คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chepter : 10 คำพูดจากใจที่ตายไปแล้ว
บทที่ 10 คำพูดจากใจที่ตายไปแล้ว
ถัดมาหนึ่งวันหลังจากวันคริสต์มาสในฮ๊อกวอตส์ ช่างน่าหดหู่เพราะนักเรียนที่โตๆกัน
แล้วส่วนมากรู้สึกว่ามันยากในการที่จะทำให้ตัวเองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา การแข่งขันควิคดิชและการ
เล่นปาหิมะได้ถูกยกเลิกชั่วคราวเพราะทุกคนกลัวว่าจะหลับไปโดยไม่รู้ตัว เพราะคืนก่อนหน้านี้ได้ใช้
เวลาส่วนมากอยู่กับคู่เดทหรือไม่ก็คุยเกี่ยวกับงานในเย็นวันนั้นกับเพื่อนจนเหน็ดหนื่อยกันมามากแล้ว
เรื่องราวการโต้เถียงกันระหว่างเฮอร์ไมโอนี่และรอน รวมทั้งการระเบิดอารมณ์ของเชดริกนั้น
ถูกลืมไปอย่างรวดเร็วราวสายลม
แฮร์รี่นั้นรู้สึกว่าตนเอง เริ่มปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้วเพราะต้องทนฟังรอนบ่นตลอดทั้งคืนและตอน
นี้รอนก็ยังคงนอนอยู่
เฮอร์ไมโอนี่นั้นปฏิเสธที่จะคุยกับรอนหรือทุกๆคน รวมถึงคนที่ถูกส่งมาโดยแฮร์รี่หรือจินนี่ก็จะถูก
ส่งกลับไปโดยไร้การพูดคุยของเฮอร์ไมโอนี่
ตรงข้ามสนามของคฤหาสน์ใกล้ทะสาบดำ ชายหนุ่มที่เหนือความตายนั่งนิ่งๆอยู่ท่ามกลางหิมะ
และความหนาวเย็น เขาจ้องมองไปยังเรือของเดิร์มสแตงส์ และในตอนนี้ความคิดของเขากำลังรบกวน
จิตใจของเขาอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเฮอร์ไมโอนี่ หรือการที่เขาทำตัวเมินเฉยกับเธอในการที่
เธอหนีออกไปจากห้องโถงใหญ่และอยู่กับวิกเตอร์ ครัม
ถึงแม้เขาจะดูเมินเฉยเธอแต่เขาเองก็ยังแคร์ความรู้สึกของเธออยู่เสมอ เขากำลังคิดอยู่ว่า ถ้าครัมพูด
อะไรที่ไม่ดีออกไปเกี่ยวกับตัวเฮอร์ไมโอนี่หรือเขาล่ะก็ เชดริกจะจัดการกับครัมเองไม่ว่าจะได้รับความ
ช่วยเหลือจากคนอื่นหรือไม่ก็ตาม
สิ่งที่เขาได้ทำลงไปเมื่อคืนก่อนนั้นทำให้ครึ่งหนึ่งของพวกฮัพเฟิลพัพกลัวเขา โดยที่อีกครึ่งหนึ่ง
คิดว่าเขาบ้าไปแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าพวกนักเรียนคนอื่นๆรู้ว่าเขาเป็นแวมไพร์คงไม่มีใครคิดจะ
เข้าใกล้เขามากกว่านี้อย่างแน่นอน
เขาไม่ได้สนใจใครทั้งนั้นไม่ว่าใครจะคิดกับเขาอย่างไร เพราะเซดริกไม่เคยคิดที่จะพึ่งพาใครเขา
อยู่โดยลำพังนั้นเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของแวมไพร์ที่แท้จริง
มีเสียงหนึ่งตรงมาที่เขา เสียงฝีเท้าของใครบางคน เขารู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าไม่สามารถอ่าน
ความคิดของคนๆนั้นได้ แต่เมื่อเขามองตรงไปก็เห็นรอยยิ้มเล็กๆอันสดใสที่เขาคุ้นเตยและโหยหามาทั้ง
วันทั้งๆที่เขาแสร้งเมินเฉยกับเธอมาตลอดทั้งวันก็ตาม
เธอ กำลังมุ่งหน้าตรงมายังเขา จนเขาสามารถสัมผัสเธอได้
“รู้ไหมเธอน่ะตามตัวยากจริงๆ” เสียงเธอนั้นกระทบเข้ากับหูของเขาก่อนที่เธอจะลงนั่งข้างตัวเขา
เธอตัวสั่นเล็กน้อยเพราะความหนาวเย็น โดยที่เขายังคงจ้องมองอยู่ที่ทะเลสาบ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่น
กายเธออีกครั้งหนึ่งจากนั้นก็ตัดการรับรู้ถึงกลิ่นนั้นออกในทันที
“ตามหาฉันทำไมกัน มีอะไรหรือเปล่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาโดยไม่สนใจความฉงนบนใบ
หน้าของเธอ
“สก๊อตส์เล่าให้ฉันฟังถึงสิ่งที่เธอพูดกับรอน” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวพร้อมกับที่เชดริกจ้องมองออกไป
