คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 11: ฝืนใจ(ปรองดอง)
Chapter 11: ฝืนใจ(ปรองดอง)
เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาของเธอหลายครั้งก่อนตั้งสติไล่ความมึนงงออกไป แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ รอดผ่านใบไม้แยงตาเธอเล็กน้อย เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหายงง
เธอลุกขึ้นนั่งและพยายามมองว่าเธออยู่ที่ไหน เธอกวาดสายตาของเธอไปรอบๆโดยเร็ว และเธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นร่างหนึ่งที่คุ้นตา นอนหงายไม่ห่างไกลไปจากเธอมากนัก เฮอร์ไมโอนี่คลานเข้าไปใกล้ๆเขา และพิจารณาชั่วครู่ ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูมอมแมมไปบ้างทรงผมจะดูยุ่งๆไปนิดแต่เธอจำเขาได้ดีทีเดียว ศัตรูตลอดกาลของเธอ เดรโก มัลฟอย นอนร่างไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้นเธอผงะหงายหลังออกไปนิดหนึ่ง แต่สามัญสำนึกที่ดีทำให้เธอจับตามองเขา เพื่อความมั่นใจว่า เขายังไม่ตาย นัยน์ตาของเดรโกปิดสนิทแขนทั้งสองของเขาวางบนหน้าอกอย่างสงบ ถ้าไม่เป็นเพราะหัวใจที่กระเพื่อมน้อยๆตามลมหายใจของเขา เธออาจจะคิดว่าเขาตายไปเสียแล้ว
“มัลฟอย” เธอเรียกเขาเบาๆ เดรโกยังคงนิ่ง ร่างกายไม่กระดุกกระดิกเลยสักนิด
“นายบาดเจ็บหรือเปล่า”เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากศัตรูของเธออีกตามเคย
“ขยับตัวสิ บ้าจริง ทำอะไรก็ได้มัลฟอย ส่งสัญญาณหน่อย ได้โปรด” เดรโกยังคงไม่มีปฎิกิริยาใดๆในการตอบโต้กับเธอเลยแม้แต่น้อย เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิดก่อนตัดสินใจบางอย่าง
“ตื่นสิ”เธอพูดและตบแก้มเขาฉาดใหญ่ เฮอร์ไมโอนี่ไม่คิดที่จะตั้งใจทำร้ายเขา แต่เธอคิดว่าวิธีนี้อาจจะทำให้เขาตื่นขึ้นมาก็ได้ แต่เธอคิดผิดทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
เฮอร์ไมโอนี่เริ่มใจเสีย เธอกวาดสายตามองไปทั่วป่า เธอควรจะทิ้งเขาไว้ที่นี่ อีกไม่นานสัตว์ป่าก็คงจะได้กลิ่นของเขาและมาลากเขาไปขย้ำเอง แต่ เขายังไม่ตายนี่ ! เธอจะทิ้งเขาไว้ที่นี่ไม่ได้ ถึงแม้เขาจะเป็นคนไม่ดีในสายตาของเธอแต่เขาก็สมควรได้รับโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่เท่าเทียมกับเธอ เฮอร์ไมโอนี่ร่ำร้องอยู่ภายในใจ เธอกวาดสายตามองไปรอบๆอีกครั้งอย่างพิจารณา พวกเธอนอนสลบอยู่กลางป่าในสถานที่โล่งแจ้ง ซึ่งไม่เป็นการดีเลยกับการหลบหลีกสัตว์ร้ายที่น่ากลัวเฮอร์ไมโอนี่ล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมและความหาไม้วิเศษของเธอ เมอลินร์ มันว่างเปล่า เฮอร์ไมโอนี่ใจหายวูบ เธอรีบกวาดสายตาไปตามพื้น และหวังไว้ในใจลึกๆว่ามันคงจะหล่นอยู่แถวๆนั้น เฮอร์ไมโอนี่เริ่มมองหาในพื้นที่ที่กว้างขึ้น แต่ไม่มีวี่แววว่าเธอจะได้รับชัยชนะในการค้นหาในครั้งนี้เลย เธอถูกดึงเข้ามายังสถานที่ๆไม่รู้จัก เธอเข้ามาอยู่กับศัตรูอันดับหนึ่งของเธอ และที่แย่ไปกว่านั้น เธอไม่มีไม้คฑาของเธอเองอีก เธออาจจะทำตกไปตอนที่วิ่งหนีมัลฟอย หรือไม่ก็ทำตกตอนที่ชุลมุนกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ ก่อนที่พวกเธอจะถูกดูดเขามาที่นี่
เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงมองดูร่างของเดรโกอีกครั้งเธอถอนหายใจเมื่อมองร่างที่ใหญ่โตของเขาเธอไม่มีแรงพอที่จะลากเขาไปหลบที่พุ่มไม้ใดพุ่มไม้หนึ่งได้ เพื่อให้หลบพ้นสายตาของสัตว์ป่า เพียงแค่มีไม้วิเศษมันคงจะง่ายกว่านี้เยอะเลย ซึ่งตอนนี้เธอไม่มี
