ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter fic แปล Heart of Ice (เดร/เฮอร์)

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6:The plot Thickens

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 52


    Chapter 6: The plot Thickens

               

    คนที่รู้ว่าใคร เมื่อก่อนทุกคนรู้จักเขาในนาม ทอม ริดเดิ้ล คนที่แยกเขี้ยวล้อเลียน ยิ้มเยาะไปยังหางหนอนชายที่กำลังตัวสั่นอยู่ตรงหน้าเขา  มันทำให้โวลเดอมอร์ สนุกได้เสมอ 

    เวลาที่มันแสดงความหวาดกลัวออกมาต่อหน้าเขา !


                 
    แน่นอน และหางหนอนก็รู้ดี ว่าถ้าเขาแสดงทุกอย่างออกมา  ที่นอกเหนือจากความหวาดกลัวเขาอาจจะตายได้ในทันที

                “นายท่านต้องการให้ข้าทำอะไร”หางหนอนถามพร้อมกับจูบลงตรงชายเสื้อคลุมของโวลเดอ มอร์อย่างน่าเวทนา  โวลเดอมอร์เลิ่กคิ้วขึ้น

                “แกเป็นทาสรับใช้ของข้าไปตลอดกาลใช่ไหม หางหนอน” มันไม่ใช่คำถามและเกิดความเงียบน่าอึดอัดขึ้น   โวลเดอมอร์คิดว่าเขาได้ยินเสียงหัวใจดังออกมาจากทาสรับใช้ มันกำลังเต้นแรงเพราะความกลัว 

    “มัลฟอยหนีรอดจากข้าไปได้ หางหนอน” หางหนอนเหลือบมองขึ้นไปอย่างกล้าๆกลัวๆไม่แน่ใจว่าจะตอบสนองอย่างไรดีให้เป็นที่พอใจ

                “เขา... เขาจะต้องชดใช้ นายท่าน” หางหนอนพูด เขาเห็นปากของโวลเดอมอร์บิดเบี้ยวไปเป็นรอยยิ้มด้วยความพอใจ จึงพูดต่อไปอย่างกล้าหาญว่า

    “เราจะต้องให้เขาชดใช้”

                อ่าา! เพ็ตติกรูผู้น่าสงสาร เขาต้องเรียนรู้ที่จะไม่ตั้งข้อสันนิษฐาน  แม้ว่าข้อสันนิษฐานจะถูกต้องก็ตาม  โวลเดอมอร์หันศรีษะไปด้านข้างอย่างฉับพลัน แบบเดียวกับที่งูทำ และ ส่งเสียงขู่ฟ่อคล้ายงู 

    “ครูซิโอ!  เสียงร้องโหยหวนของหางหนอนที่น่าสงสารดังกึกก้องไปทั่วกำแพงคุกใต้ดินด้วยความเจ็บปวด  มันมากมายเพียงพอที่จะทำให้หางหนอนถอยหนีมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เขาล้มลงและดิ้นรนด้วยความเจ็ปวด  หลังจากมองดูร่างของหางหนอนที่นอนดิ้นรนทุนทุรายอย่างไม่แยแสเพียงเสี้ยววินาที โวลเดอมอร์หยุดเสกคาถาใส่หางหนอน และพูดขึ้นว่า

    “เจ้ารู้ไหมว่าเขาพูดกันว่าอย่างไร หางหนอน  เมื่อเจ้าให้ข้อคิดเห็นใดๆออกมา..” ดวงตาสีแดงของโวลเดอมอร์วาบขึ้นมาด้วยความเบิกบานใจ  

    “เขาว่าเจ้ามันโง่ “โวลเดอมอร์หัวเราะอย่างโหดเหี้ยม

    “แต่... เรามาคุยกันถึงเรื่องเร่งด่วนของข้าก่อนดีไหม  ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะทำยังไงดีกับเจ้าเด็ก มัลฟอย  อย่างไรก็ตาม หลังจากการแสดงเล็กๆน้อยๆ ของข้าเขาควรจะตายไปแล้ว” เขาใคร่ครวญ และออกคำสั่งเสียงกังวาล

    “เจ้าเอาเพนชิพมาให้ข้า! ข้าต้องการดูบางสิ่ง”

                หางหนอนลากตัวเองไปอยู่แนบเท้าของเขา และ ผงกหัวอย่างกระตือรือร้น  

    “ได้ขอครับ นายท่าน”

                “นำเพนชิพมาให้ข้า  ข้าจะดูอีกครั้งก่อนที่ข้าจะตัดสินใจ” หางหนอนยังคงผงกหัวไร้เสียงใดๆเห็นได้ชัดว่าเขายังคงเจ็บปวดจากคำสาปกรีดแทง  โวลเดอมอร์ตามเขาไป รอยยิ้มแสยะติดอยู่บนริมฝีปากในขณะที่หางหนอนรื้อค้นของในหีบใบใหญ่ และได้เพนชิพมา  โวลเดอมอร์มองหาภาพที่เขาต้องการและเมื่อเขาค้นพบ เขาก็เข้าไปข้างใน...แทบจะในทันที.