ที่ทะเลสาบ
“มันก็ไม่มีอะไรมากนี่ ความจริงเขาสมควรที่จะได้รับการตักเตือนบ้างก็เท่านั้น……… อย่างที่เธอ
พูดนะล่ะเขาได้ทำลายค่ำคืนของเธอ”เซดริกพูดเรียบๆแต่ก็ยังคงไม่หันมามองเธอ
“ไม่ใช่……ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย….. ฉันบอกว่าเขาได้ทำลายทุกอย่าง แต่อันที่จริงฉันเอง
ก็คิดว่ามันก็คงหมายถึงเขาได้ทำลายค่ำคืนของฉันด้วยเหมือนกันนั่นแหละ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวทำให้เชดริก
ส่งเสียงคำรามอย่างดังและมันก็ทำให้เธอหัวเราะออกมา
ความเงียบเข้าครอบคลุมพวกเขา ระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ เธอ เอาคางไปเกยไว้ที่หัวเข่า
ของเธอ ก่อนที่จะย่นหน้าผาก
“เธอเครียดอย่างนี่ตลอดเวลาเลยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวทำให้เชดริกมองไปที่เธอ อย่างรวดเร็ว
ด้วยความฉุนฉียวเล็กน้อยและเธอยังคงจ้องมองดูเขาอยู่เช่นกัน
“ฉันไม่ได้เครียด ฉันก็เป็นคนปรกติที่ออกจะผิดหวังเล็กน้อย เมื่อคู่เดทของตัวเองทิ้งไปกลางงาน
แบบนั้น” เชดริกพูดออกมาอย่างหงุดหงิดและโกรธ คำพูดของเขา ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าลงและมอง
ไปที่ทางอื่น
“งั้นเหรอ แต่คนปกติทั่วไปเขาก็ควรจะต้องทำความเข้าใจว่าเขาไม่ควรทะเลาะกับเพื่อนของคู่เดท
ด้วยเรื่องไร้สาระแบบนั้นด้วย” เฮอร์ไมโอนี่ตอกกลับระหว่างที่เชดริกกำมือแน่นก่อนจะมองไปทางอื่นเช่นกัน
“เอาล่ะ ฉันพอจะเข้าใจแล้ว………. และฉันขอโทษที่ทำให้ครัมคนดีของเธอไม่ได้ถามเธอในการเป็น
คู่เดทของเขา” เชดริกกระแทกเสียงระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองเขาด้วยความสับสน เขานั้นไม่แม้แต่จะ
มองเธอ เพราะถือเอาทิฐิเป็นใหญ่
เชดริกยอมต่อข้อเท็จจริงที่ว่าเมื่อหลายปีก่อนที่เขาเข้ามาที่ฮ๊อกส์วอตการปรากฎตัวของเขาแทบจะ
ไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น แต่หลังจากที่เขาเจอเธอ ได้กลิ่นกายของเธอมันทำให้เขาหมกมุ่นกับเธอ สรุปง่ายๆก็
คือ ถ้าเขาไม่ได้มาสนใจผู้หญิงมากเกินไป เขาก็คงไม่ต้องมานั่งตรงนี้และหึงหวงกับการที่เธอแกล้งทำ
เป็นว่าทุกอย่างนั้นเป็นปรกติ
เขาเกลียดตัวเองที่เห็นแก่ตัว สก็อตนั้นพูดถูกที่ว่าเขานั้นเข้าใกล้ความสุขมากที่สุด และนั่นก็เพราะผู้
หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา แต่ตอนนี้เขาอยากที่จะปฏิเสธต่อการมีชีวิตที่ปรกติ เพราะเขาไม่อาจ
กับความคิดที่ว่าเธออาจจะค้นหาความสุขจากที่อื่นๆได้โดยไม่ใช่เขา
“แล้วครัมมาเกี่ยวอะไรด้วย……….” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สับสน ซึ่งเธอก็สับสนมากขึ้นเมื่อ
เชดริกส่งเสียงคำรามและกระโดดลุกขี้นยืนเขาจ้องมองเธอตาแทบลุกเป็นไฟ เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดๆ
ในเวลานี้ และเขาพยายามที่จะเดินหนีไปจากเธอ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็กระโดดลุกขึ้นแทบจะในทันทีเหมือน
กัน เธอคว้าชายเสื้อคลุมของเขาไว้แน่นแล้วตะโกนด้วยเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“พูดกันให้รู้เรื่องก่อน นายไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”และนั่นทำให้เซดริกหยุดอยู่กับที่ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ
“ดูเหมือนว่าครัมมีอะไรมากกว่าการที่ฉันเห็นเขาพยายามปลอบเธออยู่” เชดริกกอดอกละมองเธอด้วย
สายตาเย็นชา ก่อนที่จะจ้องมองที่พื้นโดยพยายามไม่สนใจกับท่าทีของเธอ แต่เขาก็ต้องยกหัวขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนที่เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะคิกคัก เมื่อเธอเห็นเขาจ้องมาที่เธอเต็มตาเธอพยายามจะหัวเราะต่อยิ่งเมื่อได้เห็น
ใบหน้าที่สับสนของเขาเธอยิ่งหยุดตัวเองไม่ได้
“ก็ได้ เธอฟังฉันนะ“เฮอร์ไมโอนี่พยายามที่จะหยุดเสียงหัวเราะของเธอ และพยายามที่จะอธิบายให้เขา
ฟัง”ครัมพาฉันไปข้างนอกเพื่อสูดอากาศ……… ฉันโกรธรอนมาก ฉันแค่อยากจะอยู่ให้ห่างๆจากเขา จากนั้น
ครัมก็พยายามทำหรือพูดให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความผิดของเธอ แต่ฉันได้เล่าให้เขาฟังถึงเรื่องที่ได้เกิด
ขึ้นจริงๆ หลังจากนั้นฉันก็บอกเขาว่าฉันอยากอยู่คนเดียว ฉันก็กลับเข้าไปข้างในจากนั้นจินนี่ก็พาฉันขึ้นไป
ข้างบน ฉันใช้เวลาที่เหลือทั้งวันของฉันหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุดจากรอน เพราะฉันรู้ว่าฉันต้องฆ่าเขาแน่ๆ แต่
ว่าเขาก็เข้ามาเพื่อจะขอโทษฉัน” เฮอร์ไมโอนี่อธิบายระหว่างที่เขาพยายามทำความเข้าใจกับเธออยู่ ก่อนที่
เซดริกจะมองไปที่อื่นพร้อมทั้งแยกเขี้ยว ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโทษตัวเองในการที่ไม่สามารถอ่านจิตใจเธอ
ได้
เพราะเขาไม่แน่ใจว่าเธอพูดความจริงหรือเปล่า
เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุได้จากใบหน้าของเขา เพราะเธอถอนหายใจ จากนั้นเธอจับมือของเขาโดยไม่สน
ใจกับความหนาวเย็นรอบกายโดยเฉพาะความหนาวเย็นจากมือของเขา
“เธอจะต้องเชื่อฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นระหว่างที่เชดริกหยุดคิดสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะมองกลับมายัง
เฮอร์ไมโอนี่โดยที่เธอยังคงจับมือเขาอยู่
“ฉันรู้ว่าฉันเป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งแต่ฉันก็เชื่อว่าฉันสามารถเชื่อใจได้ดีสำหรับแวมไพร์อย่างคุณ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น” เชดริกคั่นกลางคัน โดยจ้องมองลงไปที่มือเล็กๆที่อบอุ่นของเธอ ถ้าเปรียบเทียบ
กับมืออันซีดของเขาของเธอนั้นจะดูอิ่มเอิบมากเสียกว่า
เขาดึงมือของเธอเข้ามาชิดเขาโดยที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ทันระวังมันทำให้ตัวเธอเซปะทะเข้ากับตัวของเขาอย่าง
แรง
“มันไม่ใช่เรื่องการเชื่อใจ” เชดริกกล่าวด้วยเสียงกระซิบ ซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อรับ
ฟังเขาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“แล้วมันอะไรล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามระหว่างที่เชดริกตวัดสายตาไปที่เธอ โดยริมฝีปากของพวกเขาอยู่
ห่างกันไม่กี่นิ้ว เขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอและเธอก็ไม่แม้แต่คิดที่จะถอยห่างจากเขา
“มันเป็นฉันต่างหากที่ไม่น่าไว้วางใจ” เขากล่าวอย่างจริงจัง โดยที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะพูดท้วงเขา
แต่เชดริกนั้นได้ดึงแขนเธอและลากเธอไปกับเขาโดยที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ทันได้ตั้งตัว
