คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chepter : 3 ผู้ชนะแห่งฮอร์กวอร์ด
Chapter three : Hogwarts Champions
Chepter : 3 ผู้ชนะแห่งฮอร์กวอร์ด
<<< อักษรตัวสีน้ำเงินไม่ใช่ความคิดของเซดริก>>>>
หลังจากที่ผมเฝ้าดูเฮอร์ไมโอนี่ถูกเพื่อนของเธอพยุงออกไปจากห้องสมุดแล้ว ผมรีบกลับมาที่โต๊ะและเก็บหนังสือเพื่อมุ่งหน้าไปที่ห้องนั่งเล่นรวมอย่างรวดเร็ว ผมกังวลใจในความคิดของเธอ ผมกังวลใจที่อ่านใจเธอไม่ออก และผมกังวลเรื่องความรู้สึกของตัวผมเองที่มีต่อเธอ ด้วยสัญชาติญาณของผมและการที่พ่อแม่ของผมเคยสั่งเอาไว้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นให้ไปหาดับเบิ้ลดอร์โดยเร็ว แต่เมื่อผมกลับมาถึงห้องนั่งเล่นรวม ผมก็ยังคงนอนอยู่บนเตียงเฉย และ ฟังเสียงกรนของเพื่อนร่วมห้อง ผมคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องไปรายงานดับเบิลดอร์เสียทุกเรื่อง ผมโตอายุร่วมร้อยๆปีแล้วและผมคิดว่าเรื่องนี้ผมควรจัดการเองดีกว่า อีกอย่างผมมั่นใจได้ว่า เด็กสาวกริฟฟินดอร์คนนี้คงไม่เล่าให้ใครฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแน่
--------------------------------------------------------------------
วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า นักเรียนของเดอร์มแสตงและโบซ์บาตง ได้มาถึงฮอกวอตส์ด้วยความอลังการและความตื่นเต้นของนักเรียนทุกคน เมื่อถ้วยอัคคีถูกมาวางตั้งไว้ที่ห้องโถงใหญ่ จิตใจของเซดริกนั้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อผมมุ่งไปที่ห้องโถงเพื่อรัปทานอาหารผมมองไปที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ด้วยความเป็นห่วงแต่ผมก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่เจอเฮอร์ไมโอนี่หรือแม้กระทั้งเพื่อนของเธอ
“เกิดอะไรขึ้น” สก๊อตถามโดยปากของเขายังเต็มไปด้วยเบคอนและไส้กรอก ผมมองตอบแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร
สก๊อตหันศีรษะไปทางอื่นด้วยความฉุนเฉียวโดยที่เขารู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่ผมอยู่ในอารมณ์อย่างงี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตื้อผม
“มีคนพูดกันว่าวิคเตอร์ ครัม จะใส่ชื่อตัวเองลงไปในถ้วยอัคคี’ในที่สุดคำพูดของสก๊อตส์ก็ทำให้ผมสนใจขึ้นมาจนได้
“ฉันเคยเจอพ่อของครัม ตอนที่พ่อของเขายังอยู่ปีสี่ ซึ่งไม่มีอะไรเหมือนครัมตอนนี้เลย”ผมพูด สก๊อตสำลักและไอด้วยเสียงอันดังทำให้หลายคนมองมาที่เขาเป็นจุดเดียว
“ตอนนี้คนอื่นอาจไม่ได้มาสนใจเรื่องของเรา แต่คำพูดของนายกำลังทำให้คนอื่นเขาสนใจนะ “ สก๊อตขู่เขาซึ่งทำให้ผมหัวเราะได้ นั่นทำให้ผมลืมสิ่งที่กังวลได้เล็กน้อย
