ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตราบาปลิขิตรัก/ เดร-เฮอร์

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : ความเข้าใจผิด

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 54


    ตราบาปลิขิตรัก
    Chapter 3  ความเข้าใจผิด
                                           
    เฮอร์ไมโอนี่เซไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนจะคว้าผนังเย็นๆเพื่อพยุงตัว เธอรู้ดีถึงปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากอะไร วิสกี้ไฟสองสามขวดที่เธอดื่มมันเข้าไปมันคงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว เธอระบายลมหายใจอย่างอืดอัด ทำไมวิสกี้ไฟสองสามขวดทำให้เธอมึนได้ขนาดนี้ ในขณะที่หญิงสาวคนอื่นๆในงานที่ดื่มมากกว่าเธอหลายขวดกลับเดินไปทั่วงานได้อย่างน่าทึ่ง รวมทั้งจินนี่ด้วย
    เธอหลับตาลงพร้อมกับเงยหน้าเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ก่อนจะรวบรวมสติของเธอเองและมุ่งหน้าต่อไปยังทางเดินข้างหน้าที่ร้างผู้คน
    ตอนนี้เธอได้ขึ้นมาอยู่ชั้นห้าแล้วอีกเพียงแค่ไม่กี่ชั้นเธอก็จะถึงหอคอยทิศเหนือ ตลอดเวลาที่เธอลัดเลาะมาตามเส้นทางลัดที่ลูน่าเขียนแผนที่ให้ มันดูราบลื่นดีไม่มีอุปสรรคใดๆแต่เธอก็ต้องระวังตัวตลอดเวลาเช่นกัน
    ตัวอุปสรรคชิ้นใหญ่ก็คือฟิลล์และหวานใจของเขาคุณนายนอริส ซึ่งเธอเองก็ยังไม่เจอเลยตั้งแต่ออกมาแล้ว ซึ่งมันก็สร้างความแปลกใจให้กับเธออยู่ไม่น้อย
    เฮฮร์ไมโอนี่เร่งฝีเท้าอีกนิด เพื่อไปถึงที่หมายอย่างเร็ว แต่ดูเหมือนว่าเท้าของเธอและสมองจะไม่ค่อยร่วมมือกันสักเท่าไหร่
    เฮอร์ไมโอนี่ชะงักฝีเท้าเมื่อเธอได้ยินเสียงบางอย่างมาแต่ไกล
    เสียงร้องของสัตว์ เสียงร้องซ้ำไปซ้ำมาอย่างเฉื่อยช้า เสียงที่เธอมักขนหัวลุกทุกครั้งที่เธอได้ยิน ใช่แล้ว!นั่นมันเป็นเสียงคุณนายนอริส ถ้าเสียงของคุณนายนอริสอยู่แถวนี้ แน่นอนว่าฟิลส์ก็ต้องอยู่แถวนี้ด้วย เช่นกัน
    ถึงแม้สมองของเธอจะมึนเล็กน้อยกับเครื่องดื่มนรกนั้น แต่สัญชาติญาณการเอาตัวรอดก็มีมากกว่า
    เฮอร์ไมโอนี่รีบกวาดสายตาเพื่อหาที่หลบซ่อนตัว บ้าชะมัด ชั้นที่เธออยู่มีห้องว่างๆเต็มไปหมด แต่อนิจจาทุกห้องโดนคาถาปิดล๊อคแทบทั้งหมด และเธอเองก็ไม่ได้เอาไม้กายสิทธิ์มาด้วย เธอได้ฝากแฮร์รี่เอาไว้ เพราะกฎข้อหนึ่งของการเล่นเกมส์คือห้ามเอาไม้กายสิทธิ์พกติดตัวมาด้วยดังนั้น เธอจึงต้องใช้ความสามารถและไหวพริบของเธอเองล้วนๆ
    เสียงร้องของคุณนายนอริสดังใกล้เข้ามา ยิ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่กระวนกระวายใจ เธอหันซ้ายหันขวาไปทั่วบริเวณนั้นอย่างตื่นตระหนก พลันที่สายตาของเธอเห็นสิ่งที่เป็นเสมือนทางรอดของเธอ ซึ่งเป็นทางออกสุดท้ายปรากฏอยู่ตรงหน้า
    หน้าต่าง! เธอชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่าง มีที่วางเท้าเล็กน้อยจากขอบของหน้าต่างด้านนอกแต่มันก็พอที่จะยึดจับมันได้ มันน่าจะเป็นสถานที่เหมาะที่จะหลบได้ดีในตอนนี้ เพียงแต่ สิ่งที่ลำบากใจของเธอในตอนนี้ก็คือ เธอกลัวความสูง
    เฮอร์ไมโอนี่มักจะสั่นเสมอเมื่อเธออยู่ในสถานที่สูงๆ
    เธอควรที่จะทำอย่างไรดี มีแค่สองทางเท่านั้นในตอนนี้ ยืนหลบนอกหน้าต่างนั้น หรือวิ่งกลับไปที่หอนอนกริฟฟินดอร์ เลิกภารกิจนี้เสีย แต่เลือดของกริฟฟินดอร์ของเธอมีมากกว่า ความกล้าหาญ และแน่วแน่ในภารกิจ เธอจะยอมแพ้ในตอนนี้ไม่ได้
    เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจในทันที ทั้งๆที่เธอกลัวจนแทบขาดใจแต่ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เธอจะหันกลับหนีเหมือนคนขี้ขลาดไม่ได้ และเธอจะโดนจับก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
    เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจปีนออกไปนอกหน้าต่างนั้นอย่างรวดเร็ว
    เธอปีนขึ้นที่ขอบหน้าต่างและมุดออกไปทางช่องหน้าต่างเพื่อหลบอยู่ด้านนอก ขาเธอสั่น แต่เธอก็พยายามอย่างที่สุดที่จะสงบอารมณ์ความกลัวของตัวเองเฮอร์ไมโอนี่เกาะขอบเล็กๆที่ยื่นออกมาเพื่อวางเท้า เธอแนบตัวเข้ากับกำแพงและพยายามที่จะไม่มองไปยังด้านล่าง เธอหลับตาลงพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงด้วยความกลัว เพียงไม่กี่นาทีที่เธอหลบซ่อนอยู่เธอได้ยินเสียงฟิลส์และหวานใจของเขา
    “ว่าไง จับเด็กหนุ่มคนนั้นได้ทันหรือเปล่า” เสียงร้องของคุณนายนอริสตอบรับสั้นๆพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ผิดหวังของฟิลส์
    “แย่จัง มันคงอยู่ไม่ไกล เด็กนักเรียนตัวแสบ มาเถอะหวานใจรีบตามหาเด็กนั่น เขาอาจจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้”
    เสียงฝีเท้าของฟิลส์ที่ก้องกังวานไปทั่วตึก ทิ้งห่างออกไป ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเพียงแค่รอจังหวะ อีกชั่วครู่ เพื่อแน่ใจว่าฟิลส์ เดินพ้นไปไกลพอที่ไม่สามารถจับกลิ่นเธอได้แล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงค่อยๆปีนกลับเข้ามายังด้านในอย่างช้าๆ เธอนั่งลงทรุดตัวหอบหายใจอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ด้วยหัวใจที่เต้นระทึก
    เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงสิ่งที่ฟิลส์พูด เด็กหนุ่มคนนั้น หรือจะเป็นรอน เธอภาวนาว่าให้เขาอยู่ที่หอคอยทิศเหนือได้อย่างปลอดภัย หวังว่าเขาคงจะไม่วิ่งหนี กลับไปที่กริฟฟินดอร์เสียก่อน เธอผ่อนลมหายใจจนเป็นปกติ แล้วจึงมุ่งหน้าไปยังหอคอยอย่างรวดเร็ว
    &&&&&&&&&&&&&&&&
    ภายในหอคอยที่มืดมิด เด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งคอยอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อไรกันที่เธอจะมาถึงเสียที ที่นี่ทั้งหนาวและมืด และที่สำคัญเขาไม่มีไม้กายสิทธิ์ เขานั่งลงบนเก้าอี้อย่างสงบ และรอคอยการมาของหญิงสาวอย่างเงียบๆ
    &&&&&&&&&&&&&&&&&
     
    เฮอร์ไมโอนี่ผลักประตูเบาๆให้มันเปิดออกเธอเบี่ยงตัวของเธอเข้าไปยังประตูไม้บานใหญ่ก่อนที่เธอจะหลุดเสียงกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจเมื่อเธอถูกลากเข้าไปภายในห้องนั้นทันที ประตูถูกปิดตามหลังเธอดังปัง และตัวเธอเองก็ถูกตรึงไว้ที่ฝาผนังของห้องอีกด้าน
    “เธอทำอะไรอยู่ทำไมช้าจัง”เขาเปล่งเสียงด้วยความไม่พอใจ
    “นายปลอดภัยใช่ไหม ฉันนึกว่า...”แต่ก่อนที่เธอจะพูดถามได้จบประโยค ริมฝีปากของเขาบดขยี้ที่ริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วงเหมือนต้องการจะลงโทษเธอ
    เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาของเธอเล็กน้อย พยายามที่จะปรับสายตาของเธอให้เข้ากับความมืดให้ได้แต่เธอก็ไม่สามารถเห็นสิ่งใดๆได้ชัดเจนนัก แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็คิดว่าเธอเองก็ไม่ต้องการเห็นเช่นกัน ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วเธอคงจะกล้าจูบเขาได้มากขึ้น หากเธอไม่เห็นสิ่งใด ไม่เห็นหน้ารอนหรือแววตาของเขาที่จ้องมองเธอ ซึ่งกรณีนั้นมันทำให้เธออายได้
    แต่ว่าการจู่โจมของเขามันกลับทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ !
     
     เฮอร์ไมโอนี่เอียงหน้าขึ้นเพื่อจูบตอบเขา อย่างนุ่มนวล แต่แทนที่เขาจะหยุดอยู่เพียงแค่นั้น เขากลับต้องการมันมากกว่าเดิม เขาเริ่มรุกรานเล็กน้อย เหมือนไม่ใช่รอนของเธอ มันทำให้เธออึดอัด และเธอไม่สามารถเก็บงำมันไว้ได้
    เธอผลักเขาออกเล็กน้อย
    “คอ....คอยก่อน”เธอกระซิบหายใจขัด
    “มีอะไร”เขาถามเสียงต่ำและหงุดหงิดในน้ำเสียง
    อาจจะเป็นความมืดมิดและห้องที่อับทึบดูเหมือนทำให้เสียงของเขาแปลกไป เฮอร์ไมโอนี่คิด แต่ก็ยัง มีบางสิ่งที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับรอน เกี่ยวกับพฤติกรรมของรอนทั้งหมดอยู่ดี เขาดูเหมือนตึงเครียด ปกติเขาไม่เคยตึงเครียดแบบนี้ ตามความเป็นจริงรอนเป็นคนที่อ่อนโยนและน่ารัก บางทีเขาอาจจะไม่พอใจที่เธอมาช้าก็ได้ เฮอร์ไมโอนี่คิดขัดแย้งกับความคิดที่หวาดระแวงของเธอ
    “นายรุกฉันมากเกินไป”เธอพึมพำ เขาเงียบไปชั่วอึดใจก่อนที่จะทาบทับริมฝีปากของเขาเข้ากับลำคอของเธอเธอได้ยินเสียงเขาพูดพึมพำด้วยน้ำเสียงที่สั่นพล่า
    “หอมจัง ฉันว่าน้ำหอมกลิ่นนี้หอมกว่าที่เธอใส่ครั้งแรกอีกนะ”
    เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
    “มาแปลก นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยใช้น้ำหอม”
    เขาชะงักไปเล็กน้อยเหมือนไม่แน่ใจในอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงที่ทำให้เธอถึงกับขนลุก
    “จริงเหรอ งั้นก็แสดงว่ากลิ่นนี้มันเป็นกลิ่นหอมที่มาจากตัวเธอเองละสิ อย่างงี้ฉันคงต้องพิสูจน์หน่อยแล้วว่ากลิ่นหอมแบบนี้จะหอมทั้งตัวหรือเปล่า”
    “นะ...นายว่าอะไรนะ”เขาไม่ตอบในสิ่งที่เธอข้องใจ ริมฝีปากของเขากลับมาอีกครั้ง คราวนี้เขาดูอ่อนนุ่มและสุภาพกว่าเก่า แต่การสัมผัสกลับมากกว่า นิ้วมือของเขาไล่ไปตามแขนเรียวยาวของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย และหายกังวลที่จะต่อต้านเขา เขาดึงเธอให้ใกล้ชิดกับตัวเขามากยิ่งขึ้น
    ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ปืดลงและดูล่องลอย มือของเธอเลื่อนไปยังบ่าของเขา อีกครั้งที่เธอรู้สึกแปลกๆรู้สึกถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไป บางอย่างที่ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ความกว้างของไหล่หรือความสูงของเขาดูผิดไปจากเดิม
    ความคิดของเฮอร์ไมโอนี่หยุดในทันทีเมื่อเขาหยุดจูบเธอ เพราะริมฝีปากของเขาเปลี่ยนมาซุกไซร้ไปยังซอกคอของเธออีกครั้ง

    “ฉันต้องการเธอในคืนนี้” เขากระซิบกระซาบกับผิวเธอ
    “หมายความว่ายังไง”เธอถามด้วยโทนเสียงที่สั่นเล็กน้อย เธอรู้สึกได้ว่าเขายิ้มที่คอของเธอแล้วกระซิบกระซาบ”ฉันต้องการเธอ”
    นี่คือรอนใช่ไหม ! เฮอร์ไมโอนี่ครุ่นคิดอย่างสับสน ต้องใช่สิ! เธอตอบกับตัวเองอีกครั้งและพยายามทำจิตใจให้สงบมากกว่าเก่า
    “ระ...รอก่อน”เธอกระซิบอีกครั้ง
    เขาหยุดชะงักและครางด้วยความเจ็บปวดหน้าผากของเขาชนกับหน้าผากของเธอ
    “เธอแน่ใจเหรอว่าเธอต้องการแบบนี้”เขาถามเสียงต่ำและน้ำเสียงหนักหน่วงมันไม่เหมือนรอนเลย
    “ถ้าเธอไม่ต้องการในเวลานี้บอกกับฉันได้นะ”เขาถามเสียงค่อนข้างหงุดหงิดและอยู่ในโทนเสียงอันตราย อีกครั้งที่เธอรู้สึกติดอยู่ในใจถึงบางสิ่ง บางทีเขาอาจจะเครียดที่เธอคอยขัดขวางความต้องการในตอนนี้ซึ่งดูเหมือนว่าร่างกายทั้งหมดของเขามันแผ่ซ่านไปทั่วตัวของเขาแล้ว
    เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาแบบแปลกๆถ้าจะพูดให้ถูก เหมือนเธออยู่ตรงหน้าของคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่รอน
    “ขอโทษนะ ฉันรู้ว่านายอาจจะผิดหวัง แต่..แต่ฉันยังไม่พร้อม อีกอย่างเราไม่ควรทำแบบนี้จนกว่า...ฉันขอโทษ”
    “เธอพูดอะไรกัน”เขาพูดอย่างขุ่นเคือง”ฉันคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วเสียอีก”
    เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจเธอดึงศรีษะของเขาและจูบเบาๆที่ริมฝีปากเหมือนปลอบโยนเธอเอานิ้วมือพันกับผมเขาอย่างช้าๆ น่าแปลกผมของเขาดูนุ่มนวลกว่าปกติที่เธอเคยจำได้ บางทีเขาอาจจะใช้ครีมบำรุงผมหรืออะไรสักอย่าง ความรู้สึกของเธอในตอนนี้เธอกลับชอบมัน
    เธอจูบเขาลึกซึ้งกว่าเดิม เธอจูบรอน แน่นอน เธอไม่ได้จูบกับคนแปลกหน้า และที่เธอจูบเขาเพื่อไม่ให้เขาหัวเสียเธอต้องการควบคุมมันไม่ให้เตลิดไปไกลด้วยตัวของเธอเอง
    อะไรก็ตามที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป จากอารมณ์ที่แตกต่างไปของคืนนี้กับวันที่ผ่านๆมา แต่มันก็สรุปได้อย่างหนึ่งว่าเธอไม่ได้รังเกียจเขาแม้แต่น้อย
    “รอน”เธอครางเป็นชื่อเขาออกมาเบาๆ
    เขาตัวแข็งร่างกายของเขานิ่งโดยสมบูรณ์เธอคิดว่าร่างกายของเขาคงจะเป็นหินไปเสียแล้ว
    “เกิดอะไรขึ้น..รอน”เธอถามท่าทางวิตกเมื่อสัมผัสได้กับปฎิกิริยาที่เปลี่ยนไปของเขา
    “เกร....เออ...เฮอร์ไมโอนี่”เขากระซิบเสียงสั่น
    “ว่าไง”เธอถามเสียงอ่อนโยน เธอรู้สึกได้ว่าเขากระชากตัวกลับและนิ่งเงียบไป
    สายตาของเดรโกเบิกกว้างและมองตรงที่คลาริสยืนอยู่ ไม่! ไม่ใช่!คลาริส ไม่มี!คลาริสปีหกเรเวคอลที่เสนอตัวกับเขาที่งานปาร์ตี้ข้างล่างนั่น จะมีก็แต่เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เลือดสีโคลน ที่คิดว่าเขาคือ โรนัล วิสลี่ย์
    พระเจ้า เขาไม่ได้ชอบเกรนเจอร์ เขาไม่สามารถยืนอยู่ข้างๆเกรนเจอร์ได้ เธอเป็นศัตรูของเขาคนหนึ่งเทียบเท่ากับนักบุญพอตเตอร์ และพวกวีเซิลหัวแดง
    แต่มีอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาที่ทำให้เขาสับสน เขาคิดถึงช่วงเวลาที่เหวี่ยงตัวเธอติดกับผนังและ ริมฝีปากนุ่มนวลที่เขาบรรจงจูบลูบไล้เธอ รวมทั้งเสียงครวญครางอย่างมีความสุขของเธอมันกลับทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วน น่าแปลกที่มีเธอเพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกถึงความเสียวซ่านไปทั่วทุกอณูเนื้อตัวของเขา ถึงแม้เขาจะเพียงแค่สัมผัสเนื้อตัวภายนอกของเธอก็ตาม ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะตระหนักได้แล้วว่าเธอคือใคร แต่ความรู้สึกเสียวซ่านกลับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกนี้มันคืออะไร? ทำไมเขาถึงต้องมีความรู้สึกกับเลือดสีโคลนแบบนี้ด้วย
    “มีอะไรหรือเปล่า”เฮอร์ไมโอนี่ถามอีกครั้งในตอนนี้เสียงเธอดูตื่นกลัว
    “ไม่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ในที่สุดเดรโกก็กระซิบและเกิดความเงียบเหมือนเดิม เขาไม่อยากจะเสี่ยงให้เธอได้ยินเสียงของเขา
    เดรโกรู้ดีว่านี่จะเป็นหนึ่งเดียวของโอกาสในชีวิตของเขาที่เขาจะมีความใกล้ชิด แบบเนื้อแนบเนื้อขนาดนี้ กับศัตรูของเขา กับเลือดสีโคลนเกรนเจอร์ ทำไมเขาจะต้องปล่อยโอกาศอันดีแบบนี้ให้หลุดรอดไปจากเขาเสียละ
    มีบางอย่างเกิดขึ้นกับรอน เฮอร์ไมโอนี่คิดอยู่ภายในใจ แต่เธอก็ต้องปล่อยความคิดให้หลุดลอยไปเมื่อมีรอยจุมพิตเข้ามาแทนที่มันพรากเอาลมหายใจออกไป
    “สัมผัสฉัน”ในที่สุดเขาก็กระซิบต่อต้านกับริมฝีปากของเธอ”ได้โปรดฉันต้องการมัน”
    เขาจะทำมันเขาแน่ใจว่าเขาจะทำมัน ในเมื่อมันไม่มีอันตรายใดๆในสิ่งที่จะนำเสนอ ตราบใดที่เธอไม่รู้ว่าใครที่เธอเสนอให้
    เขาคือสลิธลีนและเขาจะไม่ปล่อยโอกาสที่มีเพียงหนึ่งเดียวของเขา เขาตระหนักมันได้ดีถึงจินตนาการของเขา
    เธอไม่แน่ใจว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นแต่มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป การยืดจับของเขาแตกต่างเป็นอย่างมาก การรุกรานของเขามีการเปลี่ยนแปลง อากัปกิริยาของเขาดูนุ่มนวลขึ้นระวังมากที่จะไม่รุนแรงกับเธอแต่ในขณะเดียวกันเขาก็ดูตึงเครียดมากกว่าที่เขาเป็นมาก่อน