แต่ !เดี๋ยวก่อน
เธออาจจะไม่มีไม้วิเศษ แต่ มัลฟอยอาจจะมีมัน บางทีมันอาจจะเก็บไว้ที่ใดที่หนึ่งในเสื้อคลุมนั้น เฮอร์ไมโอนี่หอบหายใจแรงๆก่อนที่เธอจะตัดสินใจลองค้นดูไม้วิเศษในเสื้อคลุมของเขา เฮอร์ไมโอนี่เขยิบเข้าไปใกล้เดรโกและเริ่มค้นหาตามตัวของเขา ในขณะที่เธอเลิกเสื้อคลุมของเขา เพื่อดูว่าไม้คฑาจะอยู่ที่กระเป๋ากางเกงของเขาหรือเปล่านั้น
แทบจะในทันที แขนแข็งแรงของเดรโกตวัดรอบเอวของเธอและกระชากตัวเธอล้มลงบนตัวเขาก่อนที่เธอจะตั้งตัวได้ทันเรือนร่างโปร่งบางของเฮอร์ไมโอนี่แนบกับร่างของเขาอย่างชิดใกล้เสียแล้ว หน้าอกอิ่มของเฮอร์ไมโอนี่สะท้อนขึ้นลงอย่างแรงตามภาวะตื่นตกใจของเธอ ซึ่งมันสัมผัสกับหน้าอกของเขา จนเขารู้สึกได้ และที่สำคัญกลิ่นผิวกายเฉพาะของเธอ ที่ทำให้เขาตระหนักถึงว่าเป็นเธอ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ศัตรูของเขา
เดรโกพลิกตัวของเธอกักตัวเธอให้อยู่ภายใต้ร่างของเขา และสิ่งนี้มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ตกใจจนแทบจะทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะรวบรวมสติและรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เธอดิ้นรน และพยายามดันไหล่ของเขาออก แต่ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
“ออกไปจากตัวฉันนะ มัลฟอย” เธอพูดเกือบจะตะโกนใส่หน้าของเขา
“เมื่อกี้เธอทำอะไรฉันเกรนเจอร์”เดรโกหน้าบึ้งปากของเขาเม้มสนิทอย่างดุดันสายตามีแววเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายในขณะที่มองเด็กสาวใต้ร่างของเขา
“ฉ ฉ ฉันไม่ได้ทำอะไรนาย... ปล่อยฉัน”เฮอร์ไมโอนี่หอบหายใจอย่างลำบากเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวใหญ่โตของเขาที่ทิ้งทับเธออยู่ด้านบน
“โกหก เธอตบหน้าฉันเกรนเจอร์ แล้วยังจะหาไม้คฑาเพื่อมาทำร้ายฉันอีก ”เขาพูดรอดไรฟันอย่างดุดัน
”เธอรู้ไหมคนที่ทำร้ายพวกเรามัลฟอยสมควรได้รับบทเรียนแบบไหน”เขาพูดพร้อมรอยยิ้มเยาะ ที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกกลัว
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ประตูห้องของสำนักงานใหญ่ถูกเหวี่ยงเปิดออก ร่างสูงปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตุ มัลกอลนากัลป์เหลือบตาขึ้นมอง เธอคาดว่าอาจจะได้พบกับศาสตราจารย์คนใดคนหนึ่งที่เธอพอจะคุยด้วยได้ในตอนนี้ แต่เมื่อเธอได้พบกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มลึกที่จับจ้องเธอ มันกลับกลายเป็นของคนเพียงคนเดียวที่เธอคุ้นเคย และนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มัลกอลนากัลรู้สึกดีใจเป็นครั้งแรกในวันนั้น
“โอ้ว อัลบัส”ศาสตราจารย์มัลกอลนากัลป์เรียกชื่ออาจารย์ใหญ่ด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับลมหายใจถี่กระชั้นที่เต็มไปด้วยความดีใจเป็นที่สุด
“มินอว่า”เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและสาวท้าวเข้ามายังด้านใน
“ดีใจที่เห็นคุณกลับมา ฉันสับสนไปหมดไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีกับสถานการณ์แบบนี้”
ภาพความวุ่นวายของฮอกวอตส์วาบเข้ามาในสมองของเธอ ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่เธอก็สลัดความวิตกนี้ออกไปก่อนที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จะสังเกตุเห็น
“ผมรู้มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราทุกคน พวกนักเรียนของเราเป็นยังไงกันบ้าง”ดัมเบิลดอร์ถามพร้อมกับนั่งเก้าอี้ประจำที่นั่งของตน
