คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 1 จุดหักเหแห่งการเปลี่ยนแปลง
เครดิตผู้แต่ง Author: ohxemxgee
เครดิตผู้แปล:weena
เรียบเรียง nugfat
นี่เป็นเพียงเนื้อเรื่องบางส่วนที่อยู่ในตอนนี้ สงครามได้สิ้นสุดลง, โวลเดอร์มอร์ได้ตายไปแล้ว, ผู้เสพความตายทั้งหมดอยู่ในอัซคาบันหรือไม่ก็ตายไปแล้ว มีเพียงดับเบิ้ลดอร์เท่านั้นที่ยังอยู่ เขายังมีชีวิตอยู่ และนี่เป็นฤดูร้อนหลังจากอายุครบ17ปีของพวกเขาที่จบการศึกษา
CHAPTER 1 จุดหักเหแห่งการเปลี่ยนแปลง
เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจในขณะที่กำลังเดินไปที่บ้านหลังงามบนชายหาด มันเป็นบ้านที่สวยมากและแน่นอนเธอต้องการมาพักผ่อนที่นี่ในช่วงวันหยุด แต่ต้องไม่ใช่กับคนที่เธอไม่ชอบและไม่อยากพบมากที่สุดในโลกนั่นคือ เดรโก มัลฟอย เธอถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็วางกระเป๋าไว้ที่พื้นด้วยเสียงอันดังและเตะมันออกไปห่างๆตัว ด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว
เฮอร์ไมโอนีเดินไปรอบๆบ้านอย่างช้าๆเพื่อสำรวม และยิ่งกว่าสิ่งใดเพื่อให้แน่ใจว่ามัลฟอยยังมาไม่ถึง หลังจากนั้นสักครู่หนึ่งก็เหมือนมีบางสิ่งมาอยู่ข้างหลังเธอ เธอหันกลับไปดู พร้อมกับมือถือไม้กายสิทธิ์ แต่สิ่งที่พบเป็นเพียงเสียงเล็กๆที่กำลังร้องไห้ขอโทษอยู่เท่านั้น
"พวกเราขอโทษ, โปรดอย่าทำอะไรฉันกับดอบบี้เลยน่ะ" เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังมาจากหลังเก้าอี้ตัวยาว เฮอร์ไมโอนีเดินไปดูด้านหลังเก้าอี้ เพื่อดูเสียงที่ได้ยินและสิ่งที่เห็นคือบ้านที่ทำจากเก้าอี้ของพวกเอลฟ์ทั้งสอง เธอเอาไม้กายสิทธิ์เก็บไว้ด้านหลังของกระเป๋ากางเกง แล้วยิ้มหวานให้กับเอลฟ์ ทั้งสอง จากนั้นก็คุกเข่าตรงหน้าเอลฟ์พวกนั้น
"โอ้..ฉันขอโทษ พวกเธอแค่ทำให้ฉันตกใจ ฉันจะไม่ทำอันตรายพวกเธอแน่นอน ฉันสัญญา" เฮอร์ไมโอนี่พูดเพื่อขจัดความตกใจออกไปจากเสียงเล็กๆนั้น เอลฟ์ทั้งสองมองดูเฮอร์ไมโอนี่อย่างแปลกใจไม่เคยมีใครทำดีหรือพูดดีๆกับพวกมันมากนัก เอลฟ์ตัวหนึ่งที่มีดอกไม้สีชมพูทัดหูเอียงคอมองเธอแล้วยิ้มจนเกือบถึงใบหู
"เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษพวกเราหรอก พวกเราต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้เธอตกใจ ฉันชื่อวินนี่ ส่วนนี่ชื่อดอบบี้" วินนี่กล่าว
เอลฟ์อีกตัวที่ใส่เสื้อมอซอซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นสีขาวหรือสีอะไรกันแน่ อยู่ๆก็กระโดดมายืนตรงหน้าเธอและส่งเสียงแหลมเล็กออกมาอย่างดีใจ
"เฮอร์ไมโอนี!" ดอบบี้เรียกเสียงดัง
เฮอร์ไมโอนี่เขม้นตามองอย่างชั่งใจเพียงแค่เสี้ยวนาทีเธอก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี
