คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 : ความเป็นจริงที่โหดร้าย
ตราบาปลิขิตรัก
บทที่ 8 ความเป็นจริงที่โหดร้าย
”ตู้ไม้กวาด”
“นายคิดว่าพวกนั้นจะอยู่ในนี้งั้นเหรอ”น้ำเสียงของแฮร์รี่ค่อนข้างแปลกใจ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงรอนเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขันเต็มที่
“นายคิดอะไรแฮร์รี่ ฉันแค่พูดล้อเล่น ใครจะอยู่ในตู้ไม้กวาดได้ โดยเฉพาะเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยเนี่ยนะ”
“ฉันก็คิดว่าไม่” แฮร์รี่พึมพำ “แต่มันมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ใช่ไหม อืม..... ฉันคิดว่าเราคงจะไม่เจออะไรที่นี่หรอก ไปกันเถอะ” จากนั้นเสียงฝีเท้าของพวกเขาเดินออกห่าง จนเสียงเลือนหายไป
“พวกบ้าเอ๊ย” เดรโกสบถออกมาเบาๆ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอต้องอับอายแน่ถ้ารอนและแฮร์รี่จับเธอได้ในสภาพแบบนี้ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอึดอัด เธอรู้ว่าเธอสมควรออกไปได้แล้วในตอนนี้
แต่มือของเดรโกได้ขวางเธอเอาไว้เสียก่อน “เธอจะไปไหน”เขาหยุดชะงักเมื่อเธอเลื่อนไม้วิเศษไปยังหน้าอกของเขา
“พวกนั้นหมายความว่ายังไง เธอสอนอะไรฉันงั้นเหรอเกรนเจอร์”เขาถามและมองจ้องเธอ
“ฉันไม่รู้”เธอพูดเสียงแข็งแต่เธอก็อ่านสีหน้าเขาออกว่าเขาไม่เชื่อเธอ
“ฉันมีเรื่องบางอย่างที่จะบอกเธอ”เขาพูดอย่างใจเย็นหลังจากหยุดคิดเล็กน้อยและยิ้มเมื่อเธอทำหน้าบึ้งตึงใส่เขา
“มีอะไร”เธอพูดอย่างช้าๆพร้อมกับทำสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจมาที่เขาอย่างเปิดเผย
“ไม่ใช่ตอนนี้เกรนเจอร์”เขาพูดเสียงกวนๆ”ฉันยังไม่มีอารมณ์”
ด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่กวนประสาทของเขามันช่างรบกวนโสตประสาทของเธอยิ่งนัก เธอทุบอกเขาแรงพอที่จะทำให้เขาแสดงสีหน้าเจ็บปวดและร้องออกมา
“ถ้านายไม่พูดตอนนี้นายจะไม่มีโอกาสอีกเพราะฉันจะไม่พบกับนายอีกแล้ว”เธอพูดเสียงแข็งแต่เธอก็รู้สึกได้ว่ากระแสเสียงและมือของเธอเริ่มสั่นเล็กน้อยแต่เธอพยายามที่จะข่มมันเอาไว้
“ก็บอกแล้วไม่มีอารมณ์ไง”เขาพูดและเขยิบเข้ามาใกล้เธอพร้อมกระซิบที่ข้างหูของเธอเบาๆว่า
”หรือเธออยากจะช่วยปลุกอารมณ์ฉันหน่อย”
“มัลฟอย”เธอเรียกชื่อเขาอย่างมีโมโห และทุบเขาอีกครั้งโดยไม่สนเสียงร้องและใบหน้าที่บึ้งตึงของเขา
“นายมันบ้าสิ้นดี “เธอพูดโดยที่พวกเขายังคงยืนแนบชิดกันอยู่
“ก็ได้ แต่เรื่องนี้มันค่อนข้างยาวเราคงต้องเจอกันอีกครั้งเพื่อคุยกัน”เดรโกพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่”เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดังเธอถอยออกห่างเขาและมองไปที่เขาอย่างโมโห”มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ไม่ใช่ตอนนี้และตลอดไป ฉันจะไม่เจอกับนายอีก”
เขาหัวเราะเสียงดังและหยุดเมื่อเธอชี้ไม้วิเศษตรงมาที่ลูกกระเดือกของเขา
“อย่ามาทำเสแสร้งเกรนเจอร์”เขากล่าวอย่างดุดัน”เธออยากเจอฉัน พอๆกับที่ฉันอยากเจอเธอนั่นแหละ ใช่ไหม ฉันแค่มองตาเธอฉันก็รู้แล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง เขาพูดถูก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เธอต้องยอมเขาเพราะเขายังคงเป็นตัวร้ายกาจอยู่เหมือนเคย
“นายมันงี่เง่า หลงตัวเอง”เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า”ฉันจะกลับไปยังห้องนั่งเล่นรวมแล้ว และนายไม่สามารถที่จะหยุดฉันไว้ได้”
เธอพูดและผลักอกเขาออกไปก่อนที่จะวิ่งหนีไปยังหอนอนกริฟฟินดอร์
เดรโกเดินออกจากตู้เสื้อผ้าโดยไม่สนใจที่จะทำความสะอาดฝุ่นละอองที่อยู่ตามเสื้อของเขาเขาเริ่มจะลงไปยังคุกใต้ดิน เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องยืนอยู่ตรงนี้เหมือนคนโง่ เพราะยังไงเธอคงจะไม่เปลี่ยนใจ ไม่ใช่คืนนี้หรือคืนไหนๆแน่
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
