คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 งานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากใต้แสงจันทร์(1)(Moonlight Masquerade, part 1)
ตอนที่ 11 งานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากใต้แสงจันทร์(1)(Moonlight Masquerade, part 1)
“แค่ถามเขา” เฮอร์ไมโอนี่พูดแกมขุ่นเคือง “เมอร์ลินรู้ดีว่าเขาดื้อรั้นเกินกว่ามาถามเธอ” เธอชำเลืองมองไปทางคริสตอฟ
เอ็มม่ามองเฮเลนราวกับว่า เธอเพิ่งจะแนะนำให้ไปกระโดดลงมาจากหน้าผาสักพันฟุต “เฮเลน เธอไม่สามารถถามชายหนุ่มก่อน นั่นไม่ใช่สิ่งสมควร ผู้ชายต้องถามผู้หญิง” เอ็มม่า
อธิบายอย่างช้าๆ
ไม่ใช่ในทศวรรษของฉัน เฮอร์ไมโอนี่อยากพูดเสียเหลือเกิน แต่กลับเอ่ยแทนว่า “ไม่ใช่ในเยอรมนี มันเป็นอีกแบบหนึ่งในเยอรมนี”
“นี่ดูเหมือนเยอรมนีสำหรับเธอรึ?” เอ็มม่าถาม
“เธอแค่ไปขอโทษ และเธอก็รู้นี่”
“ฉันไม่ทำ!”
“เดินไปตรงนั้นและถามเขาซะก็สิ้นเรื่อง!”
ทันใดนั้นเฮอร์ไมโอนี่รู้ตัวว่าเธอกำลังพูดเสียงดังมาก ความจริงทั้งห้องนั่งเล่นรวมถูกกระตุ้นความสนใจด้วยบทสนทนาของหญิงสาวทั้งสอง เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นอย่างชัดเจน เกิดอะไรขึ้นในการทำตัวสงบเสงี่ยม? หลังจากผู้คนมองไปทางอื่นแล้ว เอ็มม่ากอดแขนตัวเองอย่างดื้อดึง
“ฉันจะไม่ทำ” เอ็มม่าบอกอย่างโกรธๆ เฮอร์ไมโอนี่ถูกทำให้นึกถึงตัวเองกับรอนเมื่อตอนอยู่ปีที่สี่อย่างมากเลย
“ดีล่ะ ในกรณีนั้นเธอจะได้ไปคนเดียว”
เอ็มม่าแสดงท่าไม่พอใจ “ทำไมคริสตอฟต้องเป็นคนดื้อรั้นซะมากมายจริงๆ?”
“ก็ไม่ดื้อมากไปกว่าเธอหรอก” เฮอร์ไมโอนี่เปล่งเสียงออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“เธอไม่ได้ช่วยเลย” เอ็มม่าตอบโต้ และเดินกระแทกเท้าออกไปจากหอนอน
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจและหันกลับไปยังหนังสือของเธอ ถ้าเธอมีเวลาส่องกระจกก็จะเห็นใบหน้าซีดเผือดอิดโรยกำลังจ้องกลับมาที่เธอ มีวงสีน้ำเงินเข้มคล้ำใต้ดวงตาเธอและริมฝีปากเป็นร่องลึก โหนกแก้มปรากฏอย่างชัดเจนน่ากลัว และใบหน้าเธอดูเหมือนว่างเปล่าและตึงเครียดอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งหมดนี้ทำให้เธอดูซีดเซียวอ่อนแอ และเธอรู้สึกว่ามันมาจากความกลุ้มใจ เธอยังไม่พบวิธีการที่จะกลับไปและมีข้อสงสัยเพิ่มขึ้นว่ามีบางอย่างที่ผิดพลาดอย่างมาก เธอกำลังยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับเวลาอย่างที่ไม่มีพ่อมดคนไหนเคยทำ ผลที่ตามมาในอนาคตอาจจะกำลังเสียหาย เธอนอนหลับได้น้อยมากและไม่สามารถหนีไปจากความวิตกกังวลที่เธอรู้สึกได้ มีบางอย่างที่นอกเหนือจากความกังวลด้วยเช่นกัน บางอย่างที่เธอไม่อยากจะเผชิญหน้า
