คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chepter : 4 ผู้ถูกเลือก
fic แปลHogwarts Twilight :
Chepter : 4 Names called
บทที่ 4 ผู้ถูกเลือก
<<< อักษรตัวสีน้ำเงินไม่ใช่ความคิดของเซดริก>>>>
มันเป็นเวลาพักใหญ่ที่ผมมัวแต่สาละวนจับมือกับเหล่าบรรดาแฟนคลับของผมอย่างเบื่อหน่ายกว่าจะหมดทุกคน ก็ทำให้ผมแทบลืมที่จะกันตัวเองออกจากผู้คนหรือจากการกิน และผมก็คิดได้ว่าการออกมาอยู่คนเดียวตามลำพังนั้นเป็นความคิดที่ดีที่สุดในตอนนี้ และในตอนนี้ผมเริ่มหลบลี่ยงผู้คนออกมาเดินตามระเบียงทางเดินที่ทอดตัวไปตามทางเดินของปราสาทฮ๊อกวอตส์เพื่อไปหามุมสงบของผมได้แล้ว
“ดิกกอรี่”เสียงเรียกที่แสดงถึงอำนาจของใครบางคนทำให้ผมถึงกับสะดุ้งผมหันสายตาจ้องมองไปยังทิศทางที่ผมได้ยิน ชายชราที่ผมคุ้นเคยกำลังยืนอยู่ด้านหลังของผมในขณะนี้
ถ้าคนที่เรียกผมไว้เป็นคนอื่นไม่ใช่ ดับเบิลดอร์ ผมเองก็คงจะรีบหนีไปไกลแล้ว ซึ่งผมเองก็สามารถทำอย่างนั้นได้ แต่ด้วยความเคารพที่ผมมีต่อพ่อมดอาวุโสผู้นี้ผมจึงหยุดคอย
คุณว่ามันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจไหมล่ะที่จะได้เห็นแวมไพร์อายุร่วมร้อยๆปี อย่างผมและดับเบิลดอร์ที่มีอายุใกล้เคียงกัน มาเผชิญหน้ากันแล้วในตอนนี้ อันที่จริงแล้วพวกเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ถ้าไม่คำนึงถึงความจริงที่ว่าผมนั้นต้องเก็บความลับของผมเอาไว้ไม่อาจเปิดเผยให้คนภายนอกรู้ได้
“มีอะไรหรือฮะ ศาสตราจารย์
” เซดริกกล่าว เขามองดับเบิลดอร์และเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ดับเบิลดอร์เดินมาหาเขาช้าๆ แล้ว ผงกศรีษะก่อนจะกล่าวขึ้นว่า
“ในช่วงเวลานี้ ทุกคนและนักเรียนทุกบ้านต่างก็อยู่ในห้องโถงใหญ่เพื่อร่วมรัปทานอาหารร่วมกัน แต่ คุณดิกกอรี่ ทำไมคุณกลับถึงมาเดินเพ่นพ่านอยู่แถวนี้ล่ะ”
“ผมรู้ฮะ แต่ผมเพียงแค่เบื่อๆ เลยมาหามุมสงบพักผ่อนบ้างก็เท่านั้น “เซดริกแก้ตัวแต่ดูเหมือนพ่อมดชราอย่างดับเบิลดอร์จะรู้ดีกว่านั้น
“เธอถูกรบกวนงั้นเหรอ”คนพูดถามเสียงเรียบแต่สายตาคมกริบกลับจ้องมองเขาแปลกๆ
“โอ้ ไม่ฮะ ไม่มีใครรบกวนผม ”เซดริกหันมาปฎิเสธด้วยท่าทางสบายๆโดยไม่มีสิ่งใดดูผิดปกติ
“ถ้างั้นก็ดี เพราะฉันไม่อยากให้สิ่งที่พวกเราพยายามให้มันเป็นเรื่องปกติที่สุดต้องมาเป็นข่าวที่คนอื่นให้ความสนใจมากกว่าการแข่งขันไตรภาคีที่จะมาถึงเร็วๆนี้”
”อย่าห่วงเลย ผมเองก็เหมือนกัน”สีหน้ามาดมั่นและท้าทายในทีทำให้ผู้อาวุโสที่ชาญฉลาดอดเผยรอยยิ้มกับท่าทางนั้นไม่ได้
“ดีมาก ฉันได้เขียนจดหมายไปถึงพ่อแม่ของเธอแล้วนะ พวกเขาทั้งสองคนสบายดี ฉันสามารถพูดได้เลยว่า คาร่านั้นเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากที่ปล่อยเธอให้มาเรียนที่นี่”