หลังจากวันนั้นเดรโกพยายามที่จะอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ตามลำพังอีกครั้ง แต่มันดูเหมือนจะยากยิ่งขึ้น เพราะอาทิตย์ที่ผ่านๆมาเธอพยายามที่จะหลบเขา ไม่แม้แต่จะอยู่ตามลำพังคนเดียว ในตอนแรกเขาพยายามเข้ามาหาเรื่องเธอโดยการพูดจาเสียดสีเหมือนที่เคยๆทำ เพราะเขาต้องการให้เธอแสดงอาการตอบโต้เขา แต่นั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเธอกลับเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม จากนั้นเขาเลิกพูดจาเสียดสีเธอแต่กลับยั่วโมโหเธอแทน เขาควงแพนซี่บ้าง คลาริสบ้าง หรือแม้กระทั่งคู่หมั้นของเขาเดินโฉบผ่านเธอไปมา
แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็แค่เงยหน้าขึ้นมาดูผ่านๆและทำทีท่าเป็นไม่สนใจเขา ทำให้เขากลับโกรธและโมโหเธอแทน เขาเริ่มถอดใจในวันนั้น ก่อนจะเดินไปยังห้องนั่งเล่นรวมของบ้านสลิธลีน
เดรโกทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีดำตัวใหญ่ที่อยู่ข้างแครปและกอยส์ ซึ่งดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่กับการบ้านของพวกเขาอยู่ แต่เดรโกก็ไม่สนใจ ในหัวของเขากำลังคิดถึง แต่ยายเลือดสีโคลน เกรนเจอร์เท่านั้น
เดรโกกวาดสายตาไปทั่วห้องอย่างเซ็งๆ และเขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยิ้มมาให้เขา เดรโกทำหน้าบึ้ง เขาถอนหายใจอย่างแรงพร้อมกับพิงหัวของเขาจ้องมองเพดานคล้ายกับว่ามันน่าสนใจกว่าเป็นไหนๆ
ความจริงมีผู้หญิงอีกหลายคนที่ต้องการเขา แต่ทำไมเขาต้องบ้าและงุ่นง่านไปกับเลือดสีโคลนด้วย เดรโกถอนหายใจเป็นหนที่ล้านกับชีวิตรักของเขาที่ดูเหมือนมันไม่ง่ายเลย ยิ่งเขามีแพนซี่ที่คอยตามประกบตัวตลอดเวลา ยิ่งแย่กว่าเดิม มันคงจะง่ายกว่าถ้าเขาถอยห่างออกไปจากแพนซี่ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นผลร้ายจะตกอยู่ที่ตัวเขามากกว่าเดิมเพราะพ่อของเขาอาจจะเพ่งเล็งเขามากกว่าที่เคย ยังไงซะการที่เก็บแพนซี่เอาไว้ใกล้ๆมันก็ยังดีกว่าอยู่แล้วอย่างน้อยเขาก็สามารถควบคุมเธอได้
เดรโกหวนคิดถึงใบหน้าน่ารักของเกรนเจอร์อีกครั้ง
ยายจองหอง! เขาคิดและไม่สามารถหยุดยิ้ม เมื่อเขาคิดถึงสิ่งที่เขาทำกับเธอในตู้เก็บไม้กวาดในวันนั้นได้ และ ถ้าเขามีโอกาสอีกครั้ง ....เดรโกอมยิ้ม
“นั่นต้องไม่ดีแน่”เสียงแหบแห้งที่พูดกลับมามันทำให้เดรโกถึงกับสะดุ้ง เขามองย้อนกลับไปยังต้นเสียง และเห็น ทีโอดอร์ น๊อตต์ เด็กหนุ่มรูปร่างอ้อนแอ่น ผิวขาวปากแดง ที่ใครๆก็รู้ว่าเขาไม่ใช่ชายแท้นั่งอยู่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา
“อะไร”เดรโกพูดเสียงต่ำและมองไปที่น๊อตต์อย่างระแวง
“นายเข้ามาในนี้เหมือนกับฆาตรกร แต่ห้านาทีผ่านไปนายกลับยิ้มเยาะเหมือนคนบ้า ....ไม่”น๊อตต์โบกมือเมื่อเห็นเดรโกกำลังอ้าปากเพื่อจะตอบโต้เขา”อย่าบอกฉันว่านายไปทำอะไรมาฉันไม่อยากรู้”
เดรโกไม่สามารถที่จะพูดและทำอะไรได้มากไปกว่าการหัวเราะ บางทีลักษณะท่าทางของเขาในตอนนี้ คงบอกได้จากมุมมองของน๊อตส์ว่าเขาเหมือนฆาตรกรหรือคนบ้ามากแค่ไหน ใช่คนบ้า เขาอาจจะเป็นคนบ้าที่มีจิตผูกพันอยู่แต่กับเด็กสาวบ้านกริฟฟินดอร์คนนั้นก็อาจเป็นได้
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ในวิชาอักษรรูนเพื่อนๆของเธอไม่มีใครลงวิชานี้ แต่เธอก็ยังคงอยู่ห่างจากเขา เธอไม่สนใจเขาระหว่างที่เธอยังคงตอบคำถามเหมือนเดิมที่เธอเคยทำเป็นประจำ แต่เดรโกยังคงไม่ละความพยายาม ที่จะเอนเอียงความสนใจของเธอมาที่เขา แต่การที่เธอไม่พยายามสนใจเขาเลยเริ่มที่จะทำให้เขาหงุดหงิดอีกครั้ง
เดรโกกระซิบกระซาบกับเพื่อนของเขาทุกครั้ง เวลาที่เธอตอบคำถาม พวกเขาพยายามสร้างความรำคาญให้กับเธอ โดยเฉพาะเพื่อนๆของเขาที่พยายามซ่อนการหัวเราะที่ขบขันระหว่างที่ใบหน้าของ เฮอร์ไมโอนี่เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมมองหน้าเขาอยู่เหมือนเดิม เธอพยายามที่จะจ้องไปที่อาจารย์หรือไม่ก็สมุดโน้ตของเธอ แม้แต่ตอนที่พวกเขาโดนศาสตราจารย์เวกเตอร์ต่อว่า และหักคะแนนบ้านสลิธลีนเธอก็ยังคงไม่เหลียวหันมามอง
