คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่10 รองเท้าสีเงินกับหมวกนกยูง (Silver Slippers and Peacock Hats)
ตอนที่ 10 รองเท้าสีเงินกับหมวกนกยูง (Silver Slippers and Peacock Hats)
“ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เลย!” เอ็มม่าร้องเสียงแหลม ขณะที่วิ่งถลาเข้ามาในห้องพักหญิง แผ่นกระดาษยับยู่ยี่ถูกกำอยู่ในมือของเธอ เด็กสาว 2-3 คนหันมองดูและเลิกคิ้วขณะคอยฟังเธอพูดต่อ “เราจะมีงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากาก! อีกสองวันในคืนวันฮาโลวีน! จะมีขึ้นที่สนามควิด
ดิชภายใต้พระจันทร์เต็มดวง ช่างน่ามหัศจรรย์ไม่ใช่หรือ?”
ภายในห้องอึกทึกเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกัน และเฮอร์ไมโอนี่พบว่าเธอแทบจะไม่ได้ยินความคิดของตัวเอง เธอรู้สึกแปลกใจสุดขีดที่อีกแค่สองวันเท่านั้นก็เป็นวันฮาโลวีน ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ ฉันมาอยู่ในอดีตได้สองเดือนแล้วจริงหรือ?
ไม่ใช่เธอละเลยความจริงที่ว่าเธอต้องหาทางกลับไป เธอได้พบหนังสือเล่มหนึ่งในหลายเล่มที่รู้จักกันน้อยมากซึ่งเขียนโดย นิโคลัส ฟลาเมล จากส่วนหวงห้ามในห้องสมุด ซึ่งรวบรวมทฤษฎีการเดินทางของเวลา ในที่สุดเธอได้อ่านมาถึงบทที่ฟลาเมลเขียนเกี่ยวกับการเดินทางกลับไปมากกว่า 2-3 วัน
ตามหลักทางทฤษฎีการเดินทางกลับไปหลายสัปดาห์ หลายเดือน หรือแม้แต่หลายปีในอดีต เป็นการท้าทายส่วนสำคัญของเวลา นี่คือทำไมถึงไม่ได้รับความใส่ใจจากพ่อมดสมัยใหม่ และอาจไม่เคยมีเลยก็เป็นได้ ในกรณีที่พ่อมดคนหนึ่งเดินทางกลับไปเป็นเวลาหลายปี เราเห็นช่องโหว่ที่แปลกมากเกิดขึ้น ในทางคณิตศาสตร์และทางทฤษฎีสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นไปได้ แต่ในด้านความเป็นจริงอาจเป็นไปไม่ได้ มันเรียกว่า ทฤษฎีรูมิเนียส(Rumineus) และมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้อย่างสมบูรณ์ แนวคิดที่ซ่อนอยู่ด้านหลังคือเวลาจะหยุดชะงักตัวเองจนกว่าผู้ส่ง...
“เฮ้ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องดัง จังหวะที่เอ็มม่าคว้าหนังสือไปจากมือเธอ
“พอเถอะ หยุดอ่านได้แล้ว! เธอจะไปกับใคร? เธอจะใส่ชุดอะไร?”
“เออ...ฉัน...” โดยสัตย์จริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยคิดจะไปงานเลี้ยงเต้นรำ เธอไม่ได้คาดหวังจะอยู่ที่นี่ “ฉันไม่แน่ใจ”
“โธ่...เฮเลน” เอ็มม่าพูดอย่างขุ่นเคือง เด็กสาวคนอื่นมองมาด้วยความสนใจ “เธอมัวแต่สงบเสงี่ยมอยู่ตลอดเวลา เธอไม่เคยทำอะไรสนุกสนาน เธอไม่แม้แต่พยายามทำให้ตัวเองดูดี...เธอจะไปงานเต้นรำนี้ และพวกเราจะแต่งตัวให้เธออย่างสวยงามเหมาะสม”
ด้วยข้อเสนอแนะนี้ เพื่อนร่วมห้องทั้งหมดของเฮเลนมาจับกลุ่มล้อมรอบตัวเธอ และให้คำแนะนำแก่เธอปะปนกันไปเช่น “-ถ้าเราเอาแว่นตาเธอออกไป-” หรือ “-เธอจะน่าดูชวนมองในชุดกระโปรงสั้น-” และ “-ไม่เคยสังเกตเลยว่าเธอสวยขนาดนี้-”
“อืมม...” เอ็มม่าพูดอย่างครุ่นคิดว่า “ถ้าเราทำอะไรบ้างอย่างกับผมของเธอ...บางทีดัดผมเป็นไง?”
