คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6: เทพบุตรหรือซาตาน
ตราบาปลิขิตรัก
ตอนที่ 6 เทพบุตรหรือซาตาน
ระหว่างที่นิ้วของวอร์ริงตันสัมผัสผ่านขอบกางเกงชั้นในทันใดนั้นเขาก็ถูกดึงตัวออกมาอย่างแรง เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นก็พบว่าเดรโก มัลฟอยฟาดขวดวิสกี้เข้าที่หน้าของวอร์ริงตันอย่างจัง เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด มือกุมแก้มข้างที่เลือดกำลังไหลอยู่ ส่วนคนที่เหลือต่างพากันถอยหลังเมื่อมัลฟอยเดินแกว่งส่วนที่เหลือของขวดไปมา
“นายคิดว่านายกำลังทำบ้าอะไรอยู่คริสเตียน?” เสียงของมัลฟอยนั้นนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความอำมหิตในน้ำเสียง มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสั่นเล็กน้อย
“ให้ตายสิเดรโก ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้น!” วอร์ริงตันคำรามออกมา เลือดยังคงไหลจากรอยแผลลงสู่ใบหน้าของเขา
“ฉันพานายมาที่นี่ก็เพราะดาร์คลอร์ด ฉันต้อนรับนายเป็นอย่างดี และนี่หรือที่นายตอบแทนฉัน?”
เสียงของมัลฟอยยังคงทุ้มต่ำและเยือกเย็น เขายืดตัวตรงและเอียงเล็กน้อย ปอยผมของเขาตกลงมาตรงดวงตาเล็กน้อย มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงลูเซียส แต่ยังไงซะเขาก็ไม่ดูดุร้ายเหมือนมัลฟอยตอนนี้ ดูเหมือนวอร์ริงตันเริ่มจะเข้าใจถึงความผิดพลาดของเขา โดยลืมไปว่าใบหน้าเขาได้รับบาดเจ็บ เขาจ้องมองมัลฟอยอย่างเกรงกลัว
“นายถ่มน้ำลายใส่ความกรุณาโดยการจ้องจะทำลาย...” มัลฟอยหยุด พลางมองลงไปยังเฮอร์ไมโอนี่ที่ได้รับบาดเจ็บและเลือดไหลอยู่ เขาเม้มปากแน่น “สมบัติของฉัน”
“เดรโกเธอยังไม่ได้โดนทำร้ายเลยนะ” เบลสถอนหายใจ จากนั้นจึงมองที่เฮอร์ไมโอนี่แล้วก็พูดเสริมขึ้น “อืม ก็ไม่เชิงทำร้าย แค่ร่ายเวทมนตร์เล็กน้อยก็หายแล้ว”
“อีกอย่าง ทำไมนายถึงไม่บอกเราเดรโก?” แครปถาม “นายปฏิเสธมันมาตลอด”
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกพวกนาย
แครปและกอยส์รีบเดินโซเซไปอย่างไม่เต็มใจไปยังเตาผิงในห้องรับแขก การที่ได้ติดตามมัลฟอยมาเป็นเวลาหลายปี แค่เขาพูดเพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว วอร์ริงตันสามารถรวบรวมสติกลับมาได้อีกครั้ง เขาเดินตรงไปยังผู้ชายร่างสูง ผมบลอนด์พร้อมด้วยอาการโมโห มัลฟอยมองหน้าเขา ดวงตาเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง
“บางทีนายอาจจะต้องการเธอไว้เองก็ได้” วอร์ริงตันพูดกระแทกใส่เขา “มัลฟอยผู้ยิ่งใหญ่ มือขวาของโวลเดอร์มอ ตอนนี้กลายเป็นหลงเสน่ห์ยัยเลือดมนุษย์สกปรก”
การเคลื่อนไหวของมัลฟอยนั้นรวดเร็ว เพราะดูเหมือนว่าตอนแรกวอร์ริงตันนั้นยืนอยู่ข้างหน้ามัลฟอยแต่ตอนนี้เขากลับนอนกองอยู่ตรงทางเข้าไปยังห้องรับแขก ซาบินีดูเหมือนว่าต้องกระโดดหลบ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะขึ้นไปอยู่บนตัวของวอร์ริงตันก็ได้
มัลฟอยมองดูเขา พร้อมกับหยิบไม้วิเศษออกมาจากข้างในเสื้อคลุม ดวงตาเป็นประกาย
“ครูสิโอ!” มัลฟอยตะโกนจากนั้นวอร์ริงตันบิดไปบิดมาอยู่ที่พื้น เขากรีดร้องออกมาอย่างโหยหวล
“เดรโก!” พรูซี่อุทานออกมา พร้อมกับวิ่งไปคว้าแขนมัลฟอยไว้ แต่เขาสะบัดมันออก
“นายกำลังทำอะไร!”
ด้วยการสะบัดไม้วิเศษมันทำให้คำสาปเบาบางลง ซึ่งตอนนี้วอร์ริงตันสะอึกสะอื้น และกองอยู่ที่พรมในห้องรับแขก มัลฟอยสะบัดหัวกลับมา ส่ายผมเพื่อให้ผมออกไปจากตาเขา เขาหายใจอย่างเร็ว จากนั้นเขาจึงยกไม้วิเศษขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ ได้โปรด ไม่!” วอร์ริงตันสะอื้น พยายามยกมือที่ไร้กำลังขึ้นห้าม “ฉันขอโทษ ได้โปรด ไม่เอาอีกแล้ว!”
