คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10:คู่ทุกข์คู่ยาก
BELONG TO NOWHERE Chapter 10 คู่ทุกข์คู่ยาก
ซิเรียสอ่านทวนข้อความเดิมอีกหลายครั้ง เหมือนไม่อยากจะเชื่อมือของเขาที่จับหนังสือเล่มนั้นเริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันคิดว่าในหนังสือเล่มนั้นมันคงหมายถึง การผูกมัดชัวนิรันดร์”ซีเรียสพูดขึ้นมาหลังจากที่พยายามทำความเข้าใจไปกับมัน
“หมายความว่าไงซีเรียส”ท๊องส์ถามเขาค่อนข้างแปลกใจ
“ฉันถามเธออย่างงี้ดีกว่า เลือดที่เฮอร์ไมโอนี่ใช้คือเลือดในนามของมิตรสหายใช่หรือไม่”
ท๊องส์ผงกศีรษะให้เขา“ใช่เธอคือเพื่อนและฉันคือครอบครัว ซีเรียส”
ซิเรียสถอนหายใจก่อนเคลื่อนมือของเขาผ่านผมดำยาวอย่างหมดหวังและมองดูเด็กผู้หญิงที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นในเงาสลัวๆของห้องด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก
“ท๊องส์ฉันไม่สามารถผูกมัดเธอได้ เธออายุเพียงแค่สิบหกปีเท่านั้น โอ้ เมอลิน”
“เธออายุสิบแปด”ท๊องส์พูดพึมพำและเหล่มองเขาด้วยความสงสัย
“แต่จะยังไงก็ตาม ฉันก็ยังแก่กว่าเธอ เธอไม่ควรจะมาแบกภาระการผูกพันเพื่อฉัน มันเป็นเรื่องที่ต่ำทรามเกินไป”ซีเรียสพูดด้วยน้ำเสียงที่อึดอีดและดูคลุมเครือ
“ฉันไม่รู้ว่าคูณพูดถึงเรื่องอะไรนะซีเรียส แต่เราจะต้องออกไปจากที่นี่ก่อนที่จะมีใครมาเจอ ฉันจะต้องใช้เวทมนต์เพื่อทำให้เธอฟื้นขึ้นมาก่อน”ท๊องส์กำลังร่ายเวทมนต์แต่ซิเรียสกลับห้ามเธอไว้เสียก่อน
“อย่าท๊องส์”ท๊องส์มองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ
ซีเรียสมองท๊องส์ก่อนส่ายหน้าเบาๆ”ไม่รู้สิท๊อง แต่ฉันมีความรู้สึกว่า พวกเราไม่ควรใช้เวทมนต์กับเธอ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย”
ท๊องส์ครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ก่อนพยักหน้าเห็นด้วยกับซีเรียส“คุณพูดก็ถูก แต่ยังไงซะพวกเราก็ต้องออกไปจากที่นี่ ฉันคิดว่าเราไม่ควรปรากฏตัวให้ใครเห็นพวกเรา”
ต่อมาเธอได้เคาะไม้เรียวของเธอ ไปที่วัตถุที่ใข้ในพิธี เพื่อรวบรวมมันใส่ย่ามและหยิบผ้าฝืนใหญ่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเธอและคลุมตัวซีเรียสเอาไว้
”มานี่สิ”เธอกล่าวในขณะที่ซีเรียสประคองร่างของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ ท๊องส์จับเขาไว้มือหนึ่งและท่องคาถาหายตัวไป
ในเวลาต่อมา พวกเขาก็ได้ออกมาอยู่ข้างนอกของกระทรวงเวทมนต์อย่างปลอดภัย
บุคคลแปลกหน้าสามคนปรากฏตัวอยู่ ณ สถานที่ ที่ไม่มีมนุษย์ธรรมดาคนไหนได้รู้จัก ด้านหน้า ของกริมโมเพลส หญิงสาวดูท่าทางกังวลเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังคิดเกี่ยวกับบางสิ่ง
