คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : อาหารค่ำกับปีศาจ
ตราบาปลิขิตรัก
บทที่ 4 – อาหารค่ำกับปีศาจ
*******เรื่องนี้จะเป็นอดีตและปัจจุบันที่สลับกันเล่าเรื่องเหตุการณ์นะค่ะที่เป็นตัวสีดำคือเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาซึ่งพวกเขายังเป็นนักเรียนอยู่ที่ฮ๊อกวอตส์ ส่วนที่เป็นอักษรสีน้ำเงินจะเป็นปีปัจจุบันซี่งพวกเขาออกมาจากฮ๊อกวอตส์แล้วและเดรโกเป็นผู้เสพความตายส่วนเฮอร์ไมโอนี่และเพื่อนๆเป็นพวกภาคี
“เธอว่าอะไรนะเดรโก เธอไปรอฉันที่หอคอยตะวันตกงั้นเหรอ”คลาริสแค่นเสียงขึ้นจมูกพยายามหัวเราะแค่กลับสะดุดอยู่แค่ในลำคอ”ให้ตายสิ.. เดรโกฉันหมายถึงหอคอยเรเวคอลต่างหากล่ะ”
“บ้าเอ้ย”เดรโกสบถเบาๆกับตัวเอง”มันไม่ใช่ความผิดของฉันคลาริส เธอพูดไม่ชัดเจนเอง”
หญิงสาวส่ายหน้า“ฉันขอโทษเดรโก ความจริงฉันน่าจะพูดให้ชัดแจ้งกว่านี้ ว่าแต่,,,,,ที่หอคอยตะวันตกเธอไม่เจอพวกวิสลี่ส์หรือเกรนเจอร์หรอกเหรอ”
“เจออย่างจังเลย แต่ฉันเจอแต่เกรนเจอร์เท่านั้นนะ ไม่เห็นวิสลี่ส์เลย”เดรโกพูดเหมือนไม่ค่อยที่จะใส่ใจนัก
คลาริสขมวดคิ้วและตั้งท่าค้านเขา“เป็นไปไม่ได้เพื่อนของฉันดูลาดเลาอยู่ตรงนั้นเขาบอกว่าเห็นวิสลี่ส์เข้าไปก่อนสักครู่จึงเห็นเกรนเจอร์ตามเข้าไปนี่”
“งั้น”เดรโกพึมพำออกมาเบาๆพร้อมกับผงกศรีษะขึ้นๆลงๆเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง“ฉันพอจะเข้าใจล่ะที่เพื่อนเธอเห็นผู้ชายเดินเข้าไปคงเป็นฉันเอง”เดรโกหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
”อีกอย่างแถวนั้นค่อนข้างมืดด้วยเพื่อนเธออาจจะเห็นหน้าฉันไม่ชัดก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าฉันคือวิสลี่ส์”
หญิงสาวเบิ่งตากว้าง“หมายความว่าคืนนั้นวิสลี่ส์ไม่ได้เข้าไปยังหอคอยตะวันตก แล้วเขาไปไหน”
“อาจจะไปหลับอยู่แถวไหน อาจจะเมา หรือสุดท้ายไม่กล้ามา”
“ก็อาจจะเป็นไปได้”คลาริสไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้ “แล้วเกรนเจอร์ เขาไม่โวยวายกับเธอหรอกหรือไง”
เดรโกยิ้มอย่างละเหี่ยใจ“ถ้ายายนั่นรู้ว่าเป็นฉันก็คงจะโวยวายน่าดู”
หญิงสาวเบิกตากว้างเป็นครั้งที่สองในขณะที่พูดเสียงร็วปรื๋อ
“หมายความว่าไง เธอหลอกเกรนเจอร์ว่าเธอคือวิสลี่ส์”
ประกายตาของเขากร้าวขึ้นมาชั่วขณะเพียงแว๊บเดียว
“ฉันไม่ได้หลอกเกรนเจอร์ ฉันไม่ได้พูดว่าฉันคือวิสลี่ส์ยายนั่นเข้าใจว่าฉันคือวิเซิลเองต่างหาก”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นดวงตาเฉยเมยไม่บ่งบอกความรู้สึกในขณะที่พูด
“พระเจ้า! เดรโกแล้วในเมื่อคุณรู้ว่าเป็นเกรนเจอร์ทำไมคุณถึงไม่กลับออกมาล่ะ”
