คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3: ความฝัน ความลับ ความแค้น
Cheapter 3 : ความฝัน ความลับ ความแค้น
“อย่า...จินนี่ ... “
เสียงร้องครวญของแฮร์รี่ดังลั่นด้วยความหวาดกลัวต่อสิ่งที่เห็น ร่างของจินนี่ยืนอยู่ริมหน้าผาสูงชัน เบื้องล่างเป็นทะเลโดยรอบมีแต่หินแหลมคมขึ้นซ้อนกันมา และเขาแน่ใจได้ว่าถ้าใครตกลงไปคงเป็นการยากที่จะรอดจากความตายได้ จินนี่หันมายิ้มให้แฮร์รี่อย่างเศร้าสร้อย เธอกำลังจะก้าวเท้าทิ้งตัวลงในหุบเขา แฮร์รี่พยายามจะวิ่งไปหาเธอแต่เขาเหมือนถูกอะไรบางอย่างที่ไม่เห็นตัวยึดร่างของเขาไว้แน่น เขาได้แต่เฝ้าดูร่างบางอย่างหมดหวัง น้ำตาของแฮร์รี่หลั่งไม่ขาดสาย เขาจะต้องยืนมองผู้หญิงที่เขารักร่วงหล่นไปยังหน้าผาสูงชันโดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แต่แล้วอยู่ๆร่างบางของหญิงสาวผมสีน้ำตาลที่คุ้นเคย ถลันไปคว้าตัวจินนี่ไว้ได้ทันเพียงเสี้ยววินาที และแทบจะทันใดที่เบื้องหน้ามีกลุ่มหมอกควันหนาทึบและชายหนุ่มในเสื้อคลุมพ่อมดสีดำซึ่งแวดล้อมไปด้วยผู้เสพความตายจำนวนหนึ่งก็ก้าวเท้าออกมา ชายหนุ่มคนนั้นเดินตรงเข้ามาหาสองสาว ที่ริมหน้าผาอย่างช้าๆ แฮร์รี่พยายามเพ่งตามองผู้ชายในเสื้อคลุมที่ดูเหมือนตัวหัวหน้าว่าเป็นใครแต่เขากลับเห็นไม่ถนัด แต่นั่นไม่สำคัญกับกริยาที่เกิดขึ้นจากจินนี่ จินนี่สลัดแขนออกจากเฮอร์ไมโอนี่ เธอก้าวเท้าเข้าหาพ่อมดหนุ่มคนนั้น แล้วแย้มยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะหันหน้าไปทางเฮอร์ไมโอนี่ ด้วยแววตาเคียดแค้นชิงชัง
เฮอร์ไมโอนี่ เบิ่งตามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างจินนี่อย่างหวาดหวั่น รู้สึกได้ถึงความเสียววาบและเกร็งไปทั่วตัว ริมฝีปากสั่นด้วยความหวาดกลัวแววตาของเฮอร์ไมโอนี่ที่มองมาทางชายหนุ่มพ่อมดคนนั้น มันมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้แฮร์รี่แปลกใจแววตาของเฮอร์ไมโอนี่ดู ตื่นตระหนกและตัดพ้อไปพร้อมๆกันเธอหันมามองแฮร์รี่เหมือนต้องการขอความช่วยเหลือ แฮร์รี่พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการนั้นแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่น เขาจะทำยังไงดีสถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วตอนนี้คนที่เขาเป็นห่วงที่สุดกลับไม่ใช่จินนี่ แต่เป็นเพื่อนสาวผมของเขาคนนี้ต่างหาก เสียงหัวเราะเยือกเย็นดังมาจากที่ไกลแสนไกลแล้วพลันก็มีเสียงหนึ่งดังมาตามสายลม
“ในที่สุด ฉันก็เจอเธอจนได้ เฮอร์ไมโอนี่ “
แฮร์รี่เห็นเฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นเล็กน้อย เธอคว้าไม้ประจำกายเธอออกมาจากด้านหลังอย่างเตรียมพร้อม เสียงตามสายลมยังคงพูดต่อโดยไม่สนใจปฎิกิริยาของเด็กสาวเลยแม้แต่น้อย
“เธอหนีฉันไปไม่พ้นหรอก กลับมาหาฉัน เฮอร์ไมโอนี่ “
เมื่อสิ้นสุดเสียงตามสายลม พ่อมดหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างจินนี่ กลับคว้าแขนของเฮอร์ไมโอนี่เพื่อนรักของเขา ดึงเข้าประชิดตัว อย่างรวดเร็ว และพึมพำอะไรบางอย่างกับเธอ โดยมีจินนี่คอยเงี่ยหูฟังอยู่ เฮอร์ไมโอนี่สั่นหน้าไปมาหลายครั้ง แล้วดิ้นหลุดออกจากการกอดรัดของพ่อมดหนุ่มคนนั้นจนได้ เธอถอยหลังไปเรื่อยๆเหมือนทำอะไรไม่ถูก มือที่ถือไม้กายสิทธิ์เมื่อครู่ถูกทิ้งอยู่ข้างลำตัวอย่างอ่อนแรง จนเกือบถึงหน้าผา เธอหันกลับมาด้วยน้ำตาที่นองหน้า มองดูพ่อมดหนุ่มคนนั้น และจินนี่ก่อนที่เธอจะหันกลับมาหาแฮร์รี่ ที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวหรือแม้แต่ตะโกนร้องห้ามเธอได้ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เขาและพูดคำที่ทำให้เขาเกิดอาการกระตุกในหัวใจทันที
“ลาก่อน แฮร์รี่ “
หลังจากคำพูดสุดท้ายของเฮอร์ไมโอนี่แฮร์รี่ก็เห็นร่างแบบบางของเพื่อนรักกระโจนลงไปยังหน้าผาสูงชันนั้นอย่างเด็ดเดี่ยว พร้อมกับเสียงร้องอย่างโหยหวนของพ่อมดหนุ่มที่ทรุดตัวหวบที่ริมหน้าผาและร้องไห้เหมือนคนถูกกะชากหัวใจออกมาทั้งเป็น
