คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 09: เขตแดน
BELONG TO NOWHERE ChapterO9: เขตแดน
การเรียนการสอนเริ่มต้นขึ้นจนถึงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมาแฮร์รี่ถูกรบกวนจิตใจในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างดีนและเฮอร์ไมโอนี่ ตามความเป็นจริงเขาแทบจะไม่ได้เห็นว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันเลย แต่ทั้งสองคนก็มีอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความรัก ซึ่งเขาจับสังเกตุได้จากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่พวกเขามีให้กันเวลาที่เจอกันหรือเพียงแค่เดินผ่านซึ่งมันไม่ควรจะเกิดจากพวกเขาทั้งคู่เลย
บ้าจริง ! มันควรเป็นหน้าที่ของเขาที่จะทำให้เฮอร์ไมโฮนี่ยิ้มและหัวเราะสิ
สิ่งนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่อยากให้เฮอร์ไมโอนี่มีความสัมพันธ์กับใคร แน่นอนมันไม่ใช่แบบนั้น เธอควรมีความสุขแต่ กับ ดีน?
ดีนจะทำให้เธอมีความสุขบนโลกนี้ได้อย่างไร! การที่เขาวาดรูปได้ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นคนพิเศษ หรืออะไรอื่นๆ?
ดีนไม่ได้ก่อตั้งทีมควิชดิชเหมือนเขา!
ดีนไม่ได้ต่อสู้บาซิลิสซ์และมีชีวิตเพื่อบอกเล่า หรือ เผชิญหน้าโวเดอร์มอในเวลาต่างๆเหมือนเขา !
และดีนไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้พิทักษ์โลกเหมือนเขา !
และดีนไม่เคยทำอะไรเหมือนๆที่เขาทำเลย เขาไม่เคยแม้แต่สละเลือดเพื่อช่วยชีวิตเฮอร์ไมโอนี่ในปีแรกเหมือนเขา รอนเสียอีกที่ช่วยเหลือ แต่ถึงกระนั้น เขาก็เป็นคนหนึ่งที่กระตุ้นให้รอนช่วยเหลือเฮอร์ไมโอนี่ช่วงเวลานี้ดีนอยู่ที่ไหนกันล่ะ คงจะส่งเสียงร้องกรี๊ดๆเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และพยายามหลบซ่อนตัวเองจนฉี่ราดด้วยความกลัวแน่นอน
เฮอร์ไมโอนี่สามารถค้นพบใครบางคนที่ดีกว่ากว่าดีนมาก แต่ทำไมเธอถึงหยุดอยู่แค่คนๆนี้ล่ะ แฮร์รี่ไม่เคยเห็นเธอจะมองหรือเลือกหาใคร แต่ดีนกลับเป็นคนพิเศษสำหรับเธอ ได้อย่างไรกัน? มันกลายเป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับแฮร์รี่ไปแล้ว
เนื่องจากดีนเป็นคนพิเศษสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ เธอจึงดูห่างไกลจากแฮร์รี่และรอนมากขึ้นทุกทีและนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แฮร์รี่กลัว กลัวความเหินห่างที่เธอมีให้กับเขา สาเหตุมาจากเด็กหนุ่มคนนี้ ดีน โทมัส ดีนทำให้เฮอร์ไมโอนี่สูญเสียมิตรภาพที่ดีของเธอไป
เขาจำเป็นจะต้องช่วยเหลือเธอ อย่างแรกคือการช่วยชีวิตเธอให้พ้นจากคนหลอกลวง แต่จะทำอย่างไรดีล่ะช่วงนี้เธอดูห่างไกลจากพวกเขาเหลือเกิน เวลาคุยกันก็มีแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น
ถ้าเขาเห็นว่าเธอมีความสุข เขาก็คงจะไม่สนใจ แต่นี่เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่มีความสุขเลย ดวงตาของเธอผสมไปด้วยความทุกข์และความกังวลใจ และยิ่งไปกว่านั้น
เวลาที่เขาถามเธอและมักจะได้รับคำตอบว่า
“ฉันสบายดีแฮร์รี่”เธอกล่าว
แฮร์รี่ตัดสินใจถามจินนี่ เพราะถ้าเธอรู้อะไรบางอย่างเธอสมควรต้องบอกเขา จินนี่เป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวของเฮอร์ไมโอนี่ที่มีความสนิทสนมกับเธอมากกว่าคนอื่น
หลังอาหารมื้อค่ำผ่านพ้นไปแฮร์รี่ลากจินนี่ออกมาจากโรงอาหารท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆรวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ที่มองพวกเขาอย่างเศร้าสร้อย
