ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry potter I never regretted that she lovers (เดร/เฮอร์)

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6: ความเหมือนที่แตกต่างของพี่น้องมัลฟอย

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 53


     

    Chapter 6: ความเหมือนที่แตกต่างของพี่น้องมัลฟอย
     
    เดรโกถอนใจเสียงดังเขารู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่รังเกียจรสสัมผัสจากเขาและเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขืนเขาเด็กหนุ่มครางอย่างขัดใจ เขาผละจากริมฝีปากของเธอและดึงร่างบางของเฮอร์ไมโอนี่ที่พยายามดิ้นรนอย่างเต็มกำลัง กระแทกเข้ากับผนังของห้องพยาบาลก่อนที่จะฝังจมูกของเขาไปตามซอกคอของเธอ และต่ำลงมาเรื่อยๆ..........เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นด้วยความกลัว ความโกรธ และ ความเกลียด สารพัดที่เธอมีให้กับเด็กหนุ่มที่กำลังหยามศักดิ์ศรีของเธอต่อหน้าเพื่อนรักของเธอในขณะนี้ เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นรนขัดขืนจนร่างกายปวดระบมไปทั่วร่างกับการสัมผัสที่รุนแรงของเขา แรงกระแทกร่างบอบบางของเธอเข้ากับผนังห้องแข็งๆ หรือแม้แต่การจับเธอเหวี่ยงปะทะกับร่างแข็งแรงราวนักกีฬาควิชดิชอย่างเขามันทำให้เธอสั่นจนแทบเข่าอ่อน
     
    ความรู้สึกของเฮอร์ไมโอนี่ช่างแตกต่างจากเดรโกอย่างสิ้นเชิง จิตใจของเดรโกในตอนนี้พยายามต่อต้านกับกลิ่นกายอันหอมละมุนของหญิงสาวเดรโกรู้สึกได้ถึงจิตใจที่อ่อนแอของเขาในทันใด เขาอธิบายความรู้สึกนั้นไม่ได้เลยมันแปลกเกินกว่าเขาจะเข้าใจถ้าเขาไม่ระวังตัวให้ดี เขาอาจจะเผลอไผลไปกับรสสัมผัสของเธอได้
     
    ตอนแรกเดรโกคิดที่จะสั่งสอนและหยามศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงของเธอเพียงแค่เล็กน้อย แต่อาการรังเกียจ ที่แสดงออกของเธอมันทำให้เขาโมโห ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนต่อต้านเขา และหญิงสาวคนนี้เป็นคนแรกที่ต่อต้านเขาอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอคือศัตรูของเขาด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะ และแก้แค้นเธอ   เขาต้องการให้เธออ้อนวอนขอร้องเขาไม่ให้ทำอะไรตัวเธอ เขาอยากให้เธอก้มหัวยอมศิโรราบให้กับเขา และเขาอยากให้เธอเกรงกลัวต่อเขาในที่สุด
     
    เดรโกดึงริมฝีปากออกมาจากซอกคอของเธอและเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่งดงามนั้นอีกครั้งเขาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ เพียง เพื่อขอให้ได้เห็นความหวาดกลัวในดวงตาของเธอ และเขาก็จะยอมฝืนตัวเองสักครั้งเพื่อปล่อยเธอไป แต่ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยของเธอกลับเบิกกว้างและเอ่อคลอด้วยน้ำตา กำลังมองตอบเขาด้วยสายตาที่ชิงชังและเคียดแค้น และริมฝีปากของเธอที่แดงช้ำจากการจูบอันหนักหน่วงของเขา ก็ก่นด่าเขาอย่างหยาบคาย  
     
     “แกมันไอ้คนชั่ว สารเลว ฉันเกลียดแก ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน”
     
    และด้วยเหตุผลนี้ มันทำให้สติของเขาอยากจะแก้แค้นเธอด้วยวิธีอื่นแทนที่จะเป็นการปล่อยเธอไปอย่างที่คิดไว้แต่แรก
     
    เร็วเท่าความคิด มือของเดรโกตวัดคว้าเอวเธอขึ้นพาดไหล่อย่างค่อนข้างลำบาก เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ออกแรงดิ้นรนต่อสู้สุดฤทธิ์เขาเดินตรงไปที่เตียงพยาบาลตัวหนึ่งที่อยู่ถัดมาจากที่แฮร์รี่นอนตัวแข็งเนื่องจากเวทมนต์ของเขา แล้วจึงโยนเธอลงบนเตียงอย่างไม่ปรานีปราศรัย ต่อมาจึงล้มตัวลงคล่อมทับตัวเธอไว้ในทันที
     
    ใบหน้าของแฮร์รี่ในยามนี้ซีดเผือดด้วยความกลัวหัวใจเต้นแรงด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่มีเหตุผล
    เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆที่ได้แต่จ้องมองดูร่างบอบบางของเฮอร์ไมโอนี่ที่ดิ้นรนขัดขืนจากการกระทำอันรุนแรงของเดรโก มัลฟอย โดยที่ตัวเขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย
     
    น้ำตาไหลอาบแก้มของหญิงสาวเป็นปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจต่อความหวาดกลัวจากสิ่งที่เธอได้รับ เฮอร์ไมโอนี่หายใจไม่ออกไปชั่วขณะเธอมึนงง และทุกอย่างรอบตัวว่างเปล่าไปหมด
     
    "แฮร์รี่ รอน ใครก็ได้ช่วยด้วย"
    เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนออกมาสุดเสียงและก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับมืดลง คล้ายๆร่างของเดรโกถูกกระชากออกไปจากตัวเธอ.......................................................
     