โดยที่ไม่ยอมปล่อยมือเธอ ซึ่งเชดริกไม่อาจต่อสู้กับหัวใจที่ไม่เต้นของเขาได้อีกแล้วในเวลานี้
มันถึงเวลาแล้วที่เธอจะได้เห็นว่าปีศาจอะไรที่สิงอยู่ในตัวเขา เอ็ดเวิร์คนั้นพูดถูก ว่าเขานั้น
ตกหลุมรักเธอแต่เขาคงจะเป็นมากกว่านี้ ถ้าเธอเองก็ตกหลุมรักเขาเช่นกัน
“เชดริก” เฮอร์ไมโอนี่ท้วงโดยพยายามดึงข้อมือของเธอที่เขาบืบไว้แน่น ระหว่างที่ดวงตาของเธอ
จ้องมองดูดวงตาที่เป็นสีแดงราวเลือดของเขาอย่างหวาดกลัว เฮอร์ไมโอนี่นิ่งงันเหมือนโดนสะกดไม่มีแรงที่
จะคิดต่อสู้กับสิ่งที่ออกมาจากตัวเขา
“ให้ฉันแสดงให้เธอเห็น……….. ให้ฉันแสดงให้เห็นว่าทำไมเธอถึงไม่ควรไว้ใจฉัน “เขากล่าวโดยรู้สึกถึง
ความอ่อนแอในตัวเขาที่ถูกกักเก็บไว้มานานมันกำลังจะออกมาเพื่อให้เธอได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา
เซดริกสามารถเห็นสายตาของเธอที่กำลังบอกถึงความรู้สึกหลายๆอย่างที่เขารู้สึกได้
เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถอดกลั้นดวงตาของเธอจากการเบิกกว้างได้ ระหว่างทางที่เช็คดริกนำเธอไปที่ป่า
ต้องห้าม เธอเริ่มที่จะกังวลและรู้สึกว่ามือของเขานั้น กำเธอไว้แน่นเกว่าเดิม เธอพยายามที่จะแกะมือของเขา
ออกแต่แต่มันกลับไม่คลายออกแม้แต่นิดเดียว
เซดริกไม่แม้แต่จะมองกลับมาดูเธอ เขาพยายามที่จะไปสู่จุดมุ่งหมายอย่างระวังตัว
เฮอร์ไมโอนี่เริ่มที่จะกังวลแล้ว ซึ่งเธอพยายามจะเตือนสติตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าเธออยู่ภายใต้แวม
ไพร์ที่ไม่สนใจในการที่จะทำร้ายเธออย่างเซดริกดังนั้นเธอจึงไม่สมควรกลัวเขา
เฮอร์ไมโอนี่สะดุดเล็กน้อย เธอพยายามสูดลมหายใจ ในขณะที่เชดริกกวาดหางตามามองเธอ เพื่อ
ให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไร
“เชื่อเถอะว่าฉันไม่ปล่อยให้เธอเป็นอะไรหรอก” เชดริกสัญญาระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามมองดูใบ
หน้าของเขา
“แค่เชื่อฉัน เฮอร์ไมโอนี่…….. ฉันขอแค่นี้ล่ะ” เชดริกขอร้องโดยมองเธอด้วยความรู้สึกผิด ระหว่างที่
เธอผงกศรีษะยอมรับโดยไม่กลัวว่าหัวจะหลุด เพราะเธอผงกหัวอย่างแรงเห็นด้วยกับคำพูดของเขา ระหว่าง
ที่ดูเหมือนว่าเธอต้องการจะพูดอะไรที่ต่างกันออกไป
จากนั้นเขามุ่งหน้านำเธอเข้าป่า ก่อนที่จะหยุดเพราะรู้สึกว่าเธอต้องการความมั่นใจอีกครั้ง ก่อนที่จะ
ปล่อยมือเธอและเสนอมืออีกข้างของเขาให้เธอแทน เธอมองเขาด้วยคิ้วที่ขมวด แต่เขายิ้มเล็กน้อยให้
เธอ
“แค่เชื่อฉัน” เขาเสนออีกครั้ง จากนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงเอื้อมมือเธอไปวางไว้บนมือเขา ก่อนที่เข
าจะทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
“มันจะง่ายขึ้นมากถ้าฉันสามารถเคลื่อนไหวได้ตามที่ฉันถนัดมากกว่าเคลื่อนไหวตามเธอ” เขากล่าว
ระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองดูเขาแต่ยังคงโอบแขนไว้ที่คอของเขาอย่างระมัดระวังเพราะเกรงว่าเขาจะ
หายใจไม่ออก
“เกรนเจอร์ เธอจับให้แน่นเถอะ………. เพราะฉันไม่ต้องหายใจ” เชดริกสั่งระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่
โอบคอเขาแน่นกว่าเดิม เชดริกยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความสุขที่ว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าเข้าไปในป่าที่
ไกลออกไปตามลำพัง