ครั้งหนึ่งแฮร์รี่ได้เล่าให้เธอฟังนิดหน่อยเกี่ยวกับทอมเมื่อเขายังเป็นเด็กหนุ่มสลิธีริน แรกเริ่มเขาใช้ชีวิตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามักเกิ้ลจนถึงอายุ 11 ปี พ่อของเขาได้ทอดทิ้งเขาไป จากนั้นเขาได้มาที่ฮอกวอตส์และถูกคัดเลือกให้อยู่บ้านสลิธีริน โดยพื้นฐานของความเป็นจริงทั้งหมด ทอมไม่เคยมีใครสักคนในชีวิตให้เขาสามารถไว้วางใจ อาจไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาเสียสมดุล แต่เป็นความจริงที่ว่าเขาไม่เคยไว้วางใจและมีความรักน้อยมากไม่ว่ากับใครทั้งนั้น
เฮอร์ไมโอนี่ไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ชั่วขณะอย่างระมัดระวังและจากมุมมองที่เป็นตรรก และทันใดนั้นเธอสงสัยว่าถ้ามีวิธีเพื่อช่วยเหลือเขา ช่วยเขาพ้นจากการกลายเป็นทรราชที่โหดร้าย ไร้ความเมตตาที่เขามุ่งมั่นจะเป็น เขาเป็นคนเย็นชาเหลือเกินและไม่เป็นมิตรอย่างมาก เฮอร์ไมโอนี่สงสัยว่าถ้ามีอะไรสักอย่างปลดปล่อยเขาให้ปลอดภัย เขาจะมีหัวใจหรือจิตวิญญาณไหม? หรือว่าเขาไปไกลเกินกว่าจะช่วยได้เสียแล้ว?
แต่เฮอร์ไมโอนี่ทราบคำตอบเรียบร้อยแล้ว เธอได้ค้นพบมันในการจุมพิต ความจริงคือที่ไหนสักแห่งลึกๆ ลงไปข้างในตัวทอม มีสิ่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกับหัวใจ มันเกือบจะเหี่ยวแห้งไม่มีอะไรและถูกแช่แข็งเอาไว้ แต่ว่ามันอยู่ที่นั่น
เสียงในหัวของเธอบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่า ไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานเกินไปถ้าบางอย่างไม่สำเร็จ
แม้ว่าเธอไม่ได้คิดทำมันให้เป็นจริงในเวลานี้ มีบางอย่างที่จำเป็นสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ที่ปรารถนาอย่างยิ่งในการเข้าถึงหัวใจของเขา ไม่ใช่เพราะว่าโลกแห่งเวทมนตร์ขึ้นอยู่กับมัน แต่เป็นเพราะแผนการของพรหมลิขิตที่บิดเบี้ยว เธอกำลังตกหลุมรักเขาเช่นกัน
-------------------------------------------------
ทอมถอนหายใจและพลิกหน้ากระดาษสมุดบันทึกของเขาไปเรื่อยๆ พร้อมกับรับรู้ว่ามันเกือบเต็มหมดแล้ว ความทรงจำมากมายเหลือเกินได้ถูกถ่ายเทใส่ในสมุดบันทึก ความเจ็บปวดมากจริงๆ ไม่ใช่ว่าทอมได้เขียนปัญหาหรือความรู้สึกต่างๆ ของเขาทั้งหมดลงในสมุดบันทึก แต่เขาได้บันทึกอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นในแต่ละวัน เพราะเขาสร้างมันขึ้นด้วยการร่ายเวทมนตร์ เพื่อให้แน่ใจว่าถ้าหากเขาตายไป เขาจะดำรงชีวิตอยู่รอดได้ด้วยความทรงจำของเขาอย่างแท้จริง
