คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5: บทลงโทษอันแสนป่าเถื่อน
Chapter 5: บทลงโทษอันแสนป่าเถื่อน
จินนี่กั้นกลางระหว่างเดรโกและแฮร์รี่โดยที่จินนี่หันหน้าเผชิญกับแฮร์รี่เสมือนว่าเธอต่อกรอยู่กับแฮร์รี่เสียเองและถ้าไม่มีเหตุการณ์ตึงเครียดแบบนี้ทุกคนคงจะมองเห็นถึงความผิดปกติของอาการร้อนรนของเธอเป็นแน่
“พอที พี่รอน พี่แฮร์รี่ ทำไมต้องมาทะเลาะกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ด้วยนะ”
“จินนี่ เธอพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะพวกเราก็อยู่กันดีๆ พวกมันต่างหากที่เป็นฝ่ายหาเรื่องพวกเราก่อน”รอนตวาด จินนี่เปลี่ยนสายตาไปยังรอนและสบตาเขาเขม็งราวกับบังคับเขาด้วยความแข็งกร้าวของเธอ กรามของรอนขบกรอดและสีผิวแดงขึ้นด้วยความโกรธในขณะที่เขาจ้องไปทางเดรโกเป๋ง
เดรโกยิ้มเยาะไปให้แฮร์รี่และรอน พวกมันจะรู้บ้างไหมว่าสาวผมแดงที่มันรักกันเหลือเกินจะปกป้องเขาเพราะตกหลุมเสน่ห์เขาจนแทบถอนตัวไม่ขึ้นแบบนี้ เดรโกคิดพลางเบือนสายตาไปที่เฮอร์ไมโอนี่เธอกำไม้กายสิทธิ์เกร็งแน่นราวกับพยายามเปลี่ยนความโกรธเกรี้ยวโมโหร้ายทั้งมวลลงไปกับไม้วิเศษของเธอ
ถ้ามันมีชีวิตมันคงจะร้องลั่นขอความปราณีจากเธอไปแล้ว เดรโกคิด
“ ไม่ออกแน่ๆใช่ไหม”เดรโกตวาดพร้อมกับผลักจินนี่ให้พ้นทางจนเธอเซถอยไปชนกับแฮร์รี่ที่อ้าแขนรับร่างของเธอไว้อยู่ก่อนแล้ว
“ก็ดี ฉันเองก็อยากจะลองคาถาใหม่ที่พ่อสอนฉันไว้เหมือนกัน อยากดูว่ามันจะทำงานได้มีประสิทธิภาพสักแค่ไหน” และในทันใดเดรโกชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ร่างของแฮร์รี่ทันที
“งี่เง่า ฉันไม่เคย...”เฮอร์ไมโอนี่สะดุดคำพูดตัวเองเมื่อเห็นความหยิ่งยโสในดวงตาที่สะท้อนออกมาของเดรโก ความเคียดแค้นแผ่ขยายพร้อมกับความโกรธที่ก่อให้เกิดความพลุ่งพล่านกับทุกฝ่าย
“พวกเธอทำอะไรกันมายืนขวางประตูทำไม”
เสียงเล็กๆดังขึ้นจากร่างเล็กๆของศาสตราจารณ์ผู้ดูแลรถไฟในวันนี้ซึ่งอยู่ในชุดพ่อมดสีดำมีนัยตาที่หลุกหลิกมองเด็กกลุ่มใหญ่สองกลุ่มประจันหน้ากันอย่างเคียดแค้น
“ศาสตราจารณ์ ฟลิตวิก”
เสียงอุทานของเหล่าบรรดาพ่อมดแม่มดที่กำลังจะโรมรันกันอยู่นั้นดังขึ้นเซ็งแซ่
“เออ...คือพวกเรามาทักทายพอตเตอร์น่ะครับ ธรรมดาาของคนที่เรียนที่เดียวกัน”
เดรโกตอบอย่างเจ้าเล่ห์พลางชายตาไปที่แฮร์รี่อย่างเคียดแค้น ศาสตราจารณ์ร่างเล็กไม่ประทับใจกับคำตอบนักและดูเหมือนเขาเองจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่
“งั้นเหรอ คุณมัลฟอย มันค่อนข้างจะเชื่อยากนะสำหรับบ้านสองบ้านที่ไม่ถูกกันมานานเป็นทศวรรษแล้วแบบนี้ หรือคุณพอตเตอร์ว่ายังไง”
ประโยคสุดท้ายศาสตราจารณ์ร่างเล็กหันมาถามคู่กรณีที่ดูครุ่นคิดกับคำถามที่ต้องการ
คำตอบอย่างแน่ชัดของศาสตราจารณ์ฟลิกวิต
ความจริงแฮร์รี่เองก็ใช่ว่าจะเป็นมิตรกับ เดรโกสักเท่าไหร่เพียงแต่ในเวลานี้เขาไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นอีกก็เท่านั้น เขามีศัตรูมากมายเพียงพอให้ต่อกรอยู่แล้ว แล้วทำไมเขาจะต้องมาแยแสกับเด็กอัธพาลที่ไม่รู้จักโตอย่างเดรโกอีกล่ะ
แฮร์รี่หันไปมองเพื่อนๆของเขาอย่างขอความเห็นรอนทำสีหน้างุนงงในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ดูท่าจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่าแฮร์รี่คิดยังไงเธอส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ดูว่าแฮร์รี่จะตัดสินใจแล้วในตอนนี้
“ไม่มีอะไรจริงๆฮะศาสตราจารณ์พวกเขามาทักทายพวกผมเฉยๆแค่นั้น”
รอนทำตาโตเท่าไข่ห่านและดูเหมือนท่าทางเขาจะไม่ยอมง่ายๆ
“พอตเตอร์แต่...”