    “ฉันต้องการเธอตอนนี้”เขากระซิบกระซาบเสียงแห้งเธอเลิกคิ้วขึ้นแต่เขาไม่เห็นมัน
    “รอนฉันบอกเธอแล้วว่าฉันยังไม่พร้อม”
    “เมื่อไหร่ล่ะที่เธอถึงจะพร้อม ถ้าเราไม่ทำกันคืนนี้ เราจะไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ เฮอร์ไมโอนี่”เขาตัดพ้อ เขารู้ตัวดีว่าเขาพูดอะไรไปบ้างในคืนนี้
    เฮอร์ไมโอนี่ก้าวเข้ามาใกล้ชิดเขาและจูบอย่างนุ่มนวลบนริมฝีปากของเขา เธอคงจะสนุกไปกับอาการสั่นสะท้านที่วิ่งผ่านเขาในตอนนี้ใช่ไหมเนี่ย เดรโกคิด เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะถอยห่างในขณะที่เดรโกคว้าตัวเธอกลับมา
    “มันไม่ยุติธรรมเลย”เขากระซิบ”เธอทำให้ฉันคลั่งเฮอร์ไมโอนี่ แล้วเธอจะหยุดมันดื้อๆแบบนี้นะเหรอ”
    “นายก็รู้ว่าฉันยังบริสุทธิ์และฉันไม่ต้องการให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนี้ ฉันอยากให้ครั้งแรกของเราเป็นคืนที่พิเศษ”
    “เธอยังบริสุทธิ์อยู่งั้นเหรอ”เสียงของเขาดูสับสน
    “รอน นายดูแปลกไปนะคืนนี้”เธอกล่าว”นายไม่เป็นอะไรแน่นะ”
    มีการหยุดคิดเล็กน้อย”ฉันอาจจะดื่มมันมากไปหน่อย”เขากระซิบ”มันอาจจะเป็นผลสะท้อนที่ไม่ดีนักฉันขอโทษ”
    เขาเริ่มมีอาการสงบลงเขาดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่นเพื่อดับอารมณ์ดิบเถื่อนภายในร่างกายของเขา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสับสนเธอพยายามดึงตัวเธอให้ออกจากเขาแต่เขาขืนตัวเธอไว้ในอ้อมกอดของเขาแน่นกว่าเดิม
    “ขอร้อง สักพัก ขอให้ฉันกอดเธอแบบนี้อีกสักพักนะ”
    อาจจะเป็นเพราะเหล้า เธอคิดสรุปเอาเองและนิ่งเงียบเหมือนถูกคำสาปในอ้อมกอดของเขา
    “เฮอร์ไมโอนี่”เขาอ้อนวอนระมัดระวังไม่ยกเสียงของเขาให้อยู่ในระดับเสียงที่เธอรู้จัก”เธอกำลังทำให้ฉันบ้ารู้ตัวไหม ได้โปรดอย่าหยอกล้ออีกเลยฉันต้องการเธอตอนนี้ แต่ฉันก็รู้ว่าเธอจะไม่ยอมฉันอย่างแน่นอน ดังนั้นได้โปรดช่วยยืนนิ่งๆมันจะไม่เป็นอันตรายกับเธอและตัวฉันเองด้วย เพียงแต่ให้ฉันกอดเธอในตอนนี้สักพักหนึ่ง”
    เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ตอบกลับเธอเพียงแต่โอบล้อมวงแขนของเธอรอบๆเอวของเขา
    เป็นครั้งที่สองที่เขารู้สึกถึงลมหายใจของเธออยู่บนหน้าอกของเขาความคิดของเขามันว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ไปแล้วในตอนนี้
    เมื่อสติของเขากลับมา เขาเริ่มรู้สึกว่าแก้มของเขาร้อนผ่าวเขาเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงที่ว่า เขาได้กอดอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ศัตรูของเขา แต่มันไม่ได้ให้เขารูสึกสบายใจเลยเพราะเธอเชื่อว่าเขาเป็นคนอื่น
    ในตาของเขาเป็นประกายในความมืดเมื่อเขากำลังคิดถึงความโง่เง่าของวิสลี่ย์ หรือแม้แต่พอตเตอร์ ที่ไม่เคยแตะต้องเกรนเจอร์มาก่อนเลย จะมีก็เพียงแต่เขาในตอนนี้ที่มีโอกาสได้สัมผัสเธอเป็นคนแรก แต่เดรโกก็ไม่เคยข่มเหงผู้หญิงถ้าเธอไม่ยินยอมและครั้งนี้ก็เช่นกันถึงแม้เธอจะเป็นศัตรูของเขาก็ตาม
    “รอน”เธอเรียกชื่อวิสลี่ย์และเขาก็กัดฟันอย่างอดทน เธอไม่สามารถที่จะหยุดเรียกชื่อของผู้ชายคนนั้นได้เลยหรือยังไงนะ
    “ฉันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายมันดูแปลกไปในคืนนี้ แต่ฉันก็รู้สึกดีที่นายไม่ทำลายฉัน เมื่อฉันปฎิเสธ”
    “ฉันไม่ชอบฝืนใจใคร”เขาพยายามบังคับไม่ทำให้เสียงดูน่ารำคาญ
    “โอ้วใช่”เธอกล่าวอย่างขำๆ”เพราะนายคือกริฟฟินดอร์ไงรอนกล้าหาญและเสียสละ”
    เดรโกขมวดคิ้ว เขาเป็นพวกที่กล้าหาญและเสียสละงั้นเหรอ