เขาพลิกกลับไปยังหน้าแรกๆ ที่เขาเริ่มเขียนมัน ในปีแรกของเขาที่ฮอกวอตส์ ถ้อยคำมากมายนี้ส่งคืนความทรงจำต่างๆ ให้บาดลึกเข้าไปในเส้นเลือดเขาคล้ายกับมีดน้ำแข็ง ทอมมาถึงฮอกวอตส์ในสภาพมอมแมมสกปรก ทุกข์ยากน่าสังเวช ดื้อดึงและทะเยอทะยาน เขาแบกความลับอยู่ในหัวใจ เขาหวังอย่างยิ่งว่าบางทีสิ่งต่างๆ ที่ฮอกวอตส์จะดีกว่าที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขามาถึงเพื่อพบว่าสิ่งต่างๆ ไม่ได้ดีกว่าเลย เขาถูกคัดเลือกเข้าในบ้านสลิธีริน และเป็นเด็กกำพร้าเลือดผสมคนเดียวท่ามกลางเหล่าคนรวยเลือดบริสุทธิ์ เขาถูกละเลยอีกครั้งและโดนวางทิ้งไว้ให้เป็นบางสิ่งที่เขาไม่มีอำนาจควบคุม เพื่อกลายเป็นใครที่เขาเป็นอยู่
หน้ากระดาษของสมุดบันทึกเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง และทอมพบว่าตัวเองมาอยู่ในปีที่สอง เขาได้สืบหาประวัติเชื้อสายของแม่เขาย้อนหลัง จนค้นพบว่าเขาเป็นผู้สืบสกุลสายตรงของซัลลาซาร์ สลิธีริน เขาได้เริ่มต้นค้นหาเอกสารต้นฉบับเก่าต่างๆ และเจอคำพยากรณ์มากมายเกี่ยวกับ ‘ทายาทของสลิธีริน’ เขาได้อ่านเรื่องว่าจะเปิดห้องแห่งความลับในตำนานได้อย่างไร เขาได้อ่านเรื่องว่าจะปลดปล่อยความน่ากลัวที่หลับใหลอยู่นับพันปีออกสู่โลกได้อย่างไร เขาได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับซัลลาซาร์ สลิธีริน ว่าจะมีชีวิตอีกครั้งได้อย่างไร
เขาสืบเชื้อสายโดยตรงจากสลิธีริน...ใครอื่นอีกที่คำพยากรณ์ต่างๆ กล่าวถึงถ้าไม่ใช่ทอม ริดเดิ้ล?
ทอมรับรู้ได้เมื่ออายุเพียง 12 ปีเท่านั้นว่า ชีวิตของเขาทั้งหมดได้ถูกวางแผนไว้สำหรับเขาแล้ว เขาคือใคร เขาจะเป็นใคร ได้ถูกตัดสินไว้ยาวนานแล้วก่อนเขาเกิด เขาต้องเป็นลอร์ด โวลเดอมอร์ นี่คือโชคชะตาของเขา
และตลอดทั้งชีวิตเขาก่อนหน้านั้น ทอมเชื่อว่า ‘ทางเลือก’ เป็นสิ่งที่ปั้นแต่งอนาคตของมนุษย์ จนในที่สุดเขาพบว่าเขาได้ถูกผูกเข้ากับโชคชะตานี้ พรหมลิขิตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้ เขาจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย
ความเกลียดชังไร้เมตตาสำหรับโลกเพิ่มพูนในตัวเขา ความเกลียดชังสำหรับโลกที่คาดหมายให้เขาเป็นปิศาจน่าหวาดกลัวและเลวร้าย โลกที่ไม่เคยให้โอกาสแก่เขาในการแลกเปลี่ยน ฉะนั้นมีอะไรอื่นให้ทำอีกนอกจากกอดรับพรหมลิขิตนี้ โชคชะตานี้ และปิศาจที่หลับใหลอยู่ภายในตัวเขานี้?