แต่มันก่อนที่จมูกของผมจะสัมผัสถึงบางสิ่ง ผมหันหน้าไปก็พบกับรอนที่เดินเข้ามาด้วยความเร่งรีบเพราะความหิวของเขามีแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่เดินตามเข้ามาใกล้ๆ ผมไม่สามารถหยุดยิ้มได้เมื่อผมเดาว่าเฮอร์ไมโอนี่คงยอมพาข้อเท้าที่เจ็บของเธอเดินเข้ามามากกว่าจะขอความช่วยเหลือจากใคร และผมก็เกือบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่เมื่อได้ยินในสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นมากับเพื่อนรักของเธอ
“แฮร์รี่ ดูรอนสิ เขาคงจะตายเลยล่ะหากไม่ได้กินอาหารเช้า เออ... นายไม่ต้องอยู่ข้างๆฉันตลอดก็ได้นะ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวด้วยท่าทางเหนื่อยที่คอยมีเพื่อนๆคอยดูแลใกล้ชิด
“แต่เฮอร์ไมโอนี่เธอดูมีนงงนะตอนที่เราเจอเธอและเธอก็ยังไม่แข็งแรงอยู่เลย” แฮร์รี่กล่าวเมื่อพวกเขามาถึงโต๊ะโดยไม่ได้สนใจเลยว่ารอนมีอาหารอยู่จนล้นจานแล้วตอนนี้
“ที่ฉันดูมึนงงอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่มาดามพรอฟฟรีย์ให้ฉันกินกับอาการปวดที่เกิดขึ้นก็ได้...สำหรับฉัน ก็แค่หยุดกินยาพวกนั้นเท่านั้นเองแล้วฉันก็ใกล้หายเจ็บแล้วด้วย”เฮอร์ไมโอนี่กล่าว แฮร์รี่พยักหน้าแต่ก็รอให้เธอนั่งให้ดีก่อนที่เขาจะนั่งใกล้ๆเธอและเริ่มตักอาหารใส่จาน
ตาของเฮอร์ไมโอนี่มองขึ้นหลังจากรอนพูดบางอย่างด้วยอาหารเต็มปากและเธอก้รู้สึกได้ว่าเซดริกจ้องมองเธออยู่ หลังจากนั้นไม่นานเธอก้มหน้าลงด้วยความกลัวบางอย่างหรือบางคน
ใช่ เธอยอมรับว่าเธอกลัวเขา เซดริกมีบางอย่างที่ผิดมนุษย์มนา ไม่ใช่จากการที่เขาเป็นพ่อมดแต่ เซดริกมีมากกว่าการเป็นพ่อมด เขาไม่เหมือนพ่อมดลูกผสมอย่างแฮร์รี่ หรือพ่อมดสายเลือดบริสุทธิ์อย่างรอน เขามีมากกว่านั้น อย่างแน่ๆที่เธอเห็นความแตกต่างของเซดริกกับพ่อมดแม่มดทั่วๆไปคือความเร็วเกินกว่าใครที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่เคยใช้มันในการเล่นควิตดิช ทำไมล่ะ เพราะถ้าเขาใช้ความว่องไวของเขา ให้เป็นประโยชน์จากการแข่งขัน แน่นอน แฮร์รี่คงสู้ไม่ได้ และไม่ใช่แค่แฮร์รี่เท่านั้น ต่อให้แชมป์เปี้ยนเวิลคลับคนไหนก็สู้ไม่ได้ แต่เขากลับไม่แสดงสิ่งพิเศษนี้ออกมาเพราะสาเหตุเดียวคือเขาไม่ต้องการแสดงให้คนอื่นๆเห็น ทำไม และ ทำไม
ข้อต่อมาของความแตกต่างที่เธอสัมผัสได้คือผิวหนังที่เย็นยะเยือกของเขา เธอไม่เคยพบหรือเจอะเจออะไรแบบเขามาก่อนมนุษย์ทุกคนจัดอยู่ในประเภทสัตว์เลือดอุ่น เลือดเนื้อที่หล่อเลี้ยงคนย่อมทำให้ระบบของร่างกายอบอุ่นและปรับตัวไปตามสถานะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่สำหรับเซดริก มือของเขาที่เธอสัมผัสในวันนั้นมันเย็นยะเยือกผิดปกติที่มนุษย์ทั่วไปควรจะเป็น มันไม่ใช่ผิวสัมผัสของมนุษย์ ใช่ มันเหมือนว่าเขาไม่ใช่เป็นมนุษย์
