมาให้พวกเขาได้ยิน แคทเธอลีนก้าวถอยหลังและเบี่ยงตัวเพื่อหลบออกมาแต่เธอลืมไปว่าเธอเอาหลอดแก้วและหนังสือวางไว้ที่พื้นห้องด้านหลัง และความที่เธอไม่ทันระวัง ขาของเธอกลับปัดหลอดแก้วนั้นจนมันล้มลงบนพื้นในทันที  เสียงหลอดแก้วที่ล้มกระทบกับพื้นก่อให้เกิดเสียงดังก้องกังวาลไปทั่วห้องพยาบาลเก่า
    และเป็นสาเหตุทำให้ชายคนนั้น และจินนี่หยุดทำกามกิจกันโดยอัตโนมัติ พวกเขาหันขวับมามองที่ต้นเสียงอย่างตกใจ
     
    แคทเธอลีนไม่ได้คิดว่าเธอจะหนีจากภาพอุจาดตาไปที่ใดดี เธอรุ้แต่ว่าเธอต้องหนีออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดแคทเธอลีนหมุนตัวและวิ่งห่างออกมาตัวของเธอสั่นเทาจนวิ่งสะดุดอยู่หลายครั้งความตระหนกกำลังก่อตัวอยู่ภายในจนแทบทำให้เธอมองไม่เห็นอะไรแต่เธอก็ยังมองเขม็งไปที่พื้นและวิ่งต่อไป
     
    โดยที่เธอได้ยินเสียงฝีท้าที่วิ่งไล่หลังตามเธอมาติดๆ
     
    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@
     
    ตอนต่อไป
     
    โซ แซง มองภาพเบื้องหน้าอย่างสนใจ เดรโกและจินนี่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว 
     
    เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่นก่อนที่จะตวัดขาเตะผ่าหมากเดรโกอย่างแรงทำให้เขาต้องปล่อยแขนของแคทเธอลีนและทรุดเข่าบนพื้นหญ้า แต่ยังคงจับแขนของเฮอร์ไมโอนี่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
    เดรโกกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด
    ..................................................................................................
    ..................................................................................................
    “เธอบ้าไปแล้วเฮอร์ไมโอนี่ ไม่ใช่แค่เดรโกคนเดียวนะสลิธลีนทั้งบ้านเลยนะนั่น”แคทเธอลีนอุทานอย่างตกใจกับความคิดบ้าๆของเฮอร์ไมโอนี่ การที่จะเข้าไปยังบ้านสลิธลีนก็เข้าไปหาความตายดีๆนี่เอง
    “ถ้าเราไม่เข้าไปยังหอของสลิธลีนแล้วเราจะเข้าไปเอาของในห้องของเดรโกคืนมาได้ยังไงกันแคท”
    ...............................................................................................
    “เราจะใช้น้ำยาสรรพรส ทุกคนก็ไม่รู้แล้วว่าฉันปลอมตัวมาเพียงแต่เธอจะต้องกันคนที่ฉันปลอมตัวไว้อยู่ให้ห่างๆฉันให้นานที่สุดไม่งั้น จบเห่แน่”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×