เมื่อหมดชั่วโมงเรียน เฮอร์ไมโอนี่เดินออกไปก่อนเป็นคนแรก โดยที่เดรโกไม่ทันได้เตรียมตัว เขามัวแต่เก็บหนังสือเรียนที่กระจายเกลื่อนโต๊ะของเขาอย่างรีบร้อน บ้าฉิบ! เขาน่าจะรู้ดีว่าเกรนเจอร์คงจะหาทางหนีไว้ก่อนแล้ว เธอไวพอที่จะรอดจากการถูกเขาตระครุบตัว
เดรโกเดินเหมือนคนไร้ชีวิตจิตใจ หมดชั่วโมงนี้เขาว่างและไม่รู้ว่าจะทำอะไรสิ่งที่เขาอยากจะทำก็มลายหายไปเมื่อเกรนเจอร์รีบหนีออกไปจากห้องเรียนก่อนที่พวกเขาจะได้คุยกัน เดรโกตัดสินใจที่จะเข้าไปยังหอนอนสลิธลีน บางทีตอนนี้แพนซี่อาจจะนอนคอยเขาอยู่บนหอนอนแล้วก็เป็นได้ และเขาอาจจะใช้ช่วงบ่ายกับเธอโดยจินตนาการว่าเธอคืออีกคนที่เขาต้องการ
ระหว่างทางที่เดรโกเดินไปตามเส้นทางไปยังหอนอนสลิธลีน มีบางอย่างกระแทกที่หัวของเขาอย่างแรง เขารู้สึกเหมือนหัวของเขากำลังจะระเบิด และสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือของเหลวสีเขียวที่น่าขยะแขยงเปรอะเปื้อนไปตามหัวและตัวของเขา
“อะไรว่ะ” เดรโกคำรามลั่น พร้อมกับหันไปทางต้นเหตุ พีฟส์ ผีโพสเตอร์ไกส์จอมกวนลอยละล่องอยู่เหนือหัวของเขาพร้อมกับหลิ่วตาแลบลิ้นใส่เขาอย่างสะใจ
เดรโกได้ยินเสียงหัวเราะอยู่รอบๆตัวเขา มันทำให้เขาหน้าแดงเพราะความอายและโกรธรวมกันเขามองดูวัตถุที่เขาถูกโจมตีมันดูเหมือนลูกโป่งใส่น้ำเต็มไปด้วยของเหลวสีเขียวซึ่งกระจายอยู่บนตัวของเขาและตามพื้น
เดรโกพยายามหยิบสิ่งแปลกปลอมที่อยู่บนหัวและหน้าของเขาออก พร้อมกับมองขึ้นไปดูพีฟส์ด้วยแววตาประสงค์ร้ายและมันทำให้เขามองเห็นพีฟส์ ซึ่งกำลังง้างมือ เพื่อเขวี้ยงลูกโป่งอีกใบมาทางเขา แต่คราวนี้เดรโกหลบทันและมันไปโดนคนที่อยู่ข้างหลังเขา เดรโกหันไปดูคนที่โชคร้ายต่อจากเขา และเขาก็ต้องหัวเราะลั่นโดยลืมไปว่าเขาโกรธเจ้าผีร้ายตัวนี้อยู่ สิ่งที่เขาเห็นคือเด็กสาวปีห้าที่ตัวเต็มไปด้วยคราบเลอะ และก่อนที่เขาได้สังเกตเห็นว่ามีใครบางคนยืนหัวเราะเยาะเขาจนตัวสั่น ก็มีลูกโป่งอีกลูกถูกโยนมาและมันก็โดนตรงขอบผ้าคลุมของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะสิ่งที่เขาสนใจอยู่ที่เด็กสาวเลือดสีโคลนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขานั่นเอง
แน่นอนพวกหัวแดงเพื่อนของเธอก็อยู่กับเธอด้วยเช่นกัน วิสลี่ย์ยิ้มไปที่เธออย่างขบขัน เมื่อเห็นเธอหัวเราะจนหน้าแดง เฮอร์ไมโอนี่ชี้มือไปที่เดรโกพร้อมกับพูดบางอย่างกับวีสลี่ย์ และมันทำให้เด็กหนุ่มหัวแดงหัวเราะอย่างขบขันมาทางเขา
เดรโกมองไปที่เธอที่พยายามรวบรวมความสงบกลับคืนมา เขาอยากตรงเข้าไปทำโทษเธอที่แสดงความขบขันใส่เขาและทำให้เธอหุบปากด้วยตัวของเขาเองแต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถจะทำได้ เธอมองดูเขาเหมือนจะรู้ในสิ่งที่เขาคิด เฮอร์ไมโอนี่หุบปากทันที แต่ก่อนที่เธอและเพื่อนๆของเธอจะเดินหนีไปนั้น มีเสียงลูกโป่งระเบิดมาอีกครั้งและเฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่ามีอะไรสีม่วงๆอยู่บนหน้าของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถพูดคำที่อยากจะพูดออกมาได้ เพราะดูเหมือนว่าเธอกำลังตกใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่เธอไม่ทันได้ระวังตัว
สาเหตุมาจากพีฟส์เริ่มจะดึงดูดความสนใจของเหล่าบรรดานักเรียนทั้งหลายอีกครั้งโดยการปาลูกโป่งน้ำใส่เดรโก แต่เขาขยับหลบ ลูกโป่งจึงไปโดนที่เฮอร์ไมโอนี่เต็มๆ
ทั้งใบหน้าและผมของเธอเต็มไปด้วยของเหลวสีเขียวและม่วง เฮอร์ไมโอนี่เช็ดมันออกด้วยมือของเธอ และมองดูสิ่งที่เธอเช็ดออกอย่างงงๆ ก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
เดรโกกระตุกยิ้มเล็กน้อย เมื่อเพื่อนๆของเธอเดินหลบเธอไปอยู่อีกฝากหนึ่งเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง แต่ดูเหมือนมีเพียงวิสลี่ย์คนเดียวเท่านั้นที่ยังคงอยู่ข้างๆเธอโดยที่เธอพิงหัวอยู่กับหน้าอกของวีสลี่ย์ และหัวเราะออกมาอย่างขบขัน เด็กหนุ่มยิ้มให้เธอในขณะที่เขา เอามือตบหลังของเฮอร์ไมโอนี่เบาๆ และดูเหมือนเขาจะมีความสุขที่ได้ทำอย่างนี้
ในตอนนี้เดรโกรู้สึกโกรธมากพอที่จะฆ่าใครสักคนได้ เขาหวังว่าเธอคงจะไม่ทำอย่างนั้น กับใครคนอื่นๆอีกต่อไป