                โวลเดอมอร์หยุดสำรวจบริเวณรอบๆตัว  เขาอยู่ในคุกใต้ดิน อันที่จริงเป็นคุกใต้ดินแห่งหนึ่งของตระกูลมัลฟอย  กำแพงหินเย็นยะเยือกเต็มไปด้วยเครื่องมือทรมานหลายชนิด มันยังคงมีคราบเลือด และเนื้อของเหยื่อเมื่อไม่นานมานี้   ห้องส่งกลิ่นเหม็นของความตาย เสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้ามาบอกเขาว่าความทรงจำที่เขาต้องการเห็น กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกไม่นานนี้ เขายืนพิงกำแพง และ ชายร่างใหญ่ในชุดเสื้อคลุมสีดำ 2 คน กำลังลากร่างผู้หญิงที่กำลังดิ้นรนอยู่ด้านหลังอย่างแรง   โวลเดอมอร์มองตัวเขาเองเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ที่เดินเข้ามาในห้องช้าๆอย่างน่ากลัว

     

    นี่ข้าเมื่อปีที่แล้วหรือนี่ อือ ดูน่ากลัวไม่น้อย โวลเดอมอร์คิดกับตัวเองด้วยความรังเกียจ  

    น่าขอบคุณ พระเจ้า..ตอนนี้ข้าดูน่าเกรงขามกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย.. เสียงหัวเราะดังแหลมหลุดออกจากริมฝีปากของเขา ก่อนเขาจะหยุดหัวเราะและนิ่งคิด

    ขอบคุณ พระเจ้า...เหรอ ไม่หรอก พระเจ้าไม่เคยให้อะไรกับข้า ข้าต้องขอบคุณตัวของข้าเองมากกว่าที่ทำให้ข้ามีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ”เขาคิดอย่างผยอง 

    “ไม่ ไม่ ไม่ ม่ายยยยย!!!!!!!!” หญิงที่ถูกมัดข้อมือถูกแขวนไว้บนกำแพง กำลังส่งเสียงกรีดร้องไม่หยุด ผมที่เคยเป็นสีเงินทองแวววาวของเธอติดเป็นก้อนเปื้อนเลือดและสิ่งสกปรก   เธอสวมชุดผ้าซาตินสีฟ้าอ่อนที่ไม่เข้ากับสถานที่ และไม่เหมาะกับสภาพโกโรโกโสนี้   โวลเดอมอร์ในความทรงจำเดินเข้ามาใกล้เธออย่างเฉื่อยชา

                “ถ้าเพียงแค่เจ้าบอกเรา  เราจะปล่อยเจ้าไป” เขากระซิบเสียงกร้าวใส่หูของเธอ หญิงคนนั้นตัวแข็งทื่ออย่างชัดเจน และเชิดหน้าขึ้นอย่างยโส

                “ข้าไม่บอก” เธอตอบกลับไปโดยเร็ว โวลเดอมอร์หัวเราะเบาๆเหมือนกับการหัวเราะใส่เด็กที่ดื้อรั้นที่ไม่ยอมฟังคำผู้ใหญ่

                “ถ้าเช่นนั้นก็ดี ข้าเพิ่งพบคาถาที่เหมาะสมกับพวกดื้อด้าน เช่น เจ้า...”  ผู้หญิงคนนั้นปล่อยเสียงสะอื้นออกมาด้วยความหวาดกลัว

                “หรือว่าบางทีเจ้าอาจจะจะเคยได้ยินมันมาก่อนก็ได้” เธอส่งเสียงร้องสะอื้นมากขึ้น มันทำให้โวลเดอมอร์รู้สึกสะใจเป็นที่สุด

                “ข้ารู้ ข้ารู้แล้ว ถ้าเจ้าไม่อยากจะสูญเสียความทรงจำส่วนที่เหลืออยู่ในสมองของเจ้า  เจ้าต้องบอกข้าในสิ่งที่เจ้าเห็น!!

