คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 13:ไปซื้อของกับจินนี่ (Shopping with Ginny)
ห้องแห่งมิตรภาพ (Their Room)
บทที่ 13 ไปซื้อของกับจินนี่ (Shopping with Ginny)
เฮอร์ไมโอนี่เหลือบดูนาฬิกาปลุกบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ อย่างกระตือรือร้น ผ่านไปแค่ห้านาทีเองนับจากที่เธอดูมันครั้งล่าสุด ตอนนี้เป็นเวลาตีห้าสามสิบห้านาที พร้อมกับการถอนหายใจด้วยความผิดหวัง เฮอร์ไมโอนี่นอนหงายและจ้องขึ้นไปที่กระโจมสีแดงเข้มซึ่งคลุมเตียงเธออยู่ ห้องสมุดจะยังไม่เปิดอย่างน้อยอีกหนึ่งชั่วโมง เธอน่าจะแอบออกไปที่ห้องสมุดเมื่อคืนก่อน ขอให้สเนปไปลงนรก นอกจากนั้นแฮร์รี่และรอนคิดว่าเธอกำลังใช้เวลามากไปแล้วกับที่นั่น และปฏิเสธให้ยืมผ้าคลุมล่องหน แถมบังคับเธอให้เล่นหมากรุกแทนเป็นเวลาหลายชั่วโมง
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงและพยายามกลับไปนอนอย่างไม่ประสบผลนัก การนอนหลับของเธอช่างลำบากกว่าเดิม;ภาพดวงตาสีเทาเข้มและข้อความต่างๆ ของตัวเลขมหัศจรรย์โบราณกระโดดโลดเต้นอยู่ภายในใจของเธอในขณะที่เธอกำลังหลับ เวลานี้การคิดถึงตัวเลขมหัศจรรย์เป็นเรื่องค่อนข้างธรรมดาสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ แต่การฝันถึงเดรโก มัลฟอย ไม่ได้เป็นเรื่องประจำปกติของเธอ
ในที่สุดเมื่อคิดว่าการกลับไปนอนไม่สามารถกระทำได้เลยในเวลานี้ เฮอร์ไมโอนี่ปีนออกจากเตียงและใส่รองเท้าแตะของเธอ รองเท้าแตะสีน้ำเงินทำให้เธอนึกถึงบางอย่างที่สาวใช้แก่ๆ สวมใส่ แต่เฮอร์ไมโอนี่คิดเสมอว่าพวกมันช่างน่าสบายอย่างวิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้ามืดขนาดนี้ในฤดูหนาว เมื่อทางกว้างปูด้วยหินที่มุ่งไปยังห้องอาบน้ำหญิงให้ความรู้สึกเหมือนกับก้อนน้ำแข็งบนเท้าเปล่า
ไม่แปลกใจเลยเมื่อห้องน้ำร้างผู้คนในเวลาเช้าแบบนี้ เฮอร์ไมโอนี่สามารถสบายใจได้เรื่องอ่างอาบน้ำซึ่งตั้งอยู่ที่มุมหนึ่ง ผลักผ้าม่านสีแดงเข้มและทองไปด้านข้างก็ได้รับความเป็นส่วนตัวแล้ว เธอวางผ้าเช็ดตัวลงถัดจากอ่างล่างหน้าใบใหญ่ มันค่อนข้างหนาวในนี้;พวกเอลฟ์คงเพิ่งจุดไฟในห้องน้ำเมื่อไม่นานมานี้
เฮอร์ไมโอนี่เลือกสบู่อาบน้ำบรรจุในขวดสีม่วงมาขวดหนึ่งจากชั้นวางเล็กๆ ที่ตั้งติดกับกำแพง และเทลงไปสองสามหยดในอ่างอาบน้ำ ฟองนุ่มสีม่วงพรั่งพรูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และกลิ่นลาเวนเดอร์ฟุ้งกระจายไปทั่วในอากาศ เธอแช่ตัวลึกลงไปในน้ำและหลับตาลง จิตใจของเธอกำลังเริ่มล่องลอยไป
เฮอร์ไมโอนี่พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน;เตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่มุมหนึ่ง ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม เปลวไฟสว่างกำลังลุกโชนอยู่ในตะแกรงเหล็ก และมีประตูใหญ่บานหนึ่งอยู่ที่กำแพงอีกด้าน ประตูถูกเปิดออกอย่างฉับพลันและเฮอร์ไมโอนี่เห็น
มัลฟอยเดินเข้ามา เขายิ้มเมื่อเข้ามาใกล้เธอ
“มัลฟอย? นายมาทำอะไรที่นี่?”