และนั่นเองที่ทำให้แฮร์รี่เปล่งเสียงร้องออกมาจนสุดเสียงด้วยความรู้สึกอยากปลดปล่อยความคุ้มคลั่งที่เขาเผชิญให้หมดไป
“เฮอร์ไมโอนี่นนนนนนนน
.”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงทุบประตูที่แสดงออกถึงอารมณ์อันฉุนเฉียวของคนข้างนอกก็ดังตามมา
“แกเป็นบ้าอะไรไอ้เด็กเวร เสียงร้องของแกจะทำให้ฉันประสาทเสีย ถ้าแกยังขืนร้องอย่างนี้อีก ฉันจะพังประตูเข้าไปแล้วลากแกออกไปนอนข้างนอกนั้น เข้าใจหรือเปล่า แฮร์รี่” เสียงคำรามด่าดังลั่นของลุงเวอร์นอนทำให้แฮร์รี่ที่ตกใจตื่นจากฝันร้าย และพยายามลุกขึ้นด้วยเนื่อตัวที่สั่นเทา เขา กัดฟันแน่นเพื่อข่มความตกใจกับฝันร้ายที่เหมือนจริงของเขาก่อนตอบออกไปอย่างยากลำบาก
“เข้าใจแล้วฮ่ะ..ผม...ผม..ขอโทษ”
แฮร์รี่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินลงส้นออกไปจากหน้าห้องของเขาตามด้วยเสียงบ่นพึมพำไม่ได้สรรพแล้วเสียงประตูห้องด้านบนที่ปิดดังโครมก็ตามมา แฮร์รี่หลับตาลงเพื่อรวบรวมสติที่แตกกระเจิงให้เข้าที่ ก่อนจะเบิ่งตาโตสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตรงหน้าผากรูปสายฟ้า ความเจ็บปวดเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆแฮร์รี่เอนตัวลงนอนแล้วพยายามตั้งสมาธิเพื่อพยายามข่มความเจ็บปวดนั้นไว้ เป็นระยะเวลาครู่หนึ่งที่ความปวดที่ตอนนี้เริ่มคลายลงแล้วที่ละนิดละนิด เขาไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกับเขาอีกอาการปวดที่หน้าผากฉพาะรูปสายฟ้าของเขาหายไปนานแล้วแต่ครั้งนี้อะไรที่ทำให้มันหวนกลับมาใหม่อีกหรือว่า โวลเดอมอร์ กลับมาแล้ว เขาส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดและที่สำคัญความเจ็บปวดนั้นให้หลุดออกไปจากสมองของเขา ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ที่เขาเป็น ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ครั้งแรกตอนที่เขาเพิ่งทะเลาะกับจินนี่ และมาครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง
แฮร์รี่นอนลืมตามองเพดานห้องสักครู่ความรู้สึกบางอย่างจู่โจมความรู้สึกของเขา เหมือนมีคนจ้องมอง อยู่ และนั่นทำให้เขาเหวี่ยงตัวลุกขึ้นนั่งเขาเดินตรงไปที่หน้าต่างบานเล็กที่ห้องใต้หลังคา แล้วมองสำรวจไปทั่วอาณาบริเวณบ้าน ไม่พบอะไรทั้งนั้น เขาอาจจะคิดไปเอง และนั่นเป็นการดีเหลือเกินที่เขาไม่พบกับอะไร เขากำลังต้องการความช่วยเหลือสิ่งแรกที่เขาคิดในตอนนี้ คือเพื่อนทั้งสองคนของเขา รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ถ้าเป็นเรื่องควิชดิชแน่นอนต้องเป็นสหายสนิท รอน วิสลี่ย์แน่อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องที่มีสาระแบบนี้เขาคงพึ่งได้คนเดียวเท่านั้นคนที่เขาเพิ่งฝันถึง เด็กหญิงเพื่อนรักตลอดกาลของเขา เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เด็กชายผมสีบลอนส์เงินผิวปากอย่างมีความสุขในขณะที่เขาสาวเท้าเอื่อยๆมาตาม
ทางเดินเข้ามายังตัวคฤหาสถ์หลังใหญ่
วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาไปสังสรรค์กับเพื่อนๆพ่อมดแม่มดเลือดบริสุทธิ์ในรุ่นเดียวกัน เพราะเหลือเวลาอีกแค่2-3วันเท่านั้นที่เขาจะต้องกลับฮอกวอร์ตเพื่อไปเรียนปีสุดท้าย ช่วงอาทิตย์นี้เกือบทั้งอาทิตย์เขาพยายามหาเรื่องออกจากบ้านเสมอเพราะอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องทนเห็นหน้าคนที่เขาไม่ชอบหน้า อย่างน้องชายอุปโลกน์ของเขา วินเวิร์ด มัลฟอย หรือวินเวิร์ดอะไรก็ตามที่เขาไม่สนใจจะจำเพราะมันไม่มีค่าพอที่จะให้เขาต้องจดจำ ไม่เหมือน เด็กสาวผมดำคนนั้น อมาธาร์ เมอเร่ เธอดูสวยดีสำหรับเขา เขากับเธอเข้ากันได้ดีอยู่หรอก วันไหนที่เขาไม่ได้ออกนอกบ้านเธอมักจะเข้ามาคุยกับเขาอยู่เสมอ แถมยังคุยกันได้เกือบจะทุกเรื่องด้วยสิ สำหรับเขาแล้วคงปฏิเสธไม่ลงสำหรับสาวๆสวยๆอย่างอมาธาร์ และที่สำคัญ อมาธาร์ก็ไม่ได้เล่นตัวมากมายนักยามที่เขาสัมผัสกับริมฝีปากสีชมพูนั่น เขายอมรับว่าอมาธาร์ แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆที่เขาเคยสัมผัส ช่างหอมหวาน เย้ายวนและน่าหลงใหล ยกเว้น................