    มันน่าตลก, เขาคิดว่าสลิธลีนเป็นประเภทที่เห็นแก่ตัว ในขณะที่กริฟฟินดอร์ จัดอยู่ในประเภทที่กล้าหาญ เสียสละ และออกจะงี่เง่าในบางครั้ง แต่ต่อมาเขาก็ยอมรับว่าบางทีเขาก็เห็นแก่ตัวกับแรงกระตุ้นในส่วนของทางเพศเขาทำมันเพราะทำให้เขารู้สึกดีเขาไม่คิดว่าเขาจะมีความสามารถพิเศษในเรื่องแบบนั้นแต่ในความเป็นจริงพวกเธอมักอยากใกล้ชิดเขาและกรีดร้องเป็นชื่อเขามันทำให้เขาปั่นป่วนภายในและ เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นพระเจ้า

    เขาคิดถึงวิสลี่ย์อีกครั้ง ถ้าเป็นเขา เขาจะล๊อคตัวเองในห้องนอนกับเฮอร์ไมโอนี่เป็นสัปดาห์ก่อนที่จะโผล่ออกมาและออกไปเพื่อเตรียมเสบียงกรังไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ อย่างไรก็ตามเขามีเพียงแต่คืนนี้เท่านั้นและเขาก็ยังไม่ได้ทันทำอะไรเลย

    “รอน”เธอเรียกเขา
    “รอน”เธอเรียกเขาอีกครั้งเมื่อไม่ได้ยินเสียงเขาขานรับ”เธอโกรธฉันเหรอ”
    “ช่างเหอะที่นี่หนาวชะมัด”เขาไม่ตอบคำถามเธอแต่เขาเสพูดไปเรื่องอื่นในขณะที่เขาคลายอ้อมแขนออกจากเธอ
    “ใช่ที่นี่หนาวมากเลย แถมเราต้องอยู่ที่นี่จนถึงเช้าด้วย”เธอพูดเสริมและมองเขาที่เห็นเพียงแค่เงาลางๆยืนพิงผนังที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ
    “เธอหมายความว่ายังไงถ้าเราจะออกไปก็ไม่เห็นต้องสนใจใครเลย”
    “เธอพูดก็ถูก แต่นี่เป็นกฎของเกมส์ห้ามเราออกจากห้องนี้จนถึงรุ่งเช้าและถึงแม้เราจะไม่เล่นเกมส์ต่อเราก็ออกไปไม่ได้อยู่ดี เพราะหอคอยทิศเหนือถูกล็อคไว้ด้วยเวทมนต์ ทุกคนสามารถเข้ามาได้ แต่จะออกไม่ได้จนถึงรุ่งเช้าเท่านั้นประตูถึงจะคลายล็อคของมันเอง”เฮอร์ไมโอนี่อธิบายให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ
     “อะไรนะนี่พวกเราถูกขังอยู่ในนี้เหรอ...บ้าชะมัด”เธอได้ยินเสียงเขาอุทานอย่างขัดใจ
    “เราจะทำอะไรกันต่อดีล่ะทีนี้” เฮอร์ไมโอนี่ถามเบาๆพร้อมกับกอดอกด้วยความหนาว
    “ถ้าเราไม่ทำแบบว่า ก็คงต้องนั่งเฉยๆกันทั้งคืนนั่นแหละ”
    เขาพูดช้าๆเนิบๆและมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสะกิดใจ สำเนียงแบบนี้มันเหมือนใครคนหนึ่งที่เธอชิงชัง เดรโก มัลฟอย
    เป็นไปไม่ได้ เฮอร์ไมโอนี่สลัดหัวเล็กน้อยก่อนที่จะหัวเราะเบาๆกับเรื่องตลกที่เธอสรรหามาคิด
    “เฮอร์ไมโอนี่”เขาเรียกเธอ
    “ฮือ”
    “เธอหนาวเหรอ”
    “อือ”
    “มานี่สิ”
    “ทำไม”
    เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเขาสบถเล็กน้อย “มานี่เถอะน่า ฉันไม่กัดเธอหรอก ก็แค่จะกอดให้ร่างกายอุ่นขึ้นเท่านั้น ฉันเองก็ไม่อยากจะหนาวตายเหมือนกัน”
    เฮอร์ไมโอนี่อมยิ้มเธอเดินเข้ามาหาร่างที่ดูลางเลือนนั้นในขณะที่เขายื่นแขนออกมาเพื่อควานหาตัวเธอและเมื่อเขาจับมือเธอไว้ได้เขาจึงดึงตัวเธอเข้ามากอดเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเป็นครั้งแรก
    “รอน”
    “ว่าไง”
    “ขอบคุณนะ”
    เดรโกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพรอมกับกระชับร่างบางนั้นเข้าหาตัวเขาแนบแน่นยิ่งขึ้นซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มอบความอบอุ่นให้กันและกัน ซึ่งในครั้งนี้ไม่ได้มีความรู้สึกของเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
    เฮอร์ไมโอนี่รีบเร่งกลับไปยังห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพียงลำพังในหอคอย เธอคิดว่ารอนอาจจะอายจึงหนีออกมาก่อนโดยที่ไม่ได้ปลุกเธอ หลังจากที่เธอบอกรหัสของบ้านให้กับเลดี้อ้วนแล้วประตูถูกเปิดออก และเมื่อเธอโผล่เข้าไปก็พบว่า รอน เหลียวมามองเธอในขณะที่เขานั่งอยู่บนโซฟาใกล้เตาผิง
    “อรุณสวัสดิ์ เฮอร์ไมโอนี่” เขาหลุดปากทักทายเธอ และหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด
    “อรุณสวัสดิ์ รอน”
    รอนเหลือบมองหญิงสาวนิ่งอยู่อึดใจ แววไม่แน่ใจฉายอยู่ในดวงตา แล้วเขาหัวเราะอย่างเก้อๆและพูดเหมือนสำนึกผิด
    “เออ คือ ฉันอยากจะขอโทษเธอเรื่องเมื่อคืนน่ะเฮอร์ไมโอนี่”