“เงียบเถอะพี่รอน”จินนี่กระชากแขนรอนและทำเสียงกร้าวใส่ทำให้รอนถลึงตาใส่จินนี่อย่างไม่พอใจและก่อนที่ทั้งสองจะโต้เถึยงกันมากกว่านี้ศาสตราจารณ์ฟลิกวิตเลยพูดตัดบทถึงเรื่องอื่น
“งั้น ก็ได้ คุณมัลฟอย เด็กใหม่ที่จะมาเรียนปีเจ็ดที่นี่สองคนอยู่ที่ไหนล่ะฉันคงจะต้องคุยรายละเอียดให้พวกเขาฟังสักเล็กน้อย เมื่อไปถึงที่นั่นเธอจะได้พาพวกเขาไปบ้านสลิธลีนเลยไม่ต้องไปรายงานตัวให้มันวุ่นวายอีก”
“พวกเขาอยู่กับผมครับศาสตราจารณ์”
“เธอไปพามาหาฉันหน่อยนะฉันอยู่ที่ตู้ท้ายขบวน นอกนั้นก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว ขึนมายืนขวางประตูราวกับนักเลงแบบนี้ไม่มีใครกล้าเดินผ่านแน่”
เขาสบตากับศาสตราจารณ์ร่างเล็ก ในที่สุดเดรโกก็เลิกคิ้วสูง อาการของเขาดูคล้ายไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่แต่ก็รับคำอย่างเสียไม่ได้
“ครับศาสตราจารณ์”เมื่อศาสตราจารณ์คล้อยหลังกลับไปแล้ว เดรโกหันกลับมาหาพวกของเขาและตวาดใส่” ไปสิพวกแกยืนบื้ออะไรอยู่อีกไม่ได้ยินที่ศาสตราจารณ์พูดหรือไง”
เดรโกก้าวฉับๆห่างไปก่อนที่แครบหรือกอยส์คนใดคนหนึ่งจะนึกหาคำโต้ตอบงี่เง่าได้อีก เขาไม่เหลียวหลัง แต่หางตาก็ยังเห็นเจ้างี่เง่าสองตัวยืนงงเต็กอยู่ตรงนั้นราวกับครุ่นคิดอย่างเชื่องช้า และก่อนที่ร่างของเขาจะเลี้ยวไปยังมุมอับของทางเดินรถไฟ เขาได้ยินเสียง แพนซี่ พากิสันส่งเสียงแหลมเล็กไปที่กลุ่มของพอตเตอร์
“ฝากไว้ก่อนเถอะย่ะ พวกแก”
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
รถไฟชะลอช้าลงและสะดุดกึกและผ่อนระบายลมจนหยุดนิ่งอยู่กับที่เมื่อมาถึงปลายทางเหล่าบรรดาปีหนึ่งถูกรุ่นพี่พรีเฟ็คบางคนพาไปยังฮ๊อกวอตส์ในขณะที่รุ่นพี่พรีเฟ็คคนอื่นๆดูแลความเรียบร้อยในส่วนอื่นๆซึ่งก็หมายถึงรอนและเฮอร์ไมโอนี่ด้วย
ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังเดินตรวจบนรถไฟว่ามีนักเรียนคนอื่นๆหลงเหลืออยู่ที่นี่อีกหรือเปล่า แอนโทนี่ประธานนักเรียนชายเรเวตอลในปีนี้เดินตรงมาหาเธอ
“เฮอร์ไมโอนี่ แล้วรอนล่ะ ”
“เดินตรวจอยู่อีกด้านหนึ่ง มีอะไรหรือเปล่า ”
เขามองดูนาฬิกาเกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้วเขาพยักหน้าให้เฮอร์ไมโอนี่เดินออกจากตู้รถไฟและเดินออกมาเพื่อขึ้นรถม้าด้วยกันระหว่างทางที่ไปยังรถม้า แอนโทนี่จึงหันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่
“เออ ขอโทษนะฉันขอปรึกษาเรื่องงานพรีเฟ็คกับเธอและรอนหน่อยได้ไหมเราไปรถม้าคันเดียวกันดีกว่าเราจะได้คุยกันไปพลางๆระหว่างทางด้วยไง”
“เอางั้นก็ได้ยังงั้นฉันจะไปบอกรอนแล้วจะให้แฮร์รี่ล่วงหน้าไปก่อนก็แล้วกัน”
“ขอบใจนะ”แอนโทนี่กล่าวเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าพร้อมกับเดินแยกไปยังรถม้าอีกคันหนึ่งที่มีแฮร์รี่และรอนยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว ระหว่างที่เธอเดินไปหาพวกเขาเธอสังเกตุเห็นว่ามีรถม้าอีกคันหนึ่งจอดรออีกกลุ่มหนึ่งอยู่ เฮอร์ไมโอนี่มองผ่านไปยังรถม้าคันนั้นและพบกับดวงตาสองคู่กำลังจ้องมาที่เฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่วางตามันคือดวงตาอันลึกลับของผู้ชายที่เธอเจอบนรถไฟเขาขยับโค้งเป็นรอยยิ้มเล็กๆจนเธอเองไม่แน่ใจว่าควรจะตอบโต้เขาอย่างไรดีและเห็นได้อย่างชัดเจนคือความชอบใจในอาการกระอักกระอ่วนของเธอส่วนอีกคู่หนึ่งคือดวงตาที่คุ้นเคยที่เห็นอยู่เสมอดวงตาสีฟ้าซีดของคนที่เธอเกลียดชัง แต่คราวนี้เธอกลับแปลกใจที่ดวงตาของเขาที่มองดูเธอมันแปลกออกไปมันคล้ายๆว่าเขากำลังสำรวจดูเธอแทบทุกตารางนิ้วและนั่นมันทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่อย่างแปลกๆ
@@@@@@@@@@@@@@@@@
หลังจากรอนและแฮร์รี่รับรู้เรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่และรอนต้องแยกไปยังรถม้ากับแอนโทนี่เพื่อปรึกษาเรื่องงานกับพรีเฟ็คคนอื่นๆอีกและนั่นก็หมายถึงแฮร์รี่ต้องขึ้นรถม้าไปเพียงคนเดียวเนื่องจากคนอื่นๆได้กลับไปด้านในฮ๊อกว๊อตส์กันหมดแล้วเหลือเพียงกลุ่มพรีเฟ็คบางคน แฮร์รี่และกลุ่มของพวกมัลฟอยเท่านั้น
ถึงแม้มันจะเป็นการยากสำหรับแฮร์รี่ในการที่ต้องนั่งรถม้าภายในที่มืดทึบและคับแคบภายในเวลาแค่สิบห้านาทีก็ตามซึ่งแฮร์รี่ไม่ชอบมันเอาเสียเลยเขาอดนึกถึงบ้านที่ซอยพรีเว็ต บ้านที่เขาอยู่ไม่ได้มันพลอยทำให้เขาพาลหายใจจะไม่ออก
แต่อย่างไรก็ตามมันก็ดีกว่าการที่เขาต้องมานั่งรถม้าคันเดียวกับพวกของมัลฟอย
แฮร์รี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่และยอมจำนนกับชะตากรรมที่คงเลี่ยงได้ยากกับการเดินทางที่ปราศจากเพื่อนรักของเขาทั้งสอง
“นายไปคนเดียวได้ใช่ไหมแฮร์รี่”
“ไม่มีปัญหา”แฮร์รี่พยักหน้าพร้อมกับปีนขึ้นไปนั่งในรถม้าที่ปราศจากคนควบคุมแล้วจึงชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างรถเมื่อได้ยินเสียงรอนบ่นพึมพำเรื่องจินนี่
“จินนี่ก็เหลือเกินแอบไปขึ้นรถกับลูน่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
แฮร์รี่มองลงมาและสบตากับเฮอร์ไมโอนี่ที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วอย่างเห็นใจเขาพยักหน้าให้กับเธอเล็กน้อยก่อนมีรอยยิ้มจางๆให้กับรอน
“ช่างเขาเถอะ ฉันไปก่อนนะเจอกันที่ฮ๊อกวอตส์”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
รถม้าของแฮร์รี่ค่อยๆเยาะย่างไปได้ห้าหกก้าวอยู่ๆมันก็เหมือนตื่นตกใจอะไรบางอย่างมันร้องเสียงดังอย่างตกใจและยกขาหน้าขึ้นมาสองขาอย่างตื่นตระหนกและต่อมามันวิ่งเต็มฝีเท้าโดยไร้ทิศทาง
ภายในรถม้าร่างของแฮร์รี่ถูกเหวี่ยงกระแทกไปกระแทกมาจนร่างกายเจ็บระบมแฮร์รี่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้ออกไปนอกรถอย่างลืมความเจ็บปวด
รอนและเฮอร์ไมโอนี่รวมทั้งพรีเฟ็คทุกคนที่อยู่ที่นั่นตกใจกันจนแทบจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันต่อหน้าต่อตาแบบนั้น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”รอนร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังด้วยความตกใจ
พวกเขาทั้งหมดต่างวิ่งตามรถม้าที่ห้อตะบึงไปอย่างเร็ว
“แฮร์รี่”เสียงตะโกนของรอนผสานกับเฮอร์ไมโอนี่ที่วิ่งตามมาพร้อมกับพรีเฟ็คคนอื่นๆแอนโทนี่ที่วิ่งอยู่ข้างหน้าก่อนใครเพื่อนพยายามตะโกนให้คนในรถได้สติ
“แฮร์รี่ ออกจากรถสิ”
ไร้ความหวังดูเหมือนคนในรถจะไม่สามารถออกจากรถได้เลยไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่ได้สติก่อนเพื่อนเธอหยุดวิ่งและใช้เวทมนต์เข้าช่วยเธอชี้ไม้วิเศษไปที่รถม้าอย่างตั้งใจและใช้คาถาแยกสิ่งของออกจากกันระหว่างรถม้าและตัวม้า
“ดิฟฟินโด รถม้า”**
ได้ผล ตัวม้าและรถม้าแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิงแต่รถม้าที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงกลับเสียหลักล้อรถพุ่งตรงไปข้างหน้าต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งและชนเข้ากับต้นไม้เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
“โครม!!!”
