ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : บุคคลที่ไม่ได้คาดฝัน
บทที่ 2 บุคคลที่ไม่ได้คาดฝัน
ความคิดแรกเมื่อเธอรู้สึกตัวเธอรู้สึกเจ็บปวดมันรู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทงจากหนามแหลมที่ทิ่มแทงไปทุกส่วนของร่างกาย ความรู้สึกแบบนี้มันทำให้เธอไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลยจนชั่วชีวิต แต่เธอไม่สามารถจะอยู่อย่างไม่มีสติได้ เธอต้องสู้กับมัน กับความเจ็บปวดนั้น สติของเฮอร์ไมโอนี่ล่องลอยไปหาพวกเขาเพื่อนๆของเธอ มันเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องปกป้องพวกเขา เธอเป็นผู้นำของพวกเขา เธอเป็นคนตัดสินใจเองว่าพวกเขาจะต้องปลอดภัยอยู่ในพุ่มไม้ เธอบอกพวกเขาว่ามันปลอดภัยที่จะก่อไฟ พวกเขาเชื่อเธอ และสิ่งที่เกิดขึ้น มันเกินกว่าที่เธอจะแก้ไขสถานะการณ์ได้ทัน เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรวบรวมสติที่กำลังแตกกระจายของเธอให้เข้าที่
เฮอร์ไมโอนี่พยายามลืมตาขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะเห็นห้องได้อย่างลางๆ เธอยังคงรู้สึกว่าหัวของเธอเหมือนกับจะแตกออกเป็นสองเสี่ยง เธอพยายามให้ตาเธอเห็นชัดขึ้น และรอให้ท้องของเธอหยุดบีบรัด ทันทีที่เธอเห็นได้ชัดขึ้นเธอมองเห็นห้องที่มีแต่ความมืดปกคลุมและกำแพงทั้งสี่ด้านพร้อมกับประตูไม้ที่หนาและหนัก ไม่มีหน้าต่าง และมีอากาศเพียงน้อยนิด เธอพยายามดึงตัวเองขึ้นเพื่อให้ยืนได้ เธอบิดแขนและขาพร้อมกับบิดเอว ฤทธิ์ของเวทมนตร์ยังคงหลงเหลืออยู่เล็กน้อย เธอเดินรอบๆห้อง พร้อมกับใช้มือคลำไปทั่วกำแพงเพื่อหวังจะให้มีบางสิ่งปรากฏขึ้น อะไรก็ได้ คำถามมากมายแล่นเข้าสู่หัวเธอเหมือนพวกลิ้น ไรที่ชอบมาตอนหน้าร้อน เธออยู่ที่ไหนกัน? เธออยู่นี่มานานแค่ไหนแล้ว? เธออยู่คนเดียวหรือเปล่า? แล้วคนอื่นๆหายไปไหนกันหมด?
เธอนึกถึงลูน่าพร้อมกับความเข้มแข็งและความพร้อมด้านจิตใจของเธอ เธอนึกถึงเนวิลล์และความกล้าหาญอีกทั้งความจงรักภักดีของเขา จินนี่และความกล้าหาญของเธอและท้องของเธอที่ใหญ่ซึ่งกำลังโอบอุ้มลูกของแฮร์รี่เอาไว้ เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรู้สึกที่ไม่สามารถจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เธอทำให้พวกเขาทั้งหมดผิดหวัง
ระหว่างที่เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงที่ที่เธอเริ่มต้น ขาของเธออ่อนแรงลงและเธอลงไปนั่งอยู่ที่พื้น เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ต่อสู้กับความตื่นตระหนก เธอนั่งอยู่ตรงนั้นรู้สึกเหมือนเป็นวันแต่จริงๆมันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เธอรู้สึกได้ว่าเธอนั่งเหมือนคนหมดสิ้นแห่งวิญญาน หัวของเธอแหงนเงยไปยังด้านหลัง อย่างหมดอาลัยในชีวิต