เฮอร์ไมโอนี่ ถอนหายใจเล็กน้อย กับสิ่งที่เธอขบไม่แตก เธอกำลังคิดอยุ่ว่าเธอสมควรขอบคุณเขามากกว่ากลัวเขา เธอไม่ควรแสดงกิริยาแบบนี้กับคนที่ช่วยเธอจากหนังสือกองโตที่เกือบจะล้มทับเธอในวันนั้น
หลังจากนั้นเฮอร์ไมโอนี่มองกลับไปและยิ้มโดยกล่าวคำขอบคุณไปยังโต๊ะฮัฟเฟิลพัฟ ..... แล้วเธอจึงหันกลับมาที่รอน เมื่อเขาพูดบางอย่างกับเธอและชี้ส้อมไปที่ไข่กวนที่อยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ครั้งแรกที่ผมเห็นเธอมองมาที่ผมและก้มหน้าลงด้วยความกลัว มันทำให้ผมตัวแข็งด้วยความหวั่นใจ แต่เมื่อผมเห็นเธอมองกลับมาอีกครั้งและพูดพึมพำกล่าวคำขอบคุณมาที่ผมมันทำให้ผมขนลุกขึ้นมาด้วยความปิติยืนดี
ผมไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้มากไปกว่านั้น แต่ผมก็ยิ้มออกมาได้และรู้สึกดีขึ้นเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ หัวเราะด้วยดวงตาที่เป็นประกายแจ่มใสกับเพื่อนๆของเธอ
“ฉันไม่ชอบพวกมันเลย “ สก๊อตพูดด้วยเสียงหยาบคายนั่นทำให้ผมหยุดความคิดทุกอย่างและหันไปที่สก๊อตส์ที่กำลังพยักหน้าไปทางประตูที่ชุมนุมไปด้วยคนของเดอร์มแสตงและกลุ่มพวกสลิธลีนบางคน
“นายไม่ชอบพวกเขาแล้วมองพวกเขาทำไมล่ะ เจ้ามนุษย์หน้าขน”ผมแกล้งย้อนถามสก๊อตส์แล้วคว้ากระเป๋าขึ้นผาดบ่าโดยที่ผมไม่กล้าที่จะมองไปที่โต๊ะกริฟินดอร์อีก
“ห๋า นายเรียกฉันว่ามนุษย์หน้าขนเหรอ”สก๊อตกล่าว ระหว่างที่ผมโค้งหัวรับเล็กน้อยก่อนมุ่งหน้าไปที่ประตู
“มันก็ดีกว่าผีดิบกระหายเลือดที่ชอบจ้องมองไปที่ลำคอขาวๆของสาวๆกริฟฟินดอร์ปีสี่ก็แล้วกัน”สก๊อตพูดอย่างกระซิบด้วยรอยยิ้มเปิดเผยอย่างมีเลศนัยนั่นทำให้ผมชะงักไปชั่วครู่ก่อนเดินออกไปจากห้องโถงใหญ่นั้นอย่างรวดเร็ว
-------------------------------------------------------------------
ผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องมาอยู่ที่นี่ สก๊อตนั้นได้แต่พูดว่ามันคงไม่ดีนักถ้าคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดของฮัพเพิลพัฟ ..... อย่างผมจะไม่มาร่วมอยู่ด้วย
ผมเริ่มบ่นพึมพำไปตลอดทางว่าผมจะออกล่าเหยื่อในวันที่พระจันทร์เต็มดวงเพื่อจะได้ให้รู้กันไปเลยว่าผมเป็นแวมไพร์
“ไม่เอาน่าดิกกอรี่...ใจเย็นไว้ เออ นี่ ฉันได้ยินมาว่าคู่แฝดวิสลีย์ค้นพบวิธีการที่จะใส่ชื่อพวกเขาลงไปโดยไม่มีใครนึกฝันด้วยล่ะ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำสำเร็จไหม”สก๊อตเดินยิ้มระหว่างก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เขาหว่านเสน่ห์ไปทั่วกับสาวๆตามทางเดิน แต่ว่าผมไม่แม้แต่จะสนใจสาวๆพวกนั้น
