คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chepter : 7 มังกร แวมไพร์ และ มนุษย์หมาป่า
Hogwarts Twilight บทที่ 7มังกร แวมไพร์ และ มนุษย์หมาป่า
ในช่วงเดือนนี้ทั้งเดือน ผมมักจะหลบหน้าหลบตาเฮอร์ไมโอนี่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าบางครั้งผมอาจจะเผลอมองเธออยู่บ่อยครั้งก็ตาม อย่างเช่นในวันนี้ ที่ห้องอาหาร ในขณะที่ผมกำลังกินอาหารอยู่กับสก๊อตและเพื่อนๆ พลันสายตาของผมก็เห็นเธอ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เธอเดินตามหลัง เพื่อนทั้งสองของเธอและเพียงแค่แวบเดียวที่สายตาของเธอและผมประสานกัน แต่เธอกลับทำเมินผมเสียยังงั้น ทำให้ผมรู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่บ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้คือการทำสีหน้านิ่งเฉยทั้งๆที่ในใจผมกลับร้อนไปหมด
ในช่วงเวลานี้ทั้งโรงเรียนมักจะคุยกันถึงเรื่องการแข่งขันไตรภาคีซึ่งมันแทบจะไม่ได้มีอยู่ในหัวสมองของผมเลยด้วยซ้ำ ผมกลับเบื่อและเหนื่อยหน่ายไปกับมัน
จนกระทั่งหลังอาหารกลางวันผมเตรียมตัวเดินไปยังชั้นเรียนซึ่งจะเรียนวิชาถัดไปกับกลุ่มเพื่อนๆที่มีสก๊อตนำทีมคุย ซึ่งผมได้แต่ยิ้มและมองตามไปอย่างเงียบๆ
“ดิกกอรี่”
เสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลังของผมมันทำให้เพื่อนๆของผมหยุดการพุดคุยอย่างกะทันหันผมหันกลับมามอง เด็กชายจากบ้านกริฟฟินดอร์ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนหนึ่งร่วมกับเขา แฮร์รี่ พอตเตอร์
แฮร์รี่ ถอนหายใจอย่างลำบากผมรู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายใจที่แฮร์รี่ได้รับ ผมอ่านความคิดเขาได้ในตอนนี้แฮร์รี่นึกอยากให้เฮอร์ไมโอนี่มาเป็นเพื่อนเขาในการพูดคุยในครั้งนี้ด้วย
“เฮอร์ไมโอนี่งั้นเหรอ”ผมคิดในใจพร้อมกับอมยิ้มเมื่อผมอ่านความคิดของแฮร์รี่ผมสาวเท้าผ่านกลุ่มเพื่อนๆ เข้ามาใกล้แฮร์รี่มากยิ่งขึ้น
“ว่าไงพอตเตอร์”ผมกล่าวนำเล็กน้อยอย่างเป็นกันเองแต่แฮร์รี่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดีเมื่อตัวเขามายืนอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆจากบ้านอื่น ดูเหมือนสก๊อตจะเข้าใจได้ดีถึงกิริยาท่าทางของแฮร์รี่เขาเดินเข้ามาตบบ่าผมแล้วเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น
“เราจะไปรอนายที่ชั้นเรียนก็แล้วกัน แล้วรีบตามมาล่ะ”
ผมพยักหน้ารับ เมื่อสก๊อตหันมาพูดคุยกับเพื่อนๆคนอื่น
“ไปเถอะพวกเรา ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากภารกิจแรกหรือควิดดิชที่น่าเบื่อหน่ายหรอก”
สก็อตเอ่ยขึ้น ซึ่งทำให้พวกนั้นหัวเราะก่อนจะผงกศีรษะเพื่อกล่าวลาแฮร์รี่
สก๊อตเดินนำหน้าเพื่อนๆไปก่อนและทำให้เพื่อนคนอื่นๆเดินตามไปกันอย่างว่าง่าย
“ว่าไง จะให้ฉันรับใช้อะไรดี” ผมเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าเหลือเพียงแต่ผมและแฮร์รี่อยู่กันตามลำพังเท่านั้น