เดรโกหยุดยืนชะงักชั่วครู่
อีกแล้วเขาคิดถึงเรื่องยายนั่นอีกแล้ว เขาทำสีหน้าไม่พอใจเมื่อคิดถึงยายผู้หญิงอวดดีคนนั้น ยายเลือดโสโครก
ทำไมเขาถึงเอายายนั่นมาเปรียบกับอมาธาร์ได้น่ะ เลือดบริสุทธิ์กับเลือดโสโครกอย่างนั้นมันเทียบชั้นกันไม่ได้อยู่แล้ว
แต่......ริมฝีปากบอบบางน่าสัมผัส กับร่างนุ่มๆที่คอยขัดขืนยามเขาสัมผัสนั้นมันก็ทำให้คุณชายอย่างเขาลืมไม่ลงจนสติแตกกระเจิงไปเหมือนกัน
ทำไมภาพที่เขายืนจูบกับยายนั้นต้องผุดขึ้นมาทุกทียามที่สมองของเขาว่างเปล่า หรือยามที่เขาทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับเหล่าบรรดาสาวๆนั้น
ทำไมเขาถึงรู้สึกรังเกียจเลือดสีโคลนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ในขณะเดียวกันกลับรู้สึกหวั่นไหวกับจิตใจตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
เดรโกคิดสับสนในสมองขณะที่เขาก็ก้าวเท้าเดินไปเรื่อยๆเกือบถึงหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์อยู่แล้ว แต่แล้วสิ่งที่ทำให้เท้าที่ก้าวอย่างรวดเร็วและความคิดอันสับสนนั้นหยุดชะงักลงก็คือร่างในเสื้อคลุมพ่อมดที่นอนตัวงอขวางประตูทางเข้าไว้
“ไอ้บ้านี้ใครกันว่ะ” เขาสบถเบาๆกับตัวเองก่อนก้าวเดินต่อไปเพื่อดูหน้าของชายนิรนามนี้ให้ชัดๆ แต่เมื่อเห็นหน้าตาคนๆนี้ใกล้ๆเขากลับแปลกใจ
“วินเวิร์ด ”
เสียงอุทานอย่างตกใจของเด็กหนุ่มผมบลอนส์มีผลให้เด็กหนุ่มที่นอนตัวงออย่างเจ็บปวดทรมานในตอนนี้เงยหน้าที่ซีดขาวขึ้นมามองอย่างยากลำบาก
วินเวิร์ดกัดริมฝีปากจนเจ็บเขาไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่เดรโก มัลฟอยคนที่เขาไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่เห็นเขาในสภาพแบบนี้ เจ็บใจนักทำไมมันต้องปวดในวันนี้ด้วย ทั้งๆที่มันไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่วันนี้อาการกลับกำเริบมาอีกจนได้
เดรโกนั่งยองๆสำรวจหน้าขาวซีดนั้นแล้วยิ้มเยาะ
“ทำไมกันน้องรัก ที่ห้องมันนอนไม่สบายหรือไงถึงต้องหลบมานอนที่นี่”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”วินเวิร์ดพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เดรโกหัวเราะ ทั้งๆที่ในใจเริ่มเย็นไม่ไหว
“ฉันก็ไม่อยากยุ่ง แต่นี่มันคฤหาสน์มัลฟอย ฉันคงจะให้นายมานอนตายอยู่ที่นีไม่ได้ ”
“นายไม่ต้องห่วง คนอย่างฉันมันตายยาก”
“เออ ทำเป็นอวดเก่ง ถ้าเก่งนักก็ลุกขึ้นมา”
วินเวิร์ดกัดฟันพยุงตัวลุกขึ้นมาอย่างยากลำบากเขาไม่คิดว่าความเจ็บปวดจากอาการที่เกิดมันทำให้ร่างกายเขาแทบไม่มีแรงลุกขึ้นเลยแม้แต่น้อยและนั่นทำให้เขาทรุดฮวบลงไปตรงจุดเดิม
เดรโกส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่จะจับแขนเขาพยุงตัวเพื่อลุกขึ้นแต่วินเวิร์ดปัดแขนของเดรโก ออก เดรโกมองหน้าวินเวิร์ดด้วยดวงตาที่วาวโรจน์อย่างไม่พอใจไม่ใช่เขาอยากจะช่วยเด็กหนุ่มตรงหน้านี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช้พราะพ่อของเขาเคยเรียกเขาไปแล้วให้เขาช่วยดูแลเด็กหนุ่มคนนี้อย่างดีเขาคงจะไม่สนใจมันแน่ อย่างน้อยๆพ่อของเขาก็อยู่ที่นี่มันยากที่จะหลบเลี่ยงภาระนี้ได้ เพราะเขาคงโดนพ่อเล่นงานแน่ถ้ารู้ว่าเขาไม่สนใจที่จะช่วยเด็กหนุ่มคนนี้
เดรโกไม่สนใจรีบพยุงร่างของวินเวิร์ดลุกขึ้นแล้วพาเข้าไปในคฤหาสน์ทันที
มีเอสฟ์สองสามตัวกำลังเก็บโต๊ะอาหารตรงนั้นพอดี เมื่อมันเห็นนายน้อยเดรโกพยุงร่างของวินเวิร์ดเข้ามาหนึ่งในเอลฟ์ก็ถลันมาช่วยเขา พยุงมาที่ห้องนอนของเด็กหนุ่มทันที
“ทำไมบ้านเงียบจังพ่อกับแม่ไปไหน”
“นายท่านทั้งสองไปงานเลี้ยงตั้งแต่หัวค่ำแล้วค่ะ”
เดรโกพยักหน้าอย่างไมค่อยเอาใจใส่กับคำตอบมากมายนัก ก่อนเหวี่ยงร่างของเด็กหนุ่มผู้ที่ไม่ถูกชะตาขึ้นไปกองที่ตึยงอย่างไม่แยแส เดรโกหันกลับมามองเอลฟ์ตัวเล็กสุดที่อยู่ด้านหลังแล้วออกคำสั่งทันที
“แก ไปตามอมาธาร์มาเดี๊ยวนี้”
เดรโกยืนอยู่กลางห้องอย่างลังเลใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี จริงอยู่เขาเองไม่ชอบหน้าเจ้าหมอนี่มากมายนักหรอก แต่เขาเองก็คงจะไม่ใจดำพอที่จะปล่อยให้มันตายไปต่อหน้าต่อตาได้ถึงแม้ว่าเขาต้องการให้มันจากไปตลอดกาลก็ตามที ยังไม่ทันทีเด็กหนุ่มจะตัดสินใจทำอะไรเสียงวิ่งดังก้องปราสาทพร้อมกับร่างบางๆของเด็กสาวเพื่อนสนิทของน้องขายต่างสายเลือดของเขาก็แทรกกายเข้ามาในห้องเสียก่อน
“วินเวิร์ด.....เกิดอะไรขึ้นทำไมเป็นแบบนี้”เสียงร้องอุทานของเด็กสาวดังขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นวินเวิร์ดนอนตัวงอกุมหัวใจด้วยความเจ็บปวดอยู่บนเตียง
เธอหันมามองเดรโกที่อยู่กลางห้องอย่างแปลกใจ
“เดรโกเธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันเองที่ไปเจอเขานอนขดตัวอยู่หน้าปราสาทก็เลยพามาส่งที่ห้อง “เดรโกกล่าวเรียบๆแต่ท่าทางครุ่นคิด
“เธอออกไปข้างนอกมาเหรอวินเวิร์ด”อมาธาร์หันมาถามวินเวิร์ดที่ตอนนี้หน้าชีดเซียวยิ่งกว่าเดิม วินเวิร์ดไม่ตอบคำถามใดๆเขาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าและขบฟันแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวดที่ได้รับ
“เขาเป็นอะไร ต้องการหมอไหม”คำถามห้วนๆของเดรโกทำให้อมาธาถอนหายใจและส่ายหน้าอย่างหมดหวัง
“ไม่ ไม่มีหมอที่ไหนรักษาเขาได้หรอก ยกเว้น...”