“เรารีบเข้าไปกันเถอะ รีมัสอาจจะอยู่ข้างใน ฉันคิดว่าบางทีคุณควรที่จะคลุมหน้าของคุณด้วยหมวกของเสื้อคลุมเสียก่อนดีกว่านะ” ซีรีอัสหัวเราะเมื่อท๊องส์ใส่หมวกครอบลงบนหัวของเขามันคลุมหัวและใบหน้าของเขาจนมิด
“มูนนี่ที่น่าสงสารเขาคงจะหัวใจวายกันพอดีถ้าได้เจอฉัน” ซีเรียสพูดติดตลก
ในขณะนั้นผู้ที่ถูกกล่าวถึง รีมัส ลูปินกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่มีท้าวแขนและ กำลังดื่มบัตเตอร์เบียร์เขารู้สึกประหลาดใจว่าท๊องส์อยู่ที่ไหน เมื่อเขาได้ยินเสียงประคูข้างหน้าเปิด
เขาประหลาดใจมากเมื่อเขาเห็นท๊องส์ที่ดูหมดแรงเข้ามาในห้องรับแขกและมีคนที่สวมหมวกคลุมปิดหน้าอยู่ด้านข้างของเธอและที่เลวร้ายกว่านั้นบุคคลนั้นกำลังประคองเฮอร์ไมโอนี่ไว้ที่วงแขน
“โอ้ว เมอลิน เกิดอะไรขึ้นท๊องส์”รีมัสถามท๊องส์
“เอาไว้ที่หลังรีมัส”ท๊องส์พูดแล้วพยักหน้าให้กับคนที่สวมหมวกผู้นั้นให้พาเด็กสาวขึ้นไปชั้นบนสุด ชายสวมหมวกปิดหน้าประคองเฮอร์ไมโอนี่เดินตรงไปยังชั้นบนทันที
รีมัสรู้สึกสับสนกับพวกเขาเล็กน้อยทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ
คนคนนั้น และกลิ่นตัวของเขาเป็นกลิ่นที่รีมัสคุ้นเคยเป็นที่สุด เขารู้จักกลิ่นนั้นดี
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
รีมัสสั่นหัวเล็กน้อยแล้วเดินตามคนแปลกหน้าขึ้นไป ท๊องส์ผ่านเข้าไปในครัว เธอต้องการใช้เตาผิงข้างกำแพงนั้นเธอจะต้องไปตามมัลกอลนากัลป์มาเพื่อรับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ชายแปลกหน้าวางเฮอร์ไมโอนี่ลงบนเตียงของแฮร์รี่ในขณะที่รีมัสเดินเข้ามาใกล้พวกเขา
“เออ คุณ”รีมัสกล่าวรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เคอะเขิน”นี่ไม่ใช่ห้องของเฮอร์ไมโอนี่ ที่นี่เป็นห้องของแฮร์รี่”
“ไม่”คนแปลกหน้ากล่าวสั้นๆ และมันทำให้รีมัสสะดุ้ง สาเหตุผลน้ำเสียงนั้นเขารู้จักมันได้ดี
“โอ้ว มันเป็นไปไม่ได้” รีมัสผงะถอยหลังและร้องคราง
“นี่เป็นห้องของฉันมูนนี่”บุคคลแปลกหน้ากล่าวพร้อมกับที่เอาหมวกที่คลุมหัวออก
“ซีเรียส “รีมัส ลูปินพูดเสียงเบาจนเกือบกระซิบ”นั่นเป็นคุณจริงๆเหรอ”
“โธ่ มูนนี่”เขากล่าวพร้อมกับยิ้มไปที่รีมัสซึ่งแสดงสีหน้าตกใจ
“นี่ฉันจะไม่ได้รับอ้อมกอดจากเพื่อนสนิทเลยหรือไง”หลังจากที่รีมัสหายตกใจแล้วเขาจึงตรงเข้ามากอดซีเรียสไว้แน่นด้วยความดีใจแกมสงสัย
“ซีเรียส พวกเราคิดถึงคุณมาก แต่คุณกลับมาได้ยังไงกัน วิธีไหน” รีมัสถามพร้อมถอยหลังออกมาและสำรวจดูซีเรียสอย่างพิจารณา
“พวกเราได้รับการช่วยเหลือจาก เฮอร์ไมโอนี่ แต่ว่าเธอ....”
