คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 14: How It Ends
Chapter 14 How It Ends
เฮอร์ไมโอนี่ล้มลงกระแทกพื้นที่แข็งและเยือกเย็น เธอรีบตะกายลุกขึ้นมองไปรอบๆในทันที และแล้วก็เข้าใจในทันทีว่าเธอไม่ได้อยู่ที่การชุมนุมของผู้เสพความตายอีกต่อไป เดรโกส่งเธอมาที่นี่ เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบๆห้องสักครู่หนึ่ง พยายามมองว่าเธอยู่ที่ไหน และหาทางที่จะกลับไปช่วยเดรโก เธอปฎิเสธความคิดที่ว่า อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาในตอนนี้ ในทางกลับกันเธอทำในสิ่งที่เธอทำเสมอ นั่นคือพยายามหาทางออกของปัญหาที่อยู่ตรงหน้าด้วยเหตุผล
ห้องมีขนาดใหญ่ กำแพงและพื้นหินเป็นสีเทาหนาทึบ เธอเห็นเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ และ เห็นเตาผิงสลัวๆ จากแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามเธอ สมองของเฮอร์ไมโอนี่คิดบางอย่างออกในทันที
เตาผิง!
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปอีกฟากของห้องด้วยความกระตือรือร้นอีกครั้ง และหยิบผงฟูออกจากเครื่องลายครามขนาดเล็กบนชั้น ขึ้นมาเต็มกำมือ เธอก้าวไปข้างหน้า เธอคิด ‘ที่ไหนที่ดีที่สุดที่ฉันควรจะไปขอความช่วยเหลือได้นะ’ ตัวเลือกที่ชัดเจนคงจะเป็นฮอกวอตส์ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่คิดว่าดัมเบิลเดอร์ยินดีจะต้อนรับเธอในตอนนี้ และเขาปฎิเสธที่จะช่วยไปแล้ว ด้วยความไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เธอจึงปาผงฟูลงสู่เท้า และตะโกนว่า “บ้านโพรงกระต่าย!”
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นบ้านวีสลีย์ ที่นี่ไม่มืดเท่าไร และ เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจในทันทีว่าเธอมาถึงอีกที่ที่หนึ่งแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ไม่เสียเวลา เธอรีบรุดวิ่งตรงไปยังบันได
“เฮ้! มีใครอยู่ไหม! คุณวีสลีย์ คุณนายวีสลีย์! บิล
เพอร์ซี่
มีใครอยู่ไหมค่ะ ได้โปรด! ฉันต้องการพวกคุณ
.”
“เฮอร์ไมโอนี่ ใช่ไหม” เสียงร้องเรียกที่เพิ่งตื่น และสะลึมสะลือเสียงหนึ่งดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ โล่งอกอย่างเห็นได้ชัด และหันไปเห็นคุณนายวีสลีย์ที่ยังอยู่ในชุดนอนสีม่วงตัวใหญ่ นายวีสลีย์ที่อยู่ในชุดนอนลายเซซามิ สตรีทตามเธอมาติดๆ ถ้าเกิดว่าตอนนี้เป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงจะหัวเราะไปแล้ว แต่ถึงอย่างไร นี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เธอวิ่งตรงไปหาพวกเขาทันที และเช็ดน้ำตาออกจากแก้มทั้ง 2 ข้างของเธอ
“หนูขอโทษที่ปลุกพวกคุณ แต่หนูต้องการให้พวกคุณช่วย! หนูไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน และ
”
“โอ้ ที่รัก เป็นรอนกันแฮร์รี่อีกแล้วใช่ไหม หรือว่าจินนี่ล่ะ” หญิงเจ้าเนื้อถามอย่างกระวนกระวาย
“ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็น
”
“ตายแล้ว!” คุณนายวีสลีย์ร้องอุทานเสียงดัง ก่อนวิ่งวนอย่างตื่นๆ เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจ และ หันไปหานายวีสลีย์
“ไม่ใช่รอนกับแฮร์รี่หรอกค่ะ แต่เป็น
.” เฮอร์ไมโอนี่ย้อนคิดถึงทุกสิ่งที่พวกมัลฟอยได้ทำไว้กับบ้านวีสลีย์
“เป็นใครบางคนที่หนูรักค่ะ” เธอพูดอย่างคลุมเครือ
“และ ต้องการความช่วยเหลือ ดัมเบิลเดอร์ปฎิเสธ แต่ไม่ว่าจะยังไงหนูกับสเนปจะพยายามช่วยเขา มีผู้เสพความตายเป็นร้อยคน และเขากำลังทำบางสิ่งที่ไม่ยั้งคิด ในตอนนี้โวลเดอร์มอร์กำลังจะฆ่าเขา! ได้โปรดเถอะค่ะ แค่
”
“ใจเย็นก่อนนะ เฮอร์ไมโอนี่” นายวีสลีย์พูดในขณะที่เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอพยายามมองหน้าเธอเพื่อให้สงบลง
“ฉันจะทำทุกอย่าง ที่ฉันทำได้เพื่อช่วยเหลือเธอ แต่ฉันต้องรู้ก่อนว่าต้องไปที่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจแสดงความโล่งใจเฮือกใหญ่ และพยักหน้า
“สเนป เรียกมันว่า ‘ทุ่งโยเมิน’ ” เธอพูดพยายามให้ฟังดูสงบนิ่ง นายวีสลีย์พยักหน้าตอบรับเธอว่าเขาเข้าใจแล้วและเขาพูด
“เข้าใจแล้ว และเธอแน่ใจนะว่าโวลเดอมอร์อยู่ที่นั่นใช่ไหม” เป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจว่านี่อาจจะมีความสำคัญต่อผู้ที่ทำงานที่กระทวงมากกว่า แค่การช่วยเหลือเดรโก
“ใช่ค่ะ และผู้เสพความตายทุกคน ได้โปรด ไม่มีเวลาแล้ว!”
สองสามนาทีต่อมา เป็นช่วงเวลาที่ไม่ชัดเจนนักสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ นายวีสลีย์ติดต่อเพื่อนที่กระทรวงซึ่งทำการติดต่อมือปราบ และเวลานี้บ้านเต็มไปด้วยคนเหล่านั้นรวมทั้ง เสียงของการโต้เถียงต่างๆที่มี
เราจะแน่ใจได้อย่างไรล่ะ-
มันโง่และอันตราย!
ฉันอยู่ในหน้าที่มา 20 ปีแล้ว ให้ตายเถอะ เพอร์ซี่ อยู่ไหนเนี่ย!
...เสียงนั้นส่งผ่านดังมาจากห้องครัว และทุกๆนาทีที่ผ่านไปเฮอร์ไมโอนี่ยิ่งสิ้นหวังลงเรื่อยๆ บางทีการมาที่นี่อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก...แต่เธอจะทำอะไรได้อีกล่ะ ความจริงคือเฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าเธอทำอะไรไม่ได้มากนัก และมันทำให้ความรู้สึกของความสิ้นหวังชัดเจนมากขึ้น
เธอเกลียดความรู้สึกนี้...