“เงียบนะ...อมาธ่า ”เสียงของวินเวิร์ดแม้จะแผ่วเบาแต่ก็หนักแน่นจนหญิงสาวต้องเงียบกริบอย่างหวาดกลัว ผิดกับเดรโกที่ยิ้มระรี่นและเดินเข้ามาใกล้ๆวินเวิร์ดอย่างถือดี
“นายคงเป็นโรคประหลาดที่บอกใครไม่ได้สินะวินเวิร์ด ฉันจะไม่ประหลาดใจเลยถ้านายจะมีเขางอกออกมาจากหัวนายและมีหางยาวเฟื้อยโผล่ออกมาน่ะ”
“หุบปากไปเลยมัลฟอย บังเอิญฉันเป็นเลือดบริสุทธิ์พอๆกับนายไม่ใช่เลือดสีโคลนที่นายจะมาทำเป็นอวดดีกับฉันได้เสียด้วย ดังนั้น ถ้านายไม่มีอะไรก็เชิญออกไปจากห้องฉันได้แล้ว”
เดรโกยักไหล่เหมือนไม่สะทกสะท้านเขายังคงพูดจากวนประสาทวินเวิร์ทอย่างเดิม
“โอ๊ะ โอ้ว นี่นายคิดว่าฉันอยากจะอยู่ที่นี่มากนักหรือไง ฉันอยากจะแค่ให้แน่ใจว่านายน่ะไม่ตายต่อหน้าฉันเพราะมิเช่นนั้น หน้าที่อันทรงเกียรติที่ฉันได้รับเพื่อให้ดูแลนายมันจะไม่สมบูรณ์ แต่ฉันก็กำลังจะออกไปอยู่แล้วล่ะ แล้วหวังว่าหลังจากที่ฉันออกไปแล้วนายคงจะรีบตายๆไปให้พ้นเสียทีนะ ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที “
เดรโกตั้งใจจะเดินออกไปในทันทีเมื่อเห็นวินเวิร์ดไม่มีแม้แต่แรงจะโต้เถึยงอีกต่อไป
“อย่าพึ่งไปเลยนะเดรโกอยู่ช่วยกันก่อน”อมาธาร์คว้ามือเดรโกในขณะที่เดรโกปัดมือเล็กๆของเธอออกอย่างไม่ไยดี
“ให้ฉันอยู่ช่วยมันเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ”เดรโกชายตามองวินเวิรืดเล็กน้อยก่อนยิ้มเยาะแล้วเดินตัวปลิวออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่ใส่ใจต่อคนในห้องนั้นอีกเลย
หลังจากเดรโกคล้อยหลังไปได้ไม่นานความอดทนของวินเวิร์ดก็สิ้นสุดลง
“อือ “ เขาครางออกมาด้วยความเจ็บปวด ตัวของเขาเริ่มดิ้นรนอย่างทุรนทุราย
สายตาของอมาธาร์หวาดวิตกแทบจะร้องไห้เธอถลันเข้าไปหาร่างบางนั้นด้วยใจร้อนรน
“วินเวิร์ด เธอปวดที่หัวใจอีกแล้วเหรอมันหายไปนานแล้วนี่” อมาธาร์ช้อนหัววินเวิร์ดให้เงยขึ้นเมื่อเห็นหัวของเขาที่ซุกหน้าลงไปกับหมอนใบใหญ่เหมือนต้องการจะฝังร่างทั้งร่างของเขาให้จมลงไปในเตียงนุ่มนั่น
เมื่ออมาธาร์เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มเธอยิ่งตระหนกใบหน้าขาวของเขายิ่งซีดริมฝีปากชมพูตอนนี้เขียวเกือบคล้ำเหงื่อที่เต็มทั่วใบหน้าทำให้หมอนชุ่มชื้น อมาธาร์กลืนน้ำลายเอือกใหญ่ก่อนใช้มือแบบบางล้วงเข้าไปเอาของบางอย่างจากในกระเป๋าเสื้อคลุม
“ทานยานี้ก่อนวินเวิร์ดแล้วเธอจะดีขึ้น”ขวดน้ำใสๆสีฟ้าถูกจ่อที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่ม
แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่ได้ยินเนื่องจากความเจ็บปวดที่ทำให้เขาแทบจะฟังเสียงใครไม่รู้เรื่อง
เขาส่ายหน้าและดิ้นรนอย่างหนักด้วยความเจ็บปวด อมาธาร์ขมวดคิ้วอย่างหนักก่อนจะกรอกตัวยาเข้าปากแต่ดูเหมือนแรงของเด็กหนุ่มจะเยอะกว่าที่แขนๆเดียวของเด็กสาวจะขืนตัวเขาไว้ได้
อมาธาร์ตัดสินใจเฉียบพลันเธอกลั้นใจอมตัวยาสีฟ้าไว้ที่ปากจากนั้นจึงประทับริมฝีปากของเธอ กับริมฝีปากขาวซีดของเขา ก่อนจะส่งตัวยา ผ่านเข้าไปยังลำคอของเด็กหนุ่ม แล้วความรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆของเด็กสาวก็ตามมา
ริมฝีปากของวินเวิร์ดน่าหลงใหลนุ่มนวลน่าสัมผัสนักมันทำให้เด็กสาวเผลอไผลบดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วง กับริมฝีปากสีแดงนุ่มนั้นหลังจากส่งตัวยาไปยังเด็กหนุ่มเรียบร้อยแล้ว
วินเวิร์ดเริ่มรู้สึกตัวแล้วเขาเริ่มส่ายหัวหนีจากการสัมผัสที่รัดรึงอย่างไม่ใยดี จนเด็กสาวเริ่มรู้สึกตัว เธอหน้าแดงนิดหน่อยก่อนผละออกจากตัวเด็กหนุ่มแล้วมองเขานิ่งด้วยดวงตาตัดพ้อ
“เธอไม่ควรทำแบบนี้อมาธาร์”เสียงของเด็กหนุ่มติงเบาๆด้วยความไม่พอใจ