“เดี๋ยว....เธอมึนหัวไหม” เชดริกกลัวเธอ โดยเฮอร์ไมโอนี่ยกศรีษะขึ้นอีกครั้ง
“ไม่นี่ทำไมเหรอ” เธอถามแต่แทนที่เขาจะตอบเขากลับหัวเราะโดยที่เธอก้มหน้าลงซุกไปที่ลำคอ
เขาเพราะแรงลม ภาพทิวทัศน์นั้นเริ่มเบลอ ซึ่งมีผลกระทบแม้กระทั่งเช็คดริกที่เป็นทั้งแวมไพร์
และซีกเกอร์
เป็นธรรมดาสำหรับสัตว์ตัวเล็กหรือแม้แต่ตัวใหญ่ที่ออกจะเบลอๆ เมื่อเขาพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่าง
รวดเร็วแบบนั้น เชดริกนั้นหยุดอย่างกระทันหันเมื่อแน่ใจว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะหัวใจวาย เธอยังคงเกาะเขา
ไว้แน่น โดยปฏิเสธจะมองที่เขา ตัวเธอสั่นเล็กน้อย ซึ่งทำให้เชดริกประหลาดใจกับความกล้าหาญของ
กริฟฟินดอร์ของเธอ
“เงยหน้าขึ้นได้แล้ว เกรนเจอร์” เชดริกเสนอแต่เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัว โดยซุกหน้าของเธอลงไปที่ลำ
คมของเขามากกว่าเก่า
“มันน่ากลัวที่จะมองนี่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยเสียงสั่นๆ ซึ่งทำให้เชดริกหัวเราะอย่างดังก่อนที่จะแกะ
แขนเธอออกจากคอเขา ด้วยอาการหอบเธอลืมตาขึ้น และพบเชดริกอยู่ตรงหน้าเธอและเธอจ้องมองดูที่
หน้าอกเขา
“อะไรเหรอ” เขาถามระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงแล้ว เงยหน้าขึ้นจ้องที่ตาเขา พยายามที่จะตำหนิ
เขา โดยถมึงตาไปที่เขา แต่ใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอไม่ได้ช่วยแม้แต่น้อย
“มันน่ากลัวที่จะมอง” เธอย้ำระหว่างที่เขาหัวเราะและเฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบๆทำให้เห็นว่าตอนนี้พวก
เขาหยุดกันที่ไหน
เขาหัวเราะตอนเธอถอนหายใจ ไหล่เธอลู่ลง เธอกอดอกด้วยความหนายเย็น
“แล้วนี่น่ากลัวไหม” เชดริกถามโดยเอนตัวไปใกล้ๆเธอ ความต้องการที่เห็นแก่ตัวที่ได้ก่อขึ้นมา
หลายเดือน เริ่มขึ้นระหว่างที่เขาเห็นคอขาวๆของเธออย่างเลือนราง เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเธอเมินหลบสายตา
ของเขาและถอยหลังไปสองสามก้าว
จะจับได้ถึงการถอนหายใจของเขา
“ไม่นี่” เธอตอบกลับพร้อมลมหายใจที่กระชั้นพร้อมกับใบหน้าที่แดงกล่ำอย่างเขินอาย เธอแสร้งมอง
เมินไปทางอื่น และก้าวไปข้างหน้าก่อนที่จะไปไกลกว่าเดิม เธอหยุดแล้วมองมายังเชดริกที่ตอนนี้ทรุดตัวนั่ง
อยู่ที่พื้น
“คือฉัน………. ฉันหมายถึงมันจะเป็นอะไรไหมถ้าฉัน...” เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้จะพูดยังไงแต่เชดริกสามารถ
เดาได้ โดยเขามองเธอด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะหันไปแล้วก้าวไปข้างหน้า
ระหว่างทางที่ปราศจากต้นไม้ เธอล้มตัวลงแล้วเอานิ้วเขี่ยหิมะที่ราบเรียบ เชดริกรู้สึกอ่อนกำลังมาก
กว่าเดิมเมื่อเค้าเห็นรอยยิ้มของเธอ เธอลุกขึ้นเดินอย่างนับก้าวเหมือนกับจะศึกษาจำนวนหิมะที่ตกลงมา
เชดริกพยายามจะไปอยู่ข้างหน้าตอนเฮอร์ไมโอนี่ยืน อยู่ในพื้นที่โล่งกว้าง ร่างกายของเธอถูกห่อ
หุ้มไปด้วย แสงจากอาทิตย์ เธอมองไปยังเขาโดยไม่อาจซ่อนรอยยิ้ม หรือความประหลาดใจบนใบหน้า
เธอได้ เชดริกหัวเราะพร้อมทั้งพยายามที่จะก้าวเดินไปบนรอยเท้าของเธอ
“เธอหาที่นี่เจอได้ยังไง” เธอถามพร้อมดวงตาที่เกรงขาม พยายามที่จะเค้นความจริง แต่เช
ดริกก็ได้แต่มองไปที่เธอ
“เธออย่าลืมสิว่าฉันเป็นอะไรฉันสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วพอๆกับพวกมนุษย์หมาป่าและเราสามารถ
