ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10 ผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝัน (Fall-out)
บทที่ 10 ผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝัน (Fall-out)
เดรโกนับจำนวนไข่ของหนอนผีเสื้อที่เขาต้องใช้สำหรับการปรุงยาอย่างเป็นระเบียบ ศาสตราจารย์สเนปกำลังยุ่งอยู่กับการเขียนส่วนผสมที่เหลือลงบนกระดาน และเหมือนไม่ใส่ใจกับเสียงงึมงำเบาๆ ที่มาจากพอตเตอร์และวีสลี่ย์ เดรโกขบฟันและเริ่มบดไข่ภายในครก เขาปฏิเสธที่จะดูว่าอะไรเป็นสาเหตุให้พอตเตอร์และวีสลี่ย์เห็นว่าน่าขบขันเหลือเกิน การมองพอตเตอร์และวีสลี่ย์หมายถึงการมองเธอด้วยเช่นกัน
“เลือดสีโคลน” เขาเปล่งเสียงภายใต้ลมหายใจ
เดรโกกำลังเดือดดาลอยู่ภายในใจ นับตั้งแต่คืนนั้นไม่น้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์มาแล้ว เขาเฝ้ารอผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันจากการกระทำของเขา สำหรับพวกสลิธีรินที่ปฏิเสธไม่ยอมรับเขา สำหรับเสียงกระซิบกระซาบที่จะตามติดเขาไปทั่วห้องโถง และสำหรับการจ้องมองอย่างโกรธแค้นของพอตเตอร์และวีสลี่ย์ แต่ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจากคืนนั้นที่ข้างนอกบนสนามควิดดิช ยกเว้นสำหรับการหลบเลี่ยงเขาอย่างชัดเจนของเกรนเจอร์ ความว่างเปล่าที่ไม่คุ้นเคยซึ่งเขาเลิกคิดว่าเป็นอาการทางประสาทหลังจบการแข่งขัน เขาเคยเชื่อว่าเกรนเจอร์ไม่ได้ใส่ใจในตัวเขามาก่อน แต่มันแตกต่างออกไปในเวลานี้ เธอไม่ได้พบกับเขาในห้องสมุดอีกเลย และเขาไม่เคยเห็นเธอในห้องของพวกเขาด้วย เธอยังคงทำงานในส่วนที่รับผิดชอบเท่าๆ กัน แต่เธอทำมันตอนไหน;เขาไม่รู้ วันรุ่งขึ้นหลังจากการแข่งขันควิดดิช เขาได้คอยอยู่ในห้องแยกจากห้องสมุดตลอดทั้งวัน ส่วนหนึ่งต้องการเลี่ยงท่าทางวางโตเหนือกว่าที่เขาอาจจะได้รับจากพวกกริฟฟินดอร์ แต่ก็อยากเผชิญหน้ากับเกรนเจอร์เหมือนกัน เขาย้ำกับตัวเองว่าไม่ใช่เพราะเขาต้องการเห็นเธอ แต่เป็นเพราะเขาต้องการทำให้แน่ใจว่าเธอจะเก็บปากเก็บคำเรื่องพฤติกรรมที่ล่วงเกินของเขา แต่เธอไม่ได้มาเลย ในชั้นเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์เธอนั่งห่างจากเขาเท่าที่ดูคล้ายกับว่าพวกเขาใช้โต๊ะร่วมกัน เดรโกพบว่าความเงียบเฉยเย็นชาของเธอทำให้เขาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟมากกว่าคำพูดเยาะเย้ยใดๆ ที่เธอพูดใส่เขาเสียอีก มันช่างเลวร้ายมากที่เธอทำเหมือนว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลย เธอกล้าดีอย่างไรที่พยายามไม่ใส่ใจมัลฟอยคนนี้?