มัลฟอยยืนนิ่ง พร้อมที่จะจู่โจมอีกครั้ง เขายืนอยู่อย่างนั้นหลายนาทีก่อนที่จะเลื่อนไม้วิเศษลง
“นายรีบออกไปจากบ้านฉันไม่งั้นฉันจะทำให้นายรู้สึกถึงความเจ็บปวดเหมือนตอนที่แม่นายให้กำเนิดนายออกมา” มัลฟอยพูดอย่างช้าๆ “พวกนายทั้งหมดด้วย เดี๋ยวนี้”
วอร์ริงตันรีบวิ่งไปที่หน้าเตาผิง พรูซี่ช่วยพยุงเขา พวกเขาขานชื่อไปที่ตรอกน็อตเทิร์น ส่วนเบลสนั้นเดินอย่างอ่อนแรงไปยังเตาผิง เขาโน้มหัวให้มัลฟอยเล็กน้อยก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในเตาผิงและกลับบ้าน
เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาเอียงตัวลงมาอย่างเงียบๆ เขาตวัดหัวไหล่ และหัวของเขาโน้มลง เหมือนกับเขาจะเรียกสติกลับคืนมา เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับตวัดไม้วิเศษเพื่อจะปิดเตาผิง จากนั้นเขาจึงหันหน้าไปหาเธอ
ใจเธอเต้นแรงเมื่อมัลฟอยเดินเข้ามาใกล้เธอ เขาก้มลงมองเธอ ผมสีซีดของเขาหล่นลงมาปกคลุมดวงตา ใบหน้าเขาเหมือนสวมหน้ากากอยู่ มันไร้ซึ่งความรู้สึกเมื่อเขาโน้มตัวลงมาหาเธอ นั่นคือตอนที่เธอได้ทำสิ่งหนึ่งลงไปซึ่งเธอหวังว่าเธอจะมีสติพอที่จะไม่แสดงความอ่อนแอให้มัลฟอยเห็น เธอปล่อยโฮออกมา ทั้งร่างของเธอสั่นเทาเพราะเธอยังคงรู้สึกถึงแรงกำลังของพวกเขาอยู่
เธอร้องออกมาเพราะความหวาดกลัว เธอรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่ปกคลุมทั่วร่างของเธอ ระหว่างที่เธอนั่งลงกอดเข่าไว้แนบแน่นกับหน้าอก พยายามจะป้องกันตัวเองจากภยันตรายทั้งปวง ทันใดนั้นก็มีแขนโอบผ่านตัวเธอ เธอได้กลิ่นของวิสกี้ระหว่างที่เขาอุ้มเธอขึ้นอย่างคล่องแคล่ว แขนของเธออยู่ที่คอของเขา ใบหน้าของเธอซุกอยู่ที่หัวไหล่ของเขาระหว่างที่เขาอุ้มเธอขึ้นไปข้างบน
ระหว่างที่เดินอยู่ที่ห้องโถงเธอรู้สึกหวาดผวาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกับจะทำให้เธอรู้สึกป่วย แต่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอรู้สึกดีใจที่เขาปกป้องเธอ และการกระทำของเขาที่มีอำนาจเหนือกว่าคนที่รังแกเธอ แต่อยู่ดีๆความรู้สึกอับอายก็ถาโถมเข้ามาใส่เธอ ซึ่งนั่นกลับทำให้เธอร้องไห้มากขึ้นอีก ทำไมเธอถึงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวผู้ชายคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในชัยชนะของโวลเดอร์มอ? เธอขอบคุณเขาได้ยังไงหลังจากทุกสิ่งที่เขาได้ทำกับเธอ กับเพื่อนเธอ และกับภารกิจของพวกเขา?
ทันใดนั้นความคิดของเธอก็หายวับไปเมื่อมัลฟอยวางเธอไว้บนที่นอน เธอใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ๆกว่าจะรู้สึกตัวว่านี่ไม่ใช่ห้องของเธอ เธอมองไปรอบๆตัวและเจอห้องที่ใหญ่และมืดแต่ดูเหมือนห้องผู้ชาย ทั้งห้องทำด้วยไม้มะฮอกกานีสีดำ ตัดกับโซฟาและที่นอนสีขาว เตียงนอนของเขานั้นใหญ่มาก มันถูกคลุมด้วยผ้าคลุมที่นอนที่ทำด้วยผ้าไหมสีขาว ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอนั่งอยู่บนก้อนเมฆ เขาถอนแขนของเขาออกจากตัวเธอ เธอนอนลงและเอาหน้าซุกไว้กับหมอน
เธอรู้สึกเหมือนที่นอนเอนลงต่ำ เธอพยายามหลับตาลงเพื่อหวังว่าเรื่องทั้งหมดมันจะจางหายไป เธอหวังว่าตอนนี้เธอได้อยู่ที่บ้านคุณยายของเธอที่อยู่ห่างออกไปนอกเมือง เธออยากให้ยายของเธอสระผมให้เธอเหมือนกับตอนที่เธอยังเด็ก เธอหวังว่าตอนนี้เธอได้อยู่ที่ฮอกส์วอตต์ นั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมกับรอนและแฮร์รี่ อ่านหนังสือและฟังพวกเขาคุยกันเรื่องควิดดิช ให้ตายสิ เธอคงจะปักเต้นท์อยู่ส่วนไหนสักแห่ง หิวโหยและโมโหง่าย เธอยอมที่จะเสียทุกอย่างเพื่อแลกกับการที่จะได้อยู่กับพวกเขาอีกสักครั้งใน ตอนนี้
“เธอเจ็บหรือเปล่า?”
คำพูดของมัลฟอยปรากฏขึ้นในความเงียบแต่เธอก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเขา เธอเลิกสะอึกสะอื้นแล้ว แต่น้ำตาก็ยังคงไหลลงมาเรื่อยๆ เธอหายใจอย่างขรุขระ
“เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยเอ่ยชื่อเธออย่างตะกุกตะกักเบาๆ เสียงของเขาทุ้มต่ำและนุ่มนวล
“เธอเจ็บไหม?”
เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามือของเขาอยู่ที่ผมของเธอและมันได้สัมผัสที่ลำคอของเธอ นิ้วมือของเขาสำรวจที่ศรีษะของเธอ เขากดมันอย่างเบาๆ ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้น เธอยังคงหลับตาอยู่จนกระทั่งเล็บของเขาขูดเข้ากับหนังศรีษะเธออย่างเบาๆ เธอหายใจด้วยอาการสั่นเทา จากนั้นเธอจึงลืมตาขึ้นและพบว่าเขาศึกษาใบหน้าเธอด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนและดวงตาสีเทาของเขาเปล่งประกายในความมืด เธอส่ายหัวเล็กน้อยและเห็นเขาถอนหายใจออกมาซึ่งเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากลั้นหายใจเอาไว้
เขาใช้อีกมือหนึ่งหยิบไม้วิเศษออกมาจากกระเป๋าและเอนหัวเธอลงมาเล็กน้อยและกระซิบเบาๆว่า
“รีซาชิโอ” ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่ารอยแตกที่ริมฝีปากของเธอนั้นได้ปิดสนิทโดยเวทมนตร์ มัลฟอยใส่ไม้วิเศษกลับเข้าไปในกระเป๋าและใช้นิ้วมือของเขาสัมผัสที่แก้มที่มีรอยฟกช้ำของเธอ มือของเขาช่างเยือกเย็นแต่สัมผัสของเขานั้นอบอุ่น เธออ้าปากค้างพร้อมกับใช้มือของเธอลูบไล้เข้าที่ใบหน้าของเธอน่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกเลย
“นายทำ-?”
เขาส่ายหัวเพื่อที่จะตัดบท เธอไม่เคยเห็นใครรักษาโดยไม่ใช้ไม้วิเศษมาก่อน และด้วยความตื่นเต้นของเธอ ความสงสัยยิ่งทวีคูณขึ้น เธอได้เห็นมัลฟอยประลองฝีมือโดยที่ไม่ต้องใช้ไม้วิเศษก็ตอนที่เธอได้มาอยู่ที่คฤหาสน์ของเขานี่ล่ะ แต่ความขมขื่นมันทำให้เธอข่มความรู้สึกประทับใจเอาไว้ แต่ตอนนี้ ที่เธอนั่งอยู่ที่เตียงของเขา เกราะป้องกันของเธอโดนปลดออกหมด เธอรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถของเขา
มัลฟอยเอื้อมมือของเขาเพื่อไปจับที่แก้มของเธออีกครั้ง ซึ่งเธอรู้สึกได้ถึงความสงบเยือกเย็น ชั่วระยะเวลาหนึ่งเธอคิดว่ามันเป็นเวทมนตร์ แต่ไม่นานเธอก็เข้าใจว่ามันไม่ใช่เวทมนตร์ที่เข้ามาบรรเทาพายุในใจเธอ แต่มันเป็นความอ่อนโยน ดวงตาของมัลฟอยสอดส่ายที่ใบหน้าเธอ เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ดวงตาของเขาแสดงออกถึงความอ่อนโยนซึ่งเธอไม่ได้เห็นมันตั้งแต่เมื่อตอนที่เขาทรยศทุกคนในภาคี
เมื่อเขารู้สึกตัวเขาก็ดึงมือกลับมาเหมือนกับว่ามันกำลังจะเผาไหม้เขา และใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นการเยาะเย้ย เขาสวมใส่หน้ากากอีกครั้ง เขายืนขึ้นจากเตียง พร้อมกับใช้สายตามองเธอ
มัลฟอยไอหนึ่งครั้งก่อนจะพูดออกมา
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ให้ห่าง” เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา ความนุ่มนวลทั้งหมดหายไป
ความเดือดดาลผ่านเข้ามาอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเงียบ เธอรู้ว่ามันเป็นความผิดของเธอ
“พวกเขาจะต้องไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ฉันบอกแล้วว่ามันอันตราย-“
“และนายก็ทิ้งฉันไว้ตามลำพังกับพวกเขา! ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่กันล่ะ? ถ้านายต้องการที่จะเก็บฉันไว้เป็นความลับนัก ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่?”
สีหน้าเขาเคร่งขรึมก่อนชายตามามองเธอ “มันไม่ใช่เรื่องของเธอเกรนเจอร์ บทเรียนในครั้งนี้คงสอนเธอแล้วสินะว่าให้เชื่อฟังในสิ่งที่ฉันบอก เพราะไม่เช่นนั้นสิ่งที่เธอสูญเสียมันอาจจะเรียกกลับคืนมาไม่ได้”
=============================
เดรโกทิ้งตัวลงบนโซฟาห้องรับแขกที่ด้านล่างหลังจากปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่หลับแล้ว เขานั่งดื่มวิสกี้จมอยู่กับความคิดของตัวเองคนเดียว โดยที่ไม่ยอมให้ใครเข้ามารบกวน
เดรโกไม่สามารถสลัดภาพใบหน้าตื่นกลัวของเฮอร์ไมโอนี่ได้ พระเจ้า ถ้าเขามาช่วยช้าอีกนิดเดียว จะเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องฆ่าคนพวกนั้น ภายในบ้านของเขาอย่างแน่นอน
เดรโกดื่มวิสกี้ราวกับน้ำ ดื่มเพื่อให้ตัวเองเมาจะได้ไม่ต้องคิดถึงเธอ หากแต่ยิ่งเมา ภาพความหลังยามที่มีหญิงสาวอยู่รอบๆกายก็ยิ่งผุดขึ้นมา
เรื่องราวในอดีต
“ว่าไง พวกสวะ”เดรโกพูดขึ้นอย่างร่าเริงแววตาของเขาจ้องมองไปที่เธอ แต่เธอไม่ได้มองเขา เดรโกยิ้มเขาสัมผัสได้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่กล้าที่จะหันมาสบตากับเขา