    สีหน้าของรอนเมื่อเธอแอบมองดูเขา ท่าทางสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย
     “ไม่เป็นไรหรอก รอน ฉันเข้าใจ”

    ฉับพลันความตึงเครียดก็หมดไปมีแต่ความอบอุ่นและสบายใจเข้ามาแทนที่ในความรู้สึกของคนทั้งสอง รอนจำได้ว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นเด็กสาวที่น่ารักคนหนึ่ง แม้ในสมัยก่อนเขาจะไม่ได้สนใจเธอมากนัก ก็ยังรู้สึกได้ว่าเธอมีอะไรบางอย่างทำให้คนสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ และครั้งนี้มันเปลี่ยนไป ความรู้สึกภายในใจของเขา เขาไม่ได้คิดว่าเธอเป็นเพื่อนอีกต่อไปแล้ว เขารักเธอ  
    “เธอไม่โกรธฉันใช่ไหม” เสียงของเขาเหมือนพูดกับเด็กสาวคนเดิมเมื่อห้าปีก่อนจนเฮอร์ไมโอนี่ต้องเปิดปากยิ้มออกมาทันที น่าแปลกที่เธอไม่ได้โกรธเขาแม้แต่น้อย เพียงแต่รู้สึกว่าหน้าแดงขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอช้ำไปหมดจากรอยจุมพิตที่หนักหน่วงซ้ำไป ซ้ำมาหลายครั้งของเขา
    “ไม่...ทำไมฉันต้องโกรธเธอด้วยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าเอียงอาย
    รอนหัวเราะออกมาได้เต็มเสียง “ดีใจจังที่เธอเข้าใจฉัน ”
    เขาลุกขึ้นและเดินเข้ามาใกล้เธออย่างกระตือรือร้น
    เฮอร์ไมโอนี่ขยับถอยออกมานิดหนึ่งก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาใกล้ชิดเธอ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงและรู้สึกเขิน เธอตัดสินใจที่จะหยุดเขาในตอนนี้ก่อนที่เขาจะเล่นบทซ้ำเหมือนเมื่อคืนอีก
    “ถ้างั้น ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ แล้วเจอกันที่ห้องอาหาร”เฮอร์ไมโอนี่เตรียมผละออกจากเขาแต่รอนกลับคว้าแขนเธอและชะโงกหน้าเข้ามาใกล้กระซิบเบาๆข้างหูเธอเหมือนกลัวว่าจะมีใครได้ยินทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยสักคน  “เออ เฮอร์ไมโอนี่ อีกอย่างเรื่องเมื่อคืน เธออย่าบอกใครได้ไหมฉันอายเขาน่ะ”
    เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มและพยักหน้า “ก็ได้รอน เรื่องเมื่อคืนเป็นความลับระหว่างเรา ตกลงนะ”
    “อือ เธอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ฉันจะคอยเธอที่ห้องอาหารพร้อมกับแฮร์รี่นะ”
    “จ๊า”และแล้วการสนทนาก็จบเพียงเท่านั้นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่รีบวิ่งขึ้นไปยังหอนอนหญิงเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและตามแฮร์รี่และรอนไปที่ห้องโถงเพื่อกินอาหารเช้าตามปกติ
    &&&&&&&&&&&&&&&
    “เฮอร์ไมโอนี่ว่าไงบ้าง เธอโกรธไหมที่เมื่อคืนนายเมาแอ้อยู่ที่หอกริฟฟินดอร์ไม่ได้ไปที่หอคอยตามที่นัดเอาไว้” แฮร์รี่ลดเสียงตัวเองให้เบาลง
    รอนหัวเราะอย่างร่าเริง “ไม่นี่ เธอไม่ได้โกรธอะไรเลย เธอบอกว่าเธอเข้าใจดี”
    แฮร์รี่อ้าปากค้างอย่างแปลกใจ
    “แปลกจัง ฉันนึกว่าเธอจะอารมณ์เสียจนกระโดดกัดนายไปแล้วเสียอีก”
    รอนยอมรับหลังจากเงียบไปชั่วครู่ “ตอนแรกฉันก็กลัวเหมือนกัน แต่ดีแล้วนี่ที่เป็นแบบนี้ นายก็เหมือนกันเลิกพูดเรื่องนี้สักที บอกตรงๆนะว่าฉันอาย”
    แฮร์รี่ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรต่อไปเขาก็ได้ยินเสียงรอนร้องทักเพื่อนสาวเสียงใส
    “เฮอร์ไมโอนี่”
    แฮร์รี่หันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่เดินมานั่งกั้นกลางระหว่างเขาและรอน
    “หวัดดีหนุ่มๆ”เธอทักทายอย่างร่าเริงแต่พยายามที่จะไม่สบตากับรอนเธอยังคงเขินอายเกินไปกับเรื่องเมื่อคืน ในขณะที่รอนคว้าน่องไก่วางที่จานของเฮอร์ไมโอนี่อย่างเอาใจเขาก้มตัวลงและกระซิบบางอย่างใส่หูของเธอ ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงก่ำก่อนที่จะตอบเขาเบาๆ
    “ขอบใจรอนเธอก็ด้วย”
