ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter FIC SUMMER (ฤดูร้อนฤดูรัก) เดรโก/เฮอร์ไมโอนี่

    ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 11 ความทุกข์ใจเมื่อไม่มีเธอ

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 53


    ความคิดของเดรโก
     
    “เดรโก นายเป็นอิสระแล้ว!”
     
    ผมได้ยินเสียงของจินนี่ที่ตะโกนบอกผมหลังจากที่บอกเฮอร์ไมโอนี่ไปแล้ว ผมได้แต่นิ่งเฉยและรอฟังว่าเฮอร์ไมโอนี่จะตอบอะไรออกมา แต่ผมก็ไม่ได้ยินเสียงโต้ตอบใดๆจากเธอผมไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้าง ไม่ใส่ใจจินนี่และแฮร์รี่ สิ่งเดียวที่ผมหมกมุ่นคือเด็กสาวผมสีน้ำตาล ที่อยู่กับผมที่บ้านหลังนี้เป็นระยะเวลาเกือบๆหนึ่งเดือนต่างหากล่ะ เมื่อคืนผมคิดว่าจะทำอย่างไรกับเฮอร์ไมโอนี่ดีหลังจากที่เธอปฎิเสธจูบจากผม แต่ก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นแล้วและ......มันก็อยู่เหนือความคาดหมายของผม  ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างรวดเร็วจนผมตั้งตัวแทบจะไม่ทัน ผมสะบัดหัวไป-มาเพื่อให้มาอยู่ในความเป็นจริง 
    ผมรู้สึกได้ว่าเฮอร์ไมโอนีมองมาที่ผม และผมยังคงทำตัวนิ่งเฉยอยู่ ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วที่ผมยังคงมองไปที่พื้นอย่างเหม่อลอย ผมอยากจะเห็นหน้าเธอและปฏิกิริยาของเธอ แต่ผมเองก็ไม่อยากให้เธอรู้ว่าผมสนใจในสิ่งที่เธอทำอยู่   และการกระทำนี่เองที่มันฆ่าผม ทำไมเธอถึงอยากจะรู้ให้ได้ล่ะว่า ทำไมผมไม่พูดอะไรเลย? ทำไมเธอยังคงมองมาที่ผมอยู่? ทำไมเธอรู้ว่าผมแคร์? ผมมองได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง?
     
    “เอ่อ, ทำไมล่ะ? ฉันหมายถึง ฉันคิดว่าฉันมีเวลาอยู่ที่นี่อีก 2-3 สัปดาห์” และแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็พูดออกมาได้ในที่สุด
     
    ทำไมเธอต้องสนใจด้วยกับเวลาที่เหลืออยู่ ทำไม? ทำไมเธอไม่กระโดดโลดเต้นเพื่อแสดงอาการดีใจ? หากเป็นเฮอร์ไมโอนี...เธอต้องถามซัก 50 คำถามเพื่อที่จะรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
     
    “ใช่.....แต่ดัมเบิ้ลดอร์บอกว่าเขารู้ว่าเธอทั้งสองคนนั้นเข้าใจกันแล้ว เขาไม่ได้อธิบายมากนัก ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เธอสามารถที่จะคุยกับเขาได้เมื่อเธอกลับไปแล้วพบเขา แต่....” จินนี่พูด และนั่นทำให้ผมอดสงสัยในน้ำเสียงของเธอไม่ได้
     
    “แต่, อะไร จินนี่?” เฮอร์ไมโอนีถาม 
     
    “ฉัน... ฉันคาดหวังว่าเธอจะรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้” จินนี่ตอบในขณะที่ผมแอบมองเฮอร์มโอนี่ 
     
    ใช่, ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไม ผมแน่ใจว่าผมไม่ได้ยินเสียงเธอกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นและดีใจ เหมือนในตอนแรกที่เธอเห็นจินนี่ และแฮร์รี่ ทำไมเธอถึงไม่ตื่นเต้นกับข่าวนี้เลยล่ะ เฮอร์ไมโอนี่? หรือว่าเธอตื่นเต้นแต่เธอทำเป็นเก็บความรู้สึกและแสร้งทำเป็นเสียใจที่จะต้องจากที่นี่ไป
     