“คลาริส เธอก็รู้ว่าห้องนั้นถูกลงเวทมนต์เราจะออกไปได้จนถึงรุ่งสางเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องมีใครเปิดประตูจากด้านนอกให้เราออกไป”เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความหงุดหงิดออกมาทางหางเสียง
“จริงสิ ฉันลืมนึกถึงข้อนั้นไป แต่พวกคุณสองคนอยู่ในห้องนั้นทำอะไรกันบ้าง”หญิงสาวเอียงคอมองเดรโกอย่างสงสัยเมื่อเห็นรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยแฝงอยู่อย่างเบาบาง
“ผู้หญิงผู้ชายอยู่ในห้องสองต่อสองเธอคิดว่าฉันทำอะไรไปบ้างล่ะ”
คลาริสตัวสั่นด้วยความคิดบางอย่างที่แล่นผ่านสมองแต่เธอก็อดที่จะพูดแย้งเดรโกออกมาไม่ได้กับความเป็นจริงที่เธอรับรู้
“เป็นไปไม่ได้”คลาริสแย้ง” เดรโกนายคือเลือดบริสุทธิ์ นะ นายคงไม่ไปสุงสิงกับเลือดสีโคลนแน่”คลาริสลดเสียงลงและทำเสียงทุ้มต่ำในลำคอราวกับว่าบริเวณโถงทางเดินนั้นมีคนเดินมากมายทั้งๆที่ไม่มีคนเลยแม้ตาคนเดียว
“เธอเคยเห็นแมวไหมคลาริสเวลาที่มันอยู่ที่มืดไม่ว่าแมวตัวไหนๆก็จะดูเป็นสีเดียวกันหมดนั่นแหละ”
เธอตบมือเขาเบาๆ“แต่นี่เป็นคนนะไม่ใช่แมว เดรโก ”เธอค้อนเขาเล็กน้อย“ฉันลองทายนะว่าตอนเช้าเมื่อเกรนเจอร์รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเธอคงอาละวาดคุณน่าดูสิ”
“หลังจากเวทมนต์คลายตัวลง ฉันออกมาก่อน ก่อนที่เธอจะตื่น เธอเองก็คงจะเข้าใจว่าฉันคือวิสลี่ส์อยู่เหมือนเดิม”เขาพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะ รู้สึกอิ่มเอมใจกับช่วงก่อนหน้านี้ที่หอคอยตะวันตกมันช่างเป็นการแก้แค้นที่ช่างหอมหวานนักสำหรับเขา
“น่าแปลก ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ ฉันเห็นเกรนเจอร์กับวิสลี่ส์พูดจากันดี เหมือนว่าเกรนเจอร์จะไม่รู้เรื่องเลยว่าเมื่อคืนวิสลี่ส์ไม่ได้เข้าไปที่หอนอนเมื่อคืนนี้”
“ฉันคิดว่าเกรนเจอร์อาจอายที่จะเล่าเรื่องเมื่อคืน ส่วนวิสลี่ส์เองก็คงไม่กล้าที่จะบอกว่าตัวเองไม่ได้ไปตามนัด ต่างคนต่างไม่พูดก็เลยไม่รู้เรื่องกัน”
“แล้วนายตั้งใจจะบอกเธอไหม”ดวงตาคมจ้องมองเดรโกเขม็ง
“บอกสิ คลาริส แต่ไม่ใช่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา”เขามีรอยยิ้มเจ้าเล่ร์คลาริสยิ้มเล็กน้อยและส่ายหน้าไปกับแววตาของเขาที่แสดงออกอย่างเปิดเผย
ซึ่งหญิงสาวมีวิธีในการพิจารณาตัวเขาเหมือนเด็กดื้อชอบเอาชนะคนหนึ่ง
“ฉันสงสารเกรนเจอร์จริงๆ ถ้าเธอรู้ความจริงเธอจะรู้สึกยังไง ทำไมคุณถึงโหดร้ายกับเธอแบบนี้”
“เธอคือศัตรูของฉันคลาริส”เดรโกพูดด้วยน้ำเสียที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ฉันไม่ชอบแบบนี้เลย”หญิงสาววางมืออันอบอุ่นทาบมือของเขาพลางชะโงกตัวใกล้ชิดกับเขา
