ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic แปล harry potter / Strange and beautiful เซดีก/เฮอร์ไมโอ

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : ทุกเรื่องราวความรักที่ยิ่งใหญ่ย่อมมีจุดเริ่มต้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.92K
      19
      26 มิ.ย. 53

      

     
    Strange and beautiful : By Lemonstar
     
    บทที่ 1
    ทุกเรื่องราวความรักที่ยิ่งใหญ่ย่อมมีจุดเริ่มต้น....
    โลกเกิดขึ้นที่จุดเริ่มต้นของเวลา
                เด็กทารก 2 คน เกิดขึ้นมา ร้องไห้ในขณะที่พวกเขามาสู่โลก   คนหนึ่งมีรอยแผลที่แขนข้างซ้าย   ในขณะที่อีกคนมีรอยแผลที่แขนด้านขวา
                ชายที่มีผ้าคลุมศีรษะปกคลุมใบหน้าของเขากำลังเป่าสิ่งที่ดูจะเป็นฝุ่นละอองเข้าสู่หม้อต้มขนาดใหญ่ที่มีไฟไหลท่วม และกำลังกระซิบคาถาโบราณ ต้นไม้ที่อยู่รอบตัวเขา เกิดเสียงดังจากสายลมที่พัดแรง
                “รักแท้” เขากระซิบด้วยเสียงต่ำ
                ชายคนนั้นที่จะกลายเป็น เอมอส ดิกกอรี่ในชีวิตปัจจุบันนี้ ยืนถือถุงใส่อะไรสักอย่างที่น่าจะใช้เป็นเงินตรา ยื่นมันให้แก่ชายสวมผ้าคลุมศีรษะ “ลูกชายของผมกำลังจะตาย ช่วยเขาด้วย”
                ไฟที่อยู่ใต้หม้อต้มลุกโชนสูงขึ้น   ทำให้ของที่อยู่ในหม้อต้มเดือด ชายคนนั้นรับเงินไป และโยนมันลงไปในของเหลว เสียงขู่ดังปลดปล่อยออกมา และประจุไฟสีแดงพุ่งออกมาเป็นสาย
                “ลูกชายของคุณอ่อนแอ เขาต้องการชีวิตใหม่” ชายผู้นั้นกระซิบ
                “ทำตามความจำเป็นเถอะ” เอมอส อ้อนวอน
                ชายคนนั้นกระซิบคำพูดมากมายลงสู่หม้อต้ม   แสงไฟสีแดงพุ่งออกมาเพื่อตอบสนอง “รักแท้” เขากระซิบอีกครั้ง ปิดตาลง และปล่อยให้ควันลอยสูงขึ้นไป ขึ้นไปบนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขาโน้มตัวไปยังไฟที่ลุกโชน 
    “สองชีวิตจะกลายเป็นหนึ่ง ตลอดกาล รักแท้จะไม่มีวันตาย”
                ชายคนนั้นล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม และดึงดอกไม้สีม่วงขนาดเล็กออกมา ซึ่งเป็นดอกไม้ที่แปลกประหลาดสำหรับดินแดนนั้น   เอมอสมองตามในขณะที่เขาบดดอกไม้ลงในฝ่ามือ และโยนเศษดอกไม้ลงสู่หม้อต้ม
                “ดอกไม่จะไม่เหี่ยวเฉา จิตวิญญาณของพวกเขาจะไม่สูญเสียกันและกัน หัวใจของพวกเขาจะเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน พวกเขาจะอยู่เพื่อกันและกัน ดุจดั่งดอกไม้อยู่เพื่อน้ำ” ชายผู้นั้นกระซิบ และจากนั้นพูดบางอย่างซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างช้าๆ ไม่มีใครได้ยินในสิ่งที่เขาพูด
    นัมความ พีริม อมอร์ รักไม่มีวันตาย
    นัมความ พีริม อมอร์ รักไม่มีวันตาย


     