    (นั่นเป็นเพราะว่าเธอไม่ต้องการไปจากนายน่ะซิ ไอ้โง่เอ๋ย)
     
    ผมไม่พยายามที่จะฟังเสียงที่มาจากความคิดของผมอีกต่อไปแล้ว ก็เป็นเพราะผมเชื่อฟังในความคิดบ้าๆความคิดนี้ยังไงล่ะ มันถึงทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดในเวลานี้ เพราะเสียงนี้ที่บอกให้ผมจูบเธอ เพราะเสียงนี้ที่ทำให้ผมคิดผิดๆ เพราะเสียงนี้ถึงทำให้ผมรู้ว่าเธอไม่ได้ชอบผม ผมจะไม่รู้สึกอย่างนี้เลยหากว่าตอนนั้นผมไม่ฟังและทำตามเสียงนั้น ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะไม่ฟังเสียงนั้นอีกต่อไปแล้ว
     
    “โอ, ฉันรู้สึกตื่นเต้น จิน ฉันตื่นเต้น! ฉันแค่สงสัยว่าทำไมดัมเบิ้ลดอร์ถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน?”ผมได้ยินเสียงเฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาแต่เสียงของเธอค่อนข้างสั่นและตื่นเต้นแบบเสแสร้ง
     
    “เธอคิดอะไรอยู่, ไมโอนี? ทำไมเพิ่งจะมารู้สึกดีใจ!” แฮรฺรี่พูด ผมเดาเอานะว่า แฮร์รี่คงผิดหวังที่เห็นเฮอร์ไมโอนีไม่ตอบสนองอาการดีใจหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้
     
    “ใช่, นายพูดถูก แฮร์รี่ แล้วเราจะไปกันเมื่อไหร่? ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
     
    ผมไม่รู้ว่ามีเพียงแค่ผมเท่านั้นหรือเปล่าที่รับรู้ว่าเสียงที่เธอพุดนั้นผิดปกติ? มันไม่ใช่เสียงที่มีความตื่นเต้นดีใจเลยแม้แต่น้อย ผมสามารถบอกได้ว่าเธอพยายามที่จะทำเสียงให้ดูมีความสุขและมันก็ไม่ใช่ ทำไมเธอต้องโกหก? ทำไมเธอต้องโกหกด้วย? เฮอร์ไมโอนี, ทำไมเธอทำอย่างนี้กับผม? เธอกำลังทำให้ผมเป็นบ้า!
     
    “เราจะกลับได้ทันทีที่เธอพร้อม ”
     
    ผมไม่รู้ว่าใครพูดขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ผมคาดหวังว่าเมื่อแฮรี่กับจินนี่บอกกับผมว่าเราสามารถกลับได้แล้ว และเฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากกลับไปกับพวกเขา เธอยังอยากจะอยู่ที่นี่กับผมแทนที่จะกลับไปยังบ้านที่เต็มไปด้วยเพื่อนของเธอ แต่ในความเป็นจริง ผมเดาได้อย่างถูกต้องว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่ปฎิเสธมัน ผมรู้ แต่มีส่วนหนึ่งของใจผม ที่อยากให้ผมคาดเดาผิด ใช่ผมไม่อยากให้เธอไป ผมรู้ว่ามันค่อนข้างเป็นความหวังที่ดูลางเลือนและค่อนข้างงี่เง่าไปสักหน่อย  
     
    แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้
     
    “ได้! ฉันจะกลับไปเก็บกระเป๋า และจะลงมาภายใน 15 นาที” ผมได้ยินเธอพูด น้ำเสียงของเธอดูตื่นเต้นและมีความสุข เธออาจจะต้องการกลับไปจริงๆแล้วก็ได้ 
     
    “ก็ดี งั้นฉันขอตัวไปเก็บกระเป๋าก่อนนะ”ผมรู้สึกประหลาดใจที่ปากของผมพูดออกไปแบบนั้น ไม่ ผมยังไม่อยากกลับไปตอนนี้! แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะย้อนคำพูดกลับไปได้อีกแล้ว    ผมลุกขึ้น และเดินออกจากห้องไป เดินเร็วที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ผมได้ยินเสียงเฮอร์ไมโอนีเดินตามผมมาอย่างช้าๆจากด้านหลัง
     