“เพียงแค่เธอไม่พูดให้ใครฟัง แค่ทำตัวเฉยๆไม่รุ้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น นอกนั้นฉันจัดการเอง ทำได้ไหม”เขาพูดน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในทันที มันทำให้เส้นประสาทของเธอวูบวาบขึ้นมาทันใด
“ก็ได้ ฉันเองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องนี้อยู่แล้วเหมือนกัน แต่ว่าเรื่องของเรา”คลาริสยิ้มและมองด้วยสายตาที่สื่อความหมายที่เดรโกเข้าใจดี เดรโกหัวเราะเล็กน้อยพร้อมกับฉีกยิ้ม เหมือนปีศาจร้ายที่เห็นเหยื่อ
“ฉันจะชดเชยให้วันหลัง ตกลงไหม”เขากระซิบเสียงนุ่ม
“ก็ได้ ตกลง”คลาริสยืดตัวมาจุ๊บเขาก่อนเอนหลังลงไปอย่างชื่นมื่น
ก่อนที่ทั้งคู่จะพูดอะไรต่อไปนั้นเสียงประตูของห้องโถงใหญ่เปิดออกและตามด้วยเสียงของนักเรียนที่เริ่มทยอยออกมาจากห้อง
“เอาไว้คุยกันที่หลัง คลาริส”เดรโกพูดขึ้นพร้อมๆกับที่ร่างอันยั่วยวนของแพนซี่ปรากฎขึ้นข้างกายพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและความสงสัย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ช่วงเวลาปัจจุบัน คฤหาสน์มัลฟอย
เดรโกนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารภายในคฤหาสน์มัลฟอย มีรอยยิ้มเปื้อนเต็มใบหน้าของเขาเมื่อเขาคิดถึงอดีต นั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นแรกที่เขาได้สัมผัสเฮอร์ไมโอนี่ภายในหอคอยตะวันตก เขาอดนึกขอบคุณงานเลี้ยงของบ้านเรเวคอลไม่ได้ ที่ทำให้เขามีวันนั้น กลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอเขายังจำได้ไม่ลืมเลือนอีกทั้งผิวนวลนุ่มนั้นอีกมันทำให้เขาโหยหาแทบบ้าคลั่งและในตอนนี้เธออยู่ไม่ไกลไปจากเขามากนัก
เดรโกรินไวส์และดื่มมันอีกเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดีก่อนที่เขาจะดีดนิ้วส่งสัญญาณเรียกเอลฟ์มาใช้งาน เอลฟ์ตัวเล็กกระโดดมายืนอยู่ด้านข้างพลางโค้งหัวลงต่ำเพื่อรอรับคำสั่ง
“ไปตามเฮอร์ไมโอนี่ลงมาทานอาหารกับฉันหน่อย”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
คฤหาสน์ของมัลฟอยเป็นสถานที่ที่น่าสนใจ พื้นที่ทุกตารางนิ้วยาวสุดลูกหูลูกตา มีสัตว์นานาพันธ์หายากที่น่าตื่นตาตื่นใจ ส่วนภายในคฤหาสน์สวยงามและลึกลับที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเท่าที่แม่มดคนหนึ่งพอจะนึกถึงได้ ถ้ามันไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นศัตรูกัน เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ คงจะมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ อย่างที่ว่ามาก่อนหน้านี้ เครื่องใช้หรูหราต่างๆไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย นอกจากจะโกรธมากขึ้น