แฮร์รี่จำไม่ได้ว่าได้ยินเสียงระเบิดหรือเปล่าแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ยินคือเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนอกตัวรถก่อนที่เขาจะถูกกระแทกเต็มแรงประตูรถกระเด็นออกมาและตัวเขาก็ลอยเหมือนตุ๊กตาเด็กเล่น แขนขากางออกและบินเหมือนอยู่ในฝันรู้สึกว่าตัวหมุนไปครั้งแล้วครั้งเล่าและเพียงชั่วครู่ที่ร่างของเขากระแทกเข้ากับพื้นดินอย่างจังท่ามกลางเศษไม้และกระจกที่พุ่งเข้ามาหาเขาราวสายฝนและสติของเขาก็ดับวูบไป
รอนทรุดฮวบลงข้างๆแฮร์รี่ใบหน้าเหยเกน้ำตาเริ่มไหลออกมาด้วยความสงสารเพื่อนรักจับใจสภาพของแฮร์รี่ในตอนนี้มีบาดแผลจากเศษไม้และกระจกเต็มตัว ทั่วร่างมีแต่เลือดในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ยังคุมสติได้อยู่เธอผวาเข้าไปคุกเข่าอยู่ข้างๆแฮร์รี่เธอช้อนหัวของแฮร์รี่ที่ไม่ได้สติขึ้นมาไว้บนตัก เธอตบหน้าแฮร์รี่เบาๆให้รู้สึกตัว แต่....เงียบ...ทุกอย่างรอบๆตัวรวมทั้งแฮร์รี่เงียบสงบจนเฮอร์ไมโอนี่หวั่นใจ เธอก้มลงใกล้ๆหูของแฮร์รี่กระซิบเรียกชื่อเขาเบาๆ
“แฮร์รี่ตื่นสิ ได้โปรด ตื่นมาพูดกับฉัน“
แอนโทนี่ดูเหมือนจะได้สติก่อนคนแรก
“เฮอร์ไมโอนี่ พาไปหามาดามพอมฟรีย์เถอะดูไม่ค่อยดีเลย”
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนจับไข้ในฉับพลันเธอปล่อยให้แอนโทนี่จับมือเธอเพื่อเรียกสติของเธอคืนมา พวกเขาดูชุลมุนวุ่นวายในการนำร่างของแฮร์รี่เพื่อขึ้นรถม้าอีกคันและช่วยกันอย่างทุลักทุเล
และที่แนวป่าใกล้ๆกันมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนแอบอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่และมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตลอดอย่างใกล้ชิดเด็กหนุ่มคนนั้นกำไม้วิเศษข้างตัวไว้แน่นก่อนจะเดินหายไปจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ โดยที่เขาไม่ได้รู้เลยว่าหลังจากเขาเดินออกไปได้ไม่นานเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งก็โผล่มาจากพุ่มไม้ใกล้เคียงกัน เขามองร่างของแฮร์รี่และยิ้มอย่างเหี้ยมโหดก่อนเดินจากไปทางเดียวกับเด็กหนุ่มคนแรก
@@@@@@@@@@@@@@@
“พวกเธออยู่ที่นี่ไม่ต้องเข้าไป ฉันต้องการใช้สมาธิในการรักษาแฮร์รี่”
เสียงพูดอันร้อนรนมีความกังวลปรากฎชัดในดวงตาของมาดามพอมฟรีย์ยิ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่กังวล
แอนโทนี่ และเฮอร์ไมโอนี่นั่งลงคู่กันที่หน้าห้องพยาบาลในขณะที่รอนนั่งไม่ติดเขาเดินไปเดินมาเหมือนคนสติแตกปากก็พูดพึมพำอย่างงุนงงสงสัย
“แย่จริงทำไมเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ สัตว์พวกนั้นมันตื่นตกใจอะไรกันนักหนา”
รอนกึ่งเปรยกึ่งถามอย่างสงสัยกับพฤติกรรมของสัตว์ที่ดูตื่นตกใจกับอะไรบางอย่างและเป็นผลทำให้แฮร์รี่เพื่อนของเขาบาดเจ็บอยู่แบบนี้
“ฉันก็ไม่รู้รอน แต่มันน่าแปลกอยู่นะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเนิบช้าสีหน้าดูจริงจัง
“แปลกยังไง”รอนจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่เขม็งนิ่งอยู่อึดใจเพื่อรอคำตอบ
เฮอร์ไมโอนี่สั่นหัวเล็กน้อยคิ้วย่นเข้าหากันอย่างแปลกใจระคนสงสัย
“เธอว่าไม่แปลกหรือไง ม้าพวกนั้น ไม่ใช่ม้าธรรมดา ปกติแล้วทางโรงเรียนจะต้องร่ายเวทมนต์ กำกับเพื่อให้มันพานักเรียนทั้งหลายเข้ามายังฮ๊อกวอตส์ได้อย่างปลอดภัยอยู่แล้ว ไม่มีทางที่ม้าจะตื่นตกใจกลัวจนเตลิดแบบนั้น”
แอนโทนี่และรอนรับฟังเงียบๆอย่างสนใจในขณะที่แอนโทนี่พยักหน้าเห็นด้วยกับหญิงสาว
“จริงด้วยสิ เพราะตั้งแต่ฉันเรียนที่นี่มาก็ไม่เคยเห็นม้าตื่นตกใจแบบนี้มาก่อน”รอนกล่าวเสริม
แอนโทนี่ที่นั่งเอนตัวไปด้านหลังอย่างใช้ความคิดก่อนเอนตัวมาด้านข้างและพูดกับเฮอร์ไมโอนี่เบาๆเหมือนกลัวใครจะแอบฟัง
“เธอคิดอย่างที่ฉันคิดหรือเปล่า เฮอร์ไมโอนี่”
“แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ แอนโทนี่”เฮอร์ไมโอนี่ถามและรอนชำเลืองมองดูคนทั้งคู่อย่างไม่ค่อยจะเข้าใจมากนักพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแต่ไม่ได้ขัดจังหวะแต่อย่างใด
แต่ไม่ทันที่แอนโทนี่จะหลุดข้อสงสัยอะไรออกมาเสียงห้าวๆของคนตัวสูงใหญ่ที่พวกเขารู้จักดีก็ดังขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้น”
“แฮกริด”เฮอร์ไมโอนี่และรอนเรียกชื่อแฮกริด ที่กำลังจ้องมองพวกเขาอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน
“แฮร์รี่เป็นยังไงบ้าง เฮอร์ไมโอนี่”แฮกริดหันมาถามผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม
“มาดามพอมฟรีย์กำลังรักษาอยู่ค่ะตอนนี้”
แฮกริดพยักหน้า เขาถอนลมหายใจอย่างโล่งอกเพราะอย่างน้อยเมื่อแฮร์รี่มาถึงมือของมาดามพอมฟรีย์เขาก็มั่นใจไปได้เปาะหนึ่งว่า มาดามพอมฟรีย์จะสามารช่วยแฮร์รี่ได้อย่างแน่นอน
แฮกริดหันมาทางพวกเขาทั้งสามคนและบอกถึงคำสั่งที่เขาได้รับมอบหมายมาให้พวกเด็กๆรับรู้