ดับเบิลดอร์กล่าวกับเขาระหว่างที่เซดริก ผงกหัวตอบรับโดยคิดไปถึงความเป็นห่วงกังวลของแม่ของเขา ซึ่งมีมากมายเกินกว่าที่เขาคาดคิด เมื่อคราวที่ปิดเทอมปีที่แล้ว พ่อของเขาอยู่ในช่วงอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจาก คาร่าแม่ของเขา มักจะระบายความหงุดหงิด เนื่องจากความเป็นห่วงเขาใส่พ่อของเขาเสมอตอนที่เซดริกไม่อยู่ แต่เมื่อเขากลับมา สงครามที่แม่เขาก่อไว้กลับสงบลงอย่างน่าแปลกใจ นั่นทำให้เอมอสพ่อของเขาปลอดภัยไปได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
“ขอบคุณมากครับ แต่ความจริงศาสตราจารย์ไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้ ผมกำลังจะเขียนไปหาพวกเขาอยู่พอดี ” เซดริกกล่าว โดยที่ดับเบิลดอร์ยืนอยู่ใกล้ๆเขา
“ความจริงเธอจะเขียนไปหาพวกเขาอีกก็ได้นะ เพราะฉันเองยังไม่ได้บอกพวกเขา ว่าเธออาจจะร่วมลงแข่งขัน ไตรภาคีระหว่างพ่อมดสามสถาบันนี้ ” ดับเบิลดอร์กล่าว ซึ่งทำให้เซดริกมองเขาแบบเกร็งๆ เขารู้ว่า ดับเบิลดอร์คงไม่ชอบแน่ถ้าเขาได้รับคัดเลือกในการแข่งขันนี้
“ศาสตราจารย์ครับ” เซดริกอยากจะอธิบายแต่เขาไม่สามารถจะอธิบายอะไรในตอนนี้ได้เขาจึงได้แต่นิ่งเงียบ
“ดิกกอรี่ ฉันเชื่อว่าเรามีความเข้าใจที่ตรงกันว่าระหว่างที่เธอศึกษาอยู่ที่ฮอกวอกต์
เธอต้องพยายามทำตัวเองให้ออกห่างจากความสนใจในโลกของเวทมนต์นี้” ดับเบิลดอร์กล่าวระหว่างที่เซดริกมองต่ำลงที่พื้นโดยกำหมัดแน่น เพื่อข่มอารมณ์
“ผมเข้าใจฮะ แต่ผมคิดว่าเพราะอำนาจของเวทมนต์รอบๆนั่นมันอาจจะทำให้ชื่อผม
พุ่งออกมาเองก็ได้ “เซดริกกล่าว โดยจ้องไปที่ดับเบิลดอร์ด้วยสายตาที่ท้าทาย
“นั่นจะทำให้ผมดูเหมือนว่าผมเป็นคนปรกติซึ่งมันไม่ดีกว่าหรือฮะ มันก็อาจจะดูพิลึกไปบ้างก็ได้สำหรับคนที่สมบูรณ์ที่สุดและเก่งที่สุดของฮัพเพิลพัฟอย่างผม แต่ไม่สนใจที่จะใส่ชื่อของตัวเองลงไป “เซดริกนำคำของสก๊อตส์มากล่าวอ้าง
“ฉันคิดว่าสก๊อตส์คงไม่ได้มีส่วนในเรื่องนี้ด้วยใช่ไหม” ดับเบิลดอร์กล่าวอย่างสงสัย
ซึ่งเซดริกนั้นจ้องไปที่ดวงตาของดับเบิลดอร์โดยไม่ยอมหลบสายตา
“ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น
. อีกอย่างผมคิดว่าถ้วยนั้นต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าผมเป็นอะไร และมันก็ยุติธรรมดีนี่ฮะที่ผมจะร่วมแข่งขันนี้ได้”
เซดริกกล่าวโดยแสดงท่าที ที่แน่วแน่ในการลงแข่งขันนี้ จากนั้นดับเบิลดอร์นิ่งคิดสักพักก่อนพยักหน้ายอมรับในสิ่งที่เซดริกบอกเขาก่อนที่จะขยิบตาให้กับแวมไพร์หนุ่มผู้นี้
“ก็ได้ ถ้าเธอต้องการแบบนั้น ขอให้สนุกนะ ดิกกอรี่
. และฉันก็เชื่อว่าเธอจะไม่ออกไปอยู่ตรงนั้นนานแน่นอน ใช่ไหม” ดับเบิลดอร์กล่าวมั่นใจก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในปราสาท
ผมเดินย่ำเท้าไปบนสนามหญ้าซึ่งแดดเริ่มจะแรงแล้ว ผมเริ่มที่จะคิดไปถึงวันข้างหน้า ผมไม่อยากที่จะมีชื่อเสียงเหมือนในตอนนี้ ผมรู้สึกอึดอัด และไม่เป็นตัวของตัวเอง
