คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Dream Girl : Chapter 5
Chapter 5
หลังจากที่เธออยู่ภายในกระทรวงเพื่อหาข้อมูลและทำอะไรอีกเล็กน้อยมันก็กินเวลานานพอสมควร เฮอร์ไมโอนี่กลับมาที่คฤหาสน์มัลฟอย เธอกินมื้อเย็นตามลำพังในห้องของเธอ ชังกี้บอกกับเธอว่าเดรโกติดงาน และเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจทนกินอาหารเพียงลำพังในห้องขนาดใหญ่ ที่เป็นทางการและน่าอึดอัดแบบนั้นเพียงคนเดียวได้ เธอไม่รู้ว่า มัลฟอยนั่งอยู่คนเดียวในห้องอาหารที่ใหญ่โตนั้นได้ยังไงเพียงลำพัง
เฮอร์ไมโอนี่รอจนกระทั่งถึงเวลาที่เธอจะต้องเอายาไปให้เขาพร้อมชังกี้ราวๆ 10 นาฬิกาในคืนนั้น โดยไม่มีคำพูดใดๆและไม่แม้กระทั่งชำเลืองมองเธอ มัลฟอยรับยาไปกินพร้อมดวงตาที่ดูขุ่นเคือง
‘อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ได้ขว้างแก้วเหมือนตอนนั้น’ เฮอร์ไมโอนี่ครุ่นคิด ก่อนรับแก้วยาและเดินออกไป พร้อมกับซังกี้เงียบๆ
ราวตีสอง ไม้กายสิทธิ์ของเธอสั่นไหว และ เกิดแสงวาบ มันปลุกเฮอร์ไมโอนี่ให้ตื่นขึ้น ผู้ติดตามกำลังทำงาน(หมายถึงตัวยาติดตาม) เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปที่ห้องของ มัลฟอย อีกครั้ง เธอนั่งลงที่ปลายเตียงเพื่อยื้อแย้งมือข้างหนึ่งของเดรโก ที่กำผ้าปูที่นอนแน่น เธอพยายามเอามือของเขาออกจากผ้าปูที่นอนที่พันกันยุ่งเหยิง เธอจับมือเขาไว้แน่นและกระซิบคาถาซึ่งส่งเธอเข้าไปยังโลกแห่งความฝันของเขาในทันที
เป็นอีกครั้งที่ความฝันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความทรงจำ ที่เธอกำลังค้นหาเกี่ยวกับคำสาปแช่งที่แฮร์รี่ถูกสาปโดยโวลเดอ มอร์ แต่มันกลับเป็นความทรงจำที่น่ากลัวอีกอัน ครั้งนี้โวลเดอมอร์ปรากฏตัวในบ้านที่เธอไม่เคยรู้จัก เขากำลังทรมานผู้ติดตามที่ภักดีของเขา ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจ เช่นเดียวกับพ่อมดที่เกิดจากมักเกิ้ลที่ถูกจับบางคนที่เธอเคยเห็น
เฮอร์ไมโอนี่กังวลที่จะพาตัวเธอเอง และ มัลฟอย ออกไปจากฉากที่น่าสะพรึงกลัวนี้ เป็นอีกครั้งที่เธอจับมือของเดรโกและบีบมันแน่น พวกเขาทั้งคู่หกคะเมนไปด้วยกัน ไปยังที่นั่งกำมะหยี่ในโรงละคร เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบๆ เห็นคลื่นใบหน้ายิ้มแย้มของคนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้หญิงที่อยู่ในโรงละคร เธอมองไปที่ มัลฟอย ซึ่งนั่งอยู่ถัดจากเธอ และเธอยิ้มให้เขาอย่างหวานชื่น ดวงตาของเขาเพ่งพิจารณาความรื่นเริงใจของเธอ และเขาเกือบจะพูดบางอย่างเมื่อม่านบนเวทีเปิดขึ้น ไม่นานนักผู้หญิงร่างท่วมคนหนึ่งเดินขึ้นไปตรงไมโครโฟน เสียงปรบมือในโรงละครขนาดใหญ่ดังขึ้น และ ผู้หญิงคนนั่นเริ่มพูด
“ขอบคุณ! ขอบคุณ ท่านสุภาพสตรีและท่านสุภาพบุรุษเพียงน้อยนิดที่ฉันเห็น! ยินดีต้อนรับทุกๆท่านสู่การแสดงครบรอบ 5 ปีของวาจีน่า โมโนล็อก!”
มัลฟอยขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ ในทันทีที่เธอโบกมือให้เขา และดึงจิตเธอออกจากเขาในขณะทีดวงจิตของเขายังคงสับสน งุนงง และขุ่นเคือง เธอปล่อยมือเขา และเธอพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเตียงของมัลฟอย และมองดูชายที่ซึ่งกำลังหลับใหล มัลฟอยไม่ได้ฟาดฟันผ้าปูเตียงไปทั่วทุกทิศทาง อีกต่อไปแล้ว ใบหน้าในยามหลับของเขาดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้างและกลับไปที่ห้องของเธอ
มัลฟอยจะฝันถึงการแสดงของ วาจีน่า โมโนล็อกยืดยาวเป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมง เธอเคยดูการแสดงนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในการเดินทางกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก มันเป็นงานใหญ่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง สำแต่เธอก็รู้ว่า มัลฟอย คงจะไม่พอใจนัก กับสถาณที่ๆเธอดึงเขาเข้าไป
เช้าวันถัดมาเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว เมื่อมัลฟอยเดินเข้ามาในห้อง เธอรู้สึกชื่นชมและตื่นตะลึงจากความงดงามและความไร้ที่ติที่เขาเป็นอยู่ เธอกวาดตามองไปตามรูปหน้ายาวๆของเขา และชื่นชมกับการได้รับรู้ถึง ท่าทีสง่างามเรียบง่ายที่เธอเห็น
เขาเพียงแค่คำรามตอบรับ เมื่อเธอกล่าวทักทายเขาในตอนเช้า ด้วยเสียงที่สดใสกังวานราวดนตรี เขาทิ้งตัวลงนั่งในเก้าอี้ และใบหน้าของเขา ดูเหมือนจะจมอยู่กับ หนังสือพิมพ์ที่เขาอ่านอยู่ เพราะมันปิดมิดไปตั้งแต่หัวยันหน้าอกของเขา
เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจความหมายในทันที เขาคงไม่พอใจเธอละสิน่ะ เฮอร์ไมโอนี่จึงสนใจกับจานอาหารที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรอีกเลย และหลังจากทานอาหารเสร็จอย่างเงียบๆ เธอเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย เกี่ยวกับเรื่องล้อเล่นขำๆของเธอ มัลฟอย ต้อนรับเธอในฐานะเจ้าบ้าน และเธอไม่รู้ว่าเขาจะมีอารมณ์ขันเช่นเดียวกับเธอหรือเปล่า บางทีเธอไม่ควรที่จะทำอย่างนั้นเลย
เธอควรใคร่ครวญก่อนชั่วครู่ จากนั้นโดยไม่รู้สึกตัว เธอเชิดคางขึ้นเป็นการท้าทาย มันก็แค่เรื่องล้อเล่นธรรมดา ถ้าเขาเริ่มโกรธ เขาก็แค่ไปให้พ้นหน้าเธอ แต่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ ก็แทบจะสะดุ้งในทันที เธอรีบออกจากห้วงความคิดที่ท้าทายของเธอ นั่นก็เพราะมัลฟอยรับรู้ทีท่าที่เธอแสดงออกกับเขา และเขาเริ่มบ่นพึมพำจากด้านหลังของหนังสือพิมพ์
“ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหม”เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมา ยากที่จะซ่อนความเบิกบานใจเอาไว้ได้
“ฉันได้ยินไม่ชัด”
“ฉันพูดว่า...” มัลฟอยคำราม เหวี่ยงหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ
“ชายหาดก็ดีอยู่แล้ว!” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เธอกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อกลั้นหัวเราะ แต่ดู
เหมือนว่ามันจะเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ เธอเพ่งสมาธิของเธอทั้งหมดให้อยู่ที่การทาเนยขนมปังปิ้ง
“เธอคิดว่ามันสนุกมากใช่ไหม?” เขาพูดจ้องดูเธอ เฮอร์ไมโอนี่จับคางของตัวเองชั่วครู่ และขมวดคิ้ว
“ไม่สนุกนักหรอก” เธอพูดอย่างไตร่ตรอง
“ปกติแล้วไม่...จริงๆ และฉันก็ไม่สนุกเลย เว้นแต่เมื่อคืนนี้ ฉันว่ามันเป็นเวลาที่ฉันรู้สึกตลก น่าขันอย่างที่สุด” เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอยิ้มกว้างให้เขาอย่างเปิดเผย และมันช่างน่าแปลกใจ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ มองเห็น เขาพยายามกลั้นยิ้มอย่างหนัก ซึ่งในที่สุดเขาก็ทำมันไม่ได้เหมือนๆกับเธอ
“ใช่ อื่ม น่าขันมาก” มัลฟอยพูดผ่านรอยยิ้มของตัวเอง