คุณนายวีสลีย์นั่งข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่ เธอนั่งบนเก้าอี้โซฟาและพยายามให้เธอบอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจอธิบายมันได้อีก ทั้งหมดที่เธอคิดคือเดรโก สายตาที่มองเห็นเขาในขณะที่เขาส่งเธอจากมา ก่อนที่โวลเดอมอร์จะฆ่า
“คุณเกรนเจอร์” เสียงชายวัยกลางคนที่มาจากกระทรวงดังขึ้น เธอรีบกระโจนลุกขึ้นอย่างลนลาน ด้วยความเต็มใจที่จะถูกหันเหจากความคิดถึงเรื่องร้ายๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเดรโก
“ค่ะ มีอะไร” เธอถามอย่างกระตือรือร้น ชายคนนั้นพยายามยิ้มเพื่อปลอบใจเธอ แต่มันกลับยิ่งทำให้หน้าของเขาดูบูดบึ้งมากกว่า
“คุณเกรนเจอร์ เราได้ติดต่ออาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์แล้ว และกระทรวงเวทมนตร์ด้วย เรากำลังจะไปทุ่งโยเมินในทันที” เฮอร์ไมโอนี่สังเกตเห็นว่า ชายผู้นั้นขยับเท้าไปมาเพราะความกระวนกระวายใจ หรือเพราะความตื่นเต้นกันแน่ เธอบอกไม่ได้
“ถ้าไม่มีใครกลับมาที่นี่ภายใน 3 ชั่วโมงต่อไป คุณต้องแจ้ง....”
“เดี๋ยวก่อน ถ้าไม่มีใครกลับมาเหรอ...หมายความว่ายังไง”เฮอร์ไมโอนี่แย้ง
“หนูจะไปกับพวกคุณ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างสงบและแน่วแน่ ดวงตาของเธอฉายแววขู่เป็นนัยๆ ถ้าเผื่อเขาจะไม่เห็นด้วย ปากของชายผู้นั้นอ้าค้างชั่วขณะก่อนที่เขาจะสงบจิตใจลงได้
“ฉันเสียใจ คุณเกรนเจอร์ แต่เพราะเธอยังเป็นนักเรียน”
“หนูอายุถึงแล้ว ไม่ว่าจะยังไง!” เธอร้องอย่างบ้าคลั่ง มือของเธอเลื่อนลงไปในกระเป๋าที่ใส่ไม้กายสิทธ์อยู่โดยสัณชาตญาณ
“และหนูจะไปกับพวกคุณ!” ชายผู้นั้นถอยกลับไปก้าวหนึ่งและลูบผมสีน้ำตาลของเขา
“ฟังนะ ฉัน...”
“มีปัญหาอะไรกันเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่เลิกจ้องมองชายที่มาจากกระทรวง และหันหน้าไปมองผู้ที่ส่งเสียง ดวงตาของเธอหรี่แคบด้วยความชิงชัง
“ศาสตราจารย์” เธอตอบรับอย่างเย็นชา ความตึงเครียดที่สัมผัสได้เกิดขึ้น ชายที่ทำงานที่กระทรวงค่อยๆถอยหลังอย่างสุภาพ
“คุณเกรนเจอร์” ดัมเบิลดอร์ตอบกลับอย่างเคร่งขึม
“ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่ได้โปรดพยายามเข้าใจ ความปลอดภัยของเธอเป็นสิ่งสำคัญมากและ...”
“แล้วความปลอดภัยของเดรโกล่ะ” เธอร้องถาม ดัมเบิลดอร์ถอนหายใจ
“คุณเกรนเฮอร์ไมโอนี่ เชื่อฉันสิ ฉัน...”
“ด้วยความเคารพค่ะ ศาสตราจารย์ ในตอนนี้หนูไม่อยากได้ยินคำอธิบายต่างๆนานาจากคุณอีกจะได้ไหมคะ หนูไม่ต้องการฟังสิ่งใด หนูแค่อยากจะช่วย...” เสียงของเธอแตกพร่าเล็กน้อย ในขณะที่น้ำตายังคงไหล ออกมาเป็นสาย
“หนูแค่อยากจะช่วยเดรโก หนูอยากให้คุณมั่นใจว่า ถ้าต้องตายหนูก็เต็มใจจะทำ ปล่อยให้หนูไปช่วยเดรโกเถอะค่ะ ได้โปรด” เฮอร์ไมโอนี่กำลังร้องขอต่อเขาอย่างมากมาย ดัมเบิลดอร์พิจารณาเธอผ่านสายตาที่แฝงความเศร้าชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเขาพยักหน้าเป็นการตอบรับในสิ่งที่เธอขอ และเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกมีความหวังอีกครั้ง เธอกำลังจะไปช่วยเดรโก ไม่สนใจความจริงที่ว่าเดรโกอาจจะตายไปแล้ว... ชายจากกระทรวงฉวยโอกาสนี้พูดขึ้น
“แต่...ดัมเบิลดอร์! ” รัฐมนตรีกระทรวงพูดแย้งขึ้นมา
“คุณเกรนเจอร์เป็นแม่มดที่มีความสามารถมาก คุณฮามิลตัน” ดัมเบิลดอร์แทรก
“ฉันเชื่อว่าการหยุดเธอ จากการทำอะไรที่เธอตัดสินใจแล้วว่าจะทำ จะเป็นเรื่องยากและอันตราย” เขาขยิบตาให้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่ง ในตอนนี้กุมไม้กายสิทธิ์ไว้ในมือของเธอแน่น แล้วเดินไปยังกลุ่มชายและหญิงที่กำลังถกเถียงกันอยู่ในห้องครัว
“ทุกคนพร้อมนะ เรารอไม่ได้อีกแล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่ปิดตาลงด้วยความโล่งอก ในที่สุดพวกเขาก็จะทำบางอย่างเสียที
***
“คุณพระช่วย!” ชายตรงหน้าเธอสบถ ในขณะที่คนอื่นๆที่ยืนอยู่ข้างๆอ้าปากค้าง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแน่นที่หน้าอกไปจนถึงลำคอ นี่ไม่ใช่การตอบสนองที่เธอคาดไว้เมื่อพวกเขาเห็นการชุมนุมของผู้เสพความตาย เธออยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอฝ่ากลุ่มคนออกมาสู่ที่ว่างในตอนเช้าตรู่ ร่างไร้วิญญาณเต็มไปหมด นั่นเป็นสิ่งแรกที่เธอรับรู้ได้ ดูเหมือนว่าในทุกๆที่ที่เธอมองเห็น จะมีแต่ร่างไร้วิญญาณในชุดเสื้อคลุมสีดำนอนอยู่บนพื้น ร่างกายเหล่านั้นนอนตายอยู่ในรูปวงกลมแปลกประหลาด มันเหมือนกับว่าความตายโหมกระหน่ำคนกลุ่มนี้จากจุดๆหนึ่ง ตรงกลางที่โล่ง... ภาพที่เห็น ดูเหมือนกับว่าระเบิดเพิ่งถูกทิ้งลงไป
เฮอร์ไมโอนี่เดาได้เลยว่า ระเบิดที่ว่านั่นคือใคร
“เดรโก!” เธอกรีดร้อง เธอรู้สึกว่าใครบางคนจับแขนของเธอไว้
“คุณ! มันอาจจะเป็นอุบาย! “ แต่เธอสะบัดและวิ่งไปสู่ที่โล่ง เธอกระโดดข้ามร่างไร้วิญญาณนานับไม่ถ้วนในขณะที่เธอผ่านพวกเขา เฮอร์ไมโอนี่ทำตามเหตุผลของเธอและมุ่งหน้าไปยังจุดศูนย์กลางของทุกอย่าง เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังเธอ และรู้ว่าพวกเขาก็คงคิดแบบเดียวกัน พวกเขาไม่สนใจหรอก เธอคิด พวกเขาแค่อยากจะแน่ใจว่าทุกคนตายหมดแล้ว พวกเขาจะได้กลับบ้านและเฉลิมฉลอง ไม่มีใครสนใจเดรโกหรอก ไม่มีสักคน...
ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ เห็นผมบลอนด์สีเงินที่ตัดกับหญ้าสีเขียว อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่ได้อยู่ในหิมะ เธอวิ่งไปและคุกเข่าลงข้างๆเขา และเริ่มลูบไล้ใบหน้าที่ซีดขาวของเขาอย่างอ่อนโยน
“เดรโก!” เธอร้องเรียกเขา พยายามไม่ให้ฟังดูสิ้นหวังจนเกินไป
“เดรโก! ได้โปรด! ตื่นขึ้นมาเถอะ!” เขาไม่ตอบสนองใดๆเลย เฮอร์ไมโอนี่ระเบิดเสียงร้องไห้ และวางนิ้วมือลงที่คอของเขา ชีพจรของเขาไม่เต้นอีกต่อไปแล้ว... ลมหายใจของเฮอร์ไมโอนี่ติดอยู่ที่ลำคอ
“ไม่! ม่ายยยยยย..” เธอร้องครวญคราง
“ไม่นะ เดรโก นายต้องลุกขึ้นมา! พวกนั้นตายหมดแล้ว! เดรโก นายทำได้!.. นี่เป็นคริสต์มาสนะ เดรโก! ได้เวลาตื่นแล้ว นายได้ยินไหม!”
เดรโกยังคงสงบนิ่ง ไม่มีวี่แววใดเป็นสัญญาณว่าเขาจะตื่นขึ้น ใบหน้าดุจเทพของเขา ไร้อารมณ์อย่างเคย เพียงแค่ครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะเขากำลังปิดซ่อนสิ่งที่เขารู้สึก แต่...มันเป็นเพราะเขาตายแล้ว!
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าอากาศรอบตัวเธออัดแน่น เธอพาดตัวลงตรงกลางอกของเดรโก และ พยายามหายใจในขณะที่แขนทั้งสองข้างโอบล้อมร่างที่เย็นยะเยือกของเขาไว้แน่น ไกลออกไปเสมือนผ่านอุโมงค์ เธอได้ยินเสียงพูดคุยอย่างตื่นเต้นของผู้คนรอบข้าง
“ดูนี่สิ เบร็ท! เมอร์ลิน เป็นเขา! เป็นคนที่...ต้อง-ไม่-เอ่ย-นาม! เขาตายแล้ว เฮ้! ทุกคนมาดูนี่! เขาตายแล้ว!”
แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจว่าโวลเดอมอร์จะตายหรือไม่ อันที่จริงเธอไม่สนใจอะไรเลย เธอเพิ่งเสียชายหนุ่มอันเป็นที่รัก ก่อนที่เธอจะเคยมีเขาอย่างแท้จริง ความคิดเดียวที่ตัดผ่านในหัวใจที่แตกสลายของเธอคือ ‘ฉันอยากจะตาย...’
“เฮอร์ไมโอนี่ ได้โปรด สงบอารมณ์” เสียงแผ่วเบาพูดขึ้น ในหัวของเธอ แต่เธอไม่ได้ฟัง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเริ่มเวียนหัว จากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิท
****
เดรโกลืมตาแล้วมองไปรอบๆ เขาถูกล้อมรอบด้วยความว่างเปล่า พร่ามัว แปลกประหลาด และเขาเข้าใจว่า คาถาของเขาคงจะได้ผลแล้วในที่สุด
เขาต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน...
“ลูกไม่เคยหยุดทำให้แม่ประหลาดใจเลยนะ เดรโก” เสียงไพเราะ ประโลมใจเสียงหนึ่งพูดขึ้น เดรโกหันไปมองด้วยความตกใจสุดขีด ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาและดูเหมือนกับลอยอยู่เสียมากกว่า คือร่างที่คุ้นเคยสามร่าง ร่างเหล่านั้นคือ นาร์ซิสซา มัลฟอย โรวีน่า เรเวนคลอ และซัลลาซาร์ สลิธีรีน แม่ของเขาพูดต่อ
“ลูกเป็นเด็กกล้าหาญมาตลอด เวลาที่ลูกทำอะไรสักอย่าง ลูกจะทำมันจริงๆ” เดรโกยักไหล่
“มันได้ผลใช่มั๊ยฮ่ะ โวลเดอมอร์ตายแล้วใช่ไหม”
“แน่นอน” สลิธีรินร้องอย่างขุ่นเคือง
“นั่นมันคาถาของฉันไม่ใช่เหรอ” สลิธีรินพูด แต่เดรโกไม่สนใจเขา ความคิดของเขาเปลี่ยนไปอีกทางหนึ่ง...คือเฮอร์ไมโอนี่ เดรโกส่งสายตาวิตกกังวลให้เรเวนคลอ
“แล้วเฮอร์ไมโอนี่ล่ะ คาถาเคลื่อนย้าย ใช้ได้ผลใช่ไหม ผมไม่เคยใช้มันมาก่อน และ.... โอ้ ตายล่ะ! เธอออกจากคฤหาสน์หรือยังและเป็นอะไรมั๊ย” ทั้งสามคนแลกเปลี่ยนสายตาอย่างรู้ทันและแฝงไว้ด้วยความขบขัน
“เฮอร์ไมโอนี่สบายดี...เดรโก และจะรู้สึกดีเหมือนกับที่เธอคาดหวังไว้” โรวีน่าตอบอย่างจริงใจ เดรโกรู้สึกว่าภายในหน้าอกของเขาติดกันแน่น
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเจ็บปวด” เขาพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ
“เธอรู้ เธอต้องรู้ว่าผมคิดยังไง...” เดรโกพูด สลิธีรินยักไหล่เพื่อตอบสนอง
“ผู้หญิงมักรู้ในสิ่งที่อยากรู้เสมอ” เขาพูด และเมื่อโรวีน่าเห็นสีหน้าไม่สบายใจของเดรโก เธอจึงใช้ข้อศอกกระทุ้งชายผมดำที่อยู่ข้างๆ อย่างตั้งใจ
“เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนฉลาด เป็นผู้หญิงที่มีไหวพริบ ลูกรัก” นาร์ซิสซาพูดแสดงความเห็นด้วย และเรเวนคลอพยักหน้า
“เฮอร์ไมโอนี่ ควรจะอยู่บ้านเรเวนคลอ ฉันไม่รู้ว่าหมวกงี่เง่าของก็อดดริก คิดอะไรอยู่” โรวีน่าบ่น
“เฮอร์ไมโอนี่จะคิดถึงลูกมากกว่าสิ่งไหน” เดรโกหลับตาลง ในขณะที่คำพูดนี้ซึมลึกเข้าไปในจิตใจ
“ผมต้องทำมัน” เขากระซิบ ซัลลาซาร์ และโรวีน่าเข้ามาใกล้ โรวีน่าวางมือเย็นยะเยือกลงบนแก้มของเขา
“แน่นอน เดรโก เธอทำได้ และเราขอบคุณเธออย่างมาก มันป็นสิ่งอัศจรรย์ที่เธอทำเพื่อโลกของเรา” โรวีน่าพูดอย่างรักใคร่
“การเสียสละเช่นนี้...”
“เธอเป็นผู้สืบทอดที่ดีเกินกว่าที่เราเคยหวังไว้เสียอีก”สลิธีรินพูดต่อ
“เธอน่าจะเห็นก็อดดริก! เขาโกรธที่เธอเอาชนะแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้” เดรโกทำหน้านิ่ว ไม่สามารถยอมรับความเห็นของโรวีน่าได้
“ผมไม่ได้ทำมันเพื่อประโยชน์ของโลก!” เขาตะโกนกลับไป
“และมันไม่ใช่การเสียสละเลย ขอบคุณมาก คุณทำให้ผมดูเหมือนกริฟฟินดอร์ที่กล้าหาญบางคนเลย” เดรโกตอบโดยไม่ลังเล
“ผมทำไปเพื่อแก้แค้น ไม่มีใครยุ่งกับ มัลฟอยได้” ในความคิดของเขา เขารู้ว่าสิ่งที่ทำมันมีความหมายมากกว่านั้น ที่สุดแล้ว เขาต้องการให้เฮอร์ไมโอนี่อยู่โดยปราศจากความกลัว โรวีน่าและนาร์ซิสซาเหลือบมองกันและกัน ยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่ข่มความรู้สึกไว้ สลิธีรินพูดเสียงดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“เธอรู้ไหม มันน่าเสียดายเอามากๆถ้าเธอจะเกลียดโลกใบนี้” เขาพูดอย่างเสียดาย เดรโกเลิ่กคิ้วขึ้น
“ทำไมล่ะ เพราะพวกเด็กผู้ชายเลวๆที่เกลียดโลกไปลงนรกกันหมดเหรอไง” เขาถามอย่างไร้อารมณ์ สลิธีรินยิ้มกว้าง
“ไม่ เพราะเธอกำลังจะได้กลับไป...”
