ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจที่หลุดลอย (Take My Heart Away) ทอม ริดเดิ้ล/เฮอร์ไมโอน

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 เฮเลน เนสโธว์ จากเยอรมนี (Helen Nestowe of Germany)

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 53


    ตอนที่ 3 เฮเลน เนสโธว์ จากเยอรมนี (Helen Nestowe of Germany)

              มิสเตอร์ริดเดิ้ล ดัมเบิลดอร์พูด พร้อมกับดูนาฬิกาข้อมือของเขา

              คุณไม่ได้อยู่ที่ห้องเรียนเมื่อผมไปหาคุณเพื่อเรียนวิชาของผม ดังนั้นผมจึงคิดว่าคุณคงอยู่ที่นี่ ทอมพูดอย่างสำรวม เขาชำเลืองมองเฮอร์ไมโอนี่ และความรู้สึกที่อ่านไม่ออกปรากฏอยู่ในดวงตาสีเข้มของเขา เฮอร์ไมโอนี่สังเกตได้ทันทีว่าเขามีลักษณะท่าทางสงบเยือกเย็น และเชื่อมั่นเกือบจะเหมือนกับดัมเบิลดอร์

              เวลาผ่านไปเร็วจริง ฉันมาพบอาจารย์ใหญ่ดิพพิต และไม่นึกว่าเธอจะมาเรียนเร็วขนาดนี้ ยกโทษให้ฉันดัวย

              แน่นอนครับ ทอมพูดอย่างไม่กระด้าง แต่ก็ห่างไกลจากความสุภาพ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแปลกๆ ภายใต้คำพูดเหล่านั้น ความตึงเครียดผิดปกติแผ่กระจายออกมาจากคนทั้งคู่

              งั้นเราเลื่อนชั่วโมงเรียนไปเป็นบ่ายนี้ดีไหม?”

              ดีครับ ทอมพูดไม่แสดงความรู้สึกอะไรและเดินจากไป ดับเบิ้ลดอร์ที่มีสายตาอันแหลมคมสังเกตุเห็นได้ถึงทอมที่ชำเลืองมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างสนใจ แต่เพียงแค่ระยะเวลาที่รวดเร็วเท่านั้น

    ดัมเบิลดอร์หันกลับมาทางเธอ

              หนูอยากพบอาจารย์ใหญ่ดิพพิตค่ะ เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหนักแน่น ก่อนที่เขาจะอ่านใจเธอด้วยคำถามต่างๆ เธอคิดว่าดัมเบิลดอร์ฉลาดมากเกินกว่า ที่จะถูกหลอก เธอไม่รู้ว่าอาจารย์ใหญ่ดิพพิตเป็นคนอย่างไร แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเฉลียวฉลาดกว่าดัมเบิลดอร์เป็นแน่และทางที่ดีที่สุดเธอควรจะคุยกับคนนี้มากกว่าที่จะเป็นคนฉลาดอย่างดับเบิ้ลดอร์ที่อาจจะทำให้แผนการณ์ของเธอพังได้

              ทางนี้ ดัมเบิลดอร์พูดหลังจากครุ่นคิดสักครู่ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกประทับใจที่เขาดูเหมือนกำลังคิดทำบางอย่างที่จริงจัง เธอเดินตามเขาไปอย่างลังเลใจ ผ่านรูปปั้นการ์กอยล์และเข้าไปในห้องทำงานของดิพพิต

    -------------------------------------------------

              ขณะที่ทอมเดินจากดัมเบิลดอร์ และเลี้ยวไปทางหัวมุม เขารู้สึกอาการสั่นแปลกๆ เคลื่อนผ่านไขสันหลัง เขาคิดว่า เด็กผู้หญิงคนนี้ คือ เด็กผู้หญิงในความฝัน ฉันแน่ใจ เธอดูเหมือนกันทุกอย่างกับผู้หญิงคนนี้ ซึ่งมีข้อแตกต่างเพียงเล็กน้อย บางทีอาจเป็นผมที่เหยียดตรงกว่า? แต่ความสวยงามลึกลับอย่างเดียวกัน ที่ดูเหมือนทำให้ภายในของเขาหนาวสั่น

              ด้วยความโมโห เขาผลักไสเด็กผู้หญิงและความฝันของเขาออกไปจากจิตใจ เขาสงสัยชอบกลว่า ดัมเบิลดอร์ขอโทษที่เลื่อนวิชาเรียนการแปลงร่าง ถ้าคุณจะเรียกแบบนั้น ถึงแม้ว่าดัมเบิลดอร์ปฏิเสธที่จะยอมรับมัน  บทเรียนที่กลายเป็นการทดสอบส่วนตัวเกี่ยวกับสติปัญญาระหว่างคนทั้งสอง นับตั้งแต่ทอมเกือบจะมาถึงระดับความสามารถเดียวกับดัมเบิลดอร์ในเรื่องนี้