รีมัสยิ้มและมองไปที่เด็กหญิงบนเตียงนอนแต่ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมและซีดเผือดในเวลาต่อมา
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
ซีเรียสกำลังจะตอบแต่เหลือบเห็นท๊องส์เดินเข้ามาในห้องตามด้วยศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลป์เมื่อมัลกอลนากัลมองเห็นซีเรียส แบล๊ค ยังมีชีวิตอยู่เธอถึงกับยืนตะลึงและรู้สึกตกใจอยู่ครามครัน
“มันเป็นความจริง สิ่งที่คุณบอกฉันมันเป็นเรื่องจริงนิมพาโดรา” มัลกอลนากัลพูดออกมาอย่างเหลือเชื่อ
“ถูกต้องค่ะ สิ่งที่ฉันบอกมันคือเรื่องจริง และฉันคือทิองส์ไม่ใช่ นิมพาโดรา”ท๊องส์กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
“คุณรู้อะไรไหม พอตเตอร์ วิสลีส์และเกรนเจอร์ตลอดเวลาเด็กๆพวกนั้นเป็นทุกข์เกี่ยวกับเรื่องของคุณเสมอมา”ซีเรียสยิ้มอย่างภูมิใจ ทำไมเขาจะไม่รู้พวกเด็กๆนั่นรักเขามากแค่ไหนและเขาเองก็เหมือนกัน
“แต่ช่วยบอกความจริงกับฉันว่าเกิดอะไรขึ้น”มัลกอลนากัลป์ มองทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นเพื่อต้องการคำตอบ และท๊องส์เองจึงเป็นฝ่ายเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเสียเอง
“ภาระผูกพัน” มัลกอลนากัลป์และรีมัสตะโกนร้องออกมาในเวลาเดียวกัน ท๊องส์ยื่นหนังสือที่มีข้อความที่หายไปและปรากฎขึ้นมาให้มัลกอลนากัลดู ศาสตราจารณืใหญ่รีบคว้าหนังสือขึ้นมาดูอย่างรวดเร็วสายตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
“และต่อมาเธอก็เป็นลมยังงั้นใช่ไหม ”มัลกอลนากัลป์ถาม
“ใช่ครับ”ซิเรียสตอบกลับ”ความคิดครั้งแรกเราคิดว่าเป็นเพราะอารมณ์ความเครียดของเธอแต่ต่อมาฉันก็คิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องอื่นโดยเหตุนี้ฉันจึงไม่ให้ท๊องส์ใช้เวทมนต์กับเธอ เพราะมันอาจจะทำอันตรายกับเธอได้”
“มันเป็นภาระผูกพัน”มินอลว่า พึมพำ
“อะไรนะ”ซีเรียสถามค่อนข้างกังวล
“มันคือภาระผูกพัน คุณและมีสเกรนเจอร์มีความผูกพันซึ่งกันและกัน ซีเรียสฉันถามคุณหน่อยคุณในตอนนี้ร็สึกอย่างไรกับเธอ คุณในตอนนี้คิดกับเธออย่างไร”
“เออ...ก็ดี”ชีเรียส พูดตะกุกตะกักเล็กน้อย ”ผมชอบเฮฮร์ไมโอนี่นะ....งแต่ เออ ฉันไม่คิดว่า เอ้อ บางทีดับเบิ้ลดอร์...”ซีเรียสชะงักเมื่อมองเห็นทุกคนมีสีหน้าแปลกๆ
“.อะไร ทำไมคุณถึงมองกันแปลกๆ”เขาถามห้วนๆ
“เออ ซีเรียส เออ ฉันจะพูดว่า”รีมัสกลินน้ำลายและมองซีเรียสเขม็ง
ซีเรียสคิ้วขมวดเขากอดอกมองดูเพื่อนของเขาก่อนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เกิดอะไรขึ้นรีมัส”