    ค.ศ. 1528
    ปราสาทเกรนเจอร์
    เธอยืนอยู่ที่หน้าต่างกำลังมองออกไป ในขณะที่สะพานลดต่ำลงเพื่อให้ขบวนม้าเข้าสู่ปราสาท เธอกัดริมฝีปากอย่างกระสับกระส่าย และเม้มปลายผมซึ่งอลิซซาเบธเพิ่งถักผมให้ หัวใจของเธอเต้นแรงภายในอกราวกับกลอง เธอพยายามจะมองผู้ที่ขี่ม้าเข้ามา พยายามที่จะนึกว่าเขาคือใคร แต่เขายังคงอยู่ไกลเกินกว่าจะเห็นใบหน้าอย่างชัดเจน
    “นายหญิงของข้า โปรดออกห่างจากหน้าต่างเถอะ” อลิซซาเบธหนึ่งในสาวใช้ของเธอบอก
    “มันไม่ถูกต้องที่เขาจะเห็นท่านก่อนเข้าพิธีแต่งงาน”
    เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจเธอ ยังคงจ้องออกไปที่นอกหน้าต่าง เธอคิดว่ามันไร้สาระที่จะซ่อนตัวเองจากเขา เขากำลังจะเป็นสามีของเธออีกไม่ถึง 1 ชั่วโมงนี้ พวกเขากำลังจะแต่งงานกัน   มันจะสำคัญอะไรที่จะเป็นตอนนี้ หรือในอีกชั่วโมงข้างหน้า      อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้จักผู้ที่ขี่ม้าเข้ามา   ธงสีเหลืองแห่งดิกกอรี่อาณาจักรที่อยู่ทางเหนือ ปลิวสะบัดด้วยแรงลม ในขณะที่ทหารควบม้าเข้ามาในปราสาท และไม่ถึงชั่วโมงนี้เฮอร์ไมโอนี่จะแต่งงานกับเจ้าชายของพวกเขา และ เธอต้องขี่ม้ากลับไปยังอาณาจักรดิกกอรี่ ซึ่งจะเป็นบ้านของเธอ เป็นอาณาจักรของเธอ เธอจะได้เป็นราชินีในวันหนึ่ง ในขณะที่สามีของเธอจะเป็นราชา มันถูกวางไว้แล้วตั้งแต่เธอเกิด เธอได้ให้สัญญาไว้กับเจ้าชายเซดริกแห่งอาณาจักรดิกกอรี่ว่า จะมอบทั้งชีวิตของเธอให้แก่เขา   และวันนี้เป็นวันแต่งงานของคนทั้งสอง มันเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้พบเขา เช่นนี้มันจึงอธิบายได้ถึงความกระสับกระส่ายที่เธอเป็น
    “นายหญิงของข้าได้โปรด มันไม่เหมาะสม” อลิซาเบธพูดอีกครั้ง จับมือของเฮอร์ไมโอนี่ และชักนำเธอออกจากหน้าต่าง เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาเศร้าสอยจากการมองสามีในอนาคตของเธอ ถึงเวลาที่เธอจะต้องแต่งตัวแล้ว เธอต้องดูสมบรูณ์แบบ แม้ว่าเธอจะไม่เคยพบเขามาก่อนก็ตาม   เธอยังคงปรารถนาให้เขาประทับใจในตัวเธอ เธอสงสัยว่าเขาจะคิดอย่างไรกับการจัดงานทั้งหมดนี้ เธออยากรู้ว่าเขาจะพอใจกับการที่เธอเติบโตขึ้นอย่างไร 
    มันเป็นหน้าที่ของเธอที่จะเป็นภรรยาที่ดี และสักวันหนึ่งจะเป็นราชินีเพื่อประชาชนของเขา เป็นแม่ให้กับลูกของซึ่งจะเป็นทายาทสืบต่อไปของเขา แม้ว่าเธอไม่อาจเลือกหนทางของตัวเองได้ แต่เธอหวังว่าเซดริกจะเป็นคนดี 
    มีผู้ชายมากมายข้างนอกที่ทำร้ายภรรยาของตัวเอง เธอทำได้เพียงภาวนาว่าเขาจะไม่ใช่ชายประเภทนั้น แม้ว่ามันจะสายเกินไปแล้วที่จะเปลี่ยนแปลง
