ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตราบาปลิขิตรัก/ เดร-เฮอร์

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 ผู้เสพความตายที่ชั้นล่าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.44K
      4
      16 พ.ค. 54

                                                                               ตราบาปลิขิตรัก

    บทที่ 5 – ผู้เสพความตายที่ชั้นล่าง

     

    หลังอาหารค่ำที่ไม่ค่อยราบรื่นนักของเดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็หลบหลีกกันและกัน โดยที่เฮอร์ไมโอนี่รีบเร่งกลับไปยังห้องนอนของเธอโดยไม่กล่าวคำร่ำลา ซึ่งเขาเองก็คาดคิดไว้แล้วเช่นกัน

    เดรโกจิบไวส์อย่างช้าๆเป็นแก้วสุดท้ายก่อนจะปลีกตัวไปยังห้องสมุด ห้องที่เขาและเฮอร์ไมโอนี่ของเขาชื่นชอบ ใช่ ! สำหรับเฮอร์ไมโอนี่หนังสือทุกชนิดเป็นที่ชื่นชอบสำหรับเธอ แต่สำหรับเขา เขากลับชมชอบบรรยากาศที่อบอุ่นและเงียบสงบของห้องมากกว่า

     ในขณะที่เดรโกเอนหลังพิงกับพนักโซฟาสีแดงสดที่เฮอร์ไมโอนี่ชอบนั่งเสมอเมื่ออยู่ภายในห้องนี้ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆที่เขาเคยได้สัมผัสกลิ่นกายของเธอ ที่เขาพยายามพิสูจน์ว่ามันป็นกลิ่นกายของเธอหรือน้ำหอมกันแน่และเขาก็ได้ข้อสรุปว่ามันมาจากผิวเนื้ออันอ่อนนุ่มของเธอเอง เดรโกยิ้มน้อยๆเมื่อเขาคิดถึงเกี่ยวกับตัวเธอ  เขาคิดถึงร่างกายของเธอ เขาคิดถึงวงหน้าสวยงามของเธอ เขาคิดถึงแม้กระทั่งอารมณ์หงุดหงิดยามที่เขาและเธอโต้เถียงกัน

    เขาอดหวนคิดถึงความรู้สึกในอดีต ที่เขาฝังเอาไว้อยู่ภายในและมันค่อยๆเปิดเผยออกทีละน้อยๆในตอนนี้

    เรื่องราวในอดีต

    เฮอร์ไมโอนี่เดินเร็วมาก จนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง เธอสายมากแล้ว และตอนนี้ทุกคนอยู่ที่หอนอนหมดแล้วเป็นช่วงเวลาของเคอร์ฟิวที่ได้ถูกบังคับใช้ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่สามารถที่จะข่มใจไม่ไปห้องสมุดเพื่อที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสิ่งที่รบกวนจิตใจเธอ แล้วก็เหมือนเดิม เธอใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดนานเกินไป เธอบ่นพึมพำระหว่างเดินผ่านระเบียงเพื่อกลับไปยังหอนอนของเธอก่อนที่ฟิลล์และคุณนายนอริสจะเดินตรวจตราตามปกติ เฮอร์ไมโอนี่พยายามเร่งฝีเท้าพร้อมกับพึมพำคาถาที่เธอเพิ่งอ่านเจอและพยายามที่จะจำทุกอย่างที่เธออ่านมาให้ได้

     

    พิกเกอร์ เมอร์แลปจะช่วยคลายคำสาป ระหว่างที่....เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่ทันท่องจำคาถาเหล่านั้นจบเธอก็ชนเข้ากับร่างๆหนึ่งที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้

    “ว้าย”เฮอร์ไมโอนี่อุทานก่อนที่จะกระเด้งหงายหลังก้นกระแทกพื้นเธอคลำสะโพกของเธอและเหลือบตามองคนที่เธอชน เด็กผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ดูเหมือนไม่เป็นอะไรเลยสักนิดกำลังกอดอกอย่างยียวนและมองเธออย่างสะใจนิดๆ

    เฮอร์ไมโอนี่ชะงักและในฉับพลันที่ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งอย่างกระทันหัน

    หัดดูทางมั่งสิ มัลฟอยเธอพูดระหว่างที่พยายามลุกขึ้นโดยที่เด็กหนุ่มผมบลอนส์แสยะยิ้มมาที่เธอ

    เธอออกมาเดินเพ่นพ่านอะไรที่นี่เกรนเจอร์ นี่มันเลยเคอฟิวส์แล้วไม่ใช่หรือไงเดรโก มัลฟอย ยิ้มเยาะอย่างมีเลศนัย ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความร้ายกาจในแบบฉบับ ฉันคิดว่าฉันคงต้องรายงานเรื่องนี้ให้ศาสตราจารณ์ที่รับผิดชอบเวรในวันนี้เสียแล้วล่ะ

    เฮอร์ไมโอนี่แสดงสีหน้าโกรธ และพยายามจะข่มความโกรธเอาไว้อย่างที่สุด เหรอ? แล้วเธอจะอธิบายว่าเธอมาอยู่ที่นี่ ตอนนี้ได้ยังไงกันมัลฟอย ? เลิกพยายามทำตัวกร่างเสียทีเถอะ เธอดูไม่น่ากลัวเลยเมื่อไม่มีพวกลิ่วล้อล้อมรอบน่ะ

     

    ดวงตาของมัลฟอยมีประกายไฟแวบเข้ามาด้วยความโกรธ แต่หลังจากนั้นเขากลับยิ้มเยาะใส่หน้าเธอ มีลิ่วล้อ ก็ดีกว่าพวกเลือดสีโคลนชั้นต่ำไม่มีค่า ที่คอยเดินตามก้นเจ้าพอตเตอร์อย่างเธอ อีกอย่าง ฉันออกมาทำงานให้ศาสตราจารณ์สเนป แล้วข้อแก้ตัวของเธอล่ะ? ออกมาช่วยโลกอีกแล้วเหรอ?” เขาหัวเราะ คงคิดว่ามันขำน่าดู