“แอนโทนี่ เฮอร์ไมโอนี่ รอนเธอสามคนมากับฉันศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลอยากให้พวกเธอช่วยชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ผมขอรอดูอาการแฮร์รี่ที่นี่ได้ไหมครับ” รอนทำเสียงอ้อนใส่แฮกริด เขาพยักหน้าให้แทนคำตอบแล้วจึงผละจากรอนพา สองหนุ่มสาวมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลผู้รักษาการแทนดับเบิ้ลดอร์ในทันที
@@@@@@@@@@@@@@@
ประตูด้านหน้าห้องทำงานของดับเบิ้ลดอร์เปิดออกและเมื่อเฮอร์ไมโอนี่และแอนโทนี่เข้ามายังภายในห้อง ประตูจึงปิดด้วยตัวของมันเองอย่างรวดเร็ว ศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลป์ซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับเด็กนักเรียนคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมามองพวกเขาชั่วครู่ก่อนใช้สายตาบอกใบ้ไปทางเก้าอี้ว่างสองตัวที่อยู่ด้านข้างประตูฟากทางเดิน พวกเขาสองคนพยักหน้าอย่างเข้าใจและเดินไปนั่งคอยอยู่เงียบๆ
เฮอร์ไมโอนี่คงจะไม่เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอแน่ถ้าไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นหูของเขา เขาและหญิงสาวที่มีเรื่องกับเธอบนรถไฟนั่งหันหลังให้เธอกำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลป์ฟัง
“ตอนที่เกิดเรื่องผมอยู่ในรถม้าแล้วกำลังรออมาธาร์กับคนอื่นๆอีกผมได้ยินเสียงเอะอะโวยวายผมเลยชะโงกหน้าไปดูเห็นรถม้าที่เกิดเรื่องวิ่งตะบึงออกไปข้างหน้าอย่างตกใจแล้วพวกที่เหลือวิ่งตามรถม้าไป หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้แล้วละครับว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเพราะผมอยู่ที่รถม้าไม่ได้วิ่งตามพวกเขาไปด้วย ต่อมาพวกของแพนซี่และอมาธาร์ก็ตามมาสมทบพวกผมและเดรโกตามมาหลังสุดพวกเรากำลังเตรียมตัวจะออกรถ พวกผมก็เห็นพวกที่วิ่งตามออกไปพาคนเจ็บขึ้นรถม้าผมคิดว่าเขาคงถูกพามาที่ห้องพยาบาลของที่ฮ๊อกวอตส์ ”
ศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลป์จ้องมองเด็กใหม่ทั้งสองคนนิ่งไปชั่วครู่อย่างใช้ความคิดในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่สะกิดใจกับคำพูดของเด็กหนุ่ม เดรโก มัลฟอยไม่ได้อยู่ตรงนั้น ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่จำได้ว่าตอนที่เธอเดินมาเพื่อบอกให้แฮร์รี่ขึ้นรถม้ามาคนเดียวเธอยังเห็นเดรโกอยู่ในรถม้ากับเด็กหนุ่มคนนี้อยู่นี่นา แล้วตอนที่เกิดเรื่องเดรโกหายไปไหน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาด้วยหรือเปล่านะ
เฮอร์ไมโอนี่ดึงความคิดของเธอคืนมาเมื่อได้ยินศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลถามต่อ
“แล้วพวกเธอเห็นอะไรหรือใครที่ผิดปกติบ้างหรือเปล่า”
“ไม่นี่ค่ะ พวกเราไม่เห็นใครหรืออะไรจะผิดปกติเลย หนูคิดว่าม้ามันอาจจะตื่นตกใจของมันเองก็ได้”คราวนี้เด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเด็กหนุ่มเป็นคนพูดหลังจากนิ่งคิดชั่วครู่
มัลกอลนากัลพยักหน้าแต่ไม่ใช่อาการพยักหน้าอย่างเห็นด้วยหากป็นอาการของคนที่ไม่อยากเสียเวลาถกปัญหาที่ยังกระจ่างไม่พอและต้องการเวลาในการใคร่ครวญให้ละเอียด
“เอาล่ะพวกเธอทั้งสองคนไปกันได้แล้ว ศาสตราจารณ์ฟลิกวิตช่วยไปส่งพวกเขาด้วยนะค่ะเขาอาจจะยังไม่คุ้นทางสักเท่าไหร่นัก”
“ไม่เป็นไรฮะ ผมจำทางที่นี่ได้เป็นอย่างดีแล้ว เชิญศาสตราจารณ์เถอะครับ”
เด็กหนุ่มปฎิเสธเสียงเรียบแต่ก็แข็งกระด้างในที มัลกอลนากัลยืดตัวตรงคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจในขณะที่ศาสตราจารณ์ฟลิกวิตพยายามอธิบายให้เด็กหนุ่มเข้าใจ
“แต่ทางที่นี่มันวกวนเธออาจจะหลงได้”
แทบจะในทันทีเสียงหัวเราะของเด็กสาวแสนสวยที่อยู่เคียงข้างวินเวิร์ดดังลอดออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพยามยามสงบสติอารมณ์ก่อนเอ่ยเสียงหวาน
“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะศาสตราจารณ์ฟลิกวิตวินเวิร์ดเป็นคนจำอะไรแม่นทางแค่นี้เขาไม่มีวันหลงง่ายๆแน่ขนาดที่เดิมร์แสตรงทางวกวนกว่านี้มากเขาเดินแค่ครั้งเดียวเขาก็จำทางได้หมดแล้ว”
“งั้นก็ตามใจ ตามสบาย”มัลกอลนากัลป์บอกเสียงเนิบๆแล้วชายตาไปที่เด็กหนุ่มอย่างพินิจ
เด็กหนุ่มสาวทั้งสองลุกจากที่นั่งพลางโค้งหัวเล็กน้อยให้มัลกอลนากัลอย่างถือดีก่อนจะหมุนตัวออกไปแต่ก่อนที่วินเวิร์ดจะก้าวเท้าออกไปหางตาของเขาพลันเห็นใครคนหนึ่งที่มีอิทธิพลพอจะทำให้เขาหยุดเดินและหันกลับมาจ้องดูคนๆนั้นได้
นัยย์ตาของวินเวิร์ดจ้องมาที่เฮอร์ไมโอนี่นิ่งก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะขยับเหยียดแต่ไม่ใช่ยิ้มให้กับเธอ เฮอร์ไมโอนี่ตัวชาวูบ เมื่อได้เห็นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ถนัดๆผู้ชายคนนี้มีอะไรที่แปลกประหลาดโดยเฉพาะแววตาของเขามันเหมือนใครบางคนที่เธอเคยเห็นใครบางคนที่ทำให้เธอหวาดกลัว และฝันร้ายที่มันเพิ่งจบไปเมื่อไม่นานนี้มันยังไม่ทันจางดี มันกลับทำให้เธอหวนกลับไปคิดถึงคนๆนั้นอีก โวลเดอร์มอ