สก๊อตสะกิดผมตอนที่โซ แซง โบกมือเรืยกพวกเรา ผมหันกลับไปมองและยิ้มให้เธอ ผมยอมรับกับพวกคุณตรงๆก็ได้ ว่าเธอสวยและเป็นซีกเกอร์ที่เก่ง เธอมีความฉลาดจึงได้ถูกเลือกไปอยู่เรเวคอน แต่อย่างไรก็ดี ความคิดเธอนั้นอ่านได้ง่ายโดยแทบที่จะไม่ต้องใช้พลังใดๆเลยก็ตาม
ก็อย่างที่ผมบอกพวกคุณไว้ในตอนแรกๆแล้วว่า ความต้องการของเธอที่จะให้ทุกอย่างนั้นสมบูรณ์แบบซึ่งดูได้จากแฟนๆของเธอ พวกเขาต้องตรงกับมาตรฐานของเธอ ซึ่งเธอเชื่อว่าผมเหมาะสมที่สุด ซึ่งนั่นผมไม่ชอบกับความคิดของเธอเท่าไหร่มันเหมือนๆผู้ชายที่คบกับเธอดูโง่ และผมก็ไม่ต้องการเป็นเหยื่อที่โง่ของเธอ
ผมโบกมือให้เธอเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นผมก็นั่งลงที่แสตนระหว่างที่สก๊อตยังคงบ่นพึมพำ
“โซ แซง ไม่ใช่ผู้หญิงเหมือนคนอื่นๆที่นายจะให้เธออิงไหล่ได้ง่ายๆนะ ซึ่งถ้านายถามถึงฉัน ฉันเองก็ไม่สามารถเป็นชายคนนั้นสำหรับเธอได้” ผมอธิบายให้สก๊อตฟัง เขาส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มเยาะไปทั่วใบหน้า
“งั้นเหรอ แล้วนายล่ะ พอใจที่จะแค่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วจ้องมองไปที่เด็กปี่สี่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์อย่างงั้นเหรอ ”สก๊อตถามผม ผมมองเขาสักพักอย่างไม่ค่อยพอใจ แล้วสวนพูดกลับไปตรงๆ
“เรื่องนั่นปัญหาของฉัน นายควรจะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงของนายมากกว่า”
จากนั้นผมก็ละสายตาจากสก๊อตเพื่อมองหาเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งนั่งอยู่กับรอนและแฮร์รี่ รอนนั้นใจจดใจจ่ออยู่กับบรรดาสาวๆโบซ์บาตงระหว่างที่แฮร์รี่พยายามจะไม่มองโซ แซง และผมก็ได้ยินเสียงสก๊อตส์ทำเสียงคำรามเล็กน้อยเมื่อเห็นแฮร์รี่ให้ความสนใจไปที่โซแซง
แต่ผมก็ไม่สนใจเจ้าเพื่อนหน้าขนของผมนัก นั่นเป็นปัญหาของเขาไม่ใช่ของผม
ผมมองไปที่สาวกริฟฟินดอร์ที่ผมสนใจ และสังเกตุเห็นว่าเธอดูเหมือนจะมีรอยปูดๆอันใหญ่บนข้อเท้าเธอที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อหลายวันก่อน มันดูเหมือนจะเจ็บปวดมากแต่เธอก็ดูจะไม่ใส่ใจในความเจ็บปวดนั้น
“ความจริงเด็กสาวคนนั้นก็น่ารักดีเหมือนกันนะ เพียงต่เธอเคร่งเครียดเกี่ยวกับเรื่องหนังสือมากไปสักหน่อย ก็เท่านั้น ”สก๊อตหัวเราะเยาะเย้ยระหว่างที่ผมละสายตาจากเฮอร์ไมโอนี่แล้วหันมาจ้องที่เขาแทน
“ฉันว่านะ เธออาจจะสนใจนายมากกว่านี้ถ้านายเข้าไปหาเธอ”สก๊อตเสนอโดยที่ไม่เกรงกลัวต่อสายตาของผมนัก
“ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะสนใจฉันหรือไม่”ผมโต้ตอบเขาแล้วหันกลับไปที่เฮอร์ไมโอนี่ระหว่างที่เธอหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะรอนทำอะไรโง่ๆต่อหน้าพวกสาวๆโบซ์บาตง