     

    เฮอร์ไมโอนี่มองเขาชั่วครู่ก่อนคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเสวนากับพวกอันธพาลอย่างเขา เธอเบี่ยงตัวเพื่อเดินหนีเขาไป แต่มัลฟอยกลับคว้าตัวเธอเอาไว้ และผลักเธอไปที่กำแพงอย่างแรง เฮอร์ไมโอนี่รีบดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา แต่มัลฟอยกลับปัดมันออกไป

    เธอไม่ได้กลัวฉันหรอก ใช่ไหม?” มัลฟอยพูดอย่างช้าๆและหรี่ตาลงมองเธออย่างยียวน ถ้าเธอมีความรู้สึกนะเลือดสีโคลน ฉันไม่ต้องการแครปหรือกอยส์ หรือเวทมนตร์ใดๆ ฉันก็สามารถฆ่าเธอได้อย่างง่ายดาย

     

    เฮอร์ไมโอนี่หยุดดิ้นรน แล้วมองเขาด้วยสายตาขยะแขยง งั้นก็ลงมือสิ มัลฟอย ไม่งั้นก็ปล่อยฉัน ฉันไม่มีเวลาสำหรับเรื่องพวกนี้นะ!” หลังจากที่พูดเธอหรี่ตามองดูมัลฟอยชั่วครู่มัลฟอยยิ้มอย่างรังเกียจไปกับคำพูดของเธอก่อนที่เขาจะโต้ตอบออกไป

    “ปล่อยเธอเหรอ”เขามองเธอชั่วครุ่อย่างชั่งใจก่อนยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย“ไม่ดีกว่า เกรนเจอร์ฉันว่าฉันหาเรื่องอะไรสนุกๆทำดีกว่า อย่างเช่นว่า แขวนเธอไว้แถวๆนี้ให้คุณนายนอริสกับไอ้ฟิลส์โรคจิตนั่นมาเจอเธอแล้วทำโทษเธอเอง หรือว่าฉันควรจะขังเธอไว้ในห้องว่างข้างๆห้องนี้ดีคงจะสนุกนะถ้าเจ้าพอตเตอร์กับเจ้าวิสลี่ส์นั่นมันออกตามหาเธอทั้งวันทั้งคืนแล้วหาไม่เจอฉันอยากจะรู้นักว่ามันจะทำยังไง ”

    เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยด้วยสายตาเคียดแค้นเธอโกรธจนแทบจะสาปมัลฟอยได้อยู่แล้วในตอนนี้และแทบจะทันใดเฮอร์ไมโอนี่กำหมัดของเธอแน่นก่อนที่มัลฟอยจะตั้งตัวติดเธอเสยหมัดเข้าที่ปลายคางของเขาอย่างจัง เลือดไหลออกจากปากมัลฟอยในทันที

    เดรโกรู้สึกได้ถึงคางที่เริ่มชาของเขา เขาสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติคืน ก่อนที่จะคว้าร่างบางของเด็กสาวที่กำลังจะเบี่ยงตัวหนีเขาหลุดออกมาได้ เขาดันตัวเฮอร์ไมโอนี่กระแทกใส่กำแพงอย่างแรงก่อนจะใช้ลิ้นเลียไปที่มุมปากที่มีเลือดไหลออกมา

    “บ้า เอ๋ย” มัลฟอยบ่นพึมพำด้วยความโกรธ โดยที่ปากเต็มไปด้วยเลือด เขาถ่มเลือดลงไปบนพื้น ก่อนที่จะรวบแขนของเธอทั้งสองข้างและ เปิดประตูห้องว่างที่อยู่ข้างๆ แล้วโยนเธอเข้าไป ก่อนที่เธอจะสามารถลุกขึ้นยืนได้ เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วชี้ไปที่ประตูในทันทีพร้อมกับร่ายคาถา แอกซิโอ วานท์สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่จะทำได้ในตอนนี้คือลุกขึ้นยืนและเตรียมพร้อมกับการจู่โจมของศัตรู

     

    เฮอร์ไมโอนี่นั้นรู้สึกกระวนกระวายใจ เธอกำลังคิดถึงการร่ายคำสาปที่รุนแรง แต่อย่างไรซะ มัลฟอยไม่สามารถทำร้ายเธอได้ ใช่ไหม? เขาสามารถทำร้ายเธอได้เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ เพื่อทำลายความรู้สึกและสำนึกของความเป็นคน แต่กับการร่ายเวทมนต์และคำสาปที่ร้ายแรงใส่เธอ นั้นไม่สามารถใช้ได้ที่ฮอกวอตต์หรอก? เฮอร์ไมโอนี่คิดปลอบใจตัวเธอเอง 

    เขาหัวเราะเยาะเธอเมื่อเห็นอาการนิ่งเงียบและหน้าตาที่ดูกังวลของเธอ

    ไม่หยิ่งยโสแล้วเหรอ ยัยเลือดโสโครก?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน จากนั้นได้เดินตรงมาที่เธอ

    เฮอร์ไมโอนี่หาทางที่จะป้องกันตัวเอง หรือไม่ก็ทำให้เขาล้ม แต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย พวกเขาอยู่ในห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องเรียนเก่าที่มีโต๊ะกับเก้าอี้ ในห้องมืดมากหากไม่มีแสงของพระจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ เธอวิ่งถอยหลังสองสามก้าว แล้วนำโต๊ะมากั้นกลางระหว่างเธอและมัลฟอย แต่มันกลับทำให้มัลฟอยหัวเราะดังยิ่งขึ้น