ผมนอกจากอ่านความรู้สึกของคนอื่นออกแล้ว ในตอนนี้ผมยังต้องหัดจับสังเกตสีหน้าคนได้เก่งอีกด้วย และในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าแฮร์รี่นั้นมีความกังวลโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องอ่านความคิดขอวงแฮร์รี่เลยแม้แต่น้อย
“ความจริงแล้ว มันเกี่ยวกับภารกิจแรกน่ะ”แฮร์รี่กล่าวออกมาได้ในที่สุดผมผงกหัวอย่างเข้าใจและนิ่งเงียบเพื่อเปิดโอกาสให้แฮร์รี่ได้พูดต่อไป
“คือว่า....มันเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับมังกร” สีหน้าของผมเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่ามังกร ซึ่งผมรู้ดีว่างานนี้ไม่ง่ายสำหรับผมเสียแล้ว
ผมรู้สึกประทับใจที่แฮร์รี่ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ตัว ถึงได้มาบอกผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหากเป็นครัมหรือเฟลอร์รู้เรื่องนี้พวกเขาคงจะไม่ยอมบอกอย่างแน่นและผมก็คิดว่าพวกเขาก็คงจะรู้เรื่องนี้ดีแล้วเช่นกัน
สมควรแล้วที่แฮร์รี่อยู่บ้านนี้ บ้านของผู้กล้าแห่งกริฟฟินดอร์ ความกล้าหาญของกริฟฟินดอร์อาจจะอยู่ในสายเลือดของแฮร์รี่อย่างแน่แท้แล้วก็เป็นได้ถึงแม้ความกลัวจะวนเวียนอยู่รอบๆตัวเขาก็ตามแต่เขาก็ยังไม่ท้อถอย
“ขอบใจมาก……….. พอตเตอร์” ผมกล่าวก่อนจะมองแฮร์รี่เดินจากไป แต่เหมือนว่าผมนึกถึงคำของดับเบิลดอร์ได้ขึ้นมาชั่ววูบ
“พอตเตอร์” ผมร้องเรียก ซึ่งทำให้เด็กหนุ่มหยุดและหันมามองหน้าผม
“ฉันรู้ว่าเราแข่งขันกันอยู่ และพวกเราทั้งคู่ต่างก็ต้องพยายามทำเพื่อฮอกว๊อตส์ เราคนใดคนหนึ่งจะต้องทำสำเร็จ ซึ่งฉันไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน ถ้าเราจะช่วยกันเพื่อไปสู่ความสำเร็จนั้น “ ผมกล่าว ระหว่างที่แฮร์รี่มองดูผมอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะขมวดคิ้ว
“นายหมายความว่า เราสองคนจะช่วยเหลือกันและกันใช่ไหม” แฮร์รี่ถามขึ้น ระหว่างที่ผมเลิกคิ้วขึ้นและเกือบหลุดปากหัวเระออกมาอย่างขบขัน
“ทำไมล่ะ คามจริงแล้วมันเป็นการแข่งขันระหว่างโรงเรียนด้วยกัน และเราสองคนก็มี
ข้อได้เปรียบ เราทั้งคู่อยู่โรเรียนเดียวกัน จะเป็นไรถ้าจะมีผู้ชนะสองคนจากฮอกวอตส์ “ ผมอธิบายระหว่างที่ แฮร์รี่คิดอย่างสับสน ก่อนที่จะมองกลับไปยังผม
“คือ ฉัน - ฉันมีเฮอร์ไมโอนี่ช่วยอยู่แล้ว” แฮร์รี่กล่าว อย่างไม่แน่ใจ ผมอดยิ้มไม่ได้ ผมรู้ว่าแฮร์รี่กลัวว่าเฮอร์ไมโอนี่อาจจะน้อยใจถ้าเขายอมรับการช่วยเหลือจากผมโดยละทิ้งการช่วยเหลือจากเพื่อนรักของเขา ไป
“แล้วนั่นมันคือปัญหาหรือไง พอตเตอร์ สามหัวดีกว่าหัวเดียวหรือสองหัวอยู่แล้ว เกรนเจอร์น่ะเป็นแม่มดที่ฉลาดมาก ถ้าเทียบกับคนในวัยเดียวกันข้อนั้นฉันเข้าใจ แต่ฉันคิดว่าเธอคงไม่ว่าหรอกถ้าพวกเราจะร่วมมือกัน” ผมชี้ให้เห็นอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งทำให้แฮร์รี่หัวเราะและภูมิใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเธอ
“แล้วคนอื่นล่ะ………….. คัมเบิลดอร์อาจจะ..”