ชั่ววูบหนึ่ง ทอมอยากขว้างสมุดบันทึกเข้าไปในเปลวไฟเหลือเกิน เขาต้องการเผาทำลายอดีตที่ผ่านมาอย่างมาก แต่แล้วเขาก็หยุดและก้มดูปกสมุดเข้าเล่มหนังสัตว์ เขาเก็บมันเข้าไปในช่องว่างบนชั้นหนังสืออย่างรอบคอบ และคิดว่าบางทีมันอาจจะมีประโยชน์ในวันข้างหน้า
คืนงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากเริ่มต้นขึ้นด้วยอากาศเย็นสบายและท้องฟ้าปลอดโปร่ง เวลา 20.00 น. พระจันทร์ลอยขึ้นสูงอย่างเด่นชัดแถวยอดเขาของป่าต้องห้าม สาดแสงสว่างไปยังหอคอยต่างๆ บนปราสาทให้อยู่ในความงดงามสีขาวราวไข่มุก
ภายในห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์ สาวๆ กำลังวิ่งวุ่นไปและกลับจากห้องน้ำ ทรงผมของพวกเธอทำครึ่งๆ กลางๆ และมีชุดกระโปรงอยู่ในอ้อมแขน ส่วนหนุ่มๆ อยู่ในหอนอนของพวกเขาเพื่ออาบน้ำและแต่งตัว หรือบ้างก็เดินเตร่กันไปมาอย่างกังวลในห้องนั่งเล่น
เอ็มม่าเคาะเท้าลงบนพื้นหินอย่างกังวลใจ สงสัยว่าพวกเธอใช้เวลาไปมากแค่ไหนสำหรับการเตรียมตัว หลังจากที่ดูเหมือนหลายชั่วโมง เฮอร์ไมโอนี่ก็ปรากฏตัวออกจากห้องของเธอ ใบหน้าเปล่งปลั่งดุจพระอาทิตย์กำลังตกดิน
“ฉันดูน่าหัวเราะสิ้นดี” เธอเปล่งเสียงไม่พอใจใส่เอ็มม่า โดยไม่รู้ว่าเป็นคำพูดเดียวกันของมิเนอร์ว่า ส่วนสาวน้อยอีกคนเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
“จริงๆ เลย เธอดูน่าหัวเราะอย่างไร?”
“ชุดกระโปรงนี่!” เฮอร์ไมโอนี่โพล่งเสียงดัง “มันค่อนข้าง...เออ-” เธอทำท่าชี้มือชี้ไม้ขณะที่ไม่รู้จะพูดว่าอะไร
“มันไม่ใช่เธอเลยใช่ไหม? ทันสมัยแบบนี้? เปิดเผยขนาดนี้?” เอ็มม่าพูด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างโกรธๆ “มันยอดเยี่ยมมากเลย”
เฮอร์ไมโอนี่คิดว่ากระโปรงชุดนี้ไม่ได้ดูยั่วยวน แต่สำหรับเด็กสาวผู้ที่สวมเสื้อคลุมขนสัตว์หลวมๆ กับกางเกงอยู่เป็นประจำ กระโปรงถือเป็นสิ่งที่เกินไปนิดหนึ่ง เอ็มม่ากับคนอื่นๆ ยืนกรานดัดผมของเธอ และจับเธอแต่งหน้าด้วย สุดท้ายเฮอร์ไมโอนี่ดึงรองเท้ารัดส้นคู่หนึ่งออกมา และเดินลงบันไดไปกับเอ็มม่า
ทำไมเธอยังจะไป? เฮอร์ไมโอนี่ย้ำถามตัวเอง แต่ลึกๆ ลงไปเธอทราบคำตอบเรียบร้อยแล้ว
เมื่อพวกเธอมาถึงห้องนั่งเล่นรวม พวกเธอถูกต้อนรับทักทายด้วยอาการอ้าปากค้าง และพูดพล่ามว่าพวกเธอดูวิเศษอย่างไร สาวๆ ทั้งหลายยินดีกับตัวเองในผลงานที่ออกมาดีเลิศเมื่อพวกเธอเห็นเฮอร์ไมโอนี่
เอ็มม่าเลือกชุดกระโปรงยาวสีแดงซึ่งดูมีชีวิตชีวาและเป็นประกายในแสงไฟ ผมสีดำของเธอผูกรวบเป็นมวยเรียบร้อย เธอดูวิเศษจริงๆ ถึงกระนั้นสาวคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงกับการปรากฏตัวของเฮอร์ไมโอนี่
“นั่นเธอหรือ เฮเลน? โอ้พระเจ้า เธอดูหรูเลิศมาก!”