“เอาล่ะเรามาตกลงกัน ฉันยอมแพ้เธอ และเธอห้ามส่งฉันไปดูการแสดงของผู้หญิงคนนั้นอีกโดยเด็ดขาด ให้ตายสิถ้าฉันไล่เธอไปอีกเธอคงปล่อยฉันเข้าไปในความทรงจำอื่นที่แย่ๆเกี่ยวกับการแสดงของผู้หญิงคนนั้นอีกแน่เลยใช่ไหมนั่น” เดรโกหดตัว จากนั้นเอนหลังกลับไปและหยิบหนังสือพิมพ์ในส่วนภาคธุรกิจมาอ่าน
“เป็นความคิดที่ดีนะ มัลฟอย” เธอพูดอย่างสดใส รอยยิ้มกว้างในขณะที่เธอยืนขึ้นเพื่อเดินออกไป
“มันช่างไม่น่าจดจำเอาเสียเลยในวันนั้น ” เขากลอกตาและฝังหน้าลงในหนังสือพิมพ์อีกครั้ง
ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ก้าวออกไปจากห้อง เดรโกเงยหน้าจาก หนังสือพิมพ์โดยอัตโนมัติ ดวงตาของเขาอ้อยอิ่งอยู่บริเวณบั้นท้ายและด้านหลังของเธอในขณะที่เธอออกไปจากห้องอย่างสง่างาม เขาสั่นศรีษะเตือนตัวเองออกจากความคิดบ้าๆหลังจากที่เธอเลี้ยวตรงมุมออกไปนอกสายตาของเขาแล้ว เขาพยายามจดจ่อที่จะอ่านหนังสือพิมพ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตามความคิดของเขายังคงวนเวียนอยู่กับผมสีน้ำตาลแดงเหมือนเส้นไหม สะโพกกลมกลึงและดวงตาสีน้ำตาลทองแดงของเฮอร์ไมโอนี่
สองถึงสามสัปดาห์ต่อมาเป็นไปตามแบบแผนและผ่านไปอย่างปกติ เฮอร์ไมโอนี่ให้ตัวติดตามความทรงจำแก่เดรโกในยานอนหลับทุกคืน เธอต้องเจอความทรงจำโหดเหี้ยมนับไม่ถ้วนจากความทรงจำในวัยเด็กและตอนเป็นผู้ใหญ่
เธอดึงเขาขึ้นจากฝันร้ายไปยังที่ที่ปลอดภัยที่เขาจะได้ฝันและนอนหลับและตื่นอย่างสดชื่นและได้รับการพักผ่อน รอยคล้ำใต้ตาเขาเลือนหายไปแล้วอย่างรวดเร็วซึ่งรวมถึงความซีดเซียวในตัวเขา และนอกจากนั้นผลดีอีกอย่างคือ เขามีแนวโน้วที่จะมีอารมณ์ที่ดีกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา
ระหว่างวันพวกเขายังคงสามารถเข้ากันได้ดีและแม้กระทั่งเป็นเพื่อนกัน เมื่อพวกเขากินอาหารเย็นด้วยกันพวกเขาจะพูดคุยกันถึงเรื่องวันวานเก่าๆที่ฮอกวอตส์ หรือ สิ่งที่แต่ละคนทำหลังจากสงครามสิ้นสุดลง เฮอร์ไมโอนี่พบว่าเดรโกฉลาดอย่างไม่น่าเชื่อ เขาสามารถพูดคุยโต้ตอบกับเธออย่างเปิดเผยแทบจะทุกสิ่ง เขามีไหวพริบที่ว่องไว และบางครั้งเขาทำให้เธอไม่อาจคาดคิดได้จริงๆ
เช้านี้เธอกินอาหารเช้ากับเดรโก เธอกำลังคิดถึงเขาในแบบที่เป็นเดรโกมากกว่า มัลฟอย เขาดูแตกต่างจาก มัลฟอย อารมณ์ร้ายและอันตรายที่เธอรู้จักที่ฮอกวอตส์
พวกเขาถกเถียงกันเรื่องกฎหมายใหม่ของวิเซ็นกามอตส์ ที่บังคับให้แม่มดและพ่อมดทั้งหลายจ่ายภาษีเพื่อดูแลสิ่งมีชีวิตที่แก่ชราและไม่แข็งแรงในโลกเวทมนตร์ เดรโกไม่พอใจกฎหมายนี้ และเปิดใจว่ามันไร้สาระ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามันมีเหตุผลอย่างที่สุด และอย่างน้อยพวกเขาน่าจะพิจารณาถึงสภาพความเป็นทาสของสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารที่ติดอยู่ตลอดชีวิตของพวกเขา พวกเอลฟ์
“ในช่วงปีสุดท้ายของชีวิต หลังจากเสร็จสิ้นภาระหน้าที่และความจงรักภักดี เอลพ์ประจำบ้าน 68.4 เปอร์เซ็นต์ถูกปลดปล่อยจากการได้รับเสื้อผ้า แต่พวกเขาไม่ได้รับแม้กระทั่งแค่คำขอบคุณ!”
20 นาทีต่อมาเดรโกเดินออกไปจากห้องอาหารเช้า เขาไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจ ราวกับว่าเขากลัวที่จะเหลียวหลังกลับมาเจอเฮอร์ไมโอนี่ เธอเริ่มกล่าวคำปราศรัยของเธออีกครั้ง เขาก้มมองลงไปยังเข็มกลัดติดปกเสื้อสีดำมันวาวขนาดเล็กของเขา ตัวอักษรสีขาวเป็นระเบียบสะกดคำว่า ส.ร.ร.ส.อ. ปรากฏอยู่บนเข็มกลัด เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัวในขณะที่เธอมองไปที่เขา เธอไม่แน่ใจว่าเขาเพิ่งติดเข็มกลัดคำว่า ส.ร.ร.ส.อ. เพื่อทำให้เธอหยุดพูด หรือเขาเริ่มเข้าใจถึงสภาพเลวร้ายที่เอลฟ์ประจำบ้านได้เจอกันแน่ เธอหยุดพูดและถอนหายใจออกมาอย่างยอมจำนน