    “เดรโก”
     
    ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อของผมจากเธอ ผมแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่เธอเรียกและเดินให้เร็วขึ้น แต่เธอก็ยังพยายามเรียกชื่อผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
     
     “เดรโก! ” ผมได้ยินเธอตะโกน และคว้าแขนผมเอาไว้ “ฉันต้องการคุยกับนาย” เธอพูดขณะที่ผมมองไปที่อื่นที่ไม่ใช่เธอ
     
    สุดท้ายผมก็สบตากับเธอและพูดออกไปว่า
    “ฉันจะไปเก็บกระเป๋า และ ต่างคนต่างไป”
    และนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมพูดออกไป ทั้งๆที่ในใจผมไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้เลย
     
     
     
     

    ความคิดของเฮอร์ไมโอนี่
     
    ฉันมองไปที่เดรโก จนกระทั่งเขาปิดประตู ฉันทำในสิ่งไม่ดี ฉันทำในสิ่งที่แย่ ฉันหลับตาลง และหายใจเข้าลึกๆเพื่อไม่ให้ร้องไห้ ไม่, ฉันต้องไม่ร้องไห้ เขาทำให้ฉันร้องไห้มากมาพอแล้ว ฉันต้องทำได้ ฉันรู้ ฉันทำได้ เขาอาจจะไม่บอกลาฉันก่อนไปก็ได้? แต่ฉันก็ภาวนาว่าขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย
     
    ฉันเดินไปที่ห้องของฉันและเริ่มเก็บกระเป๋า เมื่อเปิดตู้ ฉันก็พบว่ามันว่างเปล่าแล้ว เกิดอะไรขึ้น? ฉันมองไปรอบๆห้องกระเป๋าของฉันถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องมีสภาพเหมือนตอนแรกที่ฉันมาอยู่ที่นี่ คงจะเป็นเวทมนต์จากดับเบิ้ลดอร์ ฉันคิดแบบนั้น มันดูเหมือนผ่านไปเพียงแค่วันสองวันเท่านั้น ทั้งๆทีฉันมาอยู่ที่นี่เกือบๆเดือนแล้ว   ฉันถอนหายใจ, ฉันอยากที่จะใช้เวลาให้มากที่สุดเพื่อที่จะอยู่ที่นี่ และฉันก็คิดว่าฉันจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์นี้
     
    ฉันคว้ากระเป๋าและถือมันออกมาจากประตู ฉันหันกลับไปมองที่ห้องอีกครั้งฉันรู้ว่าฉันคงต้องคิดถึงมันมาก ฉันหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนหัวใจฉันห่อเหี่ยวในทันใด ฉันรีบปิดประตูและพิงประตูไว้อยู่ในอาการแบบนั้นเป็นเวลานาน ฉันลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับมองไปยังห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องของเดรโก ห้องนั้นยังคงปิดอยู่ ฉันอยากจะเข้าไปคุยกับเขา ฉันอยากจะพูดคุยกันก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป ขณะที่ฉันตัดสินใจขยับร่างกายอันหนักอึ้งของฉันไปที่หน้าห้องของเดรโกเพื่อทำตามที่ใจของฉันเรียกร้อง เสียงของคนที่ฉันรู้จักดีร้องเรียกฉันอยู่ด้านหลัง
     
    “เฮอร์ไมโอนี”
    ฉันหมุนตัวกลับไปและก็พบว่าแฮร์รี่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันและมองฉันอย่างแปลกใจ
     
    “เธอพร้อมหรือยัง?” เขาถาม ในขณะที่ฉันยังคงยืนอย่างลังเล ฉันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินในตอนนี้ มันยิ่งกว่าตอนที่ฉันหมกมุ่นอยู่ในตำราเรียน หรือการทำสงครามกับพวกผู้เสพความตายเสียอีก ฉันจะทำยังดี ฉันจะทำยังไงดี ฉันหันกลับไปมองที่ห้องของเดรโกเพื่อตัดสินใจ แต่คำพูดของแฮร์รี่มันเป็นตัวตัดสินใจแทนฉันให้แล้ว
     