ความคิดของเธอหยุดชะงักลงเมื่อวงหน้าคมพยักหน้าให้กับเธอเล็กน้อยเหมือนทักทายพร้อมรอยเหยียดยิ้มที่ริมฝีปากที่หญิงสาวแทบขมวดคิ้วให้อย่างไม่พอใจก่อนที่เขาจะสาวเท้าเดินออกนอกประตูไป เขาหมายความว่ายังไง เขาทักทายเธอหรือยังไงกัน ทั้งๆที่เขาและเธอไม่เคยพูดคุยหรือรู้จักกันด้วยซ้ำไป นอกจากเรื่องทะเลาะวิวาทบนรถไฟกับเพื่อนสาวของเขาเท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่สลัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดที่ไร้สาระนั้นออกจากหัวสมองแล้วจึงเดินตามแอนโทนี่เข้าไป
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ความหนาวเย็นของชั้นใต้ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของหอนอนสลิธิลีนอาจจะทำให้นักรียนหลายๆคนที่เพิ่งเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาต่างซุกกายอยู่ภายใต้ผ้าห่มและหลับอย่างมีความสุขแต่มันกลับไม่ได้กระตุ้นให้เด็กหรนุ่มผมบลอนส์หลับลงได้เลยความขุ่นเคืองบนรถไฟในวันนี้มันทำให้ความสุขที่ผ่านมาทั้งหมดของเขาแทบมลายหายไปจนแทบจะไม่มีเหลือ แต่มันก็ยังพอจะมีเรื่องที่น่ายินดีอยู่หน่อยนึงพอที่จะทำให้เขามีความสุขเล็กๆขึ้นมาได้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าพอตเตอร์คนที่เขาเกลียดนักเกลียดหนาเขาแทบไม่อยากจะเชื่อกับเวทมนต์ดำที่เขาได้เรียนมากับพ่อของเขาในช่วงปิดเทอมมันจะได้ผลเกินคาดขนาดนี้เพียงแค่ขยับปลายไม้ไปที่รถม้าแค่นั้นและร่ายเวทมนต์อีกนิดหน่อยทุกอย่างก็เรียบร้อย
คิดถึงตอนนี้เดรโกกลับมีรอยยิ้มอย่างสะใจ ป่านนี้เจ้าพอตเตอร์นั่นคงต้องนอนอยู่ในห้องพยาบาลอีกหลายวันทีเดียว เดรโกกำลังคิดอยู่ว่าเขาจะใช้เวทมนต์ของเขาทำความหฤหรรษ์ให้กับตัวเองอย่างไรบ้างในชั้นปีเจ็ดของเขา ใช่ อย่างน้อยๆเขาก็ควรจะใช้มันกับพวกกริฟฟินดอร์และกลุ่มของเจ้าพวกพอตเตอร์นั่น
แต่ความสุขของเขาก็เริ่มต้นได้ไม่นานเมื่อมีเสียงกรนคล้ายหวูดรถไฟดังประสานกันจากพวกงี่เงาที่นอนอยู่ห้องเดียวกับเขาจนเขาแทบจะทนไม่ไหว เดรโกนอนกระสับกระส่ายบนเตียงสี่เสาอย่างเบื่อหน่ายจนเขาเริ่มมีความคิดที่อยากจะถีบเจ้าพวกงี่เง่าพวกนี้ตกเตียงนัก และไวเท่าความคิด เดรโกผุดลุกขึ้นยืนแทบจะในทันทีและเตรียมพร้อมที่จะทำตามความคิดของเขาแต่มีอีกเสียงที่คัดค้านในความคิด เปล่าประโยชน์ที่จะทำพวกมันเพราะถ้าพวกมันตื่นคงจะทำได้แค่นั่งทำตาปริบๆและทำท่ามึนงงและตั้งคำถามงี่เง่าจนเขาระอาที่จะต้องตอบคำถามของพวกมัน.ในที่สุดพวกมันก็จะนอนกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและทำเสียงเหมือนเก่าโดยไม่มีผิดเพื้ยน
เดรโกจึงเปลี่ยนทิศทางเขาคว้าไม้วิเศษประจำตัวแล้วหันหลังเดินออกจากห้องนอนเพื่อลงไปที่ห้องนั่งเล่นรวมเผื่อจะมีใครสักคนหรืออะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้เขาสนุกมากกว่านี้
ในขณะที่เดรโกเดินลงมาเงียบๆนั้นเขาสังเกตเห็นทางเข้าของบ้านถูกเหวี่ยงปิดพอดี นั่นก็แสดงว่าต้องมีใครแอบออกไปข้างนอกแน่นอน ด้วยความสงสัย เดรโกจึงตามออกไป
เพียงแค่เห็นด้านหลังเดรโกก็รู้ในทันทีว่าใคร
วินเวิร์ดกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังชั้นสองท่ามกลางทางเดินว่างเปล่าไร้ผู้คนพร้อมแผนที่ในมือเขากำลังสำรวจตามผนังทุกๆด้านที่เขาเดิน เดรโกยืนหลังแนบติดกับผนังในซอกกำแพงอันมืดมิดและปล่อยให้สายตาปรับเข้ากับความมืดตามทางเดินยาวนอกระเบียงนั้น เขาพุ่งสายตาตรงไปยังวินเวิร์ดอย่างแปลกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็น
“มันเดินหาอะไรของมันวะ”
เดรโกเดินตามน้องชายของเขาอยู่นานและสิ่งที่เขาได้เห็นคือการกวาดมือตามกำแพงไปมาของวินเวิร์ด น้องชายของเขาทำแบบเดิมกันซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับทุกๆฝาผนังที่เดินผ่านจนกระทั่งเดรโกได้ยินเสียงฝีเท้าที่มุมตึกอีกด้านหนึ่งของทางเดินทำให้เดรโกเสียสมาธิ เขาเหลียวหลังไปมองเพียงแว๊บเดียวก่อนจะชะโงกหน้าไปดูวินเวิร์ดอีกครั้งแต่สิ่งที่เขาเห็นคือความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของเด็กหนุ่มที่เขาสะกดรอยอยู่เลย
“หายไปไหนแล้วว่ะเนี่ย”เดรโกสบถออกมาอย่างฉุนฉียวพลางหลบเข้าไปยังซอกกำแพงที่มืดมิดก่อนที่เสียงฝีเท้าของใครอีกคนที่เขาได้ยินจะเดินเข้ามาใกล้
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เสียงฝีเท้าที่ดังฝ่าความมืดทำให้วินเวิร์ดไหวตัว เขาใช้เวลาช่วงสั้นๆเบี่ยงตัวแนบกับผนังตึกอาศัยความมืดในบริเวณนั้นพาตัวเองลัดเลาะไปตามกำแพงตึกและเหวี่ยงตัวเข้าไปยังห้องๆหนึ่งซึ่งเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นห้องพยาบาลและมันเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะอ้างได้ว่าเขารู้สึกไม่ค่อยดีนักเผื่อใครถาม