มัลฟอยไม่ให้คำตอบแต่ทว่า;เขาจับเธอขึ้นมาจนเท้าพ้นจากพื้นและจูบเธออย่างลึกซึ้ง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเริ่มละลายไปกับการจุมพิตนี้ จากนั้นต่อสู้กับมัน เรียกหาความเข้มแข็งของตัวเองแล้วเธอก็ผลักเขาออกไป มัลฟอยปล่อยตัวเธออย่างง่ายดายและยิ้มให้เธออย่างน่ารัก
“ช่างลำบากยากเย็นเพื่อจะได้เธอมาเฮอร์ไมโอนี่? และฉันทำอะไรถึงสมควรถูกเรียกว่ามัลฟอย?” รอยยิ้มจริงใจฉายอยู่บนสีหน้าเขา และเขาลูบไล้แก้มเธออย่างอ่อนโยน
“เกิดอะไรขึ้น มัลฟอย?” เธอถามอย่างตึงเครียด
แต่เขาไม่ให้คำตอบ;มือของเขาละจากแก้มเธอ และพบเชือกรัดของชุดเสื้อคลุมเธอ เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากหายใจหอบเมื่อเชือกรัดถูกกระตุกให้คลายปมจนหลุด และผ้าเลื่อนหลุดจากไหล่ทั้งสองของเธอลงไปกองรวมกันรอบข้อเท้าเธอ มัลฟอยวางมือเขาบนไหล่เปล่าเปลือยของเธอและดึงเธอมาหาเขา มือทั้งสองของเขาลูบไล้ลงไปตามร่างกายเปล่าเปลือยของเธออย่างช้าๆ แล้วเขาประทับริมผีปากลงบนเธอ
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับอาการหอบ ทำให้น้ำที่เต็มไปด้วยฟองนุ่มไหลล้นออกจากอ่างอาบน้ำ เธอตะเกียกตะกายออกจากอ่างอาบน้ำ เธอหายใจอย่างแรงและจ้องเขม็งไปที่อ่างอาบน้ำเนื้อกระเบื้อง ราวกับมันต้องรับผิดชอบด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง
“เฮอร์ไมโอนี่? นั่นเธอใช่ไหม?”
เฮอร์ไมโอนี่กลั้นอาการละล่ำละลัก ดึงเสื้อคลุมอาบน้ำของเธอมาใส่อย่างรวดเร็ว แล้วผลักผ้าม่านออกไป เธอมองไปที่ห้องอาบน้ำใหญ่ จินนี่ วีสลี่ย์ ยืนงัวเงียยังไมได้ถักผมเปียอยู่ที่ปลายสุดด้านหนึ่ง
“จิ...จินนี่ เธอลุกขึ้นมาทำอะไรแต่เช้ามืด?” เฮอร์ไมโอนี่ถามเธอ กำลังหน้าแดงอย่างมาก
จินนี่ยกมือปิดปากและหาวคำโต “รอนและแฮร์รี่ต้องการไปถึงฮอกส์มี้ดแต่หัววันในเช้านี้ ดังนั้นเราทั้งหมดจะออกไปทันทีหลังอาหารเช้า”
เมื่อจินนี่รวบปอยผมสีแดงอันสุดท้ายที่หลุดอยู่เสร็จแล้ว ก็หันความสนใจของเธอมาที่เฮอร์ไมโอนี่อย่างเต็มที่
“เธอสบายดีนะ เฮอร์ไมโอนี่? เธอดูหน้าแดงๆ”
“โอ้ ฉันสบายดี เป็นเพราะอยู่ในอ่างอาบน้ำนานเกินไป ฉันคิดว่างั้นนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างคล่องแคล่ว และพยายามยิ้มให้จินนี่
สาวน้อยวีสลี่ย์กอดอกตัวเองและมองเฮอร์ไมโอนี่ขึ้น-ลงๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอและมัลฟอย?”
เฮอร์ไมโอนี่หันกลับอย่างรวดเร็วและเริ่มเก็บข้าวของต่างๆ ของเธอ เจตนาไม่มองไปที่เพื่อนของเธอ
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมัลฟอยทั้งนั้น เราแค่ต้องทำงานร่วมกันในโครงการนี้สำหรับวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ ฉันบอกเธอไปแล้ว จิน”
จินนี่หรี่ตาของเธอ “รอนและแฮร์รี่ อาจเชื่อเรื่องนั้น แต่ฉันช่างสังเกตมากกว่าพวกเขานิดหนึ่ง”
บางอย่างข้างในของเฮอร์ไมโอนี่แตกร้าว เธอทำเสียงสะอื้นเบาๆ และทรุดลงนั่งอย่างแรงบนม้านั่งเล็กตัวหนึ่งที่ตั้งเรียงเป็นแถวติดกำแพง เธอซ่อนใบหน้าไว้ในมือทั้งสองของเธอและสูดหายใจลึกๆ
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัลฟอย” เธอคร่ำครวญ
จินนี่นั่งลงข้างเฮอร์ไมโอนี่ และโอบแขนรอบไหล่เธออย่างอ่อนโยน
“แสดงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น” จินนี่กระซิบ
เฮอร์ไมโอนี่ถอยออกจากอ้อมกอดของจินนี่ และเอาศีรษะพิงกำแพง
“ใช่” เธอพูดช้าๆ “มีบางอย่างเกิดขึ้น แต่ฉันไม่รู้ว่าคืออะไร”
“เธออยากพูดถึงมันไหม?” จินนี่ถามอย่างนุ่มนวล ความกังวลชัดเจนบนใบหน้าเธอ
เฮอร์ไมโอนี่สั่นศีรษะ “ไม่ล่ะ จินนี่ การคิดถึงเขามีแต่จะทำให้ฉันปวดหัวเท่านั้น เธอจะไม่บอกแฮร์รี่หรือว่ารอน ใช่ไหม?”