เสียงร้องคำรามดังลั่นที่อยู่ข้างหน้าของผมทำให้ผมรู้สึกตัวว่า ผมเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าต้นวิลโลว์จอมหวดสียแล้ว ผมยิ้มเยาะไปที่มันเหมือนมองดูคนบ้า มันกวักไกว่กิ่งก้านไปมาอย่างเกรี้ยวกราดเหมือนเชื้อเชิญให้ผมเข้าไปใกล้ๆมันและเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว ที่ต้นไม้เก่าแก่นั้นคุกคามผม ก่อนที่ผมจะรู้ตัวว่าถูกมันจับและเขวี้ยงตัวผมหมุนและตกลงไปอยู่ข้างหลังมันแล้ว เมื่อผมตั้งหลักได้ผมก็หลีกหนีและเดินห่างมันออกไปปล่อยให้มันส่งเสียงคำรามอย่างฉุนเฉียวอยู่เพียงลำพัง
ผมใช้เวลาในการเดินเล่นอีกนานแค่ไหนผมเองก็ไม่ได้สนใจกับมันมากนักเพราะผมคิดว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งปลอดภัยจากสิ่งที่ผมเพิ่งค้นพบ
ชื่อเสียงอันวุ่นวาย
ในขณะที่ผมกำลังสับสนกับชีวิตของตัวเองว่าควรจะทำอย่างไรกับชื่อเสียงอันน่าเบื่อหน่ายนี้อยู่ ผมก็ต้องรู้สึกตกใจเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งรอบๆตัวผม ที่คืบคลานเข้ามาใกล้ผมทุกทีๆ แต่มันน่าแปลก ที่ผมไม่สามารถสัมผัสถึงใครหรืออะไรได้ทั้งนั้น ซึ่งถ้ามีใครหรืออะไรอยู่รอบๆตัวผม ผมสามารถรับรู้ได้ในทันที ก่อนที่พวกนั้นจะเข้ามาใกล้ผมเสียอีก ผมกระโดดขึ้นบนต้นไม้เพื่อที่จะสำรวจพื้นดินรอบๆตัวผม ซึ่งผมก็พยายามสอดส่ายสายตาเพื่อสืบหาบุคคลลึกลับรายนี้
ผมแทบจะกลั้นหายใจ เมื่อเห็นว่าใครคือบุคคลลึกลับนั้น และผมก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมผมถึงไม่สามารถสัมผัสหรือรับรู้สิ่งนั้นๆได้เด็กผู้หญิงที่ผมคอยเฝ้ามองอยู่ด้วยความรู้สึกแปลกใจและสับสนในใจตลอดเวลา เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
ผมหัวเราะเล็กน้อยรู้สึกขบขันตัวเองนิดหน่อย ผมจะต้องกลั้นหายใจไปทำไมกันในเมื่อผมไม่มีลมหายใจนี่นา ทำไมเวลาที่ผมเห็นเธอผมถึงชอบทำตัวงี่เง่าพลอยนึกว่าตัวเองเหมือนมนุษย์ธรรมดานัก ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว ผมไม่ใช่
ผมมองดูเฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านผมไปอย่างช้าๆ ผมเห็นเธอบ่นพึมพำกับตัวเองและเปลี่ยนมือข้างหนึ่งที่ถือกระเป๋าที่หนักอึ้งไว้เป็นอีกข้างหนึ่ง เมื่อผมของเธอหล่นมาปกคลุมดวงตาของเธอ ทำให้เธอดูน่ารักไปอีกแบบ การมองเธอในตอนนี้ทำให้ผมเอนตัวลงติดกับต้นไม้ แล้วเฝ้ามองเธอย่ำเท้าผ่านผมไปอย่างสบายใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อหนังสือพวกนี้หนักเกินกว่าที่กระเป๋าเธอจะรับไหว หนังสือของเธอจึงตกลงบนพื้นรวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆด้วย
“กระเป๋าบ้าเอ๋ย” เฮอร์ไมโอนี่บ่นพึมพำระหว่างที่เธอก้มเก็บของของเธอ พร้อมกับเสยผมเธอไปข้างหลังหนังสือของเธอดูเหมือนจะไม่อยากกลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าที่แออัดนั้นมากนัก เธอส่งเสียงพึมพำและทรุดตัวลงนั่ง ผมถอนหายใจเล็กน้อย กับความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดของผม ยามเมื่อผมเจอเธอ ผมไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ผมกระโดดลงมาจากเงามืดบนต้นไม้นั้นอย่างเงียบๆแล้วค่อยๆก้าวเท้าตรงเข้าไปหาเธอ
