Hogwarts Twilight 13 การแทงข้างหลังและคำสาป
เซดริกรู้สึกได้ว่าเขาวงกตนั้นดูเสมือนมีชีวิต ไม่ใช่แค่เพียงเพราะมันฉีกชุดของเขาออกเป็นชิ้นๆแค่นั้น แต่ดูเหมือนว่า มันจะบีบตัวของเขากับแฮร์รี่และผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆให้เดินไปตามเส้นทางที่มันกำหนด ในขณะที่เซดริกค่อยๆเดินอย่างระมัดระวังไปตามเส้นทาง ของเขาวงกตนั้น อีกทางหนึ่งเขาก็ต้องคอยระวัง ครัมและเฟลอร์ ที่เดินตามหลังเขามาอย่างกระชั้นชิดด้วยเช่นกัน
เช็คดริกเงียบขรึมขึ้น และพยายามเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วและตื่นตัวเองอยู่เสมอ เหตุเพราะรู้ดีว่ามีใครบางคนต้องการให้แฮร์รี่นั้นอยู่ตามลำพังและนั่นมันทำให้เขาต้องจับไม้กายสิทธิ์ของเขาไว้แน่น
“กรี๊ด”
เสียงกรีดร้องดังอย่างชัดเจนมันทำให้เซดริกหยุดนิ่งอยู่กับที่ เขาพยายามจับเสียงร้องนั้นที่ฟังเหมือนเสียงของ เฟลอร์ ตอนนี้ดวงตาของเซดริกกลายเป็นสีเข้มจากดวงตาของนักล่าเต็มตัวแล้ว เซดริกเดินไปตามแนวของเขาวงกตที่บีบเขาให้เดินไปอีกทาง ซึ่งนำไปสู่ทางตัน มันทำให้เขาเคำรามออกมาอย่างหัวเสีย
เซดริกหันกลับไปเพื่อจะเดินไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว เขาเห็นลำแสงวาบกระจายตัวไปทั่วในบริเวณนั้น มันสว่างพอที่จะทำให้เขามองไม่เห็นไปชั่วขณะและเมื่อเขาปรับสายตาของเขาได้แล้วเขาจึงมองตามลำแสงนั้นอย่างไม่พอใจ มีบางคนที่ร่ายมนต์ใส่เขา ความเจ็บปวดที่เกิดกับเขาไม่มีแม้แต่น้อย เพียงแต่แรงอัดของเวทมนต์ที่พุ่งเข้าหาเขาทำให้ตัวของเขาเสียหลักพุ่งไปชนกำแพงอย่างจัง
และเมื่อเซดริกตั้งหลักได้ เขารีบทรงตัวขึ้นยืนในทันที เขามองตรงไปยังผู้ร่ายเวทมนต์ที่ทำร้ายเขาและเขาได้เห็นดวงตาที่ระยิบระยับของครัมจ้องมองเขาอยู่ ครัมรูสึกแปลกใจกับการที่ไม่เห็นอาการบาดเจ็บจากเวทมนต์ของเขาที่เซดริกควรจะได้รับ
แต่ความแปลกใจของครัมก็เปลี่ยนมาเป็นการหัวเราะเยาะใส่เซดริกแทนที่ ในขณะที่ครัมเล็งไม้กายสิทธิ์ไปที่หัวใจของเซดริกที่ทำท่าอวดดี
เซดริกเดาได้ออกในทันทีว่าสียงกรีดร้องนั้นคงเป็นเสียงร้องของเฟลอร์อย่างแน่นอน และผู้ที่ทำร้ายเธอคงเป็นคนที่กำลังเล็งไม้กายสิทธิ์มาที่หัวใจของเขาในตอนนี้นั่นเอง
ซึ่งตอนนี้สำหรับวิกเตอร์ ครัม เพื่อนำไปสู่ชัยชนะ แน่นอนเขาพร้อมที่จะแทงข้างหลังผู้ร่วมเข้าการแข่งขันทุกคนอยู่แล้ว
“ไม่เอาน่าครัม ยังเตรียมใจไปกับการที่ต้องสูญเสียเฮอร์ไมโอนี่ไปไม่ได้หรือไงกัน” เชดริกพูดแทงใจดำเขา พร้อมกับมองดูท่าทางของครัมที่แสดงถึงความเดือดดาลและหึงหวงเขาอยู่
ก่อนที่ครัมจะร่ายมนตร์ใดๆใส่ เขาได้นั้น เชดริกอาศัยความว่องไวเกินมนุษย์ของเขายืนอยู่ข้างหลังของครัมส์โดยมีไม้กายสิทธิ์จ่อไปที่ร่างของครัม อันที่จริงแล้วเขาไม่อยากจะทำร้ายมนุษย์คนไหนโดยไม่จำเป็น โดยที่คน คนนั้นจะเป็นศัตรูหรือมิตรของเขาก็ตาม
เซดริกตัดสินใจร่ายเวทมนต์ที่ไม่ทำให้ครัมส์ต้องทรมานมากนัก แต่เซดริกประเมินความสามารถของครัมส์ต่ำไป ครัมส์หมุนตัวและสกัดคาถาเวทมนต์ที่เซดริกส่งมาทันที เวทมนต์ย้อนกลับไปหาเซดริกทำให้ตัวเขาล้มลงโดยที่ศรีษะกระแทกที่พื้นอย่างจัง เมื่อเซดริกพยุงตัวลุกขึ้น เขาก็ต้องประหลาดใจที่สายตาของครัมตอนนี้ไม่ได้มองพุ่งตรงมาทางเขา แต่กลับมองไปยังเบื้องหลังของเขาแทน
มีแสงของเวทมนต์ที่พุ่งจากข้างหลังของเขาผ่านไหล่ไปยังครัมส์อย่างจัง ทำให้ครัมส์นอนตัวแข็งไปบนพื้นในทันที เซดริกหันหลังและกระชับไม้กายสิทธิ์ในมือไว้มั่นและเมื่อสายตาเขาปะทะกับสายตาของผู้ร่ายเวทมนต์ใส่ครัม เซดริกถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วคราว
เซดริกมองเห็นแฮร์รี่ยืนอยู่พร้อมไม้กายสิทธิ์ที่ชี้ไปยังร่างของครัมส์
“พอตเตอร์” เชดริกพูดก่อนที่แฮร์รี่จะดินตรงมาหาเขา และยังคงจ้องมองไปที่
ครัมที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่พื้นอย่างหมดท่า
“ฉันเจอเฟลอร์นอนหมดสติอยู่” แฮร์รี่พูดขึ้นระหว่างที่เชดริกยิ้มให้อย่างพอจะเข้าใจ โดยพยายามที่จะไม่สนใจครัมส์ที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
“นายทำสัญญาณให้คนข้างนอกรู้โดยปล่อยแสงขึ้นไปบนท้องฟ้าใช่ไหม” เช็คดริกถามโดยที่แฮร์รี่หน้าแดงเล็กน้อย
“ฉันปล่อยเธอไว้ที่นั่นไม่ได้” แฮร์รี่กล่าว ระหว่างที่เช็คดริกส่ายศรีษะพร้อมกับยิ้ม
“นายทำดีแล้วล่ะ
. ส่องแสงสว่างอีกครั้งสิแล้วพวกเราจะได้ไปเอาถ้วยกัน” เชดริกสั่งระหว่างที่แฮร์รี่ถอนหายใจแล้วก้มลงมองที่ครัมส์อย่างชั่งใจ
“เราทิ้งเขาไว้ที่นี้ไม่ได้เหรอ สัตว์เลี้ยงของแฮกริดคงไม่ทำอะไรเขามากหรอก” แฮร์รี่กล่าวระหว่างที่เชดริกมองหน้าเขาก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“หมวกคัดสรรค์คงสับสนที่ปล่อยให้นายไปอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ บางทีกริฟฟินดอส์คงไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมกับนายหรอกนะพอตเตอร์ เพราะดูเหมือนว่านายจะมีเชื้อของสลิธีลีนอยู่ไม่น้อย” เซดริกเอ่ยระหว่างที่แฮร์รี่ยกไม้กายสิทธิ์ของเขาขึ้นมา เพื่อที่จะส่งสัญญานให้คนข้างนอกเข้ามาเอาตัวครัมส์ไป
เซดริกหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะมุ่งไปข้างหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเขาเองจะอดใจไม่ทำร้ายครัมส์ เขาจึงเดินเลี่ยงห่างจากครัมส์ไปไกล โดยมีแฮร์รี่ตามมาข้างหลังเขาติดๆ