    โวลเดอมอร์คนปัจจุบันส่ายหัว กำลังมองตัวเองในอดีต ที่เริ่มโกรธหญิงดื้อด้านคนนี้มากแค่ไหน  

    ทันใดห้องก็เริ่มหมุน และเปลี่ยนไป เวลานี้พวกเขาอยู่ในห้องขนาดเล็กในคุกใต้ดินอีกครั้ง หญิงคนหนึ่งนอนเหยียดแขนเหยียดขาอยู่บนเตียงเก่าไม่ได้สติ ผมสีเงินของเธอสะอาดกว่าเดิม แม้ว่าชุดที่ใส่อยู่ยังคงขาดรุ่งริ่ง  ตัวเขาเองในความทรงจำเพนซีพ)กำลังยืนอยู่ข้างเธอ ส่งเสียงไล่ให้ทุกคนออกไปจากห้อง ยกเว้นหางหนอน เมื่อทุกคนออกไป เขายกไม้กายสิทธิ์ขึ้น และชี้ไปที่เธอ เธอร้องด้วยความเจ็บปวด

                “เดี๋ยวก่อน! นายท่าน!” โวลเดอมอร์หันไป และปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆ 

    ลูเซียส มัลฟอยยืนอยู่ที่ประตู หน้าขาวซีดกว่าเคยอย่างเห็นได้ชัด 

    นายท่าน” เขาพูดด้วยท่าทีที่สงบมากขึ้น ในขณะที่คุกเข่าลงข้างหนึ่ง 

    “นี่มันจำเป็นด้วยเหรอ นายท่าน”

                เจ้าแห่งศาสตร์มืดในความทรงจำยิ้มเยาะด้วยความรังเกียจ จากความอ่อนแอของทาสรับใช้ของเขา

    “ครูซิโอ!” ลูเซียส ล้มลงสู่พื้น แต่อดกลั้นไม่ส่งเสียงใดๆออกมา ตระกูล มัลฟอย ช่างเข้มแข็งเสียจริงๆโวลเดอมอร์รู้ดี และนี่คือตัวอย่างของความเข้มแข็งนั้น  ลูเซียสลุกขึ้นอย่างยากลำบาก และมองหญิงผู้นั้นอีกครั้ง  เขาผงกหัวเป็นเชิงยอมรับการกระทำของโวลเดอมอร์อย่างจำยอม 

                “ข้าขออภัยที่ข้าอ่อนแอ นายท่าน” เขาพูด เสียงของเขาไม่เผยให้เห็นถึงอารมณ์ใดๆ และ ตัวสั่นเล็กน้อย จากความเจ็บปวดที่เขาเพิ่งได้รับ

                “ออกไปซะ ลูเซียส!” เขาตะคอกใส่ ชายรูปหล่อผมสีบลอนส์ทำตามที่เขาพูด และปิดประตูห้องออกไป โวลเดอมอร์หันกลับไปที่ผู้หญิง ที่ยังคงมีไม้กายสิทธิ์กดลงที่ขมับของเธอ 

    “เรวาลีออส พรีโอแรนเต้ วิซิออส!” เขาตะโกนชัดเจน หญิงผู้นั้นกรีดร้อง และ เริ่มชักกระตุกทันที

    “ไม่ ไม่ ม่ายยยยยย...” เธอร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลลงสู่ใบหน้า  หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของเธอเปิดในฉับพลัน แสดงให้เห็นแค่เพียงตาสีขาว เธอเริ่มพูดด้วยเสียงไร้ความรู้สึก 

    ถ้ามังกรอยู่ด้านมืด พระอาทิตย์ก็ไม่อาจโผล่ขึ้นมาได้ ถ้ามังกรอยู่ด้านสว่าง  ความมืดมิดจะหายไป! ”   โวลเดอมอร์ในความทรงจำรอคอยคำพูดนั้นอย่างกระตือรือร้น  แต่เธอไม่พูดอะไรต่อนอกเหนือจากคำพูดนั้น

                “เร็วเข้า แก! นังหญิงโง่! พูดต่อไปซิ! พูดสิ่งที่เจ้าไม่ยอมบอกข้า!

                “ถ้ามังกรอยู่ด้านมืด พระอาทิตย์จะไม่อาจโผล่ขึ้นมาได้ ถ้ามังกรอยู่ด้านสว่าง ความมืดมิดจะหายไป! ถ้ามังกรอยู่ด้านมืด—เธอพูดซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้นโดยไม่ยอมหยุด

                “นายท่าน หยุดเธอ!” หางหนอนร้องเรียกจากมุมห้องที่เขานั่งเอามือปิดหูไว้

                “ฟินิเต้อินคันทาเท็ม!” โวลเดอมอร์ร้อง หญิงผู้นั้นปล่อยเสียงคร่ำครวญ แล้วหมดสติไป 

    เราทำให้เธอสติแตก! เธอเป็นบ้าไปแล้ว” โวลเดอมอร์ตะโกน หางหนอนสะดุ้งหนี รู้ว่านายท่านของเขาโกธรแล้ว  เขาเกิดความคิดขึ้นมาในฉับพลัน (ซึ่งไม่ค่อยจะเกิดขึ้นนักกับคนอย่างหางหนอน)