“ไม่แน่นอน ถ้าพวกเขาไม่ใส่ใจพอที่จะเข้าใจสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง ก็สมควรโดนลูก
บลัดเจอร์แล้ว” จินนี่พูด พร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ขอบคุณ จิน ฉันควรไปแต่งตัวดีกว่า เจอกันที่โต๊ะอาหารเช้านะ?”
“ตกลง บอกแฮร์รี่และรอนด้วยว่าห้ามไปโดยไม่มีฉันในกรณีที่ฉันสายนะ พวกเขารีบกันน่าดูเชียวเช้านี้”
พร้อมกับคำพูดสุดท้ายนี้ จินนี่ วีสลี่ย์ก้าวเท้าเข้าไปในพื้นที่อาบน้ำที่เฮอร์ไมโอนี่เคลิ้มหลับไปชั่วครู่เมื่อไม่กี่นาทีก่อน และดึงผ้าม่านตามหลังเธอ เฮอร์ไมโอนี่เอาผ้าเช็ดตัวของเธอพาดแขนและออกจากห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ เดินย่ำกลับไปที่ห้องของเธอ ความฝันจางหายไปเล็กน้อยจากจิตใจของเธอ และเฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามันเป็นผลกระทบตามหลังจากการกินพาสตี้สะระแหน่ตอนอาหารเย็นมากเกินไปเมื่อคืนก่อน การสนทนากับจินนี่ยังคงหนักอึ้งในใจเธอ กระทั่งเมื่อเธอมาถึงห้องของเธอและเริ่มหาชุดเครื่องแบบนักเรียนเพื่อแต่งตัว เธอทราบว่าจินนี่จะไม่พูดอะไรทั้งสิ้นกับแฮร์รี่และรอน แต่ถ้าจินนี่ยังสังเกตได้แล้วสุดท้ายพวกเขาจะไม่รู้หรือ? เฮอร์ไมโอนี่สั่นเทาด้วยความกลัวกับความคิดเรื่องปฏิกิริยาของพวกเขา ถ้าพวกเขาคิดว่าเธออาจชอบเดรโก มัลฟอย
“ไม่ ฉันไม่ทำแบบนั้น” เธอยืนยันกับตัวเองอย่างหนักแน่น ขณะสวมเสื้อคลุมยาวสีดำผ่านทางศีรษะ
เฮอร์ไมโอนี่เตือนสติตัวเองอีกครั้งว่า เดรโก มัลฟอย ไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากคนอวดดี เด็กเหลือขอนิสัยเสียซึ่งไม่มีอะไรทำดีไปกว่าทำร้ายเธอและเพื่อนๆ ของเธอ แต่ขณะที่เธอปัดผมให้พ้นไปจากหน้าผากและติดกิ๊บ เธอไม่อาจละเลยความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เหมือนซึมผ่านออก
มาจากตัวเขาในบางครั้ง หรือความอบอุ่นที่เธอเกือบมั่นใจว่าเธอเห็นอยู่ในแววตาสีเทาเย็นชาอ่านไม่ออกเป็นประจำของเขา เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างแรง หยิบกระเป๋าหนังสือของเธอขึ้นมาและเริ่มเดินลงบันได
รอนและแฮร์รี่อยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว เมื่อเธอมาถึงห้องนั่งเล่นรวม พวกเขายิ้มให้เมื่อเธอมาสมทบกับพวกเขา
“อุ้ย! เธอจะทำอะไรกับไอ้นั่น?” รอนถาม ชี้ไปที่กระเป๋าของเธอ
“ฉันจะไปห้องสมุดหลังอาหารเช้า” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา
“โอ้ ไม่ได้ เธอห้ามไปนะ” แฮร์รี่บอกเธอ ในขณะที่รอนพยักหน้าอย่างแข็งขัน “เธอจะไปฮอกส์มี้ดกับพวกเราหลังอาหารเช้า”
“เวลานี้ฉันมีหลายอย่างต้องไปทำที่นั่นจริงๆ ฉันคิดว่าฉันอาจอยู่บนขอบเขตของความก้าวหน้า ฉันไม่สามารถไปเดินเล่นสบายๆ เรื่อยเปื่อยที่ฮอกส์มี้ดได้หรอก” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
เฮอร์ไมโอนี่บอกได้เลยว่าสถานการณ์นี้กำลังจะแย่ลงกว่าเก่า เพราะท่าทางการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่ปรากฏออกมาจากทั้งรอนและแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่พยายามพุ่งตัวผ่านพวกเขาไป แต่เพื่อนๆ ของเธอว่องไวกว่า รอนคว้าแขนเธอแล้วลากเธอเข้ามากอดไว้แน่น ในขณะที่แฮร์รี่ดึงไม้กายสิทธิ์ของเธอออกจากกระเป๋าเสื้อ เธอเตะใส่เขาอย่างอารมณ์เสียแต่แฮร์รี่แค่กระโดดถอยหลังพร้อมฉีกยิ้มกว้าง รอนปล่อยตัวเธอและเฮอร์ไมโอนี่เริ่มเดินโถมเข้าใส่แฮร์รี่ แต่ก่อนที่เธอจะขยับไปไกล รอนคว้ากระเป๋าหนังสือของเธอและลากมันออกจากไหล่ของเธอ เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปอย่างโกรธจัด จ้องเขม็งไปที่รอนแล้วกลับมาที่แฮร์รี่
“สนุกมากเลยซินะ เอาไม้กายสิทธิ์มาให้ฉันเดี๋ยวนี้ แฮร์รี่”