“ฉันแทบจำเธอไม่ได้...”
“ทรงผมเธอเยี่ยมมาก-”
“ฉันคิดว่าน่าหัวเราะมากเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดหลังจากนั้นสักพัก พร้อมกับหน้าเริ่มแดง “ฉันไม่มีแม้แต่คู่นัดสักคน”
“ใครบอกว่าเธอไม่มีคู่นัด?” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหัวไหล่เธอ เธอมองไปเห็นคริสตอฟ แบล็ก กำลังยิ้มกว้างสนุกสนาน ใบหน้าเธอเจื่อนลงอย่างรวดเร็ว
“โดยทางเทคนิคแล้ว ฉันมีคู่นัดคนหนึ่งแต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่เวลานี้ เขาเป็นเรเวนคลอ” เธอแต่งเรื่องอย่างว่องไว “แต่..ฉันไม่คิดว่าเอ็มม่าจะมี”
“มีอะไร?” คริสตอฟถาม ว้าวุ้นใจอย่างเห็นได้ชัด
“มีคู่นัด” เฮอร์ไมโอนี่พูดซ้ำอย่างอดทน คริสตอฟมองข้ามไปที่เอ็มม่า พวกเขาต่างจ้องมองซึ่งกันและกันสักพัก จนกระทั่งคริสตอฟเริ่มหน้าแดงขึ้น
“ฉันคิดว่าฉันควรลงไปเป็นเพื่อนกับเธอ” เขาพูดอย่างรวดเร็ว
“ฉันคิดว่าเธอควร” เธอพูดอย่างอวดดีนิดหน่อย
คริสตอฟดูหรูหรา เขาสวมเสื้อกั๊กสีแดงเข้มและมีเสื้อคลุมสีดำบุซับในสีเงิน เฮอร์ไมโอนี่สังเกตว่าหน้ากากของเขาปิดบังใบหน้าและผมไว้อย่างเรียบร้อย หน้ากากของเอ็มม่าเป็นสีแดงประดับด้วยขนนก และเมื่อเธอสวมมันไม่มีทางบอกได้ว่าใครอยู่ข้างหลังหน้ากากนั้น ส่วนหน้ากากของเฮอร์ไมโอนี่เป็นผ้าไหมสีดำและผมของเธอถูกบังไว้ด้วยผ้าคลุมซาตินบางๆ
เมื่อเธอและพวกเพื่อนๆ ออกจากห้องนั่งเล่นรวมและเดินตามทางไปยังสนามควิดดิช พวกเขาเผชิญหน้ากับรูปร่างลึกลับมากมายภายใต้หน้ากาก มันเป็นคืนที่การแข่งขันชิงดีของทุกๆ บ้านได้ถูกทำให้ลืมไป
เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากตะลึงเมื่อเธอเห็นสนามควิดดิช มันจำไม่ได้เลยจริงๆ อัฒจรรย์และเสาต่างๆ ได้หายไปเหลือไว้เพียงพื้นดินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวเท่านั้น แสงไฟปรากฏออกมาจากสิ่งที่ดูคล้ายกับหิ่งห้อยกำลังกระพือปีกสั่นอยู่โดยรอบ แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ มันเป็นเหล่าเทพธิดา บ้างก็เป็นสีน้ำเงินดอกแพงพวย บ้างก็เป็นสีชมพูดอกโรสแมรี่ ที่เหลืออื่นๆ เป็นสีเขียวดอกลิลลี่ และพวกเธอกระพือปีกบินไปมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนจุดแสงไฟเล็กๆ ในความมืดไปทั่วทั้งบริเวณ ริบบิ้นสีเงินและสีทองลอยตัวอยู่กลางอากาศ มีการโปรยดาวตกดวงเล็กๆ มากมายใส่คู่หนุ่มสาวเมื่อพวกเขาเดินผ่านมา