อมาธาร์ก้มหน้านิ่งกล่าวเสียงเบาด้วยความเขินอาย
”ฉันไม่มีทางเลือกนี้เธอดิ้น แล้วยังไม่ยอมฟังที่ฉันพูดด้วย ฉันก็เลยต้องใช้วิธีนี้”
วินร์เวิร์ดยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนแรงแต่ก็คลายคว่ามเจ็บปวดลงไปมากแล้วเพราะตัวยานั้น
“ยานั้นเธอได้มาจากไหน”วินร์เวิร์ดถามอย่างข้องใจเรื่องโรคประหลาดของเขามีคนรู้ไม่กี่คนเท่านั้น การที่อมาธาร์มีตัวยาระงับความเจ็บปวดนี้ไว้แสดงว่าคนๆนั้นต้องรู้ว่าอาการของเขาจะต้องกำเริบแน่นอน แต่ คนๆนั้นรู้ได้อย่างไรว่าอาการเขาจะกำเริบ ทั้งๆที่อาการของเขามันหายไปหลายปีแล้ว
อมาธาร์ยิ้มแล้วตอบกลับเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ
“พ่อฉันให้ฉันถือติดตัวไว้เผื่อเธออาการกำเริบ แต่ตอนนี้มันเหลืออีกนิดหน่อยคงใช้ได้อีกแค่ครั้งเดียว”อมาธาร์มองขวดเล็กจิ๊วซึ่งมีตัวยาสีฟ้าเหลืออยู่อีกแค่ครึ่งเดียวอย่างพะวักพะวง
วินเวิร์ดขมวดคิ้ว เขาไม่แน่ใจว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเวทมนต์คนใหม่นี้รู้เรื่องเขาดีมากน้อยแค่ไหน กัน ความวิตกกังวลในทีแรกตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นความขุ่นเคืองขึ้นมาทันที ดูเหมือนเขาจะถูกควบคุมโดยใครที่เขาไม่รู้จักหรือคนๆนั้นอาจจะเป็นใครที่เขารู้จักดีก็ได้ แต่เป็นใครกันแน่ล่ะ
แม้ว่ามันจะไม่ง่ายนักแต่วิลเวิร์ดก็พยายามเต็มที่ ที่จะรักษาระดับน้ำเสียงให้สม่ำเสมอไม่ให้เธอได้รับรู้อารมณ์โกรธของเขาในตอนนี้
“พ่อเธอรู้ได้ยังไงว่าอาการฉันจะกำเริบขึ้นมาอีกทั้งๆที่มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งนานแล้ว”
“ฉันเองก็ไม่รู้หรอกน่ะ ว่าแต่ทำไมอยู่ๆมันถึงเกิดกำเริบขึ้นมาได้อีกล่ะ”
วินเวิร์ดเงียบไป
“เธอออกไปหาใครมาเหรอ ดึกป่านนี้แล้ว”อมาธาร์กล่าวถามซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของเธอนิ่งเงียบไปวินเวิร์ดถอนหายใจเล็กน้อยกับความอยากรู้ของเพื่อนสาว
“ฉันแค่อยากไปเจอใครบางคน แต่ยังไม่ทันได้เจอตัว อาการมันก็กำเริบอย่างที่เธอเห็น ฉันเลยต้องออกมาก่อน”
อมาธาร์เงยหน้าขึ้นมามองวินเวิร์ดอย่างแปลกใจ
“ใคร เธอไปหาใครมา วินเวิร์ด”
และยิ่งคำตอบที่เธอได้รับกลับทำให้เธอยิ่งแปลกใจไปกว่าเดิมอีกครั้ง
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ที่บ้านโพรงกระต่ายนางมอลลี่กำลังยุ่งวุ่นวายไปกับการจัดเตรียมอาหารเช้าให้บรรดาเด็กๆเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมแรกของฮ๊อกว๊อตส์ อันที่จริงนางจะใช้เวทมนต์ในการเตรียมอาหารก็ได้แต่นางพยายามทำตัวให้เหมือนมักเกิ้ลมากที่สุด และนางเองก็พยายามสอนลูกๆของนางอย่าใช้เวทมนต์เมื่ออยู่กับบ้านหรือใช้อย่างพร่ำเพรื่อ นางต้องการให้ลูกๆของนางทำอะไรด้วยตัวเองให้มากที่สุดโดยงดการใช้เวทมนต์ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
ในขณะที่นางมอลลี่ยังวุ่นวายกับการลำเลียงอาหารขึ้นโต๊ะอยู่นั้น ด้านบนแฮร์รี่และรอนกำลัง ตรวจหีบใส่ของและหนังสือที่ใช้เรียนกันอยู่อย่างเคร่งเครียด อันที่จริงถ้าเฮอร์ไมโอนี่อยู่ด้วยเหมือนทุกปีพวกเขาคงจะไม่วุ่นวายเหมือนปีนี้แน่เพราะเธอจะคอยเตือนเขาถึงสิ่งจำเป็นต่างๆตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ปีนี้เธอต้องรอหนังสือที่เธอสั่งจากโลกมักเกิ้ลซึ่งจะได้วันนี้เธอจึงต้องไปรับหนังสือที่สั่งก่อนแล้วไปเจอกันที่สถานีรถไฟคิงส์ครอส
“เด็กๆมาทานข้าวได้แล้วจ๊ะ “
เสียงนางมอลลี่ตะโกนเรียกอยู่ด้านล่าง ทำให้แฮร์รี่และรอนรีบทิ้งของที่เช็คไว้แล้วรีบลงมาขณะที่ทั้งสองกำลังลงมาก็เจอกับจินนี่ที่ออกจากห้องพอดี