มันเป็นเวลาที่ประตูได้เปิดออก แสงสว่างจากภายนอกได้ส่องเข้ามาข้างใน ทำให้เธอตาพร่ามัวอยู่พักใหญ่ รองเท้าคู่ใหญ่เดินตรงเข้ามายังเธอพร้อมกับมือที่ดึงผมเธอกระชากขึ้นมาและลากเธอไปยังอีกฟากของห้อง
เฮอร์ไมโอนี่เริ่มดิ้นรนต่อสู้เพื่อที่จะลุกขึ้น เธอพยายามสลัดมือใหญ่โตแข็งกระด้างออกจากผมของเธอ แต่มันก็ไม่ได้ผล เพราะเขาลากเธอออกมาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เธอเริ่มมองเห็นบรรยากาศรอบตัวชัดอีกครั้งเนื่องจากมีแสงสว่างที่รอดออกมาจากทางเดินเบื้องหน้า และที่เธอเห็นก็คือห้องหลายๆห้องที่มีลักษณะเหมือนห้องของเธอซอยเป็นห้องเล็กๆที่มึดมิดและไม่มีหน้าต่าง ทางเดินที่เธอถูกนำตัวออกมาก็ล้วนแต่อับชื้นทำให้เธอรู้ว่าเธอนั้นอยู่ชั้นใต้ดิน
พวกเขาหยุดอยู่ที่ประตูบานหนึ่งเพียงชั่วครู่ และมันเป็นโอกาสที่เฮอร์ไมโอนี่ออกแรงเหวี่ยงหมัดของเธอทุบเข้าไปที่ข้างหลังของคนที่จับเธอระหว่างที่เขาเปิดประตูอีกบาน เธอถูกหวี่ยงเข้าไปข้างในอย่างแรง ร่างของเธอกลิ้งหลุนๆไปอย฿กลางห้องเพราะแรงเหวี่ยง ข้อศอกและหัวเข่าของเธอชนเข้ากับพื้นก่อนที่หัวไหล่เธอจะชนเข้ากับชั้นที่ยื่นออกมาจากกำแพง เธอรู้สึกวิงเวียนและเจ็บปวดไปทั้งกาย เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเฉยเพียงชั่วครู่เพื่อผ่อนแรงของความเจ็บปวด
“เลือดมนุษย์อีกหนึ่ง” เสียงทุ้มต่ำจากข้างหลังเธอคำรามออกมา “ไม่ได้แตะต้องอย่างที่นายร้องขอ”
เฮอร์ไมโอนี่ยกตัวเองขึ้นพร้อมกับแขนที่สั่นเทา เธอหันไปมองข้างหลังจึงได้เห็นเข้ากับร่างสูงใหญ่พร้อมใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยความมืดในมุมหนึ่งของห้อง เธอพยายามเขม้นตามองพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงซึ่งมันเกือบทำให้ดวงตาของเธอทะลักออกมาจากเบ้า เธออยู่ในห้องที่ใหญ่มากกับกับเก้าอี้ที่สูงใหญ่ ชั้นไม้ที่เธอชนเมื่อสักครู่นี้ดูเหมือนจะเป็นบันได เธอยันมือกับพื้นห้องและยกตัวเองขึ้น
เสียงฝีเท้าหนักๆก้าวมายังเธอ และมือของใครคนหนึ่งจับอยู่ที่ผมของเธอกระชากเธอขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของเธอถูกผลักไปนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ แก้มของเธอชนเข้ากับที่วางแขนเก้าอี้อย่างจัง เธอลิ้มรสได้ถึงเลือดที่กระพุ้งแก้ม มันรสชาดเหมือนกับความสิ้นหวัง เหมือนกับการหมดหวัง และเหมือนกับความล้มเหลว
“อืม แมคเน่อร์” เสียงพูดอย่างช้าๆดังมาจากในเงามืดพูดกับคนตัวใหญ่ที่เหวี่ยงตัวเธอ “พอได้แล้ว”
