คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 13 สารพันปัญหาและคำปริศนา (Puzzles and Riddles)
ตอนที่ 13 สารพันปัญหาและคำปริศนา (Puzzles and Riddles)
ความหนาวเหน็บเสียดแทงทอมขณะเดินจากเฮอร์ไมโอนี่ เขารู้สึกอบอุ่นเหลือเกินเมื่อจุมพิตเธอ ผ่อนคลายเหลือเกิน แต่ความรู้สึกนั้นเลือนหายไปเหมือนเกล็ดหิมะในวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อบ้านสลิธีรินได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทอมรู้จักพวกนั้นดีพอว่าพวกเขาจะไร้ความปราณีไม่ใช่กับเขาแต่เป็นเธอ เขารู้ด้วยเช่นกันว่าพวกนั้นจะเชื่ออะไรก็ตามที่เขาได้บอกไป
แค่ปฏิเสธเรื่องทั้งหมด ทอมคิดอย่างร้ายกาจ ปฏิเสธและแสร้งทำว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น และไม่พูดคุยกับเฮเลนอีกเลย เขาไม่อยากเสี่ยงถูกพบเห็นอยู่กับเธอเป็นครั้งที่สอง
ถึงแม้ว่าที่ไหนสักแห่งลึกๆ เข้าไปข้างใน เขารู้ว่าเธอเป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาก้าวต่อไป เธอคือคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยเขาจากการจมลงสู่หลุมดำที่ชั่วร้ายภายในตัวเขาเอง
ทอมได้สัญญากับตัวเองว่า เขาจะไม่ไว้วางใจใครทั้งสิ้น และยิ่งกว่านั้นคือตกหลุมรักหญิงสาวที่เขาแทบจะไม่รู้จัก เมื่อเขาอยู่ใกล้เฮเลน เขารู้สึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้ปรากฏมาหลายปีแล้ว ความเศร้าโศก ความสนุกสนาน ความรักใคร่ชอบพอ และความเจ็บปวด ราวกับว่าเขาตามืดบอดมาตลอดทั้งชีวิต จนเมื่อเธอข้ามผ่านมาในเส้นทางของเขา เขาจึงได้ลืมตาขึ้นมา ทอมอดไม่ได้ที่จะไว้วางใจเธอ และเขาอดไม่ได้ที่จะรักเธอเช่นกันด้วยความสัตย์จริง
-------------------------------------------------
เช้าวันรุ่งขึ้น ดัมเบิลดอร์ไปพบมิเนอร์ว่าในห้องทำงานของเธอ กำลังก้มดูอะไรคล้ายการเสนองานในหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต เขาเข้าไปอย่างเงียบๆ และเธอเพียงแค่เหลือบตาขึ้นดูเมื่อเสียงประตูปิดตามหลังเขา
พวกเขาต่างจ้องมองซึ่งกันและกันชั่วครู่ มองด้วยสายตารู้เท่าทันกัน มิเนอร์ว่ากำมือทั้งสองวางบนโต๊ะและเพียงแค่ยิ้มนิดๆ
“ท่านรัฐมนตรี...เขาไม่ชอบหมวกนกยูงของฉัน”
“เออ...ผมไม่คิดว่า...”
“เขาพูดด้วยตัวเอง อัลบัส” เธอพูดอย่างช้าๆ ด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายและสนุกสนาน
ดัมเบิลดอร์เฝ้าดูเธอยืนขึ้นและเดินเตร่หลังโต๊ะทำงานของเธอโดยไม่พูดอะไรเลย
“เอาล่ะ ทำไมผู้ชายแบบคุณ” เธอเริ่มต้นอย่างนุ่มนวล “ต้องการเก็บผู้หญิงแบบฉันไว้จากการได้รับงานที่อื่น?”