ไปยังที่ต่างๆได้ตามที่เราต้องการ” เชดริกกล่าวระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าอวดดีแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเชดริกรู้สึกเกร็งเมื่อเฮอร์ไมโอนี่มองมาที่เขา ทางสายตาที่ดูเหมือนมีคำถาม เขาภาวนา
ว่าเธอจะลืมเหตุผลที่เขาพาเธอมาที่นี่ เขาหวังว่าเธอจะทำเหมือนกับที่เขาทำคือใช้เวลาทั้งวันอยู่ด้วยกัน
เพียงลำพัง
“เธอจะอธิบายไหมว่าทำไมถึงพาฉันมาที่นี่”
“ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องทำอย่างนั้น” เขากล่าวอย่างดังเพื่อให้แน่ใจว่าเธอได้ยิน แต่ก็รู้สึกว่าการพูด
ของเขานั้นฟังเมือนเป็นการตะโกนมากกว่าเพราะเขารู้สึกเจ็บที่คอ
“ทำไมล่ะ” เธอถามโดยก้าวมาข้างหน้า แต่เชดริกยกมือขึ้นเพื่อหยุดเธอไว้ จากนั้นเขาก้าวไปข้าง
หน้าเพื่อไปยืนอยู่ท่ามกลางแดด
“เพราะถ้าฉันแสดงให้เธอเห็น…….. พิสูจน์ให้เธอดูถึงสิ่งที่เธอไม่ควรเชื่อใจฉัน เราก็คงจะไม่สามารถ
ทำอย่างนี้กันได้อีก” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ฉันเชื่อใจเธอเชดริก ทำไมเธอถึงไม่เชื่อใจฉันล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมยืนกอดอกเพื่อจะพิสูจน์
ให้เขาเข้าใจถึงประเด็น
“เพราะเธอไม่เข้าใจว่าฉันเป็นอะไรล่ะสิ….. ฉันภาวนาว่าฉันจะเป็นเหมือนคนอื่น ฉันแค่อยากจะเป็น
คนปรกติที่พยายามจะทำให้สาวสวยประทับใจ” เชดริกกล่าวโดยจ้องมองดูเฮอร์ไม่โอนี่ที่สีหน้าดูเศร้า
“แต่ฉันไม่ใช่คนธรรมดาและคงจะไม่สามารถเป็นอย่างนั้นได้อย่างแน่นอน……… ” เชดริกกล่าวอย่าง
หนักแน่นพยายามที่จะพูดให้เธอเข้าใจ ซึ่งเขารู้สึกหงุดหงิดเมื่อเธอส่ายศรีษะ
“เฮร์ไมโอนี่ฟังฉันนะ…………. ในห้าสิบปีข้างหน้าเธอโตขึ้นมากกว่านี้และได้ใช้ชีวิตไปได้ครึ่งทางของ
ชีวิตแล้ว ฉันก็ยังคงเป็นเด็กอายุ 17 ปี ฉันไม่มีทางจะออกจากฮอกส์วอร์ต เพื่อใช้ชีวิตของตัวเองได้ ฉันไม่
มีวันที่จะแต่งงานและมีครอบครัวเหมือนที่เธอทำได้” เชดริกกล่าวโดยน้ำเสียงอันเยือกเย็นและไร้ซึ่งความ
รู้สึก เมื่อเขากล่าวถึงชีวิตที่เฮอร์ไมโอนี่คงจะต้องมีสักวัน
“แล้วทำไมสิ่งนั้นมันถึงทำให้เธอคิดว่าฉันไม่ควรจะเชื่อใจเธอล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามโดยเชดริกพยายาม
ที่จะกดความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวของเขาเอาไว้ข้างใน
“เพราะฉันไม่ใช่คนปรกตินะสิ…….. เธอคิดว่าฉันเป็นแวมไพร์ที่ดีแต่จริงๆ แล้วฉันก็ยังคงเป็นปีศาจอยู่ดี
ฉันล่า ฉันดื่มเลือด และ.........”
“ใช่ฉันรู้” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวโดยเชดริกได้เพียงแต่มองเธอ
และในทันใดนั้นด้วยความเร็วเขาพุ่งไปอยู่ข้างๆ เธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้หายใจสีผิวเขานั้นปรกติ
ก็ซีดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะล่องหนได้
เชดริกแยกเขี้ยว ผลักศรีษะเธอเอียงไปข้างๆเพื่อที่เขาจะได้เห็นคอเธอได้อย่างเด่นชัด
“รู้ไหมเกรนเจอร์ฉันสามารถผ่าเธอออกได้ครึ่งหนึ่ง โดยไม่ต้องแม้แต่สะบัดมือ” เชดริกกล่าวโดยเฮอร์
ไมโอนี่นั้นกลืนน้ำลายแต่ก็ยังคงจ้องมองเขาอยู่ ซึ่งทำให้เชดริกแยกเขี้ยวมากกว่าเดิม
“เมื่อฉันล่าหรือกระหายเลือด ฉันไม่สามารถแกล้งทำเป็นมนุษย์ได้ ฉันมักทำตามความต้องการของฉัน