แครบบ์และกอยล์ขนาบข้างเดรโกเมื่อเขาเริ่มออกจากห้องเรียน พอตเตอร์เด็กหนุ่มมหัศจรรย์และวีสลี่ย์กำลังคอยเกรนเจอร์ซึ่งมีปัญหาในการปิดกระเป๋าหนังสือของเธอ เธอดูเหมือนมีปัญหาในการจัดการกับตะขอตัวนี้เป็นประจำ เขามีแนวโน้มพิกลอยากหยุดและไปทำมันให้เธอ แต่แล้วโธมัส;เด็กกริฟฟินดอร์เฮงซวยอีกคน ชะโงกข้ามไหล่ของเกรนเจอร์มาทันทีและจัดการมันให้แทน เดรโกรู้สึกโกรธขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อเกรนเจอร์ปั้นหน้ายิ้มสดใสให้หนุ่มคนนี้ เดรโกสะบัดผ่านพวกเขาและออกไปที่โถงทางเดิน แครบบ์และกอยล์กำลังพยายามตามเขาให้ทัน
“มิสเตอร์มัลฟอย?”
เดรโกหันกลับอย่างทันทีและพบว่าตัวเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ แครบบ์และกอยล์ทั้งคู่ก้าวถอยหลังห่างจากศาสตราจารย์ผู้สูงวัย และมองไปที่เดรโก
อย่างหวั่นวิตก
“ฉันขอพูดด้วยได้ไหม?” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยิ้มอย่างมีอัธยาศัยดี แล้วหันกลับและเดินไป ปล่อยให้เดรโกไม่มีทางเลือกนอกจากตามหลังเขาไป
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เดินอย่างสบายๆ ผ่านระเบียงหนึ่งและอีกระเบียง พร้อมกับยิ้มและพยักหน้าให้กับพวกนักเรียนที่ผ่านมา เดรโกกำลังเริ่มสงสัยว่าพวกเขาจะเดินไปอีกไกลแค่ไหนเมื่อดัมเบิลดอร์หยุดลงในที่สุด เดรโกมองไปรอบๆ และไม่เห็นอะไรเลยนอกจากรูปปั้นหินการ์กอยส์ อาจารย์ใหญ่หันไปที่ประตูและพูดบางอย่างด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่เดรโกไม่สามารถจับได้เลย ตัวการ์กอยส์เหยียดขาหินของมันออกไปด้านข้างอย่างช้าๆ ดวงตาของเดรโกเบิกกว้างเป็นการแสดงอาการประหลาดใจเพียงอย่างเดียวที่เขาเปิดเผยออกมา อาจารย์ใหญ่เพียงแค่หัวเราะหึๆ เบาๆ กับตัวเองในเรื่องนี้ และนำเดรโกเข้าสู่ห้องทำงานของเขา
เดรโกนั่งลงอย่างปราศจากอาการใดๆ หน้าโต๊ะทำงานของดัมเบิลดอร์ อาจารย์ใหญ่กำลังมองเขาในลักษณะที่ทำให้เดรโกรู้สึกหงุดหงิดมาก สีหน้าที่อาจารย์ใหญ่แสดงออกหนึ่งในนั้นเป็นการคาดหวัง พร้อมกับอาการสะดุ้งเดรโกตระหนักว่า ดัมเบิลดอร์กำลังคอยให้เขาเป็นคนเริ่มต้นพูด
“คุณต้องการพูดกับผมหรือครับ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์?” เดรโกฝืนอย่างหนัก ต้านการพูดยานคางเยาะหยันที่อาจเล็ดลอดออกมากับน้ำเสียงของเขา ดัมเบิลดอร์อาจเป็นตาแก่โง่เง่าบ้าบอคนหนึ่ง แต่เขาก็เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ
“ใช่ มิสเตอร์มัลฟอย ฉันกำลังหวังว่าเธอมีอะไรบางอย่างจะบอกฉัน” ดัมเบิลดอร์มองมาที่เดรโก ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายวิบวับ
เดรโกมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่ชายชราอย่างกังวลใจ คงไม่ใช่เรื่องที่เขาบอกเกรนเจอร์ไม่ให้พูดอะไรทั้งนั้น แต่ด้วยเหตุผลบางประการเขาคาดหวังว่าเธอไม่พูดเช่นกัน
ดัมเบิลดอร์คอยอยู่นานหลายนาทีให้เดรโกพูดบางอย่าง ในที่สุดเขาถอนหายใจเบาๆ และเอาจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากโต๊ะของเขา
“พ่อของเธอส่งมาให้เธอ เธอถูกสั่งให้ขึ้นรถไฟจากฮอกส์มี้ดกลับไปลอนดอน เขาคิดว่าความปลอดภัยส่วนบุคคลของเธออยู่ในความเสี่ยงภายใต้การดูแลของฉัน” ดัมเบิลดอร์หยุด และรอคอยปฏิกิริยาของเดรโก แววตาเฉลียวฉลาดของเขาหยุดเป็นประกายวิบวับชั่วครู่
เดรโกอยากกระโดดขึ้นยืนและร้องตะโกนว่าไม่ บอกดัมเบิลดอร์ว่าเขาไม่ต้องการไปหาลูเซียส อธิบายกับเขาว่าลูเซียสอาจฆ่าเขาหรืออะไรที่เลวร้ายกว่านั้น เขาต้องการบอกกับ
ดัมเบิลดอร์ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ทั้งหมดที่ออกจากปากเขาคือ
“ผมเข้าใจแล้ว ผมจะต้องออกไปเมื่อไรครับ?”