ก่อนที่เดรโกจะทันได้ถาม แสงสว่างทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ในสายตาจ้าไปหมด เขารู้สึกราวกับว่า เขากำลังว่ายอยู่ในหม้อน้ำเชื่อมข้นๆ และพยายามอย่างไร้ประโยชน์ที่จะโผล่พ้นออกมา จากนั้นเกิดความเจ็บปวดที่ทำให้สมองของเขาเริ่มชา มันไม่แตกต่างกับตอนที่เขาใช้ คาถามัลธัส อะบิเลย ชั่วขณะต่อมาของความอดทนอดกลั้น และสงบเงียบ ความเจ็บปวดแสนสาหัสบรรเทาลงไป เป็นความรู้สึกเจ็บปวดแบบธรรมดา ซึ่งทั้งร่างของเดรโกสัมผัสได้ถึงมัน เดรโกรู้สึกถึงบางสิ่งที่อบอุ่นและอ่อนโยน โอบอุ้มเขาไว้และเขาส่งเสียงเล็กๆเพราะความเจ็บปวดในขณะที่เขาหรี่ตา เพื่อมองไปรอบๆ ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ที่แห่งนี้ช่างสว่าง
“กรี๊ดดดด!” เสียงร้องดัง เสียดแทงหูของเดรโก และความอบอุ่นข้างๆตัวเขาหายไปใน
ทันใด
“ดัมเบิลดอร์! มาดามพอมฟรีย์! เขาขยับแล้ว เดรโก ขยับตัว!!!” ดวงตาของเดรโกปรับแสง และเขาเริ่มมองไปรอบๆ เขามองเห็นแสงที่คุ้นเคย และเพดานของห้องพยาบาล ตามมาด้วยใบหน้าของคน 4 คน เดรโกแสยะยิ้ม
“น่าสนุก! ผมมีแฟนคลับด้วย” เขาพูดเสียงอู้อี้ คอของเขาแห้งผากจากกการไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน ดัมเบิลดอร์ที่อยู่ทางซ้ายของเตียงขยิบตาให้เขา
“เธอทำมันจริงๆ คุณมัลฟอย เธอทำมันจริงๆ” เขาตอบอย่างจริงใจ ทางด้านซ้ายของดัมเบิลดอร์คือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโล่งใจ แต่ยังมีความกังวลเล็กน้อยแฝงอยู่ของมาดามพอมฟรีย์ อีกด้านหนึ่งของเตียงคือ สเนปที่ดูสบายอกสบายใจอย่างที่สุด และข้างๆสเนปคือ...
“เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกพูด ด้วยเสียงลมหายใจแผ่วเบา เธอยืนอยู่ตรงนั้น กำลังจ้องมองเดรโก ด้วยสีหน้าแปลกที่สุดที่เขาเคยเห็น และชั่วขณะนั้น เดรโกกลัวว่าเธอต้องการให้เขาตาย
“เป็นไปไม่ได้” เธอพูดด้วยเสียงต่ำ ในขณะที่น้ำตาเริ่มไหลลงอาบแก้มสีแดงดุจกุหลาบ “ไม่มีชีพจร ไม่มีการเต้นของหัวใจ ไม่มีลมหายใจ นายตัวเย็นมาก...” เดรโกบ่ายเบี่ยง
ด้วยความไม่สบายใจ
“เอาล่ะ รู้มั๊ย ความตายมักชอบทำแบบนี้กับเธอเสมอ” เขาพูดอย่างรำคาญใจ “และเธอคาดว่าจะ...อุ๊บ!” คำถามของเดรโกถูกแทรกขึ้นในทันที ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เหวี่ยงแขนโอบเพื่อเขาไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น ในทันทีที่เดรโกเริ่มจะคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ เธอถอยหลัง และตบหน้าเขาอย่างแรงง สเนป มาดามพอมฟรีย์ และดัมเบิลดอร์ ต่างมองกันและกัน และพยายามอย่างหนักที่จะซ่อนอารมณ์ขันของพวกเขาไว้ เดรโกกะพริบตาด้วยความแปลกใจ
“เธอทำบ้าอะไรน่ะ!” เขาพูดละล่ำละลัก
“เธอเห็นเตียงนี่ไหม เห็นการตกแต่งที่น่าเกลียดนี่ไหม ของพวกนี้บ่งบอกว่าเป็นห้องพยาบาลไม่ใช่หรือไง และรู้อะไรมั๊ยว่าเธอเพิ่งตบคนที่นอนอยู่ในห้องพยาบาลนะ เกรนเจอร์!”
“โอ้! เงียบไปเลย เดรโก นายเกือบจะฆ่าตัวเองนะ นายคิดอะไรอยู่! นั่นเป็นเรื่องที่งี่เง่ามากที่สุดที่ฉันเคยพบเจอมา!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเกรี้ยวกราด ใบหน้าที่มีน้ำตาในตอนนี้แดงซ่านไปด้วยความโกรธ และเธอต้องใช้ความพยายามในการควบคุมลมหายใจทั้งหมดที่เธอมี เดรโก ขมวดคิ้วและหันไปหาดัมเบิลดอร์ด้วยความสับสน
“ผมเกือบจะฆ่าตัวเองเหรอเนี่ย” เดรโกย้อนถาม นั่นหมายความว่าคาถานี้ใช้ไม่ได้ผลเหรอไง ภาพแม่และผู้ก่อตั้งที่ผมเห็น ผมคิดไปเองใช่ไหม ดัมเบิลดอร์ส่ายหัว
“อย่ากลัวไปเลย คุณมัลฟอย คาถาใช้ได้ผลทีเดียว พวกผู้เสพความตายทุกคนไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับโวลเดอมอร์...และเช่นเดียวกับเธอ” เดรโกแสยะยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้น ผมกลับมาจากความตายอย่างนั้นหรือ” เขาถามอย่างท้าทาย ดัมเบิลดอร์หัวเราะเบาๆ และมาดามพอมฟรีย์ส่ายหัว
ฮ้า! ดูพอตเตอร์เป็นตัวอย่างสิ
“ฉันไม่อยากจะเชื่อว่านายจะไม่เข้าใจอะไรเลย” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ เดรโกแอบกลัวคำพูดนี้ เขาไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้พฤติกรรมของเฮอร์ไมโอนี่เป็นแบบในตอนนี้ และแน่นอนที่สุดเขาไม่ต้องการหรือ อยากได้ ‘การตบหน้า’ จากเธออีกครั้ง
เขาหันไปเผชิญหน้ากับเธออย่างหวาดหวั่น เขาเพียงแค่จับจ้องดวงตาสีคาราเมลงดงามคู่นั้นที่เขาเริ่มหลงรักมันมากขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เดรโกไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม เขายังเป็นมือใหม่ที่จะเข้าใจถึงความรู้สึกของการห่วงใยใครบางคนมากกว่าการห่วงใยตัวเอง เขาค่อนข้างยอมจำนนต่อความรู้สึกต่างๆอันท่วมท้นนี้แล้ว แต่ ‘การตบหน้า’ จำเป็นจริงๆเหรอ? พวกเขาจ้องมองกันและกันชั่วครู่ จ้องอย่างไม่กระพริบ จนกระทั่งใครบางคนกระแอมเสียงดังอย่างตั้งใจ
“เราจะกลับมาในอีก 15 นาที... มีบางอย่างที่เราจำเป็นต้องจัดการ” ดัมเบิลดอร์ สเนปและมาดามพอมฟรีย์เดินจากไป เดรโก และเฮอร์ไมโอนี่ไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นพวกเขาทั้งหมด ทั้งคู่ยังคงจ้องกันและกันอย่างตั้งใจ เดรโกพิจารณาผิวรอบดวงตาที่แดงและบวมกร่ำของเธอ และผิวที่แก้มซึ่งเป็นคราบเปื้อนน้ำตา ในทันใดความรู้สึกผิดก็เข้าครอบงำ เขาต้องพูดกับเธอ