เวลาผ่านไปเป็นนาทีหรือชั่วโมงไม่มีใครรู้ได้ เมื่อมีสิ่งมีชีวิตหลายต่อหลายตัวออกมาเพื่อขวางทางพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาวงกตนั้นดูเหมือนอยากที่จะแยกพวกเขาออกจากกันมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ด้วยความแน่วแน่ของพวกเขา จึงทำให้พวกเขารอดจากอันตรายต่างๆมาๆได้
จากนั้นอย่างช้าๆมีแสงๆ หนึ่งเกิดขึ้นที่จุดศูนย์กลางของเขาวงกต เซดริกนั้นยิ้มขึ้นโดยเปิดทางยินยอมให้แฮร์รี่เดินนำหน้าเขาไปหาถ้วยที่ส่องแสงเจิดจ้า เพราะเขาเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะให้ตัวเขาเองเป็นผู้ชนะอยู่แล้ว
แต่เมื่อแฮร์รี่หันมามองที่เขา เขาเองก็รู้โดยทันทีจากความคิดของแฮร์รีเองที่ว่าแฮร์รี่ก็ไม่ได้ต้องการมันเหมือนกัน พวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงชัยชนะด้วยเหตุผลที่ต่างกัน
“เพื่อฮอกส์วอร์ต เราทั้งคู่ควรที่จะนำถ้วยกลับไปพร้อมกัน”
แฮร์รี่พูดและจ้องมองมาทางเซดริก ซึ่งหัวเราะและยืนพิงกำแพงเขาวงกตเมื่อเขายังคงจ้องมองมาที่แฮร์รี่
“นายคงไม่อยากรับความมีชื่อเสียงไปมากกว่าฉันหรอก ใช่ไหม” เซดริกกล่าวระหว่างที่แฮร์รี่ก้มหน้าลง ซึ่งตอนนี้พวกเขาหยุดพักชั่วครู่
“นายเดาถูกแล้วพอตเตอร์ ฉันไม่ใช่นาย ฉันไม่เหมือนนักเรียนทั่วไป ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะถูกเลือก เพราะดับเบิ้ลดอเองก็คิดว่าฉันจะไม่ถูกเลือกเช่นกัน เนื่องจากสิ่งที่ฉันเป็น “เซดริกกล่าว เมื่อแฮร์รี่มองไปที่ถ้วยแล้วมองที่เซดริกอย่างสนใจในสิงที่เขาพูด
“เฮอร์ไมโอนี่ รู้ เธอรู้เรื่องของนายใช่ไหม ” แฮร์รี่พูดเชิงถาม เซดริกพยักหน้าเมื่อนึกถึงหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เขายิ้มอย่างมีความสุข
“ใช่ เธอรู้ รู้เรื่องทั้งหมด” เซดริกสารภาพ เพราะเขาไม่เห็นว่ามีความจำเป็นใดๆที่ต้องปิดแฮร์รี่อีกต่อไปแล้ว
“ผิดกับนาย นายไม่รู้ว่าฉันเป็นอย่างไร นายแค่รู้ว่าฉันไม่เหมือนกับคนทั่วไป แค่นั้น” เซดริกอธิบายระหว่างที่แฮร์รี่ก้มมองที่พื้นและอมยิ้มเล็กน้อยอย่างเขินๆ
“ก็เพราะฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะสิ ฉันถึงต้องมีเฮอร์ไมโอนี่อีกอย่างฉันคิดว่าเธออาจจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้านายถือถ้วยกลับไปพร้อมกับฉัน ” แฮร์รี่ร้องขอ ก่อนที่เซดริกจะปล่อยเสียงหัวเราะอย่างดังแล้วจึงพยักหน้าเป็นอันตกลง ทั้งคู่มุ่งหน้าสู่ถ้วยรางวัล พวกเขามองกันและกันเป็นครั้งสุดท้ายจากนั้นจึงเอื้อมมือไปจับที่ถ้วยรางวัลพร้อมกัน
ในทันใดนั้น พวกเขารู้สึกตาพล่าไปชั่วครู่จากแสงสว่างจ้าที่พุ่งออกมาจากถ้วยรางวัล และรู้สึกได้ถึงช่องท้องที่อัดแน่นเมื่อเขาถูกผลักให้ตกลงไปยังความมืด พวกเขาจับถ้วยรางวัลไว้แน่นเมื่อลำแสงของถ้วยส่งตัวเขาหมุนวนไปรอบๆลำแสงนั้น และเซดริกพยายามที่จะคว้าแฮร์รี่เอาไว้เมื่อเขาได้ยินเสียงที่มาจากทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แต่มันไม่ใช่เสียงของแฮร์รี่อย่างแน่นอน
“เวลาได้มาถึงแล้ว
.. โวลเดอร์มอจะกลับมา”
“ตุ๊บ....”เซดริกตกลงพื้นด้วยเสียงที่ดัง เขาลืมตาขึ้นมองในความมืดไปรอบๆตัว โชคดีที่เขาเป็นแวมไพร์ซึ่งมองเห็นในความมืดได้ชัดเจนกว่าคนอื่นทั่วไป ซึ่งถ้าเป็นคนธรรมดาอาจเห็นเพียงแค่แสงรำไรเท่านั้น เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและเห็นแฮร์รี่ที่ส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวดและต่อยๆลุกขึ้นนั่ง เมื่อเซดริกหันไปมองรอบๆ ก็พบเพียงแต่หลุมฝังศพรอบๆ ตัวเขา
“พอตเตอร์ “ เซดริกส่งเสียงเรียกแล้วขยับตัวเข้าใกล้ เขา
“เราอยู่ที่ไหนกัน” แฮร์รี่ถามระหว่างที่มือยังคงกำไม้กายสิทธิ์ไว้แน่นเช่นเดียวกับเซดริก โดยทั้งคู่มองดูเงาสีดำที่ขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ตรงหน้าพวกเขาอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าเราต้องรีบไปจากที่นี่แล้วล่ะ ถ้วยอยู่ที่ไหน” เซดริกถามระหว่างที่แฮรี่มองตรงไปยังหลุมฝังศพหลุมหนึ่ง ซึ่งถ้วยล้มกลิ้งอยู่ตรงนั้น เซดริกนั้นพร้อมที่จะออกไปจากที่นี่แล้ว แต่เสียงการมาถึงของใครบางคน ที่ทำให้พวกเขาชะงักอยู่กับที่แทบจะทันที
เซดริกมองไปยังผู้มาเยือนและเห็นคนที่มีรูปร่างอ้วน หน้าตาเหมือนหนู กำลังเดินลากเท้าตรงมายังพวกเขา ตาของชายผู้นั้นเป็นประกายระยิบระยับ เมื่อต้องกับแสงเทียนระหว่างที่หัวเป็นมันเงาเพราะเหงื่อที่ไหลย้อย ด้วยสายตาที่หวาดกลัว ชายอ้วนมองที่แฮร์รี่จากนั้นจึงเคลื่อนสายตาไปที่เซดริกด้วยริมฝีปากที่ดูบิดเบี้ยว เมื่อเขากลัวและโกรธที่แฮร์รี่นั้นไม่ได้มาตามลำพัง
“เพ็ตติกรู” แฮร์รี่เคลื่อนตัวออกมาจากข้างหลังเซดริกที่ยืนบังร่างของเขาให้แฮร์รี่จากอันตรายของชายที่แฮร์รี่พูดถึง แฮร์รี่กำลังจ้องมองชายอ้วนอยู่เช่นกัน โดยเขานั้นยังคงกำไม้กายสิทธิ์ไว้แน่น สายตาของชายอ้วนมองที่แฮร์รี่พักหนึ่งจากนั้นจึงเกิดรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์บนริมฝีปากของเขา
“แฮร์รี่ ฉันไม่อยากทำร้ายเธอ” พ่อมดที่น่าสงสารกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หอบและหายใจลำบาก โดยที่มือของชายร่างอ้วนนั้นเอื้อมเข้ามาหาแฮร์รี่อย่างช้าๆ ซึ่งเซดริกนั้นรู้สึกได้ว่าแฮร์รี่ก้าวถอยหลังอย่างหวาดระแวง
“แกไม่มีทางหรอก
.. ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ” เซดริกพูดขึ้นโดยก้าวมาข้างหน้า พร้อมที่จะเล่นงานพ่อมดคนนี้ ตาของเพ็ตตี้กรูเหลือกขึ้นทันที เขาถอนมือสกปรกอวบอูมของเขาออกจากแฮร์รี่ และตัวสั่นงันงก