เฮอร์ไมโอนี่ลากตัวเองออกจากเอ็มม่าในข้อเสนอนี้ เริ่มต้นนึกว่าความคิดทั้งหมดนี้กำลังก่อตัวเป็นความหายนะ “จริงๆ นะเอ็มม่า ฉันไม่รู้สึกอยากไป-”
“ไร้สาระ!” เด็กสาวชื่อแคธี่ ร้องขึ้น “เธอจะชื่นชอบมัน ไม่มีทางที่เธอจะไม่มา!”
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัวแต่ก็ยอมตามไปกับการคุยเล่นไร้สาระของพวกเธอ มันช่างยากที่จะใส่ใจเรื่องต่างๆ ในเวลานี้ มีเรื่องวิตกกังวลเป็นประจำอยู่ภายใต้จิตใจของเธอ กำลังคอยที่จะผุดขึ้นมาภายนอกในเวลาที่เธอคาดไม่ถึง
ฉันทำอะไรลงไป? เธอคิดอย่างสงสัย เธอจูบเขา ทอม ริดเดิ้ล-ลอร์ดโวลเดอมอร์ ในช่วงหลังความคิดนี้คอยตามรบกวนเธอ เพราะว่าเธอไม่ได้มองเห็น ทอม ริดเดิ้ล กับ ลอร์ดโวลเดอ มอร์เป็นคนเดียวกัน เกิดอะไรขึ้นกับเขา? หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา? มากกว่า เธอสงสัยอย่างสิ้นหวัง คนที่เฉลียวฉลาด มีเสน่ห์ และพิเศษมากเหลือเกินแบบนี้ กลายเป็นปีศาจร้ายในป่าโล่งเตียนได้อย่างไร? เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากล่าง เป็นนิสัยที่เธอทำบ่อยๆ ในช่วงหลังนี้
“เฮเลน!”
“ใช่มั้ง?” เธอถามกลับอย่างฉุนเฉียว เงยศีรษะขึ้นทันที
“เธอดูวิตกกังวลนะ...รองเท้าสีม่วงอ่อนไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
“โอ้...อืมม...ไม่ใช่..ใช่! เออ..ฉันหมายถึง...ที่จริงฉันกำลังคิดถึงสีเงิน”
“เธอจะดูสวยสง่า เฮเลน เธอคอยดูซิ”
-------------------------------------------------
“ฉันดูน่าหัวเราะสิ้นดี” มิเนอร์ว่าคำรามใส่ดัมเบิลดอร์ ขณะมองดูตัวเองในกระจก
เขาพยายามซ่อนความขบขันไม่ให้รอดออกมาในน้ำเสียงเมื่อพูดว่า “สำหรับผม คิดว่าคุณดูยอดเยี่ยมมากเลย...ในชุดน่าหัวเราะแบบนี้”
เธอสวมหมวกประดับขนนกยูงและผ้าพันคอขนแกะแคชเมียร์สีเขียวน้ำเงินบาดตาผืนใหญ่ เธอหมุนตัวมาเผชิญหน้าเขา ดวงตาสีน้ำตาอ่อนของเธอเจิดจ้า “เตือนความจำฉันอีกครั้งซิว่า ทำไมฉันต้องทำร้ายตัวเองด้วยการใส่เสื้อผ้าน่าเกลียดแบบนี้ เพื่อการสัมภาษณ์ของฉันกับรัฐมนตรีเวทมนตร์?”
“ผมบอกคุณแล้ว มิเนอร์ว่า เขาให้ความสำคัญนิดหน่อยสำหรับหมวกนกยูง มันจะเป็นผลดีอย่างมากสำหรับการไปสู่ตำแหน่งในโบซ์บาตง(Beauxbaton) ที่คุณต้องการ เมื่อเขาเห็นคุณใน...เออ...” เขาหยุดชะงัก ไม่แน่ใจนักจะเรียกสิ่งที่อยู่บนศีรษะเธอว่าอะไร เขาคิดทบทวนมันตอนนี้ หมวกแทบจะไม่ใช่คำที่...
“แล้วผ้าพันคอเป็นประกายน่าเกลียดผืนนี้ล่ะ? มันเป็นยังไง?”