“ส่วนใหญ่จะยังคงตกใจกันอยู่ ฉันให้ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่หอนอนของแต่ละบ้าน ห้ามทุกคนเข้ามาใกล้บริเวณห้องโถงใหญ่ ส่วนเรื่องอาหารจะเป็นหน้าที่ของพวกเอลฟ์ที่จะคอยบริการพวกเขาเองในแต่ละบ้าน ส่วนบริเวณห้องโถงใหญ่ทั้งหมดเราปิดใช้ชั่วคราว เพราะฉันไม่อยากเห็นนักเรียนของเราเกิดปัญหาขึ้นมาอีก”
ดัมเบิลดอร์พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“คุณทำได้ดีมากมินอว่า”เขาพูดขึ้นอย่างช้าๆ ” คราวนี้คุณคงสามารถเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ผมฟังได้แล้ว ก่อนที่คนจากกระทรวงจะมาตรวจสอบที่นี่”
ความตึงเครียดในน้ำเสียงของเขามันเพิ่มความกังวลให้กับมัลกอลนากัลป์มากยิ่งขึ้น ความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจเธออีกครั้ง มันเกาะกุมอย่างหนักหน่วงจนแทบจะดึงเอาอากาศของเธอออกไปจากร่างจนหมด
“คุณหมายความว่า กระทรวงรู้เรื่องนี้แล้วอย่างงั้นเหรอ”
ดัมเบิลดอร์พยักหน้าอย่างช้าๆ ดวงตาของมัลกอลนากัลป์จับที่เขานิ่ง ริมฝีปากของเธออ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“กระทรวงรู้เรื่องนี้แทบจะในทันทีที่ผมรู้ ผมคาดเดาว่าอย่างเร็วสุดน่าจะเป็นพรุ่งนี้ที่ตัวแทนของกระทรวงจะเข้ามาตรวจสอบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่”
“โอ้ว อัลบัส คนพวกนั้นต้องหาเรื่องปิดโรงเรียนของเรา”เธอหอบหายใจและพ่นลมหายใจด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อนมัลกอลนากัลทรุดนั่งที่เก้าอี้ข้างตัวอย่างหมดแรง
“อย่าเพิ่งวิตกไปมินอว่า คุณควรจะเล่าเรื่องให้ผมฟังดีกว่าในตอนนี้”เขากล่าวออกมาอย่างช้าๆราวกับว่ามันเป็นเหตุการณ์ปกติ
“มันจะดีกว่าถ้าคุณจะเห็นด้วยตาของตัวคุณเอง ดังนั้นฉันจึงดึง แพนซิพจากแฮร์รี่เอามาไว้ที่นี่แล้ว”
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
“ไม่ ...ฉัน”เฮอร์ไมโอนี่พยายามที่จะพูดอธิบาย แต่ทว่าเดรโกไม่ได้ให้โอกาสกับเธอริมฝีปากของเขาปิดประกบปากอวบอิ่มของเธออย่างถนัดถนี่ เขาตั้งใจจูบเพื่อสกัดกั้นคำพูดโกหกของเธอไว้ แต่รสชาติของเธอมันกลับร้อนวาบไปทั่วตัวเขา เร่าร้อนและเย้ายวนใจ
เฮอร์ไมโอนี่ตัวแข็งกับการระเบิดอารมณ์ของเขา เธอโทษตัวเธอ เธอน่าจะปล่อยเขาให้ตาย ทิ้งเขาไว้ที่นี่ แต่เธอกลับพยายามที่จะช่วยเขา แต่เขากลับคิดว่าเธอกำลังจะทำร้ายเขา เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นภายใต้ร่างของเขาด้วยความโกรธ และความอายผสมปนเปกัน
เดรโกยังคงจูบเธอลึกล้ำมากยิ่งขึ้น เรียกร้องเพื่อให้เธอโอนอ่อนเขา ในขณะที่สมองของเฮอร์ไมโอนี่กำลังเตลิดเธอครางเสียงแผ่วเบาและการตอบสนองของเธอมันทำให้เขาแทบลืมหายใจเขาปล่อยตัวไปเพื่อคื่มค่ำกับรสชาติของเธอมากยิ่งขึ้น
เฮอร์ไมโอนี่มึนงงกับสติของเธอ เธอเผยอริมฝีปากเชื้อเชิญเขา และเขาก็สนองตอบ ริมฝีปากของเขาเข้าไปสำรวจในโพรงปากของเธออย่างเต็มใจ
พระเจ้า อะไรที่ทำให้เธอสนองตอบกับจูบที่เร่าร้อนรุนแรงของเดรโก เฮอร์ไมโอนี่พยายามบังคับความคิดเกี่ยวกับเดรโกให้หลุดออกไปจากจิตใจของเธอ โดยอ้างเหตุผลว่าเพราะความเหนื่อยล้าของเธอ เหนื่อยล้าที่จะต้องต่อสู้กับเขาและต่อต้านเขา อีกทั้งประสบการณ์ที่อ่อนด้อยของเธอในเรื่องเพศตรงข้ามก็มีส่วนที่ทำให้อารมณ์เหล่านั้นเข้าครอบงำเธอ จนเธอลืมเวลา สถานที่และอันตรายต่างๆที่อยู่รอบตัว
และลืมไปว่าผู้ชายที่กำลังกอดจูบเธอยู่ในตอนนี้คือศัตรูของเธอ เสียงครางเบาๆอย่างพอใจของเดรโกมันทำให้เธอรู้สึกตัว เฮอร์ไมโอนี่เบี่ยงใบหน้าของเธอจนหลุดออกจากริมฝีปากของเขา และพยายามต่อสู้ดิ้นรนขัดขืนอีกครั้ง