“ซีเรียส ดับเบิ้ลดอร์ตายแล้ว” รีมัสกลั้นใจพูดและมองซีเรียสที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปหมดแล้ว
“อะ อะไร ยังไง เมื่อไร”
“เสนปฆ่าเขา” รีมัสกล่าว
“อะไรนะ”ซีเรียสอุทานเสียงดังและแทบจะกระโจนเข้าไปหาเพื่อนของเขา ถ้าไม่ใช่รีมัสเดินมาหาเขาเสียก่อน
“คุณได้ยินที่ผมพูดนั่นแหละ ซีเรียส” รีมัสยืนยัน”เสนปฆ่าดับเบิ้ลดอร์ แต่ มันไม่ใช่อย่างนั้น ตามความเป็นจริงดับเบิ้ลดอร์เป็นคนสั่งให้ฆ่าเอง ดับเบิ้ลดอร์ได้มีจดหมายและหน่วยความจำส่วนหนึ่งในแพนซีฟแต่เราจะพูดเรื่องนี้ในภายหลัง”
“ก็ได้ แต่ฉันจะต้องรู้เรื่องนี้ทุกเรื่อง มันนานแค่ไหนแล้วกับเรื่องเหล่านี้”ซีเรียสพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“หนึ่งปีครึ่ง”มัลกอลนากัลป์พูดน้ำเสียงจริงจัง “แต่อย่างไรก็ตามเราจะต้องเอาใจใส่เกรนเจอร์กันเสียก่อน ฉันไม่คิดว่าฉันจะทำสิ่งใดได้ บอกตามตรงฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้มาก่อนแต่ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าใครสามารถช่วยเราได้และตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวก่อน”
และเธอก็ออกจากห้องไปอย่างรีบเร่งโดยไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของเธออีกเลย ท๊องส์.รีมัส,ซีเรียส มองหน้ากันและกัน แต่ไม่ได้พูดสิ่งใดเพียงแต่รอคอยศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลอย่างใจจดใจจ่อเท่านั้น
ประมาณสิบนาทีต่อมารีมัสกับท๊องส์เริ่มมีการพูดคุยกับซีเรียสเพื่อคั่นเวลา แต่เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นเมื่อมัลกอลนากัลป์กลับมายังห้องนอนอีกครั้งแต่คราวนี้เธอไม่ได้มาเพียงลำพัง ข้างๆของเธอเป็นศาสตราจารณ์ร่างเล็ก ศาสตราจารณ์ฟลิกวิค เมื่อฟลิกวิคมองไปที่ซิเรียสเขาส่งเสียงอุทานแหลมเล็กอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนที่จะหันมาที่ท๊องส์
“ขอฉันดูหนังสือเล่มนั้นหน่อย มีสท๊องส์”ศาสตราจารณ์ที่หลงใหลในตำรากล่าวขึ้น
“โอ้ว ค่ะ จริงสิ”ท๊องส์พูดขึ้นและคว้าหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆแล้วยื่นหนังสือให้แก่ฟลิกวิคผู้ซึ่งอ่านมันอย่างรวดเร็วหลังจากอ่านหนังสือจบฟลิกวิคก็ปิดมันและเดินไปยังเฮอร์ไมโอนีเขาชี้ไม้กายสิทธิ์ของเขาไปที่เธอและเริ่มคุยเสียงสูงๆต่ำๆเขาคุยในภาษาที่ไม่มีใครอื่นจะเข้าใจได้
“เขาพูดอะไร”ซีเรียสกระซิบโดยไม่เจาะจงใคร
“เขากำลังพูดภาษาก๊อบลิน”มัลกอลนากัลป์ตอบกลับ