“แกหมายถึงใคร”รอนพูดเสียงกระชากในขณะที่เดรโกมองเขาอย่างอารมณ์ดี
“ขอแสดงความยินดีด้วยวีเซิล ดีใจด้วยที่นายสืบสานต่อความโง่เขลาของตระกูลเห็นได้ชัดจากคำถามโง่ๆเมื่อกี้กับความไม่ค่อยมีในเรื่องการเงินของครอบครัว มันไม่ง่ายหรอกนะที่จะใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ชื่อวิสลี่ส์น่ะ”เดรโกหยุดพูดเพื่อรอดูปฎิกิริยาตอบโต้จากหนุ่มผมแดง
เขายิ้มเยาะและก้าวถอยไปด้านหลังระหว่างที่รอนย่างสามขุมเข้าไปหาเขาแต่เฮอร์ไมโอนี่คว้าตัวรอนเอาไว้ก่อนที่แครปและกอยส์จะได้ลงมือเสียอีกเขาหรี่ตาลงเมื่อเห็นเธอเอาตัวเข้าบังเด็กหนุ่มผมแดงแล้วกระซิบบอกแฮร์รี่ให้ช่วยทำให้รอนสงบลง
“ใช้ได้นี่เกรนเจอร์”เดรโกพูดขึ้น”เขาคงเป็นผู้ชายพอสำหรับเธอนะ ความจริงเธอควรจะใช้หลักสูตรนอกตำราเพื่อทำให้เขาสงบลงและพอใจบ้างนะ”เขามองไปที่ร่างกายของเธอราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นทะลุเสื้อผ้าเธอได้ การแสดงท่าทางของเดรโกทำให้พวกลูกสมุนงี่เง่าของเขาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ และมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความโกรธ และในที่สุดเธอจ้องมองเขากลับ
“นายพูดถูกมัลฟอย รอนเป็นผู้ชายเต็มตัว มากกว่าผู้ชายบางคนแถวนี้เสียอีก”เธอกล่าวพร้อมกับทำหน้าบึ้งตึง เดรโกอมยิ้มเขารู้สึกประทับใจกับการแสดงออกของเธอในขณะที่พวกลูกสมุนของเขาทำหน้าบึ้งตึงใส่เธอ
เฮอร์ไมโอนี่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะลากเพื่อนทั้งสองของเธอออกมา เพราะเธอกลัวในสิ่งที่เดรโกจะพูดออกมาและถ้าหากพวกเพื่อนๆของเธอรู้พวกเขาอาจจะฆ่าเดรโกขึ้นมาจริงๆก็ได้
==========================
ชีวิตในชั้นเรียนดำเนินไปอย่างปกติ ทุกๆวันก็เหมือนเดิม เดรโก นั้นเบื่อ เบื่อมากๆ แพนซี่ยังคงชื่นชมในตัวเขาและเขาก็ปล่อยให้เธอทำ เพราะใครล่ะที่จะไม่ชอบ แต่ในบางครั้งมันก็ทำให้เขารำคาญเพราะคำพูดสรรเสริญของเธอมันดูมากเกินไป และเขาก็แค่พยายามหลีกเลี่ยงเธอ
เขาไม่ได้มีอะไรกับแพนซี่มานานแล้วรวมทั้งผู้หญิงคนอื่นๆด้วย เนื่องจากความเบื่อหน่าย นั่นคือข้อสรุปที่เขาพยายามจะบอกตัวเอง แต่ความเป็นจริงสิ่งที่เขาไม่อยากจะยอมรับ ก็คือยามใดที่เขาหลับตาเขามักจะเห็นภาพของเหตุการณ์ต่างๆที่เขาอยู่ร่วมกับเฮอร์ไมโอนี่ ใบหน้าของเธอและกลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างของเธอมันทำให้เขาไม่สามารถสลัดออกไปจากจิตใจของเขาได้ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นคลาริส แพนซี่ หรือแม้แต่คู่หมั้นของเขาเองก็ตาม
เดรโกถอนหายใจในตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งสิ้นเหตุการณ์ต่างๆรบกวนจิตใจของเขาเป็นอย่างมากและเขาอยากให้จิตใจของเขาเป็นปกติและผ่อนคลายลงเขาต้องหาที่สงบเพื่อทำสมาธิ
เดรโกเดินไปตามทางเดินเพื่อไปยังห้องสมุด เขาเดินไปเรื่อยๆจนไปชนกับพวกเด็กนักเรียนปีสามซึ่งพวกนั้นโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้และมันก็ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีนัก เดรโกคงจะเดินต่อไปถ้าไม่ได้ยินเสียงของใครบางคนตะโกนเรียกชื่อของเขาจากทางด้านหลัง
“เฮ้ มัลฟอย” เดรโกหยุดเดินเพื่อจะหันไปดูว่าใครเรียกเขา ทันใดนั้นรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฎบนใบหน้าซีดขาวของเขา
“หวัดดีพอตเตอร์ มาคนเดียวเหรอ พวกนั้นเบื่อรอยแผลเป็นบนหน้าผากนายกันแล้วหรือไง”
“แล้วนายล่ะ”แฮร์รี่พูดเสียงเรียบๆขณะที่เดินเข้ามาหาเขา”สิ่งที่พ่อแม่ของนายทำกันอยู่ตอนนี้รับใช้คนเลวๆ ดังนั้นพ่อแม่ของนายคงอยากจะตายมากกว่าที่จะต้องมามองหน้าอันน่ารังเกียจของนายสินะ”
เดรโกสวนกลับ”ไงซะพ่อแม่ของฉันก็อยู่ได้นานกว่าเลือดสกปรกโสโครกจากแม่ของนาย ฉันว่าเพราะเหตุนี้มั้ง นายถึงชอบอยู่กับพวกเลือดมนุษย์และพวกไม่ได้เรื่องเพื่อให้ได้รำลึกถึงพ่อแม่นาย พวกเขาใช้ได้ไหม หรือว่าสกปรกพอไหม”
สติของแฮร์รี่ขาดผึงเขาดึงไม้วิเศษออกมาและกำไว้แน่น
“เอาออกมาเลยมัลฟอย ตอนนี้เวลานี้เลย”
เดรโกถอยไปตั้งหลักและหยิบไม้วิเศษของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว”ฉันละอยากจะเห็นตอนที่พวกนายโดนฆ่ากันจริงๆ”เดรโกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อำมหิต