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
มันหนาวน่าดูเมื่อตอนที่แฮร์รี่เดินลงมาจากหอนอน เขาคว้าเสื้อคลุมออกมาสวม และเดินลงมาที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้าน รอนยังคงคุยติดพันอยู่กับเซมัสและเนวิลล์ รวมทั้งเพื่อนบ้านอีกสองสามคน เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนรู้สึกวิตกกังวลแต่สำหรับแฮร์รี่เขารู้สึกมากกว่า ในตอนนี้เขาไม่อยากพูดคุยกับใครแม้กระทั่งรอน เขาเพ่งมองเปลวไฟที่คุกกรุ่นอยู่เบื้องหน้า ราวกับว่าจะมีใครเดินออกมา ใช่ เขาปรารถนาให้เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมา และโผข้าสู่อ้อมกอดของเขาเหมือนทุกๆครั้งที่พ้นจากอันตราย แต่คราวนี้ไม่! เธอไปแล้ว เธอหายวับไปกับสายตาของเขา เหมือนกับชีวิตส่วนหนึ่งของเขาขาดหายไป เขาเพิ่งจะรู้แจ้งในตอนนี้ว่าเฮอร์ไมโอนี่สำคัญกับชีวิตของเขาขนาดไหน
ทุรนทุราย ทุกข์ร้อนยามที่ไม่มีเธอ น่าแปลกเขาควรจะรู้สึกแบบนี้กับจินนี่ ยามที่เขาห่างจากเธอ แต่มันไม่ใช่เลย มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกแบบเด็กหนุ่มทั่วๆไป มึนงง สับสน แต่ไม่ใช่ทุกข์ทรมานแบบนี้
เมอลินร์เขาควรจะทำยังไงดี! เขาจะต้องหาทางเอาตัวเธอกลับมา แต่ทางไหนล่ะ เขาไม่รู้ แฮร์รี่ไม่ใช่คนที่ฉลาดพอในเรื่องทฤษฎีมากนัก ถ้าสลับกันเป็นให้เขาถูกดูดเข้าไปยังหลุมดำนั่น และให้เฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่นี่ เขากล้าพนันได้หมดในกริงกอตส์ ว่าเฮอร์ไมโอนี่คงจะนำเขากลับมาได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน
อยู่ ๆภาพของมัลฟอยวาบเข้ามาในใจของแฮร์รี่ ทำให้เขานิ่วหน้าอย่างขัดใจ ไม่ดีเลย เฮอร์ไมโอนี่ถูกดึงเข้าไปกับมัลฟอย เขาไม่รู้ว่าไอ้ชาติชั่วนั่นมันจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับเธอบ้างหรือเปล่า แต่แฮร์รี่ก็เชื่อมั่นว่า เฮอร์ไมโอนี่เข้มแข็งพอที่จะตอบโต้มัลฟอยถ้าเขาคิดจะทำอะไรกับเธอ แต่ถ้าไม่ใช่อย่างที่เขาคิดล่ะ ยังไงเสียเฮอร์ไมโอนี่ก็คือผู้หญิง มันคงไม่ดีแน่ แฮร์รี่พยายามสลัดความคิดนั้นออกไปจากหัวสมองของเขา
ในขณะที่เขาขยับกระชับเสื้อคลุมตัวหนา เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคน ลงบันไดจากหอนอนตรงมาทางเขา
ให้ตายสิ ! ทำไมถึงไม่ปล่อยให้เขาอยู่เพียงลำพังบ้างนะ เขาคิดพร้อมสบถเบาๆ คิ้วของแฮร์รี่ขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยแรงอารมณ์ ในขณะที่เขาเสยผมสีดำยุ่งๆที่ชื้นจากความร้อนของเปลวไฟแบบลวกๆ
“แฮร์รี่ฉันรู้ว่านายกังวลเรื่องเฮอร์ไมโอนี่ แต่ ฉันเชื่อว่าเฮอร์ไมโอนี่จะปลอดภัย อย่าลืมว่าเธอมีกึ๋นพอ”รอนพูดปลอบใจอย่างสงบเท่าที่เขาพอจะทำได้ เขารู้ดีเท่าที่แฮร์รี่รู้เช่นกัน สถานการณ์ยุ่งเหยิงนี้เป็นสถานการณ์อันตรายที่เคร่งเครียดอย่างยิ่ง แต่รอนก็พูดเรื่องจริงกับความเชื่อที่ว่า เฮอร์ไมโอนี่ฉลาดพอที่จะเอาตัวรอดได้จากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้
“ฉันรู้ว่าเธอมีกึ๋นพอแต่ฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ อย่าลืมรอน มัลฟอยก็อยู่กับเธอด้วย ฉันไม่ไว้ใจมัน”
“มัลฟอยนะงี่เง่า” รอนยกมือขึ้นห้ามก่อนที่แฮร์รี่จะทันได้ประท้วง”เฮอร์ไมโอนี่ฉลาดกว่าเห็นๆ”
“รอน นายไม่เข้าใจ”แฮร์รี่กำหมัดแน่นในขณะที่เขาพูด”มัลฟอยนะทั้งชั่วช้าและเจ้าเล่ร์ เขาทำอะไรได้ทุกอย่างถ้ามันเป็นผลดีสำหรับตัวเขา”