มันเป็นการทรมานที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปและเธอเริ่มรับรู้แล้วว่าเดรโก มัลฟอยเป็นคนพูดจริง เธอสามารถเข้านอกออกในทุกห้องในคฤหาสน์นี้ได้ พวกเอลฟ์มักจะนำอาหารมาให้เธอ และทำความสะอาดร่างกายให้กับเธอ สำหรับคนข้างนอกถ้าได้เห็นเธอในเวลานี้ เธอดูเหมือนแขกผู้มีเกียรติของเขายิ่งกว่าตัวประกันหรือทาส ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะยิ่งทำให้เธอโกรธ
แต่อย่างไรซะ เธอก็ดีใจที่เธอไม่ต้องเห็นคนที่จับเธอมาตลอดเวลา แต่ถึงกระนั้น เขามักจะมาพบกับเธอตามที่เขาต้องการได้เสมอถึงแม้ว่าเธอไม่อยากเจอหรือพูดคุยกับเขาก็ตาม ซึ่งมันก็พิสูจน์ได้อย่างชัดแจ้งถึงจิตใจที่สกปรกของมัลฟอยที่อยากจะเล่นเกมส์กับเธอ
ห้องของเธอนั้นกว้างใหญ่และสวยงาม ผ้าปูที่นอนนั้นทำจากผ้าไหมเนื้อดี และม่านบางๆห้อยลงมาปกคลุมเตียงนอน ภายในห้องนั้นถูกประดับด้วยตู้เสื้อผ้าและชั้นวางของที่เป็นของเก่าแก่ บนโต๊ะเครื่องแป้งมีน้ำหอมและเครื่องประทินผิววางไว้ เธอไม่กล้าที่จะจับสิ่งของพวกนั้นเพราะเธอรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ
เนื่องจากรูปภาพของนางนาซีซัสน์ มัลฟอย ที่ถูกตั้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งภายในกรอบรูปราคาแพง เป็นตัวบ่งบอกของผู้เป็นเจ้าของห้อง ถึงแม้ว่าเธอจะตายไปนานแล้วแต่ยังดูเหมือนว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่ เพราะของทุกชิ้นยังคงวางอยู่ที่เดิม เหมือนหิ้งบูชา
ทุกๆคืนที่เฮอร์ไมโอนี่มักมีความคิดและความฝันเกี่ยวกับบรรดาเพื่อนๆของเธอ ทั้งผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว เธอคิดถึงดวงตาเลื่อนลอยแบบเพ้อฝันของลูน่า การรู้สึกขาดความมั่นใจในทุกอย่างของเนวิลล์ ความหวังอันริบหรี่ของจินนี่ ความกล้าหาญของแฮร์รี่ และ จูบที่นุ่มนวลของรอน...
ความคิดทั้งหมดนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเธอเมื่อเธอมองพระอาทิตย์ตกครั้งแล้วครั้งเล่าที่สนามหญ้ากว้างขวางภายในอาณาเขตของคฤหาสถ์มัลฟอย จากนั้นเสียงเคาะประตูเบาๆก็ดังขึ้น เธอหันไปเห็นแกสบี้ที่อยู่ในท่าหมอบ พร้อมกับเดินมายังเธอ
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ ทุกคืนก็เหมือนเดิม เอลฟ์ตัวเล็กๆที่บอบบาง หน้าที่เดียวของเขาก็คือทำตามคำสั่งของเดรโก มัลฟอย เขาจะเข้ามาหาเธอและบอกกับเธอว่าเจ้านายของเขาต้องการให้เธอลงไปทานอาหารค่ำ และทุกๆเย็นเธอจะตอบโต้เขาด้วยกิริยาที่รุนแรงทุกครั้งไป เธอจะใช้คำพูดที่เอลฟ์อาวุโสตัวนี้ไม่กล้าที่จะต่อปากต่อคำ
“คุณเฮอร์ไมโอนี่ เจ้านายเดรโกต้องการให้คุณลงไปทานอาหารค่ำ” หูอันใหญ่ของแกสบี้ม้วนลงเมื่อเขาโค้งคำนับ