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอกำลังใช้เวลากับการอ่านหนังสือมากเกินไปแล้ว มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” แฮร์รี่บอกเธออย่างอ่อนโยน
“ใช่แล้ว และมันไม่ดีต่อสุขภาพจริงๆ ด้วยที่ต้องใช้เวลามากมายกับเจ้ามัลฟอยน่ารังเกียจ” รอนพูดด้วยความขยะแขยง
ทันทีที่กล่าวถึงมัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าตัวเธอหน้าร้อนผ่าวและจ้องไปที่เพื่อนๆ ของเธอด้วยความดุเดือดอย่างน่าแปลกใจ
“ฟังนะ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดอย่างสุขุม “เรารู้ว่าเธอมีชีวิตอยู่เพื่อการศึกษาและเธออาจนอนในห้องสมุดก็ได้ถ้ามาดามพินซ์ยินยอม แต่เราเป็นห่วงเมื่อเธอพยายามใช้เวลาทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาอยู่ที่นั่น”
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจและก้มมองพื้นห้อง เธอทราบว่าเธอกำลังละเลยเพื่อนๆ ของเธอ ไม่นานมานี้เธอได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเธออยู่ในห้องสมุด ทำงานกับมัลฟอย และแน่นอนไม่ว่าเขามีอะไรให้ทำหรือไม่ก็ตาม
“ฉันคิดว่าหยุดสักวันเพื่อไปฮอกส์มี้ดคงไม่เสียหายมากนัก” เธอเห็นด้วยในที่สุด แทบยกภูเขาออกจากอกเพื่อนๆ ของเธอเลย
“ใช่แล้ว มันจะทำให้เธอดีขึ้นที่ใช้เวลาห่างจากมัลฟอยบ้าง” เสียงหนึ่งพูดมาจากด้าน
หลังพวกเขา
เฮอร์ไมโอนี่หันไปและพบจินนี่กำลังยืนอยู่ตรงชานบันไดที่นำทางไปยังหอนอนนักเรียนหญิง จินนี่ยิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่ เธอต่อสู้กับอาการหน้าแดงที่ต้องการเล็ดลอดออกมาบนหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่คิดอยู่ในใจว่าต้องหลีกเลี่ยงจินนี่แม่นกน้อยผู้มีความสามารถในคราวหน้าแล้ว
“เอาล่ะ ถ้าสงบลงแล้ว พวกเราไปกินกันเถอะ ฉันกำลังหิวมากๆ!” รอนพูด พร้อมกับยิ้มกว้างโล่งอก
เฮอร์ไมโอนี่ตกใจอย่างมากเมื่อเขาโยนกระเป๋าหนังสือของเธอไปบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้เตาผิง แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร จินนี่ก้าวตรงมาข้างหน้าและเกี่ยวแขนเธอ สาวผมแดงยิ้มกว้างใส่เธอและดึงเธอผ่านช่องรูปภาพเพมือนออกไป
__________________
เฮอร์ไมโอนี่เดินควงแขนกับจินนี่ผ่านหิมะที่ลึกมากขึ้น ขณะที่พวกเขาเดินเล่นไปทั่ว
ฮอกส์มี้ด พายุหิมะลูกหนึ่งกำลังพัดมาจากทางใต้ แต่มันคงไม่หนักมากที่นี่จนถึงสายๆ เลยไปถึงเวลาเย็น ในเวลานี้เกล็ดหิมะตกลงมาอย่างบางเบาจากท้องฟ้ายามบ่าย ทำให้ภาพความสวยงามของเมืองดูสมบูรณ์แบบด้วยเครื่องตกแต่งเทศกาลคริสต์มาส พวงมาลัยขนาดใหญ่ประดับติดกับเสาไฟตามถนน และพวงหรีดฮอลลี่และไอวี่ดูเหมือนประดับอยู่ทุกบานประตูและหน้าต่าง
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกดีใจที่รอนและแฮร์รี่เคี่ยวเข็ญให้เธอมา ปกติแล้วพวกเขาไม่มีการเดิน
ทางมาที่ฮอกส์มี้ดในช่วงวันหยุดแบบนี้ แต่อีกครั้งที่สภาวการณ์พิเศษกลายเป็นของขวัญปีนี้ เนื่องจากนักเรียนจำนวนมากอยู่ในโรงเรียน บรรดาศาสตราจารย์ตัดสินใจว่าการเยือนฮอกส์มี้ดอาจเป็นการเยียวยาที่น่ายินดี
แฮร์รี่และรอนกำลังเดินนำหน้าพวกผู้หญิงไม่กี่ก้าว เมื่อมาถึงจัตุรัสใหญ่ทั้งสี่คนหยุดและมองหน้ากันแต่ละคน
“เออ...เวลานี้คือเราอยู่ที่นี่ แฮร์รี่และฉันต้องการไปซื้อของส่วนตัวบางอย่าง ถ้าเธอสองคนไม่ว่าอะไร” รอนพูดอย่างกังวล
จินนี่ไขว้แขนกอดอกและจ้องเขม็งอย่างไม่เห็นด้วยกับพี่ชาย
“ดีเลย รอน จินนี่และฉันจะไปดูเสื้อผ้าชุดใหม่ ใช่ไหมจิน? พ่อแม่ของฉันส่งเงินมาให้นิดหน่อยสำหรับเทศกาลคริสต์มาสไว้ซื้อของ” เฮอร์ไมโอนี่พูด เพื่อระงับการวิจารณ์ซึ่งรออยู่ที่ริมฝีปากของจินนี่อย่างเห็นได้ชัด
“เยี่ยมเลย!” แฮร์รี่พูด “อย่างนั้นเราจะพบกับเธอที่ร้านไม้กวาดสามอัน(The Three Broomsticks) อีกหนึ่งชั่วโมงนะ?”
เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า แล้วเด็กหนุ่มสองคนหันหลังและเดินจากไปพร้อมกับคุยกันเสียงค่อยๆ
“มันแสดงว่าพวกเขาคอยจนกระทั่งนาทีสุดท้ายถึงไปซื้อของขวัญคริสต์มาส” จินนี่เอ่ยเสียงดัง “ฉันทำเสร็จไปตั้งนานแล้ว”
“มาเถอะ จินนี่ เราไปร้านแกลดแร็กส์กัน ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับตัวสูงเกินไปสำหรับชุดนักเรียนเก่าของฉัน ประมาณครึ่งนิ้วได้ และฉันตกอยู่ในภาวะลำบากจริงๆ”
ร้านเครื่องแต่งกายผู้วิเศษแกลดแร็กส์(Gladrags Wizard Wear) เป็นหนึ่งในบรรดาร้านค้าขนาดใหญ่ในฮอกส์มี้ด และเหมือนกับที่อื่นๆ ทุกอย่างถูกตกแต่งด้วยเครื่องประดับสวยงามของเทศกาลคริสต์มาส เทียนไขถูกจุดเรียงแถวต่อกันเรื่อยมาบนชายคาตึก แต่ละเล่มถูกลงคาถาให้สว่างขึ้นและดับลง กลุ่มเอลฟ์สีเขียวตัวเล็กสามตัวกำลังร้องเพลงอย่างรื่นเริงอยู่ที่ประตู ด้านหน้าทั้งหมดของร้านนี้คล้ายว่าไม่มีอะไรยกเว้นตู้กระจกโชว์สินค้า เด็กสาวสองคนยืนอยู่ด้านนอกสักพักหนึ่งเพื่อชื่นชมบรรดาเสื้อผ้าสีสันสดใสซึ่งถูกวางจัดแสดงไว้
เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยมาที่นี่สักครั้งเพื่อซื้อเสื้อผ้า ซึ่งบังเอิญเป็นหนึ่งในหลายสิ่งที่เธอชอบเกี่ยวกับการเป็นแม่มด;เสื้อผ้าธรรมดาเป็นหลักสำคัญ แต่ทว่าสาวน้อยวีสลี่ย์ผู้นี้มีความชื่นชอบในแฟชั่นอย่างเห็นได้ชัด และไม่นานนักเฮอร์ไมโอนี่พบว่าตัวเองแบกกองเสื้อผ้าสีดำที่มีเฉดสีหลากหลายและทำมาจากวัตถุดิบต่างๆ
“จินนี่ ฉันแค่ต้องการชุดเครื่องแบบนักเรียนมาตรฐานเท่านั้น” เฮอร์ไมโอนี่อ้อนวอนมาจากหลังกองเสื้อผ้าที่เพิ่มขึ้น
“ไร้สาระ ชุดมาตรฐานน่าเบื่อแย่ เธอคิดอย่างไงกับชุดนี้?” จินนี่ถาม
เฮอร์ไมโอนี่ยืดคอเธอเพื่อมองผ่านกองเสื้อผ้า ไปที่เสื้อคลุมยาวสีดำเป็นมันวาวอย่างน่าหัวเราะซึ่งจินนี่กำลังยื่นมาให้เธอ มันดูน่ากังวลใจคล้ายกับหนังสัตว์บางชนิด หนึ่งในนั้นอาจเป็นสัตว์เลื้อยคลาน เฮอร์ไมโอนี่ทำสีหน้าผะอืดผะอม
“จินนี่ ฉันขอปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะลองใส่บางอย่างซึ่งทำจากหนังงู” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหนักแน่น
จินนี่ทำสีหน้าผิดหวังประเดี๋ยวเดียวและมองเลยเฮอร์ไมโอนี่ไป รอยยิ้มแวบหนึ่งปรากฏบนสีหน้าแล้วจินนี่แทรกผ่านเฮอร์ไมโอนี่พร้อมเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น เฮอร์ไมโอนี่กลอกลูกตาของเธอและนึกอยากขึ้นมาทันทีว่าเธอน่าอยู่ที่ห้องสมุด เฮอร์ไมโอนี่ฝากกองเสื้อผ้าใส่ในอ้อมแขนของแม่มดสาวพนักงานขายคนหนึ่งซึ่งได้คอยตามพวกเธออย่างอดทน เฮอร์ไมโอนี่หันหลังอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาไม่พอใจที่สาวน้อยคนนี้ส่งมาให้เธอ และมองคร่าวๆ ไปทั่วร้านเพื่อหาจินนี่
จินนี่อยู่ที่แผนกชุดกระโปรงราตรีของร้าน เธอดึงกระโปรงสีม่วงเข้มตัวหนึ่งออกมาและกำลังทาบมันลงกับตัวเอง แล้วดูผลลัพธ์ในกระจกที่อยู่ใกล้ๆ เธอชำเลืองข้ามมาที่เฮอร์ไมโอนี่และโบกไม้โบกมือให้มาหาเธอ
“เธอคิดว่าอย่างไง?” เธอถามพร้อมกับหันมาประจันหน้ากับเฮอร์ไมโอนี่