              ทอมมีความสัมพันธ์แปลกๆ กับดัมเบิลดอร์  อย่างน้อยก็พูดได้แบบนั้น ดัมเบิลดอร์เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นในฮอกวอตส์ที่ทอมให้ความเคารพนับถือบ้าง ถึงแม้ว่าทอมรังเกียจที่จะยอมรับมัน ดัมเบิลดอร์เป็นบุคคลประเภทที่ทำให้ทั้งห้องเรียนเงียบเพียงแค่การแสดงท่าทางของเขาเท่านั้น เป็นบุคคลประเภทที่สามารถทำให้คนแปลกหน้าเชื่อฟังเขาเพียงแค่ดีดนิ้วเท่านั้น ดัมเบิลดอร์เป็นแบบอย่างของบทบาทให้แก่ทอม เขาเป็นบุคคลประเภทที่ทอมต้องการจะเป็นเช่นกัน

              ในเวลาเดียวกัน ดัมเบิลดอร์แสดงทุกอย่างให้เห็นว่าทอมนั้นตรงกันข้ามกับเขาอย่างยิ่ง ดัมเบิลดอร์มีความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความดีและความชั่วร้าย เกี่ยวกับการปฏิเสธและการยอมรับ  ความดี และ ความชั่ว ไม่มีตัวตนสำหรับทอม มันเป็นเพียงสิ่งที่คลุมเครือไม่เจาะจง ที่มนุษย์ใส่เข้าไปในสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับการกระทำของตนเอง  ในความคิดของทอมอะไรก็ตามที่ให้ผลประโยชน์มากที่สุดแก่เขาก็คือ ความดี  สำหรับการยอมรับและการปฏิเสธ? ทำไมเขาต้องยอมรับพวกมักเกิ้ลและสายเลือดมักเกิ้ลอย่างเปิดเผย ซึ่งเป็นพวกที่ปฏิเสธเขามาตลอดชีวิต?ด้วยเล่า ในโลกของมักเกิ้ลเขาไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจาก หนูข้างถนน เด็กกำพร้าคนหนึ่ง เด็กผู้ชายที่ไม่เคยเข้าใจอะไรในชีวิตเลย เขาเกลียดพวกมักเกิ้ลเกินกว่าจะบรรยายได้

              ทอมหัวเราะอย่างขมขื่น มันไม่มีความสำคัญอะไรเลยในเวลานี้ เขาได้กำจัดความรู้สึกต่างๆ ที่คนทั่วไปรู้สึกออกไปจากตัวเองนานแล้ว ความเจ็บปวด ความสนุกสนาน ความโศกเศร้าที่ถูกเชื่อว่าทำให้อ่อนแอ มันคือช่องว่างขนาดมหึมาที่กลืนกินทุกๆ อย่างที่อยู่รอบตัวมัน เขาไม่ได้ใช้เวทมนตร์คาถาจัดการกับมัน เพราะว่าไม่มีเวทมนตร์คาถาใดๆ สามารถเอามันออกไปจากหัวใจเขาได้ ช่วงระยะเวลาของชีวิตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกมักเกิ้ล   หลายปีแรกของการเริ่มต้นที่ฮอกวอตส์ ความจริงที่ว่าเขาไม่เคยเป็นที่ยอมรับจริงๆ ไม่ว่าที่ไหน เขาได้ฝึกฝนตนเองให้เมินเฉยกับความรู้สึกทั้งหมด เก็บซ่อนความโกรธแค้นและความพึงพอใจในบางโอกาส ไม่มีอะไรที่ทำให้เขากระเทือนได้ เมื่อเขาได้รับการเยินยอ การเหยียดหยาม หรือการโจมตี เขาก็รู้สึกเหมือนสายลมพัดไม่น่าสนใจแค่นั้นเอง หัวใจของเขาเก็บไว้ในน้ำแข็งซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันอย่างเดียวที่มี

              แล้วทำไมเด็กผู้หญิงในความฝันจึงทำให้เขาเสียสมดุล เขารู้สึกถึงช่วงเวลาแห่งการดึงดูดใจในตัวเธอ แต่ว่าเวลานั้นได้ผ่านไปแล้ว และเขาจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในความเฉยเมยที่เขายึดมั่นมาตลอด

    -------------------------------------------------

              อาจารย์ใหญ่ดิพพิตเพ่งมองเหนือกองแผ่นหนังสัตว์ไปที่เด็กผู้หญิง ซึ่งกำลังนั่งอยู่อย่างมั่นคงตรงหน้าเขา

              มิสเนสโธว์...เธอบอกว่าเคยเรียนที่โรงเรียนเวทมนต์ศาสตร์ในเยอรมนีมาหกปี ใช่ไหม?”