    หนึ่งชั่วโมงถัดไป และเฮอร์ไมโอนี่อาบน้ำและแต่งตัวในชุดสีขาว ในขณะนี้ผู้เข้าร่วมในพิธีต่างรวมตัวกันในโบสถ์ขนาดเล็ก และรอคอยการมาของเจ้าสาว เซดริกอยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวรัดเอวแบบชาวกรีกสีเหลืองและสวมถุงน่องยาว   เขาอยู่ที่แท่นชูชากับบาทหลวง และกำลังรอคอยการมาของเจ้าสาวด้วยใจจดจ่อ เขาแทบจะทนไม่ได้ เขาพร้อมแล้วที่จะเข้าพิธีแต่งงานนี้ และเมื่อพิธีเสร็จสิ้นเขาจะได้กลับไปยังอาณาจักรดิกกอรี่ เหตุผลเดียวที่เขาอยู่ที่นี่   เป็นเพราะหน้าที่ที่เขาจะต้องทำ เขาไม่ต้องการแต่งงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนแปลกหน้า แต่ในฐานะที่เป็นเจ้าชาย มันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะสร้างทายาทที่คู่ควรต่อบรรลังก์    และเขาถูกหมายหมั้นไว้กับเจ้าหญิงเฮอร์ไมโอนี่แห่งเกรนเจอร์ ตั้งแต่ที่เธอเกิด 15 ปีก่อนหน้านี้ 
    ผู้คนที่รวมตัวกันในโบสถ์ส่งเสียงกระซิบกระซาบ และเซดริกหันหน้าไป เขาพบว่าในที่สุดเธอก็มาถึง เขาหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อเห็นเธอครั้งแรก เธอสวมเสื้อคลุมสีขาว และถือช่อดอกไม้ป่าสีเหลืองตรงหน้าเธอ มันเป็นสีเหลืองแคนนาลี่ และสีดำซึ่งเป็นสีประจำอาณาจักรดิกกอรี่ และ เขา รู้ว่าดอกไม้ที่เธอถืออยู่ คือ สัญญาณที่ทำขึ้นเพื่อเขา เธอสวมผ้าคลุมหน้าแต่เขายังคงเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างสมบรูณ์แบบ ดวงตาสีน้ำตาลลึก ผิวเนียนไร้ที่ติ กระที่อยู่บนดั้งจมูกของเธอ ผมเป็นลอนยาวหนาของเธอถูกรวบไว้ด้านหลังเป็นปมเผยให้เห็นคอที่เป็นระหงส์ของเธอ  
    เขามองไปที่คอของเธอ เซดริกรู้สึกราวกับว่าเขาได้สัมผัส และเคยจูบมันมาก่อน แม้เขาจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้   นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองเธอ แต่ถึงกระนั้นเขาไม่อาจขจัดความรู้สึกออกไปได้ มันเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นเธอมาก่อน
    เฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามทางเดิน และ ไม่มองใครอื่น ในชั่วขณะนี้เธอจับจ้องไปที่เซดริก เธอไม่ได้สังเกตเห็นพระบิดา หรือ พระมารดา หรือ ทหารของเซดริกเลย เธอเห็นแค่เซดริกคนเดียวเท่านั้น ชายที่อีกแค่ไม่กี่คำพูดจากนี้จะกลายเป็นสามีของเธอ สำหรับเธอเขาดูคุ้นเคยมาก เธอมีความรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมองเข้าไปในดวงตาสีเทาของเขา
    ในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้แท่นบูชาที่เขายืนอยู่ เขายื่นมือออกมาให้เธอเพื่อรับเธอ และเธอยิ้มจางๆครั้งหนึ่ง มือของเธอวางอยู่บนมือของเขา นิ้วมือของเขาเกาะกุมนิ้วมือของเธอ แสงสีขาวจ้าจนมองไม่เห็นวาบขึ้นตรงตาของเฮอร์ไมโอนี่ ในทันทีที่พวกเขาสัมผัสกัน เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังล้มหงายหลังหมดสติไป   เธอเปิดปากกรีดร้อง แต่มันไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว แสงสีขาวค่อยๆหายไปในม่านหมอกสีเทา รู้ตัวอีกทีเธอก็กำลังจ้องเข้าไปในตัวตาของเซดริกแล้ว  