“อย่างงั้นเหรอ”เสียงแผ่วเบาดังมาจากด้านหลังของเขา เดรโกหันไปเห็นเฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ด้วยสายตาที่เยือกเย็นพร้อมไม้วิเศษที่ชี้มาทางเขา
ในขณะนั้นเองที่แฮร์รี่ตะโกนเวทมนต์ออกไป”เอ็กส์เพลลิอามัส”และอาวุธของเดรโกลอยเข้าสู่มือของแฮร์รี่อย่างง่ายดายตอนนี้เขาไม่มีอาวุธแล้ว และตอนนี้เดรโกเลือกที่จะเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญกับเด็กชายผู้รอดชีวิตศัตรูอันดับหนึ่งของเขา
“หลบอยู่ข้างหลังพวกมักเกิ้ลอีกแล้วเหรอ”เขาถามแฮร์รี่”นายดูเหมือนพวกชอบหลบอยู่ข้างหลังคนอื่นอยู่เสมอเลยนะรอจังหวะที่จะทำตัวเป็นฮี่โร่ เลือกได้ดีนี่ เพราะยังไงคงไม่มีใครคิดถึงเลือดมักเกิ้ลอย่างงี้หรอก”เขาพูดโดยไม่ใส่ใจต่อใบหน้าที่แสดงความโกรธจัดของแฮร์รี่ แต่เขากลับสนใจรอยช้ำตรงต้นคอของเฮอร์ไมโอนี่ที่เขาฝากรักไว้ภายในห้องเรียนร้างนั้นมากกว่า มันเริ่มจางไปบ้างแล้วแต่ก็ยังคงเห็นร่องรอยได้ชัดเจน
“อะไรต่อล่ะ”เขาถามขึ้นมาลอยๆพร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้เฮอร์ไมโอนี่มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะสำรวจร่องรอยบนลำคอของเธอแต่เฮอร์ไมโอนี่ยันไม้วิเศษจ่อไปที่หนาอกของเขาเพื่อให้อยู่ห่างๆเธอ เดรโกยิ้มเยาะพลางส่งเสียงต่ำให้ได้ยินกันแค่สองคน”ฉันเพียงแค่อยากให้เห็นชัดๆว่ามีใครซ้ำรอยเดิมของฉันบ้างแล้วหรือยังแต่น่าเสียดายนะที่ฉันเป็นคนแรกและคนสุดท้ายของเธอ”
เขาไม่ได้ใส่ใจกับแฮร์รี่ที่เดือดดาลอยู่ข้างหลังเขาเลยแม้แต่นิดสิ่งที่เขาสนใจคือเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าเขามากกว่า เธอทำท่าเหมือนจะโต้ตอบเขาดวงตาของเธอมีแต่โกรธเกรี้ยว และมันทำให้เขารู้สึกสนุกก่อนที่จะเกิดเรื่องราวมากมายไปกว่านั้น มีเสียงเยือกเย็นดังมาจากด้านหลังของพวกเขาเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น”เดรโกหันหน้าไปมองพร้อมกับรอยยิ้มเยาะอย่างเป็นต่อเมื่อเขาเห็นเจ้าของเสียงที่เยือกเย็นนั้น ศาสตราจารณ์เสนป
“พวกเขาทำร้ายผมครับ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ใสซื่อ”ผมก็แค่เดินเล่นเฉยๆพวกเขาก็เข้ามาทำร้ายผม”
ศาสตราจารณ์หรี่ตาลงแล้วมองไปที่เด็กชายผู้รอดชีวิตด้วยสายตารังเกียจก่อนเปล่งเสียงที่น่ารังเกียจออกมาว่า”ยี่สิบคะแนนจากบ้านกริฟฟินดอร์รวมทั้งโดนกักบริเวณในตอนเย็นกับฉันตลอดทั้งอาทิตย์เริ่มตั้งแต่ตอนนี้”
แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างในขณะที่แฮร์รี่อ้าปากจะแย้งพวกเขา แต่เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาให้สงบปากเนื่องจากเธอรู้ว่าถึงแม้จะโต้แย้งอะไรไปก็ไม่มีประโยขน์รังแต่จะเพิ่มการตัดคะแนนและการลงโทษจากเสนปมากกว่าเดิมเสียอีก
“แล้วคุณเกรนเจอร์ล่ะ”เสนปเอ่ยถึงเด็กสาวคนเดียวที่อยู่บริเวณนั้น”เธอร่วมด้วยกับคุณพอตเตอร์หรือเปล่า”เดรโกคิดอยู่สักพักก่อนตอบคำถาม
“ไม่ครับศาสตราจารณ์เว้นแต่พยายามที่จะห้ามพอตเตอร์ไม่ให้ทำเรื่องบ้าๆนั้นเรียกว่าร่วมด้วยหรือเปล่าครับ” เดรโกสังเกตเห็นความแปลกใจที่แสดงบนใบหน้าของแฮร์รี่แต่เขาก็ไม่สนใจเสนปพยักหน้าพร้อมกับผลักแฮร์รี่ไปข้างหน้า
“ตามฉันมาพอตเตอร์”ขณะที่แฮร์รี่เดินผ่านเดรโกเขาทำสีหน้าเหมือนอยากจะฉีกเดรโกออกมาเป็นชิ้นๆแต่อย่างไรซะเขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้ในตอนนี้ เขาจำเป็นต้องเดินตามเสนปไปอย่างจำยอม
“นั่นล่ะผู้ช่วยของฉัน”เดรโกพูดขึ้นมาลอยๆเขาครื้นเครงอยู่สักพักหลังจากเสนปลับร่างไปแล้วจากนั้นเขาจึงถอนหายใจและหันกลับมาที่เฮอร์ไมโอนี่
“ฉันคิดว่าเธอคงอยากขอบคุณฉัน”เขาพูดในขณะที่เธอจ้องมองเขาอย่างเอาจริงเอาจัง
นั่นดูเหมือนทำให้เธอตื่นจากภวังค์ เธออารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เธอจึงหันเท้าเพื่อที่จะเดินจากไป แต่มือของเดรโกจับไหล่ของเธอและหมุนตัวเธอหันหน้ามาเผชิญกับเขา
“เธอคิดว่าเธอจะไปไหน?” เขาถามเธอกวนๆ “เธอไม่ได้ไปง่ายๆหรอก”
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยสีหน้าอย่างฉุนเฉียว “ยังไงล่ะ บอกมาสิ ฉันต้องตอบแทนอะไรนายงั้นเหรอ?”