     

    ใช่แล้ว นั่นล่ะเขาพูดหวาน เจ้าโต๊ะเตี้ยๆนั่นจะช่วยเธอให้รอดพ้นจากคำสาป คิดดีนี่

     

    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกหน้าร้อนผ่าว เธอรู้ แน่นอนว่าโต๊ะไม่สามารถช่วยเธอให้รอดพ้นจากคำสาปได้ แต่เธอไม่อยากจะให้เขาเข้ามาใกล้เธอ เวลาที่เขามีอำนาจเต็มที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอโดนเขาข่มขู่ง่ายเกินไป  ในตอนนี้เธอได้แต่ภาวนาขอให้รอนหรือแฮร์รี่ออกตามหาเธอ แต่เธอรู้ว่าพวกเขาคงจะไม่ พวกเขาคงจะคิดว่าเธอลืมเวลา และพวกเขาคงจะเข้านอนกันแล้วก่อนที่จะได้ออกตามหาเธอ เฮอร์ไมโอนี่คิดที่จะกรีดร้องออกมา และคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดีเยี่ยม เธออ้าปากเพื่อที่จะทำ

     

    ไซเลนซิโอ!” มัลฟอยพูดในทันที ทำให้เธอไม่สามารถเปล่งเสียงได้

    ความจริงฉันน่าจะทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เกรนเจอร์,? มันดีกว่าเยอะเลยที่ฉันไม่ต้องทนฟังเสียงเล็กๆน่ารำคาญของเธอตลอดเวลา เธอไม่ได้ฉลาดเหมือนกับที่คนอื่นเขาคิดกันนักหรอก ใช่ไหม? ถ้าใช่ เธอคงไม่มาอยู่ที่นี่ตามลำพัง กับฉันหรอก ...ไม่มีเสียง และไม่มีไม้วิเศษเขาหัวเราะอีกครั้งอย่างเยาะเย้ย

     

    เฮอร์ไมโอนี่พยายามที่เบี่ยงตัวและรีบวิ่งไปที่ประตู  

    โคโลพอร์ตตัส!” เขาชี้ไม้วิเศษไปที่ประตูและร่ายคาถาด้วยน้ำเสียงที่รำคาญ เฮอร์ไมโอนี่แทบเข่าอ่อนอยู่ตรงนั้น เธอรู้ว่าเธอแพ้แล้ว เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมาที่เด็กหนุ่มที่ทำสีหน้าภาคภูมิใจเสียเต็มประดา เธอนิ่งคิดเธอควรจะทำยังไงดีในสถานะการณ์แบบนี้  เธอควรจะวิ่งหนีไปรอบๆห้องอย่างหวาดกลัวและให้เขารู้สึกในความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แกล้งเธอได้ หรือเธอควรจะยืนอยู่เฉยๆตรงนี้ดี และความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว  เธอสาวเท้าและเดินตรงมาที่เขา  และไม่หยุดเดินจนกระทั่งร่างกายของทั้งสองเกือบสัมผัสกัน จากนั้นเธอมองไปที่เขาอย่างท้าทาย พยายามที่จะสื่อสารว่า

    ลงมือสาปฉันเลย ไอ้งี่เง่า ถ้านายกล้าพอเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เธอได้แต่คิดและฮึดฮัดอยู่ในใจ

     

    มัลฟอยถอยหลังด้วยสีหน้าตกใจ สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคิด เขาคิดว่าเธอต้องหวาดกลัวและขอร้องเขาให้ปล่อยตัวเธอไป แต่ไม่ใช่ให้เธอบ้าระห่ำและเดินเข้ามาใกล้ชิดเขาแบบนี้  ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจสัมผัสของเธอ ร่างกายของเธอยังติดตราตรึงใจเขาตั้งแต่อยู่ที่หอคอยถึงแม้มันจะผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วก็ตาม แต่ในเวลานี้ เธอเองคงไม่ได้รู้ตัวว่าการกระทำของเธอมันกระตุ้นเรื่องแบบนั้นกับเขาได้เป็นอย่างดี  และเขาเองก็ไม่ชอบเอาเสียเลย ถ้าเขาขาดสติ และยั้งอารมณ์ไม่อยู่ล่ะอะไรจะเกิดขึ้น ระหว่างตัวเขาและหญิงสาว

    อยู่ให้ห่างฉันไว้ เดรโกแกล้งตะคอกจากนั้นเขาปัดเสื้อผ้า และทำทีเหมือนกับว่าเธอเป็นสิ่งสกปรกที่ทิ้งคราบสกปรกไว้ที่เขา

     

    ความรู้สึกในตอนนี้ของเธอตีกันให้ยุ่งใจหนึ่งเธอดีใจที่ทำให้เดรโกไม่อยากเข้าใกล้เธอ เพราะเขาคิดว่าครอบครัวของเธอเหมือนตัวแพร่เชื้อร้าย  แต่อีกใจหนึ่งเธอรู้สึกโกรธ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงความรู้สึกของเขา 

    ตามความเป็นจริงแล้ว ต้นตระกูลของเธอไม่ใช่ไม่ดีสักหน่อย พ่อแม่เธอนั้นเป็นคนดี และใจดี เป็นมิตร และเป็นที่รักของทุกคน พวกท่านมักจะทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ ในทางกลับกัน ตระกูลของมัลฟอยนั้นเป็นคนชั่ว เป็นฆาตกร และผู้เสพความตาย ถ้ามีอะไรในตัวเขาที่เธอควรจะกลัวนั่นก็คงจะเป็นเพราะเชื้อร้ายของตัวเขาเองมากกว่า

     