“แล้วคนอื่นทำไม.... ฟังนะพอตเตอร์ ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหา ตรงไหน ถ้าหากนายไป
ไหนมาไหนกับเพื่อนนาย และตราบใดที่นายไม่รังเกียจที่จะคบฉันเป็นเพื่อน นั่นก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
ผมกล่าวอย่างชัดเจนก่อนที่แฮร์รี่จะผงกศรีษะคอบตกลง
“ถ้างั้นก็ตกลง …………… ฉันก็คงจะมีก็แต่เฮอร์ไมโอนี่นั่นแหละ ที่คอยช่วยเหลือฉันได้เพราะรอนและเพื่อนๆคนอื่นๆของฉันเขาก็ยังคงเข้าใจฉันผิดอยู่ “แฮร์รี่กล่าวระหว่างที่ ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจและสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“เป็นอันว่า………. เจอกัน คืนนี้ในห้องสมุดละกัน “ ผมกล่าวระหว่างที่แฮร์รี่นึกถึงการที่จะต้องใช้เวลาในห้องสมุดนานขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ารับรู้
“แล้วเจอกันนะพอตเตอร์” ผมกล่าวก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไปด้วยความสุขมากกว่าเก่า เมื่อผมนึกถึงคำสัญญาของผมที่ให้ไว้กับดับเบิลดอร์เรื่องการช่วยเหลือแฮร์รี่ถึงแม้จะเป็นขั้นแรกก็ตาม
ogwarts Twilight Hogwarts Twilight Hogwarts Twilight Hogwarts Twilight
คืนนี้ในขณะที่ผมรอคอยแฮร์รี่อยู่นั้น ผมอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นัก เหตุเนื่องมาจากช่วงกลางวันที่ผมได้รับจดหมายจากพ่อและแม่ของผม สืงที่ผมได้รับนั้นไม่เป็นอย่างที่หวังเอาไว้ ผมคาดหวังไว้ว่าพ่อของผมจะต้องโกรธมาก และแม่ของผม คงต้องการให้ผมออกจากฮอกวอตส์ แต่มันกลับตรงกันข้าม จากจดหมายที่ได้มากลับกลายเป็นว่าพ่อแม่ของผมค่อนข้างที่จะยินดีที่ผมได้เข้ารับการแข่งขันในครั้ง ซึ่งพ่อของผมกล่าวว่าการแข่งขันมันง่ายดายมากก็เหมือนการที่เราเดินเล่นในสวนอย่างสบายๆ ขอให้ผมอย่าเครียดกับการแข่งขันให้มากไป ส่วนแม่ของผมท่านดูจะภาคภูมิใจในตัวผมในในครั้งนี้ด้วย ผมคิดว่าดัมเบิลดอร์ คงบอกพ่อแม่ผมถึงสิ่งที่คัมเบิลดอร์ขอร้องผมให้ช่วยเหลือแฮร์รี่ ซึ่งพวกเขาก็ยินดีเป็นอย่างมากที่จะให้ผมทำอย่างนั้น
ตอนที่แฮร์รี่มาถึง เขาสังเกตุเห็นว่าเซดริกดูเหนื่อยอ่อนแต่เขาก็ไม่ได้สังเกตุเห็นสิ่งที่เซดริกกำแน่นไว้ในมือและท่าทางที่ฉุนเฉียวของเขา
“ขอโทษทีที่มาช้า “แฮร์รี่กล่าวรู้สึกเสียใจ ขณะที่เซดริกพยายามระงับอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นกับเขาเรื่องจดหมายนั้น อย่างเต็มที่
“ตอนนี้ผมเบื่อมากเลย นักเรียนแทบทุกคน มักซุบซิบนินทาถึงผมและเรียกผมว่าคนโกหก”ตอนนี้แฮร์รี่เริ่มมีอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นบ้างแล้ว เขานั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งใกล้ๆที่เซดริกยืนอยู่
“เฮอร์ไมโอนี่มาไม่ได้คืนนี้………… แต่เธอบอกว่าเราควรสนใจในสิ่งที่เราถนัดที่สุด
ซึ่งเธอบอกว่า ผมน่ะเก่งควิดดิชซึ่งนั้นละเป็นสิ่งที่ผมถนัด มันจะสามารถทำให้ผมเบนความสนใจของมังกรได้”
สิ่งที่แฮร์รี่พูดมาเป็นเรื่องจริง เพราะผมอ่านความคิดของแฮร์รี่ได้ เฮอร์ไมโอนี่บอกแฮร์รี่ว่าเธอมีบางสิ่งที่ต้องทำ แต่ถึงอย่างไรก็ดี ผมมีความรู้สึกว่าเธอพยายามที่จะหลบหน้าผม