“พูดว่า ‘ขอบคุณ’ ก็คงดีนะ”
“ไม่” เธอทำหน้าเฉยเมย
“ไม่?” เขาถาม แต่ก็ไม่รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด
“ไม่ ฉันชอบที่จะโดนกักบริเวณทั้งเทอม ยังดีกว่าพูดว่า ‘ขอบคุณ’ กับนาย”
“โอ๊ย” เขากล่าวและแกล้งเอามือกุมหัวใจของเขาไว้ “ระวัง เกรนเจอร์ เธออาจจะทำร้ายจิตใจฉัน”
เธอส่งเสียง ฮึดฮัดในลำคออย่างขัดใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เธอรู้ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “น้ำเสียงหยาบคายที่เธอพูดออกมาไม่ได้ทำให้เธอดูเป็นมิตรเลยสักนิด”
“นายต้องการอะไรกันแน่?” ในที่สุดเธอก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างที่เขาต้องการ
“อืม..อย่างแรกเลยนะ ฉันไม่ต้องการจะสนทนาที่นี่” เขาพูด พร้อมกับมองไปรอบๆ
“เราไปหาที่ส่วนตัวคุยกันเถอะ”
เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นพยายามจะถอยห่างเขา
“ไม่เอาน่าเกรนเจอร์” เขาพูดอย่างโมโห “ฉันไม่ได้ต้องการอย่างนั้น” เขาพยายามไม่สนใจข้อเท็จจริงว่าเธอคิดอย่างไร
“ถ้างั้นอะไร?” เธอถอยกลับ พร้อมกับหน้าแดง
“ในนี้” เขาพูด และลากเธอเข้าไปในห้องที่อยู่ใกล้ๆ แล้วจึงปล่อยเธอ หลังจากที่เธอพยายามสะบัดแขนหนี มันเป็นห้องเรียนอีกห้องหนึ่ง มันดูน่าตลกที่ทั้งห้องแคบลงทั้งๆที่อยู่กันแค่สองคน เดรโกไม่คิดจะล๊อคประตูหรือปิดมัน เพราะหากมีใครพยายามจะเปิดประตู คงจะคิดว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่
“ตอนนี้” เขากล่าว “ทำไมเธอถึงทำแบบนั้น?”
เธอมองหน้าเขาอย่างฉงน “ทำอะไร?”
“ยั่วยวนฉัน ทำให้ฉันคลั่ง?” เขาถามอย่างเคร่งเครียด โดยไม่ได้คำนึงว่าคำถามนั้นได้รบกวนจิตใจเขามาตลอด
“ยั่วยวนเนี่ยนะ” เธอมองไปรอบๆเหมือนกลัวว่าจะมีใครได้ยินในคำกล่าวหาที่ไร้เหตุผลของเขา “นายพูดบ้าอะไร”
เขายิ้มที่มุมปากอย่างน่าเกลียด “หรือว่าเธอตกหลุมรักฉัน? เชื่อเถอะ ฉันเข้าใจดี” เขาพูดอย่างเสียดสี
นั่นทำให้เธอเพ่งความสนใจมาที่เขาอีกครั้ง “ไม่” เธอพูดอย่างชัดเจน “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงนะ ฉันคงจะฆ่าตัวตายไปแล้ว” เธอหันไปทางอื่น หน้าเริ่มแดงอีกครั้ง
“แล้วเธอทำแบบนั้นทำไมกันเกรนเจอร์” เขาพูดอย่างเยือกเย็น อีกครั้งที่เขาพยายามจะกวนน้ำให้ขุ่นเพื่อที่เธอจะได้สนใจเค้า
“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้...?” เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอจะพูดอะไรได้อีกในเมื่อมัลฟอยยืนยันที่จะเชื่อในสิ่งที่เขากล่าวหาโดยไม่คิดที่จะฟังเธอ
“ก็ได้แล้วนายล่ะ”เธอถามเสียงเครียด
“ฉันเหรอ?” เขาทำหน้าบึ้ง โดยไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเธอในคำถามนั้น
“ใช่ ทำไมนายถึงทำแบบนั้นกับฉัน นายจูบฉัน”
ในตอนนี้มีความทรงจำอย่างหนึ่งแว่บเข้ามาในสมอง “ฉันตอบคำถามเธอไม่ได้หรอกว่าฉันทำอะไรเมื่อมีผู้หญิงมายืนยั่งยวนต่อหน้าฉัน”
“นายมันเลวจริงๆ” เธอตอบกลับไปอย่างโมโห “นายมันไม่รับผิดชอบอะไรเลยสักนิด!”
“ฉันเหรอ?” เขาพูดค่อนข้างดัง “ฉันทำอะไร?”
“อย่างแรก นายผลักฉันเข้าไปในที่ๆมืด ซึ่งเป็นห้องร้าง”
“แล้วไง”เขากอดอกและเลิกคิ้ว
“จากนั้น” เธอพูดสวน “นาย นายจูบฉัน!”