ผมหยุดอยุ่ข้างๆ เธอ และหยิบหนังสือที่ตกลงมา และดันกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เมื่อผมมองขึ้นไปผมก็ต้องเจอกับใบหน้าที่ดูเหมือนจะมีแต่คำถามอยู่ของเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งถ้าผมเป็นมนุษย์ธรรมดาผมคงหน้าแดงจากการถูกจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายของเธอนี้แน่นอน
ผมแกล้งจ้องตอบเธอเขม็งจนเธอเริ่มรู้สึกตัว หน้าของเธอแดง และนั่นมันทำให้ผมเกือบเผลอตัวยกมือของผมลูบไล้ใบหน้าที่แดงกล่ำของเธอเล่น
“ขะ-ขอบคุณ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างตะกุกตะกัก ระหว่างที่เธอพยายามลุกขึ้นยืนและพยายามจะจับหนังสือที่หล่นอยู่ด้วยมือไม้ที่สั่นเทา ผมไม่รู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นคือความกลัว หรือ เขินอายกันแน่ ผมจึงยืนเฉยเพื่อมองดูเธอต่อไป แต่ ผมก็ยืนเฉยอยู่ได้ไม่นาน ซึ่งผมก็เคยบอกกับคุณไปแล้วว่าความอดทนของผม ที่ทีต่อเธอ มันช่างน้อยเหลือเกิน ผมเดินตรงไปที่เธอซึ่งกำลังพยายามจะดึงกระเป๋าที่หนักอึ้งขี้นมา ผมช่วยเธอดึงกระเป๋าของเธอเองขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“ขอบคุณนะ เชดริก ดิกกอรี่ ถ้าเธออยากให้ดูเป็นทางการ” เชคดริกกล่าวขึ้นอย่างเฉยชาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยระหว่างที่ยื่นกระเป๋าคืนให้เธอ
เฮอร์ไมโอนี่รับกระเป๋า โดยที่ไม่มองหน้าเขา เธอกำลังชั่งใจในสิ่งที่เขาพูดอยู่ว่าเป็นการแนะนำตัวเองจากเขา หรือเป็นการกล่าวตำหนิเธอกันแน่ เธอยัดหนังสือเล่มสุดท้ายใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว แล้วสะพายกระเป๋าไว้ข้างหลังในทันที
“เออ
.. ขอบคุณนะเชดริก ดิกกอรี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆเธอยื่นมือเธอไปที่เขาพร้อมกับศึกษาใบหน้าของเซดริกอย่างถี่ถ้วน
“ฉันเฮอร์ไมโอนี่...”เธอยังพูดแนะนำตัวยังไม่ทันจบ ชายหนุ่มข้างหน้าก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เกรนเจอร์
.. เธอเป็นที่รู้จักดี” เซดริกต่อท้าย โดยพยายามหลีกเลี่ยงที่จะจับมือกับเธอ เขาสอดมือของเขาลงไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างแล้วยืนมองเธอนิ่งเฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แล้วเอามือไปจับไว้ที่กระเป๋าของเธอแทนเพื่อแก้เก้อ
“ส่วนเธอ
. ฉันหมายความว่าทุกคนก็รู้จักเธอดีเช่นกันในการที่เธอเอาชื่อตัวเองไปใส่ไว้ในถ้วยอัคคีนั่น “ เฮอร์ไมโอนี่พูดกระแทก ซึ่งเซดริกรู้ดีที่ถูกเธอตอกกลับเข้าให้ ใบหน้าที่เย็นชาของเขาแต่แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มที่มุมปากทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
“มันก็แค่เกมส์โง่ๆ น่ะ ฉันว่าฉันคงจะถูกเลือกนะ” เซดริกพูดขึ้นอย่างมั่นใจ นั่นทำให้หน้าผากของเฮอร์ไมโอนี่ขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ ในความอวดดีของเขา