“เธอมีเรื่องอะไรที่ต้องทำมากกว่าการช่วยเพื่อน หรือไง”ผมแกล้งหยอดคำถามไปที่แฮร์รี่
“เธอมีบางอย่าง ที่จะต้องค้นหา ค้นคว้าในการทำรายงานของเธอ” แฮร์รี่พูดเสริมระหว่างที่ผมจ้องมองเขา “ แต่น่าแปลก หนังสือที่เธออ่านนั้นมันไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับพวกเอลฟ์เลยสักนิด “
ผมคิดว่าผมช่างโชคดีจริงๆที่หัวใจของผมหยุดเต้นไปแล้ว ไม่อย่างงั้นผมมั่นใจได้ว่าหัวใจของผมมันคงเต้นโครมครามทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าได้ยินอย่างแน่นอน ทำไมมันถึงเป็นอย่างงั้นล่ะ เฮอร์ไมโอนี่กำลังค้นคว้าเรื่องอะไร ผมแกล้งถามแฮร์รี่ แต่ในใจของผมก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้สิ่งที่ผมคิดเป็นเรื่องจริงเลย
“เธอกำลังค้นคว้าเรื่องอะไร” ผมถามแต่พยายามไม่ให้เสียงดูเหมือนขู่คำราม ทำให้แฮร์รี่นั้นเงยหน้าขึ้นและจ้องมองมาที่ผม
“บางอย่างเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในด้านมืด……… น่าจะเป็น...แวมไพร์มั้ง” แฮร์รี่ตอบระหว่างที่
ผมคำรามเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองทางอื่นด้วยจิตใจที่สับสน
ผมรู้โดยทันทีว่าผมคงต้องรีบค้นคว้าเกี่ยวกับเวทมนตร์ ลบความจำ และผมคงต้องเตรียมคำอธิบายต่อดัมเบิลดอร์และพ่อแม่ของผมด้วยว่าทำไม นักเรียนปีสี่ของกริฟฟินดอร์รู้เรื่องของผม
“นายคิดจะทำอะไรสำหรับภารกิจแรกล่ะ” แฮร์รี่ถามซี่งทำให้ผมหลุดจากภวังค์
จากนั้นผมจึงชี้ไปที่หนังสือเกี่ยวกับการแปรสภาพ
“เบี่ยงเบนความสนใจเหรอ” แฮร์รี่กล่าวก่อนที่ผมจะพยักหน้าแทนคำตอบ
ใช่......ผมต้องการ การเบี่ยงเบนความสนใจ……….. บางอย่างที่จะทำให้เฮอร์ไมโอนี่ออกไปจากหัวของผม ซึ่งผมก็หวังไว้ว่าภารกิจครั้งนี้จะมีอะไรที่ช่วยผมได้
ogwarts Twilight Hogwarts Twilight Hogwarts Twilight Hogwarts Twilight
ภารกิจแรกนั้นได้ดำเนินมาแล้วก็ผ่านไป ซึ่งฮอกว๊อตส์ เริ่มจะมีเสียงพูดคุยกันด้วยความสนุกสนานขึ้นมาอีกครั้ง
ผมรู้นะว่าพวกคุณอยากรู้ละสิว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับการแข่งขัน เอาเป็นว่าผมจะเล่าเฉพาะส่วนของผมก็แล้วกัน ความจริงมันก็ไม่มีอะไรมากนักหรอก ผมแค่หวังที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของมังกรด้วยการแปรสภาพเป็นก้อนหินแต่ แต่มันเหมือนการวางเบ็ด และดำน้ำหนี แต่เมื่อเจ้ามังกรรู้ว่าแท้จริงผมเป็นอะไร มันก็เลยยิ่งยุ่งยากสำหรับผม
มันเป็นเวลานานหลายร้อยปีมาแล้วที่ได้ค้นพบว่ามังกรนั้นเกลียดแวมไพร์ ซึ่งมันไม่ชัดเจนว่าทำไม แต่บางอย่างใน ดี เอ็น เอ ของมันจะทำให้คลุ้มคลั่ง เมื่อมันได้กลิ่นของความตาย ซึ่งไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดมันได้จากความต้องการที่จะฆ่าแวมไพร์
และนั่นเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่มันใช้ไฟเพื่อฆ่าผม
ผมนั้นพยายามหลีกเลี่ยงจากบรรดาคำถามต่างๆ ของทุกคน เมื่อผมถูกไฟเผาจากเจ้ามังกรแต่กลับไม่มีบาดแผลเลยสักนิด แต่ยังไงผมก็ได้ที่สอง แต่สิ่งที่ผมหนักใจก็คือยายริต้า สกีเตอร์ที่เธอดูเหมือนจะสังเกตเห็นว่าผมไม่มีบาดแผลจากการถูกไฟของมังกรเผาเลย