    ทันใดนั้น เฮอร์ไมโอนี่เดินตรงไปยังเขา ยิ้มอย่างท้าทาย จากก้าวสู่ก้าว

    ฉันหวังว่าเขาคงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะเฮอร์ไมโอนี่คิดและคาดหวังให้เขาทนไม่ไหวที่จะร่วมอากาศอยู่กับเชื้อร้ายอย่างเธอและรีบวิ่งหนีออกไปยังห้องนั่งเล่นรวมบ้านสลิธลีน และทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง

    เดรโกถอยหลังเมื่อเธอก้าวเข้ามา เขาเริ่มระบายอารมณ์ที่หงุดหงิดโดยเตะใส่โต๊ะตัวที่อยู่ข้างๆ จากนั้นหน้าของเขาแดงด้วยความอับอายและเปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้นมาทีละนิดๆ

    ขี้โมโหจริงๆ เธอคิด และยิ้มเยาะใส่เขา

    เฮอร์ไมโอนี่เกือบหัวเราะเขาอยู่แล้ว  ถ้าเดรโกไม่จับแขนเธอแล้วเหวี่ยงตัวเธอไปบนโต๊ะ แล้วกดร่างของเธอลงไป

     

    นี่ไม่ควรจะเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบจากเขาสิ การยิ้มเย้ยของเธอเมื่อครู่นี้ ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนกตกใจ เธอต่อสู้ แต่ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่าร่างกายของเขาทาบทับอยู่บนตัวเธอ

    ฉันคงต้องอาบน้ำและเผาเสื้อผ้าชุดนี้ทิ้งซะ เขาคำรามและจ้องเธอตาวาววับ หรือไม่เธอก็ต้องจ่ายมา!”

     

    ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้าง เขาคงไม่ได้หมายความอย่างนั้น ไม่ เขาคงไม่ทำ เขาคงจะโกรธที่ฉันโดนตัวเขา อีกอย่าง เขาคงจะต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียนแล้วถูกส่งไปยังอัสคาบัน เขาคงไม่กล้าเสี่ยงแน่ ไม่ใช่อย่างนี้ เขาแค่ทำให้ฉันกลัว เฮอร์ไมโอนี่พลันหนาวสั่นขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจเธอเต้นแรงและเร็ว ท้องของเธอรู้สึกปั่นป่วนเพราะความกังวล จากนั้นเธอเริ่มจะดิ้นรนอีกครั้ง

     

    หยุดดิ้นได้แล้ว เกรนเจอร์ เขาพูด น้ำเสียงแข็งกร้าว ในขณะที่เธอรู้สึกเหนื่อยหอบเพราะต้องต่อสู้ไปกับความแข็งแรงของเขา เธอเริ่มหยุดต่อต้านเขาอย่างช้าๆ และหายใจอย่างเหนื่อยหอบ

    แสงจันทร์ส่องให้เห็นใบหน้าขาวซีดของเขา พระเจ้า ใบหน้าของเขา ราวรูปปั้นเทพบุตรกรีก เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง ก่อนมองดูเขาอย่างตกตะลึง

     

    ดวงตาของเขาปิดลง และดูเหมือนว่าเขาพยายามจะหายใจให้เบาลง มันแปลกอยู่ เขาเหนื่อยเหรอ  เธอไม่ได้ออกแรงมากขนาดนั้น แต่ถึงแม้ว่าเธอจะออกแรงมากแค่ไหน มันเป็นไปไม่ได้ที่นักกีฬาควิชดิช อย่างเขาจะหมดแรงลงง่ายๆเพราะเธอ เธอแน่ใจ

     

    ดวงตาเขาเปิดขึ้นตามเสียงร้องในลำคอของเธอ เขาจ้องมองดูเธอในเงาสลัวของแสงจันทร์ พระเจ้า! เธอดูสวยงามเหมือนนางฟ้า  โอ้ นี่มันบ้าชัดๆ เขาไม่สามารถสลัดใบหน้าของเธอและกลิ่นหอมของเธอออกไปจากสมองของเขาได้เลยในตอนนี้    

    ในเวลานี้ พวกเขาดู...แตกต่าง นอกเหนือจากความเกลียดชังที่มีให้ต่อกันแล้ว  พวกเขาดูเหมือนลุ่มหลงซึ่งกันและกันหัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เริ่มเต้นอีกครั้งโดยไม่มีเหตุผล และเธอรู้สึกร้อนผ่าวที่ลำคอและใบหน้า เธออ้าปากน้อยๆเพื่อพูดที่จะขอให้เขาปล่อยเธอไป  

    ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ริมฝีปากของเธอเพื่อพยายามเดาในสิ่งที่เธอจะพูด

    ปล่อยฉัน เธอพูดโดยไม่มีเสียง ฉันไม่บอกใครหรอก เธอไม่ทำจริงๆ อีกอย่างเธอคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่พวกเขาอยู่ด้วยกันในลักษณะนี้

     

    เดรโกส่ายศรีษะช้าๆเธอผลักเขาอย่างขัดใจ พยายามที่จะให้เขาออกไปจากตัวเธอ โดยใช้ลำตัวของเธอดันเขาออกไปแต่ไร้ผล  เขากลับโอบเอวเธอแน่นขึ้น มือของเธอเริ่มอ่อนแรง เธอรู้ว่าคงจะดิ้นไม่หลุดแน่ๆ แต่เธอก็ไม่สนใจ เธอรู้สึกว่าตัวเขาจงใจแนบชิดตัวเธอมากยิ่งขึ้น และเพราะความใกล้ชิดนี่เอง มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงหัวใจของเขา มันเต้นแรงราวกลองรัว

     