‘เขาอาจจะติดมันมาก่อนหน้านี้ก็ได้’ เธอคิด เช้าวันนั้นเธอถามชังกี้เกี่ยวกับแผนการชีวิตข้างหน้ายามแก่เฒ่าของชังกี้
“เราเอลฟ์ประจำบ้านตระกูลมัลฟอย อยู่ในครอบครัวตลอดไป แม้ว่าเราเจ็บป่วยหรือแก่เกินกว่าจะรับใช้แต่นายท่าน มัลฟอย ย้ำชัดเจนว่า เอลฟ์ที่เลิกทำงานจะมีบ้านอยู่ที่คฤหาสน์มัลฟอย ตราบนานเท่าที่เอลฟ์จะมีชีวิตอยู่”
จากเหตุผลบางข้อ เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเดรโก หลังจากที่เธอได้คุยกับชังกี้ เธอพยายามเก็บความรู้สึกในขณะที่เธอให้คำปรึกษาว่าเอลฟ์ไม่เคยได้รับสิ่งใดตอบแทน และต้องแน่ใจที่จะมีแผนการสำรอง เอลฟ์มองเธอราวกับว่าเธอเป็นคนโง่ แต่เห็นด้วยว่าเธอน่าจะติดต่อญาติห่างๆบ้าง เฮอร์ไมโอนี่ออกไปจากคฤหาสน์ด้วยความสุขและไร้กังวล
เธอยังคงอารมณ์ดีตลอดทั้งวัน หลังจากใช้เวลาวุ่นๆอยู่ที่กระทรวง เธอไปที่บ้านของแฮร์รี่กับจินนี่หลังจากเลิกงานเพื่อไปตรวจดูว่าแฮร์รี่เป็นอย่างไรบ้าง การได้เห็นแฮร์รี่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หายจากอารมณ์ผ่อนคลายที่เธอมีตลอดทั้งวัน เขาไม่เคยดูแย่เท่านี้มาก่อน
ขณะที่เธอฝืนแสดงสีหน้ากล้าหาญ ในเวลาที่อยู่กับคนทั้งคู่ ที่สุดแล้ว เธอก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ หลังจากที่เธอกลับออกจากบ้านของแฮร์รี่ หลังจากที่เธอกลับไปยังคฤหาสน์ ทุกอย่างที่เธอทำได้คือไปที่ห้องของตัวเอง เธอทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าโซฟา และ ระเบิดน้ำตาออกมา
แฮร์รี่กำลังพ่ายแพ้ การสู้ต่อคำสาปแช่ง และสิ่งที่เขาต้องเผชิญ มันทำให้เธอเหมือนถูกอิฐจำนวนมากกระแทก เธอมองเพื่อนรักที่สุดกำลังจะตาย และเธอไม่อาจหยุดมันได้ เธอไม่รู้ว่าเธอจะนั่งอยู่ตรงนั่นได้นานแค่ไหน ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างควบคุมไม่ได้ เธอไม่อาจหยุดและไม่ต้องการจะหยุดร้องไห้ เธออดกลั้นมานานแล้ว และในตอนนี้การได้เห็นแฮร์รี่อ่อนแอลงทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าเขากำลังจะตายในไม่ช้า
เขาไม่สมควรที่จะตาย เขาผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆมากมายในช่วงชีวิตอันสั้นของเขา และในตอนนี้เมื่อเขาสามารถที่จะมีความสุขหลังจากสงครามสงบ เขากับต้องพบว่าตัวเองจะตายก่อนวัยอันควร ความคิดต่างๆเริ่มทำให้เธอสะอื้นอีกครั้ง ใบหน้าของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาอย่างขมขื่น
ในฉับพลัน มัลฟอย อยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาโอบกอดเธอด้วยแขนที่แข็งแกร่งของเขา ใบหน้าของเธอซบอยู่ที่ไหล่ของเขาขณะเดียวกับที่เขายกเธอขึ้นนั่งลงบนตัก เขายกมือขึ้นลูบผมเธอเบาๆเพื่อปลอบใจในตอนที่เธอร้องไห้ เขากอดเธอไว้แน่นกอดเธออย่างอ่อนโยน
“ชู่ส์” เขาทำเสียงปลอบเธอ
“ไม่เป็นไรแล้ว มันกำลังจะดี” เขาตบหลังเธอเบาๆ ด้วยมือข้างที่ว่าง ราวกับว่าเธอเป็นเด็กเล็กๆที่มีแผลที่หัวเข่า หลังจากนั้นเป็นเวลานานจากความเหนื่อยล้า เสียงร้องไห้ของเธอค่อยๆลดน้อยลงและเงียบไปในที่สุด
เธอรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงอย่างประหลาดที่นั่งอยู่ตรงนั้น ถูกโอบกอดโดยชายคนหนึ่งที่เธอคิดเสมอว่าเขาเป็นศัตรู ดวงตาของเธออิดโรยเพราะความเหนื่อยล้า ทั้งหมดเกิดจากความสบสนทางอารมณ์และการนอนที่ไม่เพียงพอของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ขัดขืนเมื่อเขาอุ้มเธอไปที่เตียง เขาวางเธอลงและเธอเงยหน้ามองเขาผ่านหนังตาหนักๆเพื่อให้เห็นใบหน้าชัดเจนขึ้น
เธอคงต้องหาคำพูดซักคำเพื่ออธิบายว่าเขาดูเป็นยังไง และคงจะเรียกมันว่าหลอกหลอนได้ในขณะหนึ่ง ในช่วงวินาทีเธอเห็นความเสียใจและความเจ็บปวดในดวงตาของเขา ก่อนที่เขาจะดึงผ้าห่มขึ้นจนถึงไหล่ของเธอและหันกลับออกไปจากห้อง