“ฉันขอ-“ คำขอโทษของเดรโกถูกแทรก ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่โน้มตัวไปข้างหน้าและประทับริมฝีปากของเธอลงสู่ริมฝีปากของเขาอย่างหนักหน่วง เดรโกถอนหายใจและโอบกอดเธอไว้ ในขณะที่เธอยกมือขึ้นประคับประคองใบหน้าของเขา มันเป็นจูบที่นุ่มนวล... เนิ่นนาน... เป็นจูบ ที่แสดงถึงคำพูดทั้งหมดที่เธอมี มันเป็นการสัมผัสซึ่งคำพูดทดแทนไม่ได้ และในที่สุด พวกเขาผละออกจากกัน เดรโกเอื้อมมือออกไป และใช้นิ้วมือลูบไล้เส้นผมของเธออย่างแผ่วเบา
“ฉันขอโทษ เฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เธอเจ็บปวด ฉันพยายามจะเก็บเธอไว้ในใจ ฉันพยายามอย่างหนักที่จะอยู่ให้ห่างเธอ” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัว
“มันเป็นความผิดของฉันเอง...ไม่! มันเป็น มันคงจะไม่สำคัญหรอกว่านายได้พยายามมากแค่ไหน” เดรโกจ้องเธออย่างสงสัย ใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูแล้วในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เธอดูอายมากกว่าโกรธ
“สิ่งสำคัญคือ- ได้โปรดอย่าเพิ่งโกรธนะ ฉันตกหลุมรักนายโดยไม่รู้ตัว...” เธอสูดลมหายใจลึก
“ฉันรักนาย เดรโก” ดวงตาของเดรโกเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด และเขาพบว่าตัวเองไม่สามารถที่จะโต้ตอบอะไรได้เลย เฮอร์ไมโอนี่ เสี่ยงมองหน้าเขา และปล่อยเสียงสะอื้นเล็กๆ ออกมา
“เห็นไหม ฉันคิดแล้วว่า นายจะต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ ฉันเสียใจ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจ! ฉันค่อนข้างแน่ใจว่ามันเริ่มต้นเมื่อหลายปีก่อน และแล้วเมื่อฉันต้องทำงานกับนายทุกๆวัน...และนายทำให้มันยาก ยากเหลือเกินที่จะรักนาย เดรโก ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่...มันเกิดขึ้นแล้ว!” เธอก้มลงจ้องมองปลายเท้า และรอให้เขาพูดบางอย่าง หรือพูดทุกอย่างที่เธออยากฟัง
แต่แล้วเดรโกไม่พูดอะไรเลย ถ้าเป็นสองสามเดือนที่แล้ว เขาคงจะโกรธจัดไปแล้ว แต่ในตอนนี้ ...ทุกอย่างที่เขารู้สึก ทำให้ต้องแปลกใจ ไม่มีใครเคยพูดว่ารักเขา ไม่เคยมี... แม่ของเขาไม่เคยแสดงความรัก พ่อของเขาค่อนข้างจะเกลียดเขา และเพื่อนสาวที่เขาคบ...ก็ เป็นอย่างนั้นแหละ ไม่มีความรักให้เขา เขาจ้องเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่เชื่อ ‘เธอรักผม!’ เขาคิด ดวงตาส่องประกายความดีใจแบบเด็กๆ ‘เธอรักเขาจริงๆ! รักเดรโก มัลฟอย ไม่ใช่รอน วิสลีย์ หรือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เธอรักเขา เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์รักเขา!
อย่างที่แฮร์-เอ่อ... พอตเตอร์! เคยบอกเขา และเดรโกสงสัยมาตลอด (ไม่ว่ายังไง ใครจะไม่รักเขาล่ะ) แต่เขาก็ได้ฟังเธอพูดมันออกมาจริงๆ’
ในขณะที่เดรโกกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยินนี้ เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะวิ่งออกไปจากห้อง ทำไมเขาไม่พูดอะไรเลย เธอสงสัยว่า จดหมายที่เขาเขียน มันเต็มไปด้วยคำโกหกเพื่อทำให้เธอรู้สึกดีและในตอนนี้...ตอนนี้เธอก็รู้แล้ว เธอรับรู้แล้วว่า เขาอาจจะรังเกียจเธอ เธอเริ่มเดินจากไปด้วยความเจ็บปวด และละอาย ในขณะที่มือแข็งแรงมือหนึ่งจับมือของเธอไว้
“เฮอร์ไมโอนี่! รอก่อน” เดรโกพูดโพล่งออกมา เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาช้าๆ จากนั้นหันกลับมามองเขา
“เธอได้รับจดหมายของฉันใช่ไหม” เขาถามอย่างเอาจริงเอาจัง เธอหน้าแดง นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่เธอจะได้รับจดหมายแต่จับจ้องเขาไม่ละสายตา
“แน่นอน ฉันได้รับ! ไม่งั้น เราจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าเธอวางแผนอะไร” เดรโกส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“ฉันไม่สนเรื่องนั้นหรอก! ฉันหมายถึง เธออ่านมัน...ใช่ไหม” เขาขยับตัวเล็กน้อย และสวมหน้ากากไร้อารมณ์เพื่อหยุดตัวเองจากอาการหน้าแดง เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองเขาอย่างมีความหวังแอบตำหนิความสามารถในการซ่อนความรู้สึกของเขาอยู่ในใจ
“อะไรอีก” เดรโกพูดแก้เขิน
“บ้าที่สุด เฮอร์ไมโอนี่! ฉันต้องพูดว่า ฉันรักเธอ...เหมือนที่บอกไปเป็นสิบครั้งในจดหมายนั่นหรือไง!” เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยลมหายใจออกมาโดยที่เธอไม่รู้ตัวว่าเธอกลั้นมันไว้ และยิ้มออกมามันเหมือนกับว่ารอยยิ้มนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ
“ฉันเห็นมัน อ่านมัน... แต่ฉันคิดว่า นายพูดเพื่อทำให้ฉันสบายใจ...” เดรโกกลอกตาสงสัย
“เกรนเจอร์ เมื่อฉันพูดอะไรสักอย่าง ฉันพูดจริงๆ ฉัน...รัก....เธอ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้างอีกครั้ง เธอรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อเต้นระบำอยู่ในท้องและเธอยอมจำนนต่อเขา
“ฉันจะคิดอะไรได้อีกล่ะ” เธอหัวเราะก่อนจูบเขาอีกครั้ง
***
มาดามพอมฟรีย์ตัดสินใจว่าเดรโกจำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่สักคืนหนึ่ง และไล่ทุกคนออกไปจากห้อง ยกเว้นเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งทำให้ทุกคนประหลาดใจ ทุกคนถูกไล่ออกไปก่อนที่จะมีโอกาสโต้แย้งใดๆ ดังนั้นเป็นธรรมดาเมื่อเดรโกตื่น เขารู้สึกดีขึ้นมากและไม่อาจทนอยู่ที่นี่ต่อไปได้
“แม้ว่าผมจะซาบซึ้งใจในการดูแลทั้งหมดของคุณ...มาดามพอมฟรีย์ แต่ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” เดรโกพูดลากเสียง
“สิ่งที่ผมต้องการจริงๆในตอนนี้ คือ...ความจริง ดังนั้น ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมจะไปพบดัมเบิลดอร์” เฮอร์ไมโอนี่และมาดามพอมฟรีย์ระเบิดคำพูดเกือบจะพร้อมกันในทันที
“ไม่! จนกว่าฉันจะพอใจว่าอาการของเธอดีขึ้นแล้ว ฉัน....”