“แต่ฉันว่านะ เธอเองก็คงไม่ต้องการความสนใจจากนาย
“เธอสนใจฉัน...ฉันรู้ ...ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนที่ซ่อนความคิดจากฉันได้”ผมพูดกระแทกเพื่อนของผมระหว่างที่สก๊อตรู้สึกภูมิอกภูมิใจในชัยชนะครั้งนี้ของเขานัก
ระหว่างนั้นผมก็หยุดความคิดที่ว่าดัมเบิ้ลดอร์จะทำอะไรผม หากผมต่อยสก๊อต เพราะทั้งห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบเมื่อวิคเตอร์ ครัม และเพื่อนๆเขาก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่
ผมหันกลับมาจ้องมองดูครัม เพื่อที่จะหยุดความคิดที่อยากจะต่อยสก๊อตออกไปจากหัว
มันเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ครัมใส่ชื่อตัวเขาเองลงไปในถ้วย
ผมหันไปมองที่เฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง แล้วยิ้มให้เธอ ทันใดนั้นเพียงเสี้ยววินาทีเธอยิ้มตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่เคอะเขินมันทำให้ผมกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างประหลาด
ผมไม่ได้ละสายตาจากเธอแม้แต่น้อยถึงแม้เธอจะได้ละสายตาจากผมแล้วไปสนใจที่หนังสือเล่มใหญ่ของเธอแทน
แต่มีความคิดของใครบางคนที่ทำให้ผมต้องละสายตาจากร่างสวยงามนั้นมาที่เขา
ผมหันกลับมามองครัม และผมเองก็ไม่ชอบความคิดของครัมแม้แต่น้อยในขณะที่ครัมเดินผ่านผม
“ซื่อเสียง และ เกียรติยศ ฉันจะต้องได้มาในเกมแข่งขันนี้แน่”
และความคิดต่อไปของครัมก็ทำให้ผมแทบยั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ เมื่อเขาใช้สายตาจับจ้องไปที่เฮอร์ไมโอนี่
“ครั้งนี้ไม่แน่สาวๆฮอร์กวอร์ตอาจจะมีอะไรที่น่าสนใจ มากกว่าพวกตัวเล็กๆน่ารังเกียจที่เคยผ่านๆมาก็เป็นได้”
ผมจับที่นั่งของผมไว้แน่นด้วยความโกรธในความคิดปัญญาอ่อนของครัมผมมองตามครัมไปเมื่อครัมก้าวออกไปจากห้องโถงใหญ่นั้น
“ขอร้องหละดิกกอรี่ แค่ใส่ชื่อของนายลงไปในถ้วยนั้น คนจะได้ไม่ต้องมาสงสัยนายไง แล้วอีกอย่างนะนายจะได้ทำหน้าที่ของนายเป็นอย่างดีแล้วด้วย ”สก๊อตกัดฟันพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ เมื่อเห็นผมทำหน้าครุ่นคิดนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดดูไม่มีชีวิตชีวา
“แล้วการที่ฉันเป็นแวมไพร์อายุเท่าร้อยปีร่วมในไตรภาคีครั้งนี้ด้วยนายคิดว่ามันเป็นการยุติธรรมนักหรือไง” ผมกล่าวระหว่างที่สก๊อตจ้องมองผมเขม็ง