แฮร์รี่พาจินนี่มายังสนามหญ้าด้านนอกปราสาทซึ่งมีเก้าอี้ม้าหินอ่อนตัวเล็กอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ไม่มีผู้คนแล้วในตอนนี้
“แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่เพียงแค่กลัว”
จินนี่กล่าวและยิ้มน้อยๆพลางทรุดตัวลงนั่งโดยมีแฮร์รี่นั่งอยู่ข้างๆเธอ
“กลัว เธอกลัวอะไร ต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ฉันต้องการจะรู้ “ เขาถามอย่างร้อนรนหัวใจเขาเหมือนถูกตีอย่างแรงเมื่อนึกถึงว่าเฮอร์ไมโอนี่อยู่ในอันตราย ดีนคงไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเธอ และมันเป็นหน้าที่เขาที่จะปกป้องเธอไม่ใช่ดีน แฮร์รี่พยายามต่อสู้เรื่องของดีนออกจากความคิดของเขา เขาสนใจแต่เฮอร์ไมโอนี่ที่จะได้รับอันตรายจากสิ่งใดหรือคนใดเพียงเท่านั้นในตอนนี้
“มันไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ฉันไม่แน่ใจจริงๆแฮร์รี่ ดังนั้นฉันไม่สามารถบอกอะไรคุณได้ คุณก็รู้ว่าฉันไม่ชอบการนินทา” จินนี่พูดเอื่อยๆและหันไปมองทางอื่นเหมือนไม่อยากตอบคำถามแฮร์รี่นัก แต่ความเป็นจริงจินนี่กำลังใช้สมองอยู่ต่างหาก เธอควรจะพูดอะไรให้แฮร์รี่ฟังดีล่ะ อะไรที่จะทำให้แฮร์รี่ผิดหวังในตัวของนักบุญอย่างเพื่อนสาวของเขาดีน่ะ
ในขณะที่แฮร์รี่ไม่ได้รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมอันร้ายกาจของจินนี่ที่แท้จริง เขากรอกตาไปมาอย่างร้อนใจแต่ก็ถามต่อ “ มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเธอและดีนใช่ไหมฉันหมายถึงว่าพวกเขาเลิกกันเหรอ”เขาถามอย่างคาดหวัง พยายามเก็บน้ำเสียงที่งุนงงเอาไว้
“ไม่พวกเขาเข้มแข็งมากกว่านั้น ปัญหาก็คือ
เออ...มันเหมือนว่า เธอขาด..”จินนี่กระซิบเป็นลางบางอย่างที่ทำให้แฮร์รี่รู้สึกอึดอัดใจอย่างช่วยไม่กับสิ่งที่เขาไม่รู้แน่ชัด
“ขาด เธอหมายถึงอะไรขาด “แฮร์รี่สับสนและผิดหวังในสิ่งที่พวกเขายังคงเหนียวแน่น แต่ในเมื่อพวกเขายังยึดมั่นกันดีแล้วทำไมเฮอร์ไมโอนี่ถึงไม่มีความสุข
จินนี่มองเขาที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดอย่างหงุดหงิด
“แฮร์รื่ “ จินนี่พยายามอธิบายความหมายให้แฮร์รี่ฟังแต่เมื่อเธอมองเห็นเฮอร์ไมโอนี่และแอนโทนี่เดินตรวจเวรตามหน้าที่พรีเฟ็คและกำลังเดินลัดสนามตรงมาหาพวกเขาโดยที่แฮร์รี่ไม่เห็นพวกเขาเนื่องจากแฮร์รี่นั่งหันหลังให้พวกเขานั่นเอง ทำให้จินนี่มีแผนการบางอย่างในหัวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
”ฉันว่าฉันเป็นคนที่ไม่ดีเอาเสียเลย”จินนี่พูดด้วยเสียงเครือๆคล้ายจะร้องไห้
“อะไรเธอกำลังพูดเกี่ยวกับอะไรจินนี่”แฮร์รี่นิ่วหน้าเล็กน้อยและถามอย่างงุนงง
“ฉันว่าฉันเป็นเพื่อนที่ไม่ดีนัก ที่พูดเรื่องของเฮอร์ไมโอนี่” เธอร้องไห้และพยายามให้แฮร์รี่สนใจมาที่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
“โอ้วไม่หรอกจินนี่ เธอเป็นเพื่อนที่ดีมาก ฉันแน่ใจว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องคิดเหมือนกัน”แฮร์รี่กล่าวรู้สึกรำคาญเล็กน้อยกับท่าทีงอแงของเธอ พลางครุ่นคิดถึงบางคำพูดที่เป็นปริศนาของจินนี่ อะไรที่ขาด ! มันหมายความว่ายังไง?แฮร์รี่คิดอย่างสับสนเล็กน้อย
“เธอคิดอย่างงั้นเหรอ” จินนี่ถามน้ำตาเต็มเบ้าตา แฮร์รี่ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนดึงร่างบอบบางของจินนี่มากอดเพื่อปลอบเธอ เขารู้สึกงุ่มง่ามเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงร่างของจินนี่เอนกายมาซบอกของเขาใกล้ชิดกว่าเดิม เขาลูบศีรษะเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน
จินนี่ยิ้มแผนการร้ายของเธอลุล่วงลงแล้ว !
การกอดถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกระแอมไอของใครบางคนที่เดินมาถึงพวกเขา
“กอดจูบในที่ลับตาคนแบบนี้ไม่ดีเอาเลยนะ” แอนโทมี่กล่าวยิ้มเยาะเล็กน้อย แต่เ เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเงียบในขณะที่สายตาของเธอเสมองไปทางอื่นอย่างไม่สบายใจนัก
“พวกเราไม่
.”แฮร์รี่พยายามอธิบายเขาไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าพวกเขาแอบมาทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกัน โดยเฉพาะเฮอร์ไมโอนี่ แต่จินนี่ก็พูดปิดทางเขาในทันที
“พวกเราสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกค่ะ ไปกันเถอะ แฮร์รี่”
เธอรีบคว้ามือแฮร์รี่แล้วออกแรงดึงเขาให้เดินมาด้วยกันอย่างยากลำบาก ในขณะที่แฮร์รี่หันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่เดินจากไปพร้อมแอนโทนี่อย่างกระวนกระวายใจ
“พระเจ้า จินนี่ ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น ฉันยังไม่ได้อธิบายเรื่องที่พวกเรา....เออ ฉันหมายถึงฉันยังไม่ทันได้คุยอะไรกับเฮอร์ไมโอนี่เลย “ แฮร์รี่พยายามปัดมือเขาออกจากจินนี่เขารู้สึกแปลกๆที่จินนี่ทำกิริยาแบบนี้กับเขา แฮร์รี่จึงล้วงมือของเขาเข้าไปในกางเกงเพื่อทำให้เธอหมดโอกาสจับมือถือแขนเขาได้อีก
แฮร์รี่เริ่มหงุดหงิดกับจินนี่ เธอกล้ามากที่คว้าตัวเขาออกมาจากตรงนั้น เขาพยายามเพื่อจะอธิบายให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังแต่จินนี่กลับทำเรื่องพังหมด
“แฮร์รี่ คุณต้องเรียนรู้อีกมากนะ เธอยังไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะคุยกับคุณในตอนนี้”
แฮร์รี่หน้าเสีย “ฮือ ทำ ทำไม” เขาถามลืมไปว่าเขากำลังโกรธจินนี่อยู่
“เพราะเธอมีความสัมพันธ์ถลำลึกไปกับดีนนะสิแฮร์รี่ อย่าโง่ไปหน่อยเลย เธอต้องการเวลา ...เพียงลำพัง”จินนี่พูดย้ำช้าๆเหมือนต้องการให้ถ้อยคำของเธอซึมซับเข้าไปในสมองของแฮร์รี่และเพื่อเป็นการย้ำเตือนเขา และดูท่าทางมันจะได้ผลดีสำหรับเธอเสียด้วย
“ถ้า ถ้า เธอพูดอย่างนั้น “เขากล่าวอ้อมแอ้ม ความเสียใจและทิฐิเที่ไม่มีเหตุผลของเขาเอาชนะเขาได้อีกครั้งหนึ่งแล้วในตอนนี้
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเธอเห็นแฮร์รี่และจินนี่อยู่ด้วยกันทุกครั้งมันถึงเจ็บมากมายนัก ทำไมในใจของเธอเหมือนถูกตีอย่างหนัก ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าเขาทั้งคู่กลับมาเป็นแฟนกันแล้วก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกชาจนก้าวขาแทบไม่ออกความคิดแล่นไปยังพวกเขาทั้งสองอย่างเศร้าสร้อย
“เฮอร์ไมโอนี่”เธอได้ยินเสียงแอนโทนี่เรียกและนั่นทำให้ความคิดของเฮอร์ไมโอนี่กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
“ฮือ คุณจะพูดอะไรเหรอ”
แอนโทนี่มองเธอและครุ่นคิดอย่างไม่สบายใจนัก
“ฉันถามว่าเธออยากให้ฉันเดินไปเป็นเพื่อนเธอไหม”
“ไม่ต้องหรอก ขอบคุณ แอนโทนี่ฉันคิดว่าฉันจะไปเดินเล่นที่แถวทะเลสาบสักหน่อย”