    ปล่อยนะ เธอทำให้ฉันเจ็บ!” เธอขยับปาก และเดรโกพยายามอ่านปากของเธอ เขาค่อยๆคลายอ้อมกอดของเขาลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไม่ปล่อยตัวเธอไป เขาขยับขาออกห่างเธอเพื่อให้เธอสบายขึ้น เฮอร์ไมโอนี่จึงใช้จังหวะนี้เพื่อเตะเขาแต่เดรโกไหวตัวทันเขาตอบโต้เธอโดยล๊อคขาของเขาไว้กับเธอในทันที และมันยิ่งทำให้ร่างกายของพวกเขาสัมผัสกันแนบแน่นแทบจะทุกส่วน

     เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่น ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ได้แต่ทำเสียงในลำคอเสมือนกำลังด่าว่าเขาอยู่ แต่เดรโกไม่สนใจเสียงเล็กๆที่ออกมาจากปากของเธอ แต่เขาแสดงวิธีตอบโต้เธอคืนโดยแสดงให้เธอเห็นว่าเขาจะทำอะไรกับเธอต่อไป เดรโกโน้มใบหน้าของเขาลงมาหาเธอ และกระซิบเบาๆ

    ฉันเกลียดเธอ 

    เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากเพื่อที่จะเถียง แต่แทบจะในทันทีที่ริมฝีปากของเขาประกบกับเธออย่างหนักหน่วง เฮอร์ไมโอนี่ ไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการจู่โจมนี้เลย เธอพูดอะไรไม่ออกได้แต่ตัวแข็งและตะลึงงันเดรโกปล่อยมือของเธอทั้งสองข้าง และเริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างของเธอ ในขณะที่ริมฝีปากของเขาเริ่มขยับไปมา

    เฮอร์ไมโอนี่ปิดตาลงอย่างช้าๆและใจของเธอเริ่มล่องลอย รสสัมผัสของเขา มันช่างคุ้นเคยมันเหมือนเธอเคยได้สัมผัสมันมาก่อน มันอ่อนหวาน นุ่มนวลและผสมผสานไปด้วยความรุนแรงไปพร้อมๆกัน เธอกำลังคิดถึงใครคนหนึ่ง พระเจ้า !  โรนัลส์  วิสลี่ย์  ทำไมจูบของเขามันเหมือน .......

    เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาทันทีและตื่นจากภวังค์ เธอรู้สึกตกใจกับความพึงพอใจที่เธอมีในตอนนี้ เธอไม่ควรทำแบบนี้ แฮร์รี่และรอนจะต้องเกลียดเธอแน่ๆถ้าพวกเขารู้ และเธอจะต้องมีบาปติดตัวไปตลอดชาติแน่

    เฮอร์ไมโอนี่พยายามต่อต้านเขาอีกครั้ง ซึ่งทำให้เดรโกคำรามขึ้นอย่างไม่พอใจ เขาพยายามซุกไซ้ซอกคอของเธอและต่ำลงมาเรื่อยๆ ซึ่งในขณะนี้หัวใจของเขาเต้นแรงและเร็วมากกว่าเคย

     

    แต่ในทันใดเขาหยุดการกระทำทุกอย่างลงโดยสิ้นเชิง เหมือนเขาพยายามควบคุมสติและร่างกายของตนเอง

    ไม่ เขาครางเสียงต่ำ ฉันบังคับตัวเองไม่ได้ เดรโกดันตัวเองออกจากเธอและลุกขึ้นนั่ง เขาลูบหน้าตัวเองอย่างตื่นตกใจ

     

    ไปเถอะ, เกรนเจอร์ ในที่สุดเขาก็พูดออกมา ก่อนที่ฉันจะ...ก่อนที่ฉันจะทำร้ายเธอ

    คำพูดนี้ทำให้เธอจ้องมองเขาด้วยความสงสัย เฮอร์ไมโอนี่... เขาร้องขอ  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นนั่งอย่างงุนงง และสับสน ยิ่งเขาเรียกชื่อต้นของเธอ เธอยิ่งแปลกใจ เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะนึกว่าเขาเคยเรียกเธออย่างนี้บ้างไหม บางที เขาอาจจะจูบใครสักคนเพียงไม่กี่วินาที แล้วสามารถเรียกชื่อเธอคนนั้นได้โดยไม่ขัดเขิน ความคิดนี้ทำให้เธอรู้สึก.. สั่น

    บ้าเอ้ย เขาเกือบจะตะโกนมาที่เธอ เมื่อเธอยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่

    ไม่มีความคิดมั่งเหรอ? ออกไปซะ! อะโลโฮโมรา!” เขาหยิบไม้วิเศษออกมา แล้วปลดล็อกที่ประตู

    เธอรอสิ่งนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ? ไปซิ!” เธอมองไปยังเขา เธอต้องการอะไรจากฉัน?” เขาถาม ฉันไม่แม้แต่จะชอบเธอ หรือเธอต้องการให้ฉันทำกับเธอเหมือนผู้หญิงหากินบ้านอื่นๆที่ชอบนอนกับฉันงั้นเหรอ

    “เพี้ย”ฝ่ามือเรียวเล็กของเธอฟาดไปที่แก้มขาวซีดของเขาในทันทีเมื่อเขาพูดจบ

    เฮอร์ไมโอนี่โกรธจนพูดอะไรไม่ออก เพียงแค่การกระทำที่บ่งบอกให้เขารู้เท่านั้น เธอตบเขา แต่ดูเหมือนมันไม่ทำให้เธอมีอาการดีขึ้นเลย กลับทำให้มันยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนอยากอาเจียน

    เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นและ เธอกำลังจะเดินออกไปจากที่นั่น ก่อนที่เธอจะไปถึงประตู เดรโกคว้าตัวเธอให้หันมาเผชิญกับเขาและผลักเธอไปที่ประตูอย่างแรง

    ต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เธอเข้าใจไหม?” เขาพูดอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาตอนนี้มีแต่ความเกลียดชังซึ่งแสดงอย่างโจ่งแจ้ง