“ฉันไม่ได้พูดถึงการมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านี้ ฉันแค่พูดว่าใส่ชื่อนายลงไปในถ้วยนั้นแค่นั้นแหละ ดูสิเพื่อนทั้งสามของครัมเขาเขายังใส่ชื่อตัวเองลงไปในถ้วยแล้วด้วยเลย แต่ฉันคิดว่าอย่างไรเสีย พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าใครจะโดนเลือก อย่างไรก็ดีก็มีบางคนเท่านั้นจากฮอกวอรกส์ที่ใส่ชื่อพวกเขาลงไป และฉันก็คิดว่าอาจจะเป็นใครก็ได้สักคนที่จะโดนเลือกไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นนายนี่นา” สก๊อตกล่าวโดยที่ผมเองก็ไม่ได้สนใจที่จะถามว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยกับสก๊อตที่พยายามเจ้ากี้เจ้าการไปเสียทุกเรื่อง
“ดิกกอรี่ นายไม่คิดว่ามันออกจะดูพิลึกเหรอที่นักเรียนที่เก่งที่สุดสมบูรณ์แบบที่สุดอย่างนาย ไม่ได้ใส่ชื่อตัวเองลงในถ้วยนั้น” สก๊อตคำรามเสียงดังซึ่งทำให้ผมหันมามองเขา สก๊อตหยิบกระเป๋าของเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วสอดมือเขาเข้าไปเพื่อจะหยิบเศษกระดาษหนังออกมาแล้วใช้ขนนกเขียนชื่อผมลงบนกระดาษหนัง จากนั้นเขายัดขนนกใส่เก็บเข้าไปที่กระเป๋าแล้วพับเศษกระดาษหนังลง
“ทำไมนายไม่เขียนชื่อนายล่ะ”ผมย้อนถามกวนๆด้วยความขุ่นเคือง
“ฉันก็อยากนะเพราะฉันเองก็ไม่ชอบให้นายเด่นอยู่คนเดียวหรอก แต่เพราะว่าถ้าฉันถูกเลือกมันคงยากที่จะอธิบายว่าทำไมฉันไม่เข้าร่วมกิจกรรมในวันที่พระจันทร์เต็มดวง”สก๊อตกล่าวโดยที่ผมไม่ต้องอ่านความคิดเขาก็รู้ได้ว่าสก๊อตนั้นเกลียดในสิ่งที่เขาเป็นอยู่เพราะมันทำให้เขาดูผิดปกติไปจากคนปกติธรรมดาทั่วไป
“ยอมรับซะเถอะ...นักเรียนส่วนมากที่เป็นแฟนคลับของนายคงจะมีความสุขแน่ถ้านายใส่ชื่อลงไปในถ้วยนั้นและมันจะทำให้เราไม่ต้องมานั่งตอบคำถามเหล่านั้นด้วยว่าทำไมนายไม่ยอมลงคัดเลือกซึ่งฉันเองก็เบื่อที่จะตอบคำถามแทนนายแล้วด้วย”สก๊อตพยายามอธิบายและถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมรำคาญบ้างในบางครั้ง แต่มันก็มีบ้างบางช่วงเวลาที่สก๊อตส์แสดงความฉลาดออกมาให้แวมไพร์อย่างผมได้เห็น
สก๊อตสอดเศษกระดาษหนังเข้าไปในมือผมถึงตอนนี้สก๊อตส์สะดุ้ง และ สั่นเล็กน้อยเพราะความเย็นจากมือของผม แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้
ผมกระโดดขึ้นยืนพร้อมเสียงคำรามที่สก๊อตส์เท่านั้นที่จะได้ยิน ผมยืนขึ้นโดยไม่สนใจสายตาแสดงความสนใจของพวกบ้านฮัพเพิลพัฟ ..... ที่จ้องมองผมอยู่
“นอกจากพวกกริฟฟรินดอร์แล้ว นายนั่นแหละต้องเป็นคนที่ถูกเลือก แค่ลองดูเถอะน่า”การพูดพึมพำของสก๊อตทำให้ผมกำกระดาษหนังไว้แน่นและมุ่งหน้าตรงไปยังถ้วย
ผมก้าวและมองตรงไปยังถ้วยอัคคีโดยที่สงสัยว่ากฎเกณฑ์ของถ้วยจะมีผลต่อแวมไพร์ อย่างผมหรือไม่ ผมรู้ว่านักเรียนอายุต่ำกว่า17 ปีไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่ชื่อลงไป แต่............ถ้าเป็นนักเรียนอายุกว่าร้อยปีแบบผมล่ะ
หลังจากใส่กระดาษลงไปในถ้วยแล้ว ผมมองตรงไปที่แฮร์รี่และรอนที่มีสีหน้าตื่นเต้นไม่น้อย สำหรับแฮร์รี่เขาเคยร่วมเล่นควิชดิชโดยอยู่คนละทีมกับแฮร์รี่มาก่อนในวันที่แสงแดดไม่แรงมากนักซึ่งผมต้องยอมรับว่าแฮร์รี่นั้นมีฝีมือไม่น้อย