และสำหรับแสงจันทร์รอบบริเวณสนามควิดดิชถูกทำให้สุกสว่างยิ่งขึ้นเป็นสิบเท่าด้วยเวทมนตร์ รูปร่างต่างๆ ในชุดกระโปรงหรือเสื้อคลุมหรูหราพากันเต้นรำภายใต้แสงสว่างสีขาวเงิน แสงจันทร์ส่องตรงไปที่คู่เต้นรำสวมหน้ากากเหมือนกับน้ำตกปรอท ทำให้ภาพการแสดงทั้งหมดอาบไล้อยู่ในแสงเรืองรองอย่างน่ามหัศจรรย์ สำหรับเฮอร์ไมโอนี่มันสวยงามน่าตื่นเต้นยินดีแม้จะไม่ใช่ของจริง
ความสนใจของเธอตรงไปยังคนสวมหน้ากากกลุ่มหนึ่งขณะกำลังเดินผ่านพวกเขา หัวหน้ากลุ่มอยู่ในชุดสีเขียวกับดำและท่าทางมีอำนาจ เฮอร์ไมโอนี่รู้ได้ทันทีว่านี่คือทอม ริดเดิ้ล กับกลุ่มสลิธีรินของเขา เขาเดินตรงโดยไม่แม้แต่ชำเลืองมาทางเธอ และเธอรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
“ฉันจะไปหาคู่นัดของฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับคริสตอฟและเอ็มม่า กระตือรือร้นที่จะให้ความเป็นส่วนตัวแก่พวกเขา ทั้งคู่พยักหน้าก่อนเดินออกไปเต้นรำ
เฮอร์ไมโอนี่เดินไปทางที่ตั้งชามพันช์เพื่อหาเครื่องดื่มให้ตัวเองและมองดูไปรอบๆ เธอสังเกตเห็นเด็กหนุ่มหลายคนกำลังจับตามองเธออย่างพิจารณา บางทีกำลังกระตุ้นความกล้าหาญอยู่เพื่อขอเธอเต้นรำ
-------------------------------------------------
ทอมเห็นเธอจากฝั่งตรงข้ามสนามควิดดิช และรู้ว่านั่นคือเฮเลนที่เขากำลังมองดูอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องถอดหน้ากากสำหรับเขา มันเป็นท่าทางที่เดินเหิน การควบคุมตัวเองและการเฝ้ามองดูไปรอบๆ ของเธอ และเขาคิดว่าเธอเป็นสาวน้อยที่สวยที่สุดเหลือเกินในที่นี้
ชุดราตรีของเธอเป็นสีสันยามสายัณห์ มันเป็นสีม่วงค่อนข้างแดงยามเย็นในฤดูใบไม้ร่วงก่อนเที่ยงคืน สีชมพูอ่อนแกมเทายามรุ่งอรุณในฤดูร้อน ผสมผสานกับสีม่วงประกายมุกยามพระอาทิตย์ตกดิน เสื้อตัดเปิดหัวไหล่พร้อมแขนเสื้อกึ่งโปร่งแสงทำให้รู้สึกงดงามราวกับห่อหุ้มด้วยสายหมอก รูปทรงเสื้อผ้าดูแบบบางและเรียบง่ายทำด้วยวัตถุดิบโปร่งบางทำให้รู้สึกสมบูรณ์แบบ ผมของเธอได้รับการดัดและปล่อยสยายลงไปด้านหลังคล้ายน้ำตกสีทองหลากหลาย เธอดูนุ่มนวลน่าหลงใหลคล้ายกับนางฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดิน
เขาต้องการไปขอเธอเต้นรำ แต่คิดให้ดีซะก่อน เขามีสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งอยู่ในอ้อมแขนเรียบร้อยแล้ว (เขาไม่ได้นับจำนวนหญิงสาวทั้งหลายที่ได้มาขอร้องสำหรับการเชื้อเชิญนี้) และคู่นัดคนนี้ไม่ตบหน้าเขาเมื่อไรก็ตามที่เธอรู้สึกอยากทำ คู่นัดคนนี้ไม่ตะโกนใส่เขาและเขาก็ไม่ทำให้สิ่งของต่างๆ ระเบิดรอบตัวเธอ คู่นัดคนนี้ไม่ทำให้ท้องเขาปั่นป่วนหรือทำให้เขาสูญเสียการควบคุม เธอคนนี้ปลอดภัย แต่ไม่ใช่เฮเลน