“มันน่ารักดี จิน แต่ฉันคิดว่าเธอมีกระโปรงราตรีชุดใหม่สำหรับปีนี้แล้วนี่” เฮอร์ไมโอนีพูดชมเพื่อนเธอ สีม่วงดูดีมากจริงๆ เหมาะกับจินนี่
“ฉันมีแล้วเป็นของขวัญวันเกิดจากเพอร์ซี่ แต่ว่าไม่เสียหายอะไรเลยที่จะดู พูดถึงเรื่องนี้ เราหาให้เธอบ้างกันเถอะ!” จินนี่คืนกระโปรงไว้ที่ชั้นของมัน และเริ่มหยิบกระโปรงที่อยู่ใกล้กัน
“ฉันไม่อยากได้กระโปรงราตรีชุดใหม่ ฉันชอบชุดที่ฉันใส่เมื่อปีที่แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดโอดครวญ เธอมีความสุขมากๆ ที่ได้ร่วมงานเต้นรำปีที่แล้ว
“ใช่ แต่เธอใส่มันเมื่อปีที่แล้ว” จินนี่ทำให้แน่ใจว่าออกเสียงชัดเจนทุกคำพูด “อย่างไรก็ตามถ้าเธอเกือบจะตัวสูงเกินไปสำหรับชุดเครื่องแบบนักเรียนหลายปีก่อน ดังนั้นเธอต้องเกือบ
จะตัวสูงเกินไปสำหรับชุดกระโปรงราตรีเมื่อปีก่อนอย่างแน่นอน”
“ฉัน...”
เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นจริงๆ จินนี่มีเหตุผล แม้ว่าชุดกระโปรงราตรีที่เธอใส่ช่างพอดีกับตัวเธอเมื่อปีที่แล้ว ดังนั้นมันอาจจะไม่พอดีก็เป็นไปได้ เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่เสื้อผ้ารอบๆ ตัวแล้วถอนหายใจ นี่จะต้องกินเวลานานมากกว่าที่เธอต้องการเสียเวลาอยู่ที่นี่ แต่จินนี่ไม่ดูเหมือนรังเกียจเลย;เธอหยิบกระโปรงหนึ่งหรือสองตัวยื่นให้เฮอร์ไมโอนี่
เฮอร์ไมโอนี่หันหลังให้จินนี่และเริ่มเอามือลูบไปบนเนื้อผ้า บางผืนเรียบลื่นเหมือนแก้ว บางผืนหยาบและลงแป้งแข็ง มีชิ้นหนึ่งทำจากหนังมังกรทั้งตัว เฮอร์ไมโอนี่กำลังพยายามไม่ใส่ใจกับกองชุดกระโปรงราตรีที่สูงเป็นภูเขาซึ่งจินนี่กำลังจัดวางไว้บนโต๊ะใกล้กระจก และเพ่งเล็งไปที่ชั้นวางของตรงหน้าเธอแทน สายตาเธอไปสะดุดทันทีอยู่ที่กระโปรงชุดหนึ่งโดยเฉพาะ เธอเอามันออกมาพิจารณาดู เนื้อผ้าเป็นสีแดงเข้มอบอุ่นทำให้เธอนึกถึงไม้พุ่มเบอร์รี่ ผ้าของมันนุ่มและเรียบเนียนเหมือนการสัมผัสผ้าไหมแต่หนากว่า มันมีความงดงามแบบเรียบๆ และแสงไฟไม่สะท้อนออกจากมันแบบที่กระโปรงบางชุดเป็น มันช่างละเอียดอ่อนในความสวยงามของตัวเอง รายละเอียดอย่างเดียวอยู่ที่ปลายแขนเสื้อรูปทรงระฆัง ตกแต่งด้วยแถบสีแดงเล็กๆ มันวาว รอยยิ้มกระจ่างบนสีหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่หันไปอวดจินนี่
“ดูชุดนี้ซิ!” พวกเธอพูดพร้อมกัน
จินนี่กำลังยื่นกระโปรงชุดหนึ่งมาให้เฮอร์ไมโอนี่ดู ทั้งสองสาวชื่นชมเสื้อผ้าพร้อมกับเปล่งเสียงอู้วว์สลับกันไปมา ชุดที่จินนี่พบเป็นสีน้ำเงินสว่างสดใส บางเบาและโปร่งสบาย ทำจากวัตถุดิบที่ดูเหมือนเปล่งประกายระยิบระยับในแสงไฟ รอยจีบละเอียดประณีตยาวลงไปตามชายเสื้อและแขนเสื้อแคบพอดีลงไปถึงมือ เฮอร์ไมโอนี่มองกระโปรงแต่ละตัวแล้วยิ้มกว้างให้จินนี่ เธอจะเลือกอย่างไรดี? แต่ทว่าจินนี่กลับนิ่งเงียบ เธอกำลังจ้องไปที่จุดเหนือไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่
“อะไรหรือ?” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มถาม และหันไป