เขาทำอย่างนั้นจริงๆและ มันทำให้เด็กหนุ่มหน้าแดงขึ้นกว่าที่เคย แต่เธอเข้าใจผิดหมด ให้ตายสิ มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย! “ฉันแค่อยากจะทำให้เธอกลัวเท่านั้นเอง; เธอก็ควรที่จะผลักฉันไปนี่”
“ฉันพยายามแล้ว” เธอพูดอย่างโกรธจัด “ฉันแม้แต่ขอให้นายปล่อยฉันไป จำได้ไหม?”
“ก็ได้” เขาพูดอย่างใจเย็น “ฉันเป็นคนทำ แต่จากนั้นฉันก็ถอยห่างจากเธอ และฉันก็บอกให้เธอไป แต่เธอก็ยังคงยืนเซ่ออยู่แบบนั้นทำไมกันล่ะ?”
“แล้วทำไมนายไม่ไปเสียเองล่ะ?” เสียงเธอเยือกเย็นแต่ดวงตาของเธอเหมือนไฟที่พร้อมจะแผดเผาศัตรูของเธอให้เป็นจุลถ้าเขาไม่มีคำตอบสำหรับตำถามของเธอ
“ฉันไม่อยู่ในสภาพที่จะออกไปได้ อาจจะมีคนเห็นฉันได้”
“ขอทีเหอะ เสื้อผ้านายไม่ได้ฉีกขาดและนายก็ไม่ได้แก้ผ้า”เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงกระชากอย่างไม่ยอมแพ้
เดรโกเขยิบเข้าไปหาเธอ แล้วกระซิบเบาๆ “มันไม่ใช่เสื้อผ้าที่ฉันไม่อยากให้ใครเห็น”
“แล้วอะไรล่ะ.” เธอผลักเขาให้ออกห่างจากเธอก่อนที่เธอจะตะโกนใส่เขา “ยังไงซะคงจะไม่มีใครเห็นนายหรอกเพราะตอนนั้นมันค่อนข้างดึกแล้ว นายก็รู้นี่”
“เธอคิดว่าฉันจะยอมเสี่ยงให้ใครรู้งั้นเหรอว่าฉันอยู่ตามลำพังกับเลือดสีโคลนน่ะ?”
“นายมันเหลือเชื่อจริงๆ!”เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจในความหมายของเขาพร้อมกับส่ายหัวอย่างอ่อนแรง
“ฟังนะเกรนเจอร์”เขายักไหล่เล็กน้อยเหมือนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา”เมื่อมีใครมายืนต่อหน้าฉันพร้อมกับใช้เสน่ห์เพื่อยั่วยวนเราการอยู่เฉยๆคงจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักสำหรับฉัน”
เฮอรืไมโอนี่ตกตะลึงในคำพูดโจ่งครึมของเขาเธอยืนทื่อเหมือนต้นไม้เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ๆเธออีกครั้ง
“เธอควรที่ต้องขอบใจฉันที่ช่วยให้เธอรับรู้ถึงสัมผัสแนบชิดแบบนั้น เพราะมันคงจะไม่เกิดขึ้นแบบนั้นบ่อยนักกับเธอหรอกใช่ไหมเกรนเจอร์”ดวงตาของเขาเปล่งประกายวาววับ เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเธอกัดฟันแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธของเธอไว้
“เธอคงจะไม่ยั่วยวนฉันอีกหรอกใช่ไหม”เขาถาม”เพราะฉันคงไม่มีอารมณ์สำหรับเรื่องพวกนั้นในตอนนี้หรอก”
ความอดทนของเฮอร์ไมโอนี่สิ้นสุดลงเธอพุ่งตัวเข้าหาเขาพร้อมกับกรี๊ดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“นายมันงี่เง่า”เธอทุบตีไปที่อกที่ท้อง ทุกทีที่เธอสามารถทุบตีได้”นายมันเลวที่สุด เลวมาก”
ปฎิกิริยาที่รุนแรงของเธอมันทำให้เขาเจ็บจริงๆเขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยายามหลบทิศทางของมือเธอก่อนที่เธอจะเตะเขาไปที่ขาหนีบของเขาซึ่งทำให้เขาเริ่มจริงจัง
“นั่นไง”เขาพูดระหว่างที่จับมือเธอไว้ตรึงกับผนัง”ไม่ต้องเล่นสกปรกได้ไหม”
“ทำไมล่ะ”เธอพูดอย่างเหยียดหยาม ดวงตาเธอยังคงเปล่งประกายแต่อารมณ์เธอเริ่มดีขึ้นแล้ว
“ฉันจะได้แน่ใจไงว่าน้องชายนายใช้การไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”เธอพูดอย่างจริงจังและพยายามจะสะบัดตัวหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ มือของเขาช่างแข็งแรงจริงๆ
โดยไม่มีอะไรบอกเตือน ประตูเปิดออกและกลุ่มของเด็กสาวเรเวคอลเดินเข้ามาเดรโกรีบปล่อยเธอและถอยออกห่างทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โอ้ โทษที” หนึ่งในนั้นพูด พร้อมกับหน้าแดง “เราคิดว่าห้องว่างอยู่”
“มันว่างอยู่” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับเดินออกไป
รอก่อน อะไร? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอเป็นคนตัดสินใจว่าการสนทนาสมควรจะยุติ? เขาตามเธอออกมา “ฉันยังพูดไม่จบ” เขาพูดระหว่างที่ตามเธอทัน
“โอ้ มีอะไรจะพูดอีกล่ะ?”