ในขณะที่พีฟส์เริ่มเขวี้ยงปาลูกโป่งน้ำไปยังนักเรียนคนอื่นๆอยู่นั้น ศาสตราจารย์มัลกอลนากัลเข้ามาด้วยท่าทีที่สับสนเล็กน้อย เธอพูดขู่ให้พีฟส์หยุดก่อกวน ในขณะที่เธอหันมาทางเดรโก
“ดูเธอสิคุณมัลฟอย”มัลกอลนกัลป์หันไม้วิเศษมาที่เขาและท่องคาถาแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอทำหน้าบึ้งอย่างไม่เข้าใจ ก่อนสำรวจไปทั่วตัวของเด็กหนุ่ม เธอจับสารสีเขียวขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง พลางถอนหายใจ
“ฉันควรจะรู้ ว่ามันทำมาจากหินควอตส์สีเขียว เวทมนต์ไม่สามารถทำลายมันได้ ฉันสงสัยจังว่าเขาไปเอามันมาจากไหน และเอามาได้ยังไง” เธอถอนหายใจอีกครั้ง
“แล้วไงฮะ แล้วเราจะล้างมันออกได้ยังไง”เดรโกถามด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด
“ฉันบอกว่าเวทมนต์ไม่สามารถทำลายมันได้ แต่ฉันไม่ได้บอกนี่ว่าล้างน้ำมันออกไม่ได้ เอาล่ะเด็กๆ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันได้แล้ว ฉันจะบอกอาจารย์ของพวกเธอให้ว่า วันนี้พวกเธอคงจะไม่เข้าเรียน เธอก็เหมือนกันนะคุณเกรนเจอร์” ศาสตราจารย์มัลกอลนากัลป์พูดจบแล้วจึงเดินจากไป
เฮอร์ไมโอนี่โบกมือไล่เพื่อนๆของเธอและแยกเดินไปอีกทางของส่วนที่เป็นห้องอาบน้ำพรีเฟ็ค เดรโกมองตามเธอไปจนลับสายตา เขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาได้ เมื่อเขาเหลือบเห็นแพนซี่และเพื่อนๆของเธอที่เดินตรงมาทางเขา
บางทีเธออาจจะมีประโยชน์อยู่บ้าง! เดรโกคิดพลางโบกมือให้กับเธอ ดวงตาของแพนซี่เบิกกว้างเมื่อมองเห็นเขาได้ถนัดตา เดรโกเดินเข้ามาประชิดตัวเธอพร้อมกับรอยยิ้ม
“เกิดอะไรขึ้น”เธอถามด้วยน้ำเสียงตกใจ”ทำไมเธออยู่ในสภาพแบบนี้ล่ะ”
“พีฟส์น่ะมันก่อกวน”เขาตอบ” เป็นเด็กดีหน่อยแพนซี่ แล้วบอกฉันมาสิห้องน้ำพรีเฟ็ครหัสอะไรฉันอยากจะเข้าไปอาบน้ำเสียหน่อย”
“ทำไมเธอไม่อาบน้ำที่หอสลิธลีนล่ะ” แพนซี่ถามอย่างขลาดๆ
“ห้องน้ำพรีเฟ็คสะดวกกว่านะสิอีกอย่างฉันคงต้องใช้เวลานานเสียด้วย ที่จะต้องเอาคราบสีเขียวพวกนี้ออกจากตัวของฉัน”
แพนซี่พยักหน้าพร้อมกับกระซิบรหัสที่หูของเขาอย่างระมัดระวัง เพราะเธอไม่อยากสัมผัสสิ่งที่อยู่บนตัวของเขา ซึ่งเขาก็ไม่สามารถโทษเธอได้ เพราะเขาก็ไม่อยากให้มีอะไรมาโดนตัวเขาเหมือนกัน
“ขอบใจจ๊ะที่รัก”เขาพูดเสียงนุ่มที่เกือบทำให้สาวๆแถวนั้นใจละลาย ก่อนจะเดินจากไป
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
เวลาปัจจุบัน คฤหาสมัลฟอย
หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เฮอร์ไมโอนี่ได้พบกับชุดที่งดงามเป็นอย่างมากวางพาดอยู่บนเก้าอี้ เธอลุกขึ้นจากที่นอนอย่างเงอะงะเหมือนกับว่ามีแรงบางอย่างผลักดันเธออยู่ เธอเดินกะเผลกไปจับชุดที่วางอยู่ พยายามที่จะตื่นจากอาการงัวเงีย มือเธอจับอยู่ที่ชุดผ้าไหมสีน้ำเงินคราม เธอยกมันขึ้นผ่านแสงสลัว เธอเลื่อนนิ้วผ่านกระดุมมุก ผ่านลายลูกไม้ที่ปกเสื้อ ยิ่งเธอพยายามจะจดจ้องอยู่กับวัตถุประสงค์ที่แท้จริงมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนี้ยิ่งย้อนกลับมาหาเธอ
เธอกำลังจะได้ออกไปข้างนอก! นี่เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่เธอจะได้ออกไปจากบริเวณคฤหาสน์ของมัลฟอย และที่สำคัญเธอกำลังจะได้ไปยังโลกของพ่อมด เธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้พบปะกับผู้คน ได้เห็นท้องถนน ได้เห็นร้านค้าต่างๆ และยังได้สูดกลิ่นของโลกแห่งเวทมนตร์
ชอว์นีย์และซิลล่ามาถึงพร้อมอาหารเช้าของเธอ และพวกเขาได้เตรียมน้ำไว้เพื่อให้เธออาบระหว่างที่เธอกำลังมีความสุขอยู่กับอาหารเช้าของเธอ
หลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จเอล์ฟประจำบ้านทั้งสองคนช่วยกันแต่งตัวให้เธอ เมื่อเธอก้าวออกมายืนที่หน้ากระจกเธอถึงกับอ้าปากค้าง เธอใช้มือลูบที่กระจก ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าผู้หญิงที่ปรากฏในกระจกนั้นจะเป็นเธอ