กลิ่นของเธอนั้นทำให้ฉันเคลิบเคลิ้ม ซึ่งฉันสามารถควบคุมตนเองได้เวลาที่ฉันไม่ทำ และฉันจะไม่คิดเป็นครั้ง
ที่สอง หากฉันต้องดูดเลือดเธอเมื่อฉันต้องทำ” เชดริกคำราม ระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นและพยายามที่จะ
ดึงตัวเองให้ออกห่างเขาแต่เขาดึงเธอไว้และผลักเธอเข้ามาใกล้
“เธอหยุดฉันไม่ได้หรอก เธอก็เห็นว่าฉันไม่บาดเจ็บสักนิดเดียวจากการต่อสู้กับมังกร เธอไม่สามารถทำ
อะไรฉันได้แน่” เชดริกกล่าวโดยรู้สึกถึงความกลัวของเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยเธอไป
เขาหมุนตัวไปข้างหน้าเธอภายในพริบตาเดียว ริมฝีปากของเขาห่างคอของเธอเพียงไม่ถึงนิ้ว
เฮอร์ไมโอนี่หายใจหอบผสมกับการถอนหายใจ เมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสไปยังผิวหนังของเธอ
“เธอหยุดฉันไม่ได้แล้วล่ะ……. เพราะถ้าฉันต้องการ ฉันก็จะกัดเธอและทิ้งเธอไว้ตรงนี้”
เชดริกพูดให้เธอฟังอย่างเห็นภาพ โดยเขาถอนใบหน้าออกจากลำตอของเธอเพื่อจะให้เธอเห็นในสิ่งที่เขา
ต้องการจริงๆ แต่เขาก็ยังคงกอดเธอไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับจูบริมฝีปากของเธอ……. ไม่ใช่ดูดเลือดจาก
เธอ
“ยอมรับซะเถอะเฮอร์ไมโอนี่ ยอมรับซะว่าเธอหยุดฉันไม่ได้” น้ำเสียงของเขาสั่นพล่าเมื่อผละออกจาก
ริมฝีปากอิ่มเอิบของเธอ และอีกครั้งที่เขาประกบริมฝีปากซีดเซียวของเขากดจูบลงบนริมฝีปากเนียนชมพูระเรื่อ
อย่างดุดัน และชอนไชปลายลิ้นของเขาบีบบังคับแยกริมฝีปากของเธอให้เผยอออกและใช้ปลายลิ้นอุ่นๆเข้า
ไปยังริมฝีปากภายในของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ใจเต้นระรัว เธอไม่เคยรับสัมผัสจากผู้ชายคนใดมาก่อนนี่เป็นครั้งแรก
และมันยาวนานจนเธอหายใจไม่ออก
และด้วยท่าทางที่เป็นปรปักษ์เธอส่ายหัวออกมา ไอครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อที่จะเอาอากาศเข้าไปสู่ปอด
“ฉันทำไม่ได้” น้ำเสียงของเธอทำให้เขาต้องคอยและเอาจมูกออกห่างจากเธอ ดวงตาสีเทาของเขา
มองเข้าไปในดวงตาของเธอที่อ่อนแรงราวกับถูกดูดกลืนไป และไร้พลังต่อต้านโดยสิ้นเชิง
“นั่นล่ะคือเหตุผลที่เธอไม่สมควรจะเชื่อใจฉัน เพราะฉันก็ยังไม่สามารถเชื่อใจตัวเองได้” เขากล่าว
อย่างอ่อนโยนและออกห่างมาจากเธออย่างเสียดาย เธอตะกุกตะกักเล็กน้อยก่อนที่ทรงตัวได้
เชดริกนั้นยืนอยู่ในเงามืดของต้นไม้ตรงข้ามกับเธอ เขารอเพื่อที่จะให้เธอโต้ตอบอย่างที่เขาต้องการ
แต่เธอไม่ตอบโต้ เขาเพียงแต่ฟังเสียงหัวใจเธอเต้นและลมหายใจที่พยายามจะทำอย่างมั่นคง
“เฮอไมโอนี่” เขากล่าวโดยพยายามไม่มองเธอ เขาเกลียดตัวเองและความต้องการที่มีต่อเธอ
เพราะตอนนี้เขาได้ยินเสียงหัวใจเธอที่กำลังแตกสลาย ซึ่งเขาก็ยินดีที่หัวใจของเขาหยุดเต้นมานานแล้ว
“คนเลว” เสียงตะโกนดังมาจากตัวเธอ แต่มันก็ดังพอที่เขาจะได้ยินและเงยหน้าขึ้นมามองเธอ น้ำตา
เธอไหลลงปรกแก้ม ทำให้หิมะข้างใต้เธอนั้นเหมือนถูกเผาไหม้ เขาสามารถรับรู้ถึงความร้อนที่มาจากสายตาเธอ
“คนเห็นแก่ตัว…… คนชั่ว….. คนเลว” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น โดยไม่สนใจที่จะเช็ด
น้ำตาของเธอ
“เธอคิดเหรอว่าเธอเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดที่ฉันเคยพบหรือเจอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดซึ่งทำให้
