ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 11 ปิศาจ (Diablo)
บทที่ 11 ปิศาจ (Diablo)
“รอน”
“รอน?”
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างโมโหและกระทุ้งสีข้างของรอนด้วยส้อมของเธอ
“อะ...อะไร?” รอนกระเด้งเกือบครึ่งฟุต แล้วละจากการจ้องมองโต๊ะฮัฟเฟิลพัฟที่เขากำลังทำตาหวานให้แก่ซูซาน โบนส์ นับตั้งแต่เธอเข้ามาในห้องโถงใหญ่เพื่อรับประทานอาหารมื้อค่ำ
“จริงๆ เลยนะ รอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยความรำคาญเล็กน้อย “สำหรับเธอ ทั้งหมดที่กินเข้าไปคือใบหน้าน่ารักๆ แค่นั้น”
“เออ...เธอไม่ต้องทำร้ายฉันก็ได้นะ!” รอนพูดอู้อี้พร้อมกับลูบสีข้างของเขา
“รอน” เฟร็ดพูดกับน้องชายเขา “ถึงเวลาที่นายควรรู้ความจริงเกี่ยวกับเฮอร์ไมโอนี่สาวน้อยที่รักแล้ว”
“เสียใจนะ เฮอร์ไมโอนี่ เราไม่สามารถเก็บความลับของเธอได้อีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาที่รอนควรรู้ความจริงที่เร่าร้อนอันนี้” จอร์จเสริม
เฟร็ดชะโงกไปหารอนและเฮอร์ไมโอนี่ แล้วกระซิบ “นายรู้ไว้ซะ รอน อันที่จริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่เป็นคนวิปลาสชอบใช้ส้อมทำร้ายคน”
ในตอนนี้น้ำเสียงของเฟร็ดขึ้นสูงถึงระดับที่ทำให้พวกกริฟฟินดอร์หลายคนกำลังมองมาที่สี่คนนี้ด้วยความสนใจเล็กน้อย
“เวลานี้ใช่เลย รอน เธอจะ...” แต่เฮอร์ไมโอนี่ถูกขัดจังหวะโดยจอร์จ
“เธอเป็นคนบ้า รอน บ้าไปแล้ว...” จอร์จเปล่งเสียงหัวเราะอย่างวิกลจริต
“รอน” เฮอร์ไมโอนี่อุทานอีกครั้ง “เธอช่วยส่งพายไตสัตว์ให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“พะ...พายอะไรนะ?” เขาถามโดยไม่มองเธอเลย ส่วนฝาแฝดคู่นั้นกำลังทำการแสดงใหญ่เลย พวกเขาพยายามจิ้มส้อมใส่อีกคนด้วยท่าทางพิสดารแบบการต่อสู้ในยุคกลาง
“ชิ้นที่อยู่ตรงมือเธอ รอน”
เฮอร์ไมโอนี่เคาะเบาๆ บนไหล่ของรอน แต่เขายังคงมองไปที่สาวสวยฮัฟเฟิลพัฟ ซึ่งเขาเริ่มสนใจมากๆ ในสองสามวันที่ผ่านมา
“โอ้ ไม่ต้องก็ได้” เธอตวาด และดึงไม้กายสิทธิ์ของเธอออกมา “Accio pie”
พายไตสัตว์เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านรอนไป และเฉียดปลายจมูกเขาเพียงแค่ไม่กี่มิลลิเมตร แล้วลงสู่พื้นโต๊ะอย่างเรียบร้อยในระยะที่เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือถึง
“ขี้อวด” เขาพึมพำ ไม่ชอบใจ
เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งเริ่มตัดชิ้นพายเมื่อแฮร์รี่เลื่อนตัวลงในที่นั่งถัดจากเธอ
“สวัสดี แฮร์รี่ เธอไปอยู่ไหนมา?” เธอถามพร้อมกับส่งพายให้เขา
“คิดว่านายจะไม่มากินอาหารเย็นแล้ว” รอนบอกเขา ในที่สุดก็สามารถมีการสนทนาตามปกติได้ในเวลานี้ เมื่อซูซานออกไปจากห้องโถง
“ฉันกำลังคุยกับแฮกริดที่ด้านนอกห้องสมุด ฉันต้องกลับไปเอาหนังสือเล่มหนึ่ง และเขาบอกฉันว่าดัมเบิลดอร์ได้ตัดสินใจ...” แต่ในเวลานั้นดัมเบิลดอร์ได้ลุกขึ้นที่โต๊ะคณาจารย์