"ดอบบี้! คุณเป็นอย่างไรบ้าง" เฮอร์ไมโอนี่ถามและตื่นเต้นที่ได้พบกับเขาอีกครั้ง นานแล้ว นานแล้วจริงๆหลังจากสงครามคราวนั้นที่เธอไม่ได้เจอด๊อบบี้เนื่องจากเธฮต้องจัดการอะไรหลายๆอย่างภายในภาคีเธอจึงละเลยเกี่ยวกับพวกเอลฟ์ไป
"ฉันสบายดี, เฮอร์ไมโอนี! มีอะไรให้พวกเราช่วยหรือป่าว" เขาตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเหมือนหวานที่สุดให้เฮอร์ไมโอนี่
เฮอร์ไมโอนี่หันซ้ายหันขวามองทั่วบ้าน
" เอ่อ.....ช่วยบอกหน่อยได้มั๊ยว่าห้องของฉันอยู่ที่ไหน? ฉันเหนื่อยและต้องการที่จะพักผ่อนน่ะ " เฮอร์ไมโอนี่กล่าว
"ได้เลย, เฮอร์ไมโอนี! ฉันจะพาเธอไปที่ห้อง ส่วนดอบบี้จะช่วยเธอถือของไปที่นั่น เธอไม่ต้องห่วง" วินนี่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น พร้อมนำเธอไปยังภายในตัวบ้าน
"ขอบคุณมาก!" เฮอร์ไมโอนี่กล่าวและเดินตามวินนี่ขึ้นไปชั้นบน โดยเดินผ่านเฉลียงที่อยู่ด้านหน้าห้องซึ่งถูกเขียนด้วยตัวอักษรสีทองที่แปลกตาว่า 'เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์'
เฮอร์ไมโอนี่เดินตามวินนี่เข้าไปข้างในห้อง และมองไปรอบๆอย่างพอใจ แล้วเรื่องเกี่ยวกับเดรโกที่อยู่ในหัวของเธอรวมทั้งความไม่สบายใจก็ถูกลืมไปในที่สุด เธอไม่สนใจอีกแล้วว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่กับเธอเพียงลำพังนานแค่ไหนและจะทำให้อารมณ์ของเธอฉุนเฉียวอีกสักเพียงใด เพราะ เธอจะอยู่ที่นี่อย่างสนุกสนาน อีกอย่างเธอมีดอบบี้และวินนี่อยู่เป็นเพื่อนโดยที่เธอไม่ต้องสน เดรโก มัลฟอย เฮอร์ไมโอนีเดินไปที่ประตูเลื่อนที่เป็นกระจกซึ่งอยู่ด้านหน้าของระเบียงมุข เธอเดินออกไปด้านนอกและเมื่อเดินกลับมาก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นวินนี่และดอบบี้จัดการเก็บของของเธอเข้าที่อย่างเรียบร้อย เฮอร์ไมโอนี่ถลันเข้ามาหาทั้งสองอย่างเร็วและคุกเข่าลงใกล้ๆกับพวกเขาพลางแย่งชุดชั้นในที่ดอบบี้ถืออยู่ออกมาจากมือที่ยาวๆของดอบบี้
"โอ...ขอบคุณมาก แต่เดี๋ยวฉันจัดการเองได้" เธอกล่าวแล้วยิ้มอายๆไปให้กับดอบบี้ที่ยืนเหมือนไม่เข้าใจให้กับเธอ
"ไม่เป็นไร, เราถูกส่งตัวมาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกเธอนะ" วินนี่ตอบพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีความสุข แล้วจึงดึงชุดชั้นในที่เฮอร์ไมโอนี่ถืออยู่ในมือ เอามาเก็บเรียงไว้ในชั้นอย่างเรียบร้อย
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเขินๆเธอต่อต้านการใช้เอลฟ์อย่างทาสมานานแล้วแต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเธอเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นเสียเท่าไหร่