“เดรโก” เธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือ เสียงนั้นดังอยู่ในห้องที่เงียบสงัด เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเรียกเขาให้กลับมา ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเรียกเขาว่า เดรโก แทนที่จะเป็น มัลฟอย เธอรู้แค่เพียงว่า เธอไม่อาจทนให้เขาจากไปได้ เสียงของเธอสั่นด้วยความอ่อนเพลียพร้อมด้วยน้ำตาที่ไหลรินออกมา
เขาหันกลับมาอย่างช้าๆ เพราะเสียงเรียกของเธอราวกับว่าเขากลัวที่จะหันมาและเห็นเธออีกครั้ง ดวงตาสีเทาที่เป็นประกายจ้องมองไปที่เธอด้วยความลังเล ความเศร้า และบางทีอาจจะด้วยบางสิ่งที่เหมือนกับจะเป็นการคาดหวังให้เกิดความลึกซึ่งใดๆ
“ได้โปรด” เสียงเธอเบาเกือบจะกระซิบ
“อย่าไป” เฮอร์ไมโอนี่พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ ราวกับว่าเธอไม่ได้ขอร้อง เธอรู้ดีว่าถ้าเขาไม่อยู่เธอคงจะไม่สามารถทนมันได้
เดรโกยืนนิ่งตรงที่เขายืนอยู่ที่หน้าประตูและหันไปทางเธอ เขาลูบที่ปากของตัวเองเบาๆ ดูเหมือนคิดทบทวนให้ดี ก่อนที่จะพูดบางอย่างกับเธอ เขาล้วงกระเป๋ากางเกงและเดินกลับไปที่เตียงของเธอ ทิ้งตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆเตียงของเธอ และยืดขายาวๆของเขาออกไปข้างหน้า ไขว้ข้อเท้าและส่งรอยยิ้มที่ดูไม่สมดุลนักให้เธอ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกลับไปให้เขา เธอวางหัวลงบนหมอน เพียงไม่นานดวงตาของเธอเริ่มปิดลง เธอกำลังฝันเห็นหนังสือ...ไม้กวาดมากมาย และดวงตาสีเทาเป็นประกาย...
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งตื่นขึ้น เธอมองไปรอบๆ สายตาของเธอประสานกับการเพ่งมองของเดรโก มัลฟอยผ่านความมืด เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงมือของเขาที่วางอยู่บนมือของเธอ และเขายังอยู่ตรงนั้นที่ๆเธอปล่อยให้เขานั่งก่อนที่เธอจะหลับไป สายตาของเฮอร์ไมโอนี่ตรวจสอบมือของเขาที่วางอยู่บนมือของเธออย่างละเอียด ในทันทีที่รู้ว่ามือของเขาอยู่ตรงไหน เดรโกรีบยกมือของเขากลับราวกับว่ามันจะถูกไฟเผา
“เดรโกเหรอ กี่โมงแล้ว” เธอถาม พยุงตัวขึ้นด้วยข้อศอก เธอใช้มือข้างหนึ่งจับผมที่เหมือนเส้นไหมของเธอออกจากไหล่โดยอัตโนมัติ
“ฉันเดาว่าคงใกล้เที่ยงคืน” เขาตอบ
“นายล้อเล่นใช่ไหม!” เธอลุกขึ้นนั่งตัวตรงด้วยความตกใจ
“ทำไมนายไมปลุกฉันล่ะ” เขาเพียงแค่หยักไหล่และส่งยิ้มที่ไม่สมดุลให้เธออีกครั้ง
“ดูเหมือนว่านายต้องการที่จะพักผ่อนบ้างแล้วล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่จับจ้องเขาในความมืดมิด
“ทำไมนายยังอยู่ที่นี่ล่ะ”
“ก็เธอบอกให้ฉันอยู่” เขาพูดราวกับว่ามันเป็นคำถามโง่ๆ
“นายเหนื่อยหรือเปล่า”
“เหนื่อยนิดหน่อย” เขาตอบ ใช้มือลูบผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของเขาให้เข้าที่
“แต่ดูเหมือนว่าฉันคงนอนไม่ได้ถ้าไม่มียานอนหลับ”
“โอ้” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเงียบๆ
“คืนนี้เรายังไม่ได้ให้ยานอนหลับกับนายเลย เดรโกฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะหลับไป ฉันไม่รู้ตัว”
“ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก” ตอนนี้เขายืนขึ้นแล้ว ยืดเส้นยืดสายหลังจากที่นั่งอยู่ที่เดิมมานาน
“ทำไมเธอถึงร้องไห้ล่ะ” ดวงตาของเธอเคลื่อนมองไปที่เขา ที่ตอนนี้นั่งลงที่ปลายเตียงของเธอ เดรโกไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่รอฟังเธอ
“อ้า ฉันเข้าใจแล้ว” มัลฟอยพูด ขณะที่เขายืนกอดอก
“นายเข้าใจอะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“พอตเตอร์ใช่ไหม” มัลฟอยพูดราวกับว่ามันเป็นคำเดียว ที่เขาไม่ต้องการคำอธิบายใดๆอีกต่อไป