ซีเรียสจะพูดบางอย่างเมื่อฟลิกวิคเริ่มพูดเสียงดัง และเป็นภาษาอังกฤษ
“มีสเกรนเจอร์อยู่ในอันตรายเธอกำลังนอนหลับบอกฉันคุณแบล็กคุณมีเวทมนต์พิเศษใดๆหรือไม่”
“ฮะ ผมไม่รู้” ซีเรียสทำหน้าเหรอหราและแปลกใจในคำถามของชายร่างเล็กนิดหน่อย
“คุณเห็นมิสท๊องส์อยู่ที่นี่เปลี่ยนสภาพไหม”ฟลิกวิคถาม และมันทำให้ซีเรียสพอจะเข้าใจ เนื่องจากเขาเป็นเอนิเมจัสและผู้ที่เป็นเอนิเมจัสจะมีความสามรถพิเศษที่จะมองเห็นร่างเอนิเมจัสของผู้อื่นได้เช่นกัน
“โอ้วใช่ ฉันเป็นอนิเมจัส”ซีเรียสอุทานออกมา
“เด็กผู้หญิงที่น่าสงสาร”ฟลิกวิคส่ายหน้าและพูดขึ้นมาอย่างเศร้าสร้อย
“อะไร”พวกเขาถามเสียงดัง
“เกิดอะไรขึ้น ฟิลเลียส”มัลกอลนากัลป์ถาม
“คุณดูนี่สิมินอว่า”ชายร่างเล็กซี้มือไปที่ร่างหญิงสาว” มีสเกรนเจอรไม่ได้นอนอยู่บนเตียงนั้น เธอคือ.... ฉันจะพูดว่าอย่างไรดี มันเป็นผลจากการทำงานของภาระผูกพันธ์ระหว่างเธอกับซีเรียส สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอมากนัก แต่....”
“แต่อะไร”ซิเรียสถามเหมือนต้องการจะรู้
“คุณและเธอต้องร่วมมือกัน” ฟลิกวิคพูดความกมายดูคลุมเครือ
“แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอนี่”ซีเรียสกล่าวเสียงแหบแห้ง
“คุณได้เกิดใหม่แล้วในตอนนี้ และคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของพิธี คุณได้ดื่มน้ำยาซึ่งผสมไปกับเลือดของเธอ นั่นแสดงว่าคุณมีส่วนหนึ่งของเธอเลือดของเธอและจิตวิญญาณของเธอ”ฟลิกวิกพยายามอธิบายอย่างลำบากเล็กน้อย
“พระเจ้าช่วย แต่ท๊องส์ก็ด้วย ฉันดื่มเลือดเธอเช่นกัน”
“มีสเตอร์แบล็ค มีสท๊องส์เป็นสายเลือดเดียวกันกับคุณ เธอเป็นเครือญาติของคุณ และเธอก็ไม่ได้เป็นคนแรกที่สะกดคุณ”
ซีเรียสหน้าซีดเผือดเมื่อเขาเริ่มเข้าใจในสิ่งที่ชายร่างเล็กไอธิบายไป
ฟลิกวิคหันมาทางมัลกอลนากัลป์ที่หน้าซีดไม่แพ้กันกับคนอื่นๆเท่าไหร่นัก
“ในตอนนี้ มินอร์ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่สามรถกลับไปเรียนที่นั้นได้อย่างน้อยๆก็สองสามวันนี้”
“ศาสตราจารณ์ฟลิกวิค คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าเกิดอะไรกับการแปลงร่างของผม”ซีเรียสถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่เข้าใจในเรื่องนี้เมื่อศาสตราจารณืถามถึงร่าเอนิเมจัสของเขา
ฟลิกวิคยิ้มให้ซีเรียสเล็กน้อย“เธอจะกลายเป็นเอนิเมจัสเหมือนคุณ จะอย่างไรก็ตามการเปลี่ยนสภาพของเธอมันคงจะสร้างความเจ็บปวดมากกว่าของคุณ เมื่อคุณกลายร่างเป็นเอนิเมจัสในครั้งแรก”