แฮร์รี่พยายามมองตาจินนี่แต่เธอดูเหมือนไม่สนใจและพยายามหลบตาของแฮร์รี่ตลอด
“เตรียมของเสร็จหรือยังจินนี่”รอนเอ่ยถาม จินนี่ได้แต่พยักหน้ารับแต่ไม่พูดอะไร
แฮร์รี่หันหัวนิดๆจากรอนเพื่อมองจินนี่เดินผ่านออกมาจากประตู
ตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาได้มานอนที่บ้านโพรงกระต่ายและพยายามพูดจางอนง้อเธอซึ่งเป็นการกระทำที่ยากเย็นที่สุดเท่าที่เขาเคยกระทำ แต่ก็ไร้ผลดูท่าทางจินนี่จะไม่ค่อยอยากคุยกับเขามากนัก และวันนี้ก็เหมือนกันเธอก็ไม่ยอมพูดกับเขาอยู่ดี แฮร์รี่คิดไว้ว่าถ้าเจอกับเฮอร์ไมโอนี่เขาจะให้เธอลองช่วยพูดกับจินนี่ดูเสียหน่อยเพราะทั้งจินนี่และเฮอร์ไมโอนี่ก็รักกันเหมือนพี่น้องอยู่แล้ว แต่มีบางอย่างที่ทำให้แฮร์รี่ไม่อยากเอ่ยปากขอร้องเฮอร์ไมโอนี่เท่าไหร่เพราะความฝันของเขามันยังวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลาและเรื่องนี้อีกเหมือนกันที่เขาจะต้องเล่าให้เฮอรืไมโอนี่ฟัง
ทุกคนกินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย ไม่มีใครบ่นสักคำ โดยเฉพาะรอนกินอาหารได้เยอะกว่าปกติ เพราะเขาคิดว่ามันคงเป็นเวลาอีกนานที่เขาจะได้กลับมากินอาหารฝีมือแม่ของเขาอีก
หลังอาหารเช้า ทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำภารกิจส่วนตัว และนำข้าวของสัมภาระที่ต้องใช้เรียนเอามารวมกองไว้ที่หน้าบ้านโพรงกระต่าย โดยมีนางวิสลี่ส์ถือกุญแจนำทางยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว
อันที่จริง นายอาเธอร์เองก็ตั้งใจจะมาส่งลูกๆด้วยตัวเองอยู่แล้วถ้าไม่ติดที่รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์คนใหม่เรียกประชุมโดยด่วนวันนี้นางมอลลี่เองเลยต้องรับภาระหน้าที่มาส่งเด็กๆเอง แม้ว่าแฮร์รี่และรอนจะขอเดินทางไปยังสถานีรถไฟคิงส์ครอสเองก็ตามโดยอ้างว่าพวกเขาโตพอที่จะรับผิดชอบเองได้แล้วโดยเฉพาะแฮร์รี่เองก็รู้สึกเกรงใจนางมอลลี่ด้วย แต่นางมอลลี่เองกลับไม่ยอมเพราะนางก็ยังไม่ไว้ใจเด็กๆอยู่ดี
รอนและแฮร์รี่นำหีบและของใช้ต่างๆลงมาวางไว้รวมกันข้างๆนางมอลลี่ เธอมองข้าวของสักพักก่อนจะย้ำถามให้แน่ใจ
“ไม่ลืมอะไรแล้วใช่ไหมจ๊ะเด็กๆ”
“ผมเรียบร้อยแล้วฮะ.....แล้วนายล่ะ แฮร์รี่”
เมื่อรอนหันหน้ามาถามเพื่อนรักก็เห็นว่าสายตาของแฮร์รี่กำลังมองไปทางประตูบ้านเหมือนอยากเจอใครคนหนึ่ง
“หา.....เออ ....เรียบร้อยแล้ว เหมือนกัน”
แฮร์รี่ตอบแบบเงอะงะ แล้วแก้เขินเมื่อเห็นสายตารุ้ทันของรอนโดยแกล้งเกาจมูกไปมา
สักพักแฮร์รี่ก็ได้ยินเสียงลากของหนักๆจากในบ้านออกมายังประตูหน้า ร่างเล็กๆของจินนี่กำลังลากหีบใบใหญ่ออกมาอย่างยากลำบาก
แฮร์รี่รีบโผเข้าไปช่วยเหลือทันที
“จินนี่ฉันช่วยเธอนะ”แฮร์รี่ไม่ฟังคำตอบเขารีบคว้ากระเป้าใบโตมาจากมือจินนี่มาถือไว้เสียเอง จินนี่หน้าแดงเล็กน้อยก่อนก้มหน้าก้มตาพูดเสียงแผ่วเบา
“ขอบใจ แฮร์รี่”
เป็นครั้งแรกที่จินนี่ยอมพูดกับเขา ถึงแม้จะเป็นการขอบคุณตามมารยาทก็ตามที หัวใจของแฮร์รี่เองก็แทบจะพองโตคับแน่นไปด้วยความดีใจแล้ว
“เธอยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ จินนี่ ฉันขอโทษเธอก็ได้”แฮร์รี่รีบพูดต่อทันที่เมื่อมีโอกาสแต่คำตอบที่ได้รับเขาเองรู้สึกไม่ดีใจเลย
“ฉันก็ไม่มีอะไรนี่ เราไปกันเถอะ เดี๊ยวสายนะแฮร์รี่”คำพูดเรียบๆของจินนี่ถึงแม้จะไม่มีอะไรในคำพูดนั้นแต่แฮร์รี่กลับรู้สึกแปลกๆมันเหมือนไม่ใช่จินนี่คนเก่า มันเหมือนมีความหมางเมินอยู่ในที โดยเฉพาะแววตาของจินนี่ที่มองมาทางเขาดูว่างเปล่า หรือเขาจะคิดไปเอง ใช่เขาต้องคิดไปเองแน่ๆ แฮร์รี่ไม่คิดเลยว่าจินนี่จะมีอิทธิพลกับตัวเขามากมายขนาดนี้ และ แฮร์รี่เองก็ไม่คิดอีกเช่นกันว่าจินนี่จะเปลี่ยนจิตใจที่อ่อนโยนของเขาเป็นจิตใจที่แข็งกระด้างในไม่ใมช้านี้ด้วย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