หลังจากที่ภารกิจแรกเสร็จสิ้นไปแล้ว และภารกิจต่อไปก็กำลังจะตามมา ผมนั้นยินดีอย่างยิ่งที่จะสนใจในภารกิจที่กำลังจะตามมามากกว่า ดังนั้นผมและผู้เข้าแข่งขันจีงมีเวลามากพอสำหรับการเตรียมตัวในภารกิจต่อไป
ogwarts Twilight Hogwarts Twilight Hogwarts Twilight Hogwarts Twilight
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ทำให้สก็อตส์กระสับกระส่ายกว่าทุกวัน และคืนนี้ดูเหมือนว่าสก๊อตส์หายตัวไปหลายชั่วโมงแล้ว ซึ่งผมนั้นได้รับคำสั่งจากคัมเบิลดอร์ว่าผมควรจะหยุดพักจากภารกิจสักพักและเพื่อที่จะทดสอบความสามารถของผมในการดูแลหมาป่า
ผมเริ่มตามกลิ่นของสก๊อตส์ไปยังที่ๆเขาอยู่ ผมเดินตรงไปยังต้นวิลโล่ว์ ที่เกรี้ยวกราด ซึ่งที่นั่นเองที่ผมเห็นสก๊อตเริ่มกรีดร้องเพราะความเจ็บปวด ด้วยความสามารถที่มากกว่ามนุษย์ของผมผมจึงหามสก๊อตไปยังกระท่อมที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่น ใช่กระท่อมของแฮกริด
“มีบางอย่างผิดปรกติ” สก็อตกระแทกเสียงผ่านความเจ็บปวดและความหิวโหย ซึ่ง
สิ่งหนึ่งที่แตกต่างระหว่างแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าก็คือวิธีการควบคุมความหิวโหย ซึ่งแวมไพร์นั้นจะดับความหิวโดยการดูดเลือด ซึ่งอาจจะล่าสัตว์ตัวเล็กๆ หรือสัตว์ตัวใหญ่หากหิวมากกว่าปรกติ
สำหรับมนุษย์หมาป่านั้น เมื่อพวกเขากลายร่าง เขาจะไม่สามารถควบคุมความหิวได้ ซึ่งไม่
ว่าอะไรที่เดินผ่านเข้ามาก็สามารถที่จะกลายเป็นอาหารมื้อวิเศษได้
“เจ้างั่งเอ๋ย…เกิดอะไรขึ้นมาอีกล่ะ….. เราเกือบถึงแล้ว” ผมพูดคำราม ซึ่งผมสังเกตุได้ว่าสก็อตนั้นตัวสั่นเพราะเสียงคำรามมากกว่าสั่นเพราะความเจ็บปวด
สิ่งหนึ่งที่แวมไพร์และมนุษย์หมาป่ามีเหมือนกันก็คือการที่จะมีอำนาจเหนือคนอื่น โดย
เฉพาะเวลาที่พวกเขาอยู่ร่วมกัน ซึ่งโดยเฉพาะเมื่อใครสักคนอยู่ในอาการหิวหรือกระหาย พวกเขาจะมีความต้องการอย่างมากในการที่จะพิสูจน์ว่าถิ่นนี้เป็นของใคร
“ฉันบอกแล้วว่ามีบางอย่างผิดปรกติ…………….. ฉันกำลังจะเปลี่ยน”
“เรามีเวลาสิบนาทีนะ” ผมกระแทกน้ำเสียงใส่เขา
“ฉันกำลังจะเปลี่ยน” สก็อตคำรามเสียงดังระหว่างที่เขาผลักผมออกไปอย่างแรง แล้ววิ่งอย่างเสียสติผ่านต้นไม้ไป ผมนั้นไล่ตามสก็อตไปอย่างติดๆ ก่อนจะมีเสียงหอนและสก็อตทรุดลงไปที่พื้น
ผมได้ยินเสียงหอบและรู้ว่ามันคงอีกนานกว่าสก็อตจะเปลี่ยนสภาพอย่างสมบูรณ์ และ
พวกเขานั้นยังคงอยู่ห่างไกลจากกระท่อมมากนัก
“เจ้าหน้าขน ลุกขึ้นแล้วย้ายกันซะ”ผมเอ่ยน้ำเสียงลอดผ่านช่องฟัน พยายามพยุงร่างที่อ่อน
ปวกเปียกของสก๊อตขึ้น แต่ยิ่งผมจับร่างของสก็อตแน่น เพียงใดผมก็เริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อของสก๊อต
นั้นขยายมากยิ่งขึ้นไปกว่านั้น
“มะมะ - ไม่มีเวลาแล้ว” สก็อตพูดตะกุกตะกัก ผมนั้นฉุดกระชาก สก็อตจนถึงขั้นอยากที่จะแบกเขาไปแต่สก็อตนั้นละไปจากผมแล้วล้มลงอีกครั้ง ซึ่งผมได้แต่มองดูด้วยความวิตกกังวล
พวกเขานั้นอยู่ใกล้กับปราสาทมากกว่ากระท่อมที่จะพาสก๊อตส์ไป ซึ่งแน่นอนว่าผมสามารถที่จะพาสก็อตเข้าไปได้แต่มันเสี่ยงเกินไปสำหรับพวกเขาหากมีใครเห็นและนั่นก็คงจะสายไปแล้ว