“เธอก็รู้ เกรนเจอร์ เธอไม่อาจควบคุมทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ และ ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่อาจควบคุมว่ามันจะเกิดขึ้นกับใคร” มัลฟอยพูดเพราะเขาฉลาดพอที่จะอ่านความคิดของเธอออก น้ำตาและความผิดหวังเกิดขึ้นเพราะเธอไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้
“แต่ฉันรู้ว่าเธอไม่เคยหยุดความพยายามของเธอ” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองดูเขา คาดว่าจะพบรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเขา แต่เธอก็ต้องแปลกใจที่ได้เห็นเขาเพ่งมองเธออย่างวิตกกังวล
“จริงๆแล้วมันเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันยกย่องในตัวเธอมากที่สุด” เฮอร์ไมโอนี่ประหลาดใจกับคำพูดนั้นของเขา ซึ่งมันทำให้ตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง
“โอ้ เมอร์ลิน เฮอร์ไมโอนี่ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอร้องไห้อีก” เขาพูดด้วยเสียงเกือบจะตกใจ เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะเพราะสีหน้าร้อนรนของเขาและยิ้มกว้างให้เขาผ่านดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ
“โอ้ อย่างกังวลไปเลย มัลฟอย ฉันจะไม่ร้องไห้อีกแล้วล่ะ”
“ขอบคุณพระเจ้า” เดรโกพูดเนิบๆ
“ฉันต้องใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีกว่าจะเอาขี้มูกยืดๆของเธอออกไปจากเสื้อได้”
“โอ้ย” เขาร้องเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ชกที่ไหล่ของเขาแรง
“ฉันไม่ได้ป้ายขี้มูกใส่นายสักหน่อย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างขุ่นเคืองใจผ่านรอยยิ้มของเธอ
“ก็ได้ ก็ได้ สุดแล้วแต่เธอเถอะ” เดรโกยอมอ่อนให้กับเธอ เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะเยาะเขา และยิ้มออกมาอีกครั้ง
เรื่องตลกของเขาเป็นไปตามที่เขาตั้งใจ และมันทำให้เธอหยุดร้องไห้ เธอเล่าให้เขาฟังว่า เขาไปเยี่ยมแฮร์รี่กับจินนี่ และเธอก็ต้องประหลาดใจที่เขาฟังเธอพูด เขาไม่ได้ยิ้มเยาะในขณะที่เธอพูดถึงเพื่อนที่ป่วยอยู่ของเธอหรือทำให้มันเป็นเรื่องตลก เขาแค่ฟัง... เฮอร์ไมโอนี่พลั่งพรูความรู้สึกกลัวให้เดรโกรู้ เธอไม่แน่ใจนักว่าทำไมถึงไว้ใจเขาและเธอเชื่อเขา เธอเล่าว่าแฮร์รี่ป่วยแค่ไหน เล่าว่าจินนี้ต้องดูแลเขาตอนกลางวันและกลางคืนเช่นเดียวกับที่ต้องดูแลลูกสาววัยหนึ่งขวบ เล่าว่าแฮร์รี่รู้สึกเป็นภาระให้แก่จินนี่มากแค่ไหน และเขารู้สึกไร้ค่าที่ไม่อาจช่วยดูแลลูกของพวกเขาเองได้
เดรโกรับฟังอย่างตั้งใจ ถามเพื่อความกระจ่างในสิ่งที่เขาไม่รู้จากสิ่งที่เธอพูดและพยักหน้าเมื่อเขาเข้าใจ เธอไม่อาจห้ามน้ำตาได้อีกครั้ง เมื่ออธิบายว่าแฮร์รี่ระเบิดความผิดหวังออกมายังไงในตอนที่มือของเขาสั่นมากขึ้น ขณะที่เขาหั่นอาหารกินตอนมื้อเย็น เดรโกนั่งบนเตียงนอนของเธอและเป็นอีกครั้งที่เขากอดเธอในขณะที่เธอร้องไห้
เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ความเงียบกลับเข้ามาอีกครั้ง เธอรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวเอาความกลัวทั่งหมดเกี่ยวกับแฮร์รี่มาสุ่มให้เขา เธอถามเขาเกี่ยวกับคฤหาสน์มัลฟอย ถามเกี่ยวกับชีวิตในวัยเด็กที่เขาผ่านพ้นมา ก่อนที่เขาจะไปที่ฮอกวอตส์
เดรโกเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับชีวิตในวัยเด็ก เขาเล่าเรื่องของแม่เป็นส่วนมาก เล่าว่าเธอรักเขามากเกินไปและตามใจเขาจนเสียคน
“ห้องนี้เป็นห้องของแม่” เขาบอกและมองไปรอบๆห้องที่มืดมน ราวกับว่าเขามองเห็นช่วงเวลาที่เขาและแม่อยู่ร่วมกัน
“เธอเคยนั่งบนโซฟาตรงหน้ากองไฟและอ่านหนังสือให้ฉันฟังเป็นชั่วโมง” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกได้ถึงอารมณ์บางอย่างในน้ำเสียงของเขา เธอรับรู้ว่าเขากำลังโล่งใจในช่วงเวลาที่อยู่กับแม่ เขาสั่นหัวตัวเองเพื่อเรียกสติก่อนที่จะเล่าต่อไป