“ฉันเคยอ่านมาว่าเฉพาะคนกล้าหาญที่สุด ฉลาดที่สุด และแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะถูกเลือก เพราะคุณสมบัติทั้งสามจะต้องถูกนำมาใช้ในการแข่งขันในครั้งนี้” เฮอร์ไมโอนี่พูดขี้นนั่นทำให้เซดริกหัวเราะอย่างขมขื่น เขาถามโดยหันมามองเธอด้วยหางตานิดนึง
“อย่างนั้นเธอเองคงคิดว่า
.. ฉันคงไม่ได้ถูกเลือกน่ะสิ”
เฮอร์ไมโอนี่นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เธอเองไม่ได้คิดอย่างที่เซดริกพูดเลยด้วยซ้ำ แต่อะไรก็ตามในสิ่งที่เธอพูดเธอเพียงแต่รู้สึกสับสนกับตัวตนที่แท้จริงของเขาต่างหาก
เฮอร์ไมโอนี่ อ้ำอึ้งก่อนตอบเสียงอ่อนลงกว่าเคย
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ
.นายก็เป็นนักรียนที่เก่งที่สุดของปีนายเลยไม่ใช่หรือไง“
เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาทั้งๆที่ใจเริ่มไม่ดีเอาเสียเลยที่เขาคิดแบบนั้น ระหว่างที่เซดริกมองดูเธอด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยและดูแข็งกระด้าง
“แต่นั่นเป็นแค่คุณสมบัติข้อเดียวของการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งฉันอยู่ฮัพเพิลพัฟไม่ใช่กริฟฟินดอร์” เซดริกกล่าวขึ้นอย่างฉุนเฉียว ระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่ดูตกใจกับคำพูดที่เปิดเผยของเขา เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอดูหงุดหงิดและดูอึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้ อาการของเธอทำให้เซดริกเผลอมองเธออยุ่นานจนเธอหน้าแดงและรู้สึกว่าเลือดในกายของเธอพลุ่งพล่านไปทั้งตัวเมื่อเห็นว่าเขามองเธอไม่วางตา
“ฉันควรจะกลับได้แล้ว” เธอกล่าวขึ้นอย่างสุภาพ เพราะเซดริกดูจะเครียดๆและไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เชดริกผงกศรีษะ แต่ใบหน้าที่เรียบเฉยและสายตาคมกริบของเขา กลับเฝ้ามองเธอเดินผ่านเขาไปพร้อมสัมภาระที่หนักอึ้ง
“เธอดูไม่ค่อยดีนะ นับจากวันนั้น” เซดริกพูดขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอหยุดเดิน ก่อนจะหันกลับมาที่เขาอย่างตกใจ เธอคิดว่าเขาคงจะไม่สังเกตถึงอาการอ่อนแรงของเธอ แต่ไม่ใช่ เขารู้ถึงอาการของเธอได้ดี
“ฉะ-ฉะ ฉันเพิ่งกินยาเข้าไปนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดตะกุกตะกักซึ่งนั่นก็ทำให้เขานึกถึงการ
สนทนาระหว่าง เธอและพวกเพื่อนๆเธอ เกี่ยวกับเรื่องยา
“เซดริก” เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจพูดขึ้นระหว่างที่เธอเม้มปากเหมือนกับว่าคำพูดต่อไปของเธอนั้นสมควรพูดออกไปดีหรือไม่
“ฉันถามอะไรเธอจะได้ไหม? “เฮอร์ไมโอนี่ถามโดยเธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมองสบตาดุๆของเขา
“ไม่ได้” เขาตอบห้วนๆแววตาอันดุร้ายปรากฏขึ้นในแววตาของเขาวูบนึง ระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่ เงยหน้าจ้องมองที่ตาเขาอย่างตกใจจากนั้น เธอก็กลบเกลื่อนด้วยการแสดงท่าทีที่เย็นชาใส่เขา
เซดริกพยายามระงับอารมณ์ที่ไม่คงที่ของเขา ก่อนที่แววตาของเขาจะเริ่มสงบนิ่งเหมือนเดิม เขาเดินตรงมาใกล้เธอจนได้กลิ่นหอมจากตัวเธอ นั่นทำให้เขาปั่นป่วน เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจแต่ดูเหมือนมันจะไร้ผล