    “เดรโก เสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ เขารอพวกเราอยู่ข้างล่างแนะ”
     
    “เหรอ ฉันก็พร้อมแล้ว, งั้น ไปกันเลย” ฉันตอบพร้มกับเดินหงอยๆลงไป แต่แฮร์รี่กลับคว้าแขนฉันและดึงฉันให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ฉันมองแฮร์รี่อย่างสงสัย
     
    “เป็นอะไรไป, ไมโอนี?” แฮร์รี่ถาม ดวงตาสีเขียวของเขาจ้องมองฉันเขม็งเหมือนต้องการหาคำตอบจากสีหน้าและแววตาของฉัน
     
    “ไม่มีอะไร, ฉันสบายดี” ฉันตอบพยายามทำเสียงให้เป็นปกติเข้าไว้
     
    “ไมโอนี, ฉันรู้ว่าเธอต้องเป็นอะไรซักอย่าง มันคืออะไร?”แฮร์รี่ย้ำเสียงหนัก ทำให้ฉันได้แต่ถอนหายใจด้วยความอึดอัด
     
    “ฉันเพียงแค่...ฉันเพียงแค่คิดถึงบ้านหลังนี้ ฉันหมายถึงว่ามันใหญ่โต, สวยงาน และก็บรรยากาศโดยรอบดูดี มันเป็นสถานที่ที่สวยมากที่เดียว และถ้าฉันไปฉันคงคิดถึงมันมาก” ฉันตอบ มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าฉันจะคิดถึงบ้านหลังนี้ มันเป็นสถานที่ที่ดีที่เดียว แน่นอนเรื่องที่ฉันบอกไปมันก็เป็นจริงเพียงครึ่งหนึ่ง แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะโกหกทั้งหมด
     
    แฮร์รี่มีที่ท่าว่าไม่เชื่อฉันแต่เมื่อไม่มีทางที่จะง้างปากฉันออกมาได้มากไปกว่านี้ เขาทำได้เพียงแค่พยักหน้าพอเป็นพิธีว่าเข้าใจ
     
    “ก็ได้, ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไรไปกันเถอะ” เขาถือกระเป๋าให้ฉัน ฉันเดินตามเขาลงบันไดอย่างเงียบๆ และกลับไปที่หน้าบ้านซึ่งพบกับจินนี่และเดรโก ฉันพยายามที่จะมองตาของเดรโกแต่เขาไม่มองมาที่ฉันเลย เขาทำเสมือนฉันไม่มีตัวตนอีกต่อไป
     
    “ไปกันเถอะ ” แฮร์รี่พูดพร้อมกับเดินตามหลังจินนี่ ตามมาด้วยฉันและเดรโกอยู่รั้งท้าย เราอยู่ห่างจากตัวบ้านประมาณ ห้าสิบฟุตและไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น ฉันสังเกตเห็นได้ว่าเดรโกเหลียวมองดูตัวบ้านอย่างอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย   
     
    “ฉันคิดว่านายคงจะรู้สึกดีกับมันใช่มั๊ย เดรโก?” แฮร์รีถาม
     
    “ใช่” เขาพูดเพียงสั้นๆ “แล้วพบกันใหม่เร็วๆนี้” เดรโกพูดแต่ก็ยังไม่ยอมมองหน้าฉันอยู่อย่างนั้น
     
    “โอเค, เราพร้อมแล้ว ไมโอนี เธอพร้อมหรือยัง?”จินนี่หันมาถามฉันฉันพยักหน้าให้เธอ
     
    “พร้อม” ฉันตอบ พลางมองไปที่เดรโก แต่ไม่สามารถที่จะคุยกับเขาได้ในตอนนี้   แต่จะยังไงก็ตามฉันต้องหาทางให้ได้ “ลาก่อน, เดรโก” ฉันพูดเป็นคำล่ำลาสุดท้าย
     