“เธออยากมีลูกหลายคน หลังจากที่เธอมีฉัน เธอแท้งลูกอีกหลายครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็ล้มเลิกความหวังที่จะมีลูกอีก ฉันคิดว่าตั้งแต่นั้นมาฉันกลายเป็นทุกๆสิ่งสำหรับเธอ ฉันหมายถึงตอนที่ฉันอายุแค่เจ็ดหรือแปดขวบแต่เธอทุ่มเททุกๆเรี่ยวแรง ทุกๆความรักให้แก่ฉัน”
“พ่อของนายไม่รู้หรือว่านายว้าวุ่นใจแค่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่ถาม และเข้าใจในทันทีว่าการเอ่ยถึง ลูเซียส มัลฟอยเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่จะพูด
“ลูเซียส...”เขาพูด ไม่ยอมเรียกเขาว่าพ่อ
“เขาตำหนิเธอที่ไม่สามารถอุ้มท้องลูกอีกคนจนครบกำหนดได้ เขาจะพูดเหน็บแนมแม่ทุกๆครั้งที่เขาทะเลาะกัน จากนั้นก็จะเมินเฉยต่อน้ำตาของแม่ พร้อมกับถอนหายใจแสดงถึงสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นความอ่อนแอแบบปกติวิสัยของเธอ” ดวงตาของเดรโกมืดมัวไปด้วยความโกรธในขณะที่เขาพูดต่อ
“เขารับใช้ โวลเดอมอร์เจ้าศาสตร์มืด พลังและความบริสุทธิ์ที่เขาแทบจะไม่เห็นในตัวของแม่หรือฉัน นอกเสียจากว่าเราจะเป็นหนทางไปสู่สิ่งเหล่านั้น” ดวงตาของเขามืดมัวด้วยความเจ็บปวดและความโกรธ เฮอร์ไมโอนี่ รู้ว่าเขานึกถึงบางสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะพูดถึง
“ฉันคิดว่าแม่เสียใจที่แต่งงานกับเขา เธอรับรู้มันได้หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกันหนึ่งปีมาแล้ว ฉันเกิดได้ 1 ปีครึ่งและพวกเขาไม่มีลูกอีกตั้งแต่นั้น” เดรโกจดจ่ออยู่กับความทรงจำของแม่ เขาพูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ชอบและชื่นชมมาก การรำลึกถึงอดีต ความรู้สึกสบายๆในห้องของเธอ พูดถึงนาร์ซิสซา มัลฟอย
ผู้หญิงซึ่งมีเงินทอง และทรัพย์สมบัติมากมาย เธอจะตกแต่งห้องของตัวเองยังไงก็ได้ตามที่เธอต้องการ เธอตกแต่งห้องได้ขัดแย้งกับห้องทั้งหมดในบ้านซึ่งดูเป็นพิธีรีตองมากเกินไปและน่าอึดอัด การเดินเข้าไปในห้องของเธอทำให้รู้สึกแตกต่างเหมือนกับกลางคืนกับกลางวัน เดรโกพูดถึง นาซิสซาในแบบที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกคล้ายกับว่ารู้จักเธอมาก
รวมทั้งการนั่งอยู่ในห้องของเธอยิ่งทำให้รู้สึกราวกับว่าทั้งหมดเป็นความจริงมากขึ้น เดรโกพูดว่าเธอดีเลิศแค่ไหน ที่พยายามสร้างโลกให้กับเขา เธอพยายามปกป้องเขาจากอันตรายที่พ่อทำให้มันเกิด มากเท่าที่เธอจะทำได้ และเล่าเรื่องผิดหวังอย่างมากในช่วงวัยแรกรุ่น จนถึงวัยรุ่นของเขา
ในช่วงเลานั้นเดรโกยอมรับว่า เขาไม่ต้องการสิ่งใดเว้นแต่ความเอาใจใส่ และความรักของพ่อเท่านั้น
“ฉันได้แต่คิดว่าทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้พ่อพอใจคือการเป็นเหมือนเขา” เดรโกพูดอย่างเย้ยหยันพร้อมส่ายหัว เขาย้อนคิดช่วงวัยเด็กของเขาครู่หนึ่ง
“ตอนนั้นฉันผลักไสแม่ออกไป ฉันฟังคำของพ่อที่บอกว่าเธออ่อนแอ และเชื่อว่าตัวเองจะต้องแข็งแกร่งให้ได้แบบพ่อ ฉันต้องขจัดความอ่อนแอในตัวเองและความรักที่มีให้แก่แม่ออกไป เขาปิดตา ก้มหัวลงเล็กน้อย เป็นนาทีก่อนที่จะเริ่มพูดอีกครั้ง
“ตอนฉันอายุ 16 ในที่สุดฉันก็เริ่มสงสัยในตัวของ ลูเซียส และความคิดผิดแปลกของเขาในเรื่องอำนาจและความรัก” เดรโกยืนขึ้นและเดินกลับไปกลับมา ในห้องอย่างช้าๆในขณะที่เขาพูด ใช้มือปัดผมไปทั่วในบางครั้ง ราวกับว่าเขาจะสามารถขจัดความทรงจำต่างๆออกไปได้ด้วยการทำเช่นนั้น
“เมื่อฉันเริ่มไม่เชื่อฟังเขา และปฏิเสธที่จะทำตาม เขาใช้อาวุธสูงสุดกับฉัน เพื่อให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ เขาพูดว่า เขาจะพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าฉันโง่ยังไงที่รักแม่ เขาใช้แม่เพื่อบังคับฉัน” เขาพูดถึงขุมนรกที่เขาและแม่ต้องพบเจอในขณะที่ ลูเซียส ผู้เลวทราม พยายามควบคุมเขา มันช่างทำให้เสียเกียรติ เจ็บปวดทรมาน และ โดยเฉพาะเมื่อลูเซียสตัดสินใจที่จะพิสูจน์ นั่นก็คือการทำร้ายแม่