    หมัดแรกอัดที่สีข้าง เป็นหมัดที่ชกจากด้านข้างเข้าเป้าอย่างแม่นยำด้วยความเชี่ยวชาญ เป็นฝีมือชายลึกลับที่แฝงไปกับความมืด เดรโกครางด้วยความเจ็บปวด ความจุกเสียดทำให้เขาผละออกจากร่างบางของเฮอร์ไมโอนี่และทรุดฮวบลงไปกองที่พื้นทันที เข่าข้างหนึ่งแตะพื้นห้อง  และก่อนที่เขาจะถูกจู่โจมเป็นครั้งที่สองเดรโกเอี้ยวตัวหลบหมัดนั้นได้ทันท่วงที เขากำหมัดของเขาแน่นก่อนสวนตอบกลับไปบ้าง หมัดของเดรโก โดนใบหน้านั้นอย่างจัง ทำให้ชายนิรนามเสียการทรงตัวทรุดลงคุกเข่าอยู่บนพื้นทันที เดรโกใช้จังหวะที่เป็นฝ่ายได้เปรียบโถมเข้าใส่ชายนิรนามก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนได้ก่อน เดรโกคว้าคอเสื้อฝ่ายตรงข้ามไว้แน่นก่อนจะเพ่งมองว่าใครกันที่บังอาจทำร้ายคนในตระกูลมัลฟอยให้บาดเจ็บได้
     
    เดรโกหรี่ตา และปรับโฟกัสไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่ม เมื่อเห็นหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นชัดเจนดีแล้ว เดรโกถึงกับสบถออกมาอย่างแค้นเคือง
     
    “ห่าเอ้ย แกมาทำบ้าอะไรที่นี่ วินเวิร์ด”
    ใบหน้าของวินเวิร์ดยังคงเรียบเฉยแม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บที่ใบหน้าเนื่องจากหมัดอันหนักหน่วงของเดรโกที่เสยเข้าให้อย่างจังตรงโหนกแก้มของเขาก็ตาม
     
    “แกไม่ควรทำกับผู้หญิงแบบนั้น มันไม่ใช่วิสัยของผู้ชายที่แท้จริง”วินเวิร์ดพูดพร้อมกับปัดมือของเดรโกที่ขยุ้มคอเสื้อของเขาออกอย่างแรง
    “นั่นมันเรื่องของฉัน แกไม่เกี่ยว”เสียงของเดรโกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
    “ฉันก็ไม่อยากจะเกี่ยว ถ้าฉันไม่ได้ใช้นามสกุลร่วมกับแกในตอนนี้ เดรโก”.ใบหน้าอันหล่อเหลาของเดรโกแดงก่ำด้วยความโกรธเขาส่งเสียงคำรามกลับไปเป็นคำพูด
    “ก็ได้ถ้าแกอยากจะซ่ากับฉันงั้นเจอกันหน่อย” เดรโกพูดจบก่อนจะพุ่งทะยานตัวออกไปอย่างรวดเร็วเข้าใส่เด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่กลัวเกรง
     
    และในตอนนี้ ทั้ง เดรโก มัลฟอย และวินเวิร์ด มัลฟอย ต่างแลกหมัดกันชนิดที่ไม่มีใครยอมลงให้ใคร ช่วงจังหวะหนึ่งที่พวกเขาต่างหาช่องว่างเพื่อฝากแผลให้กับคู่ต่อสู้ของแต่ละฝ่าย วินเวิร์ดกำลังคิดถึงวิธีการที่จะยุติการต่อสู้นี้โดยเร็วก่อนที่ผู้ดูแลห้องพยาบาลหรือใครคนอื่นจะมาเห็น และคงจะไม่ดีแน่ถ้าเกิดการสอบสวนขึ้น คนอื่นจะอ้างเหตุผลอะไรเขาไม่สน แต่ตัวเขาซึ่งเป็นเด็กใหม่คงจะผิดปกติที่ออกมาเดินนอกหอนอนในเวลากลางคืนแบบนี้ แถมยังมีเรื่องทะเลาะวิวาทเสียตั้งแต่วันแรกที่มาอยุ่เสียด้วย และที่สำคัญเขาไม่ต้องการให้คนอื่นสงสัย วินเวิร์ดตวัดไม้วิเศษของเขาที่สอดไว้ด้านหลังออกมาทันทีพร้อมร่ายคาถาไปที่เดรโกอย่างรวดเร็ว
     
    “ไอ้” แค่มีโอกาสสบถได้แค่คำเดียว เดรโกยังไม่ทันได้แก้ไขสถานการณ์ได้ทัน ลำแสงสีเขียวได้พุ่งออกมาจากปลายไม้กายสิทธ์ทำให้เกิดแรงอัดพุ่งเข้าชนปะทะใส่ร่างของเดรโกเข้าอย่างจัง ทำให้ร่างของเดรโกกระเด็นออกไปห่างจากตัวเขาและพุ่งชนกับกำแพงเสียงดัง
     
    เดรโกส่งเสียงครางเมื่อลุกขึ้น เขาเลื่อนมือมาจับที่หัวที่ถูกกระแทก หัวของเขาปวดตุ๊บๆแต่ไม่มากนัก ใบหน้าของเดรโกแดงกล่ำด้วยความโกรธเขาหันมาถลึงตาใส่วินเวิร์ดและตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่อีกครั้งถ้าบังเอิญเขาไม่เหลือบไปเห็นไม้วิเศษของวินเวิร์ดที่จ่อตรงมาทางเขาอย่างมั่นคง
     