ความสูงของเซดริกทำให้เธอต้องแหงนหน้ามองเขา เป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาก็ก้มดูเธอ มันทำให้ใบหน้าของพวกเขาเกือบใกล้ชิดกัน เฮอร์ไมโอนี่เหมือนโดนมนต์สะกด เธออยากจะก้าวถอยหลังเพื่อให้พ้นความใกล้ชิดและสายตาที่จับจ้องของเขา แต่เท้าของเธอเหมือนมีบางอย่างจับตรึงเอาไว้อยู่กับที่ ไม่สามารถที่จะก้าวออกไปได้แม้แต่น้อย ใจของเธอเริ่มเต้นเป็นจังหวะเร็วขึ้น ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวเหมือนดังจะเป็นไข้
ใบหน้าของเซดริกเริ่มเคลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ และดูเหมือนเขาจะไม่ยอมหยุด ถ้าไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางเขา
เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นด้วยความตกใจ จริงอยู่เธอสนิทสนมและกอดคอกับเพื่อนที่เป็นชายของเธอหลายคนเธอใกล้ชิดสนิทสนมกับแฮร์รี่และรอนขนาดที่กอดกันได้ แต่กับเขามันไม่ใช่ เขาไม่ใช่เพื่อนของเธอด้วยซ้ำ แล้วอะไรที่ทำให้เขาทำแบบนี้กับเธอ เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าหนีใบหน้าของเซดริกที่เข้ามาใกล้เธอ และหลับตา รอคอยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่เพียงแค่ชั่วครู่เดียว เธอกลับได้ยินเสียง หัวเราะ ! ใช่ เสียงหัวเราะจริงๆ
เฮอร์ไมโอนี่หันขวับมองตามต้นเสียงนั้น เซดริกถอยห่างจากเธอและยืนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ห่างจากเธอไม่มากนัก เขากำลังยืนกอดอกมองดูเธอและหัวเราะเธอเบาๆ
“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอหรือไง เกรนเจอร์” เซดริกดูท่าทางสบายใจขึ้นเมื่อเขาแกล้งเธอได้ มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ โกรธและอายในความรู้สึกเดียวกัน เธอกำหมัดแน่น และไม่พูดอะไร
“เมื่อกี้เธออยากถามอะไรฉันใช่ไหม ความเป็นจริงแล้ว ฉันต้องถามเธอมากกว่า
เพราะเท่าที่ฉันเห็นตอนนี้ เธอเป็นหนี้ฉัน ซึ่งความจริงแล้วก็สองครั้งเห็นจะได้ “ เซดริกกล่าว เฮอร์ไมโอนี่ดูไม่สบอารมณ์นัก ซึ่งเธอไม่ชอบใจเลยกับเรื่องแบบนี้
“เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอใช้หนี้ฉันหมดแล้ว ฉันจะถือว่าเราเท่าเทียมกัน เธอสามารถถามอะไรฉันก็ได้ และโปรดจำไว้ ฉันไม่ต้องการให้เธออยู่ในบัญชีลูกหนี้ของฉันนานนักหรอก”
เซดริกเสนอพร้อมกับยิ้มน้อยๆในใบหน้าแต่เฮอร์ไมโอนี่ดูท่าทางอึดอัดกับแววตาระยิบของเขา เธอสะบัดหน้าและหันหลังเดินกลับไปที่ตัวปราสาท อย่างไม่เต็มใจนัก
ผมกำลังสงสัยว่าเธอต้องการจะถามอะไรผม ซึ่งนั่นก็แปลว่าผมคงต้องรอ กว่าเธอจะใช้หนี้ผมเสร็จ อย่างไรก็ดี ในเมื่อผมเป็นแวมไพร์ ผมก็ยังพอมีเวลาอีกเยอะที่จะรู้