ผมเห็นบริเวณป่าที่อยู่ใกล้ๆกัน และความคิดของผมก็พร้อมที่จะสั่งให้ผมขยับเขยื้อนแล้ว พยุงสก็อตขึ้นและจับมือสก็อตไว้แน่นที่ไหล่เขาโดยไม่สนใจความเจ็บปวดแม้แต่น้อย ผมจับเอวของสก็อตแล้วมุ่งหน้าเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
ผมรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสก๊อตส์และบรรดาต้นไม้ที่ห้อมล้อมเขาเขาจึงตัดสินใจเหวี่ยงตัวเจ้ามนุษย์หน้าขนให้พิงอยุ่กับต้นไม้ใหญ่ข้างหน้าโดยที่เขาถอยออกห่างเล็กน้อยผมจ้องมองเขาและเจอเข้ากับร่างที่เป็นสีดำปกคลุมไปด้วยขนของสก๊อตส์ที่ค่อยๆลุกขึ้นยืนจังก้าเผชิญหน้ากับผม ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่พวกเรามาถึงป่าต้องห้ามทันเวลาพอดี
“สก็อต”ผมเรียกชื่อเขา ระหว่างที่สก็อตคำรามอย่างดัง ก่อนที่จะหยุดสักครู่และจ้องมองตรงมาที่ผม ผมจ้องเข้าไปที่ดวงตาที่ดุร้ายของสก็อต ซึ่งผมรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะใช้เหตุผลกับ
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมแล้ว
“ไปซะฉันไม่อยากทำร้ายนาย” ผมพยายามที่จะหุบเขี้ยวเพื่อพิสูจน์ว่าผมไม่ต้องการจะ
ต่อสู้ใดๆทั้งสิ้นกับเขา
มนุษย์หมาป่า สูดลมเข้าด้วยเสียงอันดัง ก่อนจะหันหลังและมุ่งหน้าเข้าป่าต้องห้ามไป
ผมขยับตัวออกห่างเล็กน้อย เพื่อจะให้มนุษย์หมาป่าไม่ต้องกังวลใดๆทั้งสิ้น แต่ก็อยู่
ไม่ไกลมากนักเพื่อจะได้แน่ใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายใคร
ระหว่างที่ผมนั่งรอสก็อตอยู่ผมหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนและสนใจอยู่กับทุกสิ่งที่อยู่รอบๆตัวผม สำหรับนักเรียนส่วนมากนั้นกำลังสนุกอยู่กับงานเลี้ยง ซึ่งผมรู้ดีว่ามันคงเป็นการยากสำหรับสก็อตที่จะรอดจากปราสาท ก่อนที่พระจันทร์จะส่องแสง แต่พวกผมก็เชื่อใจในคัมเบิลดอร์
เสมอ แต่การแปลงร่างของสก็อตในคืนนี้นั้นค่อนข้างจะแตกต่างออกไป ซึ่งมันค่อนข้างรวด
เร็วซึ่งปรกติแล้วสก๊อตส์จะมีเวลามากพอที่จะรับมือกับมัน
เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นทำให้ผมกระโดดขึ้นจากพื้น ดวงตาสีเทาของผมมองไปรอบๆ
บริเวณที่ผมอยู่แต่แปลกผมไม่ได้สัมผัสถึงสก็อตแม้แต่น้อย ผมก้าวเท้าออกไปด้วย ความกังวล
และสอดส่ายสายตาหาผู้บุกรุกคนใหม่ ผมไม่ได้กลิ่นใดๆยกเว้นกลิ่นสดชื่นของดอกไม้และต้นไม้ในป่าเท่านั้น ผมรู้สึกแปลกใจ ใครกัน ในที่นี่ถ้าไม่ใช่พ่อมดแม่มดก้ต้องเป้นสัตว์บางชนิดในป่าต้องห้ามแล้วใครกันที่เข้ามายังป่าต้องห้ามในตอนมืดๆค่ำๆแบบนี้
ogwarts Twilight Hogwarts Twilight Hogwarts Twilight Hogwarts Twilight
เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยพึมพำกับตัวเองเมื่อเธอเดินใกล้เข้าไปในป่าต้องห้าม ดวงตาของเธอจ้องมองเข้าไปในป่า ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไปในการค้นหาพืชทีสเนปได้สั่งว่าต้องเก็บเฉพาะในคืนที่
พระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น ซึ่งมันเป็นการลงโทษในการที่เธอที่ไม่สามารถละสายตาจากรอนและ
แฮร์รี่
ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเธอพยายามที่จะทำให้รอนกับแฮร์รี่เลิกทะเลาะกับในสิ่งที่แฮร์รี่ได้
แกล้งรอนไว้ ซึ่งมันทำให้รอนโกรธเขามาก ซึ่งรอนนั้นไม่ยอมที่จะคุยกับแฮร์รี่แต่เขาใช้เฮอร์ไมโอนี่