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์รอคอยอย่างอดทนให้ทั้งห้องโถงเงียบเสียงลง ความเงียบกระจายไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่นักเรียนทุกคนในห้องโถงหันไปมองชายร่างสูงในเสื้อคลุมยาวสีม่วงแสบสัน
“ฉันหวังว่าพวกเธอทั้งหมดจะยกโทษให้ฉันสำหรับการขัดจังหวะอาหารเย็นรสเลิศของพวกเรา แต่มีประกาศเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องการแจ้งให้ทราบ”
เฮอร์ไมโอนี่จ้องไปที่แฮร์รี่ และทราบได้ทันทีเลยว่าอะไรก็ตามที่เขากำลังจะบอกพวกเธอมันต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แฮร์รี่เฝ้ามองอาจารย์ใหญ่ด้วยความคาดหวังอย่างสนใจ
“งานเต้นรำวันคริสต์มาสปีที่แล้วเป็นความสำเร็จที่เยี่ยมมาก และเราได้ตัดสินใจจะจัดมันขึ้นอีกครั้งในวันคริสต์มาสปีนี้” ดัมเบิลดอร์ยิ้มกว้าง ขณะที่เสียงพึมพำของการพูดคุยตามมาหลังคำพูดของเขา
“และ” ดัมเบิลดอร์พูดต่อ “เนื่องจากว่าเราทั้งหมดมีช่วงเวลาที่รื่นเริงมากเมื่อปีที่แล้ว ฉันได้ตัดสินใจเปิดงานเต้นรำสำหรับทุกๆ คน นักเรียนทุกชั้นปีจะได้รับอนุญาตให้อยู่ร่วมงานได้”
ทั้งห้องโถงตั้งใจฟังอยู่ในความเงียบน่าตะลึงงัน นักเรียนที่ต่ำกว่าชั้นปีทีสี่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ร่วมงานเต้นรำวันคริสต์มาสมาก่อน “เอาล่ะ ฉันคิดว่าฉันรบกวนเวลาอาหารมื้อค่ำของพวกเธอมานานพอสมควรแล้ว ขอบคุณสำหรับความอดทนของพวกเธอ” ดัมเบิลดอร์ยิ้มให้พวกเขาอีกครั้งแล้วนั่งลง
เสียงที่ตามมาหลังคำพูดสุดท้ายของดัมเบิลดอร์แทบจะดังมากๆ รอน, แฮร์รี่, และเฮอร์ไมโอนี่เอนตัวเข้าหากันเพื่อกระซิบกระซาบ ในขณะที่กลุ่มนักเรียนด้วยกันพูดคุยอย่างตื่นเต้นอยู่รอบพวกเขา
“แต่ฉันคิดว่างานเต้นรำวันคริสต์มาสเป็นธรรมเนียมของการประลองเวทไตรภาคีซะอีก?” รอนถาม
“มันเป็นแบบนั้น” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ คิ้วของเธอชนกันขณะกำลังคิด “ตามที่ได้รับการบอกเล่าจากประวัติศาสตร์ของฮอกวอตส์ งานเต้นรำวันคริสต์มาสจะจัดขึ้นในระหว่างปีการแข่งขันเท่านั้น ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเปลี่ยนแปลงเรื่องนั้น”
“แล้วเรื่องที่ให้พวกปี่ที่หนึ่ง ปีที่สอง และปีที่สามไปได้ มันยังไงกัน?” รอนถาม เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่ยักไหล่
“ฉันรู้” แฮร์รี่พูดเบาๆ แล้วมองไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีใครกำลังฟังอยู่หรือไม่
“งานเต้นรำวันคริสต์มาสถูกกำหนดให้จัดทุกๆ สามปีเท่านั้น แต่เธอจำได้ไหมว่าผู้คนส่วนใหญ่พักอยู่ที่ฮอกวอตส์เมื่อปีที่แล้วเพราะอะไร?”
เฮอร์ไมโอนี่และรอนพยักหน้าพร้อมกัน
“ดัมเบิลดอร์ต้องการเก็บพวกนักเรียนไว้ที่ฮอกวอตส์ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เนื่องด้วยโวลเดอมอร์” แฮร์รี่พูด
รอนมีท่าทางตกใจกลัว พยายามไม่สะดุ้งเมื่อแฮร์รี่เอ่ยชื่อโวลเดอมอร์ “แฮกริดบอกนายอย่างนั้นหรือ?”