“นะ-นะ-นายไม่สามารถทำให้ฉันกลัวได้หรอก” เพ็ตติกรู กล่าวอย่างไม่พอใจ พร้อมกับสายตาที่กระสับกระส่าย ซึ่งเซดริกก็ได้แต่หัวเราะอยู่ในลำคอ
“จริงเหรอ
.. ทำไม่ล่ะ
เพราะการที่นายตัวสั่นแสดงให้เห็นว่านายมันโกหก” เซ
ดริกกล่าวระหว่างที่เพ็ตติกรูจ้องมองเขา
“พอได้แล้ว” น้ำเสียงของใครบางคนที่มาใหม่ที่เยือกเย็นและมีอำนาจพูดขึ้นทำให้ พ่อมดอ้วนสะดุ้งและมองดูด้วยความหวาดกลัว เซดริกหันหลังก็พบกับเงาที่ก่อตัวขึ้นเมื่อกี้ซึ่งเป็นเงามืดกลายร่างเป็นเงาดำสูงใหญ่ ยืนอยู่ข้างหลังหลุมฝังศพหลุมหนึ่ง
เซดริกพยายามเข้าไปใกล้ๆแฮร์รี่ ระหว่างนั้นแฮร์รี่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นเตรียมพร้อมร่ายเวทมนต์ แต่ด้วยความเร็วของฝ่ายตรงข้ามที่มีมากกว่า เงานั้นยกไม้ส่งเวทมนตร์ตรงมายังเซดริก ซึ่งทำให้เซดริกกระเด็นไปชนเข้ากับต้นไม้และหลุมฝังศพอย่างแรง
“พะ-พะ- พอตเตอร์
.. มันช่างนานนมเหลือเกิน” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาด้วยความไม่พอใจกล่าวขึ้นพร้อมกับส่งแรงกระแทกแฮร์รี่ไปชนกับหลุมฝังศพอีกหลุมหนึ่งจากนั้นเชือกได้เคลื่อนตัวโดยผ่านเวทมนต์พันตัวเขาไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งแฮร์รี่นั้นต่อสู้ขัดขืนตลอดเวลา
“แกคิดเหรอว่าฉันจะปล่วยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป การกลับมาของฉันจะต้องยิ่งใหญ่ โดยที่ฉันจะเริ่มจากความตายของแกก่อน” เงามืดนั้นเปล่งถ้อยคำออกมาด้วยอาการของความปิติระหว่างที่แฮร์รี่นั้นพยายามต่อสู้กับสิ่งที่พันธนาการตัวเขาอยู่
เซดริกพยายามลุกขึ้น และจ้องมองเงามืดตนนั้นว่าเขาจะทำอย่างไรดีที่จะหักกระดูกมันได้
“ฆ่าที่เหลือ” เงามืดนั้นเปล่งเสียงออกมาก่อนที่เซดริกจะเหลือบมองการเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้นที่ตามมาที่หลัง มีแสงสีเขียวกระทบมาที่ตัวเขาและส่งตัวเขาลอยไปกระแทกทะลุผ่านกำแพงโดยมีเสียงกรีดร้องของแฮร์รี่ตามหลังมา
ความรู้สึกเจ็บปวดที่เซดริกสามารถจำได้ นับจากที่เขาถูกแปลงสภาพนั้น ก็คือตอนที่เขาใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง อยู่ในห้องใต้ดินของพวกตระกูลคันแลน ระหว่างที่พ่อแม่ของเขารอคอยลูกชายอยู่
แม้ว่ามันเป็นเพียงแค่ 12 ชั่วโมง แต่มันดูเหมือนช่างยาวนานสำหรับเด็กหนุ่มอย่างเขานัก ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแวมไพร์หนุ่มอายุร่วมร้อยปีไปแล้ว
ความรู้สึกเจ็บปวดครั้งสุดท้ายคือตอนที่หัวใจเขาได้หยุดเต้น เขารู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เมื่อปอดของเขาหยุดที่จะเอาอากาศเข้าไป หลังจากนั้นเขาไม่สามารถจำความเจ็บปวดได้อีกเลย เและแน่นอนจนกระทั้งคืนนี้
คืนที่เซดริกและแฮร์รี่ค้นพบว่าตัวเองถูกเคลื่อนย้ายจากเขาวงกตของฮ๊อกวอตส์มาสู่ หลุมฝังศพที่มีบุคคลที่สนับสนุนศาสตร์มืดนั้นรอคอยอยู่
มันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับเขาเพราะตอนนี้ความเจ็บปวดเมื่อครั้งนั้นเกาะกุมไปทั่วโครงกระดูกของเขาอีกครั้งในคราวนี้
เซดริกนั้นรู้สึกอ่อนแรงอยู่บนพื้นระหว่างที่เวทมนตร์นั้นทำงานผ่านร่างกายที่ตายแล้วของเขา
เขารู้สึกเหมือนกับถูกเข็มเล็กๆ ทิ่มแทงตามร่างกายจากนั้นโลกทั้งใบก็กลายเป็นสีดำชั่วครู่หนึ่ง ระหว่างที่ถ้อยคำที่เขาได้ยินนั้นก็รบกวนจิตใจของเขาเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของแฮร์รี่ เซดริกพยายามที่จะไม่ฟังเสียงใดๆ จนกระทั่งความเจ็บปวดเริ่มหายไป แม้ว่ามันจะไม่หายไปจนหมด แต่เซดริกก็พยายามงัดตัวเองออกจากพื้นแล้วมุ่งตรงไปข้างหน้า
พอตเตอร์
.. คำสัญญา
.. เด็กสาวจากกริฟฟินดอร์
.ช่วงเวลาบ่ายในหิมะที่ระยิบระยับระหว่างเขากับเธอเซดริกคำรามเมื่อความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายมลายหายไป
พ่อแม่ , เพื่อน, เพื่อนร่วมห้อง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งเขาสัญญาเอาไว้แล้วว่าเขาจะพยายามดูแลตัวเองและแฮร์รี่ให้ปลอดภัย และเขายังคงเชื่อในตัวเธอเช่นกันในการที่เธอจะดูแลตัวเอง
เซดริกต้องลุกขึ้นเพื่อที่จะไปช่วยแฮร์รี่ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะแน่ใจว่าเธอสามารถที่จะดูแลตัวเองได้ แต่เขาก็ไม่ได้สัญญาว่าจะปล่อยให้เธอดูแลตัวเองโดยลำพัง
เขากัดฟันแน่นเมื่อร่างกายของเขาประท้วงที่จะมุ่งไปข้างหน้า เซดริกพยายามที่จะไม่ให้ใครเห็นตัวของเขาที่พุ่งไปข้างหน้าเพื่อที่จะไปนั่งข้างๆ ถ้วยที่กลิ้งอยู่บนหลุมฝังศพด้านหนึ่ง เขาหันศรีษะไปอย่างรวดเร็วในทันทีและทันที่จะเห็นแฮร์รี่ทรุดตัวลงพร้อมกับแขนที่เลือดไหลออกเป็นจำนวนมากของเขา เซดริกรีบหลบไปยังด้านหลังหลุมฝังศพ เพื่อให้แน่ใจว่าเลือดที่ไหลออกมาของแฮร์รี่ไม่ได้ทำให้เขาสับสนและรู้สึกกระหาย
ทันใดนั้นบางสิ่งก็หันเหความสนใจของเขา ซึ่งเขารู้ว่าเป็นการมาถึงของ ลูเซียส มัลฟอย เซดริกพยายามหลบไม่ให้ใครเห็นอยู่ข้างหลังหลุมฝังศพนั้นนิ่งๆ
เขาพยามยามไม่สนใจเสียงโวกเวกโวยวายของพวกพ่อมด เซดริกนั้นจ้องไปที่แฮร์รี่ที่มองสบตาเขาอยู่เหมือนกัน
แฮร์รี่ปิดปากแน่นแล้วจ้องมองไปที่โวลเดอมอร์ เซดริกยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าจู่โจมคนพวกนั้น
คาถามึนงง คือคาถาที่เขาร่ายไปยังคนพวกนั้น เซดริกคำรามระหว่างที่มองดูลูเซียสผ่านโวลเดอร์มอร์ รวมทั้งผู้เสพความตายคนอื่นๆที่พยายามจะหนีหลบซ่อนพร้อมกับนำไม้กายสิทธิ์ของพวกเขาออกมา ระหว่างที่แฮร์รี่หลุดจากพันธนาการที่เซดริกร่ายมนต์ปลดมันและมุ่งหน้ามายังตัวเขา