ดัมเบิลดอร์ชะงัก เงียบไปชั่วขณะ “ผมคิดว่าเราทั้งคู่รู้คำตอบนั้นอยู่แล้ว มิเนอร์ว่า”
“ฉันคิดว่าเราทั้งคู่รู้เหมือนกัน อัลบัส แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณได้รับการยกเว้นไม่ให้พูดมันออกมาแบบลูกผู้ชายแท้ๆ”
“ถ้าคุณต้องการแบบนั้น...ก็จะได้ตามนั้น ผมชื่นชอบคุณ มิเนอร์ว่า และผมต้องการให้คุณอยู่”
เธอเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือออกไปและสัมผัสใบหน้าเธอ
“คุณรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับฉันที่จะอยู่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเจ้ากี้เจ้าการ
“อยู่ที่นี่มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล ผมกำลังขอร้องคุณให้อยู่ที่นี่” แล้วเธอก็ทำตามนั้น
-------------------------------------------------
เลิกชั้นเรียนแล้ว เฮอร์ไมโอนี่แทบกระโดดออกจากที่นั่งและพุ่งออกประตูไปทันที เธอต้องไปห้องสมุดอย่างรวดเร็วเท่าที่เป็นไปได้เพื่อค้นหาเรื่องการเดินทางของเวลา และเธอมีเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวในช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน เมื่อคืนก่อนเกิดอะไรขึ้นถึงได้ทำให้เธอกังวลใจอย่างมาก
มันคล้ายเป็นเสียงเรียกเตือนสติเธอ และเธอตระหนักดีว่าเธอกำลังยุ่งเกี่ยวกับเวลาเป็นอย่างมาก ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่างในเร็วๆ นี้ เธอสงสัยว่าเวลาอาจจะทำอะไรบางอย่างกับเธอ
เธอวางกระเป๋าหนังสือไว้ที่มุมโต๊ะ และเริ่มต้นมองผ่านๆ ไปตามชั้นหนังสือทันที ถึงตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่พบชิ้นงานและแผ่นเอกสารทฤษฎีเกี่ยวกับเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่นั้นยังไม่ได้รับการพิสูจน์หรือการทดสอบ อย่างไรก็ตามทฤษฎีหนึ่งที่มีเนื้อหามากกว่าอันอื่นที่เธอได้อ่านมา มันถูกเรียกว่าทฤษฎีรูมิเนียส และได้รับการพัฒนาโดยนิโคลัส ฟลาเมล มันพูดถึงความเชื่อเรื่องการแช่แข็งเวลา เฮอร์ไมโอนี่กลับไปที่โต๊ะพร้อมกับกองหนังสือจำนวนมากที่ได้ดูอย่างคร่าวๆ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เธอทำหน้านิ่วเมื่อเห็นม้วนแผ่นหนังสัตว์ชิ้นเล็กๆ วางอยู่บนโต๊ะของเธออย่างเด่นชัด ถูกผูกไว้ด้วยริบบิ้นสีเงินอย่างเรียบร้อย เธอเปิดมันออก
คืนนี้เวลาสองทุ่มไปพบฉันที่ข้างบนหอคอยดูดาว
มันเป็นลายมือที่เขียนติดกันอย่างระวัง และไม่ได้ลงชื่อ หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เริ่มเต้นกระหน่ำ เธอรู้ว่าใครเขียนมันแต่ไม่อยากเชื่อว่าเขายังคงต้องการพูดกับเธอ และขอพบเธอแบบลับๆ ยิ่งไม่มีทาง
“มิสเนสโธว์?”
เฮอร์ไมโอนี่ยัดจดหมายเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว และเงยขึ้นมองดูอัลบัส ดัมเบิลดอร์ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ผมสีน้ำตาลแดงเป็นประกายในแสงไฟสลัว
“ท่านศาสตราจารย์” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเคอะเขิน “ท่าน...ต้องการอะไรค่ะ?”
“แค่ขอคุยกับเธอนิดหน่อย” ดัมเบิลดอร์บอก มีรอยยิ้มอยู่ในดวงตา “ฉันขอนั่งได้ไหม?”
เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าพร้อมกับกลืนน้ำลาย ทฤษฎีการเดินทางของเวลาและอื่นๆ กำลังคว่ำอยู่มุมโต๊ะ หนังสือวิธีควบคุมความเป็นไปไม่ได้ของเวลา กำลังวางอยู่ตรงหน้าเขาอย่างสะดุดตา เธอผลัก นิตยสารแม่มดประจำสัปดาห์:นิโคลัส ฟลาเมลกับทฤษฎีรูมิเนียส ไปใต้โต๊ะอย่างรวดเร็ว
ดัมเบิลดอร์นั่งลงอย่างสง่างาม ไม่แม้แต่ชำเลืองมองชื่อหนังสือ
“นั่นเป็นสร้อยคอสีทองที่สวยมากเส้นหนึ่ง” ดัมเบิลดอร์พูดเรียบๆ เฮอร์ไมโอนี่เริ่มตื่นตระหนก เขารู้ ดัมเบิลดอร์จะไม่วิจารณ์แบบนี้โดยไม่มีเหตุผล
“ขอบคุณค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างร่าเริงเท่าที่เป็นไปได้
“ฉันคิดว่าเธอไม่เคยถอดมันตั้งแต่เธอมาที่นี่”
“ขอโทษค่ะ แต่หนูไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องของคุณสักนิด” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ดวงตาเธอเบิกกว้างหลังจากที่ได้พูดมันออกไป เธอไม่เคยคิดฝันถึงการพูดคุยกับดัมเบิลดอร์แบบนี้เลย
เขาแค่หัวเราะฮึๆ เท่านั้น “ฉันก็คิดว่าไม่ใช่ ทำไมฉันไม่เข้าประเด็นเสียเลยล่ะ? เธอกำลังจะหมดเวลาแล้ว และฉันคิดว่าเราทั้งคู่รู้ว่าฉันหมายความถึงอะไร มิสเนสโธว์”
โดยฉับพลันน้ำเสียงเขากลายเป็นเร่งร้อนและเคร่งเครียด เธอจ้องไปที่เขาพร้อมกับอ้าปากค้าง กำลังจะหมดเวลา?
“เธอไม่ใช่คนโง่ มิสเนสโธว์ และเธอไม่ใช่คนประมาท อย่างไรก็ตามถอยหลังไปก้าวหนึ่งและดูว่าเธอกำลังทำอะไร ผู้คนรอบตัวเธอได้รับผลที่ไม่อาจปฏิเสธได้จากการกระทำของเธอ อะไรก็ได้ที่พวกเขาอาจจะเป็น อย่าลืมว่ามันคือเวลา สิ่งที่สำคัญที่สุดของส่วนประกอบทั้งหมดนี้คือ เธอกำลังพยายามหลอกลวงจนเกินกำลังไป เวลาไม่เคยคอยใคร อย่าทำซื่อเกินไปที่คิดว่ามันจะคอยเธอ”
“หนู-“ มีหลายสิ่งมากมายในใจเธอ ประโยคมากมายที่เธอกำลังพยายามเรียบเรียง “หนูไม่ได้กำลังพยายามหลอกลวงอะไรทั้งนั้น”
“อย่างนั้นหรือ?” ดัมเบิลดอร์ถามอย่างชัดเจน เขามองดูเธอเป็นเวลานานราวกับว่ากำลังพยายามถอดความหมายคำปริศนาที่งงงวยมากๆ
ในที่สุดเขากล่าวว่า “ผลงานที่สมบูรณ์ทั้งหมดของนิโคลัส ฟลาเมล เป็นสิ่งที่เธอต้องการ มิสเนสโธว์ ตอนนี้ถ้าเธอจะยกโทษให้ฉัน ฉันมีงานอื่นที่ต้องไปดูแล” เขายื่นแผ่นกระดาษเล็กๆ ใส่มือเธอโดยไม่พูดอะไร “โชคดี” เขาพูดพร้อมกับขยิบตา “มิส...เนสโธว์”
ดัมเบิลดอร์ก้าวเท้าจากไปและสะบัดชายเสื้อคลุมหายไปแถวมุมห้อง เฮอร์ไมโอนี่คลี่กระดาษออกดู
อนุญาตให้นำทฤษฎีเรื่องเวลา ของนิโคลัส ฟลาเมล ซึ่งเป็นหนังสือหวงห้ามจากห้องสมุดศาสตราจารย์ ออกมาได้
-อัสบัส ดัมเบิลดอร์-
ห้องสมุดศาสตราจารย์ เป็นสถานที่เก็บหนังสือต่างๆ ที่ทางกระทรวงไม่เห็นชอบให้นักเรียนทั้งหลายได้ศึกษา
เขากำลังทำอะไร? เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างมึนงง ดัมเบิลดอร์มีนิสัยแปลกประหลาดในการพูดคำปริศนาที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้เพื่อแปลความหมาย
“ผู้คนรอบตัวเธอได้รับผลที่ไม่อาจปฏิเสธได้จากการกระทำของเธอ อะไรก็ได้ที่พวกเขาอาจจะเป็น”
เธอไม่ได้ตระหนักว่าความสัมพันธ์ของเธอกับทอม อาจจะเปลี่ยนแปลงอนาคตทั้งหมดก็เป็นไปได้รึ? ถ้าหากเธอกลับไปและที่นั่นไม่มีแฮร์รี่ และไม่มีรอน วิสลี่ย์? ถ้าหากที่นั่นไม่มีเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์?