    “กลับไปซะพี่ชาย อย่าให้ฉันต้องทำรุนแรงกับนาย”วินเวิร์ดพูดพร้อมกับจ้องตาเดรโกอย่างดุดันเดร“กลับไปซะพี่ชาย อย่าให้ฉันต้องทำรุนแรงกับนาย”วินเวิร์ดพูดพร้อมกับจ้องตาเดรโกอย่างดุดันเดร
    โกจ้องหน้าวินเวิร์ดหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแต่ก็จำต้องผงกหัวที่ยังปวดตุ๊บอยู่และส่งเสียงครางด้วยความหงุดหงิด
    “สักวันหนึ่งเถอะแกต้องเจอดีแน่ วินเวิร์ด”
     
    เดรโกอยากจะบอกวินเวิร์ดว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแต่เขายังไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับน้องชายอุปโลกคนนี้ของเขาดีพอ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นอีกในตอนนี้ และเขาจำเป็นต้องยุติการทะเลาะกันก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปมากกว่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ที่เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่
     
    ก่อนที่เดรโกจะเดินออกไปจากห้องพยาบาลเขาหันมาคำรามใส่แฮร์รี่ที่ยังนอนตัวแข็งอยู่อย่างหาเรื่อง
     
    ”อย่าคิดนะว่าเรื่องนี้จะจบลงแค่นี้พอตเตอร์ ช่วยบอกยายเลือดสีโคลนของแกด้วยว่าระวังฉันไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
     
    เดรโกสะบัดร่างหันหลังเดินกลับออกไปยังโถงทางเดินที่มืดมิดมุ่งหน้ากลับหอนอนสลิธลีนอย่างใจเย็นและควบคุมอารมณ์อันหงุดหงิดของตัวเองได้มากกว่าเดิม
     
    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
     
    แฮร์รี่ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เนื่องจากอาการเจ็บปวดที่เขาได้รับบาดเจ็บเมื่อตอนหัวค่ำยังคงมีอยู่ เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาร่างบอบบางของเฮอร์ไมโอนี่แทบจะทันที หลังจากที่วินเวิร์ดคลายสะกดให้เขาแล้ว
     
    “เฮอร์ไมโอนี่ ตื่นสิ เธอ...เป็นอะไรหรือเปล่า”เสียงเรียกอย่างอ่อนโยนและสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของแฮร์รี่ทำให้ดวงตาสีเขียวที่เต็มไปด้วยความเย็นชาตามแบบฉบับของตระกูลมัลฟอยมองเขม็งมาที่แฮร์รี่ก่อนจะเอ่ยขึ้น“เธอคงสลบไปน่ะ พอตเตอร์”
     
     “เฮอร์ไมโอนี่คงตกใจมาก เพราะไอ้เลวนั่นทีเดียว” แฮร์รี่สบถก่อนที่เขาจะหันมาสบตากับเด็กหนุ่ม
     
    “แต่ยังไงคงต้องขอบใจนาย ....เออ.... นาย “
     
    “ก็อย่างที่นายได้ยิน ที่เดรโกเรียกฉัน “แฮร์รี่ยิ้มแหยๆ จริงของวินเวิร์ดจากการที่ได้ยินเดรโกและเด็กหนุ่มคนนี้สนทนากันหรือถ้าจะเรียกให้ถูกวิวาทใส่กัน มันก็ทำให้เขาพอที่จะรู้ชื่อต้นของเด็กหนุ่มอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ทำให้แฮร์รี่แปลกใจคือความสัมพันธ์อันคลุมเครือของพี่น้องคู่นี้ที่ดูแล้ว ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นัก
     
    “นายเป็นน้องชายของเดรโกงั้นเหรอ “แฮร์รี่ถามมันทำให้วินเวิร์ดนิ่งเงียบไปชั่วครู่เขาตอบโดยไม่ใส่ใจกับคำตอบของเขามากนัก
     
    “จะว่างั้นก็ได้” คำตอบที่ดูคลุมเครือของวินเวิร์ดทำให้แฮร์รี่สะดุดใจ
     
    “ฉันไม่คิดว่ามัลฟอยจะมีน้องชายได้ยินว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล”เมื่อแฮร์รี่พูดจบเขาสังเกตุเห็นมีรอยยิ้มกระตุกที่มุมปากของชายหนุ่ม
     
    “อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้ พอตเตอร์ บางสิ่งที่นายคิดว่าใช่แต่ความจริงมันกลับไม่ใช่ในสิ่งที่เราคิดก็ได้”น้ำเสียงประกาศความน่ากลัวในคำพูดของเขา ตาของวินเวิร์ดกระตุกเพียงเล็กน้อยน้ำเสียงระมัดระวังต่ำทุ้มและเคร่งเครียดมันทำให้แฮร์รี่ถึงกับเสียวสันหลังวูบอย่างแปลกประหลาด อะไรบางอย่างในคำพูดที่เป็นนัยของวินเวิร์ดทำให้เขาหนาวสั่น
     
    “นายหมายความว่ายังไง”แฮร์รี่ถามและจ้องมองเขาอย่างตะลึงงัน แต่เพียงแค่ชั่วครู่เมื่อแฮร์รี่สะดุ้งเหมือนตื่นจากการสะกดจิต ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงประตูที่เปิดออกพร้อมเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เข้ามาในห้อง
     