    ฉันไม่ต้องการให้ใครคิดว่าฉัน, เดรโก มัลฟอย, ชอบที่จะแตะต้องพวกเลือดมนุษย์สกปรกอย่างเธอ เขาหยิบไม้วิเศษของเธอที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้นและยัดใส่ไว้ในมือของเธอ ก่อนจะเปิดประตูออกแล้วเดินจากไป แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกนอกประตูไปเขาชี้ไม้วิเศษมาที่เฮอร์ไมโอนี่และปลดคำสาปออกจากเสียงของเธอ

     

    เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ตรงนั้น มองดูเดรโกจากไป ผสมด้วยความสงสัย ความรู้สึกผ่อนคลาย และเจ็บปวดปนกัน

     

    เดรโกเดินอย่างเร็ว ท้องไส้รู้สึกปั่นป่วน และหน้าผากเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ เมอลินส์ มันช่างยากนักในเวลานี้ที่เขาข่มอารมณ์ความต้องการตัวเธอไว้ได้  เขาหันหน้าอย่างรวดเร็วพิงหลังเข้ากับกำแพง เขาปิดตาลงอย่างช้าๆและหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง มันทำให้ท้องเขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

     

    เขาสูดลมหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างรวดเร็ว ก่อนเปิดตามองไปรอบๆเพื่อมองดูว่ามีใครเห็นไหม แน่นอนว่าต้องไม่มี คงไม่มีใครกล้าออกมาในเวลาอย่างนี้หรอก เขาค่อยๆโบกไม้วิเศษ ทำลายหลักฐานความอ่อนแอของตัวเขา จากเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่และดูไม่เรียบร้อยของเขา ให้มาอยู่ในสภาพปกติ เขาสงสัยครามครันว่าการกำจัดความผิดอย่างอื่นมันจะง่ายอย่างนี้ไหม

     

    เดรโกไม่ได้รู้สึกหรือสนใจว่าใครจะรับรู้เรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่มีเพียงตนเดียวที่เขากลัว มันคงจะแย่มากหากพ่อเขารู้เข้า ลูเซียส มัลฟอย ผู้ที่ไม่เคยมีความรักให้พวกมักเกิ้ล และเดรโกคาดหวังว่าเขาคงจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองโดยที่พ่อเขาไม่สามารถรับรู้ได้

     

    เขารู้ดีว่าการมีอะไรกับพวกเลือดมนุษย์เป็นสิ่งที่พ่อของเขารับไม่ได้ ในความเป็นจริง หากมีใครรู้เข้าพวกนั้นคงจะตั้งคำถามถึงความจงรักภักดีของตัวเขา ที่มีต่อสายเลือดและวงศ์ตระกูล

     

    เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เขาแค่ต้องการจะทำให้เธอกลัว หรือแม้กระทั่งอยากทำให้เธอร้องไห้ด้วยซ้ำ เขาต้องการจะแก้แค้นเธอและเพื่อนในฐานะที่เป็นศัตรูของเขา มันไม่ได้มากไปที่จะขอ แค่ต้องการจะแก้แค้นเล็กๆน้อยๆ ให้สมกับที่พวกเขาควรจะได้รับ

    แต่..แน่นอน..มันดันกลับตาลปัตร เขาเพิ่งรับรู้ในวันนี้เองว่า การได้สัมผัสเธอโดยตรงมันเหมือนมีปะจุไฟฟ้าที่วิ่งเข้ามาเติมพลังให้กับความต้องการของเขาอย่างเต็มที่

     

    เมอร์ลิน เขาแคร์ความรู้สึกเธอมากเกินไป เขาให้ความสนใจในตัวเธอมากมาย นั่นไม่นับกับที่เธอขัดขืนต่อสู้เขา ซึ่งเขาไม่เคยได้รับจากผู้หญิงคนไหน พวกเธอได้แต่กระโจนเข้าหาเขาเท่านั้นไม่ใช่จะกระโจนออกเหมือนเธอ  บ้าฉิบเขาไม่ควรมีอารมณ์อ่อนไหวกับเธอเลย และมันทำให้เขารู้สึกอ่อนแอ

     ยัยเลือดมนุษย์งี่เง่า  เธอต้องร่ายมนต์เสน่ห์ใส่ฉันอย่างแน่นอน

     

    เขาเม้มปากแน่นระหว่างเดินไปตามทาง  และครุ่นคิด การที่เขาไม่ปล่อยเธอเพราะไม่ต้องการให้มือหรือแขนของเธอมาถูกต้องตัวเขา เขาแค่ต้องการป้องกันตัวเอง   ไม่ ฉันไม่ได้สนใจตัวเธอ แค่เธอเป็นผู้หญิง แค่ความต้องการของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิงทั่วไป แค่ฮอร์โมนของเพศชายในวัยรุ่นเท่านั้น ใช่ ใช่แล้ว เดรโกพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง

    แต่ความคิดอีกด้านหนึ่งของเขากลับขัดแย้ง ทำไมการเผชิญหน้ากับเกรนเจอร์ในครั้งนี้มันช่างแตกต่างจากครั้งที่อยู่หอคอยนักนะ แน่นอน ครั้งนั้นเขารู้สึกยินดีและปรีเปรมที่เขาทำอะไรกับเธอได้โดยที่เธอไม่รู้ว่าเขาคือ เดรโก มัลฟอย แต่ครั้งนี้ เธอรู้ดีว่าเธอต่อกรอยู่กับใคร ความโกรธขึ้นมาอุดอยู่ที่ลำคอ ทำให้เขาต้องกลั้นมันเอาไว้ ความแตกต่างนั้นคงเป็นที่สายเลือด เพราะในตอนนี้เธอคือเลือดสีโคลน และเขาคือเลือดบริสุทธิ์ แต่อย่างไรซะ เธอก็ดูแตกต่าง เธอไม่ใช่คนสวยมาก แต่เธอก็เป็นคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดและน่าค้นหา มีนักเรียนชายหลายคนที่หันมามองเธอซ้ำเป็นครั้งที่สองยามที่เธอปรากฏตัว ถ้าเธอเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ หรือแม้แต่ลูกครึ่ง หรือไม่ใช่เพื่อนของพอตเตอร์ เขาคงจะไม่คิดมากขนาดนี้ ถ้าเธอเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์เขาคงจะชวนเธอออกเดทด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เขาคงจะไม่มีโอกาสนั้นแล้วอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกผิดหวังเสียด้วยซ้ำ เพราะมันคงจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ แต่เขาก็ระงับความรู้สึกนั้นไว้อยู่ภายในลึกๆ