“มิสเตอร์มัลฟอย ฉันได้ทราบเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับเหล่าผู้เสพความตายในฮอกส์มี้ด ฉันรู้ว่าพวกเขาปรากฏตัวในช่วงเวลาการไปเที่ยวครั้งล่าสุดของเธอที่นั่น ฉันพูดถูกใช่ไหม?” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์หยุดอีกครั้ง และรอคอยปฏิกิริยาของเดรโก
เดรโกกำมือของเขาและจ้องไปที่พื้น ความหวาดกลัวทั้งหมดของเขาที่มีเกี่ยวกับการกลับไปที่คฤหาสน์แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธอย่างฉับพลัน เขาเชื่อใจเธอว่าไม่พูด ก่อนที่เขาจะห้ามตัวเองได้ ก่อนที่เขาจะจำได้ว่ากำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของผู้ที่ชื่นชอบยอมรับพวกมักเกิ้ล เขาพ่นคำออกมาหนึ่งคำที่อาจทำให้พ่อมดส่วนใหญ่มีอารมณ์ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง
“เลือดสีโคลน”
ดัมเบิลดอร์เลิกคิ้วข้างหนึ่งให้เขา “ฉันสันนิษฐานว่าคำคุณศัพท์ที่น่ายินดีนั้น เธอกำลังอ้างอิงถึงมิสเกรนเจอร์ใช่ไหม?”
เดรโกยังจ้องที่พื้นต่อไป เขารู้สึกถูกทรยศ เขารู้ดีเกินกว่าจะเชื่อใจใครสักคนจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งในเพื่อนฝูงของพอตเตอร์ พวกเขาทั้งหมดอาจอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้านในเวลานี้ก็เป็นได้ กำลังฟังเกรนเจอร์เล่าเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง
“ฉันขอรับรองกับเธอ มิสเตอร์มัลฟอย ว่ามิสเกรนเจอร์ไม่ได้ทรยศต่อความไว้วางใจใดๆ ของเธอเลย”
เดรโกเงยหน้าขึ้นและพบกับดวงตาเป็นประกายของดัมเบิลดอร์ ตระหนักว่าอาจารย์ใหญ่ไม่ได้แค่กำลังพูดถึงการเดินทางไปฮอกส์มี้ด เขารู้สึกตัวว่าเริ่มหน้าแดงจึงยืนขึ้นทันที
“มีอะไรอย่างอื่นที่คุณต้องการบอกผมอีกไหมครับ อาจารย์ใหญ่?” เขาไม่อยากนั่งตรงนี้กับชายสูงวัยผู้นี้อีกต่อไป เขากำลังรู้สึกเหนื่อยหน่ายมากๆ กับแววตาระยิบระยับรู้เท่าทันของอาจารย์ใหญ่
“ไม่ มิสเตอร์มัลฟอย ไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์บอกเขา ความสนุกสนานหายไปจากแววตาของเขา ขณะเฝ้าดูเดรโกออกจากห้องทำงาน ความรู้สึกสงสารเห็นใจปรากฏบนใบหน้าเขาให้กับร่างของเด็กชายที่กำลังปลีกตัวไป