     “อ้าว ลุกขึ้นมาทำไมกันล่ะคุณพอตเตอร์ อาการเธอยังไม่หายดีเลยนะ แล้วคุณ”มาดามพอฟฟรีย์ชะงักเมื่อเธอเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน” มาทำอะไรที่นี่ ไม่สบายเหรอ เอ๊ะแล้ว นั่น คุณเกรนเจอร์ไม่ใช่เหรอ ทำไมมานอนที่นี่ล่ะ”
     
    “เออ คือ “ แฮร์รี่ขยับตัวอย่างอึดอัด ก่อนจะหาข้อแก้ตัวดีๆให้กับมาดามพอมฟรีย์แต่ก่อนที่แฮร์รี่จะคิดออกเสียงชายหนุ่มอีกคนกลับแก้ตัวไปให้เสียก่อนแล้ว
     
    “เธอเป็นลมน่ะครับ ผมก็เลยพาเธอมาที่นี่”น้ำเสียงของวินเวิร์ดแสดงออกทั้งการแก้ตัวและเบื่อหน่ายนิดๆ
     
    “งั้นเหรอ ไหนขอฉันดูหน่อย”ผู้บำบัดประจำห้องพยาบาลรีบเดินเข้าไปใกล้ร่างบางที่ยังคงนอนไม่ได้สติอย่างร้อนใจ ในขณะที่มาดามพอมฟรีย์เดินเข้ามาใกล้เธอนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็เริ่มได้สติ  เปลือกตาหนักอึ้งของเฮอร์ไมโอนี่ปรือขึ้นอย่างช้าๆเธอกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาตัวเอง
    ภาพที่เห็นดูเลือนรางในตอนแรกเริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆใบหน้าของสตรีวัยกลางคนที่ดูเคร่งเครียดแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆเธอ
     
    “มาดามพอมฟี้ย์ “เฮอร์ไมโอนี่ครางชื่อของผู้บำบัดประจำห้องพยาบาลเสียงแผ่วเบาก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วห้องเพื่อหาร่างของคนตัวต้นเหตุทีทำไห้เธอเป็นแบบนี้อย่างหวาดวิตกเมื่อเธอไม่เห็นร่างของเด็มหนุ่มผมบลอนส์คนนั้นเธอจึงเริ่มสำรวจดูเสื้อผ้าตัวเองอย่างกระวนกระวายก่อนเผลอถอนหายใจตัวเองออกมาเมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด
     
     “หนูไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ร่างกายที่ถูกกระแทกและถูกกระทำอย่างรุนแรงทำให้เธอรู้สึกว่าร่างกายปวดระบมไปทั้งตัว มีผลทำให้การคลื่อนไหวของเธอช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
     
    “แล้วเกิดอะไรขึ้น ” ผู้บำบัดมองหน้าเธอเขม็งแต่เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าหลบสายตามาดามพอมฟรีย์อย่างไม่ค่อยสบายใจนักเรียวปากเธอเม้มแน่นและแนวกรามที่งดงามของเธอเครียดเกร็ง
    แฮร์รี่มองหน้าเพื่อนรักอย่างพอที่จะเข้าใจ
     
    “เธอคงเหนื่อยนะสิ ใช่ไหมเฮอร์ไมโอนี่เลยเป็นลมไป”แฮร์รี่พูดแก้ตัวให้พลางแอบขยิบตาให้เธอเหมือนรู้กัน
     
    “อ้อ ใช่ ค่ะ หนูคงเพลียน่ะค่ะวันนี้วุ่นทั้งวันเลย”เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเจื่อนๆ
     
    “อย่างงั้นช่วยนอนลงที่เตียงด้วยฉันขอตรวจเธอดูหน่อยก็แล้วกัน ส่วน เธอ” มาดามพอมฟรีย์หันมาทางวินเวิร์ด ”ช่วยรอก่อนนะ ถ้าไม่ลำบากมากนักคงต้องวานเธอเดินไปส่งสุภาพสตรีที่หอนอนหน่อย “
     
    เฮอร์ไมโอนี่ตาพองเมื่อได้ยินที่มาดามพูดเธอหันหน้ามามองชายหนุ่มสลับกับมองหน้ามาดามพอมฟรีย์
     
    “ไม่เป็นไรค่ะหนูไปเองได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นมาทันทีเมื่อตั้งสติได้ แต่เธอเองก็ต้องแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงราบเรียบแต่ก็มีความแข็งกระด้างในน้ำเสียงนั้นพูดตามเธอทันทีเมื่อเธอพูดจบ
     
    “ไม่เป็นไรเช่นกันครับผมรอได้ “วินเวิร์ดมองเธอด้วยดวงตาที่เย็นชา ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ที่มองตอบเขาอยู่เช่นกัน เห็นได้ถึงความฉลาดเฉียบแหลม รวมทั้งการควบคุมตัวเองได้อย่างดี และสิ่งที่สำคัญที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่วิ่งผ่านตัวเธอไปมา เธอรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างในตัวของเขา
     
    “คุณพอตเตอร์ คุณควรจะพักผ่อนได้แล้ว ไปนอนซะนี่เป็นคำสั่ง”มาดามพอฟฟรีย์กล่าวเสียงเข้มกับคนไข้ในการดูแลของเธอ แต่คนไข้ของเธอกลับดื้อดึง
     
    “ผมจะไปนอนแน่ฮะแต่ผมขอรอดูอาการของเฮอร์ไมโอนี่ก่อนว่าเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ”
     