“นายก็รู้ว่าเดี๋ยวดัมเบิลดอร์จะมา และนายเพิ่งฟื้นจากความตายนะ ไม่ว่าจะยังไง นายต้องพัก!”
“จนกว่าฉันจะบอกว่านายไปได้ จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น...” เฮอร์ไมโอนี่ดุเขา เดรโกกลอกตา แล้วเหวี่ยงขาออกนอกเตียง
“คุณมัลฟอย! ได้โปรด!” มาดามพอมฟรีย์ร้องด้วยความเป็นห่วง
“เธอผ่านอะไรมามาก และฉันไม่คิดว่าการเดินในปราสาทจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ บางทีดัมเบิลดอร์อาจจะมาที่นี่ช่วงบ่าย เธอค่อยคุยกับเขา ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ได้” เดรโกไม่สนใจเธอ และหันไปหาเฮอร์ไมโอนี่
“เธอจะอยู่นี่หรือไปกับฉัน” เขาถามอย่างไร้อารมณ์ แม้ว่าเธอจะแค่มองเขาแต่ก็ทำให้เฮอร์ไมโอนี่บอกได้เลยว่า เขาพอใจในตัวเองมาก เธอส่ายหัว
“ฉันคิดว่า... ฉันจะไปกับนาย” เธอถอนหายใจ เดรโกพยักหน้า หยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาและพึมพำคาถาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าไปเป็นชุดสีดำและเขียวตามปกติของเขา ไม่มีทางที่เดรโก มัลฟอยจะยอมอับอายใส่ชุดนอนสีขาวธรรมดาออกไปแน่
เดรโกและเฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านระเบียงหินอันหนาวเย็นด้วยความเงียบ เพลิดเพลินกับความสงบและการตกแต่งในวันคริสต์มาส หิมะข้างนอกกำลังตกหนักทีเดียว เดรโกมองออกไปและคิดว่าเขากับเฮอร์ไมโอนี่จะเล่นสงครามปาหิมะกันดีไหม? ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงรูปปั้นหินการ์กอยล์ พวกเขาแปลกใจอย่างมาก มันเลื่อนขยับไปด้านข้างโดยที่พวกเขายังไม่ได้พูดอะไรเลย พวกเขาเดินขึ้นบันไดเวียนและพบดัมเบิลดอร์สวมชุดซานต้าสีแดงตัวใหญ่นั่งอยู่ที่โต๊ะของเขา
“สุขสันต์หลังวันคริสต์มาส เธอทั้งคู่!” เขาพูดอย่างร่าเริง เขาโบกมือให้ทั้งสองนั่งเก้าอี้ตรงหน้าเขา ซึ่งมีช็อกโกแลตร้อนวางอยู่ก่อนแล้ว
“ได้โปรด นั่งลงก่อน ฉันเดาว่าพวกเธอมีเรื่องอยากจะถามฉันมากมาย” พวกเขายอมฟังอย่างเต็มใจและจิบเครื่องดื่มอย่างปิติยินดี และแล้ว
“ทำไมผมถึงไม่ตาย” เดรโกถามออกมา เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาแบบตกตะลึงให้เขา แต่ดัมเบิลดอร์ไม่ลังเลที่จะตอบ
“ฉันคิดว่าคำตอบนี้ จะเป็นการตอบคำถามที่คุณเกรนเจอร์สงสัยเช่นกัน เธอเห็นไหม คำสาปแช่ง มัลธัส อะบิ คำสาปแช่งที่เดรโกใช้กับโวลเดอมอร์และผู้ติดตามของเขา...ได้ผล โดยการวบรวมพลังเวทมนตร์ทั้งหมดของพ่อมดผู้ใช้คาถา และส่งมันออกไปฆ่าทุกๆคนที่อยู่ภายในรัศมีของผู้ที่ใช้มัน”
“เหมือนระเบิดของมักเกิล” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสริม ดัมเบิลดอร์พยักหน้า
“เหมือนสิ่งที่เธอพูดเอามากๆ และอย่างที่เธอรู้กันดีอยู่แล้วว่า คนที่เติบโตมากับเวทมนตร์ มีเวทมนตร์อยู่ในสายเลือด เมื่อปราศจากเวทมนตร์ก็ไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ได้ เวทมนตร์เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก เหมือนผิวหนังและกระดูก ดังนั้น เมื่อมัลธัส อะบิถูกใช้ ผู้ใช้คาถาต้องตายไปด้วย”
“ผมรู้ว่าทำไม ผมจะตาย!ในทีแรก” เดรโกตอบกลับ
“แต่สิ่งที่ผมไม่รู้คือ ทำไมผมถึงไม่ตายในตอนนี้” ดัมเบิลดอร์ยิ้มอย่างยินยอม
“เป็นเพราะพรสวรรค์จากแม่ของเธอ เดรโก เวทมนตร์ของผู้มองเห็นอนาคตถูกส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะส่งผ่านโดยความตั้งใจ หรือส่งผ่านก่อนตายก็ตาม แต่ในขณะที่เวทมนตร์ของผู้มองเห็นอนาคตอยู่ในตัวเธอ มันเป็นเวทมนตร์ที่แตกต่างซึ่งคาถามัลธัส อะบิ ไม่อาจเอามันออกไปจากเธอได้ จะพูดได้ว่า มันอยู่ในร่างกายของเธอ และมีเพียงพอที่จะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป” เดรโกหน้าซีด เขาเริ่มเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะเป็นสควิบใช่ไหม นอกจากความสามารถในการมองเห็นอนาคตของผม ผมก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!” เฮอร์ไมโอนี่กลอกตา
“ให้ตายเถอะ เดรโก! นายไม่ได้ใช้คาถาแต่งตัวเมื่อเช้านี้เหรอไง” เฮอร์ไมโอนี่เตือนเขา
“อ้า! ใช่แล้ว ตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เวทมนตร์ของเธอจะก่อเกิดขึ้นใหม่ด้วยตัวของมันเอง” ดัมเบิลดอร์บอกพวกเขา
“อันที่จริง หลังจากที่เธอใช้คาถาขั้นที่ 13 เป็นผลสำเร็จแล้ว ฉันคิดว่าพลังในการใช้เวทมนตร์ของเธอจะกลับคืนมาแก่เธออย่างเต็มที่ในเวลาไม่กี่สัปดาห์นี้” เดรโกยิ้มอย่างสุขใจ เมื่อได้ยิน และพอใจกับคำตอบที่เขาได้รับ อย่างไรก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่ ยังคงมีเรื่องติดค้างใจกับดัมเบิลดอร์
“ดังนั้น คุณเลยยอมให้เดรโกใช้ มัลธัส อะบิ เพราะคุณรู้ว่าผู้มองเห็นอนาคตจะมีชีวิตอยู่รอดใช่ไหม ทำไมคุณไม่ทำมันเองล่ะ” เธอถามอย่างกล่าวหา ดัมเบิลดอร์ยิ้ม
“เพราะฉันไม่รู้ว่าคำสาปแช่งนั้นมีอยู่จริงอีกต่อไป ห้องสมุดเป็นสิ่งตลก คุณเกรนเจอร์ บางครั้งมันเลือกคนที่มันจะเปิดเผยข้อมูลให้ ฉันได้ยินคำสาปแช่งมากมายที่สลิธีรินสร้างขึ้น แต่การชี้แนะดูเหมือนจะหลบเลี่ยงฉันมาตลอด ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า นี่เป็นคำสาปแช่งที่เดรโกตั้งใจจะใช้ ภาพทั้งหมดที่ฉันเห็นบอกฉันว่าเขาจะฆ่าโวลเดอมอร์และผู้ติดตาม และเป็นไปได้มากที่สุดที่เดรโกจะรอดชีวิต”