              ถูกต้องค่ะ ที่ Frau Brunhilds Hoher Schule  der Zuberei !”(โรงเรียนสตรีสอนเวทมนตร์ Brunhilds)

              ฉันขอถามว่า ทำไมเธอไม่มีสำเนียงเยอรมันเลย มิสเนสโธว์?” ดัมเบิลดอร์ซึ่งนั่งอยู่ด้านซ้ายของดิพพิต เข้าร่วมวงด้วยอย่างรวดเร็ว

              เออ...ครอบครัวของหนูอาศัยอยู่ในอังกฤษ จนกระทั่งหนูอายุ 10 ปี หลังจากนั้นคุณพ่อก็พาพวกเราไปอยู่ที่เยอรมนีเพื่อทำงาน และตอนนี้เรากลับมาอยู่ในอังกฤษ ดังนั้นหนูจึงไม่เคยได้เรียนรู้สำเนียงอย่างจริงจังเลย เธอตอบราวกับว่าอยากเปิดเผยข้อมูลให้รับรู้ แม้ว่าดัมเบิลดอร์จะถูกหลอกด้วยท่าทางมั่นใจของเธอ แต่ภายในใจของเธอกำลังเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ เธอพบว่าเกลียดที่ต้องโกหกดัมเบิลดอร์มากกว่าอะไรทั้งหมดที่เธอเคยทำมา มันบีบข้างในตัวเธอให้เป็นปมแน่น แต่ไม่ดีแน่ที่จะบอกความจริง ว่าอาจารย์ใหญ่ดิพพิต หนูมาที่นี่เพื่อฆ่านักเรียนที่เก่งที่สุดของคุณ จะมีปัญหาไหมค่ะ?”

              ดิพพิตยิ้มและพูดว่า มิสเนสโธว์ ฉันยินดีบอกว่าจากผลสอบเวทมนตร์คาถาที่เราได้ทดสอบเธอ เธอมีความสามารถมากกว่าที่ทางโรงเรียนของเราจะละเลยได้ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเรามองข้ามเธอไปในทีแรก ฉันคิดว่าเธอเป็นหนึ่งในบรรดาแม่มดที่เก่งที่สุด นับตั้งแต่...

              อาร์มันโด ผมจำเป็นต้องสอบถามถึงการตัดสินใจอย่างรวดเร็วในเรื่องนี้ บางทีอาจมีเหตุผลที่เรามองข้ามเธอไป และขอโทษเธอด้วยนะ แต่ดูเหมือนมีข้อน่าสงสัยนิดหน่อยว่า...

              ไร้สาระน่า อัลบัส!” ดิพพิตพูดอย่างยโสพร้อมกับโบกมือ คุณไม่เห็นรึว่าสาวน้อยคนนี้กำลังพูดความจริง? หมวกคัดสรรบอกว่าเธอต้องไปอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ และมันเคยมีผิดไหม?” นอกจากนี้เรายังจะมีแม่มดชั้นปีที่เจ็ดที่เก่งมากๆอยู่กับเราด้วย และ เราจะมีนักเรียนที่ดีเยี่ยมที่สุดสองคนในโรงเรียนนี้ คิดถึงการให้เงินสนับสนุนซิว่าทางกระทรวงจะ... เขาจ้องไปที่ดัมเบิลดอร์และหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ ...และ...อือม์..ด้วยเหตุนี้..พวกเรา.ขอต้อนรับเธอเข้าเรียนในฮอกวอตส์   เฮเลน เนสโธว์!”

              หนูรู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ เฮอร์ไมโอนี่ซ่อนยิ้มบนใบหน้า และหันหลังเพื่อออกไป เธอได้รับการบอกกล่าวว่า เธอต้องไปอยู่กับเด็กผู้หญิงบ้านกริฟฟินดอร์ชั้นปีที่เจ็ด และมันตรงกับใจของเธอพอดีขณะเดินลงจากชานบันได

              มิสเนสโธว์? ฉันขอถามเป็นการส่วนตัวหน่อย?” เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปมองดัมเบิลดอร์ที่ยืนอยู่บนชานบันไดเหนือเธอ ท่าทางของเขาดูจริงจังขณะที่พูดว่า ฉันไม่อยากคัดค้านความต้องการของอาจารย์ใหญ่ดิพพิต เมื่อไรที่เธอบอกฉันว่ามาทำอะไรจริงๆ ที่นี่ ฉันพร้อมเสมอที่จะรับฟัง จนกว่าจะถึงเวลานั้น ฉันบอกได้เลยว่าฉันจะคอยจับตามองดูเธออย่างใกล้ชิด

              เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่พบว่ามันยากเย็นในสถานการณ์เช่นนี้...?”