ทุกๆครั้งที่เดรโกไม่ยอมเชื่อฟังหรือขาดความกระตือรือร้น แม่ของเขาต้องเป็นผู้รับเคราะห์ เดรโกย้อนคิดถึงช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อเขาเผชิญหน้ากับพ่อ พร้อมที่จะสู้กับเขา และลงโทษเขาหรือแม้กระทั่งฆ่าเขาเพื่อปกป้องแม่ ลูเซียสหัวเราะและเสกคาถาป้องกันที่ทำลายไม่ได้ล้อมรอบตัวเขาเอง และ นาร์ซิสซา เดรโกต้องฝืนทนดูในขณะที่ลูเซียสทำร้ายเธออย่างรุนแรง และมันจะรุนแรงมากขึ้นไปอีกสำหรับความพยายามของเดรโกที่จะหยุดเขา
ในที่สุดเดรโกตกอยู่ในความเงียบ เขาอาจจะไม่ต้องการหรือไม่เต็มใจที่จะเล่าให้เธอฟัง เกี่ยวกับชีวิตวัยเด็กที่ยุ่งยากของเขา เฮอร์ไมโอนี่รับรู้ได้ว่าต้องเปลี่ยนความเงียบด้วยการเล่าเรื่องพ่อและแม่ของเธอ
ในทีแรกเดรโกเงียบ แต่ในไม่ช้าเขาถามคำถามเกี่ยวกับการถูกอบรมสั่งสอนแบบมักเกิ้ลของเธอก่อนที่จะเข้าฮอกวอตส์ เมื่อเธอพูดถึงพ่อแม่ของเธอซึ่งต้องการเป็นนักไต่เขา เขาทึ่งกับการบรรยายถึงการตั้งแคมป์แบบมักเกิ้ลของเธอ
“ถ้าอย่างนั้นภายในเต็นท์ก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าที่มันเป็นใช่มั้ย มันใหญ่แค่พอจะจุเตียงผ้าใบได้แค่สองเตียงเท่านั้นเองเหรอ แล้วเธอจะแช่อาหารในตู้เย็นหรือทำอาหารโดยไม่มีครัวได้ยังไงล่ะ และห้องน้ำล่ะอยู่ที่ไหน” เมื่อเธออธิบายให้เขาฟังเกี่ยวกับอาหารกระป๋อง, ทำอาหารด้วยการก่อไฟ และใช้ที่โล่งเป็นห้องน้ำ เขาดูตกใจ
“เกรนเจอร์ มันล้าสมัยมาก!” ทั้งสองคนคุยกันหลายชั่วโมงจนเพลีย พวกเขาเลยนั่งเงียบๆเป็นเวลานาน
ในที่สุดเดรโกลุกขึ้นและพูดว่า ถึงเวลาที่เขาต้องไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดเขาลงเอยด้วยการนอนข้างๆเฮอร์ไมโอนี่ นอนอยู่ด้านบนของหมอนที่เธอหนุน คอยปลอบเธอ หลังจากที่พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก สองถึงสามชั่วโมงต่อมา เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่นาฬิกาและเห็นว่ามันเกือบจะตีสามแล้ว เธอลุกขึ้นนั่ง เธอกับเดรโกรลุกเดินไปยังประตูที่เชื่อมห้องของพวกเขาไว้
“อื่ม” เฮอร์ไมโอนี่พูด คล้ายกับว่าเธอกำลังพูดราตรีสวัสดิ์หลังจากเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก
“ฉ-ฉันดีใจที่เราได้คุยกันใน...หลายเรื่อง ขอบคุณที่ปล่อยให้ฉันร้องไห้และระบายให้นายฟัง” เดรโกเอื้อมมือขึ้นไป และปัดผมสีทองแดงลอนออกไปจากแก้มของเธอ เขาลูบผมลอนนุ่มเหมือนเส้นไหมระหว่างนิ้วมือของเขา จากนั้นดวงตาของเขาฝังแน่นเข้าไปในดวงตาของเธอ สื่อความหมายเป็นคำพูดนับพันอย่างเงียบๆ แต่เมื่อเขาปริปากพูดมันออกมา มีเพียงแค่คำไม่กี่คำ
“ได้ทุกเมื่อ เกรนเจอร์” ด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง เขาหันกลับไปและเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา เฮอร์ไมโอนี่ปิดประตูและเอนหลังพิงประตูอยู่อย่างนั้น เธอปล่อยลมหายใจที่เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังกลั้นมันอยู่ เธอคิด...ทำไมเธอจึงรู้สึกผิดหวังเมื่อเขาจากไป
.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.--.-.--..............................-.-.-.-.-.-.-.----.-
ตัวอย่างตอนที่ 6
“เธอคือเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์คนนั้น”
“คุณเกรนเจอร์ เป็นเกียรติที่ได้พบคุณ” แอสตันพูด ดวงตาสีฟ้าสดใสของเขาแวววาวด้วยความสนใจในขณะที่เขาจับมือเธออย่างคล่องแคล่ว แอสตัน เป็นคนสูงมาก สูงกว่าเดรโกประมาณหนึ่งถึงสองนิ้ว ผมของเขาเป็นสีน้ำตาลเข้มและเขายังหล่อมากด้วย
มือของเดรโกยังเกาะอยู่ที่ข้อศอกของเธอและพาเธอไปพบกับคนอื่นๆในห้องซึ่งยากที่จะปลีกตัวออกมาได้
ความคิดเห็น