ผมมองตรงไปที่เฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่จะชำเลืองไปที่สก๊อตเมื่อพวกบ้านฮัพเพิลพัฟ ..... ส่งเสียงร้องเชียร์ผมอย่างดัง
ผมได้รับการตอบรับอย่างดีจากบรรดาเพื่อนๆร่วมบ้านและนั่นรวมถึงโซและเพื่อนๆของเธอซึ่งอยู่อีกบ้านหนึ่งด้วย
“แย่ละซิ” ผมสบถพูดได้เพียงเท่านั้น โดยที่ผมมองไปที่สก๊อตที่กำลังยืนยิ้มอยู่และผู้คนมากมายที่ตรงเข้ามาหาผมเพื่อพูดคุยและเชียร์ผม
ผมได้แต่ยิ้มโดยที่ไม่พูดอะไร แต่สายตาของผมกลับมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ที่มองผมอยู่แล้วอย่างฉงน มันไม่ยากนักสำหรับผมที่จะอ่านความคิดของคนพวกนี้ได้ แต่สำหรับเธอที่ต้องมองมาที่ผม พร้อมกับใบหน้าที่มีคำถามมากมาย ผมไม่จำเป็นต้องอ่านความคิดเธอ เพราะผมสามารถเดาได้เลยจากสีหน้าและแววตาของเธอว่าเธอนั้นคิดอะไรอยู่ซึ่งไม่น่าสงสัยเลยว่าเธอคงคิดว่าผมไม่ใช่นักเรียนธรรมดาทั่วไปแน่
นักเรียนธรรมดาทั่วไปคงลังเลที่จะใส่ชื่อของพวกเขาลงไปในถ้วยและรู้สึกเป็นการยากเมื่อได้รับการตอบรับจากถ้วยนั้น แต่สำหรับผมมันไม่ใช่
ผมรู้สึกไม่ดีนัก เมื่อ เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปสนใจในหนังสือของเธอพร้อมความคิดสับสนในหัว
ใครรู้ช่วยบอกผมที่เถอะว่า เธอคิดถึงเรื่องอะไร
---------------------------------------------------------------------
กว่าที่ผมจะผละออกมาจากแฟนคลับของผมได้ ก็เกือบแย่ ดูแทบจะทุกคนอยากบอกว่าตัวเองเชียร์ผมเต็มที่แค่ไหน ผมรู้สึกเบื่อหน่ายและรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอที่ผมไม่ควรจะมีผมเดินหลบมุมไปที่ต้นไม้ใหญ่แถวทะเลสาบและหวังว่าคงจะอยู่ที่นี่ได้เงียบๆสักพักใหญ่ๆ แต่ความหวังของผมก็ดับวูบลง เมื่อมีเด็กสาวผมดำขลับซีกเกอร์บ้านเรเวคอล โซ แซง เดินตรงมาที่ผมอย่างช้าๆ
“คงเบื่อละซิ เซดริกถึงหลบมาอยู่ที่นี่”
“มากเลยล่ะ” ผมพูดออกไปอย่างชัดเจน โซยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะเดินมานั่งที่พื้นหญ้าข้างๆผม
“ฉันก็เบื่อนะเลยออกมาสูดอากาศสักหน่อยไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่”
ผมหันหน้ามามองโซ แล้วยิ้มเล็กน้อย ผมบอกได้เลยว่า เสแสร้ง! ผมพอจะรู้ว่าโซคิดยังไง เธอไม่ได้ออกมาสูดอากาศแต่เธอตามผมออกมาต่างหาก
“ดูรู้สึกว่าเราสองคนจะใจตรงกันละมั้ง”โซยิ้มแย้มมาที่ผม แต่ผมกลับเงียบ ผมคิดว่าการเงียบคงจะดีกว่าสำหรับผม ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้นเพียงชั่วครู่ ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายๆคนเดินมาตรงจุดที่ผมและโซนั่งอยู่