“นายก็รู้ว่าแฮกริดเป็นอย่างไร เขาเผลอหลุดมันออกมา เขาบอกฉันว่าฉันจะไม่รู้สึกเบื่อคริสต์มาสปีนี้ เพราะว่าทุกคนจะอยู่ที่นี่เพื่องานเต้นรำ เขาบอกฉันว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อคอยจับตาดูทุกคน”
“ทุกอย่างคงต้องเลวร้ายจริงๆ ถ้าดัมเบิลดอร์ต้องการเก็บนักเรียนทั้งหมดไว้ที่นี่ในช่วงวันหยุด อย่างไรก็ตามมันน่าตลกนะ ไม่มีการกล่าวถึงกิจกรรมด้านมืดใดๆ ในเดลี่พรอเฟ็ตเลย” เฮอร์ไมโอนี่บอกพวกเขา
“ทางกระทรวงกำลังพยายามเก็บเงียบก็เป็นไปได้” รอนเห็นด้วย
“ใช่แน่เลย” แฮร์รี่พึมพำ “พวกเขาจะพยายามและแสร้งทำว่ามันไม่ได้กำลังเกิดขึ้น จนกระทั่งถึงวันที่โวลเดอมอร์มาเคาะประตูบ้านพวกเขา”
“นายกรุณาอย่าเอ่ยชื่อนี้ได้ไหม?” รอนวิงวอน
“อะไรกันวีสลี่ย์ กำลังตรวจหารายชื่อเหรอ พยายามดูว่าใครที่นายกับพอตเตอร์จะติดสินบนให้ไปงานเต้นรำกับนายได้ล่ะซิ?”
เฮอร์ไมโอนี่ตัวแข็งเมื่อการพูดเนิบๆ ของมัลฟอยขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขา ก่อนที่เธอหันไปดูจากที่นั่งของเธอ แฮร์รี่และรอนได้ลุกขึ้นยืนแล้ว มัลฟอยกำลังยืนตรงอยู่ด้านหลังพวกเขาพร้อมรอยยิ้มหยันตามปกติของเขา หน้าตาหล่อเหลาของเขาบิดเบี้ยวอย่างมุ่งร้าย แครบบ์และกอยล์ยืนอยู่ด้านหลังเขาไม่กี่ฟุต
“อย่างน้อยพอตเตอร์ก็มีเงินนิดหน่อย แต่วีสลี่ย์ฉันไม่รู้ว่านายจะจัดการอย่างไร บางทีนายอาจเกลี่ยกล่อมเด็กสาวบางคนให้ไปกับนายได้ด้วยความสงสาร” มัลฟอยพูดอย่างขบขัน
รอนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเข้าไปหามัลฟอย และจัดการปล่อยกำปั้นหนักๆ ออกไปหนึ่งทีก่อนแฮร์รี่เข้าร่วมการทะเลาะวิวาท แฮร์รี่กำลังพยายามดึงรอนออกมาหรือเหนี่ยวมัลฟอยให้ล้มลง เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจบอกได้ แล้วสเนปก็มาถึงตรงนี้เป็นคนแรก
“พอตเตอร์! วีสลี่ย์! พวกเธอคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่?” สเนปคำราม พร้อมกับลากเด็กชายทั้งสองคนออกจากมัลฟอย
“มัลฟอยเริ่มมันก่อน!” รอนโพล่งมา สีหน้าเขาโกรธมากและแดงก่ำ
“ศาสตราจารย์สเนปครับ ผมมาที่นี่เพื่อให้หนังสือแก่เกรนเจอร์ เกี่ยวกับโครงการวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ของเราแค่นั้น” มัลฟอยดึงหนังสือเก่าเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเขา และยื่นมันมาให้เฮอร์ไมโอนี่ “แล้วพอตเตอร์และวีสลี่ย์ก็มาทำร้ายผมครับ”
“กักบริเวณพอตเตอร์ และเธอด้วยวีสลี่ย์ การชกต่อยเป็นเรื่องผิดกฎระเบียบ พวกเธอคงรู้ดีนะ!” สเนปตวาดใส่พวกเขา
เฮอร์ไมโอนี่ตระหนักว่ามัลฟอยยังคงยื่นหนังสือให้เธออยู่ เธอจำได้ว่ามันเป็นหนึ่งในหนังสือทั้งหลายของโอ’แลรี่
“เอามันไปเกรนเจอร์ มีบางอย่างที่เธอควรดูมันอยู่ในนี้จริงๆ”
เฮอร์ไมโอนี่เงยขึ้นจากหนังสือและสบตากับมัลฟอย นัยน์ตาสีเทาเข้มดูเหมือนมองทะลุเข้าไปในตัวเธอ เธอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหน้าแดงจึงมองไปทางอื่น เมื่อเธอรับหนังสือมาจากเขา เขาจ้องมองเธออีกครั้งก่อนจากไป