เดรโก มัลฟอย กำลังยืนอยู่ข้างนอกร้านและเฝ้าดูพวกเธอ เฝ้ามองเธอผ่านตู้กระจกโชว์สินค้าบานใหญ่ กลุ่มเอลฟ์สามตัวกำลังร้องเพลงอยู่ใกล้เขา แต่เขาเหมือนไม่รับรู้ เฮอร์ไมโอนี่สงสัยว่านานแค่ไหนแล้วที่เขายืนอยู่ตรงนั้นเฝ้าดูพวกเธอซื้อของ แล้วอาการหน้าแดงก็แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเธอ เขาเหมือนรู้สึกตัวตื่นจากความฝัน และตระหนักว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เลยหันกลับไปอย่างรวดเร็ว ก้าวเท้ายาวๆ ไปในกองหิมะที่เพิ่มสูงขึ้น
“เออ” จินนี่พูดด้วยน้ำเสียงงงๆ “ช่างแปลกประหลาดจริงๆ”
__________________
เฮอร์ไมโอนี่เปิดประตูห้องของพวกเขาแล้วหยุด ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดมัลฟอยจัดการขับไล่ให้เธอกลับมาที่โรงเรียนได้ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่และวางเท้าพักไว้บนกองแผ่นกระดาษที่พวกเขาได้ดูไปแล้ว มีหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ที่หน้าตัก เขาเงยขึ้นมองเธอขณะที่เธอยืนอยู่ตรงนั้น แล้วรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับความฝันของเฮอร์ไมโอนี่ไหลพรั่งพรูเข้ามาในความคิด เธอรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนผ่าวอย่างมาก สูดลมหายใจอย่างสม่ำเสมอก่อนดึงประตูปิดตามหลังเธอ
“เป็นอะไรหรือเปล่า เกรนเจอร์? เธอดูหน้าแดงหน่อยๆ” มัลฟอยบอกเธอ มีความขบขันเล็กน้อยอยู่ในแววตาสีเงินของเขา
เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเขา เพียงแค่เดินอย่างปั่นปึ่งผ่านไปที่ลังไม้ใกล้หน้าต่าง เลือกหนังสือเล่มหนึ่งจากกองหนังสือที่อ่านไม่ออก เธอกลับมาที่โต๊ะและนั่งลงอย่างเงียบๆ เธอยังคงไม่ใส่ใจเขาเป็นเวลาหลายนาที แต่ความจริงที่ว่าเขายังเฝ้ามองเธอกำลังเริ่มมีผล
“อะไร?” เธอว๊ากใส่ในที่สุดด้วยความโกรธ “นายพบอะไรที่น่าสนใจมากรึ?”
มัลฟอยฉีกยิ้ม พอใจอย่างเห็นได้ชัดกับความสามารถที่ก่อกวนเธอได้
“ไม่มีอะไรเลยจริงๆ แค่เห็นว่ามันตลกดีที่เธอดูคล้ายวีสลี่ย์มากแค่ไหนในเวลานี้ ไม่รู้เลยว่าเธอสามารถหน้าแดงได้ขนาดนั้น”
“ข้างนอกมันหนาว! และฉันชอบมากกว่าที่คิดว่ามันเป็นสีชมพู” เธอบอกเขาอย่างเย็นชา
“เธอพูดอะไรก็ได้ เกรนเจอร์” มัลฟอยยิ้มเกือบชอบใจให้เธอ แล้วเริ่มต้นอ่านหนังสืออีกครั้ง
เฮอร์ไมโอนี่เสียเวลาไปพักหนึ่งเพื่อมองศีรษะยุ่งๆ ของเขา ก่อนตั้งอกตั้งใจอย่างเต็มที่กับหนังสือของเธอ เวลาผ่านไปและท้องฟ้าด้านนอกมืดลง หิมะกำลังตกหนักในเวลานี้ มัลฟอย
ออกจากห้องโดยไม่พูดอะไร เฮอร์ไมโอนี่ดูเขาเดินออกไปจากทางหาตาและยักไหล่กับตัวเองเมื่อเขาหายลับไป
เฮอร์ไมโอนี่ครางเบาๆ และถูขมับด้วยปลายนิ้ว เธอทำงานมาได้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่รหัสยังคงไม่รู้เรื่องอยู่ดี เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นเล็กน้อยแล้วดึงเสื้อให้กระชับมากขึ้น คิดถึงผ้าคลุมอบอุ่นที่พับไว้อย่างเรียบร้อยอยู่บนเตียงใกล้กับเสื้อผ้าชุดใหม่ของเธอ
ประตูเปิดออกและมัลฟอยก้าวเข้ามาข้างใน เขากำลังถือถ้วยสองใบ หนึ่งในนั้นเขาวางลงตรงหน้าเธอ ก่อนนั่งลงในที่นั่งของตัวเองตรงข้ามกับโต๊ะ เฮอร์ไมโอนี่มองลงไปที่ของเหลวสีเข้มควันฉุย แล้วเหลือบขึ้นไปที่มัลฟอยซึ่งกำลังเริ่มดื่มจากถ้วยของเขา
“นี่คืออะไร?”