“เจ็บปวดยังไงฮะ”รีมัสถาม
ฟลิกวิคถอนหายใจแล้วกล่าว “เธอจะเป็นเอนิเมจัสในคืนหนึ่ง”
“เธอคงไม่สามารถรับมือกับความเจ็บปวดนั้นได้” มัลกอลนากัลถอนหายใจอย่างรู้สึกสงสารและหดหู่
“ฉันรู้ดังนั้นฉันจึงคิดว่าฉันจะช่วยเธอบางอย่างเพื่อลดความเจ็บปวดโดยใช้คาถาระหว่างที่เธอเปลี่ยนร่าง มันเป็นเทคนิคบางอย่างที่ฉันได้รับการสอนจาก บรรพบุรุษกอบลินของฉัน”ฟลิกวิคพูดอย่างภาคภูมิใจในตระกูลของเขาก่อนจะหันมาทางซีเรียสแล้วถาม
” บอกฉันสิว่า เอนิเมจัสของคุณคืออะไร”
“เออ ผมเป็นสุนัข”
ฟลิกวิคมีรอยยิ้มที่หน้าและพยักหน้ารับรู้เล้กน้อย
“มีสเกรนเจอร์ก็จะเป็นสุนัขเหมือนคุณ สุนัขเพศเมีย คู่ทุกข์คู่ยากของคุณ”ซีเรียส เบิกตากว้าง
“คู่เหรอ ไม่ เธอไม่ใช่คู่รักของฉัน เธอยังคงเป็นเด็กอยู่เลย"ฟลิกวิคสั่นหัวของเขาไปมา
“มีสเตอร์แบล็ค “
“โปรดเรียกฉันว่า ซีเรียส”
“ถูกต้องซีเรียส แต่คุณกำลังเข้าใจผิดกับคำว่า คู่ทุกข์คู่ยากและความผูกพัน คุณและเธอมีความผูกพันกันในตอนนี้แต่สิ่งนั้นมันไม่ใช่ที่จะต้องทำกับคู่รัก หรือข้อผูกมัดกับความรัก”
ซีเรียสคลายความเครียดลงขณะที่ฟังฟลิกวิคอธิบาย
“คุณมีความรู้สึกผูกพันแต่ไม่ใช่เกี่ยวกับเรืองรักใคร่ ส่วนเธอมีความรักความผูกพันธ์ไปแล้วกับใครบางคนที่ฉันเองก็ไม่รู้ มันเป็นเพียงแต่สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นหรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้”
ซีเรียสผงกศรีษะรับและถอนลมหายใจเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดที่มีมานาน
“ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้น ฉันคิดว่าพวกเราควรจะต้องออกไป....”มัลกอลนากัลป์พูดค้างแค่นั้นเมื่อชายร่างเล็กพูดขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่ ซีเรียสจะไม่ออกห่างจากมีสเกรนเจอร์ เขาจะต้องอยู่ข้างๆเธอในขณะที่เธอเปลี่ยนร่าง....เออ.....นกฟีนิกซ์จะไม่กลับมา”ฟลิกวิคพูดขึ้นมาอย่างช้าๆและทำให้ท๊องส์ถึงกับตาโต
“โอ้ว ใช่ “ท๊องส์ร้องอุทาน”ฉันลืมมันไปเลย”
“บอกฉันมีสท๊องส์ คุณเป็นผู้ใช้เลือดในนามของครอบครัวชื่อของใครที่คุณพูดถึง”ฟลิกวิคถามและมองเธอ
“ฉันใช้ชื่อของรีมัส”ท๊องส์พูดไปตามตรง
“และถ้าจะให้ฉันเดามีสเกรนเจอร์ควรจะพูดถึงชื่อของพอตเตอร์สินะ”ฟลิกวิคเดาได้ถูกต้องเมื่อท๊องส์พยักหน้ารับ
“ใช่ค่ะ”
“พอตเตอร์ จะต้องไม่รู้เรืองที่เกิดขึ้นนี้ จนกว่านกสีน้ำเงินจะกลับมา” เขาพูดเสียงต่ำและค่อนข้างขึงขัง
“แต่ทำไมล่ะ”ท๊องส์ถามอย่างสงสัยและดูเหมือนทุกคนเองก็เช่นกัน