                “น-นายท่าน บางทีมังกรอาจจะ หมายถึง ลูกชายใช่หรือไม่ขอรับ ลูกชายของเธอเองยังไงล่ะ” เขาแนะอย่างลังเล โวลเดอมอร์หยุดในทันทีที่เขากำลังจะร่ายคาถา อะวาดา เคดาฟรา ใส่เธอ

                “ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้น  หางหนอน... ข้าเชื่อว่าเจ้าพูดถูก มันดูมีเหตุผลอย่างที่สุด ช่างน่าประหลาดใจนัก” โวลเดอมอร์ครุ่นคิดชั่วขณะ 

    “อย่าพูดสิ่งที่เจ้าเห็นในวันนี้ หางหนอน อย่าบอก ลูเซียส ข้าจะให้เขานำหญิงผู้นี้ไปยังที่ไหนซักแห่งที่เธอจะได้รับการดูแล... และจะไม่มีการรบกวนเธออีกต่อไป  ระหว่างนั้นเราจะไปตรวจสอบ “มังกร” ของเรากันดีไหม ฮืม?”คำพูดท้ายๆเขายิ้มอย่างเจ้าเล่ร์

                ภาพเริ่มเลื่อนขึ้นลงเมื่อความทรงจำสิ้นสุด... และโวลเดอมอร์ก็พบว่าตัวเขาเองกลับมาอยู่ในโลกปัจจุบันแล้ว เขาถอนหายใจเมื่อจำได้ว่าเดรโกเป็นอย่างไรในพิธีวันนั้น  น่าแปลกที่การพยายามจะครอบงำเดรโกในด้านมืดทำได้ไม่มากพอ เด็กหนุ่มนั่น มีตวามดื้อด้านและดันทุรังค่อนข้างสูง  

    เด็กนั่นสามารถทำลายคำสาปสะกดใจได้ คำสาปสะกดใจของข้า! เขาทำได้อย่างไร โวลเดอมอร์ครุ่นคิด พลางหันไปยังทาสผู้รับใช้ของเขา 

                “หางหนอน!  เราจะต้องฆ่าเดรโก มัลฟอย...  ไม่ว่าจะมี ดัมเบิลเดอร์อยู่หรือไม่ และเขาก็เร่งรีบออกไปจากห้องโดยปล่อย เสื้อคลุมสะบัดไล่หลังของเขา..เสียงดับควับตามมาอย่างไม่สนใจ

    .

                นาร์ซิสซา มัลฟอยสะดุ้งตื่น น้ำตาไหลรินลงสู่ใบหน้าของเธอ ความพยายามลุกขึ้นนั่งถูกกีดขวางด้วยเชือกเส้นหนาที่มัดเธอไว้กับเตียงนอนที่มีผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดเรียบร้อย  สมองของเธอกำลังหมุน และเหมือนอย่างเคยเธอไม่อาจจะปะติปะต่อความคิดได้  โวลเดอมอร์จะฆ่าเดรโก...  ความคิดนี้แล่นผ่านความสับสนซึ่งอยู่ในสมองของเธอคล้ายกับใบมีด  ในทันใดความคลุมเครือก็ชัดเจนขึ้น และเธอจดจำเรื่องราวตั้งแต่ที่ลูกชายของเธอเกิด  เริ่มพูด... และถูกลงโทษ

                “อย่าทำร้ายเขาเลย ลูเซียส  เขายังเป็นเด็ก” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง เธอคอยปกป้องลูกชายมาโดยตลอดทั้งร่างกาย และจิตใจ  นาร์ซิสซา มัลฟอยไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบแสดงความรัก แต่เธอก็พยายามทำให้ลูกชายรู้ว่าเธอห่วงใย  แม้ว่าเธอจะไม่พูดมันออกไป  เธอรู้ดีว่าลึกๆแล้ว  เธอห่วงใยเขามากแค่ไหนแม้ว่าเขาจะไม่รับรู้ถึงมันก็ตาม  เธอยิ้มกับตัวเองในขณะที่ภาพใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาสีเทา และผมสีเงินของเดรโกปรากฏตรงหน้าเธอ
     

    “เดรโก เดรโก....เดรโกของแม่ช่างหล่อเหลา  เดรโกของแม่ช่างเข้มแข็งเหลือเกิน” เธอบ่นพึมพำน้ำเสียงนั้นราวกับการร้องเพลง ความรู้สึกกวนใจเกิดขึ้นในความคิด

                “ไม่จริง ต้องมีบางอย่าง  บางอย่าง....”