    มาดามพร๊อฟฟรีย์ ตรวจดูร่างกายของเด็กสาว ก่อนถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆยกเว้นแต่รอยฟกช้ำบางแห่งเท่านั้น
    “เธอแค่ร่างกายอ่อนเพลียนิดหน่อยแล้วก็มีรอยฟกช้ำบ้างเล็กๆน้อยๆนอกนั้นก็ไม่เป็นอะไรมาก ฉันจะเอายาแก้ช้ำมาให้เธอดื่มก่อนแล้วก็กลับไปนอนที่หอได้เลย เออ ว่าแต่เธอไปเป็นลมอีท่าไหนไหนกันปากเธอถึงได้บวมแดงแบบนั้นน่ะ ”
     
    เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง เธอหันไปมองที่แฮร์รี่ที่ยืนหน้าแดงกล่ำ เพราะความเขินหรือความโกรธเธอเองก็ไม่แน่ใจนัก เธอเผลอจับปากของเธอที่ดูบวมเล็กน้อยจากรสสัมผัสที่รุนแรงของเดรโกอย่างขุ่นเคืองใจ เธอไม่ได้ตอบคำถามของมาดามพร๊อมฟรีย์และมาดามเองก็ไม่ได้รอที่จะได้รับคำตอบจากเธอด้วยเช่นกัน
     
    “ขอบคุณค่ะมาดาม”เฮอร์ไมโอนี่กล่าวก่อนที่มาดามจะผละตัวเองไปเอายาที่ตู้ยาประจำตัวอีกมุมหนึ่งของห้อง ในขณะที่แฮร์รี่ได้โอกาสเดินมาคุยกับเฮอร์ไมโอนี่ใกล้ๆ
     
    “แฮร์รี่ ฉัน...” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยท่าทางอึดอัดใจ
     
    “เธอไม่เป็นอะไรเฮอร์ไมโอนี่ วินเวิร์ดช่วยเธอไว้ได้ทัน”แฮร์รี่พูด สายตาของเฮอร์ไมโอนี่มองข้ามไหล่ของแฮร์รี่ไป ยังเด็กหนุ่มอีกคน ที่พยายามถอยกลับไปยังมุมมืดซึ่งเป็นระยะห่างที่เขาสามารถศึกษาและประเมินต่อปฏิกิริยาต่อสิ่งที่เขาเห็นได้
     
    เขามองเฮอร์ไมโอนี่ตามสัญชาตญาณการคาดคะเนที่เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มีอยู่ภายในตัวเขา
    เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนที่สะดุดตาค่อนข้างมากเธอไม่ได้สวยจนคนอื่นๆต้องเหลียวหลังมองเหมือนอมาธาร์ แต่เธอเป็นคนที่มีเสน่ห์อยู่ในตัวเอง เขาชอบอะไรหลายๆอย่างในตัวเธอ แววตาที่ชาญฉลาดคู่นั้นของเธอ จมูกที่โด่งรั้น โดยเฉพาะริมฝีปากสีชมพูสดนั้น   ทำให้เขาอดคิดถึงความโชคดีของเดรโกไม่ได้
     
    “วินเวิร์ดเหรอ ผู้ชายคนนั้นใช่ไหม”เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าไปที่เด็กหนุ่มที่ยืนรออยู่ห่างจากพวกเธอพอสมควร
     
    “วินเวิร์ด มัลฟอย”
     
    เฮอร์ไมโอนี่มองวินเวิร์ดอีกเสี้ยววินาทีก่อนหันไปทางแฮร์รี่ “เขาเป็นอะไรกับตระกูลมัลฟอย”
    “เขาเป็นน้องชายของเดรโก มัลฟอย แต่เท่าที่ฉันดู พวกเขาดูท่าทางจะไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่”แฮร์รี่บอกในสิ่งที่เขาสังเกตุเห็นและเรื่องราวหลังจากที่เธอสลบไปแล้วให้ฟังอย่างคร่าวๆ
     
    “ฉันว่าเขาดูแปลกๆ ไม่น่าไว้วางใจเลย”เฮอร์ไมโอนี่หน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อย
     
    “แต่เขาก็ช่วยพวกเราไว้นะเฮอร์ไมโอนี่ ไม่เหมือนไอ้หมาบ้านั่น มันเกือบทำลายเธอ มันจูบ...”แฮร์รี่ชะงักคำพูดนั้น และห้ามตัวเองไม่ให้กัดฟันอย่างยากลำบาก
    “ รอให้ฉันออกไปก่อนเถอะฉันจะสาปมัน”
     
    “แฮร์รี่อย่านะ ใจเย็นๆสิ เรื่องของเดรโกฉันจะจัดการเอง อีกอย่าง ขอร้องนะ อย่าให้รอนรู้เรื่องนี้เด็ดขาด “คำพูดนี้สะท้อนความไม่บายใจกลับมาหาแฮร์รี่อย่างปุบปับ เฮอร์ไมโอนี่จะจัดการกับเดรโกอย่างไร แค่มันทำกับเธอขนาดนี้เขาก็แทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว ถ้าเฮอร์ไมโอนี่พลาดท่าให้มันล่ะ แฮร์รี่รู้สึกเซ็ง เซ็งการเจ็บป่วยและเซ็งตัวเองและเหนือสิ่งอื่นใดแฮร์รี่เบื่อหน่ายต่อความรู้สึกที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นๆได้ เขาไม่อยากให้ตัวเองอยู่ในสภาพแบบนี้
     