เธอยิ้มให้กับเขา เธอต้องการทำใจและอยู่ตามลำพังสักพัก
แอนโทนี่มองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่เริ่มมืดมิด“แต่มันเกือบจะมืดแล้วนะ”
“ฉันรู้” เธอกล่าวและพยายามต่อสู้กับแรงกระตุ้นที่อยากจะร้องไห้
แอนโทนี่ยักไหล่“ถ้าเธอพูดอย่างงั้น แล้วเจอกัน”เขายิ้มและโบกมือให้เธอ
“แล้วเจอกัน แอนโทนี่”
แอนโทนี่กำลังจะเดินไป แต่เขาหยุดเหมือนชั่งใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะหันหน้ามาหาเธออีกครั้ง และกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นครั้งแรกกับเธอ
“เขาไม่ได้มีค่าอะไร เฮอร์ไมโอนี่”
เฮอร์ไมโอนี่นิ่วหน้า“ฉันไม่เข้าใจ”
“ฉันเป็นเรเวลคอนนะ เธอก็รู้...พวกเราเป็นคนฉลาด” เขาพูดแล้วยิ้มอย่างรู้ทันก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินจากไป
@@@@@@@@@@
แอนโทนี่เดินไปตามทางเดินเพื่อไปยังหอประธานนักเรียนชายเมื่อเขาเห็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กชายผู้รอดชีวิตเดินอยู่เพียงลำพัง เขาจึงพูดทักทาย
“ว่าไง แฮร์รี่”
“หวัดดี แอนโทนี่” แฮร์รี่ทักทายและเดินต่อไปยังห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์โดยไม่ได้สนใจแอนโทนี่เท่าที่ควร การที่ลูน่าดึงจินนี่ออกไปจากเขาระหว่างเดินกลับมายังห้องนั่งเล่นรวมนั้น ถือได้ว่าเป็นโอกาสให้เขาได้อยู่ตามลำพังและมันทำให้เขารู้สึกขอบคุณลูน่าอยู่ในใจ เขาอยากอยู่เงียบๆและใช้เวลาในการตรึกตรองความคิดที่สับสนของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ปราถนาจะสนใจที่จะหยุดคุยกับใครในเวลานี้
แฮร์รี่เดินอยู่ห่างจากแอนโทนี่ไม่กี่ก้าวและทำให้เขาได้ยินเสียงประธานนักเรียนชายเรียกเขาอีกครั้ง
“แฮร์รี่ฉันต้องการที่จะคุยกับคุณ”
“แอนโทนี่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ฉันแน่ใจว่า”แฮร์รี่พูดอย่างเบื่อหน่ายกับประธานนักเรียนชายที่ชอบวุ่นวายกับเขาเหลือเกินในเวลานี้
“มันเกี่ยวกับเฮอร์ไมโอนี่”
และเพียงแค่ชื่อนี้เท่านั้นที่ทำให้แฮร์รี่หยุดชะงักและหันมาสนใจในทันที
“เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอสบายดีไหม มีบางอย่างเกิดขึ้นเหรอ”แฮร์รี่ถามรัวและเร็วจนแอนโทนี่ตั้งตัวแทบไม่ติด
“สงบไว้ หนุ่มน้อย ไม่ ไม่ มีอะไรเกิดขึ้นฉันไม่รุ้ว่าคุณเห็นไหม ฉันคิดว่าเธอกำลังร้องไห้”
“ร้องไห้ ทำไม ที่ไหน”แฮร์รี่รีบถาม
“เห็นเธอบอกว่าแถวทะเลสาบ...” แอนโทนี่ยังพูดไม่ทันจบแฮร์รี่ก็รีบวิ่งออกไปทันที
เด็กชายเรเวลคอล ยิ้มให้กับตัวเขาอย่างพึงพอใจในแผนการครั้งนี้ ความจริง เขาไม่เคยชอบจินนี่ วิสลี่ส์เลย เขารู้ว่าเธอเป็นจอมเสแสร้ง และช่างวางแผนเขาไม่รู้ว่าหมวดคัดสรรคัดเธอมารวมกับกลุ่มผู้กล้าของกริฟฟินดอร์ได้อย่างไรกันซึ่งความจริง จินนี่น่าจะอยู่บ้านสลิธลีนมากกว่า และนั่นเป็นความผิดอย่างไม่น่าให้อภัยของหมวกคัดสรร เขาคิดในใจเงียบๆ
@@@@@@@@@@@@