“เป็นไปได้ยังไง” โวลเดอมอร์กล่าวอย่างไม่พอใจ พร้อมกับจ้องมองด้วยความตกใจ เซดริกนั้นแยกเขี้ยวระหว่างที่แฮร์รี่ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่พวกพ่อมด
“แกนำแวมไพร์มา” โวลเดอมอร์คำรามใส่เพ็ตติกรู ผู้ที่จ้องมองเซดริกและอ้าปากค้าง
“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
.. ฉันจะฆ่าแกทั้งสองคน” โวลเดอมอร์คำรามพร้อมกับยกไม้กายสิทธิ์ของเขาขึ้นมาพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นและทันใดนั้นแสงสว่างก็พุ่งออกมาจากไม้กายสิทธิ์ พร้อมกับเสียงคำรามของแฮร์รี่ซึ่งแม้แต่แวมไพร์เองก็ไม่อาจเข้าใจได้
แฮร์รี่ยกไม้ของเขาขึ้นและร่ายคาถาส่งไปให้โวลเดอมอร์เช่นเดียวกัน
แสงสว่างที่เหมือนกันพุ่งออกมาจากไม้ของทั้งสอง แฮร์รี่และโวลเดอมอร์ซึ่งแสงทั้งสองพันเข้าหากัน ซึ่งทำให้เซดริกยังต้องถอยไปข้างหลังเพื่อคอยตั้งหลัก
แสงสว่างนั้นปกคลุมคนทั้งสองระหว่างที่แฮร์รี่นั้นพยายามที่จะกำไม้กายสิทธิ์ของเขาไว้แน่น
เพื่อที่จะผลักลำแสงของโวลเดอมอร์ออกไป
เซดริกจ้องมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นก็มีแสงสีฟ้าออกมาจากไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์ที่สะท้อนเข้าหาตัวเขาเอง มีเสียงกรีดร้องออกมาจากเหล่าบรรดาพ่อมดเมื่อสำแสงนั้นพุ่งตรงเข้าสู่แขนของโวลเดอมอร์
“แฮร์รี่จับไว้นะ” มีเสียงของผู้หญิงที่พูดมาจากข้างหลังของแฮร์รี่ แฮร์รี่ไม่แม้แต่จะกล้าหันมามองแต่เช็คดริกนั้นเห็นผู้หญิงที่มีดวงตาสีเขียวเหมือนแฮร์รี่ลอยอยู่ข้างหลัง เธอมีท่าทีของความรักและความมุ่งมั่นที่มีให้สำหรับแฮร์รี่และผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆผู้หญิงคนนั้นที่มีทรงผมเหมือนแฮร์รี่และท่าทางของความเป็นผู้ใหญ่ที่สักวันแฮร์รี่จะต้องเป็น
“เข้มเข็งไว้ลูกชาย เข้มแข็งไว้” ชายผู้นั้นกระซิบระหว่างที่ทั้งสองหลั่งน้ำตาออกมาปกคลุม
แสงสีฟ้าทั้งสองข้าง ก่อนที่จะหันมามองที่เซดริกที่กำลังตกตะลึงกับภาพที่เห็น พร้อมกับพยักหน้าให้เซดริกเข้ามาด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน เซดริกมุ่งตรงไปพร้อมกับกลุ่มคนที่คอยปกป้องแฮร์รี่ โดยแฮร์รี่นั้นตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นพวกเขาแต่ก็ยังคงกำไม้กายสิทธิ์ของเขาไว้แน่น
“พอตเตอร์” เซดริกร้องออกมาทำให้เด็กหนุ่มตกใจเล็กน้อย เช็คดริกนั้นโอบรอบเอวของแฮร์รี่และด้วยความเร็วที่เหนือธรรมชาติเขานำตัวแฮร์รี่ออกมาจากลำแสงนั่น เขาสะดุดล็กน้อยเมื่อลำแสงนั้นกระทบแผ่นหลังของเขาก่อนที่เขาจะคว้าถ้วยและรู้สึกได้ว่าแฮร์รี่นั้นกระตุกเล็กน้อย เมื่อพวกเขาถูกผลักออกมาจากประตู เซดริกรู้สึกว่าหัวใจเขากระตุก เมื่อรู้ว่าเขาได้พาแฮร์รี่ออกมาจากครอบครัว แต่ความมุ่งมั่นที่จะรักษาความปลอดภัยของเด็กหนุ่มนั้นเหนือกว่าสิ่งใด
เมื่อสำแสงสีเทาหมุนรอบทำให้ภาพของหลุมฝังศพนั้นพร่ามัวเซดริกนั้นรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกของพื้นใต้ฝ่าเท้าก่อนที่เขาจะวางถ้วยพร้อมกับแฮร์รี่ลง
เขารู้สึกได้ว่าเขาได้ยินเสียงความดีใจและเสียงปรบมือระหว่างที่เขาทรุดลงไปอยู่ในความมืดมากขึ้นและมากขึ้น ซึ่งเขาก็มั่นใจว่าเขาต้องการอย่างนั้น ในเวลานี้เขาอยากพักแล้ว เขาพยามยามที่จะยืดตัวขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียงพ่อของเขาตะโกนออกมาว่าลูกของผม แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เลือนหายไป แม้กระทั่งความคิดของเซดริก
Hogwarts Twilight
บทที่ 14 ฉากสุดท้าย
หลังจากที่แฮร์รี่บอกกับทุกคนถึงสิ่งที่เขาได้เผชิญมารวมทั้งการเผชิญหน้ากับโวลเดอร์มอ และนั่นมันทำให้เพื่อนๆของเขาประหลาดใจและเริ่มหวาดกลัว แทบจะทุกคนยอมรับในคำพูดของเขา แต่ก็มีส่วนมากที่มองเขาด้วยความไม่เชื่อถือ และมั่นใจว่าแฮร์รี่นั้นโกหกจะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม
ความโกรธของแฮร์รี่ยังคงมีเพิ่มมากขึ้น เมื่อมู๊ดดี้ตัวปลอมทำเป็นดีกับเขาก่อนที่จะสารภาพความเป็นจริงว่าเเป็นคนใส่ชื่อของแฮร์รี่ลงไปในถ้วย จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนมนตร์ของดับเบิลดอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าชื่อของแฮร์รี่จะต้องถูกเรียก
มันเป็นเพราะการปรับเปลี่ยนมนตร์นั้นที่ทำให้ชื่อของนักเรียนฮอกส์วอร์ตคนอื่นๆ ถูกกันออกไปจากถ้วยนั้น
ก่อนที่แฮร์รี่จะถูกนำตัวส่งไปยังห้องพยาบาลเขาเห็นร่างของเซดริกถูกกันตัวออกไปจากที่ใดที่หนึ่งโดยมีเอมอส ดิกกอรี่ พ่อของเซดริกโวยวายถึงการตายของลูกชายเขา และนั่นทำให้เขาผุดคิดถึงคำพูดของโวลเดอร์มอ ที่บอกว่าเซดริกไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นแวมไพร์
ความคิดของแฮร์รี่ชะงักลงเมื่อแฮกริดอุ้มแฮร์รี่ที่อ่อนปวกเปียกไปทั่วร่างเพื่อส่งไปยังห้องพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาในขั้นตอนต่อไป
เมื่อแฮร์รี่ถูกนำตัวไปไว้ที่ส่วนของห้องพยาบาล เขาไม่มีโอกาสที่จะรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งต่างๆที่อยู่ด้านนอกนั้นบ้าง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแวมไพร์นั้น ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือตัวเขาเองนั้นถูกแรงกระแทกจากเวทมนตร์ที่ทรงพลังจนร่างกายบอบซ้ำไปหมดแล้วในตอนนี้
แฮร์รี่กำลังคิดถึงเพื่อนๆของเขาอยู่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่นั้นหวังได้เพียงแต่ว่ารอนจะไม่งี่เง่าและทำให้เฮอร์ไมโอนี่โกรธระหว่างที่เธอจะต้องผ่านความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมากกับการสูญเสียใครบางคนไป
แฮร์รี่รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่างมีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา แต่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจเขาเท่าที่ควร เขารู้สึกถึงร่างกายเขาที่อ่อนล้า สมองของเขาหมุนติ้ว เขากำลังคิดถึงใครหลายๆคนที่ทักทายเขา ความฝันและความเป็นจริงดูเหมือนจะแยกกันแทบไม่ออก แล้วในตอนนี้ แต่แล้วความเป็นจริงก็กระทบเขาเข้าให้อย่างจังเมื่อเขาได้ยินเสียงของใครบางคนที่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใส่เขา
“ได้โปรดพอตเตอร์ หยุดคิดเสียงดังเสียทีได้ไหม” คำพูดนี้ดังมาจากเตียงทางขวามือของเขา แฮร์รี่มองตามและสิ่งที่เขาได้เห็นคือใบหน้าขาวซีดของคนที่เขากำลังคิดว่าได้ตายไปแล้วในครั้งแรก เซดริก ดิกกอรี่
เซดริก นอนมองเขาอยู่อย่างเฉยเมยในขณะที่แฮร์รี่ส่งยิ้มไปอย่างโล่งอกเมื่อเขาเจอกับเซดริกที่นี่ เขาคงไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?
“ทำไม” แฮร์รี่ถามระหว่างที่เซดริกกวาดสายตามาที่เขาก่อนจะลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเกินที่มนุษย์ปกติจะทำกันได้และก่อนที่แฮร์รี่จะทันบันทึกภาพถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เซดริกหัวเราะเล็กน้อยกับอาการอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่แฮร์รี่ได้เห็น
“ฉันพักฟื้นจากอาการใกล้ตายที่นี่ และฉันก็ไม่ต้องการให้นายคิดเสียงดัง แวมไพร์ก็ทรมานจากอาการปวดหัวได้เหมือนกันนะ” เซดริกพูดติดตลกระหว่างที่แฮร์รี่เริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ถึงสิ่งที่เป็นตัวตนจริงๆของเซดริก และมันทำให้แฮร์รี่เองอดหัวเราะด้วยไม่ได้เช่นกัน
“โทษที ฉันจะพยายามเงียบไว้ก็แล้วกัน” แฮร์รี่พูดขึ้นระหว่างที่เซดริกเอนกายของเขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงของเขาเอง
“อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงเคืองเฮอร์ไมโอนี่ไม่หายจากการเก็บงำความลับนี้” แฮร์รี่กล่าวขึ้นระหว่างที่เซดริกส่ายศรีษะโดยยังคงมองที่แฮร์รี่อยู่
“เธอเก่งมากในการเก็บความลับจากเพื่อนๆ” เซดริกกล่าว มองดูแฮร์รี่ระหว่างที่เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเขาพูดคำว่าเพื่อนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้
“นั่นเพราะว่าเธอซื่อสัตย์” แฮร์รี่กล่าวขึ้นระหว่างที่เซดริกยักไหล่ก่อนที่จะมองดูแฮร์รี่จึงเห็นคำถามบนใบหน้าของเด็กชาย และความคิดของเขาที่ส่งผ่านมายังเขาก่อนที่เซดริกจะยิ้มและพูดขึ้นว่า
“ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่หักอกเธอแน่.....” เซดริกกล่าว ระหว่างที่เฮร์รี่จ้องมองดูเขาอย่างแปลกใจที่เซดริกอ่านความคิดเขาได้ ก่อนที่เขาจะพยักหน้า พร้อมส่งยิ้มให้
“อย่างกับว่าฉันสามารถทำร้ายนายได้ ถ้านายหักอกเธอ” แฮร์รี่คิดอีกครั้งก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เมื่อรู้สึกแปลกใจกับคำถามของเขาที่ได้รับคำตอบโดยที่ไม่ต้องเอ่ยถามเสียงดัง
“ไม่ต้องห่วงแฮร์รี่
.. ถ้าฉันทำให้เธอเจ็บแม้แต่ปลายเล็บ ฉันคงจะทำร้ายตัวเองก่อนที่พวกนายจะทำร้ายฉันได้” เซดริกสัญญาโดยได้รับการมองอย่างสงสัยจากแฮร์รี่ก่อนที่เขาจะพยักหน้าอย่างเชื่อใจ
การสนทนาของแวมไพร์หนุ่มกับเด็กชายผู้รอดชีวิตยังไม่ทันจบดี บุคคลที่พวกเขาพูดถึงถลันวิ่งมาที่เตียงของแฮร์รี่อย่างดีใจในความปลอดภัยของเพื่อนเธอ
“แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่แทบกระโดดกอดเพื่อนของเธอทีเดียวถ้าไม่เพราะสายคาคมกริบของเตียงข้างๆที่มองเธออยู่เขม็งแล้วละก็ ทั้งรอนและสก๊อตส์ที่วิ่งตามเธอมาติดๆพักหอบหายใจอยู่หน้าประตูก่อนจะเดินมาที่เตียงของแฮร์รี่อย่างหมดแรง
“เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ผงกศรีษะขึ้นก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะปาดน้ำตาบนหน้าเธอ แฮร์รี่ยิ้มให้รอนและสก็อตก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะเดินไปหาเซดริกที่เตียงของเขา
“ให้ตายสิเฮร์ไมโอนี่ห้องพยาบาลนะ มันจะต้องทำให้คนรู้สึกดีขึ้นสิ” รอนพูดขึ้นมาแล้วลงนั่งข้างๆแฮร์รี่โดยมีสก๊อตส์ตามมานั่งด้วยอีกคนหนึ่ง
เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมามองรอน แต่ก่อนที่เธอจะทำอะไรได้ เซดริกก็คว้าเอวเธอมากอดเอาไว้แน่นจนเฮอร์ไมโอนี่แทบจะหายใจไม่ออกเธอพยายามดันตัวเธอออกมาจากอ้อมแขนของเซดริกแต่ยิ่งดิ้นกลับกลายเป็นว่าตัวเธอเองกลับจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของเซดริกแน่นกว่าเก่า
เซดริกหัวเราะเบาๆกับการดิ้นรนของเธอ เขาคิดถึงเธอเหลือเกินนี่ถ้าไม่มีใครอยู่ในห้องนี้กับเขาแล้วละก็เขาคงทำอะไรเธอมากไปกว่านี้แล้วแน่
รอนและสก๊อตส์มองพวกเขาทั้งคู่และอมยิ้ม
“ฉันดีใจที่นายไม่เป็นอะไรนะแฮร์รี่” รอนหันมาพูดกับแฮร์รี่และยิ้มกว้างให้กับเขา เฮอร์ไมโอนี่กระแอมทำให้รอนเกิดอาการเขินเล็กน้อยก่อนจะหันมามองที่เซดริกที่กำลังเล่นผมของเฮอร์ไมโอนี่อยู่อย่างสบายใจ
“เออนายด้วย ดิกกอรี่” รอนกล่าวก่อนที่เขาจะกัดฟันตัวเอง พร้อมมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างนึกหมั่นไส้
“อีกอย่าง ฉันก็ไม่อยากจะตกอยู่สภาวะที่มีแต่คนร้องไห้สะอึกสะอี้น ถ้านายเกิดไม่รอดขึ้นมา” รอนกล่าวพร้อมหัวเราะในลำคอเบาๆระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่คำรามและตั้งใจจะไปทุบเขาแต่เซดริกจับเธอไว้แน่นและหัวเราะเบาๆ