“เป็นไปได้อย่างมากที่สุด...งั้นเหรอค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามผ่านดวงตาที่หรี่แคบของเธอ ดัมเบิลดอร์ยิ้มอย่างเศร้าๆ
“ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ คุณเกรนเจอร์ ตัวอย่างเช่นตัวคุณเอง และศาสตราจารย์ สเนป” เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีด
“ถ้าเราไม่ไป เขาก็อาจจะไม่ตายใช่ไหมค่ะ” เธอถามอย่างอ่อนแรง ดัมเบิลดอร์พยักหน้า
“เห็นไหม นั่นแหละความกล้าหาญแบบกริฟฟินดอร์ที่เธอมี” เดรโกพูดช้าๆ เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขา แต่ยังคงถูกเมินเฉย
“อาจารย์ครับ มีปัญหาข้อหนึ่งที่ผมอยากจะถาม ภาพที่ผมเห็นบอกว่าผมจะตาย”
“ใช่ เธอตาย จิตวิญญาณของเธอออกไปจากร่างชั่วขณะ บางครั้งความตกใจสุดขีดจะทำให้เป็นแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้มองเห็นอนาคต ถ้ามันไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของเธอ จิตวิญญาณไม่อาจจะกลับมาได้”
“โอ้” เดรโกไม่คิดว่าจะพูดอะไรได้อีก เดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ อยู่กินมื้อเช้ากับดัมเบิลดอร์ในเช้านั้น คุยเรื่องสัพเพเหระอย่างสบายใจ เดรโกเองไม่อาจจะมีความสุขได้มากไปกว่านี้ เขากำลังคุยอย่างเป็นมิตรกับอาจารย์ใหญ่ อีกไม่นาน เขาจะเป็นหนึ่งในพ่อมดที่มีอำนาจมากที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่และที่สำคัญเขามีเฮอร์ไมโอนี่
ชีวิตกำลังดูดี
***
วันจบการศึกษามาถึงก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว ทุกคนได้รับใบประกาศนียบัตรเรียบร้อยแล้ว และในขณะนี้เตรียมพร้อมที่จะออกจากฮอกวอตส์ไปตลอดกาล เฮอร์ไมโอนี่ยืนพิงต้นไม้ มองเดรโกคุยอยู่กับกลุ่มเด็กผู้ชาย และเด็กผู้หญิงกลุ่มค่อนข้างใหญ่ (ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง) จากหลายๆบ้าน เวลาที่เหลือในปีนี้ไปได้ดีทีเดียวสำหรับพวกเขาทั้งคู่ เธอครุ่นคิด นักเรียนกริฟฟินดอร์ ยอมรับความสัมพันธ์ของเธออย่างยินดีกับชายหนุ่มที่ฆ่าโวลเดอมอร์และผู้เสพความตาย แฮร์รี่และรอนกึ่งยอมรับความสัมพันธ์นี้เช่นกัน แม้ว่าเดรโกจะสนุกกับการทำให้รอนโกรธที่พวกเขาทั้งสองคนเป็นมากกว่าเพื่อน สำหรับพวกสลิธีริน พวกเขากังวลต่อการสูญเสียพลังเกินกว่าจะสนใจเรื่องซุบซิบในโรงเรียน นอกจากนี้พวกเขาให้ความเคารพ (กลัว) เดรโกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เขาถูกคาดว่าจะกลายเป็นคนที่มีอำนาจแบบดัมเบิลดอร์ในสักวัน ในตอนนี้เขาถูกจัดเป็นพวก ‘คนดี’ แต่ยังคงทำตัว ‘ร้ายกาจ’ แบบที่ไม่มีใครกล้ายุ่ง แรงดึงดูดของเดรโกที่มีต่อผู้หญิงเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า เขาได้รับจดหมายจากแฟนๆ มากกว่าแฮร์รี่แล้วในตอนนี้ และหญิงสาวในทุกหนทุกแห่งดูเหมือนจะคอยตามเขา ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกเพราะเดรโก สนุกกับเรื่องทั้งหมดนี้อย่างมาก
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจในขณะที่เขาเซ็นลายเซ็นอันต่อไป แม้ว่าเธอจะยินดีกับเดรโกและยินดีกับการที่เธอจบการศึกษาได้อันดับหนึ่งในชั้น มันช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าอย่างที่สุด เธอมีใบสมัครของมหาวิทยาลัยศึกษาศาสตร์เวทมนตร์ที่มีชื่อเสียง (U.M.E.) เรียบร้อยแล้ว เธอยอมรับ และวางแผนที่จะกลับมาที่ฮอกวอตส์ในฐานะอาจารย์ในที่สุด ตรงกันข้ามเดรโกถูกแม้ดอาย มู้ดดี้ เลือกให้เป็นมือปราบในทันทีที่การตายของโวลเดอมอร์ถูกพูดถึงไปยังสาธารณะ เห็นได้ชัดว่า มู้ดดี้ตัวจริงชอบเดรโกมากกว่าตัวปลอมเอามากๆ ยิ่งพวกเขาทั้งสองคนอยู่ห่างไกลกัน และจะได้เจอกันบางโอกาสเท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่กลัวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพังทลาย
“โอ้ เดรโก เธอตลกจังเลย!” สาวสวยมากมายที่ชื่นชมเดรโกหัวเราะคิกคัก นั่นคือปัญหาจริงๆ ลึกลงไปเฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่าเธอคงจะตื่นขึ้นมาในวันหนึ่ง และพบว่าเดรโกไม่ได้เป็นของเธออีกต่อไปแล้ว เขาคงจะได้พบกับใครบางคนที่คู่ควรกับเขา ใครบางคนที่ดีกว่าเธอ ที่กองฝึกมือปราบ...และแล้วเขาก็จะจากเธอไปตลอดชีวิต เฮอร์ไมโอนี่สั่งตัวเองไม่ให้ร้องไห้เพราะความคิดนั้นอย่างเงียบๆ และสูดลมหายใจลึกและเดินจากไป
***
เดรโกยิ้มอย่างยินยอม ในขณะที่สาวอีกคนขอลายเซ็นจากเขา แม้ว่าเขาไม่เคยยอมรับมัน เดรโกเริ่มสะอิดสะเอียนกับความสนใจแบบไร้สมองพวกนี้นิดหน่อย ‘อืม...เอาล่ะ บางทีเขาอาจจะไม่ได้สะอิดสะเอียนมันจริงๆก็ได้’ และมันเริ่มทำให้เขาเบื่อหน่าย เขามีประสบการณ์มากในการรับมือกับผู้หญิงที่ชอบหัวเราะคิกคักซึ่งหลงใหลในตัวเขา ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะกลายเป็น ‘ฮีโร่’ แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อเฮอร์ไมโอนี่ เขาแน่ใจว่าเขาคงจะเป็นบ้าไปแล้ว