"ขอบคุณมาก แต่พวกคุณช่วยเหลือมากพอแล้วล่ะ ขอบคุณอีกครั้ง" เธอกล่าวอย่างจริงใจ
ดอบบี้ส่ายหน้าแล้วเดินต้วมเตี้ยมเข้ามาใกล้ๆเธอ
"เฮอร์ไมโอนี ไม่จำเป็นที่ต้องขอบคุณหรอก เธอสามารถเรียกหาชั้นได้ หากเธอต้องการอะไร" ดอบบี้พูดแล้วมอบรอยยิ้มที่สุดแสนจะภาคภูมิใจให้กับเธออีกครั้งหนึ่ง วินนี่เดินมายืนข้างๆกับดอบบี้แล้วพยักหน้า เห็นด้วยกับดอบบี้
ดูเหมือเอลฟ์ทั้งสองจะทำงานของตัวเองเสร็จเรียบร้อยกันดีแล้ว พวกเขาโค้งตัวเพื่อบอกลาเฮอร์ไมโอนี่พร้อมๆกัน
“ฉันคงไม่มีอะไรที่ต้องใช้พวกเธออีกแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันอยากพักผ่อนนิดหน่อย”เฮอร์ไมโอนี่พูดและจากนั้นเอลฟ์ก็หายตัวไปเพื่อให้เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เหมือนกับว่าจะไม่มีสิ่งสนุกสนานเกิดขึ้นในช่วงวันหยุดฤดูร้อนนี้ในสถานที่ๆเธอต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ต้องมาอยู่ที่หาดของอเมริกาแห่งนี้ ยิ่งไม่มีโอกาสที่ความสนุกจะเกิดขึ้น เพราะมันจะมีแต่ขุมนรกที่มัลฟอยจะมอบให้แก่เธอเสียมากกว่า แต่เธอก็ต้องทำใจและสร้างความสนุกและรอยยิ้มให้กับตัวเธอเอง
เฮอร์ไมโอนี่ยักไหล่ ในตอนนี้เธอไม่อยากจะสนใจอะไรอีกแล้วสิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้ก็คือเตียงนุ่มๆและการนิทรารมณ์อย่างมีความสุขก่อนที่มัลฟอยจะมา โดยที่ไม่มีอะไรมาขัดขวางการนอนของเธอได้อีก เธอดึงผ้าคลุมเตียงออก จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนเตียงและหลับไปอย่างรวดเร็วโดยที่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุด
เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าเธอนอนหลับไปยาวนานเพียงใด รู้แต่ว่าเธอตกใจตื่นขึ้นจากเสียงเลื่อนผ้าม่านที่ระเบียง แสงแดดอ่อนๆยามเช้าลอดผ่านจากระเบียงมายังเดียงนอนแสนสุข ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ยังไม่อยากลุกเอาเสียเลย ในตอนนี้ แต่เนื่องจากการนอนแช่อยู่บนเตียงนอนไม่ใช่วิสัยของเธอที่จะทำ เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆห้องอย่างสงสัยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เธอค่อยๆลำดับเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างละเอียด มันเริ่มจากวันนั้น เมื่อสองวันที่แล้วที่เธอเหมือนเกือบๆจะตกนรก จนกระทั่งวันนี้เธอตกมาอยู่ในขุมนรกที่ลึกที่สุดเต็มตัวแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------
เหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน ที่ กริมโมเพลส 12
“มัลฟอยไปทำอะไร! แล้วหนูต้องไปทำอะไรกับเขาที่นั่นด้วยค่ะ!” เสียงของเฮอร์ไมโอนีดังออกไปข้างนอกของกริมโมลด์เพลส12