                คำสาปแช่งทำให้เธอไม่สามารถที่จะแยกแยะความคิดของเธอได้ และความคิดหนึ่งที่เธอกำลังค้นหาก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง   โวลเดอมอร์จะฆ่าเดรโก   ใช่แล้ว เธอเพิ่งเห็นการสนทนาของเขากับหางหนอน เธอสามารถล่วงรู้ได้ เพราะว่าเธอเป็น............................

                “อ้า...!” เธอกรีดร้อง อย่างตื่นกลัว

                “ช่วยด้วย!  ช่วยเดรโกของฉันด้วย! เดรโก เดรโก เดรโกกกกกก—“ นางพยาบาลที่อยู่ในชุดเครื่องแบบขาวสะอาดเรียบร้อยเหมือนกับผ้าปูเตียงวิ่งมาข้างๆเธอ และชักไม้กายสิทธิ์ออกมา เธอวางมือเยือกเย็นลงบนหัวของนาร์ซิสซา และบ่นพึมพำ

                “ทรานคิวลิโอ” แสงสีฟ้าอ่อนวาบโอบล้อมตัวเธอ 

    “นอนเถอะค่ะ คุณมัลฟอย  ลูกชายของคุณสบายดี...”

                แต่ทว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้มีความสุขแน่ และนาร์ซิสซาก็รู้ดี  เธอบอกกับตัวเองอย่างแน่วแน่ เธอต้องจดจำให้ได้ว่าเธอจะไปหาเขาพรุ่งนี้! แต่ตอนนี้ เธอต้องนอนหลับเสียก่อน.
    ..

                จากนั้นนาร์ซิสซา มัลฟอย ก็เผลอหลับไป  เธอยังคงกังวลถึงดวงตาสีแดง และสีเทา

    ***

                “ฮะแฮ่ม!” ดัมเบิลเดอร์กระแอม ห้องโถงเงียบในทันใด 

    ขอบคุณ ฉันเชื่อว่าพวกเธอทุกคนคงรู้จักหอนอนของพวกเธอดีแล้ว   เอลฟ์ประจำบ้านจะช่วยดูแลสัมภาระของพวกเธออย่างเรียบร้อย ทุกคนแยกย้ายไปได้   โอ้! อีกอย่างฉันขอพบหัวหน้านักเรียนขายหญิงสักครู่ด้วยนะ ขอบคุณ” เดรโกก้มศีรษะลงต่ำเหมือนรับรู้ เขาคิดว่าที่ดับเบิลดอร์เรียกหาคงจะถือได้ว่าเป็นการประชุม ครั้งแรกกับหัวหน้านักเรียนหญิง เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์

                “เอ่อ บาย เดรโก” แครบพึมพำ เดรโกหันไปหาแครบ และกอยล์

                “ไปที่ห้องนั่งเล่นรวมเท่านั้นตกลงไหม เขาสั่งช้าๆ ราวกับว่าให้แน่ใจว่า เพื่อนทั้งสองจะเข้าใจ  พวกเขาพยักหน้า  

    “และอย่ากินแคนนารี่ ครีมส์ของฝาแฝดวีสลีย์สุดแสบนั่นอีก  ฉันเห็นขนนกจากพวกนายสองคนมามากพอแล้ว อันที่จริง อย่ากินอะไรที่เป็นของฝาแฝดนั่น  ตกลงไหม?” เขาชี้หน้ามาที่ทั้งสองอีกครั้ง หลังจากแน่ใจว่า บอดี้การ์ดของเขา(หรือจะเรียกได้ว่าเคยเป็นบอดี้การ์ดก็ได้ เพราะ ตอนนี้เขาดูแลตัวเองได้อย่างเต็มที่แล้ว) รู้ว่าควรทำอย่างไรแล้ว  เดรโกถอนหายใจ และเดินขึ้นไปหาอาจารย์ใหญ่  เกรนเจอร์ไปได้ครึ่งทางแล้ว เธอกำลังพูดบางอย่างกับพอตเตอร์ และวีสลีย์ที่กำลังมองเดรโกด้วยสายตาไม่ไว้วางใจเล็กน้อย  ฮ้า... นั่นหมายถึงว่าสองคนนั้นไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นในฤดูร้อนที่ผ่านมานี้ ถ้าพวกนั้นรู้ พวกนั้นคงจะขำฉันจนกลิ้งแน่  ฉันแน่ใจ’’ เขาหยุดคิด ทำไมยายเกรนเจอร์ยังไม่บอกพวกเขาล่ะ เขายักไหล่ และเริ่มเตรียมตัวเองให้พร้อมในการปะทะคารมซึ่งแน่ใจว่าจะต้องเกิดขึ้นกับเฮอร์ไมโอนี่ อย่างแน่นอน

    ซึ่งอาจจะป็นในหนึ่งนาที หรือ เร็วกว่านั้น....