    “โอ้ใช่” เธอยิ้มให้เขา ในขณะที่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังคงหงายหลังอยู่ เธอเคยจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้นมาก่อน 

     
    ค.ศ. 1860  
    ประเทศ ลอนดอน
    เอ็มม่า เกรนเจอร์ จัดที่นั่งให้ลูกสาวของเธอ ให้นั่งใกล้กับลอร์ดเซดริก ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ และ ในตอนนี้ ในขณะที่แขกทุกคนรับประทานอาหาร พูดคุยเสียงดัง หัวเราะกับเรื่องตลกในสังคมที่พวกเขาเล่าสู่กันฟัง   การกระทำของเอ็มม่าไม่ยากที่จะถูกสนใจ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเป็นการไม่สุภาพแต่ด้วยความพยายามของเธอ มันจะเป็นที่สังเกตในคืนนั้น
                เฮอร์ไมโอนี่อายุ 18 ปี และถึงเวลาที่เด็กสาวอย่างเธอจะต้องแต่งงาน   ลอร์ดเซดริก ดิกกอรี่ ลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเพิ่งกลับมาจากการเดินทางแรมปีไปอินเดีย และช่วยสร้างดินแดนให้แก่พระราชินี และอาณาจักรแห่งอังกฤษ    ทั้งเอ็มม่าและสามีของเธอ โรเบิร์ต เกรนเจอร์รู้ดีว่าพวกเขาเป็นคู่ที่สมบรูณ์แบบ ทั้งสองครอบครัวเมื่อดองกันจะมีทั้งความมั่นคง อำนาจ และความเคารพนับหน้าถือตา   การดองกันของเฮอร์ไมโอนี่และเซดริกจะเป็นการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้เกิดขึ้น
                เซดริกตระหนักถึงการปรากฏตัวของหญิงสาวผู้เลอโฉมที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของเขา ชุดที่เธอใส่เป็นสีฟ้ามุกซึ่งเข้ารูปร่างขอบบางของเธออย่างสมบรูณ์แบบ ผิวของเธอขาวเนียนไร้ที่ติ กระที่กระจายตัวบนสันจมูกของเธอ ดวงตาสีน้ำตาลขนาดใหญ่ และรอยยิ้มอ่อนโยนของเธอ ทั้งสดใสและเชื้อเชิญ ซึ่งไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น   ผมของเธอรวบขึ้นเป็นมวยแน่นเรียบๆด้านหลัง เธอ คือสิ่งที่สวยงามที่สุด ที่เขาเคยเห็นมาตลอดชีวิต และตลอดการเดินทาง
                เขาไม่ได้ตั้งใจมองเธอในขณะที่พวกเขากำลังทานอาหาร แต่เขาพบว่ามันยากอย่างที่สุด และ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะละสายตาไปจากเธอ   เขาอาจจะดูเหมือนคนโง่ ในสายตาของแขกคนอื่นๆ   แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาเป็นแบบนี้ เขาจ้องไปที่เธอ และด้วยเหตุผลบางอย่าง   เซดริกรู้สึกคุ้นเคย   รู้สึกเหมือนกับว่ามันเคยเกิดขึ้นและเขาเคยเห็นเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว    เขารู้ว่าสิ่งที่เขารู้สึกมันไม่มีเหตุผล เขาไม่เคยพบ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์มาก่อนคืนนั้น และไม่รู้จักเธอในแบบที่ร่างกายและความคิดของเขาแสดงออกมาว่ารู้จักเธอ