ซึ่งตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงความรู้สึกผิดที่จุกอยู่ที่คอหอยเธอ ตอนนี้เธออยู่ที่นี่ แต่งตัวเหมือนกับเจ้าขุนวงศ์นายและกำลังรอคอยที่จะให้เดรโก มัลฟอยพาไปเที่ยวในเมือง ความโกรธถาถมเข้ามาหาเธอ ความเร็วของมันทำให้เธอประหลาดใจและความรุนแรงกำลังเผาไหม้เธอ เขาเป็นใครกันที่กล้ามาแต่งตัวเธอเหมือนกับตุ๊กตาพอน์ซเลน? เธอไม่ใช่ของเล่นเขาซะหน่อย! เธอเริ่มที่จะฉีกชุดออก แต่ทันใดนั้นเธอรู้สึกเหมือนกับหายใจไม่ออก
“คุณ
“ใช่แล้ว คุณเฮอร์ไมโอนี่” ซิลล่าพูดอย่างอิจฉา “มันเป็นชุดที่ดีที่สุดสั่งตรงมาจากปารีส”
“ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาของเขาที่จะมาจับแต่งตัวและเล่นได้ตามความต้องการ” เฮอร์ไมโอนี่คำรามออกมา พยายามจะดึงกระดุมตรงหัวไหล่ลงไปยังหน้าอกและผ่านท้องของเธอ
“ได้โปรด คุณเฮอร์ไมโอนี่!” ชอว์นีย์ร้องออกมา พลางดึงที่หูตัวเอง “เจ้านายเดรโกบอกว่ามันสำคัญมาก-“
“โอ๊ย น่ารำคาญจริงๆ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาอย่างดัง พร้อมกับละความพยายามในการที่จะดึงกระดุมออก “ฉันไม่สนใจหรอกว่าเจ้านายเดรโกจะคิดยังไงหรือจะต้องการอะไร”
“ดีใจที่ได้รู้”
เธอหันไปเห็นร่างของเดรโก มัลฟอยยืนพิงอยู่ที่ประตู ซึ่งเขานั้นสวมใส่ชุดหรูหราสีดำ และก็เหมือนเช่นเคย เขาฉีกยิ้มให้เธอเหมือนกับที่เขาทำอยู่เป็นประจำ
“เธอดูน่ารักดีนะ” เขาพูดอย่างนุ่มนวลซึ่งเธอถลึงตาใส่เขา พร้อมกับดึงเครื่องประดับออกจากผมของเธอ ซึ่งมันไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
“ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่ชอบเครื่องแต่งกายที่เธอสวมใส่อยู่” เขาพูด พลางมองดูเธอพยายามดึงมันออก “ดังนั้นฉันจึงร่ายมนตร์ใส่มันเพื่อไม่ให้มันหลุดออกมา”
เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง มองดูเขาฉีกยิ้มซึ่งตอนนี้ดูเหมือนมันจะกว้างขึ้น
“นายมันช่างจิตใจโหดร้าย-“
“-ที่สุด เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมา โอเค ฉันรู้แล้ว” เขาพูดลากเสียง “เธออยากจะไปที่ตรอกไดแอกอนหรือไม่?”
เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ พร้อมกับมองดูที่รองเท้าที่ถูกประดับด้วยเครื่องประดับที่โผล่ออกมาจากชายกระโปรงเธอ เธอเกลียดเขา เธอเกลียดเขามากพอที่จะฆ่าเขาโดยที่ไม่รู้สึกผิดเลย
“เด็กดี” เขาพูด ถือเอาความเงียบของเธอเป็นคำตอบรับ “แล้วจะทำตัวดีได้หรือยัง?”
เขายกแขนขึ้น แต่เธอกลับกอดอกตัวเองไว้ เขาเลิกคิ้วขึ้น
“แล้วเราจะไปกันได้ยังไง ถ้าเธอไม่จับฉันเอาไว้ เกรนเจอร์”
เธอเอียงศรีษะเล็กน้อย พวกเขาจะหายตัวไปอย่างนั้นเหรอ? เธอกำลังจะได้ใช้เวทมนตร์! อืม อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้ใช้เวทมนตร์ แต่อย่างไรก็ตาม เธอจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้เวทมนตร์ เธอก้าวขายาวๆไปข้างหน้าด้วยอาการวิงเวียนศรีษะเมื่อเขาฉีกยิ้มให้เธออีกครั้ง เขายักคิ้วให้เธอและก้าวเข้ามายืนใกล้ๆเธอ เธอถลึงตาและยืนกอดอกด้วยอาการต่อต้าน
เดรโกเดินนำหน้าเธอลงบันไดและเดินออกไปทางประตูหน้า ข้างนอกนั้นช่างหนาวเหน็บ ลมหนาวในเดือนพฤศจิกายนกระทบเข้าที่ใบหน้าและมือของเฮอร์ไมโอนี่ระหว่างที่พวกเขาเดินไปยังถนนที่รถม้าจอดรออยู่ แสงพระอาทิตย์ลอดออกมาจากพุ่มไม้เพียงเล็กน้อย พวกเขาเหลืออีกเพียงแค่ครึ่งทางก่อนที่จะถึงประตู ซึ่งตอนนี้ฟันของเธอเริ่มสั่นกึกๆ นิ้วมือของเธอชาเพราะความหนาวเย็น ทันใดนั้นเขาก็หยุดเดิน แล้วดึงแขนออกมาจากเธอ แต่ก่อนที่เธอจะปฏิเสธได้เขาคลุมเสื้อโค๊ตไว้บนตัวเธอ กลิ่นของต้นไทม์เตะเข้าที่จมูกของเธอ เธอมองเดรโกอย่างอึ้งระหว่างที่เขาผูกผ้าพันคอให้เธอ นิ้วมือของเขาสัมผัสเข้าที่ไหปลาร้าของเธอ เมื่อเขาผูกผ้าเสร็จเขาจ้องมองที่เธอ เขารอจังหวะก่อนที่จะยื่นแขนออกไปหาเธออีกครั้ง เธอเกาะแขนเขาอย่างไม่ลังเลพร้อมกับพยักหน้าขอบคุณเขาเล็กน้อย
หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นอีกเมื่อพวกเขาก้าวเท้าข้ามประตู เธอได้ออกมาข้างนอกจริงๆ! เธอเป็นอิสระแล้ว! แต่เมื่อแขนของเดรโกหนีบเธอไว้แน่นความคิดเหล่านั้นก็จางหายไปหมด เมื่อเขาหมุนตัวเธอเข้ามา ซึ่งมันทำให้เธอหน้าแดงเพราะริมฝีปากของพวกเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงเซ็นต์ เธออ้าปากขึ้นเมื่อเธอรู้สึกว่าหายใจไม่ออก เธอหลับตาปี๋เมื่อมีลมพัดผ่านเข้ามา แต่เธอยังคงรู้สึกถึงร่างกายของเขาที่แนบชิดอยู่กับเธอ รู้สึกถึงเวทมนตร์ที่หมุนรอบๆตัวพวกเขา ซึ่งเธอรู้สึกมึนงง
ทันใดนั้นเธอก็สามารถหายใจได้อีกครั้ง เท้าของเธอกระทบเข้ากับพื้นทางเดินอย่างจัง ทำให้เข่าเธอทรุดลงเล็กน้อย มือของเดรโกโอบอยู่ที่เอวของเธอเพื่อพยุงให้เธอยังคงยืนอยู่ได้ ดวงตาสีเทาของเขาส่องประกายในความมืด เขายื่นมือให้เธออีกครั้งซึ่งเธอก็ไม่รีรอที่จะจับไว้ ขาของเธอยังคงยืนไม่มั่นคงนัก เมื่อเขาดึงเธอเดินผ่านบาร์โล่งๆและพาเดินออกประตูหลังของผับ
เดรโกหยิบไม้วิเศษออกมาซึ่งเธอได้ยืนมองเขาใช้มันเคาะที่กำแพง เธอมองดูมันอย่างตั้งใจจนกระทั่งมือของเขาได้สัมผัสที่แก้มของเธอซึ่งมันทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง เขาหันหน้าเธอเพื่อให้สบตากับเขา
“เธอจะต้องไม่พูดอะไรเว้นแต่ว่าฉันจะพูดด้วยก่อน เธอจะต้องไม่จับอะไร เว้นแต่ว่าฉันจะยื่นมันให้เธอ และ...” นิ้วมือของเดรโกกดแรงขึ้นที่แก้มของเธอ ซึ่งมันทำให้เธอร้องออกมาเพราะความเจ็บ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามเธอไปไหน เธอจะต้องอยู่ข้างๆฉันตลอดเวลา เข้าใจไหม?”
ดวงตาของเดรโกแข็งกร้าวและอ้อนวอน น้ำเสียงของเขาเป็นโทนเดียวกับเมื่อตอนที่เขาเคยเตือนเธอเมื่อครั้งก่อนที่ไม่ให้ลงมาด้านล่างเมื่อมีแขกมา เธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“เข้าใจไหม?”เขาย้ำเสียงกร้าว
“รู้แล้ว!” เธออุทานออกมา พร้อมสะบัดหน้าออกมาจากมือเขา
เขามองเธออย่างระมัดระวังก่อนจะเอื้อมมือออกไปและเคาะที่ก้อนอิฐสามก้อนด้านบนและสองก้อนด้านขวา กำแพงละลายลงซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถระงับรอยยิ้มบนใบหน้าเธอได้ เธอไม่อาจรอที่จะได้เห็นบรรดาแม่มดและพ่อมด ร้านค้าที่เต็มไปด้วยสีสันมากมาย
แต่ทันใดนั้นรอยยิ้มของเธอแทบจะจางหายไปในทันที ท้องถนนช่างมืดมน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลากลางวันก็ตาม ร้านค้าต่างๆที่เธอรู้จักตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งที่ฮอกส์วอตได้หายไปแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยสิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนชั่วร้าย ท้องถนนเต็มไปด้วยพ่อมดแม่มดที่น่าตาน่าเกลียด และยังมีคนที่ดูเหมือนถูกแบ่งชนชั้นนั่งอยู่หน้าประตูหรือไม่ก็นั่งพิงกำแพง บางคนมีอาการสั่นเทา บางคนร้องขอทองคำ พวกเขาพยายามจะบอกว่าเป็นพ่อมด ตะโกนบอกถึงสายเลือดของตัวเองต่อทุกคนที่เดินผ่านมา
“นี่คือสิ่งที่เธอวาดหวังไว้ใช่ไหม?” เดรโกกระซิบเข้ามาที่หูของเธอ ซึ่งเธอรีบปิดปากเงียบโดยเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันอ้าค้างอยู่ “ฉันบอกเธอแล้วนะเกรนเจอร์ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้อยู่ใกล้ๆฉันเอาไว้นะ”
เดรโกก้าวเดินต่อไปข้างหน้า เฮอร์ไมโอนี่เดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย ท้องถนนเกิดความเงียบเมื่อพวกเขาทั้งสองเดินผ่าน ฝูงชนต่างพากันเว้นระยะห่างเพื่อให้พวกเขาสามารถเดินผ่านไป ผู้คนต่างพากันกระซิบกระซ่าบ ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่มองไปยังรอบๆ เธอเหลือบไปเห็นร้านขายของศาสตร์มืด และผับเล็กๆที่ทรุดโทรม เมื่อเธอสบตากับผู้คนที่อยู่บนท้องถนนใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงผสมกับขยะแขยง นั่นทำให้เธอยืนตัวตรง เชิดหน้าขึ้น
“เดรโก!” เสียงของผู้หญิงอุทานขึ้น เฮอร์ไมโอนี่มองดูแพนซี่ พาร์กินสันวิ่งออกมาจากฝูงชนและกระโจนเข้าไปหาเดรโก
เฮอร์ไมโอนี่เห็นเขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกอดเธอไว้อย่างไม่เต็มใจ
“เดรโก ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน เธอไม่ได้มาลอนดอนมานานมากแล้ว พ่อฉันเพิ่งจะพูดถึงเธอเมื่อเช้านี้เอง..”