                ขอให้โชคดี เขาจบด้วยรอยยิ้ม และหันหน้ากลับไปอย่างเงียบๆ

    -------------------------------------------------

              ดัมเบิลดอร์มองดูอย่างขบขันภายในห้องโถงใหญ่ จากที่นั่งของเขาถัดจากอาจารย์ใหญ่ดิพพิต

              เฮเลน เนสโธว์ หรืออะไรที่เธอใช้เรียกตนเอง กำลังลูบผมของเธอให้เรียบอย่างประหม่าอยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ ดูเหมือนว่าเธอจะผูกมิตรกับพวกกริฟฟินดอร์ชั้นปีที่เจ็ดได้มากมายในเวลาอันรวดเร็ว แม้ว่าเธอแค่คุยด้วยเมื่อถูกชวนคุยเท่านั้น และดูไม่เหมือนว่าตั้งใจรับประทานอาหารอยู่ในความเงียบ

              ทอมอยู่อีกด้านหนึ่งถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มสลิธีรินและพวกเรเวนคลอเล็กน้อย ทอมแตะต้องอาหารน้อยมากกำลังพูดเบาๆและรวดเร็ว ทุกคนกำลังตั้งใจฟังเขาอย่างจดจ่อมากกว่าที่พวกเขาฟังอาจารย์ในห้องเรียน

              ดัมเบิลดอร์พบว่า ทอมมีอิทธิพลมากเกินไปเหนือกลุ่มนักเรียนที่ติดตามเขา พวกนักเรียนทั้งหลายเห็นว่าเขามีเสน่ห์ เฉลียวฉลาดและสุขุม รู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้เขาเหมือนว่าเขาเป็นคนธรรมดาเท่าเทียมกันไม่ใช่บุคคลพิเศษเหนือกว่า เขาชอบท้าทายกับผู้มีอำนาจอย่างชัดเจน และชนะอาจารย์หลายคนบ่อยๆ ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เหล่านักเรียนเลื่อมใสในตัวเขาอย่างมาก ดัมเบิลดอร์สังเกตอย่างเย้ยหยัน

              เป็นไปได้ว่ามีดัมเบิลดอร์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เห็นอีกด้านหนึ่งของทอม ไม่ใช่แค่เฉลียวฉลาด สุขุม และมีเสน่ห์เท่านั้น แต่เขายังมีความทะเยอทะยาน ความเจ้าเล่ห์ และความเกลียดชังที่ซ่อนเร้นไว้ ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่เขามีอยู่บวกกับความจริงที่ดัมเบิลดอร์แน่ใจว่า เขาได้เปิดห้องแห่งความลับเมื่อสองปีก่อน ทำให้เขากลายเป็นพ่อมดที่ร้ายกาจที่สุดในโลกเท่าที่สามารถเป็นได้

              .ในทางตรงกันข้าม เฮเลน เนสโธว์ เป็นคนเฉลียวฉลาด ถึงแม้ดูน่าสงสัยแต่ก็ห่างไกลจากความน่ากลัว ดัมเบิลดอร์สงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเฮเลนกับทอมได้รู้จักกันและกัน

              ดัมเบิลดอร์หัวเราะเบาๆ กับตัวเอง และตัดสินใจแก้ไขตารางเวลาเรียนของเฮเลนให้ตรงกับของทอม กระนั้นเขาก็ให้ความมั่นใจกับตัวเองว่า กำลังทำสิ่งนี้เพื่อผลประโยชน์ทางการศึกษาของเธอมากกว่าความสนุกส่วนตัว

    ตัวอย่างตอนต่อไป

    ทอมหัวเราะ เสียงหัวเราะเยือกเย็นที่เธอรู้จักดีมาก และเตือนความทรงจำเธอทันทีว่าใครที่เธออยู่ด้วยตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าฉันเป็นใครใช่ไหม?” ทอมพูด พร้อมอาการขบขันเย็นชาปรากฏอยู่บนใบหน้า

    ฉันไม่ควรวางใจ เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างโกรธๆ ฉันรู้ว่านายเป็นใครมากกว่าที่นายรู้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×