“นั่นไง นายก็รู้ว่ามัลฟอยเป็นคนยังไง แล้วนายไม่คิดหรือไงว่าคนฉลาดอย่างเฮอร์ไมโอนี่จะไม่รู้ดีไปกว่าพวกเรา เธอรับมือกับมัลฟอยได้แน่”
“แล้วเรื่องอื่นล่ะ เธอไปอยู่ที่ไหน มันอาจจะเลวร้ายไปกว่าที่เธอเคยเจอมา หรือเธออาจจะถูกขังไว้ในที่มืด เธออาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกนี้ที่เธอไม่คุ้นเคย ฉันไม่อยากจะคิดต่อเลยรอน”
รอนจนมุมเขาผงกหัวยอมรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เห็นได้ชัดว่าการปลอบใจของเขา ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย เขาคาดหวังว่าเธอจะปลอดภัย และดัมเบิลดอร์จะพาเธอกลับมาโดยเร็ว
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
“หยุดนะมัลฟอย”เฮอร์ไมโอนี่พูดจนเกือบจะตะโกนใส่เขาเมื่อเธอสามารถสูดลมหายใจได้ทั่วปอดแล้ว จากการจูบที่ดุเดือดของเขามันทำให้เธอแทบหยุดลมหายใจเสียตรงนั้น เดรโกผละริมฝีปากของเขาออกจากเธอด้วยความนึกเสียดายกับริมฝีปากที่หอมหวานนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอแววตาของเขาระยิบระยับและดูขึ้เล่น
“ไม่ “เขาพูดและยิ้มเล็กๆที่มุมปาก แววตาเป็นประกาย” บอกเหตุผลมาก่อนสิว่าทำไมฉันต้องทำตามที่เธอพูดด้วยเกรนเจอร์”
“นายควรมองไปรอบๆตัวก่อนมัลฟอย”เธอพูดและผลักไหล่ของเขาออกเมื่อรู้สึกตัวได้ว่ามือไม้ของเขาที่ยังคงยุ่มย่ามอยู่บนตัวเธอ แต่! พระเจ้าร่างแข่งแกร่งของเดรโกไม่ขยับเขยื้อนสักนิด เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างหมดหวัง
“ดูซะก่อนว่าเราอยู่ที่ไหน ที่นี่ไม่ใช่ฮอกวอตส์นะ”
เดรโกขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอบอก เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆบริเวณนั้น เขาอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ล้อมรอบตัวเขามันไม่ใช่ห้องโถงในฮอกว๊อตส์ มันเป็นสถานที่ๆเขาไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
“ที่นี่ที่ไหน”เขาพูดเสียงดัง”แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ปล่อยฉันก่อนสิ”เธอพูดประท้วงและดันไหล่ของเขาอีกครั้ง
“ก็ได้” เขามองเธอเขม็งก่อนจะขู่เธอ”แต่อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอนะเกรนเจอร์ เธอค้างฉันมาหลายเรื่องแล้ว และเธอต้องจ่ายคืน”
เขาผละออกจากเธอ เฮอร์ไมโอนี่กลิ้งตัวออกห่างจากเขาโดยเร็ว เธอยืนขึ้นและปัดเศษใบไม้ที่ติดตามตัวเธอโดยไม่พยายามมองเขา
“เอาล่ะขอฉันคิดก่อน”เดรโกกอดอกและหลับตาเหมือนพยายามรวบรวมจิกซอที่หายไป
“เราเข้ามาที่นี่โดยถูกหลุมดำบ้าบออะไรสักอย่างดูดเข้ามา”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก”แล้วหล่นปุ๊ก ลงมาอยู่ที่นี่”เขามองไปรอบๆอีกครั้งอย่างแปลกใจ
“แล้วที่นี่ที่ไหน ป่าต้องห้ามหรือยังไง”
“ถ้าเป็นป่าต้องห้าม ฉันคงจะดีใจมากกว่านี้มัลฟอย อย่างน้อยเราก็รู้ว่าป่าต้องห้ามมีสัตว์ชนิดไหนที่อันตรายและไม่อันตรายบ้างและพืชต้นไหนที่มีพิษหรือไม่มีพิษ แต่ที่นี่เราไม่รู้อะไรเลย”
เฮอร์ไมโอนี่ถอนลมหายใจโดยแรงอย่างหงุดหงิด เกิดความเงียบไปชั่วขณะหนุ่มสาวทั้งสองต่างมองหน้ากันและกันอย่างใช้ความคิด ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มรู้สึกได้ว่า ความเงียบไม่ได้แก้ปัญหาอะไรได้เลยในตอนนี้
“เอาล่ะแล้วตอนนี้จะเอายังไง”ในที่สุดเดรโกก็เป็นคนเอ่ยปากขึ้นมา เฮอร์ไมโอนี่ลังเลคิดกลับไปกลับมา แต่ก็ไม่แน่ใจนัก เธอไม่ชอบอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย ให้ตายเถอะ!