                “แฮร์รี่ รอน.. ฉันไม่เป็นไร! มัลฟอยทำอะไรฉันไม่ได้หรอก และฉันอยากรู้นักว่าหัวหน้านักเรียนฝ่ายชายจะกล้าสาปหัวหน้านักเรียนฝ่ายหญิงเหรอ แม้ว่าเขาจะเป็น มัลฟอย ก็ตาม” 

                “ฉันไม่สนว่าเธอจะพูดอย่างไร  เฮอร์ไมโอนี่” รอนบ่น “ไอ้บ้านั่นมันจะทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องเลวร้าย และเขาก็บ้าดีดเดือดเกินกว่าจะเข้าใจว่า เขาไม่ควรสาปเธอ  ฉันไม่รู้นะว่าเขาได้เป็นหัวหน้านักเรียนได้ไง ดับเบิลดอร์คิดยังไง” รอนพูด เฮอร์ไมโอนี่กลอกตาอย่างเบื่อหน่าย

                “รอน หยุดเถอะ ฟังดูเหมือนเธออิจฉานะ  คะแนนของ มัลฟอย ต่ำกว่าของฉันเสมอ และ ดัมเบิลเดอร์จะไม่มีทางให้เขาเป็นหัวหน้านักเรียนเลย ถ้าดัมเบิลเดอร์ไม่เชื่อใจเขา” รอนยังคงบ่นพึมพำ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถจับใจความได้เลย

    “แฮร์รี่ ช่วยบอกให้รอนหยุดเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ขอร้อง  แฮร์รี่ยักไหล่

    “ฉันเห็นด้วยกับรอน เฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยเป็นตัวอันตราย ตอนปี สอง เขาบอกว่า เขาอยากให้บาซิลิสฆ่าเธอ! เธอก็รู้ว่าเขาเกลียดพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลมากแค่ไหน  มันต้องทำให้เขาคลั่งที่เธอได้เป็นหัวหน้านักเรียนหญิงอย่างแน่นอน” เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจในขณะที่รอนบ่นด้วยความโกรธ เธอเห็นเดรโกกำลังเดินเข้ามาและรู้ว่าเขากำลังฝืนยิ้ม

                “ถ้านายทำร้ายเธอไม่ว่าจะทางใด มัลฟอย ฉันจะฆ่านาย” วีสลีย์ตะโกนอย่างเครียดแค้น เดรโกยิ้มอยู่ในใจ เขาคิดว่ามันง่ายแค่ไหนที่จะทำให้วีสลีย์โกรธ  เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ หน้าของรอนก็กลายเป็นสีแดงซะแล้ว  พอตเตอร์ยืนอยู่ข้างๆวิสลี่ส์และดูจะควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่า เขาเพียงแต่มองเดรโก แต่ไม่พูดสิ่งใด

    โว้ โว้ โว้ นั่นมันเด็กชายผู้รอดชีวิต รอดชีวิตมาเพื่อเวทนาตัวเอง กับเพื่อนของเขาไม่ใช่เหรอ อืม... เดรโกหยุดคิดชั่วขณะเพื่อยั่วโมโหคนพวกนั้น   “ไม่ใช่ซิ ฉันกำลังคิดว่าเพื่อนของนายคงจะไม่มีชื่อเรียกแบบเด็กชายผู้รอดชีวิตเหมือนนายหรอกเพราะเขาไม่มีความสามารถพอที่จะมี  จริงไหมวีสลีย์” 

                “แก มัน- - เฮอร์ไมโอนี่กระโดดในขณะที่รอนชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาและคำรามลั่น

     การทำให้คนอื่นโกรธ คือ ความสามารถอันน่าทึ่งของเดรโก และในตอนนี้ก็เหมือนกัน รอนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว

                “รอน! หยุดนะ เฮอร์ไมโอนี่คว้ามือของรอนทันที ที่เขากำลังเตรียมเสกคำสาปแช่งใส่เดรโก 