ศาสตราจารณ์ลูปินมีสีหน้าลำบากใจก่อนโบกมือปรามเธอให้ใจเย็นลงอีกหน่อย
“ใจเย็นๆ เฮอร์ไมโอนี” รีมัส ลูปิน พูดเสียงเบามาก
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วจนคิ้วของเธอชนกัน
“ใจเย็นงั้นหรอ! ศาสตราจารณ์บอกให้หนูใจเย็นในสิ่งที่คุณบอกให้หนูทำงั๊นหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ยังคงเสียงดัง สิ่งที่เธอได้ยินมันทำให้เธอระงับอารมร์โกรธไว้ไม่อยู่เสียแล้ว เธอคิดว่าทุกคนกำลังเป็นบ้าแต่หลังจากสิ่งที่ทุกคนบอกให้เธอทำกลายเป็นว่า คนที่จะเป็นบ้านั้นคือเธอ
“เฮอร์ไมโอนี ช่วยฟังเราซักนิดหนึ่งก่อน” ศาสตราจารณ์ลูปินพูดและมองไปยังตาที่กลอกไปมาอย่างหงุดหงิดของมูดดี๊ เพื่อขอความช่วยเหลือ
“เกรนเจอร์, ฉันรู้ว่าเธอเกลียดพวกเลือดบริสุทธิ์ แต่นี่เป็นสิ่งที่ดี สำหรับตัวของเธอเองนะ มันไม่ได้เป็นสิ่งสุดท้ายหรือเพียงชั่วคราวแต่มันเป็นชีวิตทั้งชีวิตของพวกเธอ” มูดดี๊พูดเสียงขึงขัง มูดดี๊ไม่ได้โกรธเฮอร์ไมโอนี ทุกคนรวมถึงเฮอร์ไมโอนี่รู้ดี ว่ามูดดี้มีนิสัยแบบนั้น ชอบพูดตรงๆและน้ำเสียงที่ไม่มีความนุ่มนวลเอาเสียเลย
แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็โมโหทุกๆคน จนไม่รับฟังส่วนที่พูดถึงข้อดีสำหรับเธอและมัลฟอยเลยด้วยซ้ำ
เฮอร์ไมโอนีเก็บเก้าอี้ขึ้นจากพื้นเนื่องจากที่เธอทำมันล้มลงในขณะที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นเธอก็นั่งลงบนเก้าอี้และหายใจเข้า-ออกอยู่ 2-3 ครั้งเพื่อให้อารมณ์เย็นลง แต่สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธออยู่ มูดดี๊, ลูปิน ภาคีที่เหลืออยู่ บุคคล เหล่านี้ทำให้เธอวิตกจริต และอารมณ์เสีย
“ใช่แล้ว มันเป็นสิ่งที่ดี เฮอร์ไมโอนี เรารู้ว่าเธอเกลียด เดรโก มัลฟอย แต่นี่เป็นการกระทำที่ดีต่อพวกเธอทั้งคู่--” ลูปินกล่าวอย่างยินดีที่เธออารมณ์เย็นลงบ้างแล้ว
“สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งคู่งั๊นหรอ! พวกคุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ” เธอพูดแทรกขึ้นมาหลังจากที่ทำอารมณ์เย็นไปพักใหญ่ๆแล้ว
เธอพยักหน้าให้กับตัวของเธอเองในขณะที่พูดว่าพวกเขา
“ใช่, พวกคุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ต้องการให้พวกหนูทำบ้าๆแบบนั้น” เธอพร่ำบ่น
“มันไม่ได้ร้ายแรงนักหรอกน่าเฮอร์ไมโอนี่ ! มันดีที่สุดสำหรับพวกเธอทั้งสองคน !นะเด็กน้อย ” ศาสตราจารณ์ลูปินยังคงยืนยันต่อไปโดยไม่ละความพยายามที่มีอยู่น้อยนิด