“บอกเค้าให้ไปตายซะ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ จากนั้นจึงหันหน้าไปยังหน้าต่างอีกครั้ง
“เจ้านายเดรโกบอกว่าคุณจะลงมาด้วยตัวเองหรือจะให้เขาใช้กำลัง...” เฮอร์ไมโอนี่หันขวับมามองที่เอลฟ์ ผู้ซึ่งหูของเค้าบิดอย่างไม่เป็นรูปเป็นร่าง “...และคุณจะโดนถอดเสื้อผ้าโดยใช้กำลังก่อนที่จะได้ลงมา”
เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างระหว่างที่แกสบี้ก้าวเท้าอย่างไม่สะดวกนัก เธอกัดฟันและยืนขึ้นระหว่างที่เธอมองไปยังเอลฟ์ผู้ซึ่งถอนหายใจเพราะความรู้สึกโล่งใจ เขาวิ่งเหยาะๆนำหน้าเธอลงไปยังข้างล่าง ผ่านกำแพงโล่งๆซึ่งมีร่องรอยของรูปที่เคยแขวนไว้ที่นี่ จากนั้นเธอได้เดินไปยังบันไดอันใหญ่ ผ่านห้องรับแขก เธอยังคงเดินตามเอลฟ์ไปจนกระทั่งเขาหยุดและเปิดประตูบานใหญ่ออก ทำให้เธอเห็นห้องกินข้าว
เดรโก มัลฟอยนั่งเป็นสง่าอยู่ที่หัวโต๊ะ เขายืนขึ้นเมื่อเธอเดินเข้าประตูมา เขาทำสัญญาณให้เธอมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆเขา เธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่ากอดอกพร้อมกับมองดูโต๊ะกินข้าวชุดใหญ่ เธอเดินไปยังเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขา และระหว่างที่เธอกำลังจะเอื้อมไปจับเก้าอี้ มัลฟอยดีดนิ้ว จากนั้นเก้าอี้ทั้งหมดก็หายไปเหลือเพียงแค่สองตัว; นั่นก็คือเก้าอี้ตัวของเขาและตัวที่อยู่ข้างๆเขา
มีรอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นที่ใบหน้าเขาเล็กน้อยเมื่อเธอเดินย่ำเท้าเข้ามาและจับด้านหลังของเก้าอี้ ลากมันมาอีกฝั่งของโต๊ะ หัวไหล่ของเธอแทบจะหลุดเมื่อเก้าอี้มันไม่ยอมขยับตามแรงดึงของเธอเลย
รอยยิ้มของมัลฟอยได้จางหายไป และพวกเขาทั้งสองจ้องตากันอย่างเยือกเย็น จนกระทั่งเธอนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมกับดื่มด่ำชัยชนะที่ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับมันเป็นครั้งที่ล้านแล้ว มัลฟอยนั่งลงตามเธอ ในที่สุดเขาก็เป็นสุภาพบุรุษซะที
“ขอบใจจริงๆที่มาร่วมทานอาหารค่ำกับฉันคืนนี้, คุณเกรนเจอร์” เค้าพูด พร้อมกับรินไวน์ที่แก้วเธอจากนั้นจึงรินที่แก้วของเขา “ฉันเชื่อว่าเธอสามารถปรับตัวได้ดีกับที่นี่นะ?”
เธอทำหน้ามุ่ย จากนั้นจึงมองที่จานเปล่าๆของเธอ “นายต้องการอะไรหรือเปล่า?”
เขาเงียบไปสักครู่ระหว่างที่จานของทั้งคู่เต็มไปด้วยเนื้อแกะย่างและมันฝรั่ง ความทรงจำของฮอกส์วอตย้อนกลับมา แต่เธอเลือกที่จะกำจัดมันออกไปจากใจ เธอหยิบส้อมและมีดขึ้นมาจากนั้นจึงเริ่มจัดการกับอาหาร คิดอย่างเดียวว่ายิ่งเธอกินเสร็จเร็วเท่าไหร่เธอก็จะได้ออกไปจากห้องนี้เร็วเท่านั้น
“เธออยากจะได้อะไรไหม?”