    “แล้วพบกันใหม่” เขาพูด แต่ยังคงหลบสายตาฉันอยู่
     
    “ไมโอนี ฉันจะช่วยพาเธอไปเอง ” จินนี่พูดขณะที่เธอคว้าแขนฉันเอาไว้
     
    ฉันได้ยินเสียงแคร๊ก และพบว่าแฮร์รี่หายไปแล้ว และฉันก็ต้องไปเหมือนกันฉันหันหน้ามาหาเดรโกเป็นครั้งสุดท้ายและมองดูเขาเหมือนต้องการประทับความทรงจำดีๆระหว่างเราไว้ในใจของฉันชั่วกาล
     
    “ลาก่อน” ฉันพูดอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มเศร้าๆ และสิ่งสุดท้ายที่ฉันเห็นก็คือ เดรโกสบตากับฉัน ซึ่งเป็นดวงตาที่เศร้ามากที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา
     
    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
     
    หลังจากที่ทั้งคู่แยกย้ายกลับมาที่กริมโมลด์เพลสแล้ว ตอนนี้เฮอร์ไมโอนีอยู่บนชั้นสองเธอกำลังมองเหม่อไปที่ผนังห้อง ราวกับว่ามีสิ่งที่น่าดึงดูดใจให้เธอมองมันโดยไม่ยอมเคลื่อนสายตาไปไหน เป็นเวลาเกือบ 15 นาที
     
    เธอกลับมาที่นี่เป็นเวลาเกือบสามหรือสี่ชั่วโมงแล้ว   ความจริงแล้วเธอไม่แน่ใจว่านานเท่าไหร่ แต่มันดูเหมือนนานเป็นแรมปี   เธอกลับมาที่กริมโมลด์เพลสและก็ได้รับการแสดงความยินดีจากสมาชิกภายในภาคี ไม่ว่าจะป็นฝาแฝดวิสลีย์, , ลูปิน, ท๊องค์ และ ชาเลโบลท์   เฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจนักว่าทำไมทุกๆคนถึงได้แสดงอาการคิดถึงเธอมากมายนัก ทั้งๆที่เธอจากมาเพียงไม่ถึงเดือนเอง
      
    ทุกคนยินดีกับการกลับมาของเธอ และเล่าเรื่องราวต่างๆในช่วงที่เธอไม่อยู่
    แต่ส่วนใหญ่ก็เดินออกไปหลังจากที่คุยกับเธอเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ซึ่งเธอรู้สึกรำคาญมากกว่าที่จะปลาบปลื้มกับคนเหล่านั้น
     
    เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาเธอสองสามครั้ง ก่อนมองไปรอบๆห้องด้วยความสงสัย และแปลกใจเล็กน้อยราวกับว่าเพิ่งตื่นจากการหลับใหลไปราวทั้งชีวิต เธอมาอยู่ที่ห้องของเธอเองแล้วหลังจากการต้อนรับจากทุกคน
     
    เฮอร์ไมโอนี่นั่งไหล่ตกและถอนหายใจเสียงดัง จากนั้นก็ล้มตัวลงบนที่นอน พร้อมกับหลับตาลงโดยที่เอามือของเธอวางไว้ที่หน้าผาก
     
    เธอกำลังคิดถึงชายหาดสีฟ้า บ้านที่เธอเคยอยู่กับเดรโก ภาพวันแรกที่เธอพบกับเดรโก หรือวันที่เธอถูกหิ้วลงน้ำ ใบหน้าของเดรโกที่ตกใจเมื่อเห็นรายการมวยปล้ำครั้งแรก และภาพสุดท้ายริมฝีปากของเขาที่แนบชิดกับริมฝีปากของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
     
    “ออกไป, ออกไป, ออกไป, ความคิดที่งี่เง่าจงออกไปจากหัวของฉันเดี๋ยวนี้น่ะ!” 
     