เฮอร์ไมโอนี่หันกลับเข้าที่นั่งของเธอ และเริ่มพลิกหนังสือผ่านๆ เธอกำลังพยายามอย่างหนักไม่รับฟังว่ารอนกำลังเปรียบเปรยมัลฟอยและสเนปกับอะไรบางอย่างที่ไม่ดีเลยอย่างสุดๆ ขณะที่เธอพลิกแผ่นกระดาษสีเหลืองทั้งหลายอย่างเบามือ กระดาษพับชิ้นหนึ่งปลิวลงสู่พื้น เธอหยิบมันขึ้นมาและรับรู้ว่ามันคือข้อความสั้น
“ห้องสมุด หลังอาหารว่างมื้อค่ำ” มันถูกเขียนอยู่อีกด้านของต้นฉบับอันประณีตซึ่งเธอรู้ว่าเป็นของมัลฟอย
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกลมหายใจสะดุดชั่ววินาที แล้วรีบเก็บข้อความนั้นกลับเข้าไปในหนังสืออย่างรวดเร็ว เธอหันไปมองที่โต๊ะสลิธีรินอย่างปกติ มัลฟอยเอียงศีรษะของเขาไปด้านหลังในขณะที่แพนซี่กำลังใส่บางอย่างที่รอยฟกช้ำตรงแก้มเขา เขาเหมือนรู้ตัวถึงการมองของเฮอร์ไมโอนี่ เขาหันศีรษะกลับมาและสบตาเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวว่าพยักหน้าให้เขาอย่างรวดเร็ว แล้วหันกลับไปฟังรอนที่กำลังบอกแฮร์รี่ถึงสิ่งที่เขาอยากทำกับมัลฟอย
__________________
เฮอร์ไมโอนี่เดินขึ้นบันไดออกจากห้องโถงใหญ่ การพูดคุยอย่างตื่นเต้นเลือนหายไปเมื่อเธอเลี้ยวไปยังโถงทางเดินที่มืดมิด ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เฮอร์ไมโอนี่สงสัยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอตกลงเพื่อไปพบมัลฟอยในสถานที่ร้างผู้คน เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อกระพือปีกอย่างไร้จุดหมายอยู่ภายในท้องของเธอ
“มัลฟอยงี่เง่า” เธองึมงำภายใต้ลมหายใจ
แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่หวาดกลัวที่จะอยู่ตามลำพังกับมัลฟอย เธอทราบว่าไม่มีทางที่เธอจะปฏิเสธเขา อย่างไรก็ตามไม่ว่ากี่ครั้งที่เธอบอกกับตัวเองว่า เธอไม่ใส่ใจเลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่มสลิธีรินคนนี้ เธออาจมองข้ามความรู้สึกหวั่นเกรงที่ไม่อาจต้านทานได้นี้ ที่เธอรู้สึกเมื่อเธอคิดถึงเรื่องการไปจากฮอกวอตส์ของเขา มัลฟอยไม่ได้บอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้นที่ฮอกส์มี้ดกับพ่อของเขา แต่เฮอร์ไมโอนี่เป็นสาวน้อยที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง และลักษณะท่าทางของโทสะที่ลูเซียส มัลฟอย แสดงออกบนใบหน้าขณะค้นหาลูกชายของเขา ทำให้เลือดของเธอกลายเป็นน้ำแข็ง
“ถ้าเขายังไม่บอกดัมเบิลดอร์ ฉันจะต้องทำให้เขาไปให้ได้!” เธอพูดกับตัวเองอย่างหนักแน่น
เธอทราบว่ามัลฟอยไม่ต้องการไปพบลูเซียส;เธอรู้ว่าเขาไม่ต้องการเป็นผู้เสพความตาย สิ่งนี้ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแปลกใจมากกว่าอะไรทั้งสิ้น แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง อีกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องบังคับความรู้สึกต่างๆ ที่เธอรู้สึกเมื่อมัลฟอยสัมผัลแก้มเธอ เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาใกล้ เมื่อเขา...