__________________
เดรโกนั่งอยู่ที่ขอบเตียงและมองหีบเดินทางของเขาที่จัดของไปได้ครึ่งเดียว เขาไม่แน่ใจเลยทำไมเขาถึงหงุดหงิดในการเก็บของ ถ้าลูเซียสโมโหเต็มที เขาก็ไม่จำเป็นต้องเอาของใช้ส่วนตัวไปเลย เขาถอนหายใจและเริ่มทบทวนขั้นตอนการเล่นควิดดิชภายในหัวของเขา การหมกมุ่นในกีฬาควิดดิชช่วยทำให้จิตใจของเขาอยู่ห่างจากปัญหาต่างๆ ที่กดดัน ภายในหัวของเขาเห็นตัวเองกำลังเล่นกีฬาอีกครั้งอยู่ในการแข่งขันเมื่อเร็วๆ นี้ กำลังมองหาความผิดพลาดของเขาว่าอยู่ตรงไหน แต่เมื่อเขานึกถึงการแข่งขันครั้งนี้ มันเหมือนเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นและเขารู้ว่ามันจะนำไปที่ไหน เขาพยายามไม่ให้ช่วงเวลานั้นหวนกลับมาในใจของเขา แต่มันสายเกินไปแล้ว เขาเห็นดวงตาสีน้ำตาลอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความสัมพันธ์และความสงสัย เขาจูบเธอเพราะเขาโกรธ โกรธพอตเตอร์ โกรธโลกใบนี้สำหรับการให้เข้าใกล้ถึงลูกสนิช จากนั้นพ่ายแพ้ต่อเด็กหนุ่มมหัศจรรย์อีกครั้ง เขาต้องการทำให้พอตเตอร์เจ็บปวด เอาบางสิ่งที่เป็นของพอตเตอร์และทำให้มันเป็นของตัวเขาเอง เขาจูบเธอรุนแรงปรารถนาให้พอตเตอร์ได้เห็นว่า เขากำลังทำอะไรกับผู้หญิงของเขา จากนั้นมันได้เปลี่ยนไปทั้งหมด เขาไม่ได้โกรธเธออีกแล้ว;เขารู้สึกถึงเธอเพียงอย่างเดียวเมื่อเธอกำลังจูบตอบเขา และเป็นครั้งแรกที่เขารับรู้ว่าเธออาจไม่ได้เป็นของพอตเตอร์ สำหรับช่วงเวลาสั้นๆ เขาได้ลืมไปว่าเธอเป็นอะไร แต่แล้วเธอผลักเขาออกห่าง เธอกล้าดีอย่างไรมาผลักไสเขา? เขาไม่สามารถยอมรับมันได้ เขาคือเดรโก มัลฟอย เขาเป็นคนหน้าตาดี มีเสน่ห์น่าหลงใหลซึ่งเขาทราบเรื่องนี้ดี และเกรนเจอร์ ใช่แล้ว เกรนเจอร์เป็นแค่เลือดสีโคลนคนหนึ่ง เธอต้องมีอาการทางประสาทถึงผลักไสเขา ทันทีที่มันยุติลง เขาตระหนักถึงความผิดพลาดของเขาเกือบจะทันที เขาได้ยอมให้เกรนเจอร์หัวฟูผู้รอบรู้ไปทุกเรื่องจูบเขา เขารู้สึกโกรธแค้นเธอและโกรธตัวเองเช่นกัน
“เลือดสีโคลนต่ำช้า ฉันเกลียดเธอ” เขาพูดอยู่ในลำคอ
เขารู้ว่าเขาเกลียดเธอ ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอกับเพื่อนๆ ของเธอ เธอดูเหมือนมีรอยยิ้มมากมายให้กับพวกกริฟฟินดอร์ที้ห้อมล้อมเธอ เขารู้สึกโมโหมากๆ อยากคว้าตัวเธอมาและจับเขย่าแรงๆ เมื่อเขาเห็นเธอกับพวกนั้นทั้งหมดกำลังมีความสุขเหลือเกิน แต่เขาไม่อาจเข้าใจว่าทำไมเขาต้องการเห็นเธอในเวลานี้
“เธอเป็นแค่เลือดสีโคลนเท่านั้น”
เดรโกนั่งตัวตรง เตะหีบเดินทางให้ปิดลง แล้วเดินออกจากหอนอน เขาไม่รู้ว่าแครบบ์
และกอยล์อยู่ที่ไหน ไม่ใส่ใจเลยด้วย เขาเดินเล่นอย่างไม่สนใจไปตามระเบียง ไม่รู้จริงๆ ว่าเขากำลังจะไปที่ไหน ในที่สุดเดรโกพบว่าตัวเขามาอยู่ด้านนอกประตูห้องสมุด เขาเดินผ่านชั้นหนังสือมากมาย สัมผัสถึงความรู้สึกเงียบสงบที่เขาไม่ได้รู้สึกมาเป็นเวลานาน ไม่มีเหล่าผู้เสพความตายในที่นี้ ไม่มีโวลเดอมอร์มาร่วมด้วย ไม่มีลูเซียสแน่นอน และไม่มีเกรนเจอร์อีกคน