     

    ในที่สุดเดรโกก็มาถึงห้องนั่งเล่นรวมสลิธีริน เขารู้สึกถึงการปลดปล่อย มันไม่มีอะไรที่เขาสามารถแก้ไขได้ เขาจะต้องลืมมันให้ได้ เขาหวังว่าเธอคงจะไม่บอกใครเรื่องนี้ ไม่งั้นเธอจะต้องเสียใจในสิ่งที่เขาจะทำกับเธอแน่

    ­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­

    เช้าวันต่อมาเดรโกรู้สึกว่ามีบางสิ่งรบกวนจิตใจเขา เกรนเจอร์ไปใหนนะ? สายตาของเขาคอยสำรวจว่าเธออยู่ไหน คุยกับใคร หรืออยู่กับใครบ้าง และเขาก็พยายามสบตาเธอเพื่อที่จะเตือนเธอถึงเรื่องเมื่อคืน แต่เธอไม่แม้แต่จะสบตาเขา เธอไปไหนมาไหนกับเพื่อนของเธอตลอดเวลา และทำเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตน แต่นั่นล่ะก็คือสิ่งที่เขาต้องการ และเขาก็เลือกที่จะไม่สนใจมัน ความทะนงตัวของเขานั้นสูง และเขาต้องปลดปล่อยมันกับใครสักคน การพูดจาเยาะเย้ยกับกอยส์มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถึงการปลดปล่อยสักเท่าไหร่นัก

     

     

    ย้อนสู่ปัจจุบัน

    เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ นั่งอยู่ในห้องสมุดใหญ่ของคฤหาสน์มัลฟอย หนังสือวางกางอยู่ที่หน้าตักเธอ พร้อมกับถ้วยชาข้างๆเธอ ในชั่วโมงที่ผ่านมานี้ เธอไม่ได้อ่านหนังสือสักตัวและไม่ได้แตะชาแม้แต่น้อยจนมันเย็น เธอได้แต่ยืนอยู่ข้างๆหน้าต่างเมื่อรถม้าได้มาถึงสักสองสามชั่วโมงที่แล้ว เธอมองดูคนที่เธอรู้จัก นักฆ่าคนที่ชั่วช้าและเหี้ยมโหดเหล่าผู้เสพความตาย ที่พากันทยอยเดินเข้ามายังตัวคฤหาสน์  บางคนนั้นเธอรู้จักจากฮอกส์วอต แต่ส่วนมากเธอจะรู้จักจากที่พวกเขาทำสิ่งที่เลวร้ายกับเพื่อนเธอและตัวเธอ ซึ่งจากที่เธอได้เห็นพวกเขา เธอรู้ตัวว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหน และอยู่กับใคร ซึ่งดูเหมือนกับว่าบางทีเธออาจจะอยู่ในห้วงแห่งการหลับฝัน คิดไปว่าอยู่ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งไม่ได้อยู่ในบ้านของศัตรูที่เธอเกลียดมากที่สุด

    ความเดือดดาลที่มันใกล้จะระเบิดออกมาเต็มที มันพุ่งออกมาเหมือนกับคลื่นทะเล แต่มันมียาดีที่ทำให้เธออยู่แต่ข้างบน ความทรงจำถึงดวงตาของมัลฟอยเวลาที่เขาพูดขึ้นมาว่า เธอไม่อยากจะรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอเมื่อพวกเขาเห็นเธอ ยังคงหลอกหลอนเธออยู่

    เธอได้ยินเสียงพวกเขาจากข้างบน พากันเดินเข้ามาเหมือนกับคนมึนเมา ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ความกังวลใจของเธอดูเหมือนจะเป็นเรื่องไร้สาระ มัลฟอยพยายามจะควบคุมเธอ มันเป็นเพียงแค่การเดินหมากในเกมส์โรคจิตของเขา

    หลังจากที่ปิดหนังสือลง เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นจากโซฟา และเดินช้าๆผ่านชั้นที่ปูด้วยไม้ปาร์เก้ เท้าของเธอกระทบกับแผ่นกระเบื้องอย่างดัง เธอก้าวยาวๆลงไปยังห้องโถงอย่างมั่นใจ ต้นโอ๊คตันใหญ่แผ่เงาปกคลุมกำแพงเปล่าๆ เธอค่อยๆเดินหลังจากที่เธอมาถึงชั้นล่างและมองดูห้องโถงที่มืดสลัว

    เธอได้ยินพวกเขาอยู่ในห้องรับแขก เห็นเงาพวกเขาที่เต้นรำกันอยู่ เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆก้าวอย่างระมัดระวังไปที่ราวบันได วางมือไว้ที่ราวลูกกรงและเอนตัวลงเพื่อที่จะให้เห็นข้างในห้องได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    “กำลังทำอะไรอยู่คุณผู้หญิง?”