“เขาคือเหตุผล...เหตุผลของมีสเกรนเจอร์สำหรับพิธีนี้คือมีสเกรนเจอร์นำซีเรียส แบล็คกลับมาไม่ใช่เพราะตัวเธอเองแต่เพื่อพอตเตอร์ ดังนั้นพอตเตอร์ต้องไม่รู้เรื่องใดๆสิ่งนี้มันเป็นข้อผูกมัดระหว่างมีสเกรนเจอร์และซีเรียส ซึ่งมันจะไม่สมบูรณณ์ถ้าพวกเขารับรู้”
“คูณหมายถึงว่าและพวกเขาจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อ นกสีน้ำเงินกลับมาแล้วยังงั้นเหรอครับ”ซีเรียสถามด้วยความสงสัย
“แต่ถ้าแฮร์รี่ค้นพบในสิ่งที่พวกเราทำกันก่อนที่นกสีน้ำเงินจะกลับมาเล่า”รีมัสถามขึ้นบ้างและดูเหมือนคำถามจะตรงใจกับทุกๆคน
“นั่นนกสีน้ำเงินจะกลับมาเช่นกัน เพียงแต่จะมาเอาชีวิตของเกรนเจอร์ไปเท่านั้น”
คราวนี้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างมองหน้ากันและกันอย่างเคร่งเครียดกว่าเดิม
เช้าวันถัดมาที่ฮ๊อกวอตส์
ห้องโถงใหญ่
“รอน ฉันคิดว่าเราควรคอยเฮอร์ไมโอนี่”แฮร์รี่พูดเป็นครั้งที่ร้อยแล้วในวันนี้เขากำลังวิตกเกี่ยวกับความฝันของเขาความฝันที่เกี่ยวกับเฮอร์ไมโอนี่ ซีเรียส และนกสีน้ำเงิน
“แฮร์รี่เพื่อนรัก”รอนกล่าว”เฮอร์ไมโอนี่บอกพวกเราตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วว่าเธอมีอะไรต้องทำก่อนอาหารเช้าพวกเราไม่จำเป็นต้องคอยเธอ”
“ฉันรู้ แต่เธอมาสายมากเลย กริฟฟรินดอร์ทั้งหมดอยู่ที่นี่กันแล้ว”แฮร์รี่ตอบกลับ รู้สึกสบายใจเมื่อเห็นดีนอยู่ที่นี่เช่นกัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้อยู่กับเขา
รอนกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง เมื่อแอนโทนี่ กอดสตีลเขามาใกล้พวกเขา
“แฮร์รี่ รอน เมื่อคืน เฮอร์ไมโอนี่หลับอยู่ที่หอกริฟฟรินดอร์หรือเปล่า”
แฮร์รี่มองไปที่ประธานนักเรียนชายอย่างตกใจ
“ไม่ .. ทำไม”
“เธอไม่ได้นอนที่หอประธานนักเรียนเมื่อคืนนี้ ตามความเป็นจริง เธอบอกว่าเธอต้องการจะคุยกับรอน และ ”แอนโทนี่มองไปที่รอนอย่างสงสัย
“และ อะไร” แฮร์รี่รีบถามอย่างเป็นกังวล
แอนโทนี่ยักไหล่“และก็ไม่เห็นกลับไปอีกเลย”
“แต่เธอไม่ได้มาคุยกับรอนเมื่อคืนนี้ จริงไหมรอน”รอนไม่ได้ตอบแฮร์รี่ตอนนี้เขากำลังหน้าซีด
“รอน” แฮร์รี่ถามซ้ำและมองหน้ารอนอย่างแปลกใจเมื่อรอนจับเขาและลากออกไปจากโต๊ะ“แฮร์รี่ฉันต้องการที่จะคุยกับนาย เพียงลำพัง”
“แฮร์รี่ รอน บางทีเฮอร์ไมโอนี่อาจจะหลับอยู่ในห้องต้องประสงค์”จินนี่กล่าวอย่างมุ่งร้ายเธอต้องการให้พวกเขาเข้าใจว่าเฮอร์ไมโอนี่แอบไปทำอะไรกับดีนละอ่อนเพลียจนหลับไป