แม้ว่ามันจะเจ็บเหมือนตกนรกแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังพยายามที่จะเอี้ยวตัวมามองคนพูดให้ได้ เฮอร์ไมโอนี่เบิกตาอย่างคาดไม่ถึงเมื่อเห็นคนๆนั้นได้อย่างถนัดตาเมื่อเขาก้าวเท้าออกมาจากเงามืดนั้น
เดรโก มัลฟอยเดินออกมาจากเงามืด เขาสูงขึ้นกว่าตอนที่เธอเห็นเขาล่าสุด ผมของเขายาวขึ้นจนปกคลุมคอเสื้อ แต่ยังคงเป็นมันเรียบ ดวงตาสีเทาของเขาที่มองเขม็งมายังเธอแสดงให้เห็นถึงความชั่วร้าย และความน่ารังเกียจ ความโกรธของเธอได้พุ่งขึ้นเมื่อเขาเดินตรงมายังเธอพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงความขบขัน และแสดงซึ่งอำนาจของเขา เดรโกหันหัวไปข้างๆเพราะเห็นสีหน้าที่งงงวยของเธอ แมคเน่อร์เขยิบไปข้างๆเพื่อที่จะไปยืนข้างๆเดรโก เขายืนตัวตรงเท้าชิดกันและยื่นมือของเขามาข้างหน้าอย่างตั้งใจ
เดรโกละสายตาจากเธอและมองแมคเน่อร์อย่างฉุนเฉียว เขาสอดมือเข้าไปในเสื้อคลุมและหยิบถุงเงินออกมา เขาวางมันลงที่มือของแมคเน่อร์ ซึ่งเขาประเมินค่าของมันโดยการใช้มือชั่งน้ำหนักซ้ายขวาพลางขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ
“มากเกินไปสำหรับเลือดมนุษย์หนึ่งคน” แมคเน่อร์ถากถาง พร้อมกับดึงเหรียญออกมาและส่องมันกับแสงไฟ อย่างลุ่มหลง
“ไม่เอาน่าแมคเน่อร์” มัลฟอยตำหนิ พร้อมกับเอื้อมมือลงไปจับที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่และลูบเบาๆอย่างจงใจ “นี่คือเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ หัวสมองของสามสหายเชียวนะ”
เฮอร์ไมโอนี่ผลักมือของเดรโกและรีบร้อนลุกขึ้นยืน ซึ่งวิธีนี้ทำให้เขาผงะถอยหลังออกไปเล็กน้อย แต่ทว่าทันใดนั้น เธอไม่มีแรงที่จะพยุงตัวเธอได้อีก เธอล้มลงที่พื้นอย่างง่ายดาย เหมือนตุ๊กตาเก่าๆที่ใช้การไม่ได้ หน้าของเธอกระแทกเข้ากับพื้นหิน จนเธอรู้สึกเหมือนกับว่าจมูกของเธอกำลังจะหัก
“เธอยังคงสู้ได้อยู่” แมคเน่อร์สำรวจเธอ พร้อมกับเก็บไม้คฑากลับไปในกระเป๋าระหว่างที่มัลฟอยนั่งลงเพื่อที่จะปัดปอยผมที่ปืดหน้าของเธอออกจากใบหน้านั้น ด้วยมือที่สวมใส่ถุงมือของเขา “ฉันรู้วิธีทำให้เธอสงบ” แมคเน่อร์แสยะยิ้มและเดินตรงมาที่เฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับแววตาที่หื่นกระหาย
“ฉันก็รู้เหมือนกัน” มัลฟอยยิ้มอย่างเย็นชา “และฉันก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือของนาย ถอยออกไปแมคเน่อร์”
ชายร่างใหญ่ชะงักอยู่กับที่พลางมองเดรโกอย่างไม่พอใจ แต่เขาก็หลีกทางให้เดรโก เมื่อเขายืนขึ้นและปรบมือสองครั้ง เอลฟ์ร่างเล็กสองตัวปรากฏตัวขึ้นและโค้งคำนับเดรโกจนหัวเกือบแตะพื้น เพื่อรอฟังคำสั่งจากเขา
“ชอว์นีย์, ซิลล่า พาคุณเกรนเจอร์กลับบ้าน”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น