    คำพูดของเธอขัดแย้งกับความคิด ในขณะที่เธอส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดของเธอให้ออกไปจากหัวนั้น แต่ก็เป็นได้ยาก เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลียเพราะเธอรู้ว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ถ้าเธอยังคงไม่สามารถลืมเดรโกและเรื่องราวต่างที่เกิดขึ้นได้ และเธอก็คิดว่าเธอทำมันไม่ได้อย่างแน่นอน เฮอร์ไมโอนี่เริ่มปวดหัวขึ้นมาอย่างหนัก ทั้งหมดนี้อาจจะทำให้อาการไมเกรนเกิดขึ้นอย่างรุนแรงได้ เธอหยุดคิดชั่วครู่ เฮอร์ไมโอนี่สะบัดหัวอีกครั้ง เพื่อที่จะให้สมองตื่น แต่น่าเสียดายที่มันไม่เพียงพอ เธอยังคงคิดถึงแต่เรื่องของเขา
     
    “’งี่เง่า, งี่เง่า, งี่เง่า! ฉันรู้, ฉันรู้ว่ามันควรที่จะสิ้นสุดลงๆได้แล้ว! เขาพูดถูก ต่างคนต่างไป......” เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้เธอคลายความกังวลและเธอก็หลับตาลงอย่างช้าๆ ตอนนี้เธอคิดเกี่ยวกับมันเธอหายใจเข้าและถอนหายใจออกนับครั้งไม่ถ้วน และในฉับพลันเธอได้ยินคนเรียกชื่อเธอ 
     
    เสียงเหมือนกับมัลฟอยมาก ใช่.....เหมือนเขาเหมือนกับจะมาที่นี่เพื่อมาหาเธอ   เฮอร์ไมโอนี่ยังคงหลับตาอยู่ หัวใจของเธอกำลังเจ็บปวด, เจ็บปวด เจ็บปวด จนแทบจะไม่อยากหายใจอีกต่อไปจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียง
     
    “เฮอร์ไมโอนี่”
     
     “ได้โปรด!”   เธอร้องออกมาอย่างรู้สึกท้อแท้ “นายกำลังจะทำให้ฉันตาย” เธอเสริมหลังจากที่เธอตะคอกเสียงเรียกนั้น
     
    “ใคร?” มีเสียงตอบกลับดังขึ้นอยู่ใกล้ๆตัวเธอ
     
    เฮอร์ไมโอนีเกือบจะกระโดดขึ้นตัวลอยจากเตียง ตาของเธอลืมขึ้นและมองไปที่เจ้าของเสียง ร่างสาวผมแดงยืนอยู่ข้างๆเตียง
     
    “เธอรู้วิธีการเคาะประตูไม่ใช่หรอ?” เฮอรืไมโอนี่ต่อว่าหลังจากตั้งสติได้แล้ว
     
    “ฉันรู้, และฉันก็ทำแล้ว ฉันยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องเป็นเวลา 5 นาทีหลังจากที่เคาะประตูพร้อมกับเรียกชื่อเธอ” 
    จินนี่บอกเฮอร์ไมโอนีหน้าตาเฉย พร้อมทั้งโชว์มือที่แดงเนื่องจากการเคาะประตู “ประตูนี่แข็งมาก ฉันเจ็บมือเลย”
     
    เฮอร์ไมโอนีค้อนให้จินนี่แต่ความที่เธอกับจินนี่สนิทสนมกันมานานเฮอร์ไมโอนี่จึงไม่ได้โมโหจินนี่มากมายนัก “มัลฟอยอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” เธอถามออกมาตามความเคยชินจากการที่เธอได้อยู่ร่วมกับมัลฟอยมานาน
     
    “มัลฟอย? ทำไมเขาถึงต้องอยู่ที่นี่ล่ะ? มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องอยู่ที่นี่? ” จินนี่ถามพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างสงสัยมาที่เฮอร์ไมโอนี่
     
    เฮอร์ไมโอนีแกล้งมองไปทางอื่น “ไม่, มัน...ฉันแค่... ฉันคิดไปเองน่ะว่าเขาอยู่ที่นี่ ก็ฉันอยู่กับเขามา นานและนี่ก็เพิ่งแยกจากกันกับเขามาเอง”
     