                นิ้วมือของเขาปรารถนาอยากสัมผัสเธอ แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันไม่เหมาะสมมากเพียงไรก็ตาม    พ่อของเธออาจจะไม่ทำอะไรอื่นนอกจากโยนเขาออกไปจากบ้าน และห้ามไม่ให้เขาเข้าใกล้เธออีก   นั่นเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นถ้าเซดริกกล้าแตะต้องเธอ    เขากำหมัดแน่น ข้อมือของเขาใกล้จะเปลี่ยนเป็นสีขาว   มันไม่สำคัญว่าเซดริกเป็นคนสำคัญแค่ไหนในการขยายอาณาจักร หรือ ว่าเขาเป็นที่พอพระทัยของราชินี     สิ่งสำคัญคือ เกียรติของเฮอร์ไมโอนี่ และ การแตะต้องเธอจะทำให้เกิดมลทิน   เซดริกไม่อยากทำแบบนั้นกับเธอ
                ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาเหมือนจะรู้ว่าเธอชอบการถูกลูบข้างในข้อศอกทั้งสองข้างของเธอ และ เธอจั๊กจี้ด้านหลังเข่า   
    “เฮอร์ไมโอนี่บางทีลูกน่าจะพา ลอร์ดดิกกอรี่ไปชมสวนดีไหม?   ดอกไม้กำลังบานรับอากาศที่อบอุ่นและอากาศสดชื่นจะทำให้รู้สึกพอใจหลังจากอุดอู้อยู่ในห้องกินข้าวเป็นเวลานาน” 
                เฮอร์ไมโอนี่ข่มอารมณ์ไม่กลอกตา และรู้ว่ามันไม่ใช่ท่าทีเฉกเช่นสุภาพสตรีโดยส่วนใหญ่พึงกระทำ ดังที่แม่ของเธอเรียกมันอย่างสุภาพ   ไม่มีความลับใดที่เอ็มม่า และแม้แต่โรเบิร์ตพ่อของเธอล่วงรู้    พวกเขาเห็นคำนำหน้าของเซดริก ความมั่งคั่ง และตำแหน่งของเขา ซึ่งจะมีความสำคัญมากขึ้นเพราะดินแดนของราชินีขยายไปทั่วโลก และพวกเขาพยายามเอาเซดริกมาเป็นลูกเขยในทันใด   เธอรู้สึกไม่ดีกับมัน    เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรเลยใช่ไหม   พ่อแม่ของเธอจะเคยคิดซักครั้งไหมว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับเซดริก ดิกกอรี่ เธอไม่แม้แต่รู้จักเขา    ทำไมเธอควรถูกบังคับให้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตกับคนแปลกหน้า   เพียงแค่ความก้าวหน้าทางการเมือง และทางสังคมของครอบครัวเธอ
                แต่เมื่อเขาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แขนของเขาปัดถูกแขนของเธอโดยบังเอิญ เธออ้าปากค้าง และ ทันใดนั้น ภาพแปลกๆเกิดขึ้นในหัวของเธอ   ภาพดวงตาสีเทาและริมฝีปากที่ยื่นออกมา   ริมฝีปากที่เธอรู้ว่าเธอเคยจูบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตกใจ, สะดุ้ง และถูกกระตุ้นแปลกๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองเซดริก และเห็นว่าเขากำลังจ้องลงมาที่เธอ    ดวงตาของเขาพร่ามัว และอัดอั้นไปด้วยความรู้สึก    