“หยุดนะ! หยุดคิดถึงมัน” เฮอร์ไมโอนี่ตำหนิตัวเอง เมื่อเลี้ยวตรงระเบียงอีกแห่งบนเส้นทางไปห้องสมุด
ไม่ใช่ว่าเธอชอบสิ่งที่มัลฟอยทำหรือสิ่งที่เธอทำก็เช่นกัน เธอเพียงแค่ไม่อาจกำจัดมันออกไปจากใจของเธอได้ และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่มาถึงประตูเข้าห้องสมุด เธอสามารถเกลี้ยกล่อมตัวเองซึ่งไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย ให้เชื่อว่าเธอไม่ได้ชอบมัลฟอย ไม่ชอบเขาเลยสักนิด
เฮอร์ไมโอนี่หยุดชะงักก่อนเข้าห้อง สูดหายใจลึกๆ อย่างสม่ำเสมอแล้วเปิดประตู กองไฟอบอุ่นกำลังลุกไหม้อย่างโชติช่วงอยู่ในตะแกรงเหล็ก มัลฟอยกำลังนั่งอยู่ในเก้าอี้ตัวหนึ่งที่โต๊ะขนาดใหญ่ เขาเงยขึ้นมองเธอและชั่วแวบหนึ่งที่เฮอร์ไมโอนี่เห็นบางอย่างสว่างวาบในดวงตาสีเทาของเขา บางอย่างที่อบอุ่นและเชิญชวน แต่แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็วพอๆ กับที่ปรากฏ แล้วเฮอร์ไมโอนี่พบว่าตัวเองกำลังมองเดรโก มัลฟอยคนเดิมที่เธอชิงชังเสมอมา
“ไม่แน่ใจเลยว่าเธอจะมาหรือไม่ เกรนเจอร์ ฉันนึกว่าพอตเตอร์และวีสลี่ย์จะเก็บเธอเอาไว้ที่นั่นตลอดไป” มัลฟอยบอกเธอด้วยการพูดเนิบๆ ตามปกติของเขา
“นายรู้ดี นายไม่ต้องทำให้พวกเขาถูกกักบริเวณเพียงแค่จะส่งข้อความให้ฉันก็ได้ มัลฟอย” เธอตอบขณะดึงประตูปิดตามหลังเธอ
“ก็จริง แต่ทำไมฉันจะไม่ฉวยโอกาสดีพิเศษแบบนี้ล่ะ?” มัลฟอยยิ้มหยันให้เธอ
“นายรู้ไว้นะ มัลฟอย บางครั้งนายช่างเป็นคนที่พูดจาไม่ได้เรื่องมากเลย!” เฮอร์ไมโอนี่ตะคอกใส่
เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงในเก้าอี้อย่างปั้นปึ่งตรงข้ามเขา เธอรู้สึกขอบคุณอย่างมากที่มีโต๊ะทั้งตัวแยกพวกเขาออกจากกัน เวลานี้เขาเฝ้าดูเธออย่างเงียบๆ ลอนผมสีทองสว่างของเขาตกคลุมใบหน้าเขาไว้ เฮอร์ไมโอนี่ต้องข่มความปรารถนาที่จะโน้มตัวไปปัดมันกลับไปด้านหลังศีรษะของเขา เธอสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อจินตนาการว่านิ้วมือของเธอเคลื่อนผ่านเส้นผมสีทองแกมเงินของเขา
ความเงียบอบอวลอยู่ภายในห้องเป็นเวลาหลายนาที เฮอร์ไมโอนี่นั่งอย่างไม่สบายใจในขณะที่มัลฟอยสำรวจเธออยู่เงียบๆ ฝ่ามือเธอกำลังเริ่มชื้นและรู้ตัวว่าเริ่มหน้าแดงเมื่อมัลฟอยยังคงจ้องมาที่เธอ
“ว่าไง?” เธอถาม หวังว่าเสียงเธอคงนิ่งกว่าที่เธอรู้สึก
“ว่าไง?” มัลฟอยตอบ;เขาดูเหมือนจมอยู่กับความคิด
“นายพูดกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์หรือยัง?” เฮอร์ไมโอนี่ถาม อยากรู้คำตอบเหลือเกินแต่ก็กลัวมันเช่นกัน
มัลฟอยดูเหมือนทราบว่าเธออยากรู้มากขนาดไหน เขายืดตัวขึ้นอย่างเนือยๆ และมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เป็นคืนที่สวยงามไม่ใช่หรือ? พระจันทร์เต็มดวงอยู่ข้างนอกนั่น เธอไม่คิดเช่นนั้นหรือเกรนเจอร์?” รอยยิ้มหยันเย่อหยิ่งของเขามากกว่าเดิม
“บ้าชะมัด มัลฟอย ถ้านายไม่บอกเขา ฉันสาบานว่าฉันจะลากนายไปเอง!” เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้น ดวงตาเปล่งประกายวาบ
“ฮึม...นั่นอาจจะน่าสนใจ เธอไม่คิดรึ?” มัลฟอยจ้องเธอกลับ
เฮอร์ไมโอนี่กำมือทั้งสองของเธอแน่นและก้มมองที่โต๊ะ เธอเกลียดที่สิ่งนี้ช่างยากเย็นสำหรับเธอ เธอเกลียดความจริงที่ว่าเธอวิตกกังวล กลุ้มใจอย่างมากเหลือเกินเกี่ยวกับตัวเขา
มัลฟอยถอนหายใจเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่เงยขึ้นมองเขา รอยยิ้มหยันเย็นชาเลือนหายไปแล้ว ทำให้เธอนึกถึงเด็กชายตัวน้อยหลงทางที่เธอได้พบในตรอกที่ฮอกส์มี้ด
“ฉันคุยกับดัมเบิลดอร์แล้ว และฉันยังอยู่ที่นี่ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรกับลูเซียส ฉันรู้แต่ว่าเขาจะโมโหมากเลย แต่นั่นแหละฉันสงสัยว่าดัมเบิลดอร์จะแคร์หรือ เขาถูกยับยั้งจากทางกระทรวงไม่ใช่หรือ?” มัลฟอยถามด้วยน้ำเสียงเบาและพ่ายแพ้
เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าให้เขา “ใช่ เขาเป็นเช่นนั้น ฟัดจ์จะไม่ยอมรับความจริงว่าโวลเดอมอร์ได้กลับมาแล้ว”
“แล้วไง ทำไมการต่อสู้ช่างยุ่งยากเช่นนี้? มัลฟอยยกมือข้างหนึ่งเสยผมเขาและปัดมันกลับไปด้านหลัง ซึ่งรบกวนจิตใจของเฮอร์ไมโอนี่นับตั้งแต่เธอได้เข้ามาในห้อง “ถ้าดัมเบิลดอร์และกระทรวงต่างแตกแยกกัน แล้วใครคนไหนมีโอกาสชนะโวลเดอมอร์ได้?”