    “ดังนั้นเธอเลยถามถึงเขางั๊นหรอ? ”จินนี่ยิ้มยั่วให้เฮอร์ไมโอนี่เล็กน้อย
     
    “ฉันไม่ได้ถามถึงเขา! ฉันแค่สงสัยว่าเขาอยู่ที่นี่ ฉันเดาเอา ฉัน..ใจของฉันยังไม่ได้กลับมาหลังจากที่แยกจากมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงอ่อย
     
    “อืม...ฮึ , ไมโอนี ฉันรู้จักเธอดี เพราะอะไรล่ะทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น?”จินนี่ถามเฮอร์ไมโอนี่อย่างตรงประเด็น
     
    “อะไรคืออะไร?”เฮอร์ไมโอนี่ยังคงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจในคำถามทั้งๆที่เธอรู้ดีว่าจินนี่หมายถึงอะไร
     
    “อย่ามายียวนฉันน่ะ! เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับมัลฟอย?”จินนี่มองเธอเขม็ง
    ไม่มี, ไม่มีอะไรทั้งนั้น! ทำไมเธอถึงคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างฉันกับมัลฟอย!”เฮอร์ไมโอนี่เสียแข็ง ไม่ ....ไม่มีทางที่ฉันจะบอกใครๆเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันรัก เดรโก มัลฟอยอย่างแน่นอน
     
    “ฉันขอถามอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่  ฉันรู้จักเธอดี ตอนนี้เธอทำให้ฉันเสียความรู้สึกมากเลยรู้ไหม โปรดพูดความจริงกับฉัน ฉันรู้ว่าฉันไม่ฉลาดเท่ากับเธอแต่ฉันก็ไม่ได้งี่เง่าเหมือนกับรอน, พี่ชายฉันหรอกนะ”
     
    เฮอร์ไมโอนีกัดริมฝีปาก “จิน, “ เธอหยุดพูดและรู้สึกลำบากใจ ” มันไม่มีอะไรที่เป็นความลับ ฉันก็แค่เหนื่อยเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับมัลฟอย ฉัน...ไม่รู้สิ..จิน..ฉันไม่สามารถอธิบายมันได้...”
     
    จินนี่กระพริบตาเธอวางมือของเธอบนไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่อย่างปลอบโยน“เฮอร์ไมโอนี! มีอะไรเกิดขึ้น? มัลฟอยทำอะไรเธอ เธอถึงเป็นแบบนี้?”
     
    “ขอโทษ ” เฮอร์ไมโอนีกระพริบตาและก้มมองดูมือตัวเองที่เธอบีบไว้แน่นจนแดงไปหมดแล้ว
     
    “เธอบอกว่าเธอไม่สามารถอธิบายได้ ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เฮอร์ไมโอนี,นี่สิยิ่งน่าเป็นห่วง เธอควรจะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งหมดให้ฉันรู้นะ”
     
    เฮอร์ไมโอนีเม้มปาก และยังคงนิ่งเงียบ
    “ฉันไม่ได้พูดเพื่อทำให้เธอหัวเสียน่ะ   มานี่เถอะ   ฉันรู้ว่าเธอสามารถที่จะเล่าให้ฉันฟังได้ , ไมโอนี ฉันคิดว่าเธออาจจะไม่อยากเล่าให้แฮรีกับรอนฟังใช่ไหม?” จินนี่ถามพร้อมกับมีรอยยิ้มบนใบหน้า
     
    คำพูดนี้มีผลต่อเฮอร์ไมโอนีมากทีเดียว เธอรู้ว่าเธอต้องการใครสักคนเพื่อที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังก่อนที่เธอจะกลายเป็นคนเสียสติ   มันอาจจะฟังดูไม่น่าสนใจและอาจดูเลวร้ายเมื่อเธอบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและมัลฟอยให้จินนี่ฟัง ทุกรายละเอียดเท่าที่เธอจำได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
     
    หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่เล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจนจบแล้ว ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ
     
    จินนีดึงเฮอร์ไมโอนี่มากอดเมื่อเห็นหน้าตาของเฮอร์ไมโอนี่ที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด 
     