------------------------------------------------
ขณะอยู่ในระหว่างการเต้นรำครั้งที่สองของเธอ เฮอร์ไมโอนี่เห็นเด็กหนุ่มอีกคนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอรู้ได้ทันทีว่านี่คือคริสตอฟ จากเสื้อกั๊กสีแดงและรองเท้าบู๊ตของเขา
“นายรังเกียจไหมถ้าฉันขอขัดจังหวะ?” เขาถามเด็กหนุ่มไม่ทราบชื่อที่กำลังเต้นรำกับเธออยู่ เสียงของเขาทุ้มลึกกว่าปกติและเย็นชากว่าเดิม
“ไม่เลย” เด็กหนุ่มอีกคนตอบอย่างไม่เต็มใจ เขาปล่อยตัวเฮอร์ไมโอนี่อย่างฝืนใจเล็กน้อย และเธอทำหน้านิ่วด้วยความไม่พอใจ มันเหมือนไม่ใช่คริสตอฟเลยสักนิดที่ขัดจังหวะการเต้นรำของคนอื่น ถ้าหากเขาชอบฉันล่ะ? เธอคิดด้วยความตกใจ โอ้..ไม่นะ!
“เธออยากเต้นรำไหม?” เขาถามเธอ ไม่มีรอยยิ้มเป็นประจำบนใบหน้าเขา แม้ว่าเธอไม่อาจเห็นได้ง่ายนักภายใต้หน้ากาก อีกครั้งแล้วน้ำเสียงของเขาฟังดูเป็นผู้ใหญ่มาก บางทีเขากำลังกังวลใจ
“เอาซิ ทำไมไม่ได้” เธอพูดหลังจากนั้นสักพัก แล้ววางมือบนไหล่ของเขา ส่วนเขาเอามือมาโอบรอบเอวของเธอ
เธอใส่ใจว่าเขามีกลิ่นอย่างไรในท้นที มันไม่ใช่อย่างที่เธอคาดหวังว่าคริสตอฟ แบล็ก จะมีกลิ่นแบบนี้ เขามีกลิ่นคล้ายกานพลูกับไม้สนและความเฉียบแหลม เป็นกลิ่นที่ไม่ได้ทำให้เธอนึกถึงคริสตอฟเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉัน...เสียใจเกี่ยวกับเมื่อเร็วๆ นี้” เขาพูดเรียบๆ เฮอร์ไมโอนี่นึกเอาว่าเขากำลังพูดถึงสถานการณ์กับเอ็มม่า ทำไมเขาชอบฉัน ไม่ใช่เธอ? เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างหมดหวัง
“ฟังนะ...” เธอเริ่มต้นอย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้ “เราจะเป็นเพื่อนที่ดีมากต่อกันเสมอ แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอแบบนั้น ถ้าเธอเข้าใจว่าฉันหมายความว่าอะไร”
ทันใดเขาก็ตัวแข็งทื่อในอ้อมแขนเธอ และความเยือกเย็นที่น่าหวาดกลัวเริ่มแผ่กระจายออกมาจากตัวเขา เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะดูน่ากลัวได้มากขนาดนี้ คริสตอฟเป็นคนง่ายๆ สบายๆ คนหนึ่ง
“ฉันเสียใจ” เธอพูดอย่างขออภัย “คือว่า...ฉันชอบคนอื่นแล้ว”
“ใคร?” คริสตอฟพูดเสียงกระด้าง น้ำเสียงของเขาเย็นชายิ่งกว่าเดิม มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา?