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้มีพนักพิงหลังตั้งตรงภายในห้องของพวกเขา และมองกวาดไปที่กองแผ่นงาน มันยังคงมีมากมายให้จัดการ มากมายจนเขาจะไม่ได้ทำให้เสร็จ เขารู้ว่าเธอยังมาที่นี่สม่ำเสมอแต่เขาไม่เข้าใจว่าตอนไหน ม้วนแผ่นงานหลายม้วนเคลื่อนย้ายเปลี่ยนไปเล็กน้อยกว่าตอนที่เขามาที่นี่ครั้งสุดท้ายเสมอ ภายในเตาผิงมีขี้เถ้าสดๆ ร้อนๆ อยู่ในตะแกรงเหล็กเหมือนว่าเธออยู่ที่นี่เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่มันเป็นไปไม่ได้ เขาอยู่ที่นี่เมื่อคืนก่อนและทำงานโดยไม่ได้จุดไฟ
“ถ้างั้นเวลาไหนที่เธออาจมาที่นี่และจุดไฟ?” เดรโกครุ่นคิดกับตัวเอง ขณะยืนมองไปที่เตาผิง
เขามองขี้เถ้าสีเข้ม และจินตนาการว่ามันกำลังลุกไหม้อย่างโชติช่วง กำลังปะทุและส่งเสียงดังป๊อก เขาเห็นเธอกำลังนั่งและคิ้วชนกันด้วยความตั้งอกตั้งใจอยู่ที่โต๊ะ แล้วภาพแตกต่างไปอีกภาพหนึ่งลอยมาหาเขาขณะที่เขาคิด เธอนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาเธอกำลังเคลื่อนไปรอบห้อง พยายามหลีกเลี่ยงการสบตากับเขา ดวงตาสีน้ำตาลของเธอเลื่อนมาจับนิ่งอยู่ที่เปลวไฟ เมื่อเธอบอกเขาเรื่องผ้าคลุมของพอตเตอร์
“ใช่แล้ว ผ้าคลุม”
เดรโกไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาไม่ได้นึกถึงมันมาก่อน เกรนเจอร์ต้องแอบเข้ามาในห้องสมุดหลังเวลาเลิกทำการแล้ว มันมีเหตุผล เขาไม่เคยคิดเลยว่าเกรนเจอร์จะกล้าบ้าบิ่นอย่างนี้ เดรโกชำเลืองดูนาฬิกาของเขา;ห้องโถงใหญ่ได้เลิกให้บริการอาหารว่างมื้อค่ำไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน เขาต้องรอเท่านั้น
เป็นเวลาเที่ยงคืนเมื่อประตูเข้าห้องเปิดออกอย่างเงียบๆ เขาไม่สามารถเห็นเธอ แต่เขาสามารถสัมผัสถึงการปรากฏตัวของเธอได้ เดรโกนั่งอยู่ในเก้าอี้มีพนักพิงหลังสูงตัวหนึ่งที่หันหน้าออกจากประตู ห้องมืดสนิทและเธอไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่นี่ เขานั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว กำลังคอยให้เธอเข้ามาใกล้มากขึ้น ประตูปิดตามหลังเธอพร้อมเสียงดังคลิ้กเบาๆ บอกให้เขารู้ว่าเธอใส่กลอนประตู เขาสามารถได้ยินเธอเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังใกล้ๆ ลังไม้ภายในห้องมืด เธอคุกเข่าตรงหน้าเตาผิงและกระซิบคาถาภายใต้ลมหายใจ พลันเปลวไฟผุดขึ้นมาอย่างเริงโลด ทำให้ห้องมืดสว่างขึ้น เธอถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอกและหันกลับมาพบเดรโก ดวงตาเธอเบิกกว้างและเกร็งตัว แต่เดรโกลุกจากเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว เธอได้เพียงแค่ก้าวถอยหลังเมื่อเขาคว้าแขนทั้งคู่ของเธอ และลากเธอออกห่างจากเปลวไฟ มองเธอยืนอยู่ตรงนี้;ถูกทำให้ดูสว่างด้วยแสงไฟ เสมือนบางอย่างที่บอบบางกำลังมองเขาเป็นสัตว์ประหลาดซึ่งทำให้เขาเดือดดาล เขากระชากเธอมาใกล้และผลักเธอลงในเก้าอี้ตัวหนึ่ง เธออ้าปากตกใจแต่ไม่ยอมร้องออกมา เดรโกปล่อยแขนทั้งสองข้างของเธอ เธอทรุดตัวจมลงในเก้าอี้ เขาจับที่ท้าวแขนเก้าอี้และชะโงกมาหาเธอพร้อมจ้องเขม็ง เธอผงะถอยหลังหนีติดเก้าอี้และมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างและตื่นกลัว
“อย่ามองฉันแบบนั้น” เขาตะคอกใส่เธอ พบว่าไม่ชอบท่าทางที่เธอมองเขาแบบนั้น;มันเป็นอะไรบางอย่างที่น่ารบกวนจิตใจ
“อย่างงั้นก็เลิกทำให้ฉันตกใจกลัวซิ” น้ำเสียงเธอแทบจะไม่ต่างจากเสียงกระซิบ และเธอตัวสั่นเล็กน้อย
เดรโกตัวแข็งทื่อแล้วปล่อยเก้าอี้ของเธอ เขาทรุดตัวลงในเก้าอี้ตรงข้ามเธอและถูหน้าผากตัวเอง เขาคาดว่าเธอจะพยายามและหลบหนีออกจากห้อง ในเวลานี้เขาไม่อยากบังคับให้เธออยู่ แต่เธอนั่งนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหว
“ฉันใช้เวลาสักพักถึงเข้าใจว่า เธอกำลังทำงานโดยที่ฉันไม่รู้เรื่องได้อย่างไร” เขาบอกเธอค่อยๆ
“ฉันไม่อยากเห็นนาย” เธอบอกเขา น้ำเสียงแผ่วเบาดูคล้ายสับสนมากกว่า
เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้นในที่สุด และเดินไปเก็บกระเป๋าหนังสือของเธอขึ้นจากพื้น ตรงที่ทำหล่นไว้ตอนที่เขาคว้าตัวเธอ เขาพยายามไม่สังเกตว่ามือของเธอดูสั่นเมื่อยื่นออกไปหามัน
“ดีเลย ฉันไม่อยากเห็นเธอเหมือนกัน” เขาตวาดใส่เธอ เขาไม่รู้ว่าทำไมเขามาอยู่ที่นี่ เขาไม่อยากเห็นเธอแต่เขาก็มาอยู่ที่นี่ และเขาไม่เข้าใจ
“เลือดสีโคลนงี่เง่า” เขาพึมพำ
เกรนเจอร์มองไปที่เขา แววตาที่เต็มไปด้วยความกลัวของเธอกำลังเริ่มเป็นประกายเดือดดาลอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกเหมือนตัวพองด้วยโทสะอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นเธอขว้างกระเป๋าของเธอตรงใส่เขา เดรโกรู้สึกประหลาดใจมากและก้มหัวหลบทันเวลา
“นายกล้าดียังไง? นายคิดว่านายเป็นใคร?” มือของเกรนเจอร์กำแน่นเป็นกำปั้น และเธอกำลังตัวสั่นระริกด้วยโทสะ
“ฉัน?!” เดรโกกระโดดขึ้นยืนหลังจากหลบกระเป๋าของเธอ “ฉันเป็นคนที่ต้องผูกติดอยู่กับเลือดสีโคลนนะซิ!”