“แล้วมันดูเหมือนอะไรล่ะ เกรนเจอร์? มันคือกาแฟ” เขาบอกเธออย่างเหน็บแนม
“ใช่ ฉันรู้ว่ามันคือกาแฟ แต่ทำไมฉันถึงมีล่ะ?” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างข้องใจ
“ฉันรู้สึกหนาว และคิดว่าฉันน่าจะไปเยี่ยมเยียนอดีตเอลฟ์รับใช้ซะหน่อย แล้วเอาบางอย่างที่อุ่นๆ มาดื่ม ฉันคิดว่ามันอาจแค่ความเป็นสุภาพบุรุษของฉันที่นำมันมาให้เธอด้วย” เฮอร์ไมโอนี่ละสายตาจากมัลฟอยกลับไปที่กาแฟของเธอ และเขย่ามันอย่างสงสัย
“เธอสามารถดื่มกาแฟดำได้ใช่ไหม? ฉันรู้มาว่าแม่มดบางคนมีท่าทีอ่อนแอเกินกว่าจะดื่มบางอย่างที่เข้มข้นมากแบบนี้” เขายิ้มเย้ยใส่เธอ
“แน่นอน ฉันดื่มกาแฟดำได้” เธอพูดเสียงดังใส่เขา ราวกับต้องการพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้เป็นเจ้าของร่างกายอ่อนแอ เธอกลืนของเหลวร้อนผ่าวเข้าไปอึกใหญ่ทีเดียว
ความอบอุ่นแผ่กระจายไปทั่วตัวเธออย่างรวดเร็ว และเฮอร์ไมโอนี่กลับไปสนใจหนังสือของเธอต่อ พลาดเห็นรอยยิ้มนิดๆ ที่ปรากฏบนสีหน้ามัลฟอยแวบเดียว
การศึกษาค้นคว้าของพวกเขาดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่ชำเลืองไปดูนาฬิกาของเธอ เห็นว่าเกือบจะถึงเวลาที่ห้องสมุดต้องปิดแล้ว ทำให้ความต้องการของเธอที่จะเข้าใจหนังสือพวกนี้หมดหวัง
“นายเข้าใจมันแล้วหรือยัง มัลฟอย?”
“อะไร? เธอยังไม่ได้อีกหรือ เกรนเจอร์?” มัลฟอยตอบคำถามของเธอด้วยคำถามใหม่
เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่เขา ยอมกล้ำกลืนศักดิ์ศรีของเธอ “ไม่ ฉันยังไม่ได้เลย แล้วของนายบอกอะไรบ้าง?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเบาแทบไม่หายใจ ความเป็นไปได้ที่หนังสือพวกนี้อาจบอกอะไรที่ยาวเหยียดตรงหน้าเธอเหมือนการผจญภัยอันยิ่งใหญ่
“ฉันไม่มี ความคิดมืดมัวที่สุด” เพื่อเพิ่มการตอกย้ำ มัลฟอยปิดหนังสือเสียงดังและโยนมันลงไปบนโต๊ะตรงหน้าเขาอย่างแรง
“อะไรนะ? แต่ฉันคิดว่า...นายคงไม่พูดว่า...บางครั้งนายช่างเป็นคนงี่เง่าอะไรแบบนี้ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ไขว้แขนกอดออกและจ้องเขาเขม็ง
“ฉันรู้ แต่ฉันก็ยังรูปหล่อเหลือร้ายอยู่ดี และนั่นทำให้ข้อบกพร่องต่างๆ ของฉันด้อยกว่าที่มันเป็น” มัลฟอยยิ้มอย่างใจดีให้เธอ
เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่หัวเราะฝืดๆ เท่านั้นและปิดหนังสือของเธอ ตัดสินใจว่าเธอเหนื่อยเกินไปแล้วที่จะทำต่อ เธอวางหนังสือบนโต๊ะถัดจากกองสมุดจดบันทึกของเธอ ตรวจดูคร่าวๆอย่างรวดเร็วอีกครั้งในกรณีมีบางอย่างที่เธออาจหลงหูหลงตาไป เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขายังถอดรหัสไม่ได้เลย;มันเห็นได้ชัดว่าเวลานี้พวกเขากำลังค้นหามัน โครงสร้างของตัวเลขที่คุ้นเคยกระโดดออกมาจากหนังสือพวกนี้ การรวมกลุ่มของเลขสี่ตัวที่เป็นเอกลักษณ์ และความเป็นจริงของเลขสิบเอ็ดที่อยู่โดดๆ เสมอ เธอกลั้นหาวและตัดสินใจว่ามันจะไม่ทำให้อะไรดีเลยถ้าหากทำงานในขณะที่เหนื่อยล้าแบบนี้ เธอดึงกระเป๋าขึ้นมาพาดไหล่และเดินไปที่ประตู
“เจอกันพรุ่งนี้นะ เกรนเจอร์?” มัลฟอยเรียกตามหลังเธอ
“แน่นอน” เธอตอบอย่างงัวเงีย ก่อนดึงประตูปิดตามหลัง
ความคิดเห็น