เชดริกประหลาดใจถึงปฏิกิริยาของเธอ
“ฉันเคยเผชิญหน้ากับความตาย……… การที่เป็นเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ได้แปลว่าฉันมีชีวิตที่
ปลอดภัยนะ อันที่จริงแล้วฉันไม่คิดว่าชีวิตฉันจะสามารถหาความปลอดภัยได้หรอก แฮร์รี่กำลังจะต้อง
เผชิญหน้ากับศาสตร์มืด และฉันก็ปฏิเสธที่จะให้เขาทำมันเพียงลำพัง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าฉันอาจจะ
ตาย ฉันอาจจะตายก่อนที่ฉันจะได้ออกไปจากฮ๊อกส์วอตด้วยซ้ำไป” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวโดยเชดริก
พยายามที่จะยับยั้งตัวเองจากการที่เขาจะเข้าไปปลอบเธอ
“ฉันอายุ 14 และฉันได้เห็นความตายและความเจ็บปวดเกินกว่าโหล” เฮอร์ไมโอนี่ฟูมฟายร่างกาย
ของเธอสั่น พร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตา
“ฉันขอโทษนะถ้าฉันจะไม่ยอมรับในความคิดบ้าๆ ที่เกี่ยวกับความเชื่อใจในตัวเธอเพราะในสิ่งที่เธอ
เห็น จริงอยู่แม้เธอจะไม่เชื่อใจในตัวของเธอเองก็ตาม แต่ลองคิดดูบ้างสิ ดับเบิ้ลดอร์ก็คงไม่ปล่อยให้เธอ
เข้ามาในฮ๊อกวอตส์ได้ง่ายๆหรอก” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยก่อนจะส่ายศรีษะและออกวิ่งเพื่อจะกลับไปยังปราสาท
แต่ทันใดนั้นเธอหยุดวิ่งและหันมาจ้องเขา
“ฉันเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิในการเลือกที่จะแคร์ใครสักคน และไม่มีใคร แม้กระทั่งนายมีสิทธิมาบอกฉัน
ไม่ให้ฉันแคร์เธอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดกระแทกเขาก่อนจะหันกลับไปและพยายามเดินกลับไปตามทางของเธอ
เชดริกไม่สามารถหยุดตัวเขาเองได้อีกต่อไป เขาดึงเธอเข้าสู่อ้อมอกเขาระหว่างที่เขายืนอยู่ต่อหน้า
เธอ เธอเอื้อมมือไปปาดน้ำตาของเธอ และพยายามกระชากแขนเขาให้ออกไปห่างๆเธอ
“ได้โปรด”เซดริกร้องขออย่างอ่อนโยน
“ไม่………. ออกไปห่างๆฉันเดี๋ยวนี้ “เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะเดินหนีจากเขา แต่เขาปิดกลั้นความ
พยายามของเธอ
ด้วยความเสียใจอย่างมากเธอทุบมือเธอลงที่หน้าอกเขาและก็ทุบหน้าอกตัวเอง พร้อมกับร้องไห้
ออกมาด้วยเสียงอันดัง
“เฮอร์ไมโอนี่” เชดริกกระซิบพร้อมจับมือเธอไว้ โดยเห็นรอยแดงๆที่มือเธอที่เธอทุบเขา
“ฉันอยากจะสัญญากับเธอได้ว่าฉันสามารถให้เธอได้มากกว่าพวกนี้……….
ความเจ็บปวด แต่ฉันไม่สามารถสัญญากับเธอได้เลย”
“ถ้างั้นก็อย่า” เธอสั่งระหว่างที่เชดริกหลบสายตาเธอมองดูเขาด้วยการอ้อนวอนทำให้เขาตะกุก
ตะกักอีกครั้ง
“ไม่ต้องสัญญาอะไรทั้งสิ้น นอกจากว่าเธอเชื่อใจฉันมากพอที่จะสามารถดูแลฉันได้” เธอพูดขึ้นระหว่าง
ที่เชดริกกุมมือเธอไว้แล้วมองดูมัน เขายกมือเธอขึ้นไปยังริมฝีปากของเขาอย่างช้าๆ และรู้สึกถึงอาการเกร็ง
ของเธอ จากนั้นเขาบรรจงจูบมือเธอเบาๆ เขาจับมือเธอทั้งสองข้างมาวางไว้บนลำคอของเขาและสัมผัสกลิ่น
เธออย่างเต็มปอด และบรรจงจูบเธออีกครั้ง
“ฉันจะพยายาม” เขาสัญญาก่อนที่เธอจะพยักหน้าตอบรับจากนั้นจึงก้มหน้าลงซบที่คอเขาอีกครั้ง
ปล่อยให้น้ำตาเธอสัมผัสถึงผิวเขา ซึ่งมันทำให้ผิวเขารู้สึกไหม้
เขาไม่รู้มากนักเกี่ยวกับความรัก แต่เขาก็รู้แล้วว่ามันคืออะไรมันคือความเจ็บปวด
อย่างน้อยเขาก็สามารถยอมรับได้ ว่าภายในเวลาเกือบหนึ่งร้อยปี ตอนนี้ละที่เขารู้สึกถึงความอบอุ่น
และความรัก
ความคิดเห็น