นัยน์ตาเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้างเมื่อการปัดผมไปด้านหลังของเขาเผยให้เห็นดวงตาสีดำคล้ำข้างหนึ่ง เธอไม่อาจห้ามรอยยิ้มที่กระจายไปทั่วใบหน้าได้กับภาพที่เห็น มัลฟอยมองเธออย่างสงสัย
“มีอะไรน่าหัวเราะ เกรนเจอร์?” เขาถาม
“ไม่มีอะไร แค่พึงพอใจที่รู้ว่านายไม่ได้รอดไปโดยไม่เจ็บตัว มัลฟอย” เธอบอกเขาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
เฮอร์ไมโอนี่เกือบสาบานว่ามัลฟอยยิ้มให้เธอ “ฟังนะ นายไม่ต้องทำเป็นคนพูดพล่ามเหน็บแนมทุกคนตลอดเวลาหรอก”
“แน่นอน ฉันรู้ ” เขาบอกเธออย่างร่าเริง
“มัลฟอย เขาทำอะไร? พ่อของนาย ทำไมเขาค้นหานายที่ฮอกส์มี้ด?”
คำพูดทั้งหลายหลุดออกจากปากเธอก่อนเธอจะห้ามได้ เฮอร์ไมโอนี่ต้องการถามเขานับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นแล้วแต่เธอไม่กล้า ในเวลานี้เธอรู้สึกมุ่งมั่นอย่างมากกับการช่วยเหลือ เมื่อทราบว่าเขาไม่ได้กำลังจะปล่อยโชคชะตาของเขาให้หลุดลอยไป
“ลูเซียสและฉันแค่สนทนากันถึงเรื่องแผนการอนาคตของฉัน” มัลฟอยบอกเธออย่างสงบ น้ำเสียงไร้ความรู้สึก
“มัลฟอย...” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำอย่างอ่อนโยน
“ฟังนะ เกรนเจอร์ เธออยากให้ฉันพูดอะไร? อะไร, จริงๆ แล้วเธออยากได้ยินว่าพ่อของฉันจะยินดีฆ่าฉันถ้าโวลเดอมอร์สั่งเขาอย่างนั้นใช่ไหม? ถึงแม้ว่าลูเซียสอาจฆ่าฉันก็เป็นไปได้ แล้วอาจารย์ใหญ่ผู้ทรงคุณค่าของเธอพูดอะไรได้? เธออยากให้ฉันพูดอะไร เกรนเจอร์?” นัยน์ตาสีเทาของมัลฟอยมืดมนลงอย่างน่ากลัว จากนั้นเขาหยุดนิ่งแล้วมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่เธอ
มัลฟอยยกมือเสยผมอีกครั้งแล้วซบหน้าลงกับฝ่ามือพร้อมกับวางข้อศอกไว้บนโต๊ะ เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือข้ามโต๊ะมาและสัมผัสมือของเขาอย่างอ่อนโยน;เขาสะดุ้งและมองเธอ เฮอร์ไมโอนี่ดึงมือกลับอย่างฉับพลันและหดตัวลงในที่นั่งของเธอ ต่อต้านอาการหน้าแดงที่กำลังเกรงว่าจะเล็ดลอดออกมาบนใบหน้า
“มัลฟอย ฉันคิดว่ามันจะต้องเรียบร้อยดี นายต้องปลอดภัยที่ฮอกวอตส์เพราะดัมเบิลดอร์” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขาเมื่อเธอหาเสียงตัวเองเจออีกครั้ง
มัลฟอยหัวเราะอย่างดูแคลน “โอ้ ใช่ซินะ เพราะดัมเบิลดอร์ยังคงปฏิบัติภารกิจอันยอดเยี่ยมในการดูแลความปลอดภัยของพอตเตอร์!”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีด ราวกับว่าเธอจำเป็นต้องเตือนสติว่าบ่อยครั้งแค่ไหนที่แฮร์รี่ตกอยู่ในอันตราย ราวกับว่าเธอไม่ได้ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ของเธอคอยวิตกกังวลเกี่ยวกับเขาและรอน เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกประหลาดใจตัวเองชั่ววูบหนึ่ง ว่าในเวลานี้เธอกำลังกังวลเกี่ยวกับมัลฟอยตลอดเวลาเช่นกันหรือไม่ เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากล่างและพิจารณาลวดลายแกะสลักประณีตบนขอบโต๊ะตัวใหญ่ที่แยกพวกเขาไว้ รู้สึกถึงสายตาของเขาบนตัวเธอ เฮอร์ไมโอนี่เหลือบขึ้นมองเขา