สก๊อตกับแฮร์รี่ต่างหัวเราะคิกคัก เมื่อเฮอร์ไมโอนี่แสดงอาการไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ดูโกรธมากมายเมื่อเธอถูกเซดริกบังคับนั่งอยู่บนตักเขาด้วยความขวยเขินจนหน้าแดงกล่ำไปแล้วในตอนนี้
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจกับความดื้อรั้นของคนที่จับตัวเธอเอาไว้ก่อนที่จะซบไปที่ไหล่ของแวมไพร์หนุ่มที่ดื้อรั้นในขณะที่เขาหอมผมและแก้มของเธอไปมาอย่างรักใคร่โดยไม่แคร์สายตาของใคร
“นายจะบอกเราได้หรือยังว่านายรอดมาได้ไง
. นายโดนยำซะเละ เลยนะเซดริก” รอนกล่าวก่อนที่จะหลบสายตา เมื่อเซดริกจ้องมาที่เขา
“ฉันหมายถึงนาย ดิกกอรี่” รอนแก้ไขก่อนที่จะกระแอมไอระหว่างที่แฮร์รี่คำรามใส่เขา
“ฉันคิดว่านั่นมันเป็นเรื่องเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกรอน
เลิกพูดถึงกันได้แล้ว
ฉันมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่านั้น”เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจทุกๆสายตาที่จ้องมองเธอ อย่างสงสัยก่อนที่เธอจะคว้ากระเป๋าที่เธอทิ้งไว้บนพื้น เธอมองเซดริกเมื่อเขาปฏิเสธที่จะปล่อยเธอ จนเฮอร์ไมโอนี่ต้องดิ้นเล็กน้อยเขาจึงยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมกอดของเขา
คนทั้งสี่มองดูด้วยความสนใจ เมื่อเธอนำขวดออกมาพร้อมกับแมลงที่บินอยู่ในนั้น
“มันคือแมลง เฮอร์ไมโอนี่” รอนกล่าวระหว่างที่สก็อตส่งเสียงอย่างแปลกใจโดยเฮอร์ไมโอนี่จ้องมองที่คนทั้งสอง ก่อนที่จะหันความสนใจมาที่แมลง
“จำได้ไหมที่ฉันบอกเอาไว้ว่าฉันไม่รู้ว่า สกีตเตอร์รู้ได้อย่างไรถึงสิ่งที่พวกเราคุยกัน เธอรู้ในสิ่งที่เธอไม่สมควรรู้ได้ไงถึงเอาไปลงข่าวแบบนั้น คือตอนนี้ฉันคิดออกแล้ว เมื่อแฮร์รี่พูดว่าเธอต้องบินไปรอบๆโรงเรียนแน่ และก็ดูเหมือนว่าฉันเคยเห็นมัลฝอยนั้น พูดอยู่กับแมลงเหมือนกัน ทุกคนฉันอยากให้เธอทักทายกับคุณริต้า สกีตเตอร์หน่อย”
เฮอร์ไมโอนี่กล่าวขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ ระหว่างที่ทุกคนจ้องมองไปที่ขวดโหล มีเพียงเชดริกเท่านั้นที่หัวเราะเสียงดังทำให้ทุกคนสะดุ้ง แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่และสก๊อตต่างพากันเข้าใจดีว่า เชดริกรับประกันว่านี่คือสกีเตอร์หลังจากที่ได้อ่านความคิดของแมลงแล้ว
“เฮอร์ไมโอนี่ นี่มันสุดยอดมาก” รอนกล่าวอย่างประทับใจ ก่อนที่เขาจะจ้องมองดูเธอที่กำลังภาคภูมิใจอยู่
“เธอเจาะรูไว้ให้เธอได้หายใจใช่ไหม” รอนถามระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่เหลือบตามาแล้วพยักหน้าตอบ
“แน่นอน สกีตเตอร์จะถูกปล่อยออกมาเมื่อเธออยู่ไกลจากฮอกวอร์ตและแฮร์รี่ ซึ่งเราก็เข้าใจได้ว่า เธอจะไม่เขียนเรื่องที่เลวร้ายอย่างนั้นอีกแล้ว แล้วเราจะไม่บอกใครถึงความลับของเธอ”
เฮอร์ไมโอนี่กล่าวขึ้น
“แบล็คเมล์”สก๊อตพูด
“เฮอร์ไมโอนี่”แฮร์รี่อุทาน
“นั่นมันยอดเยี่ยมมาก” คนทั้งสามต่างชื่นชมเธอ ระหว่างที่เชดริกหัวเราะให้กับหญิงสาวในดวงใจ
“สิ่งที่น่ากลัวก็คือ เธอเป็นแม่มดที่ฉันไม่อยากจะมีปัญหาด้วย” เชดริกพูดขึ้นอย่างเย้าแหย่ ระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนที่เธอจะหันมาสนใจที่แมลง ซึ่งตอนนี้หยุดอยู่นิ่ง
“เธอจะทำอะไรกับแมลงตัวนี้ล่ะ” สก๊อตถามระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่มองลงมาที่แมลงตัวนี้และมีเสียงของใครบางคนเป็นผู้ตัดสินใจให้
“ฉันว่าเดี๋ยวฉันดูแล สัตว์เลี้ยงของคุณเกรนเจอร์เอง” คัมเบิลดอร์กล่าว ระหว่างที่หมาดำข้างๆเขามองกลุ่มคนด้วยความสนใจโดยแฮร์รี่ รอนแและเฮอร์ไมโอนี่ต่างยิ้มให้มันเพราะรู้จักมันดี
“ศาสตราจารย์” แฮร์รี่จ้องมองที่สุนัขที่ดูเหมือนว่ายิ้มให้แฮร์รี่ แต่ดัมเบิลดอร์เอื้อมมือไปคว้าขวดโหลระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่มองมันอย่างเสียดาย
“ศาสตราจารย์”
“ฉันจะดูแลสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจของเธอเองคุณ เกรนเจอร์ เธอสามารถไปรับกลับคืนได้เมื่อเธอเสร็จธุระตรงนี้แล้ว” คัมเบิลดอร์สั่งพร้อมกั้บรอยยิ้มระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าให้กับเขา
โดยเธอหน้าแดง เล็กน้อย เมื่อเซดริกคว้าตัวเธอมากอดและรู้สึกอายที่ดัมเบิลดอร์ยิ้มให้เขาอย่างรู้ใจดี
“ฉันหวังว่าเธอทั้งสามคงไม่ทำให้ สองคนนี้หื่นกันทั้งคืนนะ พูดในสิ่งที่อยากพูดแล้วไปเข้านอนกันซะ” ดัมเบิลดอร์สั่งก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกมาจากห้องพยาบาลพร้อมกับเขย่าขวด
โหลเล็กน้อยอย่างสนใจระหว่างที่เขาเดินออกมา
“เราเชื่อใจสุนัขตัวนี้ได้หรือเปล่าเนี่ย” สก๊อตถามขึ้นมาเมื่อสุนัขตัวนั้นกระโดดขึ้นมาบนเตียง และเริ่มที่จะเสียหน้าแฮร์รี่ โดยหันมาจ้องสก๊อตที่แยกเขี้ยวใส่มันอย่างไม่มั่นใจ
“สนัฟเฟิลมันไว้ใจได้ “รอนหันมาตอบคำถามของสก๊อต
“ฉันว่ามันคิดถึงนายนะแฮร์รี่” รอนเอ่ยขึ้น พยายามจะทำเสียงให้เป็นปกติระหว่างที่เชดริกหัวเราะแล้วเอนหลังลงที่เตียงเขาโดยพยายามดึงเฮอร์ไมโอนี่ลงมานอนด้วยแต่เธอพยายามขืนตัวเอาไว้และใช้สายตาปรามเขา
เซดริกถอนหายใจให้เฮอร์ไมโอนี่เมื่อเธอไม่ยอมทำตามใจเขาเซดริกจึงหันมาพูดคุยกับสก๊อตแทน
“ฉันว่าเราพร้อมสำหรับเรื่องเล่าดีๆ แล้วล่ะ
.สก๊อตฉันอยากจะเห็นหน้านายเมื่อนายได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ” เซดริกกล่าวโดยสก๊อตมองหน้าเขาด้วยความงุนงง ระหว่างที่รอนและสุนัขนั่งอยู่ข้างๆแฮร์รี่