ว่าแต่คุณคงสงสัยสินะว่าเมื่อกี้ทำไมผมถึงแกล้งเธอ ให้ตายสิ (ผมจะอุทานคำนี้ไปทำไมในเมื่อผมก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว) ผมไม่ได้คิดที่จะแกล้งเธอด้วยซ้ำ เมื่อกี้ ผมเกือบห้ามใจตัวเองไม่ได้เกือบๆจูบเธอไปแล้วจริงๆ แต่ในที่สุดผมก็ทำให้ตัวผมหยุดตัวเองได้ลงในวินาทีสุดท้าย และนั้นมันทำให้ผมต้องใช้วิธีร้ายกาจกับเธอ ผมแกล้งหัวเราะเยาะเธอ มันคงทำให้เธอเกลียดผมน่าดู แต่ผมก็ต้องทำ
เพื่อตัวผม และตัวเธอเองด้วย
แต่....... แหมพูดก็พูดเถอะน่ะ กลิ่นตัวเธอหอมเป็นบ้าเลย จนผมแทบจะอดใจไว้ไม่อยู่ แต่ก็ช่างเถอะ ถึงตอนนี้ผมจะไม่ได้จูบเธอ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของเธอมันก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว
แต่ตอนนี้เราจบเรื่องนี้กันก่อนเถอะ ผมว่าเราเข้าไปในห้องโถงใหญ่กันดีกว่าป่านนี้
สก๊อตส์คงรอผมอยู่
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
บรรดาเสียงอันดังและผู้คนมากมายที่แออัดกันอยู่ในห้องโถงใหญ่นั้น ไม่เพียงแต่สร้างความเครียดให้แก่ผมเท่านั้นแต่ยังมีผลไปถึงสก็อตด้วย อันที่จริงพวกผมก็เหมือนจะชินกับสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว แต่เป็นเพราะวันนี้มีนักเรียนจากโรงเรียนอื่นมาร่วมแจมด้วย และนั่นมันทำให้พวกผมนั้นแทบอยากที่จะใช้เล็บกรีดที่กำแพงเพื่อระบายอารมณ์ตามสัญชาติญาณของแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าเสียจริงๆ
“ฉันหวังว่ามันคงจะจบไวๆ นะ
. เพราะพวก เดิร์มแสตรงค์ กลิ่นไม่ค่อยน่าโสภาสักเท่าไหร่” สก๊อตส์กล่าวด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“ฉันบอกแล้วไง คนที่ตายแล้วน่ะ ก็ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่าคนเป็นเท่าไหร่นักหรอก”ผมพูดขึ้นเมื่อสก๊อตส์นั่งลงและมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ด้วยความรู้สึกเซ็งๆ
“ดับเบิลดอร์ทำอะไรอยู่นะ
.. ทำไมการเลือกผู้เข้าแข่งขันมันนานอย่างนี้ “ สก็อตส์
บ่นระหว่างที่ผมมองไปรอบๆ ผมยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่เดินตามหลังแฮร์รี่และรอนมาเมื่อเธอรู้สึกว่ามีคนจ้องมองอยู่เธอมองหันมา และเธอแสดงอาการมึนตึง เมื่อเพื่อนเธอทั้งสองพูดอะไรบางอย่างเธอส่ายหน้าแล้วมองไปรอบๆ เมื่อเธอหันมาเจอผมหน้าเธอเชิดขึ้นและไหล่เธอตรง เธอตั้งใจที่จะทำหน้าบึ้งตึงใส่ผมที่ยังยิ้มระรื่นกวนๆมาทางเธออย่างไม่สนใจใคร แต่รอน เรียกเธอเสียก่อน ซึ่งเธอก็หันหลังให้ผมอย่างทันที
“นายยิ้มอะไรเหรอเซดริก” สก็อตส์ถามระหว่างที่มองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ ผมไม่ตอบเขา เพราะไม่อยากตอบ ผมเอนหลังลงไปตรงที่นั่งและถอนสายตารวมทั้งรอยยิ้มกวนๆนั้นไปจากเธอ กลับเปลี่ยนเป็นสีหน้าเฉยชาแทน ดวงตาของผมกวาดตามองไปยังทุกคน ซึ่งดูเหมือนผมจะรู้จักนักเรียนบางคนในนั้น แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษที่ผมควรจะสนใจ เท่า เด็กสาวบ้านกริฟฟินดอร์คนนั้น
มีเสียงฮือฮาจากทุกทิศเมื่อปรากฎร่างของดับเบิลดอร์และคณาจารย์ท่านอื่นๆที่ร่วมมาเป็นสักขีพยานในครั้งนี้พร้อมถ้วยอัคคีที่ปรากฎขึ้นแต่ผมกลับเฉยๆ