เวลานี้ดัมเบิลดอร์โคลงศีรษะด้วยความเบิกบานใจ “เสริมความงดงามที่หนักแน่นให้กับแผนการนี้” เขาพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เข้าหากันขึ้นชูให้ดู
“ว้าย!” เธอร้องตะโกน กระชากผ้าพันคอและเหวี่ยงมันลงพื้นด้วยความขัดใจ “คุณมันน่ารังเกียจ อัลบัส ดัมเบิลดอร์” แต่ในเวลาเดียวกันเธอกำลังยิ้ม ดัมเบิลดอร์แสดงอาการตอบด้วยการยกนาฬิกาขึ้นดู
“คุณกำลังจะสาย” ดัมเบิลดอร์พูดจริงจังอย่างยั่วเย้า “มันไม่ดีแน่เลยที่ไปสายสำหรับการสัมภาษณ์งาน”
“ฉันจะไปแล้ว!” เธอเอ่ยทำหน้าตาบึ้งตึง ขณะรีบไปดูตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเธอวิ่งไปที่กุญแจนำทางตั้งอยู่ และวางมือลงบนมันพร้อมกับดูนาฬิกาของเธอ
“โชคดี!” ดัมเบิลดอร์พูดพร้อมขยิบตาให้ เธอกำลังจ้องเขม็งมาที่เขาแล้วเธอก็หายไป
ดัมเบิลดอร์สงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อรัฐมนตรีเวทมนตร์พบหนึ่งในบรรดาแม่มดสาวอายุน้อยที่เฉลียวฉลาดที่สุดของยุคนี้ในหมวกนกยูงน่าขบขัน แย่มากๆ ที่จริงแล้วรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านั้นเลย
-------------------------------------------------
เฮ้..มาร์โวโล่!” น้ำเสียงกระฉับกระเฉงลอยมาทางด้านซ้ายของทอม
“อย่าเรียกฉันแบบนั้น” ทอมตอบกลับด้วยน้ำเสียงต่ำราบเรียบ พวกเขาอยู่ในวิชาเรียนประวัติศาสตร์เวทมนตร์ และทอมกำลังพยายามที่จะไม่งีบหลับ เขาไม่ได้นอนพักนานเพียงพอ
“ทำไมไม่ได้ล่ะ?” โจเซฟ นอตต์ ถามพร้อมกับยิ้มกว้าง “มาร์โวโล่ มันให้ความรู้สึกประทับใจดีออก นายไม่คิดอย่างงั้นหรือ มาร์โวโล่?”
ทอมหันไปเผชิญหน้าโจเซฟ นัยน์ตาสีดำแข็งกระด้างเจาะทะลุเข้าไปในดวงตาสีฟ้าอ่อนของเด็กหนุ่มอีกคน “ฉันบอกแล้วอย่าเรียกฉันแบบนั้น”
ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่ทอมรังเกียจมากกว่าพวกมักเกิ้ล นั่นก็คือชื่อของเขา มันเป็นชื่อของคนขี้ขลาด คนที่ล้มเหลว คนโกหก มันเป็นชื่อของพ่อเขา คนที่ทอดทิ้งเขาหลังจากแม่ของเขาได้ตายจากไป พ่อเขาเป็นคนที่ทอมฆ่าตายด้วยความโทสะอย่างแท้จริงเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา เขาไม่เคยรังเกียจพ่อ;รังเกียจเป็นความรู้สึกดีเกินไปที่สูญเปล่าให้กับพ่อเขา ทอมเฉยชาไร้ความรู้สึกเมื่อเกี่ยวข้องกับพ่อ เขาปฏิเสธที่จะเสียพลังงานไปกับการรังเกียจทอม ริดเดิ้ล ซีเนียร์
“ก็ได้..ก็ได้“ นอตต์พูดอย่างร้อนรน “บางครั้งนายก็น่ากลัว นายรู้ตัวไหม? นายไม่แสดงความรู้สึก สีหน้าเย็นชาแบบนั้นดูร้ายกาจมากกว่าถลึงตาหรือทำหน้านิ่วอีก...”
“ฉันเพียง...” ทอมลากเสียงช้าๆ “ฉันได้ตั้งชื่อใหม่ให้กับตัวเอง”
ทอมได้คิดเกี่ยวกับการมีชื่ออื่นมานานแล้ว ไม่ใช่ชื่อของพ่อเขาที่น่ารังเกียจที่สุด แต่เป็นชื่อของตัวเขาเอง ชื่อที่เขาสมควรได้รับเพื่อตัวเขา
“ชื่ออะไรเหรอ?” นอตต์ถาม
“...โวลเดอมอร์” ทอมบอกหลังจากเงียบไป แค่โวลเดอมอร์สำหรับเวลานี้ ทอมคิด
“โวลเดอมอร์? นี่เป็นชื่อประเภทไหน? น่าตลกสิ้นดี!” นอตต์พูดพร้อมหัวเราะเต็มที่
ในช่วงเวลานั้นเลือดในตัวทอมเดือดพล่าน นายคอยดูเถอะนอตต์ เขาคิดอย่างอาฆาต
สักวันหนึ่งนายจะหวาดกลัวกับชื่อที่ดูว่าไม่มีอะไรนี้ โลกทั้งใบจะหวาดกลัวที่เอ่ยชื่อนี้
ความคิดเห็น