แพนซี่พูดอย่างเร็ว เดรโกพยักหน้าอย่างสุภาพไปตามแรงของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่เงียบๆข้างหลังเขา ซึ่งเธอรู้สึกอึดอัดเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร ผู้คนต่างพากันยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาและกระซิบกระซ่าบ
“แพนซี่” ในที่สุดเดรโกก็พูดขึ้นด้วยเสียงดังแทรกเข้าที่เสียงของเธอ “ฉันดีใจที่ได้เจอเธออีก และฉันสัญญาว่าฉันจะไปเยี่ยมเธออีก ขอโทษทีนะที่ต้องขัดจังหวะ แต่ฉันต้องซื้อของอีกเยอะ”
“อืม ได้สิ ฉัน...” เสียงของแพนซี่เลือนหายไป เมื่อเธอเหลือบไปเห็นเฮอร์ไมโอนี่ ใบหน้าเธอตกตะลึงพร้อมกับเสียงร้องอุทานออกมา เธอรีบเอามือปิดที่ปาก “เธอ!” จากนั้นเธอจึงร้องอุทานออกมา ใบหน้าเธอบึ้งตึงเธอยืนกอดอกและมองจ้องเฮอร์ไมโอนี่เขม็ง
เดรโกหันไปมอง ความงุนงงของเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางๆเมื่อเขาเหลือบไปเห็นเฮอร์ไมโอนี่ เขาเอื้อมมือออกมา แต่เธอปฏิเสธ เธอก้าวออกมายืนข้างๆเขา พร้อมกับยิ้มให้แพนซี่
“แพนซี่ เธอรู้จักเกรนเจอร์แล้วนะ” เดรโกพูดขึ้น พร้อมกับวางมือไปที่หลังเธอเบาๆซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งทันที
“ใช่” แพนซี่พูด ดวงตาเธอเยือกเย็น “งั้นที่เขาล่ำลือกันก็จริงน่ะสิ ยินดีด้วยกับ...” แพนซี่มองดูเฮอร์ไมโอนี่อย่างประเมินค่า “ของเล่นชิ้นใหม่”
ดวงตาเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้างขึ้น เธอกำลังจะอ้าปากขึ้นเพื่อโต้ตอบ แต่เดรโกนั้นเร็วกว่า
“ขอบใจนะ” เขาตอบ นิ้วของเขาจิกลงที่หลังของเฮอร์ไมโอนี่ เพื่อจะเตือนให้เธออยู่เฉยๆ “ถ้าเธอไม่ว่าอะไรนะ เราขอตัวไปร้านหนังสือก่อน”
“ชอบผ้าคลุมของเธอนะ เฮอร์ไมโอนี่” แพนซี่พูดระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านเธอ “เธอโชคดีแล้วที่มัลฟอยโปรดปรานเธอ เลือดผสมไม่ค่อยได้อะไรอย่างนี้มากนักหรอก”
ทันใด มือของเดรโกโอบเข้าที่เอวของแพนซี่ เธอร้องครางออกมาเมื่อเขาดึงเธอเข้าไปใกล้และโน้มตัวลงกระซิบเข้าที่หูเธอ
“เล่นดีๆหน่อย พาร์กินสัน” เขาคำราม ดวงตาเขาเหมือนเหล็กกล้าซึ่งทำให้แพนซี่กลืนน้ำลายอย่างลำบาก “ดีใจที่เจอเธออีกครั้ง” เขาพูดเสริม พร้อมกับปล่อยเธอและเดินจากไปในฝูงชน
เฮอร์ไมโอนี่เดินตามหลังเขาไป เธอถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งใจเมื่อเธอเห็นสัญลักษณ์ของร้านฟัวริสและบอตส์ ซึ่งเธอรู้สึกตื่นเต้นเมื่อพวกเขาเดินใกล้เข้าไปที่ประตู ในร้านนั้นมืดและเงียบสงัด กลิ่นของหนังสือเก่าๆทำให้เฮอร์ไมโอนี่เคลิ้มซึ่งเธอไม่เคยสังเกตุมาก่อนว่ามันจะมีผลขนาดนี้ เธอเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะๆหนึ่ง พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่อยู่ใกล้ๆ มือ เดรโกโอบเข้าที่เอวของเธอระหว่างที่เธอกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือทฤษฎีเวทมนตร์
“ฉันบอกไว้ว่ายังไง?” เขาพูด พร้อมกับหยิบหนังสือยื่นให้เธอ “อย่าจับ”
“แล้วมันมีปัญหาอะไรกัน?” เธอเถียงด้วยเสียงดังพลางเปิดหนังสืออย่างโหยหา
“อืม ให้ฉันสาธิตให้ดูละกัน” เดรโกพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ เขาสังเกตุเห็นพ่อมดสองสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอีกด้านหนึ่ง “อยู่ตรงนี้นะ” เขาพูด พร้อมกับถอดถุงมือ พ่อมดที่นั่งอยู่ต่างพากันมองมายังเขา “มีมนุษย์อยู่ในนี้ไหม?”