“ไม่...ฉันอยู่ในห้องต้องประสงค์เมื่อคืนฉันกำลังฝึกคาถาและเมื่อฉันกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวมรอนกำลังทำเรียงความอยู่กับเซมัสและดีน”นั่นทำให้จินนี่สงบปากสงบคำลงข้ดข้องใจ
“แฮร์รี่”รอนกระตุ้นเขาอีกครั้ง”ฉันต้องการคุยกับนาย”
แฮรืรี่ รอน และกอสตีลเดินออกไปจากโต๊ะกริฟฟรินดอร์ แอนโทนี่ เดินไปยังโต๊ะเรเวคอล ในขณะที่รอนและแฮร์รี่ออกไปจากห้องโถงใหญ่ จินนี่ต้องการจะไปกับพวกเขาแต่รอนบอกว่าพวกเขาอยากอยุ่เป็นการส่วนตัวมากกว่า
ภายนอกห้องโถงใหญ่
“เอาละคราวนี้บอกฉันสิรอน นายต้องการจะพูดอะไรกับฉัน” แฮร์รี่กอดอกและจ้องเขม็งไปที่รอนอย่างจริงจัง
“นายรู้ไหม เมื่อคืน เออ เธอมาหาฉัน”รอนพูดตะกุกตะกักเหมือนมีชนักติดหลัง
“แต่เมื่อกี้นายบอก”แฮร์รี่กล่าวอย่างโมโห
รอนส่ายหน้าอย่างอัดอั้น “เธอไม่ให้ฉันบอกนาย เธอบอกกับฉันว่า เธออยากให้ฉันช่วย”
“ช่วยอะไร “ แฮร์รี่ถามรู้สึกกลัวกับคำตอบเล็กน้อย
“เธอต้องการเสื้อคลุมล่องหนขอนาย”มนที่สุดรอนก็พูดโพล่งออกมา
“อะไร
..แต่”แฮร์รี่หยุดพูดทันทีเมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้หอประชุมใหญ่และตรงที่เขายืนอยู่ แฮร์รี่ไม่รู้อะไรหรือทำไมถึงทำให้เขาต้องทำแบบนี้แต่อย่างรวดเร็ว เขาและรอนหลบซ่อนอยู่ข้างหลังเสาต้นใหญ่ และอแบมองดูผู้ที่เดินมานั่นคือศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลและศาสตราจารณ์ฟลิกวิตศาสตราจารณ์ร่างเล็กที่ดูเหมือนเหนือยมากจากอะไรสักอย่าง
“เธอเป็นอย่างไรบ้างฟิลเลียส”มัลกอลนากัลถามอย่างกังวลเมื่อเห็นสีหน้าอันอ่อนเพลียของชายร่างเล็กเชื้อสายกอบลิน
“ฉันไม่เป็นอะไร มินอว่า แต่อย่างน้อย เธอก็ไม่อยู่ในความเจ็บปวด มีสเกรนเจอร์เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก”ฟลิกวิคกล่าวชม
“ใช่ ฉันรู้”
มักกอลนากัลป์ จะเปิดประตูห้องโถงใหญ่แต่ก็ชะงักเมื่อฟลิกวิคพูดอะไรบางอย่าง
“แต่จำไว้มินอว่าพอตเตอร์จะต้องไม่รู้อะไรที่เกิดขึ้น”
มินอว่า มัลกอลนากัลป์ พยักหน้า แล้วพวกเขาก็เข้าไปด้านในห้องโถงใหญ่โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่เขาเอ่ยถึงมองลอดเสาออกมาด้วยสีหน้าสงสัยเป็นทวีคูณ
ข้างหลังเสา รอนและแฮร์รี่ มองกันและกันอย่างกังวล
“ฉันจะต้องค้นพบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฮอร์ไมโอนี่ รอน เก็บคำพูดของฉันไว้ ฉันจะต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”แฮร์รี่กล่าวย้ำอย่างมั่นใจพลางครุ่นคิดไปที่เพื่อนรักของเธอเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
ความคิดเห็น