“ฉัน...ฉันบอกไม่ได้ เขาเป็นคนดีคนหนึ่งและแตกต่างจากเธอมาก...” ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาคว้าข้อมือเธอเอาไว้และมือของเขาเย็นเหมือนน้ำแข็ง
“ทั้งหมดในเวลานี้...มันเพิ่งจะ...” น้ำเสียงของเขาเหมือนเข็มนับพันทิ่มแทงเข้าไปในเส้นเลือดเธอ
“คริสตอฟ ฉัน-”
แล้วความตึงเครียดทั้งหมดก็หายไปจากตัวเขาอย่างรวดเร็ว เขาดูเหมือนอ่อนลงไปเมื่อเปรียบเทียบกับความเคร่งเครียดในตัวเขาเมื่อสองสามนาทีก่อน
“เราจำเป็นต้องไปเดินเล่นกัน” เขาพูดเรียบๆ เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้านิ่วไม่แน่ใจว่าเธอต้องการไปที่ไหนๆ กับเขา เขาทำท่าราวกับเจ็บปวดแต่มันดูน่าประหลาด เพราะว่าคริสตอฟและเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยเป็นอะไรเลยนอกจากเพื่อนตั้งแต่แรกแล้ว
“ก็ได้” เธอยอมรับอย่างไม่เต็มใจ เธอมีความรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
พวกเขาเดินออกไปจากสนามควิดดิชและเหล่าภูตกับเทพธิดา ในที่สุดปรากฏว่าพวกเขามาอยู่ในสวนกุหลาบและมีเพียงแสงจากดวงจันทร์เท่านั้น
คริสตอฟหยุดเดินและมองดูพุ่มไม้ต่างๆ อยู่สักครู่ เขายกนิ้วสัมผัสกับดอกกุหลาบสีแดงเข้มอย่างแผ่วเบามาก “น่าทึ่งไม่ใช่หรือ?” เขาเปล่งเสียงอย่างอ่อนโยน “ช่างน่าเศร้าเหลือเกินที่ความสวยงามของมันเป็นสิ่งที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกช่วงเวลามันกำลังจะตายทีละนิดๆ เพิ่มขึ้น กุหลาบแดงนี้จะร่วงโรยภายใต้การเต้นของหัวใจตลอดไป และจะถูกลืมในเวลารวดเร็วเหลือเกิน ความสวยงามของมันยังดูเหมือนไม่มีสิ้นสุดในเวลานี้ ช่างเป็นโศกนาฏกรรมที่กุหลาบนี้เกิดมาเพื่อสูญเปล่า”
บางอย่างต้องผิดพลาดแน่ๆ คริสตอฟไม่ใช่คนโรแมนติก หรือน่าหลงใหล หรือเยือกเย็น คริสตอฟไม่มีอะไรเหมือนกับชายหนุ่มที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“คริสตอฟ-“ เธอพูด แต่เขากำลังมองมาที่เธอด้วยท่าทางที่ทำให้รู้สึกกระดาก คนเดียวเท่านั้นที่เคยมองเธอแบบนั้นคือ...
เขาดึงหน้ากากของเขาออกไป และเฮอร์ไมโอนี่อ้าปากด้วยความประหลาดใจ นี่ไม่ใช่
คริสตอฟ แบล็ก แต่เป็นทอม ริดเดิ้ล ที่มองกลับมา
ความคิดเห็น