สถานีรถไฟคิงส์ครอส ผู้คนพลุกพล่านจอแจที่บริเวณชานชาลาสถานีรถไฟ นักเรียนฮ๊อกว๊อตส์หลายปีชั้นกำลังดูวุ่นวายไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือผู้ปกครองที่มาส่ง
บางคนนั่งรอที่ม้านั่งเรียงรายบางคนนั่งอ่านหนังสือ บางคนยืนคุยกันเพื่อรอเวลาที่รถไฟจะออกจากสถานี ขณะที่บางคนกำลังวุ่นอยู่กับการตรวจเช็คสัมภาระที่
รอขนขึ้นบนขบวนรถไฟ ในขณะที่พวกของแฮร์รี่ เดินไปยังตู้โดยสารเพื่อหาตู้ว่างด้านใน ในที่สุดเขาก็เจอ มีตู้ว่างด้านในที่อยู่ใกล้ๆกับกลุ่มสลิธลีน ซึ่งพวกแฮร์รี่และรอนไม่ได้สนใจกับสายตามุ่งร้ายของคนพวกนั้น ในขณะที่จินนี่มองหาใครบางคนในกลุ่มนั้น แต่กลับไม่พบ แต่คนที่เธอ พบกลับเป็นเด็กสาวผมดำซึ่งมักเกาะติดเด็กหนุ่มผมบลอนส์ที่จินนี่อยากเจอที่สุด แพนซี่ พาร์กิสัน จินนี่สะบัดหน้าหนีเดินเข้าไปด้านในตามติดด้วยแฮร์รี่และรอน พวกเขาไปด้านในและปิดประตูลงอย่างใจเย็นท่ามกลางเสียงโห่ห่าของคนบ้านฝ่ายตรงข้าม จินนี่นั่งตรงเก้าอี้ตัวทีติดริมหน้าต่างรถไฟ ตามด้วยรอนที่นั่งข้างๆในขณะที่แฮร์รี่นั่งประจันหน้ากับจินนี่ ที่เก้าอี้ตัวฝั่งตรงข้าม
รอน ปลดเอาเป้ที่สะพายอยู่ขึ้นเก็บไว้ที่ชั้นวางของ เหนือม้านั่งที่เขานั่ง พร้อมกับเอ่ยปากขอตัว
“เอาล่ะ แฮร์รี่ จินนี่ รออยู่ตรงนี้ก่อนนะฉันจะออกไปดูเฮอร์ไมโอนี่หน่อย ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีก รถไฟจะออกแล้วด้วย”
แฮร์รี่พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับที่มองจินนี่ที่ทำตาเขียวใส่พี่ชายตัวดี ในตอนนี้เธอไม่อยากอยู่กับแฮร์รี่ตามลำพัง ใช่....เธอไม่อยากคุยกับแฮร์รี่ ไม่ใช่เธอรังเกียจเขา แต่เธอกลัวว่าเธอจะไม่สามารถแสดงความรักจอมปลอมกับแฮร์รี่ได้อีก เธอกลัวแฮร์รี่เสียใจนั่นก็ใช่ เธอไม่อยากโกหกแฮรืรี่ และที่สำคัญเธอไม่อยากฝืนใจตัวเอง แต่ที่เธอพูดอะไรไม่ได้ในตอนนี้เพราะคนที่เธอรักอย่างแท้จริง ขอไว้ เด็กหนุ่มผมบลอนส์ในตาสีซีด คนที่เธอรักหมดหัวใจ เดรโก มัลฟอย
จินนี่ตัดสินใจเอ่ยปากทักท้วงพี่ชายผมแดงที่กำลังจะเดินออกไปก่อนจะชำเลืองสายตามองมาที่แฮร์รี่ซึ่งเขาก็มองจินนี่อยู่ก่อนแล้วเช่นกัน
“พี่เฮอร์ไมโอนี่เขารู้หน้าที่น่าพี่รอน เดียวพี่เขาก็มา พี่รออยู่ที่นี่ด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ”
รอนหันหน้ากลับมามองจินนี่แม้ในตอนนี้เขาจะเริ่มมีอารมณ์ขุ่นมัวกับท่าทีของน้องสาวที่มีต่อแฮร์รี่ทำไมรอนจะไม่รู้ว่าแท้จริงจินนี่ไม่อยากอยู่กับแฮร์รี่ตามลำพังแต่ตอนนี้รอนอยากให้ทั้งสองปรับความเข้าใจกันมากกว่า
“เธออยู่ที่นี่แหละจินนี่ ฉันจะออกไปหาลาเวนเดอร์ด้วย”
รอนรีบเดินออกไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงเรียกของจินนี่เลย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
“ลาเวนเดอร์ เธอเห็นเฮอร์ไมโอนี่บ้างไหม”เสียงร้องเรียกของชายหนุ่มผมแดงดังขี้นไม่ไกลจากที่ลาเวนเดอร์นั่งสักเท่าไหร่ เธอหันกลับมามองแฟนหนุ่มอย่างแปลกใจ ในขณะที่รอนเดินมาใกล้เธอ
“ไม่นี่ เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่มาอีกเหรอ ปกติเห็นเขามาพร้อมพวกเธอเสมอนี่”
“ใช่ แต่เฮอร์ไมโอนี่นะสิ ดันไปสั่งหนังสือมักเกิ้ลที่เพิ่งออกใหม่วันนี้ เธอกลัวว่าจะเสียเวลาย้อนไปย้อนมาเธอเลยรอเอาหนังสือที่บ้านก่อนแล้วเธอจะมาเจอกันที่นี่เลย แต่ฉันยังไม่เห็นเธอเลย เป็นห่วงว่าจะมาไม่ทันรถไฟ นะซิ”