สีหน้าของมัลฟอยช่างราบเรียบอ่านไม่ออกเลย แต่เฮอร์ไมโอนี่สัมผัสถึงการสั่นไหวของความกังวล แล้วภาพต่างๆ จากการเผชิญหน้าในอดีตของพวกเขาผ่านแวบเข้ามาในใจของเธอ เธอรีบลุกขึ้นจากที่นั่งแทบจะทำเก้าอี้ล้ม
“ห้องสมุดกำลังจะปิดแล้ว” เธอบอก หวังว่าเขาไม่รู้ว่าเสียงของเธอขึ้นสูงเล็กน้อยกว่าปกติ
“และเธอดูเหมือนไม่อยากออกไปมากเลยหลังจากหลายชั่วโมงก่อน เกรนเจอร์”
“ฟังนะ ฉันไม่ต้องการมีปัญหา มัลฟอย”
เฮอร์ไมโอนี่รื้อค้นกองม้วนกระดาษภายในลังใบหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ แล้วดึงมันออกมาไม่มากนักเพื่อไปทำงานต่อที่ห้องนั่งเล่นรวม เธอเดินไปที่ประตูแล้วหันกลับมามองเขา มัลฟอยไม่ขยับเขยื้อนเลย สายตาเขาอ้อยอิ่งอยู่ที่ตัวเธอจากนั้นมองกลับไปที่กองไฟ
“ฉัน...ฉันดีใจที่นายยังอยู่ที่นี่ มัลฟอย” เธอพูดอย่างอ่อนโยน รู้สึกประหลาดใจที่คำพูดเหล่านี้มาจากเธอ
มัลฟอยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น และสายตาเขาไม่ได้ละจากเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ในเตาผิง
__________________
เฮอร์ไมโอนี่ดึงเสื้อคลุมกันหนาวให้กระชับรอบตัวเธอ และนึกอยากนำบางอย่างที่อุ่นๆ มาดื่มข้างนอกกับเธอด้วยเหลือเกิน เธอมองขึ้นไปยังทีมควิดดิชกริฟฟินดอร์ที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ แฮร์รี่ร่อนต่ำลงมาที่เธอจากที่เขาบินร่อนสูงกว่าคนอื่นๆ ขณะที่คอยให้ลูกสนิชปรากฎอีกครั้ง โดยปกติแล้วเฮอร์ไมโอนี่สนุกสนานกับการดูการฝึกซ้อมควิดดิช แต่วันนี้อากาศหนาวเย็นไปนิดเกินกว่าจะอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานๆ เฮอร์ไมโอนี่ถูมือทั้งสองของเธอเข้าด้วยกันและหายใจออกมาอย่างแรง ยิ้มบางๆ เมื่อลมหายใจกลายเป็นไอรอบตัวเธอ
“สวัสดี เฮอร์ไมโอนี่”
เฮอร์ไมโอนี่มองลงไปและเห็นดีน โธมัส กำลังปีนขึ้นบันไดตรงมาที่เธอ
“สวัสดี ดีน เป็นอย่างไรบ้าง?” เธอถามเขาอย่างร่าเริง
ดีนยิ้มให้อย่างอบอุ่นและนั่งลง เขาค้นของภายในกระเป๋าแล้วดึงกระติกน้ำร้อนของพวกมักเกิ้ลออกมาใบหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ฉีกยิ้มกว้างและเขยิบเข้าไปใกล้เขามากขึ้น
“เธอมีอะไรอยู่ในนั้นล่ะ?” เธอถามพร้อมรอยยิ้มอยากรู้
“น้ำไซเดอร์ร้อน พวกเอลฟ์ต้มมันอยู่ในครัวตลอดทั้งวัน ในที่สุดเซมัสและฉันตัดสินใจว่ามันคงคุ้มค่าที่ลงไปเยี่ยมชมข้างล่างนั่นเพื่อนำมันมาสักหน่อย” ดีนเทของเหลวสีน้ำตาลทองใส่ลงในฝากระติกแทนถ้วยใบเล็ก และยื่นมันส่งให้เธอ
“ขอบคุณนะ ดีน ที่ข้างนอกนี้มันช่างหนาวเหน็บจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันตกลงใจมาดูพวกเขาฝึกซ้อมกัน ฉันน่าจะทำอะไรบางอย่างที่มีประโยชน์นะ” เธอบอกเขาอย่างละห้อย
“อะไรที่ว่าเช่น ตัวเลขมหัศจรรย์ล่ะซิ?” ดีนยิ้มกว้าง “การชมควิดดิชดีกว่าตัวเลขมหัศจรรย์ไม่ว่าวันไหนๆ ก็ตาม สิ่งเดียวที่อาจดีกว่าคงเป็นการแข่งขันฟุตบอล”