    “ทำไมไม่ให้รอนรู้”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบกึ่งถามกึ่งสงสัยในที
     
    “เพราะรอนวู่วามนะสิ ถ้ารอนเป็นคู่ต่อสู้ของเดรโกฉันจะไม่ว่าเลย “
    และการสนทนาก็จบลงเพียงแค่นั้นเมื่อ มาดามพรอฟฟี้เดินกลับมาพร้อมกับแก้วยาในมือ เธอยื่นให้เฮอร์ไมโอนี่ที่ทำสีหน้าผะอืดผะอมก่อนรับตัวยานั้นขึ้นมาดื่ม
     
    “ดื่มเสร็จแล้วก็กลับหอนอนได้เลย ส่วนคุณพอตเตอร์ไปนอนซะ วันนี้ฉันว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเองเพราะว่าฉันมีงานที่ต้องทำในห้องพยาบาลเยอะเลยอย่างน้อยก็ต้องปรุงยาแก้ต่อกระดูกให้มากๆหน่อยเพราะยาเก่าเริ่มเหลือน้อยแล้ว อีกอย่างพวกเด็กๆพ่อมดแม่มดรุ่นเธอก็ค่อนข้างเก่งกล้ากันซะเหลือเกินฉันกลัวว่ายาอาจจะไม่พอต่อกระดูกให้พวกเขา อย่างน้อยๆก็วันนี้ เธอก็เป็นรายแรกแล้วคุณพอตเตอร์”
     
    เฮอร์ไมโอนี่ยื่นแก้วยาเปล่าๆที่เธอพยายามกระเดือกมันลงคออย่างยากลำบากส่งคืนให้กับมาดาม-พร๊อฟฟรีย์แล้วลงจากเตียงเพื่อกลับหอนอนของเธอ
    “ไปก่อนนะแฮร์รี่แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยมเธอพร้อมกับรอน”
     
    แฮร์รี่ยิ้มให้เธอและอดที่จะเตือนเธอด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
    “เฮอร์ไมโอนี่ ระวังตัวด้วยนะ ถ้าไปไหนมาไหนก็อย่าไปคนเดียวล่ะ”
     
    “เอาน่าฉันรู้ว่าต้องทำยังไง”
    เธอกวาดรอยยิ้มไปให้แฮร์รี่แล้วจึงเดินออกจากห้องไปโดยมีวินเวิร์ดเดินตามหลังและถ้าสายตาของแฮร์รี่ไม่ฝาด   ก่อนประตูปิดลงดวงตาสีเขียวมรกตของวินเวิร์ด มัลฟอยเด็กหนุ่มคนนั้นมองเหมือนหยั่งเชิงมาที่เขาเป็นครั้งสุดท้าย
     
    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
     
    ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ หลังจากที่ออกจากห้องพยาบาลมาได้สักพักและพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยระหว่างทางเดิน
    “ขอบใจนะ มัลฟอย”
    “เรียกฉันว่าวินเวิร์ดมันน่าจะง่ายกว่านะ”เขาพูดค่อนข้างสุภาพแต่ใบหน้าของเขากลับเยือกเย็นดูไร้อารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
     
    สายตาของเฮอร์ไมโอนี่นุ่มนวลลงความคิดของเธอในตอนนี้คิดว่าวินเวิร์ดอาจจะไม่ได้ร้ายกาจเหมือนพี่ชายของเขาก็ได้ อย่างน้อยเขาเองที่เป็นคนช่วยเธอจากสิ่งอัปยศในวันนี้
     
    “เออว่าแต่นายมาทำอะไรที่ห้องพยาบาลค่ำๆมืดๆกันล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ถามตรงประเด็นในสิ่งที่เธอเคลือบแคลงใจ
     
    เขาจ้องเธออยู่เป็นนานในขณะที่เธอสงสัยว่าเขาจะตอบเธอ หรือ ไม่ และแล้วรอยยิ้มเยาะก็ปรากฎบนริมฝีปากของเขา
    “ฉันออกมาเดินเล่น แล้วก็เลยหลงกลับหอนอนไม่ถูกพอดีฉันได้ยินเสียงเธอร้องก็เลยเข้ามาดู”
     
     “เธอก็เลยช่วยฉันได้ทันเวลาพอดี”เฮอร์ไมโอนี่ผงกศรีษะรับอย่างเข้าใจและยิ้มให้เขาเล็กน้อย
     “เปล่า ฉันไม่ได้คิดจะช่วยเธอ”
     
    “อะไรนะ”เฮอร์ไมโอนี่แทบสำลักคำพูดออกมาในทันทีสายตาของเธอยังคงดื้อดึงเหมือนไม่พยายามจะเชื่อในคำพูดของเขา เธอคิดว่าเขากำลังพูดเล่นกับเธอ
     