“มันดีกับเราสองคนอย่างไร? คุณให้นิยามของคำว่าดีที่สุดยังไงล่ะค่ะศาสตราจารณ์? หากมุมมองของพวกคุณนั้นเป็นการทำให้พวกเราเกิดความวิตกกังวลและเบื่อหน่ายตลอดช่วงฤดูร้อนนี้.แล้วล่ะก็ พวกคุณมองได้ถูกต้องแล้วละค่ะ....ทางที่ดีที่สุดหนูคิดว่าพวกคุณรวมทั้งภาคีที่เหลือควรที่จะต้องร่วมเดินทางไปกับพวกเราด้วยถึงจะดีนะค่ะจะได้สะใจพวกพวกคุณไปเลย หนูไม่เข้าใจเลยจริงๆ โวลเดอร์มอร์ก็ได้ตายไปแล้วและพวกผู้เสพความตายทั้งหมดก็อยู่ในอัซคาบันหรือไม่ก็ตายไปแล้ว แล้ว ยังมีอะไรอีกที่พวกคุณต้องปกป้องให้พวกเราปลอดภัยอยู่อีกหรือค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดยืดยาวปลดปล่อยระบายอารมณ์ในขณะที่ยังโกรธอยู่
“พวกเราไม่ได้บ้า และพวกเราต้องช่วยปกป้องให้เธอปลอดภัยจาก...เอ่อ...การทำร้ายซึ่งกันและกัน” ลูปินพูดตะกุกตะกักตัวเขาเองรู้ดีว่าไม่ใช่นักพูดที่ดีนักแต่เมื่อเขาถูกมอบหมายมาเพื่อให้พูดกับแม่มดที่ชาญฉลาดอย่างเฮอร์ไมโอนี่ เขาก็จำเป็นต้องทำให้ดีที่สุดในตอนนี้
“คุณหมายความว่าอย่างไร” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยความสงสัยเธอมองหน้าศาสตราจารณ์ลูปินเหมือนเด็กน้อยที่กำลังทำความผิดและพยายามหาทางแก้ตัว ศาสตราจารณ์ลูปินถอนหายใจช้าๆสองสามครั้งแล้วชะโงกหน้ามาใกล้ๆเธอ ดูเหมือนเขาจะอ่อนล้าในขณะที่พยายามอธิบายให้เธอได้เข้าใจที่สุด
“ฉันหมายถึง พวกเราทุกคนรู้ว่าเธอทั้งสองคนนั้นเกลียดกัน และต้องการที่จะฆ่ากัน แต่ดูซิ แฮรี่, จินนี่ และวิสลี่ย์ได้ยอมรับมัลฟอยแล้ว ส่วนคนอื่นๆที่ไม่ยอมรับเขา พวกนั้นก็ไม่ได้โต้เถียงกับเขาทุกเวลาในขณะที่อยู่ด้วยกัน เหมือนเธอ เฮอร์ไมโอนี่” ศาสตราจารณ์ลูปินจ้องเธอเขม็งเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ทำสีหน้าเหมือนไม่เห็นด้วยในคำกล่าวหาของเขา
“แต่นั่น ไม่ใช่ความผิดของหนุ! เขาเป็นคนที่ชอบขัดคอหนูและหาเรื่องตลอดเวลา ทุกคนก็รู้นี่ !” เฮอร์ไมโอนี่พูด ดูเหมือนทุกคนภายในภาคีที่อยู่ร่วมตรงนั้น แทบจะกลั้นหายใจและรอลุ้นว่า ลูปิน จะจัดการณ์อย่างไรกับสถาณะการณ์ที่น่าอึดอัดตรงหน้านั้น
“ใช่ ใช่ ใช่ ฉันรู้ แต่นี่เป็นความหวังดีของพวกเรา ที่ต้องการให้พวกเธอทั้งสองคนสนิทสนมกัน” เขาพูดด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ด้วยรู้ว่าสุดท้ายแล้วการตัดสินใจของเฮอร์ไมโอนี่ มันอาจจะไม่ดีอย่างที่ลูปินต้องการก็ได้ และมูดดี๊ที่นั่งลงตรงนั้น ก็ให้ความสนใจกับเฮอร์ไมโอนีว่าจะทำอย่างไรต่อไป แม้ว่ามูดดี้จะพอเดาได้อยู่แล้วก็ตาม
“ใครเป็นคนคิดแผนการนี้!” อยู่ๆเฮอร์ไมโอนี่ก็โพล่งถามสิ่งที่เธอสงสัยออกมาโดยที่ทุกคนไม่รู้ตัว เธอถามเพื่อต้องการคำตอบเพื่อที่เธอจะได้สาปแช่งเจ้าของความคิดนี้ ในฐานะที่ทำให้ชีวิตเธอต้องยุ่งวุ่นวายในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเธอนี้ หรือไม่อย่างน้อยก็ทำให้เป็นเหมือนกับที่เธอเป็นในตอนนี้