ดวงตาเกรนเจอร์เปล่งแสงวาบใส่เขา จากนั้นเธอพุ่งเข้าหาเขา เคลื่อนไหวรวดเร็วเกินกว่าเดรโกจินตนาการ และก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ เธอได้ตบหน้าเขา ขากรรไกรของเดรโกหุบลงและตะลึงมองเธอด้วยอาการช็อก แต่แล้วเกร็งตัวรับเมื่อเธอพยายามตบเขาอีกครั้ง เขาคว้ามือทั้งสองของเธอและจับเธอเขย่าอย่างแรง
“ฉันเกลียดชื่อนั้น! ฉันเกลียดมันมากเหลือเกิน! นายกล้าดียังไงมาเรียกฉันแบบนั้น? นายกล้าดียังไงเรียกฉันเป็นของสกปรกพรรณนั้น ในเมื่อตัวนายก้าวเท้าออกมาแค่เพียงข้างเดียวจากการเป็นผู้เสพความตาย ฉันเกลียดมัน และฉันเกลียดนาย!”
“เธอจะไม่ต้องทนกับมันอีกต่อไปแล้ว เกรนเจอร์” เขากระซิบอย่างน่ากลัว
“ได้โปรดเถอะ อย่าบอกฉันว่าความฝันของฉันเป็นจริงแล้วนะ?” เธอตวาด
“ฉันกำลังจะกลับบ้าน เกรนเจอร์ กลับไปที่คฤหาสน์ กลับไปหาลูเซียส” เขาบอกเธออย่างประชดประชัน
“อะไรนะ? นะ...นายต้องไม่ทำอย่างนั้น นายต้องไม่ไปที่นั่น ไม่หลังจากสิ่งที่เขาทำ” ดวงตาเธอเดือดดาลอีกครั้ง แต่เต็มไปด้วยความสัมพันธ์อบอุ่นเป็นมิตร ซึ่งเขารู้สึกว่ามีผลมากมายต้านทานไม่ได้เลย เธอหยุดดิ้นรนขัดขืนและเพียงยืนมองเท่านั้น
“เธอไม่รู้ว่าเขาทำอะไรด้วยซ้ำไป เกรนเจอร์” เขาบอกแล้วปล่อยแขนเธอ ก้าวถอยห่างจากเธอและมองไปที่เปลวไฟ เขารู้สึกเหนื่อยล้าอย่างฉับพลัน
“ฉันเดาได้ ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย นายต้องไม่ไป” เธอบอกเขาทันที
“เขาส่งจดหมายมาให้ฉัน ฉันไม่มีทางเลือก ฉันจะออกจากที่นี่ภายในสองสามวันเพื่อไปลอนดอน” เดรโกไม่ได้มองเธอ แต่ประหลาดใจมากๆ เมื่อเธอสัมผัสบ่าของเขา;เขาไม่ได้ยินเธอเข้ามาใกล้
“พูดกับดัมเบิลดอร์ เล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น นายสามารถไว้วางใจเขาได้ ถ้านายบอกเขาว่านายไม่ต้องการไป เขาก็จะไม่ปล่อยให้พ่อของนายพานายไป” ดวงตาสีบุษราคัมของเธอจับจ้องอยู่ที่เขาในเวลานี้
“ผู้ชายแก่บ้าบอคนนั้นไม่สามารถช่วยฉันได้” เขาแผดเสียงใส่เธอ
“เขาไม่ได้บ้านะ เขาฉลาดหลักแหลมทีเดียว!” ดวงตาของเกรนเจอร์วาวโรจน์อย่างเดือดดาลชั่ววูบ จากนั้นก็เต็มไปด้วยความใส่ใจอีกครั้ง “เดรโก นายต้องไม่กลับไป นายไม่ใช่หนึ่งในพวกเขา”