    “เป็นอะไรไป เธอดูเครียดมากเลยน่ะ!” จินนีกระซิบข้างๆเธอ
     
    “เอ่อ.....ใช่”เฮอร์ไมโอนี่ยอมรับความจริง
     
    “เฮอร์ไมโอนี่ ฉัน...ฉันคิดว่า....ฉันเห็นและรู้สึกได้ว่ามีความรู้สึกที่ตึงเครียดระหว่างชายคนนั้นของเธอ เหมือนกันนะ ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาที่บ้านหลังนั้น และเธอก็รักเขา” จินนี่หายใจ “สิ่งนั้นคือปาฏิหาริย์ เฮอร์ไมโอนี่ ใครจะรู้คนที่เป็นศัตรูกันมานานกลับมีความรักให้ต่อกันน่ะ”
     
    “หมายความว่ายังไงจินนี่  ฉันไม่รู้ ฉันไม่เข้าใจ”
     
    “เขาเองก็รักเธอด้วยเหมือนกัน” จินนี่พูดโพล่งออกมาแววตาเต็มไปด้วยความยินดี
     
    “ฉัน- อะไรน่ะ?! ฉันรู้สึกอยากจะบ้า เขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับฉันหรอกจินนี่ ฉันหมายถึง ฉันยอมรับความจริงที่ว่าเขาทำให้ฉันเพ้อฝัน.....และที่สำคัญที่สุดคือ มันทำให้ฉันเจ็บปวดและรู้สึกอยากจะบ้าแต่เขาไม่ได้รักฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจนัก
     
    “ฉันมั่นใจว่าเธอเองก็รู้ว่าเขารักเธอ เธอเองต่างหากเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่ยอมรับและปฏิเสธความจริงข้อนี้ตลอดเวลา”จินนี่พยายามอย่างหนักที่จะอธิบายให้เพื่อนและพี่สาวคนเดียวของเธอฟัง
     
    เฮอร์ไมโอนีไม่ยอมรับฟังจินนี่ “เธอคิดว่าเราควรที่จะไปที่เซนต์ มังโก้ดีไหม?”
     
    จินนี่ถอนหายใจพร้อมกับยิ้มน้อยๆ “เฮอร์ไมโอนี.....”
     
    อีกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธที่จะฟังจินนี่ “ฉันคิดว่ายิ่งเร็วยิ่งดีใช่ไหม? เมอร์ลินรู้ไหมจินนี่ ที่นั่นจะรักษาฉันหายหรือเปล่า ” เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจ
     
    “หยุดไปเลยเฮอร์ไมโอนี่ ตอนนี้เธอกำลังสติแตกแล้วรู้ไหม ”จินนี่หน้ามุ่ย
     
    “อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร จินนี่ ได้โปรด” เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจขณะที่เธอบอก
     
    “ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่บอกใคร เธอก็รู้ว่าเธอสามารถเชื่อฉันได้”จินนี่กระตุกยิ้มขัดแย้งกบสายตาวาววิบของเธอจนเฮอร์ไมโอนี่ไม่ไว้ใจ
     
    “และอย่าพยายามที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”เฮอร์ไมโอนี่เหมือนจะรู้ทัน
     
    “ฉัน- ฉันจะไปคุยกับ-”
     
    “จินนี่! ฉันหมายถึงเขา อย่า! อย่า! อย่าคิดถึงเรื่องนี้อีก มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับเขา โอเค? ได้โปรดอย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้” เฮอร์ไมโอนี่ละล่ำละลักมื่อเธอคิดว่าเธอเดาถูกที่รู้ว่าจินนี่จะทำอะไร
     
    จินนี่มองไปที่เพื่อนสนิทที่สุดของเธอ เธอเห็นสายตาวิงวอน จินนี่ถอนหายใจก่อนที่จะพูดว่า “ก็ได้   ฉันจะไม่ทำ ราตรีสวัสดิ์   ไมโอนี
     
    เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจและยิ้ม “ขอบคุณ, ราตรีสวัสดิ์”
     
    จินนี่เดินออกไปและปิดประตู พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆว่า “นานเท่าที่มันจะส่งผลดีต่อตัวเธอ”
     
     

    TBC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×