“แหมฉันชอบเรื่องดีๆ” สก๊อตกล่าวโดยนั่งแกว่งเท้าไปมา
“และฉันต้องการรายละเอียดว่าเราจะช่วยกันอย่างไรในการต่อสู้กับโวลเดอร์มอ ซึ่งตอนนี้เขากลับมาแล้ว” สก๊อตกล่าวระหว่างที่รอนหน้าซีด เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะคิกคัก เมื่อพยายามที่จะหลุดพ้นจากอ้อมกอดของเซดริกอีกครั้ง
เรื่องแรกนั้นเธอรู้อยู่เต็มอก แต่อีกเรื่องหนึ่งนั้น เธอทนรอแทบจะไม่ได้ที่จะเห็นหน้าของรอน
แฮร์รี่และซิริอัส ว่าจะทำหน้าอย่างไร เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ท่ามกลางแวมไพร์เท่านั้น แต่ยังมีมนุษย์หมาป่าที่ไม่ใช่รีมัส ลูปินอีกต่างหาก
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
เมื่อภาคเรียนปิดลง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกดีใจที่ได้กลับบ้าน แต่ความเศร้าก็เข้ามาครอบงำเมื่อเธอต้องบอกลาเพื่อนๆ ของเธอและเซดริก ผู้ชายที่เข้ามาเติมเต็มความมีชืวิตชีวาและความรักให้กับเธอ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็อดคิดถึงเรื่องของโวลเดอร์มอควบคู่ไปด้วยไม่ได้
งานแข่งขันไตรภาคีได้จบลงท่ามกลางความหวาดวิตกของหลายๆคน นักเรียนหลายๆคนไม่อยากที่จะเชื่อเรื่องที่ แฮร์รี่และเซดริกเผชิญหน้ากับโวลเดอร์มอ ความหวาดกลัวทำให้พวกเขาบอกปัดทุกสิ่งที่เป็นเรื่องจริงให้กลายเป็นเรื่องโกหกไปได้อย่างง่ายดายโดยที่พวกเขาคิดว่าเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพราะต้องการจะช่วยเซดริกในการที่ไม่ได้เป็นจุดสนใจของทุกคน และ เพราะเขาคงไม่ได้เห็นเหตุการณ์อะไรเนื่องจากคงจะสับสนเหมือนกับแฮร์รี่ ระหว่างที่พวกดับเบิลดอร์พยามยามที่จะจงรักภักดีต่อแฮร์รี่โดยยืนอยู่เคียงข้างเขา รวมถึงฮัฟเฟิลฟัฟบางคนด้วย ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกได้ว่าเพื่อนรักของเธอนั้นรู้สึกเครียด ซึ่งเธอได้บอกให้เขาและรอนเล่นไพ่พ่อมดกันเพื่อคลายความตึงเครียดที่มีมาหลายวัน โดยเฮอร์ไมโอนี่กระซิบบอกรอนให้ดูแลแฮร์รี่ด้วยในตอนที่เธอนั้นออกไปเดินเล่นเพื่อหาที่สงบๆ
เฮอร์ไมโอนี่เดินไกลออกไปจากประตูทางเข้าของคฤหาสน์ ก่อนที่เธอจะหยุดบริเวณที่เห็นท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน เธอถอนหายใจเพื่อเอาเความเครียดในรอบปีที่ผ่านมาออกไปจนหมด
ตอนนี้เด็กหญิงอายุ 15 ปีอย่างเธอ ต้องประหลาดใจว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาชีวิตเธอได้เปลี่ยนไปมากมายเสียเหลือเกิน เธอคิดว่าการที่ได้เห็นแฮร์รี่เดินเข้าไปในการแข่งขันนั้นเป็นเรื่องที่เครียดแล้ว แต่การที่เธอค้นพบว่าเพื่อนคนหนึ่งของเธอเป็นแวมไพร์และอีกคนเป็นมนุษย์หมาป่านั้นมันเครียดเสียยิ่งกว่า
เธอตัวสั่นเทาเมื่อนึกย้อนไปคิดถึงอดีตภายใต้เวลาที่หนาวเย็นเช่นค่ำคืนนี้ และเธอยิ่งตัวสั่นมากไปกว่านี้เมื่อรู้สึกว่ามีใครจ้องมองเธออยู่
“สำหรับแวมไพร์เธอไม่เก่งเลยในการเฝ้าดูผู้คน” เฮอร์ไมโอนี่แหย่ เมื่อเธอหันไปเจอกับเซดริกที่ยืนอยู่ข้างๆเธอพร้อมกับรอยยิ้ม
“ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าฉันเป็นแวมไพร์ที่ดีแค่ไหน เมื่อฉันไม่สามารถอ่านความคิดเธอได้” เซดริกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่เสไปมองที่อื่นเมื่อเจอสายตาที่กรุ่มกริ่มของเขา
“พอตเตอร์เป็นไงมั่ง” เซดริกถามโดยปล่อยให้กลิ่นกายหอมละมุนของเธออบอวลอยู่รอบๆ ตัวเขา ระหว่างที่เธอถอนหายใจแล้วยักไหล่
“สิ่งที่เขาสามารถทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือการนิ่งเงียบการที่ทุกคนทำกับเขาเหมือนว่าเขาเป็นคนโกหก มันทำให้เขาเครียดเล็กน้อย แต่แฮร์รี่เป็นคนเข้มแข็งเขาจะไม่เป็นอะไร” ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างมั่นใจ
“เธอเข้าใจคนอื่นได้ดีเสมอเฮอร์ไมโอนี่ แล้วเธอเข้าใจฉันบ้างหรือเปล่า”เขาถามความจริงจังเต้นระริกในดวงตาของเขา
แสงจันทร์สาดส่องร่างของเธอมันทำให้เขาเห็นความสวยงามที่แตกต่างจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิงผมสีน้ำตาลที่หยิกฟูของเธอปลิวเล่นกับสายลมที่พัดอ่อนๆดูราวกับมีชีวิต ริมฝีปากอันอิ่มเอิบของเธอเหมือนเชิญชวนให้เขาได้สัมผัส น่าแปลกเขาอยากกอดเธอและจูบเธอได้ทุกวันทุกเวลาอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่ายถ้าเป็นเธอ และยิ่งไปกว่านั้นเขากลับต้องการเธอมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เซดริกมองเธอแล้วกลืนน้ำลายก่อนที่จะเอามือไปจับท้ายทอยของเขาด้วยความรู้สึกอับอายเล็กน้อยกับความคิดของเขาที่ออกจะเกินเลยไปสักหน่อย พระเจ้าเธอเพิ่งอายุ 15 เท่านั่นเซดริก เขาคงต้องรอให้เธอบรรลุนิติภาวะเสียก่อนละมั่ง แต่เขาจะทนรอได้สักแค่ไหนนั่นแหละคือปัญหา
“ทำไมต้องเป็นฉัน” เธอจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาเขาอยู่นาน
เซดริกหลับตาอยู่ชั่วขณะลมหายใจเขาหอบแรงเมื่อเขามองเธออีกครั้งเธอไม่อาจอ่านสายตาเขาออกเช่นเดียวกับเขาที่ไม่สามารถอ่านความรู้สึกของเธอออกเช่นกันแต่พวกเขาก็รุ้สึกได้ถึงความรักที่อบอวลไปทั่วกายและความรู้สึกของพวกเขา
“ฉันมีชีวิตอยู่เป็นร้อยๆ ปี ฉันเจอคนที่รับมือยากมากกว่าเธอเยอะ แต่ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกว่าอายุ 17 ปีได้เท่ากับเธอ”
เช็คดริกกล่าวระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่แก้มแดงแล้วหลบสายตาของเขาที่มองมา
เขาเอื้อมมือสัมผัสไปที่ใบหน้าของธอ และ เคลื่อนย้ายนิ้วมือที่เย็นยะเยือกของเขาผ่านแก้มและคางของเธอ