    “ฉันไม่ได้ช่วยเธอ แต่ฉันช่วยวงศ์ตระกูลของฉันมากกว่า”
    หญิงสาวตะลึงตัวแข็งด้วยอารมณ์อันผสมผสานระหว่างความหวาดกลัวต่อความคิดอันร้ายกาจของเขาและความขุ่นเคืองใจ แต่เมื่อเขาหลิ่วตาให้ความรู้สึกอย่างหลังก็เป็นฝ่ายมีชัย
    “อ้อ เป็นอย่างงี้นี่เอง  นายเองคงไม่ได้แตกต่างจากพี่ชายนายสักเท่าไหร่สินะ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของนายเป็นสิ่งเดียวละมั้งที่พวกนายจะต้องปกป้อง ไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะทำร้ายคนมากมายสักเท่าไหร่เพื่อวงศ์คระกูลอันเลอเลิศของนาย พวกนายก็คงไม่สนสิ  ใช่ไหม ร้ายกาจมาก ถ้าอย่างนั้น ฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณนายนะสิ”เขาไม่แสดงกิริยาโกรธเคืองต่อวาจาเผ็ดร้อนของเธอแม้แต่น้อย
    “เปล่า ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นเกรนเจอร์”
    “แล้วนายคิดยังไง”ด้วยเหตุผลบางอย่างความโกรธเคืองอย่างไม่ปิดบังของเฮอร์ไมโอนี่ทำให้เขารู้สึกขัน
     
    วินเวิร์ดไม่ได้แก้ตัวอะไร มีเพียงแต่แววตาของเขา ที่ฉายแววพอใจลึกๆต่อท่าทางของเธอ
     
    ความรู้สึกไม่สบายใจผ่านเข้ามาในความรู้สึกอันเฉียบไวของเฮอร์ไมโอนี่เธอไม่เข้ใจว่าทำไมเธอจึงคิดว่าวินเวิร์ด มัลฟอยจะดีกว่าพี่ชายของเขา สิ่งนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าวินเวิร์ด ก็ไม่ได้แตกต่างกับคนพี่เลยแม้แต่น้อย อาจจะแตกต่างบ้างตรงที่วินเวิร์ดค่อนข้างจะเก็บอารมณ์รัก และชัง ได้ดีกว่ามัลฟอยคนพี่ ในขณะที่เดรโก เป็นคนที่ชอบเปิดเผยออกมาตรงๆ ดุดันและป่าเถื่อนอย่างโจ่งแจ้ง แต่คนที่ทำให้เธอกลัวได้อย่างจริงจังกลับเป็นคนที่ลุ่มลึกแบบวินเวิร์ด มัลฟอยคนนี้มากกว่า
     
     “เอาล่ะจะยังไงก็ตาม ตามมารยาทฉันก็ควรต้องขอบคุณนายอยู่ดีไม่ว่านายจะเจตนาจะช่วยฉันหรือไม่ก็ตามฉันติดหนี้นาย มาสิ ฉันจะพานายไปส่งที่หอนอนสลิธลีนเอง”
     
    เฮอร์ไมโอนี่เดินนำวินเวิร์ดไปอย่างเงียบๆไปตามห้องโถงยาวแคบซึ่งเปิดไฟไว้สว่างไสวสู่ประตูไม้ตอกประดับด้วยหมุดเหล็กบานใหญ่ วินเวิร์ดหยุดเดินเขาเหลียวมองไปรอบๆอย่างพิจารณา
     
    “ที่นี่ไม่ใช่ทางไปหอนอนสลิธลีน”
     
    “เก่งนี่ แสดงว่านายไม่ได้หลงทาง”เขานึกขันในคำตอบและวาจาตอบโต้ของเธอ
     
    “แล้วเธอคิดว่าอย่างไรล่ะ”
     
    “นายต้องการอะไรที่นี่ วินเวิร์ด”สีหน้ารู้ทันของเฮอร์ไมโอนี่บอกได้ว่าเธอไม่ใช่คนที่ตบตาได้โดยง่าย
     
    “แล้วฉันจำเป็นต้องตอบคำถามเธอด้วยหรือไง”เขาเลิกคิ้วอย่างฉงนสีหน้าบ่งถึงความอดทน
     
    “นาย.....”เฮอร์ไมโอนี่พูดไม่ออก ความจริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขา ที่เขาจะไม่ตอบคำถามของเธอแต่คำพูดในประโยคต่อมาของเขานี่สิ มันทำให้เธอถึงกับเต้นด้วยความโมโห
     
     “ไม่ยักรู้ว่าเธออยากมีเวลาอยู่กับฉันนานๆ แค่บอกฉันแค่นั้นเกรนเจอร์ ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้วิธีแบบนี้เลย” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแปลกใจกับวาจาเล่นลิ้นของเขาที่เธอไม่คิดว่าคนเย็นชาอย่างเขาจะมีมัน
     
    “นายนี่มันหลงตัวเองพอๆกับพี่ชายนายเลยนะ”เธอแหวเขาเสียงเขียวแล้วเท้าสะเอวมองเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ จนวินเวิร์ดต้องยกมือขอยอมแพ้ไปเสียเอง
     
    “เอาล่ะ ฉันยอมแพ้ ฉันเองแค่สับสนกับทางเดินเล็กน้อยถ้าจะกรุณาช่วยไปส่งฉันที่หอนอนสลิธลีนด้วย”เฮอร์ไมโอนี่ตาเขียวใส่เขาก่อนสะบัดหน้ากระแทกส้นเท้านำเขาเดินย้อนกลับไปอีกทาง เดินไปได้เพียงชั่วครู่ เธอจึงหยุดอยู่แค่ตรงนั้น เมื่อถึงทางลงไปสู่หอนอนสลิธลีน
     
    “หวังว่าคงไม่หลงทางอีกหรอกนะ”หญิงสาวอดกล่าวเหน็บแนมไม่ได้เมื่อเขาเดินผ่านเธอเพื่อลงไปหอนอน และ เมื่อเธอเห็นเขาไม่โต้ตอบใดๆ เฮอร์ไมโอนี่จึงหันหลังกลับเพื่อกลับไปยังหอนอนของเธอ แต่เสียงเรียกของวินเวิร์ดทำให้เธอหันมามองเขาอย่างแปลกใจ
     