เฮอร์ไมโอนี่วางช้อนส้อมลงอย่างดัง ตาของเธอมองจ้องที่ตาเขา ใบหน้าของเขานิ่งเฉย ซึ่งนอกเหนือจากคิ้วที่เลิกขึ้นจากคำถามนั้น
“อิสระภาพของฉัน” เธอโต้เถียงซึ่งทำให้ใบหน้าของเขาปรากฏซึ่งรอยยิ้ม จากนั้นเขาจึงเริ่มจัดการอาหารในจาน
“ฉันคิดว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้” เขาถอนหายใจ พร้อมกับเคี้ยวอาหารอย่างเฉื่อยชา ระหว่างมองดูเธอแสดงอารมณ์โมโห
“นายไม่สามารถเก็บฉันไว้ที่นี่ได้ตลอดไปนะ!” เฮอร์ไมโอนี่คำรามออกมา ซึ่งทำให้เขาหัวเราะระหว่างที่ดื่มไวน์
“เธอคิดผิด” เขาวางแก้วไวน์ลงที่โต๊ะ ตาเขามองจ้องเขม็งมาที่เธอ“จะบอกให้นะ ฉันเป็นเจ้าของเธอ เธอเป็นของฉัน” เขาหยุดระหว่างที่มองเธอกัดฟัน ปล่อยให้คำพูดของเขาซึมซาบเข้าไปยังหัวสมองของเธอ
“เธอต้องทำตามที่ฉันต้องการ” เขาพูดเสริม พร้อมกับจิบไวน์อีกเล็กน้อย
“พวกเขาจะตามหาฉัน” เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งรู้สึกตัวถึงสิ่งที่พูดออกไป
“และใครคือพวกเขา?” มัลฟอยเยาะเย้ย ซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่หุบปากเงียบ กัดฟันแน่น และพยายามกลั้นน้ำตา
“แน่นอน...” เธอหยุดเพื่อกลืนน้ำลาย พยายามที่จะสงบอารมณ์ “แน่นอน บางคนยังคง..”
“มีชีวิตอยู่?” มัลฟอยจบประโยคแทนเธอ พร้อมกับน้ำเสียงหัวเราะเยาะเย้ย “เธอคงไม่เชื่ออย่างนั้น ใช่ไหม?”
“ทำไมล่ะ?” เธอถามขึ้นทันทีซึ่งทำให้เขาชะงัก ระหว่างที่แก้วของเขาอยู่ห่างจากปากเขาไม่ถึงคืบ “ทำไมไม่เป็นคนอื่น?ทำไมต้องฆ่า จินนี่...เธออุ้มท้องลูกของแฮร์รี่อยู่นะ แล้วเนวิลล์เขาเองก็ไม่มีพิษสงอะไร ร่วมทั้งลูน่า-……“
“หยุดเดี๋ยวนี้!” มัลฟอยพูดอย่างโมโห พร้อมกับวางแก้วลงอย่างแรง เขาถอนหายใจ
”เธอก็รู้ พวกเราอยู่ฝ่ายตรงข้ามกัน มันคือสงคราม สงครามไม่เคย” เค้าเลียริมฝีปากล่างและขบฟันก่อนพูดจนจบประโยค “...ปราณีใคร”
“เหรอ” เธอกัดฟันพูด พยายามจะระงับความโกรธไว้ที่ลำคอ “นายก็เลยกลายเป็นคนโหดร้ายและไล่ฆ่าพวกเราตายอย่างทารุณงั้นน่ะเหรอ?”
อาจจะเป็นเพราะคำพูดของเธอนั่นเอง ที่ทำให้เธอเห็นอาการขาดความมั่นใจของมัลฟอย เขาเอนหลังกับเก้าอี้ เหมือนกับว่าคำพูดของเธอทำให้เขาเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด มีบางอย่าง
แว่บขึ้นมาจากดวงตาสีเทาของเขา แต่มันได้จางหายไปก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะรู้ว่ามันคืออะไร
“เรามักเลือกเส้นทางของเราเอง เกรนเจอร์” เขาตอบได้เพียงแค่นี้ พร้อมกับดื่มเหล้าจนหมดแก้วและรินใหม่อีกครั้ง
“ฉันเองที่เป็นต้นเหตุ-“
“ใช่เป็นเธอ เกรนเจอร์” เขาตัดบท พร้อมกับฉีกยิ้มใส่เธอ พวกเขากำลังเล่นเกมส์จิตวิทยากันอยู่ เธอผงะเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพูดต่อ
“พวกเราปกป้องนายและนายตอบแทนพวกเราโดยการนำพาพวกเราไปสู่ความตาย” เธอพูดต่อ พยายามจะรวบรวมสติกลับคืนมาจากคำพูดของเขาเมื่อสักครู่นี้
“พวกเรา? แต่ ดูเหมือนกับว่าเธอยังมีชีวิตอยู่นะเกรนเจอร์” เขาเสริม ซึ่งทำให้เธอกลืนน้ำลายได้อย่างยากลำบาก “มันคงจะยากสำหรับเธอ เพราะเธอเป็นคนเดียวในบรรดาสมาชิกทหารของดัมเบิลดอร์ที่ไม่ได้อยู่ใต้ดิน”
“และมันก็คงจะง่ายสำหรับนายในการเป็นมือขวาของโวลเดอร์มอร์” เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันพูด พยายามกลั้นน้ำตา “บอกหน่อยสิว่ามันเป็นเพราะการทรยศของนายต่อภาคีหรือเป็นเพราะสเนป พ่อทูนหัวของนายกันแน่ที่ทำให้นายมาอยู่ตรงนี้ได้?”