เฮอร์ไมโอนี่นิ่งคิด แต่ไม่ว่าเธอจะชอบหรือไม่ก็ตามเธอได้ลงเรือลำเดียวกับเขาไปแล้ว เธอจะต้องใช้สมองของเธออย่างรอบคอบ และเธอยังจะต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ว่าเธอไม่ได้ผจญภัยกับเพื่อนรักทั้งสองอีกต่อไปแล้ว แต่เธอต้องร่วมเดินทางและเผชิญอันตรายร่วมกันกับคู่หูคนใหม่ ซึ่งเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของเธอ เดรโก มัลฟอย
“ฉันว่าเราควรสำรวจป่าดูก่อน”เธอพูดน้ำเสียงจริงจัง”อย่างน้อยเราก็ต้องหาของกินบางทีอาจจะเจอคนหรืออะไรที่พอจะช่วยให้เรารู้ได้ว่าที่นี่ที่ไหน”
“เกรนเจอร์ เธอคิดว่าที่นี่ จะมีคนงั้นเหรอ”เดรโกพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน
“ตราบใดที่เรายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับป่านี้ เราควรจะมีความหวัง” เดรโกยิ้มเล็กน้อย เขารู้จักเธอดีพอในระดับหนึ่ง จากการที่ต้องต่อสู้กับพวกเธอมานานหลายปี เฮอร์ไมโอนี่เป็นนักสู้เต็มตัว เธอมักจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ โดยไม่มีการต่อสู้จนถึงนาทีสุดท้าย เธอมักมีชื่อเสียงในเรื่องนี้ และสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้เขารู้สึกชื่นชอบเธออยู่เงียบๆ
“เธอพูดก็ถูก”เดรโกยิ้มโกงๆอย่างพวกเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะชี้นิ้วเข้าไปในป่า “แต่ถ้าเรายังมัวแต่เดินหาของกินกันฉันว่าพวกเราอดตายกันพอดี”
“แล้วนายจะเอายังไง”เฮอร์ไมโอนี่ถามเธอมองเขาด้วยสายตาคมกริบ เดรโกยิ้มกวนๆก่อนเดินเข้าใกล้และกระซิบ
“ฉันมีไม้คฑาเกรนเจอร์ ฉันจะใช้เวทมนต์เพื่อเรียกของกินมา มันฉลาดกว่ากันเยอะ ที่เราจะเดินหาผลไม้ในป่าที่เราไม่คุ้นเคยกันแบบนี้”
เฮอร์ไมโอนี่ขยับกายออกห่าง สายตาของเธอมองฝ่าเข้าไปยังป่าทะมึนที่อยู่ข้างหน้า
“ก็ได้พ่อคนฉลาดงั้นก็แสดงเลยสิ”เดรโกยึดตัวขึ้นเล็กน้อย แสดงสีหน้าอย่างมาดมั่นก่อนเหวี่ยงไม้คฑาชี้ตรงไปยังป่าด้านหน้า พลางเปล่งเสียงที่แสดงถึงความมั่นใจอย่างเต็มที่
“แอ๊กซิโอ ผลไม้”ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในครั้งแรก เดรโกขมวดคิ้วด้วยท่าทางสับสนก่อนเปล่งเสียงขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
“แอ๊กซิโอผลไม้”เงียบ!