“โธ่เอ๋ยรอน เฮอร์ไมโอนี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ เธอรู้จักเวลาน่า ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๊ยวเธอก็มา”ลาเวนเดอร์หัวเราะ ช่างอารมณ์ดีเสียจริง ....รอนคิด แต่ก็ดีแล้วที่เธอหัวเราะได้ทุกสถานการณ์ พลอยให้คนอื่นๆอารมณ์ดีตามเธอไปด้วย อย่างนี้ละมั้งที่เขาชอบเธอ
รอนพยักหน้ากับลาเวนเดอร์เหมือนยอมจำนน
“ก็ถูกของเธอ”ลาเวนเดอร์พูดขณะที่ขยับที่นั่งให้รอน พวกเขายังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานถ้าไม่มีใครมาขัดจังหวะเสียก่อน
“หวัดดีรอน”เสียงใสๆของผู้หญิงหน้าหวานผมยาวดำขลับที่ถูกรวบไปไว้ข้างหลังและที่สะดุดตาคือเธอเป็นชาวเอเชีย และทุกคนก็รู้จักเธอดี
“อ้าวโซ นี่เธอมาทำอะไรที่นี่ เธอเรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ”รอนขมวดคิ้วมองโซอย่างแปลกใจที่เห็นเธอกลับมา
“ใช่จ๊ะ ตอนนี้ฉันจะกลับไปฮ๊อกวอตส์เพื่อเป็นผู้ช่วยร่วมกับมาดามฮูชชั่วคราวน่ะ”โซอธิบายให้รอนฟังอย่างคร่าวๆ
“เรื่องควิชดิชน่ะนะ” ลาเวนเดอร์ถามอย่างไม่เข้าใจ
“อือ....คือว่าฉันได้เป็นอาจารณ์สอนควิชดิชให้กับแม่มดรุ่นจิ๋วที่โรงเรียนซาบงเทอมหน้าน่ะฉันต้องไปแทนคนเก่าตอนนี้ก็เลยว่างฉันเลยขอศาสตราจารณ์ใหญ่มาเป็นผู้ช่วยร่วมกับมาดามฮูชที่นี่ซึ่งศาสตราจารณ์ก็อนุญาตน่ะ”โซเล่ารายละเอียดให้ทั้งสองฟัง
“อ้อ” ลาเวนเดอร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่รอนกลับสีหน้าดูบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนตกอยู่ในความเงียบเพียงชั่วครู่โซก็หันมาถามรอน
“แฮร์รี่สบายดีใช่ไหม”
“แล้วเธอคิดว่าเขาเป็นอย่างไรล่ะหลังจากที่เธอทำกับเขาแบบนั้นแล้ว”รอนถามกลับเสียงเครียด โซก้มหน้าหลบตารอน เธอรู้ว่าเธอผิด แต่เธอเองก็ใช่ว่าจะไม่ทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้ โซพยายามพูดเพื่อให้รอนเข้าใจ
“ฉันอยากเจอแฮร์รี่อยากจะขอโทษเขา ฉันรู้ว่าฉันผิด”
ไม่มีเสียงตอบจากรอนแต่เธอได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆมาจากหนุ่มผมแดงตรงหน้า
“โซ เธอรู้ใช่ไหมว่าแฮร์รี่ คบอยู่กับจินนี่ในตอนนี่”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากหญิงสาวที่เขาเอ่ยปากถามรอนจึงพูดต่อว่า
“ฉันอยากให้เธออยู่ห่างจากแฮร์รี่ เรื่องของเธอกับเขามันจบลงแล้ว”
ดวงตากลมโตมองรอนด้วยความแปลกใจ
“รอน ฉันแค่อยากจะ....” โซยังไม่ทันได้พูดจบประโยคเสียงเยือกเย็นของรอนก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน
“ฉันไม่อยากให้จินนี่ต้องพะวงเรื่องเธออีก”
จากความแปลกใจกลับเปลี่ยนเป็นโมโหโซมองรอนอีกครั้งเธอเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีและโซก็ตอบกลับด้วยเสียงห้วนๆว่า
“เธอคิดว่าแฮร์รี่จะเปลี่ยนใจหรือไง”
ทั้งโซและรอนต่างก็มองหน้ากันไม่มีใครยอมลงให้ใครรอนยิ้มให้โซอย่างเสแสร้ง
“เปล่า....ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”รอนหยุดนิดนึงก่อนเรียบเรียงคำพูดเพื่อโต้ตอบโซ
“เพราะฉันรู้ ว่าแฮร์รี่คงจะไม่หวนกลับไปหาเธออีกแน่ เพราะเขามีสิ่งที่สำคัญอยู่ตรงหน้าของเขาแล้วต่างหากล่ะโซ”
โซลุกขึ้นยืนมองรอนที่ลุกขึ้นยืนเช่นกันอย่างแค้นเคือง
“ฉันไปก่อนล่ะ ลาเวนเดอร์แล้วเจอกันที่ฮ๊อกว๊อตส์”รอนกล่าวลาลาเวนเดอร์และหมุนตัวกลับไปหาแฮร์รี่โดยที่ไม่สนใจโซที่ยืนกัดริมฝีปากตัวสั่นด้วยความแค้นใจ
โซยืนมองรอนที่เดินคล้อยหลังไปด้วยสายตาวาวโรจน์
“เราได้เจอกันแน่ๆรอน แล้วเรามาดูกันว่าระหว่างฉันกับจินนี่เขาจะเลือกใคร”
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ความคิดเห็น