“ฉันคิดว่ามันคงเป็นเพราะการกำจัดพวกวีสลีย์”
เดรโกฉีกยิ้มให้เธอเหนือแก้วไวน์ของเขา พร้อมกับมองดูเธออ้าปากค้างและน้ำตาเริ่มไหลลงมาอาบแก้มเธอ สมองของเฮอร์ไมโอนี่เหมือนจะหยุดกลางคัน ร่างของเธอสั่นไปทั้งตัว พร้อมกับความทรงจำเก่าๆที่วิ่งผ่านเข้ามา มันไม่มีอะไรเลยนอกจากผมที่แดงที่หางตาของเธอ หนึ่งนาทีให้หลัง มันก็หายไป
“นาย...”
“เมื่อไหร่เธอจะเอามันออกไปจากหัวที่หนาของเธอได้เสียที เกรนเจอร์?” เขาถามเหมือนอ่านใจเธอออก ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาสีเทาของเขาส่องประกายใต้แสงเทียน “เธอไม่สามารถทำร้ายฉันได้เท่ากับที่ฉันทำร้ายเธอได้หรอก”
“อย่าทรนงตัวเองไปนักมัลฟอย ฉันเองสามารถทำร้ายนายได้โดยที่นายอาจไม่คาดคิด” เฮอร์ไมโอนี่ขู่ ดวงตาสีอัลมอนด์ของเธอส่องประกาย พร้อมกับหมัดที่กำแน่นอยู่บนโต๊ะ
เขาหัวเราะดังลั่น “ปราศจากไม้วิเศษเธอก็ทำอะไรฉันไม่ได้”
“นั่นคือเหตุผลที่นายอยากให้ฉันอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” เธอถาม น้ำเสียงของเธอสั่นเทาเพราะอารมณ์เดือดดาลและน้ำตา “เพื่อที่จะเล่นเกมส์โรคจิตของนายอีก?”
“อันที่จริงก็ไม่ใช่ แต่มันก็สนุกดี” เขาฉีกยิ้ม “ที่ฉันอยากให้เธอมาที่นี่คืนนี้เพื่อที่จะบอกกับเธอว่าพรุ่งนี้ฉันจะมีเพื่อนมาดื่มด้วยกันที่บ้าน”
“เพื่อน?” เฮอร์ไมโอนี่ถามพร้อมกับหัวเราะเย้ยหยัน “นายหมายถึงพวกผู้เสพความตายงั้นเหรอ?”
“ถ้านั่นเธอหมายถึงพวกที่อยู่ฝ่ายเดียวกับฉันล่ะก็ ใช่”
“นั่นนะเพื่อนนาย ไม่ใช่เพื่อนฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ระเบิดอารมณ์ ระหว่างที่เดรกโกยิ้มให้เธออย่างจองหอง
“เธอจะต้องอยู่ที่ชั้นสอง ให้ห่างจากห้องโถงและบันได” เขาพูดพร้อมกับมองที่เธอ “ให้ห่างจากสายตาของคนพวกนั้น”
“แล้วถ้าฉันไม่ทำล่ะ?” เธอถาม พร้อมกับดวงตาที่เยือกเย็น และท้าทาย
“โอ้ ที่รัก เธอไม่อยากรู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรที่ชั่วร้ายขึ้นกับเธอบ้างถ้าหากพวกเขาเห็นเธอ”
ความคิดเห็น