“ขอโทษนะพวกเราเข้ามาขัดจังหวะพวกนายหรือเปล่า” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นแต่ผมไม่สนใจผมไม่หันมามองเสียด้วยซ้ำ ในขณะที่โซ แซง มองผมชั่วครู่เธอจึงหันมายิ้มและตอบแทนผมในทันที
“ไม่หรอก ว่าแต่พวกเธอมีอะไรกับพวกฉันงั้นเหรอ แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่”
ผมสะดุ้งและหันหลังขวับไปทันที เมื่อได้ยินชื่อสุดท้าย เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนๆของเธอ แต่ผมก็ยังเห็นสายตาที่เธอมองมาทางผม สายตาเฉยชา มันทำให้ผมเจ็บปวด
เดี๊ยวก่อนนะ เจ็บปวดเหรอ ทำไมผมต้องเจ็บปวดด้วยล่ะ ผมกับเธอเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ผมคิดและเริ่มคิดว่าตัวผมเริ่มจะคิดอะไรแปลกๆเกี่ยวกับเธอเข้าไปทุกทีแล้ว
ผมลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปที่บุคคลทั้งสามพร้อมกับโซที่เดินมาขนาบข้างผมจนตัวของเธอแทบจะแนบไปกับแขนของผมอยู่แล้ว
“เออ คือ ฉันแค่จะบอกว่าพวกเราคิดว่านายจะต้องได้รับเลือกอย่างแน่นอน”แฮร์รี่เป็นคนเริ่มพูดออกมาก่อน ก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆส่งมาให้ แววตาของแฮร์รี่ดูเศร้า ผมรู้ดีว่าเพราะอะไร เพราะแฮร์รี่เองก็แอบชอบโซ แซงอยู่แล้วเหมือนกัน
“ใช่ นายนะเพอเฟ็คเลยล่ะ”รอนพูดสนับสนุนซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มให้พวกเขาทั้งสองคน ผมมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่และรอ เพื่อให้เธอพูดอะไรออกมาบ้าง ผมเห็นเธอขยับตัวเล็กน้อยและสะกิดแฮร์รี่ที่อยู่ใกล้ตัวเธอที่สุด
“กลับเถอะแฮร์รี่ เรายังมีการบ้านต้องทำอีกเพียบเลยนะ” เธอพูดเบาๆแล้วเดินนำหน้าออกไปก่อนโดยที่ไม่สนใจว่าเพื่นของเธอจะตามเธอไปด้วยหรือไม่ แฮร์รี่หันมามองโซแว๊บหนึ่งก่อนลากรอนเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ออกไป
ผมรุ้สึกได้ถึงความเศร้าและโมโหรวมอยู่ในความรุ้สึกเดียวกัน เธอทำเหมือนไม่มีผมอยู่ที่นั่นมันทำให้ผมรุ้สึกอึดอัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมกำหมัดแน่น และสะบัดเสื้อคลุมพร้อมกับหันหลังกลับออกเดินไปยังหอนอนฮัพเพิลพัฟในทันทีโดยมีโซ แซงวิ่งตามผมเข้าไปยังด้านใน
To be con
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวอย่างตอนต่อไป
Chepter 4: Names called
Chepter : 4 ผู้ถูกเลือก
“ส่วนเธอ
. ฉันหมายความว่าทุกคนก็รู้จักเธอดีเช่นกันในการที่เธอเอาชื่อตัวเองไปใส่ไว้ในถ้วยนั่น “ เฮอร์ไมโอนี่พูดกระแทก
“มันเป็นการพนันโง่ๆ น่ะ ฉันว่าฉันคงถูกเลือก” เซดริกพูดขึ้นอย่างมั่นใจ นั่นทำให้หน้าผากของเฮอร์ไมโอนี่ขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ ในความอวดดีของเขา
ความคิดเห็น