    “รอน เขาเป็นหัวหน้านักเรียนนะ คิดถึงปัญหาที่นายจะได้รับบ้างซิ ให้ตายเถอะ ทำไมถึงโง่แบบนี้” เธอพูดอย่างสงบ  รอนมองเธอ และผงกหัวรับอย่างเสียไม่ได้  เดรโกสังเกตเห็นว่าผมของเกรนเจอร์เป็นพุ่มเหมือนอย่างเคย และเธอยังคงแต่งตัวปิดมิดชิดเหมือนกับแม่ชี  เมื่อเทียบกับพวกผู้หญิงสาวๆอย่าง ลาเวนเดอร์ บราวน์ 

                “เกรนเจอร์” เดรโกพูดเหมือนเป็นการทักทาย เขาจับจ้องเธอ ดูเหมือนเธอกำลังพิจารณาว่านั่นคือคำทักทายใช่ไหม หรือว่าเขากำลังจะดูถูกเธออีก  เฮอร์ไมโอนี่คิดอยู่ชั่วครู่ และเธอก็เห็นว่าเขาจริงใจ เธอจึงตอบกลับเขาไปในที่สุด 


                “มัลฟอย” เธอตอบกลับไปอย่างระมัดระวัง เดรโกพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย และหยุดอยู่กับที่  เขาเกือบจะทำแค่นั้นจริงๆ แต่เขากลับครุ่นคิดอะไรได้บางอย่าง เขานึกขึ้นมาได้ว่าเขาจำเป็นต้องทำให้เธออยู่ในที่ของเธอ เขาไม่ต้องการเห็นเธอสู่รู้ และยุ่งเรื่องของเขามากนัก อีกทั้งใบหน้าของเธอที่มักแสดงออกถึงความกล้าหาญของกริฟฟินเดอร์ที่น่ารำคาญมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด ตัวเธอมักจะคิดอยู่เสมอว่าตัวเธอเหนือกว่าเขาซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด และเขาจะทำให้เธอได้รู้เมื่อถึงเวลา  

                “เธอรู้ไหม  ในตอนนี้ถ้าการรู้คำตอบไปซะทุกอย่างคือทั้งหมดที่หัวหน้านักเรียนหญิงจะเป็นได้ พวกเขาจะจ้างสารานุกรมซักเล่มก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเธอ” เดรโกพูดลากเสียงในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ทำปากยื่นออกมาแสดงความไม่พอใจ  แน่นอน  ใช่ว่าเขาจะปล่อยเธอไป เพียงแค่เพราะว่าเธอช่วยชีวิตเขานี่นา

                “โอ้  ไปให้พ้นเลย มัลฟอย! ถ้าต้องหาหัวหน้านักเรียนแบบนายมารับตำแหน่ง เราจะแต่งตั้งนายจากอะไรดีล่ะ   ถาดเหรอ? เพราะนายสมองตื้นมากๆพอๆกับถาดเลย” ทันทีที่คำพูดต่างๆหลุดออกจากปากของเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้ตัวว่ามันฟังดูโง่แค่ไหนที่พูดแบบนั้น

     เกรนเจอร์ จริงๆแล้ว ฉันกำลังคิดว่า ที่ดับเบิลดอร์แต่งตั้งฉันอาจจะเพราะว่าฉัน เหมือนแม่เหล็กมากกว่า  เพราะคนอื่นๆไม่อาจต้านทานฉันได้” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม  เฮอร์ไมโอยี่กลอกตาขึ้นอย่างเบื่อหน่าย

                “แม่เหล็กไม่ได้ดึงดูดคนนะย่ะ  นายมันโง่” เธอตะคอกกลับไป

                “แต่ก็ไม่มีสิ่งใดจะมาแทนที่ มัลฟอยได้  เธอมันทึ่ม”เขาเลียนแบบ ล้อเลียนเธอกลับอย่างเผ็ดร้อน  เช่นกัน

                ความจริงตอนนี้ฉันก็อยากที่จะอยู่ และคุยด้วยหรอกนะ แต่ฉันมีหลายอย่างที่จะต้องทำ” เขาพูดอย่าง เหน็บแนม  เขาคิดว่าเขาได้ยินเสียงพึมพำของเธอว่า 

    “ฉันก็ตกที่นั่งเดียวกับนายนั่นแหละ คนโง่” เธอพึมพำกับตัวเอง รู้ว่ายังไงซะเขาจะไม่ได้ยินเธอ แต่เขาไม่สนใจ และเดินไปที่ที่ดัมเบิลเดอร์กำลังรอคอยพวกเขาอยู่ เธอหันไปบ่นกับรอน และแฮร์รี่ 

    “เห็นไหมล่ะ คำดูถูกเล็กๆแบบเดิม  ไม่มีอะไรที่ฉันจัดการไม่ได้ เข้าใจไหม ฉันจะไปแล้วนะ ฉันปล่อยให้ดัมเบิลเดอร์รอไม่ได้!      
         