    “เดี้ยวสิ”เขาเดินเอื่อยๆมาใกล้เธอแล้วหยุดในระยะห่างประมาณหนึ่งช่วงแขน
     
    “มีอะไร”เฮอร์ไมโอนี่ถาม เขามองใบหน้าของเธอขณะที่เดินเข้ามาใกล้เธออีกนิดเธอรู้สึกเครียดจึงก้าวเท้าถอยหลังห่างจากเขาอีกเมื่อเขายังคงก้าวตามเธอมาติดๆความท้าทายรุนแรงส่องออกมาจากดวงตาของเธอและมันกระตุ้นความสนใจของเขาอีกครั้ง
     
    “กลัวฉันเหรอเกรนเจอร์”
    เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้าของเธอเล็กน้อยก่อนพูดอย่างหนักแน่นในน้ำเสียงนั้น
    "ฉันไม่เคยกลัวนายวินเวิร์ดรวมทั้งพี่ชายนายด้วย และฉันนี่แหละที่จะเป็นคนกระชากหน้ากากที่แท้จริงของนายออกมาเอง"
     
    วินเวิร์ดประชิดร่างเข้าใกล้เฮอร์ไมโอนี่ที่แข็งขืนเต็มที่ เขาดันตัวเธอปะทะกับกำแพงเย็นๆในตรอกแคบๆที่เธอไม่มีทางเบี่ยงตัวออกไปไหนได้อีก
     
    เธอมองวินเวิร์ดอย่างระแวง”นายจะทำอะไรน่ะ”ก่อนที่สันจมูกและริมฝีปากของเขาจะตลอเคลียร์ไปกับแก้มนวลเนียนของเธอและกระซิบเสียงแผ่วเบา
    "อย่าพูดว่าเธอไม่กลัวฉัน เกรนเจอร์ ผู้ชายไม่มีใครชอบให้ผู้หญิงพูดคำนี้กันหรอก"
     
    “ปล่อยนะ ฉัน...”เขาปัดหัวแม่มือไปตามเรียวปากเธอเพื่อให้เธอหยุดพูด เฮอร์ไมโอนี่ตกใจเมื่อตระหนักว่าสัมผัสของเขาทำให้ฝีปากล่างของเธอสั่นเบาๆเธอกลืนน้ำลายและสูดหายใจลึกๆเธอไม่ต้องการสัมผัสอะไรแบบนี้ เธอภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องซ้ำแบบเดียวกับที่เดรโกทำกับเธอเลย
     
    “ถ้าฉันฟังไม่ผิดก่อนที่เธอจะมาส่งฉันที่นี่เธอบอกว่าเธอเป็นหนี้ฉัน แต่บังเอิญฉันไม่ชอบให้ใครติดหนี้ฉันนานเสียด้วยสิ ดังนั้นฉันขอสิ่งนี้กับเธอก็แล้วกันเกรนเจอร์”
    และสิ่งที่ทำให้เธอตกใจคือใบหน้าของเขาที่ก้มลงต่ำจนเกือบประชิดกับริมฝีปากเธอ
     
    “นาย..”เฮอร์ไมโอนี่เสียงสั่นเธอหันหน้าหนีเขาแล้วส่งเสียงร้องห้ามแผ่วเบา “อย่า................”
    มาถึงตรงนี้ประกายตาของวินเวิร์ดเปล่งประกายระยับเขายิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ก่อนจะก้าวยอมถอยห่างจากเธอ
     
    “ฉันไม่เคยให้ใครติดหนี้ฉันนานเฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอเป็นคนแรกที่ฉันจะยอมให้เธอใช้หนี้ฉันเองเมื่อเธอพร้อม”
    เขากล่าวพร้อมกับหันหลังเดินลงไปยังหอนอนสลิธลีนโดยปล่อยร่างของเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนมองเขาอยู่ด้วยความแปลกใจตามลำพังเงียบๆ
    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
     
    ตัวอย่างตอนต่อไป
     
    เฮอร์ไมโอนี่รีบปล่อยสร้อยเส้นนั้นในทันทีเมื่อเธอเห็นประกายแสงสีเขียวที่ส่องออกมาจากจี้สัญลักษ์รูปงูที่พันรอบหนังสือสีดำ และสิ่งที่ทำให้เธอตระหนกไปกว่านั้นคือเสียงที่เปล่งออกมาจากที่ใดที่หนึ่ง
    “เจ้าเป็น…...เจ้าสาวของข้า”…………………………….
     
    เดรโกมีรูปลักษณ์ของเจ้าชายในดินแดนอมนุษญ์อย่างเต็มตัว................................
     
    แศษขนมปังติดอยู่บนจมูกของเฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่สงสัยครามครันว่าเธอจะทำอีท่าไหนหากเขาเช็ดมันออกด้วยการจูบ...........................
     
    ศรีษะของเฮอร์ไมโอนี่เชิดขึ้นอย่างฉับพลันจนกระแทกคางของเดรโกแววอาฆาตมาดร้ายเต้นระยิบในดวงตา………………………
     
    เฮอร์ไมโอนี่เน้นเสียงหนักในตอนท้าย การท้าทายของเธอเห็นได้อย่างชัดเจน ทว่าเดรโกไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเขายังมีเวลาอีกหนึ่งปีในการสำรวจความรู้สึกนึกคิดของเธอและเอาชนะเธอให้ได้………………………..
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×