“ไม่เคยออกจากบ้านโดยไม่พาเขามาด้วย” พ่อมดตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ค่อยร่าเริงนัก ดวงตาเขาเหลือบไปเห็นเฮอร์ไมโอนี่ “เฮ้! นั่น-“
“ใช่” เดรโกตัดบทด้วยการยกมือขึ้น “นายจะกรุณาสาธิตให้ดูได้ไหมว่าทำไมมนุษย์ไม่ควรจะหยิบของออกจากชั้นด้วยตัวเอง” เขาจบประโยคด้วยการมองไปยังเฮอร์ไมโอนี่ จากนั้นเขาจึงดึงถุงเงินออกมาแล้วยื่นให้กับพ่อมด “สำหรับนาย”
พ่อมดมองดูเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะคำรามออกมา “เลือดมนุษย์! มานี่”
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเพราะโทนเสียงที่กร้าวร้าวของเขา จากนั้นเธออุทานออกมาเมื่อเห็นเดนนิส เครวี่น้อยรีบวิ่งออกมาจากข้างหลังชั้น เขาไม่ได้สวมใส่อะไรเลยนอกจากผ้าขี้ริ้วที่ขาดรุ่งริ่ง เนื้อตัวเขาสกปรก ดวงตาเหมือนคนตาย เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากขึ้นแต่มัลฟอยจับเธอไว้
“หยิบหนังสือนั่น” พ่อมดพูด ซึ่งสีหน้าของเดนนิสแสดงถึงความไม่เข้าใจ
พ่อมดยกมือขึ้นแล้วฟาดไปที่หัวของเดนนิสอย่างแรง เฮอร์ไมโอนี่ขยับเท้าเพื่อที่จะวิ่งเข้าไปแต่เดรโกจับแขนเธอเอาไว้ เขาเข้าขวางไม่ให้เธอไป
“มัลฟอย”
“เงียบซะ” เขาดุเธอซึ่งเธอทำท่าเหมือนจะเถียงระหว่างที่พ่อมดเงื้อมมือใส่เดนนิสอีกครั้ง
ซึ่งก่อนที่เขาจะมีโอกาสฟาดเข้าใส่เดนนิสอีกครั้ง เดนนิสชิงหยิบหนังสือออกมาจากชั้นวาง ใบหน้าของเด็กน้อยบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน ทันใดนั้นหนังสือได้หล่นออกจากมือเขา นิ้วของเขาพุพองเหมือนกับโดนลวก
“ขอบใจมากเพื่อน” เดรโกพูด พร้อมกับโยนเหรียญให้กับพ่อมดซึ่งได้พยักหน้าให้กับพ่อมดผมทองหนึ่งครั้งก่อนที่เขาจะกลับไปช้อปปิ้งต่อ
“หนังสือได้ถูกร่ายเวทมนตร์เอาไว้ คนที่มีเลือดผสมหรือมากกว่านั้นเท่านั้นที่จะจับต้องมันได้โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ” เดรโกพูดกับเฮอร์ไมโอนี่
“นายแค่บอกฉันก็ได้นี่” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวโทษ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ระหว่างที่มองดูเดนนิสเดินตามนายของเขาไป พร้อมกับกอดมือที่บาดเจ็บของเขาเอาไว้
“ถ้าฉันทำอย่างนั้นฉันคงไม่เห็นสีหน้าหวาดกลัวของเธอซึ่งฉันชอบนัก” เขาฉีกยิ้มและเธอต้องใช้ความอดกลั้นอย่างมากที่จะไม่หยิบหนังสือทฤษฎีเวทมนตร์ขึ้นมาฟาดเขา “เธออยากจะดูอะไรอีกไหม?”
พวกเขาเดินไปรอบๆร้าน ไม่ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะชี้ไปที่อะไร เดรโกจะเป็นคนหยิบมาให้ เธอเปิดแต่ละหน้าอย่างจริงจัง แต่ความสุขที่มีก่อนหน้านี้ได้จางหายไปแล้ว อย่างที่เดรโกเคยทำอยู่ประจำ เขาทำลายความสุขของเธอโดยแสดงให้เธอเห็นความจริงที่แสนจะโหดร้าย
“เธอจะเอาหนังสือพวกนี้ไหม?” ในที่สุดเดรโกก็ถามขึ้นระหว่างที่เธอขยับไปหาหนังสืออีกกองหนึ่ง เธอมองดูเขาอย่างว่างเปล่า “เธอจะเอาอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ” เขาพูด พร้อมกับหยิบหนังสือที่เธอวางลงและยื่นให้กับเธออีกครั้ง
“จริงเหรอ?” เธอถาม พร้อมกับกอดหนังสือไว้แนบอก เขาขยิบตาให้เธอ การพยักหน้าของเขาแทบจะมองไม่ออก นอกจากรอยยิ้มเล็กน้อยของเขา
เธอรู้สึกเหมือนมีกระจิตกระใจขึ้นมาอีกครั้ง เธอย้อนกลับไปที่หนังสือพวกนั้น ซึ่งเขาคอยยื่นหนังสือที่เธอได้ดูผ่านไปแล้วอีกครั้ง แถมหนังสือเล่มใหม่อีกเล็กน้อย เธอตัดสินใจไม่ถูกเมื่อเดรโกถอนหายใจและสะบัดไม้วิเศษหนึ่งครั้ง เธอรู้สึกได้ว่าน้ำหนักของหนังสือที่เธอได้กอดนั้นเบาลง เมื่อเธอตัดสินใจเสร็จหนังสือสามกองใหญ่ๆได้ลอยอยู่ข้างหลังพวกเขา
แคชเชียร์ของร้าน ซึ่งเป็นผู้ชายตัวเล็กๆและดูเหมือนไม่พอใจเขามองดูเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความสงสัยเมื่อเธอก้าวออกมายืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ เดรโกก้าวออกมายืนข้างหน้าเธอ เขาดึงถุงใส่เงินออกมาระหว่างที่แคชเชียร์คิดเงิน
“68 แกลเลียน 10 ซิกเกลส์ และ 5 นัทส์” แคชเชียร์พูดพร้อมกับกระแอมไอ เขายังคงจ้องมองเฮอร์ไมโอนี่อยู่ระหว่างที่เดรโกนับเงิน
“คุณจะช่วยส่งหนังสือพวกนี้ไปที่บ้านผมได้ไหม” เดรโกพูด ซึ่งทำให้แคชเชียร์มองมาที่เขาได้ในที่สุด
“ได้สิคุณมัลฟอย”
พวกเขาหันหลังเดินเข้าไปในฝูงชนอีกครั้ง พวกเค้าเดินเรื่อยเปื่อยกลับไปยังร้านหม้อใหญ่รั่วเพื่อกลับเข้าไปที่ประตู เขาเดินไปยังผับซึ่งเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเกาะที่แขนของเดรโก ก่อนที่จะมีเสียงที่เย็นยะเยือกเรียกชื่อเขาขึ้น ซึ่งทำให้เธอเย็นวาบเข้าไปถึงไขสันหลัง
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ขอโทษที่มาลงให้ช้าค่ะ เมื่อวานเพิ่งพิมพ์เรื่องนี้เสร็จสิบกว่าหน้าเล่นเอานิ้วบวมเลย 555
อีกเรื่องหนึ่งเสร็จแล้วแต่กำลังนั่งพิมพ์อยู่เลยเอาเรื่องนี้มาลงให้อ่านกันก่อน
ขอให้สนุกค่ะ
ความคิดเห็น