มีเสียงกองเชียร์จากอีกฟากหนึ่งดังขึ้น เมื่อดับเบิลดอร์ คว้าจับแผ่นกระดาษของผู้ที่ได้รับคัดเลือก ที่พุ่งตัวออกมาจากถ้วย และตะโกนเรียกชื่อของผู้ที่ได้ถูกคัดเลือก ผมมองตามเสียงเชียร์นั้นซึ่งผมเห็นเฟลอร์ เดอ รากู เดินก้าวมาข้างหน้าอย่างคล่องแคล่ว ดับเบิลดอร์ส่งยิ้มให้เธอก่อนจะชี้ไปยังที่นั่งทางด้านหลังโต๊ะอาจารย์
“ผู้ชนะคนต่อไปจากเดิร์มแสตรงค์คือ วิคเตอร์ ครัม “
เสียงคำรามดังขึ้นจากนักเรียนที่หน้าตาแกร่งเหมือนหินจากเดิร์มแสตรงค์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะสลิธิลีน ผมมองไปที่ครัมก่อนจะเห็นเขาเดินผ่านเฮอร์ไมโอนี่พร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่ฉาบบนใบหน้า ผมถอนหายใจหนักๆเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่างและพร้อมที่จะออกจากห้องโถง โดยไม่สนใจสิ่งที่สก๊อตส์ชี้ให้ผมดู
“ผู้ชนะของฮอกวอกส์ คือ “
ดับเบิลดอร์นิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ พร้อมใบหน้าที่แข็งราวกับหินของดับเบิ้ลดอร์กลับจ้องมองมาที่ผมอย่างประหลาดใจ ดับเบิลดอร์ใช้เวลาหลายวินาที ก่อนที่จะพูดต่อไป ซึ่งช่วงเวลานั่นก็ทำให้ผม ได้ยินความคิดของ ดับเบิ้ลดอร์ที่ส่งผ่านความคิดหนึ่งมาสู่ผม “ไม่น่าเป็นไปได้”
“เซดริก ดิกกอรี่” คัมเบิลดอร์ยกมือทั้งสองขึ้น โดยมีเสียงกองเชียร์ดังมาจากฝั่ง
ฮัพเพิลพัฟ, กริฟฟินดอร์, และเรเวคอล ระหว่างที่สลิธืลีนบ่นกันพึมพำ
“เซดริก” สก๊อตส์พูดขึ้นพร้อมทั้งกระโดดลุกจากที่นั่ง ซึ่งทำให้ผมสะดุ้งตกใจ
ผมมองไปรอบๆ ห้องโถงซึ่งนั้นไม่สามารถช่วยให้ผมรับรู้ถึงความคิดของนักเรียนทุกๆคน
ได้ ช่วงวินาทีหนึ่งที่ผมพบว่าเฮอร์ไมโอนี่จ้องมองมาที่ผม ซึ่งครั้งนี้ผมพบว่าความหวาดกลัวนั้นได้กัดกร่อนอยู่บนใบหน้างดงามของเธอ ซึ่งทำให้ผมไม่สบายใจเป็นที่สุดหลังจากนั้นผมถูกผลักเข้าไปหาดับเบิลดอร์ผู้ที่กำลังจ้องมองผมเขม็ง เมื่อพวกผมมาถึงโต๊ะอาจารย์ สก๊อตส์ก็รีบเดินหนีออกไป
“เซดริกไปรอตรงนู้นก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ดับเบิลดอร์กล่าวเสียงแข็ง และพูดเสียงต่ำให้ผมได้ยินในตอนท้าย ทั้งสีหน้าและคำพูดของดับเบิลดอร์ มันทำให้ผมชะงักมือที่กำลังจะจับกับเขา ผมส่งสายตาเย็นชาให้กับเขา แล้วเดินตรงไปที่ห้องของผู้เข้าแข่งขันเพื่อนั่งรอ
“บ้าชะมัด” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง เมื่อผมเดินไปที่ห้องของผู้แข่งขัน ซึ่งที่นั่นผมได้รับการจ้องมองแปลกๆ จากเฟลอร์และครัม และก่อนที่ผมจะทันได้อ่านความคิดของพวกเขาทั้งสอง เสียงขานชื่อของผู้ชนะคนต่อไปก็ทำให้ผมแปลกใจ
“แฮร์รี่ พอตเตอร์ “
เสียงของดับเบิลร์ดอร์คำรามอย่างดัง พอที่ทำให้ผมได้ยินซึ่งนั่นมันทำให้ผมเกร็งและมองผ่านไหล่ครัมไป บางอย่างนั้นผิดปรกติอย่างแรง ไม่ว่าจะเป็นการที่แวมไพร์อย่างผม หรือ เด็กที่อายุแค่ 14 ปีอย่าง พอตเตอร์ ได้เข้าร่วมในการแข่งขันในครั้งนี้
เกิดอะไรขึ้นกับถ้วยอัคคีกันแน่ !
ความคิดเห็น