ฉันต้องหยุด เธอสำนึก ฉันต้องหยุดพบเขา หยุดพูดกับเขา หยุดตะโกนใส่เขา... หยุดจูบเขา ฉันต้องหยุดก่อนที่ฉันทำให้มันเลวร้ายกว่านี้
หัวใจของเธอแตกสลาย เธอรู้ว่าเธอกำลังทำตัวน่าทุเรศ ทั้งหมดที่เธอกับทอมเคยกระทำร่วมกันคือ โต้คารมกับตะโกนและสบประมาทใส่กันและกัน พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนอกจากศัตรู เธอรู้ว่านั่นไม่ใช่ความจริงเช่นกัน เขาได้ช่วยชีวิตเธอและในคราวเดียวกันเธอก็ได้ช่วยชีวิตเขา
เวลาเหลือน้อยลงทุกที เฮอร์ไมโอนี่ต้องเลือกและเธอรู้ดี ทอมหรือทุกๆ อย่าง ถ้าเธอเลือกทอม เธอกำลังลงโทษโลกทั้งใบให้พบกับความน่ากลัวและภัยพิบัติ อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าอนาคตยังคงเหลืออยู่เมื่อเธอได้กลับไป ถ้าเธอเลือกทุกๆ อย่างแทน เธอกำลังลงโทษความสัมพันธ์ของเธอกับทอมให้พบกับความล้มเหลวอย่างแน่นอน เธอควรจะเสียสละทอมเพื่อการคงอยู่ของโลก
เฮอร์ไมโอนี่เป็นเด็กสาวที่รู้จักเหตุผล โดยความเป็นจริงเธอเป็นเด็กสาวที่รู้จักเหตุผลมากที่สุดเท่าที่คุณเคยพบมาก็เป็นได้ และเหตุผลบอกกับเธอว่าไม่มีทางเลือก การคงอยู่ของโลกมีความสำคัญมากกว่าทอมและเฮอร์ไมโอนี่ เธอมีภาระหน้าที่ ฉันต้องลืมเขา มันเป็นสิ่งที่แฮร์รี่จะทำ แฮร์รี่จะช่วยเหลือโลก
แต่ยังมีบางสิ่งภายในส่วนลึกสุดของเธอที่สำคัญมากกว่าเหตุผล สำคัญมากกว่าภาระหน้าที่และมีพลังรุนแรงมากกว่าสิ่งอื่นใดที่เธอเคยรู้มาก่อน มันเป็นสิ่งแท้จริงที่เธอทำให้บังเกิดผลในทอม มันคือหัวใจของเธอ และในเวลานั้นเธอปรารถนาให้เธอสามารถเนรเทศมันไปได้ด้วยคาถาง่ายๆ แต่ไม่มีเวทมนตร์ใดสามารถนำหัวใจของเธอไป
“เวลาไม่เคยคอยใคร อย่าทำซื่อเกินไปที่คิดว่ามันจะคอยเธอ”
ดัมเบิลดอร์หมายถึงอะไร? ความกลัวมากมายถูกฝังลงในตัวเธอ เธอกระโดดลุกขึ้นและนึกได้ว่าเธอต้องเข้าชั้นเรียนวิชาถัดไปแล้ว พรุ่งนี้ ฉันจะนำหนังสือเล่มนั้นมา เธอคิดด้วยความมุ่งมั่น พรุ่งนี้
ความคิดเห็น