สิบนาทีผ่านไปตั้งแต่แฮร์รี่เริ่มมองหาเฮอร์ไมโอนี่เมื่อเขาพบเธอนั่งอยู่บนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ใหญ่ หลังของเธอพิงต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นฝ่ามือของเธอแนบอยู่ที่ใบหน้านั้น ไหล่ของเธอสั่นสะท้าน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่แผ่วเบา ภาพของเฮอร์ไมโอนี่ที่ร้องไห้ทำให้แฮร์รี่อยากจะร้องไห้เสียเอง เขาเดินตรงไปยังเธอและนั่งลงข้างๆเธอ
“ไมโอนี่ที่รัก เกิดอะไรขึ้น “
เขาลูบผมเธอเบาๆเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างตกใจ
“ฮ แฮร์รี่ ฉัน....ไม่มีอะไร” เธอบอก พร้อมกับใช้หลังมือของเธอเช็ดน้ำตาให้แห้ง
แฮร์รี่จับมือของเธอทั้งสองข้างมากุมไว้อย่างนุ่มนวล สัมผัสจากแฮร์รี่ทำให้เธอสั่นสะท้าน
“เฮอร์ไมโอนี่ ฉันรู้ว่ามีบางอย่างผิดพลาด”เขากล่าวเสียงนุ่มนวลเขาไม่สามารถละสายตาออกจากใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอได้เลย
”ฉันคือเพื่อนที่ดีของเธอถ้าเธอไม่มีความสุข ฉันก็ไม่มีเหมือนกัน” เธอยิ้มเศร้าๆและมองไปยังทะเลสาปเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด
“ฉันคิดถึงพวกเขา พ่อและแม่ของฉัน แฮร์รี่”
แฮร์รี่ไม่ได้พูดอะไร ไม่มีสิ่งใดต้องพูดอีกแล้ว เขาดึงเธออย่างง่ายดายเข้ามาในอ้อมแขนแข็งแรงของเขาและกอดเธอ เอาไว้อย่างแนบแน่นเขากอดเธอด้วยความรักทั้งหมดที่เขามี ให้กับผู้หญิงคนนี้ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคือความรักระหว่างเพื่อนหรือหนุ่มสาวกันแน่ แต่เขารู้สึกพึงพอใจไปกับมัน และรู้สึกดีที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัสผู้หญิงมา
“ขอบคุณ แฮร์รี่ "เธอกระซิบด้วยน้ำเสียงที่สั่น หลังจากเขาคลายอ้อมแขนออกจากเธอแล้ว .
แฮร์รี่ไม่ได้พูดอะไรสักคำเขามองจ้องเธอจนทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก และการกระทำของเธอมันทำให้แฮร์รี่ขาดสติ เขาเริ่มสัมผัสใบหน้าของเธอเบาๆอย่างลุ่มหลงทำให้เฮอร์ไมโอนี่ปิดเปลือกตาลงและตัวเริ่มสั่นเทา
”เฮอร์ไมโอนี่”แฮร์รี่ครางชื่อเธอเสียงสั่นพล่านิ้วมือของเขาที่ลูบไล้บนใบหน้าของเธอในตอนนี้เปลี่ยนมาเชยคางเธอให้แหงนเงยขึ้นและอย่างช้าๆใบหน้าของแฮร์รี่เริ่มเข้ามาใกล้ๆกับใบหน้าของเธอ มากขึ้นเรื่อยๆจนเขารุ้สึกได้ถึงลมหายใจของเธอที่หอมละมุนปะทะกับใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน ริมฝีปากของพวกเขาเกือบสัมผัสกันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเสียงห้าวๆของใครคนหนึ่งดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
' แอรี่ เออไมโอนี่ "พวกเขาได้ยินเสียงแฮร์กิดตะโกนดังลั่นทำให้ พวกเขาทั้งคู่ผงะถอยห่างออกจากกันและกันอย่างรวดเร็ว
“เธอสองคนมาทำอะไรกันที่นี่ ตอนนี้มันมืดแล้วนะ ไป รีบกลับไปที่ปราสาทเร็วเข้า หอกำลังใกล้ปิดอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว เดี๊ยวก็เจอฟิลล์หรอก !"
แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ วิ่งตรงไปยังปราสาทโดยไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากพวกเขาอีกเลย เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งคู่อายจนไม่แม้แต่จะกล้ามองหน้ากันอยู่แล้ว
@@@@@@@@@@@
ที่หอนอนหญิงความคิดของเฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้
หลังจากที่ทั้งสองคนเกือบจูบกัน ที่ทะเลสาประหว่างแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ทั้งๆที่เขาทั้งสองแทบจะไม่พูดกันและกันอยู่แล้ว เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเพื่อนของเธอดูน่ากลัวสำหรับเธอเสียแล้วในตอนนี้
“พระเจ้า”เธออุทานเสียงแผ่วเบา และความคิดอะไรหลายอย่างพลั่งพรูออกมาจากสมองของเธอเต็มไปหมด
“เขาเป็นแฟนของจินนี่นะเฮอร์ไมโอนี่ เธออย่าลืมสิ”
“ฉันจะไม่ทำอะไรอย่างนี้อีกแล้ว ฉันจะไม่ทรยศต่อจินนี่”
“แฮร์รี่และจินนี่พวกเขารักกัน พวกเขาสมบูรณ์แบบ”
“ฉันคงต้องอยู่ห่างๆเขา ฉันคิดว่าฉันอ่อนแอมากไปแล้ว เขาเป็นของจินนี่นะ”
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง....ที่หอนอนชาย
แฮร์รี่กำลังคิดบางอย่างเช่นกัน
“นายมันโง่พอตเตอร์ “เขาพูดกับตัวเขาเองอนย่างหงุดหงิด
“ เธอคบกับดีน นายไม่สามารถจูบเฮอร์ไมโอนี่ทุกเวลาที่นายเห็นเธอได้หรอกนะ และในตอนนี้เธอคงกลัวเขา เธออาจจะคิดว่าเขาออกนอกลู่นอกทางเกินไปแล้ว “
“ฉันควรจะทำยังไงดี”
“ฉันห้ามใจตัวเองไม่ได้”
“นายมันบ้าไปกันใหญ่แล้วแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่เพื่อนนายนะ ท่องไว้สิแฮร์รี่ “
แฮร์รี่ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นานก่อนที่เขาจะเหน็ดเหนื่อยกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวและผล่อยหลับไปพร้อมกับความฝันที่มีแต่ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เท่านั้น
@@@@@@@@@@@@@
มกราคม 31
กระทรวงเวทมนต์ กองปริศนา,
ห้องม่านแห่งความตาย
ก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อยเวลา24.00น
เฮอร์ไมโอนี่และท๊องส์ได้จัดเตรียมสิ่งของเพื่อใช้ในพิธีกรรมได้เรียบร้อยและถูกต้องในสถานที่ ที่พวกเธอจะใช้เพื่อประกอบพิธีกรรมในวันนี้และตอนนี้พวกเธอเพียงแค่รอเวลาที่จะเริ่มประกอบพิธีเท่านั้น
มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับเฮอร์ไมโอนี่เลยที่จะมาที่กระทรวงเวทมนต์โดยไม่มีคนเห็น
ท๊องส์ได้นัดเฮอร์ไมโอนี่ให้มาพบกับเธอที่ฮ๊อกมี้ทไม่เกิน สิบโมงเช้าและเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ว่าต้องไปฮ๊อกมี้ทได้อย่างไรเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็น มีอยู่หลายครั้งที่เธอ รอน และแฮร์รี่ใช้แผนที่ตัวกวนไปยังเส้นทางลับ ปัญหาก็คือ เธอต้องการเสื้อคลุมล่องหนเพื่อทำการบางอย่าง
แน่นอน ท้องส์บอกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีถ้ามีมันไว้เมื่อพวกเขาลอบเข้ามาในกระทรวงและกรณีที่อาจต้องพาซีเรียสกลับออกมาโดยที่ไม่ให้ใครเห็น
เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเธอไม่สามารถจะขอยืมแฮร์รี่โดยตรงได้ แน่นอน เขาจะให้เธอยืมเสื้อคลุมแต่เขาจะต้องถามว่าเธอจะเอาไปใช้ทำอะไร ซึ่งเธอไม่สามารถจะบอกความจริงให้แฮร์รี่ฟังได้แต่ถ้าเธอโกหกแฮร์รี่ แฮร์รี่ไม่ใช่คนโง่ นั่นเป็นสิ่งที่ลำบากสำหรับเธอ