ที่ห้องพยาบาลแทบจะไม่มีผู้คนมีแสงไฟเล็กน้อยที่สาดส่องมาจากหน้าต่าง พอที่จะทำให้เห็นทุกอย่างในห้องนั้น มีเตียงพยาบาลหลายเตียงวางเรียงรายทั้งสองฝาก ทุกเตียงว่างเปล่ายกเว้นเตียงด้านในสุด
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เขารู้จักดี แฮร์รี่ พอตเตอร์ นอนอยู่บนเตียงนั้นเพียงลำพัง
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
หลังจากแยกย้ายจากแอนโทนี่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอคงนอนไม่หลับแน่ถ้าไม่ได้เจอกับแฮร์รี่ในตอนนี้ถึงแม้เธอจะรู้เรื่องอาการจากมาดามพอมฟรีย์ที่เพิ่งจะเข้าไปหาศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลป์เมื่อกี้แล้วก็ตาม และช่วงเวลานี้คงเป็นการดีที่เธอจะลอบไปดูอาการของแฮร์รี่สักครู่ก่อนจะขึ้นไปยังหอนอน
เร็วเท่าความคิดเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ก้าวเท้าอย่างรีบเร่งไปยังห้องพยาบาลโดยไม่ได้รู้เลยว่ามีใครอีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดกำลังจ้องมาที่เธอเขม็ง
“นั่นมันยายเกรนเจอร์นี่หว่า”
อะไรบางอย่างวาบลึกในดวงตาของเดรโกก่อนจะมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่จะมีเสมอยามที่เขาคิดถึงเรื่องสนุกๆที่รออยู่ข้างหน้า
“ดีล่ะ งานนี้ได้สนุกแน่ ยายเลือดโสโครก”และแล้วความคิดชั่วร้ายก็แว๊บผ่านเข้ามายังก้านสมองของเขา
@@@@@@@@@@@@@@@@
แฮร์รี่นอนสลึมละลือบนเตียงเพราะฤทธิ์ยาแขนขาเหยียดออกมาอย่างหมดแรง
“แฮร์รี่เป็นไงบ้าง”เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ข้างเตียงอย่างสงบก่อนถามอย่างใจเย็นพอจะจับอาการถึงความเป็นห่วงที่ผ่านมากับน้ำเสียงแผ่วเบานั้นได้
เด็กหนุ่มที่ถูกฤทธิ์ยาสะกดความรู้สึกเริ่มมีอาการขยับตัวเล็กน้อยเปลือกตากระพริบไหว คราวนี้ริมฝีปากของเด็กหนุ่มเริ่มขยับเขาเอ่ยชื่อเธอเสียงแผ่วเบาและอย่างงัวเงียเล็กน้อยก่อนตื่นเต็มตัว
“เฮอร์ไมโอนี่”
“อย่าเพิ่งกระดิกตัวสิแฮร์รี่เดิ๊ยวแผลก็ฉีกหรอก”เฮอร์ไมโอนี่เกาะขอบเตียงทอดตาดูแฮร์รี่อย่างสำรวจแม้สีหน้าจะดูซีดเซียวไปสักนิดแต่นอกจากรอยฟกช้ำดำเขียวแล้วดูไม่มีอะไรน่าห่วง
“ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ“ แฮร์รี่มองไปรอบๆห้องอย่างสงสัย “มาดามพอมฟรีย์อนุญาติให้เธอเข้ามาดูฉันได้ยังไงเนี่ย”
เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะเบาๆพลางตอบข้อสงสัยของแฮร์รี่ในความเจ้าเล่ห์ของเธอซึ่งมันไม่บ่อยนักหรอกที่เธอจะแหกกฎแบบนี้
“มาดามไม่อยู่หรอก เธออยู่ในห้องทำงานของอาจารณ์ใหญ่คุยอยู่กับศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลน่ะฉันเลยได้โอกาสแวะมาหาเธอสักหน่อย”
แฮร์รี่พยักหน้าอย่างเข้าใจมีรอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นและต่อมาก็กลายเป็นเสียงขบขันของแฮร์รี่มันพลอยทำให้เฮอร์ไมโอนี่อดหัวเราะให้กับตัวเองไม่ได้เช่นกัน
“อย่าหัวเราะสิ ก็แค่แหกกฎเล็กๆน้อยๆเอง”ใบหน้าเธอแดงกล่ำรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก และท่าทีแบบนี้ของเธอทำให้แฮร์รี่รู้สึกสบายใจเล็กน้อยมันเป็นท่าทางที่เขาคุ้นเคยป็นอย่างดี และมันเป็นอะไรที่ทำให้เขาไม่อยากละสายตาไปจากเธอ และยิ่งยามเธอทอดสายตามองดูเขามันยิ่งทำให้เขาคิดเกินเลยไปกันใหญ่พราะสายตาของเธอดูอบอุ่นและนุ่มนวลจนดูน่าลุ่มหลง
แฮร์รี่สะดุ้ง กระตุกศรีษะขึ้นและเสมองไปทางอื่นก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่ เขากำลังคิดบ้าๆอะไรอยู่เฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนของเขานะ และที่สำคัญเขามีจินนี่หญิงสาวที่เขารักอยู่ในใจเสมอมาด้วย แฮร์รี่เริ่มดึงสติของตัวเขาเองกลับมาได้อีกครั้ง
“แฮร์รี่เธอจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงต่ำเบาเมือนกลัวว่าจะมีบุคคลที่สามได้ยินทั้งๆมีเพียงแค่พวกเขาอยู่กันแค่สองคนเท่านั้น แฮร์รี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางครุ่นคิด
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเฮอร์ไมโอนี่อยู่ๆม้ามันก็เกิดพยศขึ้นมา ฉันพยายามจะออกจากรถแต่แรงเหวี่ยงของมันมีมากจนฉันหลุดออกมาไม่ได้สักครู่ได้ยินเสียงดังเหมือนรถชนกับอะไรสักอย่างฉันรู้สึกตัวลอยออกมานอกรถแล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย”
“เธอไม่เห็นอะไรผิดปกติบ้างเลยเหรอ”เฮอร์ไมโอนี่กล่าวสายตากังวลของเธอดูจะมีแววครุ่นคิดยิ่งขึ้น
แฮร์รี่นิ่งคิดสักครู่ก่อนจะขยับกายอย่างเจ็บปวดไม่สุขสบายนัก
“ก็ไม่นี่ ไม่มีอะไรผิดปกติ”
ทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วครู่ดูเหมือนทั้งแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่กำลังครุ่นคิดหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เงียบๆก่อนที่จะมีใครบางคนทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน
“โว้ว นึกว่าใครที่ไหนมาพลอดรักกันค่ำๆมืดๆแบบนี้ที่แท้ก็พวกแกนี่เอง “
ร่างของเด็กสาวสั่นกระตุกเมื่อได้ยินเสียงพูดจาอันยียวนที่แทรกกลางบทสนทนาระหว่างเธอและเพื่อน เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่เธอเห็นคือร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มผมบลอนส์ ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้องพยาบาล เฮอร์ไมโอนี่เหลือบตาขึ้นมองอีกครั้งนึกภาวนาว่าจะได้เห็นมาดามพอมฟรีย์กำลังจะตะเพิดเธอให้ออกจากห้องพยาบาลแทนที่จะเป็นเด็กผู้ชายในตาสีซีดที่จับจ้องเธอซึ่งเป็นแววตาของคนเพียงคนเดียวเท่านั้น เดรโก มัลฟอย
เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจอย่างนึกเสียดายที่คำขอของเธอไม่เป็นผล เธอรู้สึกประหลาดใจระคนตกใจกับการปรากฎตัวของเขาพร้อมกับลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นของตัวเอง
“มัลฟอย”
เดรโกมองเฮอร์ไมโอนี่ที่อุทานเรียกชื่อเขาแล้วจับตามองดูแฮร์รี่อีกครั้งพลางสาวเท้ายาวๆไม่กี่ก้าวมายืนอยู่แทบจะถึงเตียงที่เขานอนอยู่
“ทำไมล่ะพอดเตอร์ยายจินนี่แฟนแกน่ะมันไม่แยแสแกแล้วหรือไงถึงเปลี่ยนใจมาพลอดรักยายโสโครกนี้แทน”
กรามของแฮร์รี่ขบกันแน่นโทสะพุ่งขึ้นเมื่อศัตรูอันดับหนึ่งของเขากำลังหยามแฟนและเพื่อนสาวของเขา
“หุบปากเน่าๆของแกไปเลยนะมัลฟอย” แฮร์รี่ตวัดเสียงเย็นชาใส่
“แกสั่งฉันไม่ได้หรอกพอตเตอร์คนอย่างแกไม่มีสิทธิ์” เสียงของเดรโกเย็นชาไม่แพ้กัน
“นายต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์มัลฟอย คนอย่างนายไม่มีคุณค่าพอที่จะมาเทียบชั้นกับแฮร์รี่ได้หรอก”เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวดีเมื่อถูกเดรโกมองด้วยความโกรธจัดจนเธอนึกกลัวขึ้นมาทว่าบางอย่างในความโกรธของเขากลับทำให้หัวใจเธอเต้นแรง
“ปากเก่งนักนะ เกรนเจอร์ เธอไม่เคยคิดจะยอมลงให้ฉันบ้างเลยใช่ไหมยายเลือดสีโคลนโสโครก ต่ำช้า”เขาตะคอกใส่พลางจ้องเธอเขม็งในตาวาวโรจน์อย่างไม่พอใจ
ในเวลานี้เฮอร์ไมโอนี่อยากหาอะไรก็ได้ปาใส่หน้าเขาเพื่อให้เขาเลิกมองเธอเสียที เธอรู้ว่าคนอย่างเขาคุ้นเคยกับคนโอนอ่อนยอมศิโรราบให้ แล้วตาลีตาเหลือกยอมทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่างแต่ไม่ใช่เธอแน่ๆคนอย่างเขาสมควรได้รับการดัดสันดานกับการเอาใจตัวเองแบบนี้ได้แล้ว
“ถึงแม้ว่าฉันจะโสโครก ต่ำช้า แต่ฉันก็ยังมีคุณธรรมที่สูงส่งกว่านายมากนัก มัลฟอย และฉันก็ภูมิใจในความเป็นฉัน แต่นายนี่สิมัลฟอย นายรู้สึกภาคภูมิใจในตระกูลอันสูงส่งของนายแน่หรือ นายแน่ใจแล้วหรือที่สายเลือดของนายมันบริสุทธิ์แล้วแท้จริง เพราะตระกูลของนายทุกคนมันพวกกากเดนมนุษย์ชัดๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อของนายเอง“และแทบจะในทันทีที่เธอพูดจบเดรโกพุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว เขาคว้าแขนของเธอข้างหนึ่งและดึงเข้าหาร่างแข็งแกร่งของเขาเต็มแรงจนร่างของเธอเซปะทะเข้ากับร่างของเขาอย่างจัง เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมืออีกข้างที่เป็นอิสระของเธอไปยังกระเป๋าด้านหลังในทันทีและดึงไม้วิเศษของเธอออกมาแต่ก่อนที่เธอจะทันได้ตั้งตัวร่ายเวทมนต์อะไรออกไปเดรโกกลับฉวยมือที่เธอถือไม้วิเศษไว้และบิดข้อมือเธอเต็มแรงความเจ็บปวดทำให้เธอคลายไม้ที่เธอกำไว้มั่นจนไม้วิเศษล่วงจากมือของเธอไปกองอยู่บนพื้นเหมือนเศษไม้เก่าๆ เดรโกใช้เท้าของเขาเตะไม้ของเธอไปยังใต้เตียงของอีกด้านหนึ่งของห้อง
“พวกฉันเป็นกากเดนมนุษย์ใช่ไหม เกรนเจอร์ยังงั้นกากเดนอย่างฉันมันก็เหมาะสมกับคนชั้นต่ำอย่างเธอล่ะสิ “เขาตวาดใส่ พลางมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเงยหน้ากลับ
ขึ้นมามองตาเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าตัวเองเหงื่อแตกจนชุ่มไปทั้งตัวร่างกายสั่นระริกด้วยความโกรธและอายความรู้สึกแรงกล้าและความเร่าร้อนจากแววตาของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกเขากลืนกินเข้าไปทั้งตัว ช่างน่าขยะแขยงสิ้นดี
“ปล่อยฉันนะ มัลฟอย”เฮอร์ไมโอนี่พยายามแกะมือที่กุมแขนของเธอไว้แน่น
ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังดิ้นรนเพื่อสลัดให้หลุดจากมัลฟอยแฮร์รี่เองพยายามดันตัวเองขึ้นเพื่อช่วยเหลือเพื่อนรักของเขาอย่างสุดกำลัง แต่แล้วสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มัลฟอยชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ร่างของแฮร์รี่และร่ายคาถาทันที
“เพ็ตตริพิคัส โททาลัส”
“แฮร์รี่”เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนเรียกชื่อเพื่อนของเธออย่างตื่นตระหนกพลางถลาไปที่เตียงของแฮร์รี่แต่มัลฟอยกลับกระชากร่างของเธอจนปลิวตามแรงของเขา