    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
    เขาจ้องมองไปทางโต๊ะกริฟฟินดอร์และมองเธออยู่ ผมสีบลอนส์ไม่เป็นระเบียบของเขาปล่อยยาวปรกดวงตาสีเทาข้างหนึ่ง เขาดูเหมือนหมาป่าอีกครั้ง หิวโหยและเห็นได้ชัดว่ากำลังจะออกล่าเหยื่อ จนกระทั่งหญิงสาวผมดำขลับที่เดินมาอย่างรวดเร็วที่โต๊ะสลิธลีนพลางตวัดแขนของเธอไปรอบๆคอของเดรโกและโน้มตัวเขาลงมาจูบอย่างรวดเร็วที่ริมฝีปากของเขา
    “แพนซี่...เธอทำบ้าอะไรน่ะ”เขาคำราม และกัดฟันแน่นก่อนที่จะดันตัวเธอให้ออกไปอย่างหงุดหงิด
    “ทำไมล่ะ....ฉันก็ทำแบบนี้บ่อยๆอยู่แล้วนี่”เธอส่งเสียงแหลมก้องกังวานไปทั้งโต๊ะแล้วเธอกระซิบพอได้ยินกันสองคนว่า”ที่เมื่อเช้าทำให้ฉันระบมไปทั้งตัวฉันยังไม่บ่นสักคำ”
    เดรโกจำได้หลังจากที่เขาผละออกมาจากเฮอร์ไมโอนี่เขาก็ลากแพนซี่เข้าไปยังห้องของเขาเพื่อปลดเปลื้องอารมณ์ที่ค้างคาจากตัวให้หมดไป แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ประทับใจอะไรเขาหนักหนาถึงแม้แพนซี่จะเป็นคนสวยและมีจริตจะก้านน่าดูก็ตาม
    “ฉันไม่อยากให้แอสโตเรียเห็น เธอก็รู้ว่าเขาเป็นคู่หมั้นของฉัน”เขาพูดห้วนๆ
    แพนซี่หัวเราะเสียงใสอีกครั้ง “ทำยังกับเธอสนเดรโก”
    คราวนี้เดรโกคว้าแขนเธอข้างหนึ่งและบีบไว้แน่น แพนซี่กระพริบตาถี่ๆ และเดรโกตระหนักได้ดีว่าเขาทำให้เธอหวาดกลัว “ฉันอาจจะไม่สนแพนซี่ แต่แดฟนี่คงสนแน่ที่เห็นเธอทำแบบนี้กับคู่หมั้นของน้องสาวเธอ”
    “ตะ....แต่แดฟนี่กับฉันเราเป็นเพื่อนกันนะ” เธอพูดอย่างหวาดๆสายตาประสานกับเขา
    “งั้นเหรอ”เขาส่งสายตาที่เย็นชาไปทางแดฟนี่แล้วจึงพูดต่อ “แต่ฉันดูสีหน้าของแดฟนี่ตอนนี้แล้วดูไม่เห็นเหมือนว่าเขาจะสนว่าเธอเป็นเพื่อนของเขาเลยนะ”
    จริงอย่างที่เดรโกพูดสายตาของแดฟนี่ที่มองเธอเหมือนอยากจะเข้ามาตบเธอมากกว่า แต่แพนซี่ก็ไม่ได้คิดจะกลัวแดฟนี่มากกว่าเดรโก เธอกลัวว่าเดรโกจะโกรธเธอมากกว่าสิ่งใดและไม่สนใจเธอ เดรโกปล่อยเธอพร้อมกับหันความสนใจมาที่อาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้า
    “เดรโก”
    เดรโกมองไปรอบๆห้องหาที่มาของเสียงเขานิ่วหน้าเล็กน้อย เขากำลังจะตามหาคลาริสอยู่พอดีดังนั้นการปรากฏตัวของเธอจึงเป็นเรื่องดี แต่คงไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นที่โต๊ะสลิธลีนแน่
    “คลาริส”เขาเรียกชื่อเธอพร้อมกับผลักจานอาหารส่งไปให้แครบส์จัดการต่อทันที
    “ขอคุยด้วยหน่อยสิ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบายใจนัก
    เดรโกคว้าส้มผลหนึ่งจากโต๊ะอาหารและออกนอกประตูตามหลังคลาริสไปท่ามกลางสายตาของแพนซี่ที่มองคลาริสอย่างอิจฉา
    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
     
    ######## พี่นุจเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะแรงหรือเปล่านะแต่จะพยายามทำให้มันนุ่มมากกว่านี้ถ้าใครคิดว่าเรื่องนี้แรงไปไม่เหมาะสมก็บอกได้ แต่คิดว่าตัดทอนที่มันหวาดเสียวออกไปเยอะแล้วพอสมควร ตามที่ทางเด็กดีเขาออกกฎเอาไว้
    เรื่องต่อไปที่จะอัพถ้าไม่ใช่เรื่องHarry potter I never regretted that she lovers (เดร/เฮอร์) ก็คงเป็นเรื่อง Harry potter "the Wolfman Mate"/เดรโก-เฮอร์ไมโอนี่
    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องทุกเรื่องที่เราแต่งหรือเรื่องแปล อาจจะไม่ได้เข้ามาคุยด้วยก็ต้องขอโทษทุกคนนะ แต่เราก็รู้สึกดีทึ่อย่างน้อยก็มีคนมาคอมเม้นต์ให้เป็นกำลังใจที่ดีอย่างหนึ่งทีเดียว เราจะพยายามให้ทุกเรื่องที่เราแต่งหรือแปลจบทุกเรื่องนะแต่คงต้องค่อยๆทยอยจบเพราะมันค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
    อ้อ ขอให้ทุกคนมีความสุขในปี 2554 ทุกๆคนเลยค่ะคิดหวังอะไรก็ให้สมปรารถณานะค่ะ######
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×