เธอตัวสั่นในขณะที่เธอดูเหมือนว่าจะอ่านความคิดของเขาออก และเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าเธออย่างกระหายด้วยสายตาของเขา   เขาเห็นในสิ่งที่เธอเห็น ภาพการจูบกัน ภาพเนื้อเปลือยเปล่าที่สัมผัสกัน   ภาพร่างการประสานกัน   เขย่าและกระแทกกันอย่างแนบชิด   ทั้งดูเหมือนจะรู้ว่าภาพต่างๆที่เห็นเป็นของอีกฝ่าย และ มาจากการสัมผัสเดียวกัน
                “ได้ค่ะ แม่” เฮอร์ไมโอนี่พูด และยืนขึ้น สงสัยว่าเสียงของเธอจะไม่สั่นไปมากกว่านี้ และเธอพยายามอย่างหนักที่จะไม่ล้มลง แม้ว่าเข่าของเธอกำลังสั่นสะท้านอยู่ภายใต้ชุดที่เธอใส่  
    “ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะพา ลอร์ดดิกกอรี่ไปชมสวน”
                เธอเดินออกจากห้องทานอาหาร และรู้สึกว่าเซดริกอยู่ด้านหลังเธอ   ในขณะที่เธอเดินลงไปตามทางเดิน เพื่อไปยังประตูด้านหลังที่นำไปสู่พื้นที่สวยงามของพ่อเธอ   เธอหายใจแผ่วเบาเมื่อเธอรู้สึกว่ามือของเขาอยู่บนหลังของเธอในทันที   รอยเว้าเผยให้เห็นถึงเนื้อหนังจากชุดที่เธอใส่   ผิวระหว่างกระดูกสะบักของเธอถูกเผยให้เห็น และในตอนนี้ เขาสัมผัสเนื้ออันเปลือยเปล่าของเธอ   แต่เธอไม่ห้ามเขา ร่างกายของเธอรู้สึกเหมือนกับว่ามันติดไฟจากการสัมผัสครั้งหนึ่งจากเขา   เธอไม่คิดที่จะหยุดเขา
                “ผมรู้จักคุณ” เขาพูดพึมพำ และเขยิบเข้าไปอยู่ด้านหลังเธอจนหน้าอกของเขาชนด้านหลังของเธอ และ ริมฝีปากของเขาอยู่ใกล้หูของเธอมากที่สุด   มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะยืนอยู่ตรงทางเดินสนามของบ้าน ที่คนอื่นสามารถมองเห็นได้ชัดเจน   สมองของเขาถูกครอบงำโดยสมบรูณ์ด้วยสิ่งอื่น และความเหมาะสม คือ สิ่งสุดท้ายที่เขาจะใส่ใจ
                “ฉันจะรู้จักคุณได้อย่างไร” เธอถามด้วยเสียงกระซิบ   ดวงตาของเธอปิดลงในขณะที่เธอรู้สึกว่ามือของเขาค่อยสัมผัสสะโพกของเธอ และวางลงที่หน้าท้องของเธอชั่วขณะก่อนที่จะค่อยเขยิบขึ้นไปยังหน้าอกของเธอ   
    “เราเคยทำเช่นนี้มาก่อน”
                หัวใจของทั้งคู่เต้นแรง เต้นรัวอยู่ในอก และพวกเขาหายใจอย่างหนักหน่วง   ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่ามือของเขา และริมฝีปากของเขาอยู่ที่เธอ เขาหมุนตัวเธอไปรอบๆ แขนของเธอโอบล้อมรอบคอของเขาในทันที ในขณะที่ปากของเขาประกบกับปากของเธอแน่น จูบในทุกๆลมหายใจจากปอดของเธอ   มันรุนแรง กระหาย ทั้งคู่ไม่อาจเข้าใกล้อีกฝ่ายได้เพียงพอ   นิ้วมือของเธอยึดเส้นผมด้านหลังของเขาไว้ และ เขานำเธอไปด้านหลัง   จนกระทั่งเธอถูกกดปะทะกำแพง   แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจหายใจได้อีก แต่พวกเขาไม่หยุดจูบกันและกัน

     
    ปีปัจจุบัน