เพื่อจะส่งข้อความไปยังอีกฝ่าย
“ฉันขอสาบานว่าฉันจะจัดการพวกเค้า” เฮอร์ไมโอนี่บ่นพึมพำในขณะที่สายตายังคงจ้องมองไปยังตัวปราสาทอยู่
ก่อนที่เธอจะได้ยินบางอย่างข้างหลังเธอ เฮอร์ไมโอนี่หันหลังกลับพร้อมที่จะใช้ไม้กายสิทธิ์เพื่อจะ
สู้กับสิ่งมีชีวิตอะไรก็ตามที่อยู่ข้างหลังเธอ แต่เธอไม่พบอะไรทั้งสิ้น ซึ่งมันไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้ต้นหญ้า ที่ขึ้นตามพุ่มไม้ ซึ่งมีสีต่างกันไป แต่กระนั้นเธอได้ยินเสียงร้องโหยหวนของอะไรบางอย่าง ซึ่งมันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่เพียงเล็กน้อย
“ฉันมีไม้กายสิทธิ์นะ” เสียงเธอสั่นแต่เธอก็ยังยืนหยัดที่จะสู้เหมือนพวกกริฟฟินดอร์ที่แสนจะกล้าหาญ เธอเห้นดวงตาสีทองผ่านหลังพุ่มไม้และจ้องมาที่เธอ เธอไม่ได้โง่……….. เธอรู้จักมนุษย์หมาป่าดี ซึ่งมนุษย์หมาป่าตัวนี้ไม่เหมือนที่เธอเคยเห็น ตอนอยู่ชั้นปีที่ 3 ซึ่งเธอรู้ว่านี้ไม่ใช่ ลีมัส รูปินและด้วยใจที่สั่นและความกลัวที่เพิ่มขึ้นเธอรู้ว่า ซิริอัส แบล็กคงช่วยเธอไม่ได้แน่ๆ
“เด็กดี” เธอกู่ร้องพยายามเดินถอยหลังแต่มนุษย์หมาป่าคำรามใส่เธอและค่อยๆเดินตรงมาที่เธอ ซึ่งเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคม ซึ่งทำให้เธอใช้มือปิดปาก เพื่อไม่ให้มีเสียงกรีดร้องออกมาจากปากเธอ
มนุษย์หมาป่าออกมาจากพุ่มไม้ โดยได้รับการขีดข่วนเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้แสดงให้เห็น
ถึงความเจ็บปวดมีเพียงแต่อาการหิวโหย ซึ่งดวงตาของมันจ้องมองมาที่เฮอร์ไมโอนี่
เธอกรีดร้องออกมาก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจเข้า เมื่อมีบางอย่างแข็งแรงเหมือนโลหะ โอบอยู่ที่เอวของเธอและทุกสิ่งรอบๆ เธอกลับกลายเป็นพร่ามัว เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่พรั่งพรูออกมาจากปอดของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเธอหลับตาแล้วก้มหน้าลงซบที่ไหล่ของใครก็ตามที่พาเธอไปโดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เธอคงจะหัวเราะกลิ้งถ้าคนๆ นั้นเป็นมิลฟอยหรือสเนป เพราะเธอคงจะยินดีเป็นอย่างมากที่จะ
รอดตายและพรมจูบพวกเขาอย่างเสียสติที่ช่วยเหลือเธอ
ด้วยแรงกระแทกอย่างแรงเธอถูกวางอยู่บนพื้น แต่เมื่อเธอพยายามที่จะลุกขึ้นยืน เธอก็รู้สึกได้ถึงมือที่เย็นๆรอบๆตัวเธอ และโอบเธอแน่นบนร่างกายที่แข็งเหมือนหิน
เธอเงยหน้าขึ้นก่อนจะลืมตา จึงเห็นว่าเธอนั้นอยู่ไม่ไกลจากปราสาท เธอถอนหายใจด้วย
ความโล่งใจ แล้วเธอควานหาคนที่ช่วยเธออย่างรวดเร็ว แต่เมื่อแก้มของเธอสัมผัสถึงผิวที่เย็น
เหมือนน้ำแข็ง เธอนั้นตัดความสงสัยว่าจะเป็นมัลฟอย หรือ สเนปไปได้เลยเพราะเธอแน่ใจแล้วว่าใครเป็นคนช่วยเธอ
เธอมองเห็นดวงตาสีเทา และเห็นริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่ที่อ้าปากค้างด้วยความแปลกใจและตกใจ
“เธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่” เซดริกกล่าวอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าแขนเธอแล้วกระชากให้ลุกขึ้นยืนเฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืนแต่ก็ซวนเซจนเขาต้องพยุงเธอและเอียงตัวเธอมาพิงกับอกที่แข็งแรงของเขาแทน เขาจ้องเข้าไปยังดวงตาสีน้ำตาลที่เบิกโพลงสีน้ำตาลของเธอ