ดังนั้นเธอจะต้องใช้แผน บี คือขอร้องรอนให้หยิบยืมเสื้อคลุมโดยไม่ให้แฮร์รี่รู้และเมื่อเธอใช้งานเสร็จแล้วเธอจะเอามาคืนรอนและให้รอนเอาเก็บเข้าที่ในทันที
“ไม่มีทางเฮอร์ไมโอนี่”รอนบอก”ฉันจะไม่โขมยผ้าคลุมล่องหนของแฮร์รี่”
“มันไม่ได้เรียกว่าขโมย รอน มันคือการยืม”
“ก็ถ้ายังงั้น ทำไมเธอไม่ยืมเขาเองล่ะ”
นั้นคือเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนที่เธอจะมาถึง กระทรวงโดยไม่มีเสื้อคลุมล่องหนของแฮร์รี่แต่อย่างใด และเธอก็ต้องใช้ความสามารถของเธอลอบเข้ามาในนี้จนได้
มันเกือบเที่ยงคืนแล้วเฮอร์ไมโอนี่มองไปที่ท๊องส์ที่ซึ่งยิ้มมาทางเธอและผงกศรีษะรับรู้ถึงเวลาที่พวกเธอต้องเริ่มพิธีกันในตอนนี้
พวกเธอทั้งสองนั่งลงบนพื้นข้างหน้าของพวกเธอซึ่งมีส่วนประกอบสำหรับพิธีกรรมดังต่อไปนี้
ภาพวาดนกฟีนิกส์ และแก้วคริสตรัลที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดง
เฮอร์ไมโอนี่หยิบหนังสือขึ้นมาดูเพื่อความแน่ใจอีกครั้งและวางมันลงไปบนพื้นซึ่งอยู่ระหว่างท๊องส์และตัวเธอเอง
“มันเที่ยงคืนแล้ว”ท๊องส์พูดขึ้นมา เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร
อย่างแรกของพิธีกรรมเฮอร์ไมโอนี่หยิบยาที่ผสมตามสูตรของหนังสือขึ้นมาดื่มแล้ววางกลับไปบนพื้นต่อมาเธอหยิบมีดเล็กๆออกจากเสื้อคลุมของเธอแล้วใช้มีดกรีดลงที่ฝ่ามือด้านขวาของเธอ แล้วจึงส่งไปให้ท๊องส์ซึ่งทำอย่างเดียวกับเธอ ทั้งสองได้นำมือที่เปื้อนเลือดของพวกเธอไปยังภาพวาด ให้เลือดของทั้งคู่ไหลหยดลงบนภาพวาดนั้น
“ด้วยพลังแห่งนกฟีนิกซ์สีน้ำเงิน พลังของนกอมตะ พลังแห่งความตายและชีวิต การเกิดและการเกิดใหม่ข้าขอสำหรับการเกิดใหม่ข้าไม่ได้ขอร้องในนามแห่งข้า แต่ข้าขอร้องสำหรับผู้ชายที่บริสุทธิคนหนึ่ง”เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยเสียงกังวานก้องซึ่งท๊องส์ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ข้าเฮอร์ไมโอนี่ เจน เกรนเจอร์ ได้ให้เลือดของข้าแก่มิตร นามซีเรียส แบล๊ก ในนามของแฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์”
“ข้า นิมพาโดรา แบล๊ค ท้องส์ ได้ให้เลือดของข้าแก่ครอบครัว นามชีรีอัส แบล๊คในนามของ รีมัส จอนร์ ลูปิน”
ทันใดนั้นนกฟีนิกซ์สีน้ำเงินที่ดีนวาดที่เต็มไปด้วยเลือดของพวกเธอทั้งสอง เริ่มขยับเหมือนมีชีวิตราวกับว่ามันคือภาพจากเวทมนต์เฮอร์ไมโอนี่และท้องส์เฝ้ามองมันอย่างตกตะลึง
“Viverus! Viverus! Viverus! “เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน
ราวกับว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ หรือเวทมนต์ นกฟีนิกซ์ที่วาดเหมือนสิ่งมีชีวิตและมันบินออกมาจากกระดาษหนังมันบินวนไปรอบๆศรีษะของเฮอร์ไมโอนี่และท๊องส์ ในขณะนี้นกฟินิกซ์สีน้ำเงินมันมีชีวิตจริงๆแล้ว นกบินอยู่รอบๆห้องได้สักครู่และมันก็บินหายเข้าไปยังม่านสีดำที่ซีเรียสตกลงไป
เพียงชั่วครู่ที่นกฟีนิกส์หายไปมันหวนกลับมาอีกครั้งและคราวนี้มันแบกคนกลับมาด้วย