    สถาณที่ ควิชดิช เวิร์ดคลับ          
    ณ. เวลานี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขา อันที่จริงแล้วเขาแทบจะไม่รู้จักเธอเลย แต่แค่เคยได้ยินเรื่องราวของเธอ    ทุกๆคนที่ฮอกวอตส์อย่างน้อยที่สุดรู้เรื่องเกี่ยวกับ the Golden Trio เพราะพวกเขาทั้งสามคนมักถูกพูดถึงในกลุ่มนักเรียนบ่อยๆ    มีเรื่องราวที่เลื่องลืออยู่เสมอเกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ และเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา รอน วีสลีย์และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์    ดูเหมือนว่าในแต่ละปี มันไม่อาจผ่านพ้นไปได้โดยปราศจากเหตุการณ์ที่เกิดในทำนองที่จะปิดปากเงียบไว้ได้   อย่างไรก็ตามถึงกระนั้นก็มีข่าวลือแพร่กระจายอยู่เสมอ   เรื่องราวของโทรล์ หมาสามหัวและหินลึกลับ เรื่องราวการต่อสู้กับบาซิลลิสที่เลื้อยไปทั่วห้องแห่งความลับภายใต้โรงเรียน เรื่องราวของการใช้เครื่องย้อนเวลา หนูกลายเป็นคนและเรื่องการต่อสู้กับผู้คุมวิญญาณ   ไม่มีใครนอกจากพวกเขาทั้งสามคนและศาสตราจารย์ไม่กี่คนในโรงเรียนที่รู้ว่าความจริงคืออะไร
                เซดริก ก็เหมือนกับคนส่วนใหญ่ ที่สงสัยในตัวพวกเขาทั้งสาม แต่เขาไม่เคยพูดกับใครคนใดคนหนึ่งในนั้นเลย   เหตุผลข้อหนึ่งคือ เขาไม่มีเหตุผลจะพูดด้วย เขาอยู่บ้านฮัฟเฟิลพัฟและอยู่ปีหก ในขณะที่ทั้งสามคนอยู่บ้านกริฟฟินดอร์และอยู่เพียงแค่ปีสี่เท่านั้น   เขาไม่มีเหตุผลที่จะมาสมาคมด้วย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเซดริกไม่ได้สังเกตพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอ...   เธอเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด นับตั้งแต่ที่พวกเขาอยู่ปีแรก และเซดริกมองตามพวกนักเรียนปีแรกที่ถูกคัดสรร   ผมของเธอเป็นพุ่ม ฟันของเธอดูเหมือนจะใหญ่เกินไป   แต่เซดริกคิดว่าเธอน่ารัก    น่ารักแบบที่เด็กอายุสิบเอ็ดจะเป็น แต่เธอค่อยๆเปลี่ยนไป เปลี่ยนไป... เป็นเด็กสาวแบบที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้ เธอผอมลง สูงขึ้น ผมสีน้ำตาลของเธอตอนนี้สว่างขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากแสงอาทิตย์   ผมของเธอเป็นลอนหยิกน้อยลง ดวงตาของเธอยังคงโตและเป็นประกายสีน้ำตาลเช่นเคย และดูเหมือนว่าดวงตาคู่นั้นจะสะกดเขาได้ในทันที ที่เขาเข้าใกล้พอที่จะมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น
                การพบกันครั้งแรกระหว่างพวกเขา เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนได้ เพราะมันเป็นเหมือนเรื่องแปลก แม้กระทั่งว่าพวกเขาอยู่ในโลกพ่อมดแม่มดก็ตาม
               
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×