“เธอน่าจะวิ่งหนีฉัน”
“และเธอก็ควรที่จะรู้ได้แล้วว่าฉันไม่มีวันวิ่งหนีใครๆไม่ว่าจะเป็นเธอหรือว่าเพื่อน” เฮอร์ไมโอนี่เถียงเขาทำให้เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้เขาชักมือออกจากใบหน้าของเธอและอดดีใจไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าที่ผิดหวังจากเธอที่ไม่ค่อยแสดงออกมากนักยามเขาสัมผัสเธอ
“คือ
.. ถ้าเธอไม่คิดจะหนี ถ้างั้นไปวิ่งด้วยกันสักหน่อยไหม” เซดริกกล่าวพร้อมกับหัวเราะเมื่อหน้าเธอซีดเซียวและตวัดสายตาไปมา
“ฉัน
.. คือ
. ฉันควรกลับไปหาแฮร์รี่และรอนแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดติดๆขัดๆ โดยพยายามจะทำให้เป็นปรกติ แต่ความเป็นจริง เธอปฏิเสธในการที่จะไปผจญภัยในแบบของเขามากกว่า
“ดังนั้นถ้าแฮร์รี่มีรอนอยู่ด้วย เธอก็จะยังคงทิ้งฉันในเวลาที่ฉันต้องการเธออย่างนั้นเหรอ”เซดริกแหย่เธอระหว่างที่เธอหมุนตัวจะเดินจากไป
“ราตรีสวัสดิ์ เซดริก” เธอกล่าวก่อนที่จะหันหน้าหนีและเดินไปที่บันได เซดริกก้าวไปข้างหน้า
“ฉันรู้เพียงแต่
ฉันต้องการเธอ” คำพูดของเซดริกทำให้เธอหยุดแล้วหันมามองที่เขา
“ฉันพยายามที่จะสู้กับมันแล้ว แต่เธอรู้ไหมมันยากขนาดไหน ฉันอธิบายไม่ถูก ถ้าฉันสามารถหายใจได้ ฉันมั่นใจว่าการที่ไม่มีเธอใกล้ๆนั้นทำให้ฉันไม่สามารถแม้แต่จะหายใจออก”
เซดริกพูดขึ้นมาระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่กัมหัวลงเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงซ่านเอาไว้จากสายตาของเขา
“เซดริก” เธอกระซิบก่อนที่เขาจะรีบเดินเข้ามาหาเธอ เธอถอยหลังแล้วจ้องที่เขาระหว่างที่ตวงตาเขาจ้องมองที่เธอพยายามที่จะจดจำทุกรายละเอียดของเธอ
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอยอมรับไม่ได้เหรอว่าฉันต้องการเธอ”
เซดริกกล่าวก่อนที่เธอจะมองหน้าเขาและก่อนที่เธอจะเอื้อมมือที่สั่นเทาของเธอขึ้นมาแล้วเอื้อมไปลูบใบหน้าของเขา
“บางทีเราน่าจะเป็นเพื่อน...”เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นมาและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
”ทำไม”เขาถามเสียงสั่นไม่เข้าใจในคำพูดของเธอ
“เซดริก โวลเดอร์มอกำลังจะกลับมาทุกอย่างเปลี่ยนไป แฮร์รี่อยู่ในอันตราย และฉันอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้และ....”เซดริกคว้ามือเธอไว้และดึงตัวเธอไว้ในอ้อมกอดของเขา
“ไม่เฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่สนโวลเดอร์มอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะอยู่เคียงข้างเธอและจะปกป้องเธอ”น้ำเสียงของเซดริกหนักแน่นและจริงจัง
“แต่เซดริก...ฉัน...”เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำตาของตัวเองลงคอ พระเจ้า ถ้าเธอยังผลักไสเขาอีกเธอคงต้องกลั้นใจตายอีกเป็นแน่
“ชู่.....ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก” เขามองริมฝีปากที่สั่นระริกของเธอก่อนที่สติของเขาจะขาดสะบั้นลงเขาก้มตัวลงมาครอบครองริมฝีปากเธอด้วยริมฝีปากเขา เขาทาบทับริมฝีปากอย่างหนักหน่วงแนบกับริมฝีปากเธอราวกับว่าเขาหายใจผ่านทางเธอความร้อนรุ่มและความปรารถนาผ่านกายเธอเมื่อมือของเขากวาดไปทั่วเรือนร่างของเธอ
เขารู้สึกได้ว่าเธอหลับตาลง เธอเผยอริมฝีปากออกเพื่อตอบสนองเขาเขาฉกลิ้นเข้าไปภายในปากของเธอและเกลือกกลิ้งเริงระบำไปทั่ว เขารู้สึกถึงความร้อนกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ความหนาวเย็นที่เขารู้สึกมานานตอนนี้จางหายไปแล้วเมื่อเธอจูบเขา
จิตใจของเธอเริ่มกลับคืนสู่ร่าง เธอเริ่มตัวสั่นและครางออกมาเบาๆเมื่อเขาจูบไปตามลำคอระหงของเธอและไม่ยอมที่จะหยุดอยู่แค่นั้น
“หยุด หยุดเถอะ เซดริก”
มันต้องใช้การหักห้ามใจอย่างมากที่จะหยุดการกระทำนี้แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ฝืนใจผลักอกเขา เขาจึงหยุดจู่โจมเธอและดึงตัวเธอเข้ามากอดไว้เพื่อหยุดความร้อนรุ่มในใจเขา
เมื่อเธอค่อยลืมตาขึ้นเพื่อมองเขา เขาจึงจูบแก้มเธอเบาๆก่อนกระซิบบอกเธอ
“ฉันไม่สามารถสัญญากับเธอได้ว่าฉันจะเป็นแค่เพื่อนของเธอ แต่ฉันสามารถสัญญาได้ว่าฉันไม่มีวันปล่อยเธอและฉันไม่มีวันทำให้เธอเสียใจ” เขาพูดกระซิบระหว่างที่เธอเลียริมฝีปากและพยักหน้าให้กับเขา
“ฉัน
ฉัน “เธอพูดตะกุกตะกักก่อนจะก้มหน้าลงและซบอยู่กับอกอุ่นของเขา
“พูดมาเถอะ” เขากระซิบเมื่อเธอมองเขา พยายามปาดน้ำตา เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เธอจะจูบเขาอีกครั้งอย่างเต็มใจ
“ไม่จำเป็นอีกแล้วเซดริก เพราะฉันรู้ว่าจริงๆแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนความตั้งใจของคุณได้ และมันก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนฉันให้ไม่รักคุณได้เช่นกัน ฉันรู้ว่าคุณจะต้องปกป้องฉัน” เธอกล่าวและกอดกระชับท่ามกลางแสงจันทร์ที่แพรวพราว
เช็คดริก ดิกกอรี่ แวมไพร์อายุร้อยปี สามารถอ่านความคิดของมนุษย์ได้ แต่นั่นก็ส่วนมากที่ไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
เขามองเธออีกครั้งและไม่จำเป็นต้องอ่านความคิดของเธอ เพราะเขารู้ว่าเธอเชื่อใจเขา
ความจริงเขากลัวในการที่จะรักใครสักคน หรือการที่จะให้คนๆ นั้นรักเขากลับ แต่ตอนนี้เขาไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว
เวลาจะบอก ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ใจเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง
>>>>>>>>>>>>>>END<<<<<<<<<<<<<<<<
ความคิดเห็น