“แอ๊กซิโอของกิน”ความพยายามของเดรโกในครั้งที่สามดูเหมือนไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกันกับในในครั้งแรกและครั้งที่สองสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้พวกเขายืนเซ่อกันชั่วครู่
“ประหลาดที่นี่ไม่มีอะไรพอที่จะกินได้เลยหรือไง”เขาแกล้งพูดพึมพำแก้เก้อในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เอียงคอมองไม้คฑาของเดรโกอย่างแปลกใจ ก่อนที่เธอจะพูดอย่างใช้ความคิด
“มีเหตุผลอยู่เพียงสองข้อ ป่านี้หรือไม่ก็ไม้ของนายมัลฟอย ที่มันมีปัญหา”
“เธอพูดบ้าอะไร”เขาคำรามเสียงดังบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่เข้าใจได้ดีว่า เขาดูไม่ประทับใจอย่างยิ่งกับเหตุผลของเธอ
“อย่าเพิ่งฉุนเฉียวสิคุณชาย นายลองเสกคาถาอะไรอย่างอื่นดูสิว่ามันทำงานไหม”
เฮอร์ไมโอนี่พยักพะเยิดไปทางไม้ของเขา เดรโกนิ่งคิดชั่วครู่ก่อนที่ทำตามที่เธอเรียกร้องอย่างรวดเร็ว
“ลูมอส”เดรโกเสกแสงสว่างที่ปลายไม้แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับไม้ของเขาเลยแม้แต่น้อย เดรโกหันไปสบตากับเฮอร์ไมโอนี่ก่อนลองดูอีกครั้ง
“ลูมอส”เดรโกแทบปาไม้ของเขาทิ้งเมื่อไม้คฑาประจำตัวของเขาไม่สามารถเสกอะไรได้ตามที่เขาต้องการมันเหมือนเศษไม้ที่หาค่าอะไรแทบไม่ได้เลย
“ไม้ของฉันพังแล้ว”เขาตะโกนอย่างหัวเสียดวงตาสีเทาของเขาส่อแววขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด
“มันยังไม่พังหรอก มัลฟอย”เธอพูดพร้อมกับมองดูไม้คฑาที่มัลฟอยถืออย่างพิจารณา
“อะไรของเธอตอนแรกเธอบอกว่าไม้ของฉันอาจมีปัญหาแล้วตอนนี้ก็บอกว่ามันยังไม่พังอีก ไหนลองสาธยายให้ฟังหน่อยสิ ยายหนอนหนังสือ”เขาพูดเสียงตวัดเริ่มจากความเข้าใจไปเป็นรำคาญใจ
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แม้เธอจะต้องการสันติในยามนี้ แต่ช่วยไม่ได้เลยที่เธอจะคิดว่า จริงๆแล้ว มัลฟอยไม่ใช่นักบุญ เขาคอยจะเป็นหนามแหลมที่คอยทิ่มแทงเธอยามที่มีโอกาส
“ที่ฉันบอกว่าไม้คฑาของนายยังไม่พังเพราะว่าไม้ประจำตัวของพ่อมดแม่มดแต่ละคน ไม่มีทางที่จะพังหรือชำรุดได้ง่ายๆถ้ามันไม่หักหรือโดนคาถาอื่นๆทำลาย แล้วไม้ของนายก็ไม่ได้หักหรือชำรุดอะไรนี่ “
“งั้นเธอจะบอกว่าเพราะป่านี้งั้นเหรอ”เขาถามพร้อมกับเหยียดยิ้มอย่างช้าๆ
“ฉันคิดว่าไม้คฑาไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองในป่านี้นะสิ”
สีหน้าแววตาตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้าของเขาแวบเดียว แน่นอน! มันเป็นสิ่งที่เดรโกไม่เคยคาดคิดมาก่อน เขาเป็นพ่อมดนะ และมีไม้คฑาไว้เพื่อใช้งาน แต่นี่ไม้คฑาของเขามันเหมือนกิ่งไม้ชำรุดๆอันหนึ่งเท่านั้น
“ให้ตายสิ! เราจะอยู่โดยไม่มีไม้คฑาไม่ได้หรอกนะเกรนเจอร์ นี่มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรกันขึ้นที่นี่” ลมหายใจของเขาติดขัดลึกลงไปในอก ความเงียบสงบ ใช่ ! เขาแค่ต้องการความเงียบ สักแค่ไม่กี่นาทีเพื่อให้เขาได้สงบ และเลิกคิดถึงเรื่องการติดขังในสถานที่ๆเขาไม่คุ้นเคยโดยที่ไม่มีทางออก
“ฉันคิดว่าป่านี้ต้องมีคาถาสะกดเวทมนต์อย่างแน่นอน”
“อะไรนะ คาถาอะไร”เขาขมวดคิ้ว
“คาถาสะกดเวทมนต์ ใช่! มันเป็นคาถาสะกดโบราณ มันจะสะกดคาถาเวทมนต์ของพ่อมดหรือแม่มดไม่ให้เกิดขึ้น เพื่อป้องกันการต่อสู้ หรือป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นภายในป่าแห่งนี้”เฮอร์ไมโอนี่อธิบายอย่างช้าๆให้เดรโกได้ฟังโชคดีที่เธอเป็นนักอ่านตัวยง ดังนั้นจึงไม่เป็นการยากเลยที่เธอจะรอบรู้สิ่งต่างๆนอกเหนือจากหนังสือเรียนที่เธอเคยเรียนมา