เดรโกยื่นลายเซ็นให้สาวๆแบบส่งๆ และเริ่มมองหาศีรษะที่มีผมสีน้ำตาลหนา ไปทั่วฮอกวอตส์ เธอทำตัวห่างเหินนิดหน่อยหมู่นี้ และเดรโกกลัวว่าเมื่อเธอสมัครเข้า U.M.E. ได้ เธอคงจะทิ้งเขาไปเพื่อการเป็นอาจารย์จิตใจดีและมุมานะของเธอ เขาไม่อาจยอมให้มันเกิดขึ้นได้และนั่นคือเหตุผลที่เขาคิดแผนการอะไรนิดหน่อย แม้ว่ามันอาจจะฟังดูเชย แม้แต่ในความคิดของเขาเองก็ตาม เขาไม่คิดว่าเขาจะอยู่ได้ โดยไม่มีเธออีกต่อไป เธอเหมือนสมอเรือของเขา ....คอยช่วยเหลือเขา เดรโกยิ้มเพราะความคิดนั้น และแล้วเขาก็มองเห็นเธอเดินออกไปจากต้นแอปเปิ้ลต้นหนึ่ง เดรโกไม่เสียเวลา เขารีบออกจากกลุ่มเด็กสาวและรีบวิ่งตามเธอไป จากนั้น ตัดสินใจได้ว่าการวิ่งตามใครสักคนเช่นนี้อาจจะทำลายชื่อเสียงของเขาแน่ๆ และยังทำให้เขาชุ่มไปด้วยเหงื่ออีกด้วย (ทำลายความคิดนี้ซะ!) เขาดีดนิ้วและไปปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าเธอ
“กรี๊ด!” เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้อง ในขณะที่เธอวิ่งชนตรงหน้าอกของเขาเข้าอย่างจัง
“เดรโก! ฉันจะไม่ยอมให้นายโผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้อีก” เธอพูด พยายามมากที่สุดจะพูดเหมือนมักกอนนากัล อย่างไรก็ตามรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอทำมันพัง เดรโกส่งยิ้มให้เธอ
“แค่พยายามทำให้น่าสนใจนะ เกรนเจอร์” เธอส่ายหัวและคิด ‘เป็นเพราะเขาคิดไปเองหรือเธอดูเศร้ากันแน่’
“ฟังนะ เดรโก ฉันคิดว่าเราต้องคุยกัน” เดรโกรู้สึกว่าท้องของเขาผูกกันเป็นปม ‘ไม่! มันไม่ใช่แค่เขาคิดไปเองอย่างแน่นอน’
“เรื่องอะไรล่ะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“หลังจากออกจากฮอกวอตส์...” เธอตอบอย่างกระวนกระวายใจ เดรโกเลิ่กคิ้ว บอกให้เธอพูดต่อ
“อืม ฉันรู้ว่าเราจะไม่สามารถพบกันได้บ่อยๆ และฉันรู้ว่าอาจจะมีผู้หญิงมากมายที่กองฝึกมือปราบมาร คล้ายๆกับตอนนี้ และฉันไม่ต้องการให้นายรู้สึก รู้สึก...” เฮอร์ไมโอนี่พูด เดรโกครุ่นคิด ‘ด-เดี๋ยวก่อน เธอกำลังร้องไห้ใช่ไหม?’
“ผูกติดอยู่กับฉัน ถ้านายไม่ต้องการ” เธอพูดต่อจนจบ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เดรโกกลัว ในตอนนี้ถูกเผยออกมาหมดแล้ว เธอกลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไป เหมือนกับที่เขากลัวว่าเธอจะทิ้งเขาไป!
“ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังจะพูดเรื่องอะไรนะ เฮอร์ไมโอนี่ เราจะเจอกันทุกวันอยู่แล้ว” เขาพูด พยายามอย่างหนักที่สุดที่จะดูไร้เดียงสา เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตาด้วยความสงสัย แต่เดรโกสังเกตเห็นว่าดวงตาของเธอเริ่มแห้งขึ้นแล้ว
“นายหมายถึงอะไร พวกเขาให้นายอยู่ประจำที่นั่นและ“
“และ ฉันคือ เดรโก มัลฟอย กฎใช้กับฉันไม่ได้หรอก และเมื่อเธออยู่กับฉัน กฎก็ใช้ไม่ได้กับเธอด้วย”
“นายกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่” เธอถามอย่างระมัดระวัง เดรโกยักไหล่
“เธอจะไปอยู่กับฉัน” ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้าง
“อะไรนะ?” เธอตะโกน เดรโกยิ้ม
“เธอ...จะ...ไป...อยู่....กับ...ฉัน” เขาพูดซ้ำๆ ช้าๆ ดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างซุกซนตลอดเวลา เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงที่แสดงความขุ่นเคืองอยู่ในลำคอ
“อะไรทำให้นายคิดว่าฉันจะตกลงล่ะ” เธอพูดละล่ำละลัก หยุดชั่วขณะ
“และที่ไหนล่ะ” เธอถามเขาต่อ เดรโกพยายามไม่หัวเราะอย่างหนัก
“เพราะเธอรักฉัน และ ที่คฤหาสน์มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่มองเขา
“นาย...จอมวายร้าย อวดดี นายทึกทักว่าฉัน จะตกลงแค่เพราะฉันรักนายเหรอไง!” เดรโกโน้มตัวไปข้างหน้า และประทับริมฝีปากลงบนปากเนียนนุ่มของเธอ เฮอร์ไมโอนี่สบตาเขาตามสัญชาตญาณ รู้สึกเข่าอ่อนปลวกเปียก และเธอจมลึกเข้าไปในจูบนั้น แต่เดรโกถอนตัวออกและจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเงินอย่างเร่าร้อน เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าจ้องเขา ทำปากยื่นเล็กน้อย
“พร้อมที่จะย้ายไปอยู่กับฉันหรือยังล่ะ” เดรโกถามอย่างอ่อนโยน เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตา “ก็ได้!” เธอตอบ เดรโกยิ้มกว้าง
“เห็นไหมล่ะ เธอต่อต้านเสน่ห์ของฉันไม่ได้” เดรโกพูด
“แหวะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องในขณะที่เธอพยุงตัวขึ้นจากพื้น ส่งสายตาแบบเย็นชาให้เขา ก่อนจะหุนหันจากไปด้วยความโกรธ
“ฉันรักเธอเช่นกัน” เขาตะโกนตามหลังเธอไป เฮอร์ไมโอนี่ชำเลืองมองกลับไปและยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่หยุดเดินต่อ เดรโก รอจนกระทั่งเธอไปถึงประตู และแล้วปล่อยรอยยิ้มอย่างมีชัยในที่สุด เขารู้ว่าเธอไม่ได้โกรธเขาจริงๆหรอก เธอรู้จักเขาดี
“พระเจ้า ผมรักเธอ” เขาปล่อยลมหายใจออกอย่างผ่อนคลาย มันยังคงรู้สึกแปลก กับการพูดแบบนั้น แต่มันคือความจริง เธอช่วยชีวิตเขามากกว่าหนึ่งครั้งในปีที่ผ่านมา ช่วยเขาเมื่อเขาบาดเจ็บ และสอนให้หัวใจน้ำแข็งของเขารู้ว่าอะไรคือรัก... เวลานี้เขานึกภาพ ชีวิตที่ปราศจากสาวผู้เกิดจากมักเกิล ผมเป็นพุ่มของเขาคนนี้ไม่ออกเลย
ถ้าเขาโชคดี บางทีเขาคงจะได้อยู่กับเธอตลอดไป...
""""""""""END""""""""""""
++++++++++++++++++
ความคิดเห็น