    น้ำเสียงดูกระวนกระวายใจและเสียงแหลมๆของชอว์นีย์ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เกือบล้มใส่ราวบันได เสียงหัวเราะในห้องเบาลง เฮอร์ไมโอนี่ต้องถอยหลังมาเมื่อ เอเดรียน พูซีย์และคริสเตียน วอร์ริงตันเดินมาที่ประตูของห้องรับแขก

    “คุณจะมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้! นายเดรกโกบอกแล้วนี่!” ชอว์นีย์เสริม พร้อมกับเอื้อมมือที่สั่นเทามาที่เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังทำตัวแนบกับกำแพงอยู่ พร้อมกับหายใจแผ่วเบา

    “มีอะไรกัน?” เสียงพูดช้าๆของวอร์ริงตันพูดขึ้น

    เอลฟ์ตัวเล็กทำน้ำเสียงเล็กน้อยและเมื่อเธอดีดนิ้วร่างเธอก็หายไป เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้ชายทั้งคู่ พวกเขากำลังเดินตรงมายังบันได เธอกลืนน้ำลายและเดินออกไปข้างหน้า เธอยกหน้าขึ้น พร้อมกับไหล่ตรง เธอขับไล่ความกลัวทั้งหมดออกไป

    “อืม ดูนี่สิ!” พูซี่ย์อุทานขึ้น ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มที่น่าขยะแขยง “ยัยเลือดมนุษย์ของพอตเตอร์นี่เอง!”

    เสียงเดินงุ่มง่ามดังมาจากห้องรับแขกจากนั้นในห้องโถงก็มีผู้ชายอยู่ถึงสามคน เธอจำพวกเขาได้ทั้งหมดจากฮอกส์วอต; วินเซนท์ เครป และเกรกอรี่  กอยส์ยืนเหมือนคนโง่อยู่ข้างเคียงกันเหมือนที่เชาชอบทำอยู่เสมอ และเบลส ซาบินียืนพิงกำแพงห้องรับแขกอยู่ พวกเขาต่างพากันจ้องมองเธออยู่สักครู่ใหญ่ๆ จากนั้นจึงกลายเป็นเสียงหัวเราะดังกึกก้อง

    “ฉันเคยได้ยินเรื่องตลกนี้” เสียงของวอร์ริงตันดังขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกตัวว่าเขาและพูซี่ย์เข้ามาใกล้เธอมากแค่ไหน “ว่าเดรโกได้พาเธอเข้ามาอยู่ที่นี่  แต่ยัยนี่กลับปฏิเสธมันตลอดเวลา!”

    “นาย...อยู่ให้ห่างฉันนะ” เฮอร์ไมโอนี่เตือน พร้อมกับยื่นมือออกไป เพื่อที่จะให้พวกเขาอยู่ห่างเธอ

    “ถ้าไม่แล้วจะทำไม?” พูซี่ย์สงสัย พวกเขาทั้งคู่ต้อนเธอ

    “มัลฟอย-“เธอตะโกนเรียกที่พึ่งสุดท้าย

    “-ออกไปเอาวิสกี้มาเพิ่ม” ซาบินีจบประโยคให้เธอ

    ดวงตาเธอเบิกกว้างและตื่นตระหนก พูซี่ย์และวอร์ริงตันอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ และก่อนที่เธอจะมีโอกาสหันไปเพื่อวิ่งหนี  พวกเขาก็จับแขนเธอเอาไว้ และลากเธอลงบันได ทุบเข้าที่หัวเข่าและตาตุ่มของเธอทุกๆก้าวที่เธอเดิน เธอต่อสู้ พยายามจะสะบัดให้หลุดจากมือพวกเขา

    “เป็นอะไรไปล่ะเลือดมนุษย์ เธอไม่อยากเล่นหรือไง?”

    “มาดูกันดีกว่าว่าเธอใส่กางเกงในไหม” กอยส์หยอกล้อ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่เตะแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งมันไปโดนหัวเข่าของวอร์ริงตัน ทำให้เขาร่วงลงไปข้างล่าง

    ซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาคลายมือจากเธอ เธอจึงใช้โอกาสนี้สะบัดหลุดจากมือเขาและวิ่งขึ้นบันไดไป ทันใดนั้นมีมือมาจับเข้าที่ข้อเท้าของเธอและนั่นทำให้เธอล้มลง แก้มของเธอล้มฟาดเข้ากับขั้นบันได เธอลิ้มรสได้ถึงเลือดสดๆระหว่างที่ตาของเธอมองเห็นแต่ดาว เธอกรี๊ดร้องด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงเพื่อที่จะร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งมันทำให้พวกเจาหัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิม

    เธอรู้สึกได้ว่าร่างของเธอถูกดึงขึ้น เธอมองเห็นเลือดของเธอระหว่างที่โดนลากไป เธอถูกพลิกตัวอย่างแรง ทันใดนั้นเธอข่วนเข้าที่ใบหน้าของวอร์ริงตัน เนื้อของเขาเข้าไปอยู่ในซอกเล็บของเธอ เขาตบเข้าที่หน้าของเธออย่างแรง ทำให้ปากของเธอบวมช้ำ ข้างหลังมีเสียงเชียร์ดังกึกก้องระหว่างที่เขาจับข้อมือทั้งสองของเธอไว้ด้วยมือที่ใหญ่โตของเขา ส่วนมืออีกขเงของเขาพยายามที่จะกางขาของเธอให้กว้างขึ้น เธอขัดขืนอย่างแรงโดยพยายามจะเตะพวกเขา ใครก็ได้ที่อยู่ใกล้เท้าของเธอ

    “เสื้อผ้าพวกนี้เกะกะชะมัด...” วอร์ริงตันพูดออกมา พร้อมกับกระชากกางเกงนอนเธอออกมาและโยนมันออกไป พร้อมกับเลื่อนนิ้วมือผ่านกางเกงชั้นในของเธอเพื่อจะพิสูจน์ให้เห็นถึงเนื้อในของเธอ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×