    “ถ้าเธอแน่ใจ เฮอร์ไมโอนี่ แต่...” แฮร์รี่หน้านิ่ว  

    “ปีนี้ มัลฟอย  มีบางอย่างไม่ค่อยปกติเท่าไหร่  เขาดูเหมือน...ฉันก็ไม่รู้นะ  เขาดูเหมือนต้องการอะไรบางอย่าง  บางอย่างที่ไม่ปกติ ที่ไม่ถูกต้อง  ระวังตัวด้วยเข้าใจไหม” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับให้แฮร์รี่ ไม่ใช่แค่แฮร์รี่คนเดียวที่รู้สึก ตัวเธอเองก็รู้สึกเช่นกัน  แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าความรู้สึกของเธอนั้นมันอันตรายต่อตัวเธอเองแค่ไหน

                “ฉันระวังตัวอยู่แล้วแหละ” เธอพูดแบบติดตลก

    “แล้วเจอกัน” เธอพูดในขณะที่หันหลัง และรีบวิ่งไปยังที่ที่ดัมเบิลเดอร์ กับมัลฟอยกำลังยืนอยู่   ในขณะที่เดรโกเดินเข้ามาใกล้ ดัมเบิลเดอร์ยิ้มกว้างส่งให้เขา

                “สวัสดีอีกครั้ง คุณมัลฟอย!” เดรโกทำหน้าไม่ยินดียินร้าย

                “ครับ”

                “ฉันเชื่อว่าเธอไม่มี่ความยุ่งยากหรือต้องลำบากกับบ้านสลิธีรีนของเธอใช่ไหม” เขาถามเบาๆ เดรโกยิ้มเยาะ

                “คนโง่พวกนั้นไม่กล้ายุ่งกับผมหรอก และถ้าพวกเขาเข้ามายุ่งไม่นานนักพวกเขาจะเสียใจ” ดัมเบิลเดอร์พยักหน้าแสดงความเข้าใจในดวงตาแวววาวอย่างแน่วแน่ของเดรโก

                “ ฉันเข้าใจ ถ้าเช่นนั้น  ฉันอยากจะรู้ว่าถ้า...” เดรโกได้ยินเสียงเฮอร์ไมโอนี่เดินมาอยู่ข้างๆเขา แต่ไม่แสดงท่าทางใดๆว่าเขาเห็น บางทีถ้าฉันไม่สนใจเธอ และคอยดูหมิ่นเธอตลอดทั้งปี   เธออาจจะรับรู้ และไม่พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนฤดูร้อนอีก เขาคิดกับตัวเอง ความคิดนี้ช่างน่าหัวเราะนัก หลังจากที่เป็นศัตรูกับเธอมาเจ็ด ปี เดรโกรู้ดีว่าถ้าคนเธอถ้าอยากรู้อะไร เธอก็จะต้องรู้ให้ได้ ม่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม 

                “คุณเกรนเจอร์!” ดัมเบิลเดอร์พูดอย่างกระตือรือร้น เธอมองเดรโกผ่านๆ ซึ่งเขากำลังแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา

                “สวัสดีค่ะ ศาสตร์จารย์!” ทันใดเสียงหัวเราะแบบไม่ร่าเริงหลุดออกมาจากปากเดรโกขณะที่เขาใจลอยมองพื้นที่ว่างเปล่า

    “อะไรทำให้คุณตลกอย่างนั้นเหรอ คุณมัลฟอย” ดัมเบิลเดอร์ถามพยายามไม่ยิ้ม  เดรโก กระพริบตาในขณะที่เขารู้ตัวแล้วว่าเสียงหัวเราะเบาๆหลุดออกมาจากปากของเขา และเขาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความอาย หรือความประหลาดใจใดๆเลย

                “ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก” เขาตอบอย่างรำคาญใจ เดรโกไม่ชอบหลอกตัวเอง แน่นอนเขาไม่สนว่าใครจะคิดกับเขายังไงเช่นกัน  แต่เฮอร์ไมโอนี่แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเฟอเรทนั่นจะไร้ความเคารพได้มากขนาดนี้  ทำไมดัมเบิลเดอร์ต้องทนเขาด้วย เธอคิด

    “ถ้าอย่างนั้น เอาล่ะดับเบิลดอร์ตัดบทเมื่อเห็นหัวหน้านักเรียนหญิงทำสีหน้าไม่พอใจต่อเดรโก ถ้าเธอทั้ง 2 คนจะกรุณาตามฉันมา ฉันจะพาพวกเธอไปที่ห้องใหม่ และเราจะได้คุยกันในสิ่งที่พวกเธอต้องทำในปีนี้”

     

    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×