“ทำไมเพื่อนๆ ทั้งหมดของฉันต้องเป็นพวกคลั่งไคล้กีฬานะ?” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“เป็นเรื่องปกติ เฮอร์ไมโอนี่ พูดกันตามประสาเพื่อน ฉันกำลังสงสัยว่าเธอจะ เออ คือฉันหมายถึงว่า เมื่อเราเป็นเพื่อนกันเรื่อยมา” ดีนก้มดูที่รองเท้าของพวกเขาอย่างเขินๆ “ฉันกำลังคิด เออ ฉันหมายถึงว่าเธออาจจะตกลงไปกับรอนหรือแฮร์รี่แล้วก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเธอยังไม่ได้ และเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน” ดีนชะงักและมองมาที่เฮอร์ไมโอนี่ “เธอต้องการไปงานเต้นรำกับฉันไหม?”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม “เปล่าเลย ฉันยังไม่ได้ตกลงไปกับรอนหรือแฮร์รี่ พวกเขาคิดว่าถ้าพวกเขาต้องได้รับผลเหมือนกับงานเต้นรำคราวก่อน พวกเขาจะไปโดยไม่มีคู่นัด”
ดีนมีท่าทางผ่อนคลายกับข้อมูลใหม่นี้
“ฉันอยากไปกับเธอ ดีน มันจะต้องวิเศษมากเลย” เธอบอกเขา “โอ้ดูนั่น ฉันคิดว่าพวกเขาเลิกแล้ว”
ดีนหันไปดูที่สนามเมื่อทีมกริฟฟินดอร์ร่อนลงสู่พื้นดิน
“เธออยากลงไปสบทบกับพวกเขาไหม?” เขาถามเธอ
“แน่นอน” เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้นและดื่มน้ำไซเดอร์อึกสุดท้าย รู้สึกเป็นสุขกับความอบอุ่นสบายที่ได้รับจากมัน
ดีนเก็บกระติกน้ำร้อนและยืนหันหลัง ขณะคอยให้เฮอร์ไมโอนี่เสร็จจากการเก็บข้าวของของเธอ เธอเงยขึ้นมองเขาและเขาส่งยิ้มอบอุ่นให้เธอ เฮอร์ไมโอนี่แทบสาบานได้ว่าเขากำลังหน้าแดงเล็กน้อยก่อนเขามองไปทางอื่น
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกับตัวเองขณะดึงกระเป๋าของเธอพาดบนไหล่ เธอชอบดีน เขาเป็นคนดี
“โอ้ ถูกต้อง” ส่วนหนึ่งภายในใจเธอกระซิบ “ดีมาก และปลอดภัยด้วย”
“แล้วมีอะไรผิดเกี่ยวกับความปลอดภัย?” เฮอร์ไมโอนี่ถามตัวเอง “ฉันชอบความปลอดภัย มันดีกว่าทางเลือกอื่น”
ภาพของมัลฟอยกระโดดเข้ามาในใจเธอทันที ท่าทางโดดเดี่ยวและดูหลงทาง มัลฟอยกำลังมองมาที่เธอด้วยสีหน้าที่เธอไม่เข้าใจเลย แต่ทำให้รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อหลายตัวกระพือปีกอยู่ภายในท้องของเธอ แต่ดีนไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น
“ทำไมฉันกำลังคิดถึงมัลฟอยอีกแล้ว? บางทีรอนอาจพูดถูก บางทีฉันกำลังจะเป็นบ้า” เธอคิด
“ใช่แล้ว” เสียงแหลมหนึ่งพูดขึ้นอีกครั้ง “เธออยากให้มันเป็นข้ออ้าง”
“โอ้ หุบปากซะ!” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดด้วยความรำคาญ
ดีนชำเลืองข้ามไหล่เขามามองเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกหน้าแดงเมื่อตระหนักว่าคำพูดสุดท้ายลอดดังออกมา เธอรีบเร่งฝีเท้าและตามมาสมทบกับดีนแล้วเดินลงไปที่สนามหญ้า ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าเธอจะไม่คิดถึงมัลฟอยอีก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น