“ไงล่ะ แฮร์รี่เพื่อนรักของเธอจะได้ดูการแสดงสดเล็กๆน้อยๆระหว่างกากเดนมนุษย์อย่างฉันกับคนชั้นต่ำอย่างเธอไงเกรนเจอร์ “
“ปล่อยนะ สารเลว ชั่วร้ายที่สุด”เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นรนอย่างสุดชีวิตก่อนที่จะใช้ฟันที่คมกริบของเธอฝังลงยังมือของเดรโกได้ผลเขาปล่อยเธอพลางสะบัดแขนเร้าๆอย่างเจ็บปวด
เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปที่หัวเตียงของแฮร์รี่และคว้าได้เหยือกน้ำมาใบหนึ่งก่อนที่ร่างของเดรโกจะเลื่อนเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็วเฮอร์ไมโอนี่หอบหายใจพลางยกอาวุธเท่าที่เธอจะคว้าได้และพุ่งเข้าใส่ในทันทีเดรโกเบี่ยงตัวหลบพ้นอย่างหวุดหวิด
มือข้างหนึ่งของเขาคว้าข้อมือเธอไว้เหวี่ยงตัวเธอหมุนแล้วกระชากร่างบางถลาแนบกับร่างอันแข็งแกร่งของเขา เฮอร์ไมโอนี่สูดหายใจลึกเพื่อจะกรีดร้องออกมาแต่มืออีกข้างหนึ่งปิดปากเธอไว้ทันเสียก่อนที่เธอจะได้ส่งเสียง
“ฤทธิ์มากนักนะยายเลือดโสโครก ฉันจะสอนบทเรียนให้เธอได้รับรู้ไว้ว่าการที่เธออวดดีและปากเก่งกับฉันเธอจะได้ผลลัพธ์อะไรเป็นการตอบแทนบ้าง”
เขากล่าวออกมาในที่สุดด้วยเสียงเย็นยะเยียบมืดทะมึนจนทำให้เธอสะท้าน
เฮอร์ไมโอนี่ทั้งดิ้นทั้งสะบัดในอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลของมัลฟอยแต่ไม่ว่าจะดิ้นหนีแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจดิ้นพ้นอ้อมแขนแข็งแรงนั้นได้
เดรโกปล่อยมือที่ปิดปากเธอไว้แต่เขากลับเอาริมฝีปากร้อนๆของเขาบดเบียดลงไปบนเรียวปากอิ่มแน่นของเธอเต็มๆ เฮอร์ไมโอนี่ที่จะส่งเสียงกรีดร้องจึงต้องหุบปากตัวเองไว้แน่นก่อนจะพยายามเบี่ยงหน้าหลบแต่ก็ไม่สามารถหลบพ้นได้เมื่อเดรโกยังคงใช้ริมฝีปากร้อนๆของเขาจูบระรานเธอตลอดเวลา
เหลือเพียงอย่างเดียวที่สามารถทำได้ คือการใช้กำปั้นน้อยๆทุบไปตามหลังและไหล่ของเขาอย่างสุดกำลัง
ดวงตาของแฮร์รี่เบิกโพล่งเมื่อเห็นสิ่งที่เดรโกทำกับเพื่อนรักของเขาที่กำลังดิ้นรนอย่างสุดกำลัง เขารู้สึกได้ถึงหัวใจของเขาเหมือนมันกำลังถูกบีบจากซาตานร้ายในร่างมนุษย์ ใจของเขากำลังจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านริมฝีปากของแฮร์รี่ขยับเขยื้อนกระดกลิ้นทำเสียงคล้ายเปล่งประโยคออกมาสุดกำลังเขาพยายามอยู่พักหนึ่งแต่ดูเหมือนเป็นความพยายามที่ไร้ผลไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมาจากเสียงของเขาหรือแม้แต่ร่างกายก็ไม่ยอมทำตามที่ร่างกายเขาสั่ง
***** ดิฟฟินโด คาถาเพื่อทำให้ของบางอย่างฉีกขาดหรือเปิดออก
*****เพ็ตตริพิคัส โททาลัส (Petrificus Totalus) คาถาที่เฮอร์ไมนี่ใช้จับเนวิลล์มัดทั้งร่างติด กัน ให้แข็งเป็นท่อนไม้
หมายเหตุ*** เรื่องนี้เดรโกออกจะเป็นผู้ชายที่ห่ามๆและร้ายกาจมากๆไปสักหน่อยแต่ตอนหลังๆจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆยังไงก็เป็นกำลังใจให้เดรโกด้วยนะค่ะ ถามว่าเรื่องนี้มีเรทไหมถ้าที่เด็กดีไม่มีนะค่ะ อย่างดีก็แค่กระชาก กระชาก และจูบๆๆๆๆเท่านั้น แต่ที่บอร์ดที่เรารู้กันอาจจะแปลงให้นิดหน่อยนะค่ะ รับทราบตามนี้ด้วยค่ะ เรื่องนี้นู๋เฮอร์ค่อนข้างจะช้ำเล็กน้อยแต่พองามเพราะมีหนุ่มๆถึงสามคนรุมรักเธอทั้งนั้นเลย และแต่ละคนก็อยากจะใกล้ชิดกับเธอทั้งนั้น อ๊ากกกก จะโดนอะไรเขวี้ยงไหมเนี่ย 5555
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ตัวอย่างตอนต่อไป
เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้าของเธอเล็กน้อยก่อนพูดอย่างหนักแน่นในน้ำเสียงนั้น
"ฉันไม่เคยกลัวนายวินเวิร์ดรวมทั้งพี่ชายนายด้วย และฉันนี่แหละที่จะเป็นคนกระชากหน้ากากที่แท้จริงของนายออกมาเอง"
........................................................................................................
.........................................................................................................
............................................................................................................
วินเวิร์ดประชิดร่างเข้าใกล้เฮอร์ไมโอนี่ที่แข็งขืนเต็มที่ เขาดันตัวเธอปะทะกับกำแพงเย็นๆซึ่งเป็นทางลงก่อนไปหอนอนสลิธลีน ก่อนที่สันจมูกและริมฝีปากของเขาจะตลอเคลียร์ไปกับแก้มนวลเนียนของเธอและกระซิบเสียงแผ่วเบา
"อย่าพูดว่าเธอไม่กลัวฉัน เฮอร์ไมโอนี่ ผู้ชายไม่มีใครชอบให้ผู้หญิงพูดคำนี้กันหรอก"
..........................................................................................................
.........................................................................................................
.........................................................................................................
และสิ่งที่ทำให้เธอตกใจคือใบหน้าของเขาที่ก้มลงต่ำจนเกือบประชิดกับริมฝีปากเธอ
ความคิดเห็น