“ซีเรียส”ท๊องส์อุทานออกมาอย่างดีใจ นกฟีนิกส์ได้วางซีเรียส ที่นอนหลับอยู่บนพื้นลง อย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่รีบเอายาที่เหลือเทมันเข้าไปในปากของซิเรียส ตัวยาได้ผสมไปกับเลือดของท๊องส์ที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับซีเรียส
“อะ อะไรกัน เฮอร์ไมโอนี่”ซีเรียสถามอย่างสับสนเมื่อเขาเริ่มรู้สึกตัวและเคลื่อนไหวตัวเองได้แล้ว
“โอ้ ซีเรียส คุณกลับมา คุณกลับมาแล้ว คุณกลับมาแล้วจริงๆ”เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้เหมือนเด็กตัวเล็กๆ น้ำตาเต็มวงหน้าของเธอ เธอโอบแขนของเธอไปรอบๆคอของเขาและกอดเขาไว้แนบแน่นอย่างยาวนานซีเรียสมองเธออย่างสับสนและในที่สุดก็ถามอย่างสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น
“เธอพาฉันกลับมา เฮอร์ไมโอนี่ แต่ ด้วยวิธีไหนกัน ฉันงงไปหมดแล้ว”
“มันไม่ใช่แค่หนูคนเดียวนะค่ะ ซีเรียส มีท๊องส์ด้วยอีกคน ?” เฮอร์ไมโอนี่เหลียวหาท๊องส์และต่อมาเฮอร์ไมโอนี่ก็ตระหนักได้ว่าทำไมท๊องส์ถึงได้เงียบไปเมื่อเธอมองไปยังมือปราบสาวซึ่งสายตาของท๊องส์อยู่บนหนังสือซึ่งอยู่ในมือของเธออย่างอย่างหวาดหวั่น
“ท๊องส์ คุณไม่คิดจะเข้ามากอดญาติสนิทของคุณหน่อยหรือ”ซีเรียสกล่าวอย่างยินดีและอ้าแขนกว้างเพื่อรอรับการกอดจากญาติสนิทของเขา
ท๊องส์เงยหน้าที่ซีดเซียวออกจากหนังสือในมืออย่างมึนงง ก่อนที่จะเดินตรงเข้ามาหาเขาอย่างเลื่อนลอย ในขณะที่หนังสือในมือของเธอตกอยู่ที่พื้นโดยไม่รู้ตัว เฮอร์ไมโอนี่เก็บหนังสือขึ้นมาและเริ่มอ่านไปยังหน้าที่ท๊องส์อ่านก่อนหน้านั้นอย่างครุ่นคิด
“ซีเรียส”ท๊องส์พูดเสียงเครือ และกอดเขาไว้แนบแน่นและก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะได้สนทนาอะไรต่อกันซีเรียสและท๊องส์ได้ยินเสียงหนักๆล้มลงอยู่ข้างๆพวกเขาหันไปมองตามทิศทางของเสียงและสิ่งที่ทั้งสองคนเห็นคือร่างบางของเฮอร์ไมโอนี่ล้มลงหมดสติอยู่ข้างๆหนังสือที่เธอเพิ่งอ่านจบตกอยู่ข้างตัว
“เฮอร์ไมโอนี่” พวกเขาร้องพร้อมกัน พร้อมกับถลันเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ที่นอนเหยียดยาวไม่ได้สติอยู่บนพื้นห้อง
“ท๊องส์ เธอรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”ซีเรียสหันมาถามญาติสาวในขณะที่เขากำลังพยายามปลุกเฮอร์ไมโอนี่ ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของท๊องส์ เธอได้แต่หยิบหนังสือตัวต้นเหตุแล้วเปิดหน้าที่เมื่อก่อนเคยเป็นหน้าที่ว่างเปล่าแต่ตอนนี้กลับมีหนังสือข้อความสั้นๆปรากฏขึ้นมาอย่างน่าแปลกประหลา เธอไม่เข้าใจความหมายของมันแต่เธอรู้ว่ามันต้องเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา เป็นอะไรที่เป็นอันตรายสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ ท๊องส์ยื่นหนังสือหน้านั้นให้ซีเรียสดูเขารับหนังสือนั้นมาและอ่านมัน
“และเลือดของมิตรจะอยู่ชั่วนิรันดร์ เป็นประกันหลังการเกิดอีกครั้งหนึ่ง”
ตัวอย่างตอนต่อไป
“ในตอนนี้ บอกฉันสิว่า เอนิเมจัสของคุณคืออะไร”
“เออ ผมเป็นสุนัข”
ศาสตราจารณ์ร่างเล็ก ศาสตราจารณ์ฟิกวิคมีรอยยิ้มที่หน้าเล็กน้อยอย่างเคร่งเครียด
“มีสเกรนเจอร์ก็จะเป็นสุนัขเหมือนคุณ สุนัขเพศเมีย คู่ทุกข์คู่ยากของคุณ”ซีรีอัส เบิกตากว้าง
“คู่เหรอ พระเจ้า ไม่นะ เธอไม่ใช่คู่รักของฉัน เธอยังคงเป็นเด็กอยู่เลย ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน โอ้ว"
ความคิดเห็น