“ใครจะบ้ามาเสกคาถากลางป่าแบบนี้”เดรโกโวยวายขึ้นมาพร้อมกับเตะดินเตะหญ้าที่อยู่ใต้เท้าของเขาเพื่อระบายอารมณ์
“นายควรที่จะดีใจนะ มัลฟอย”
“อะไร”น้ำเสียงของเขาออกจะมีหางเสียงห้วนสั้น แบบที่เตือนให้เธอรู้ว่าเขากำลังข่มอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่
“ฉันจะบอกกับนายว่าถ้ามันเป็นคาถาสะกดเวทมนต์จริงๆงั้นก็แสดงว่าป่านี้ต้องมีคนอยู่นะสิ”
เธอภาวนาไม่ให้เขาโต้แย้งอะไรเธอไปมากกว่านี้เพราะดูเหมือนว่าเธอกำลังจะเสียการควบคุมตัวเองไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดของเดรโกหมุนคว้าง เดรโกพยายามที่จะบังคับปะติดปะต่อความคิดเพื่อตีความในสิ่งที่เขาได้ยิน
“ใช่เธอพูดก็ถูก แต่ปัญหาคือเขาอยู่ที่ไหน”เขาประกาศออกมาอย่างประชดประชัน
“นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องค้นหามัลฟอย ถ้าเราเจอพวกเขาเราก็จะรู้คำตอบว่านี่คือที่ไหนและเราจะกลับบ้านไปได้โดยวิธีใด”
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ช่วงนี้เอลฟ์ทุกคนต่างทำงานหนักอาหารค่ำถูกเสิร์ฟผ่านไปยังหอนอนของแต่ละบ้านแทนที่จะมุ่งตรงไปยังห้องโถงใหญ่เหมือนอย่างเคย แต่ละบ้านล้วนแล้วแต่พูดกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องของหลุมดำและชะตากรรมของเด็กสองคนที่ถูกดึงเข้าไป
ที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้านสลิธิรีนถูกเสกให้เป็นห้องอาหารชั่วคราวทุกคนพร้อมที่จะร่วมกินอาหารและเสวนากันถึงเรื่องนี้
“นายว่าตอนนี้สองคนนั่นจะเป็นยังไงกันบ้าง เบลส”กอยล์ถามทั้งๆที่มีแฮมอบอมอยู่เต็มปาก
“ไม่รู้สิ”เบลสฝืนใจตอบ อันที่จริงเขาอยากอยู่เงียบๆมากกว่าเพราะเขาเองกำลังช๊อกกับเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อนี้
“ฉันว่าสองคนนั่นต้องตีกันตายแน่ พวกเขาเป็นศัตรูกันไม่ใช่เหรอ วันนั้นที่ห้องโถงใหญ่ก็เกือบจะฆ่ากันอยู่แล้ว”หนึ่งหนุ่มในสลิธิรีนพูดขัดขึ้น
“หรือไม่บางทีเขาอาจจะพักรบและหันหน้ากันมาจูบปากแทนก็ได้”อีกคนหนึ่งพูดขึ้นทีเล่นทีจริงพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง
“หนุดพูดนะ เดรโกไม่ทำอะไรอย่างงั้นแน่”เสียงกรีดร้องดังลั่นมาจากหัวโต๊ะ ซึ่งทุกคนไม่ต้องมองก็รู้ว่าใคร เสียงร้องแหลมราวกับผีแบนซี่ แบบนี้มีคนเดียวในโลก แพนซี่ พาร์กิสัน
“ใจเย็น แพนซี่ ใครๆก็รู้ว่าเดรโกเกลียดเลือดสีโคลนยังกับอะไรดีบางที่พวกเขาอาจจะชี้ไม้คฑาเข้าหากันเพื่อรอเสกคาถากรีดแทงอยู่ก็ได้ ใครจะรู้” อมาธาร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงรอบด้าน
ในขณะที่วินเวิร์ดที่ฟังเรื่องราวต่างๆอยู่เงียบๆนั้นกระแทกช้อนของเขาลงบนจานด้วยเสียงอันดัง จนทุกคนสะดุ้ง อมาธาร์กระพริบตาอย่างงงงัน ก่อนจะจับแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้ เมื่อเขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้ของเขาหงายหลังล้มลง วินเวิร์ดกระตุกแขนของเขาออกจากการจับของอมาธาร์ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปที่หอนอนชาย
“วินเวิร์ด”อมาธาร์ร้องเรียกเสียงแปร่ง
“ฉันสบายดี แค่อยากอยู่เงียบๆ”เขาพูดเสียงห้วนก่อนที่จะเดินตึงๆหายไป
ความคิดเห็น