“เธอก็เหมือนกัน” เธอโต้กลับ เธอรู้สึกตกใจเมื่อเขาดูประหลาดใจต่อการตอบโต้ของเธอ
“เข้าไปในปราสาทเดี๋ยวนี้……….. ไม่นานนักหรอกเขาจะตามกลิ่นเธอมาได้” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงที่แกมบังคับ
“มนุษย์หมาป่า………. ฉันอดคิดไม่ได้ว่านายจะไปจัดการเขาด้วยตัวของนายเองทำไม สำหรับเวลาหลายสัปดาห์ในเดือนนี้ เขาก็น่าสงสารพออยู่แล้ว ฉันไม่ปล่อยให้นายทำอะไรเขาแน่” เฮอร์ไมโอนี่ฮึดฮัดพยายามเอาแขนออกจากมือเขา ทำให้เขามองเธอด้วยความประหลาดใจ
การที่เขาไปสามารถอ่านใจเธอได้ทำให้เขาหงุดหงิด ! ทำไมเธอไม่พูดว่าเธอจะไม่ปล่อยให้มนุษย์หมาป่าทำร้ายเขา แทนที่เขาจะทำร้ายมนุษย์หมาป่า
แต่ยิ่งเขาพยายามจะหาเหตุผลว่าเธอนั้นคิดผิด เขารู้ว่าเธอรู้บางอย่าง เธอรู้ความจริงและรู้ว่า
มนุษย์หมาป่าไม่มีทางทำร้ายเขา
“ฉันไม่ทำร้ายเขาหรอกแต่เขาจะทำร้ายเธอ ถ้าฉันไม่หยุดเขาฉะนั้นไปซะ “ เชคดริกสั่ง
ระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันอย่างโมโห แต่ก่อนที่เธอจะได้ตอบเขามีเสียงคำรามหันเหความ
สนใจของพวกเขา พวกเขาหันไปมองจึงได้เจอกับสิ่งที่เขาได้หนีมาและข้างหลังเขาก็คือมนุษย์หมาป่าดวงตาของมันจ้องมองไปที่เชคดริกด้วยความโมโหที่บังอาจขโมยเหยื่อของมันมา
เชคดริกนั้นก้าวไปยืนอยู่ข้างหน้าเฮอร์ไมโอนี่ เขาจะต้องปกป้องเธอ ซึ่งดูเหมือนเธอก็ไม่ได้ประท้วงการกระทำของเขาซึ่งเชคดริกนั้นไม่ได้ละสายตาจากมนุษย์หมาป่านั้นเลยแม้แต่น้อย
“ไปสิ” เชคดริกคำรามไล่เฮอร์โอไมนี่ และเขารู้สึกว่าเธอส่ายหัวขัดขืนอยู่ข้างหลังเขา
ก่อนที่มนุษย์หมาป่าจะคำรามและกระโดดมาข้างหน้าโดยเตรียมที่จะกระโดดใส่พวกเขาทั้งสอง เชคดริกเอื้อมไปข้างหลังจับมือเฮอร์ไมโอนี่ไว้แน่นและบีบเบาๆและไม่ละสายจากสก็อตแม้แต่น้อย
“ได้โปรดล่ะ……… ฉันไม่ทำร้ายเขาหรอก แต่ฉันก็ไม่อาจเสี่ยงให้เขาทำร้ายเธอได้”
เชคดริกอ้อนวอนและรู้สึกได้ว่าเธอเกร็งไปชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่เธอจะกำมือเขาและปล่อยมัน
เชคดริกก้มหน้าและไหล่ลงปล่อยให้มนุษย์หมาป่ามองเห็นหญิงสาวที่เขาหมายปองแวบหนึ่ง
เมื่อมีเสียงคำรามขึ้น เชคดริกกระโจนตัวเองก่อนที่จะไปปะทะกับสก็อตและสก๊อตส์ก็ถูกรัดอยู่ภายใต้วงแขนที่แข็งแรงของเชคดริก
เขาทำให้แน่ใจว่าเขี้ยวอันแหลมคมของสก็อตนั้นไม่ได้อยู่บนใบหน้าเขา เชคดริกนั้นใช้
มือรัดคอเพื่อนเขาแน่น แล้วบีบเล็กน้อย เพื่อให้อากาศเข้าไปไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นและเกือบจะ
ยิ้มในทันทีเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ได้เข้าไปในปราสาทแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานสก็อตหยุดขัดขืนและหมดแรงอยู่ในแขนเชคดริก เชคดริกนั้น
ไม่แม้แต่จะพิสูจน์ให้แน่ใจว่า สก็อตนั้นหมดอันตรายแล้ว เขามุ่งหน้าพาสก็อตไปที่ต้นไม้
และลากเขาไปที่กระท่อม เขาไม่ได้คิดกังวลเกี่ยวกับเรื่องของสก๊อตส์อีกแล้ว แต่เขากลับกังวลเกี่ยวกับเรื่องใหม่ที่เข้ามาแทนที่ เขากังวลว่าจะรับมือกับคำถามใหม่ๆ ได้ยังไงไม่ใช่เฉพาะกับเฮอร์ไมโอนี่ แต่รวมถึงตัวเขาด้วย
ความคิดเห็น