เขาสะดุ้งเมื่อเธอเรียกชื่อเขา ความทรงจำอันรวดเร็วกลับมาหาเขา เขาจำไม่ได้จนกระทั่งถึงตอนนี้ “เดรโก ได้โปรด...” เธอเคยเรียกชื่อเขามาก่อนหลังจากการจู่โจมของแมนติคอร์ มันออกเสียงอย่างไม่คุ้นเคยเมื่อมาจากเธอ
“เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันไม่ใช่หนึ่งในพวกเขา?” เขาถามเธออย่างนุ่มนวล
“เพราะนายบอกฉันว่านายไม่ได้เป็น และฉันเชื่อนาย” เธอกระซิบ
ดวงตาเดรโกเบิกกว้างเมื่อเธอพูดเช่นนี้ เขาเห็นความไว้วางใจในดวงตาของเธอ เขายกมือข้างหนึ่งจับปอยผมที่หลุดจากผมหางม้าของเธอไปไว้หลังใบหู เกรนเจอร์ตัวแข็งทื่อกับการสัมผัสนี้แต่เธอไม่ได้ถอยหนี เดรโกไล้มือสัมผัสแก้มเธออย่างอ่อนโยน นิ้วมือเขาไล้ไปตามกระดูกขากรรไกรของเธออย่างนิ่มนวล เกรนเจอร์สั่นเทากว่าเดิมเล็กน้อย เดรโกโน้มตัวเข้าหาเธอ เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่เขาให้ริมฝีปากเขาสัมผัสริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา นิ้วมือของเขาหาทางไปด้านหลังคอเธอและลูบไล้ผมหยักศกของเธอ เขามองใบหน้าของเกรนเจอร์;ดวงตาของเธอปิดลงเพื่อรอคอยให้เขาจุมพิตเธอ เขาบังคับความสงสัยทั้งหมดให้จมลงไป เดรโกจับผมเธอแน่นขึ้นและจูบเธอ เธอกำลังเอนเข้าหาเขาและมืออ่อนนุ่มของเธอเลื่อนมาพักอยู่บนบ่าของเขา เดรโกดื่มด่ำกับจุมพิตของเธอ ประหลาดใจว่าการจูบกับเกรนเจอร์ช่างรู้สึกดีกว่าจูบกับคนอื่นอย่างไร เขาดึงเธอเข้ามาใกล้มากขึ้นและจูบปากเธอแรงกว่าเดิม ลูบไล้ริมฝีปากเธอด้วยลิ้นของเขา มือบอบบางบนไหล่เขากำเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น แล้วผลักเขาถอยหลังไปอย่างฉับพลัน
“ฉัน...ฉันต้องไปแล้ว” เธอกระซิบเสียงแหบพร่า และถอยห่างจากเขา “นายจะพูดกับดัมเบิลดอร์ ใช่ไหม?”
เดรโกพยักหน้าให้เธอ เขาพยายามสูดลมหายใจลึกๆ หลายครั้งเพื่อทำให้จิตใจสงบ
เขาไม่เข้าใจมันเลย อย่างน้อยที่สุดคราวหน้าถ้าเขาจูบเธอ เขาต้องมีเหตุผลเพื่อกระทำมัน แม้ว่าครั้งนี้ไม่มีเหตุผล ไม่มีข้อแก้ตัว เกรนเจอร์ดึงผ้าคลุมประกายสีเงินผืนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วห่มมัน เธอชำเลืองมองเขาก่อนดึงมันขึ้นคลุมศีรษะ ประตูเปิดออกและปิด แล้วเธอจากไป เดรโกตระหนักดีว่า เขาชอบจูบเธอ แม้ว่ามันน่ารบกวนจิตใจมากกว่า แต่ส่วนหนึ่งของตัวเขาต้องการจูบเธออีก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น