“อย่าบอกใคร”
เธอมองไปที่เขา
“ฉันพูดจริงๆ” เขากล่าว พร้อมกับจับแขนเธอ “อย่าไปบอกกับใคร เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนั้น ” เขารอปฏิกิริยาโต้ตอบจากเธอระหว่างที่เขาสั่งเธอ
“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่เอาเรื่องสกปรกแบบนั้นเล่าให้เพื่อนฉันหรือคนอื่นๆรู้หรอก มันไม่มีค่าและความหมายอะไรที่จะต้องไปรื้อฟื้นมันอีก”เธอพูดพร้อมกับสลัดแขนของเขาออกจากตัวเธอ
แต่ตอนนี้เขาเตรียมตัวมาดี เขาจับเธอติดกับกำแพง และคิดจะบอกเธอว่า สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นมันช่างโหดร้ายนัก แต่ทันใดเขารู้สึกถึงส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอที่แนบชิดกับร่างของเขา หัวใจเขาเต้นแรง เขามองเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับพยายามที่จะจูบเธอ แต่นั่นก่อนที่เธอจะกระซิบบางอย่างออกมา
“อะไร?” เขาพูดด้วยเสียงที่สั่นพล่า
“ฉันพูดว่า..”เธอหยุด ก่อนจะพูดต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ “เธออยากจะจูบแม่สาวเลือดมนุษย์ตรงทางเดินนี่น่ะเหรอ?”
เขาสะดุ้งพร้อมกับถอยหลังไปสองสามก้าวเฮอร์ไมโอนี่จึงใช้โอกาสนี้พุ่งตัวและวิ่งหนีเขาไปจนไกลแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งมาจนเกือบถึงหอนอนกริฟฟินดอร์ เธอยืนอยู่เพียงลำพังตรงทางเดิน มือของเธอยันกำแพงไว้ ตัวเธอสั่นเทา ในชั่วขณะหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี เธอรู้สึกเจ็บปวด แต่ความรู้สึกนั้นได้เปลี่ยนเป็นการไร้ความรู้สึกในขณะหนึ่ง เธอรู้สึกผิดหวังที่เขากลายเป็นคนที่ดูถูกและกล่าวหาเธอสารพัด อีกทั้งเธอยังรู้สึกสับสน ในที่สุด เธอระงับความโกรธนั้นได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำ
เขากล้าดียังไงถึงได้ทำกับเธออย่างนี้? เขากล้าดียังไงถึงได้ทำร้ายและทำให้เธอรู้สึกอับอาย? ขาของเธอยังคงสั่นเทาเธอหลับตาลง หรือว่าโชคชะตาได้กำหนดไว้ให้เธอเป็นแบบนี้ แม้กระทั่งตอนนี้ที่เธอพยายามจะกลั้นความคิดเหล่านั้น เธอสามารถเห็นคำตอบได้อย่างชัดเจน เธอรู้สึกโกรธและขยะแขยงตัวเองที่อ่อนแออย่างนี้
น้ำตาไหลนองใบหน้าเธอ มันไม่ได้สำคัญเลยว่าเธอจะเป็นยังไง หรือเธอจะแสดงอาการยังไง อย่างไรซะ เธอก็ยังบริสุทธิ์อยู่ นี่แหละที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเธอ เธอยังไม่ได้สูญเสียครั้งแรกของเธอให้กับซาตานตนนั้น
ใช่ สำหรับเหตุผลบางอย่าง เขาดูเลวร้ายมากกว่าที่เคยเป็น เขาแกล้งรอนในขณะที่รอนไม่สามารถต่อสู้ได้ แต่การกระทำอย่างนั้นเลวทรามมาก เธอแน่ใจว่ามัลฟอยอยากจะชี้ให้เห็นว่าไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเขาได้ และเธอก็แน่ใจในความร้ายกาจของเขากับคำพูดที่ก้องอยู่ในใจของเธอ
“ใช้ได้นี่เกรนเจอร์ เขาคงเป็นผู้ชายพอสำหรับเธอนะ ความจริงเธอควรจะใช้หลักสูตรนอกตำราเพื่อทำให้เขาสงบลงและพอใจบ้างนะ”
คำพูดนี้วิ่งเข้าชนเธอเหมือนกับมีระเบิดอยู่ที่ท้อง เธอไม่สามารถแม้แต่จะมองแฮร์รี่หรือรอนเพราะไม่อยากให้พวกเขาเห็นการทรยศในดวงตาของเธอ ในทางกลับกับเธอได้ลากพวกเขาไป พยายามที่จะพูดเหมือนกับที่เคยพูด “เขามันไม่มีค่าอะไร,” และ “ไม่มีใครฟังเขา อย่าทำให้เขาชนะเธอได้,” ระหว่างที่ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาและเพื่อนๆ เธอจึงคิดว่าเขาได้เยาะเย้ยเธอสำเร็จแล้ว อืม..เธอมันช่างไม่รู้อะไรซะเลย
เธอสูดหายใจแล้วจึงผลักตัวเองออกจากกำแพง เข้มแข็งไว้เฮอร์ไมโอนี่ เธอคิดระหว่างที่ปาดน้ำตา เธอไม่ใช่คนแรกที่ต้องเผชิญกับความร้ายกาจของซาตานตนนั้น มันไม่ใช่แม้แต่ครั้งแรก ในการพูดจาเยาะเย้ยถากถางของเขา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้รักเขา และเขาก็ไม่เคยโกหกว่าเขาคิดยังไงกับเธอ เขาเกลียดเธอ และเธอเองก็เช่นกัน
เธอก้าวเดินไปที่หอพักของเธอ เธอเพียงหยุดเมื่อถึงรูปของเลดี้อ้วนเพื่อที่จะบอกรหัส จากนั้นเธอเดินต่อไปจนกระทั่งถึงที่ห้องนอน ไม่มีใครอยู่ในห้อง เพราะมันยังคงหัวค่ำ เธอรู้สึกผ่อนคลายที่ได้อยู่คนเดียว เพราะเธอไม่อยากที่จะคุยกับใคร นักในเวลานี้
ความคิดเห็น