“ดัมเบิ้ลดอร์” ศาสตราจารณ์ลูปินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคืองผู้ที่ทำให้เขาต้องวุ่นวายใจในตอนนี้ศาสตราจารณ์ดับเบิ้ลดอร์ ให้เขาทำในสิ่งที่ตัวเขาเองไม่ต้องการทำเลยสักนิด ความจริงแผนการนี้สมควรให้ตัวเจ้าของแผนการมาวุ่นวายเองเสียมากกว่า แทนที่จะเป็นตัวเขา อันที่จริงเขาก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ สองคนนั้นจะไปอยู่ตามลำพังได้ยังไงพวกเขาทั้งคู่เจอกันก็แทบจะเสกคำสาปใส่กันอยู่แล้ว แล้วไปอยู่ที่นั่นโดยไม่มีใครไปห้ามปรามด้วยแล้ว ลูปินแทบจะคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าสภาพจะเป็นอย่างไร คงตายกันสักข้างอย่างแน่นอน
“อะไรน่ะ!” เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้องด้วยใบหน้าที่แดงกล่ำเป็นครั้งที่สอง
“ใช่..ใช่แล้ว ฟังน่ะเฮอร์ไมโอนี พวกเรารู้ดีว่า พวกเธอทั้งสองต่างก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ร่วมกัน หรือแม้แต่พูดคุย และพวกเราเองก็ไม่ต้องการจะบังคับให้พวกเธอทำอย่างนั้นด้วยเช่นกัน” ลูปินอธิบายอย่างยากลำบาก
“แล้วทำไมพวกคุณจึงยังอ้อนวอนให้พวกเราทำแบบนี้อีกล่ะ! เพราะศาสตราจารย์ดัมเบิ้ลดอร์ใช่ไหมค่ะ?” เฮอร์ไมโอนี่ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมดัมเบิ้ลดอร์ต้องการให้เธอทำในเรื่องนี้อยู่
“ใช่, ศาสตราจารย์ดัมเบิ้ลดอร์” ลูปินตอบเสียงแหบแห้ง เขาหลบสายตาอันเย็นชาของเฮอร์ไมโอนี่ที่สะท้อนกลีบมายีงตัวเขา
“ทำไม? หนูไปทำอะไรให้ เขาถึงให้พวกเราต้องได้รับการกระทำแบบนี้?” เฮอร์ไมโอนี่ถามในขณะเดียวกันก็กำลังนึกเรื่องราวตลอดปีที่ผ่านมาที่รู้จักกับดัมเบิ้ลดอร์ เธอไม่เคยทำผิดอะไรกับเขา แต่สิ่งที่พวกเขากำลังอธิบายนั้นเสมือนว่าเธอกำลังโดนลงโทษอยู่
“ฉันว่าเราควรที่จะบอกเธอถึงแผนของฉันน่ะ, รีมัส” เสียงดังขึ้นจากประตูทางด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี เธอหันกลับไปดูอย่างรวดเร็ว และสบตากับดัมเบิ้ลดอร์เพียงครู่เดียว
“ใช่, อัลบัส” ลูปินตอบพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก และโบกมือเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องทำต่อไปอีกแล้ว ลูปินหันหลังกลับไปนั่งใกล้ๆกับมูดดี้ขณะที่ศาสตราจารณ์ผู้เก่งกาจเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับเด็กสาวอย่างเฮอร์ไมโอนี่ แทน
“ขอบใจ, เรมัส ฉันขอตอบคำถามของมิสเกรนเจอร์ก่อน ว่าเธอไม่เคยทำอะไรฉัน นี่ไม่ใช่การลงโทษ แต่ทุกคนกำลังทำให้เธอและมัลฟอยนั้นอยู่ร่วมกันได้ และเป็นมิตรกันได้ สงครามอาจจะสิ้นสุดไปแล้วแต่คำสาปยังไม่สิ้นสุด คำสาปยังคงอยู่ ทั้งเธอและมัลฟอยเป็นสมาชิกที่มีความรู้ความสามารถแถมยังฉลาดด้วยกันทั้งคู่ ” เขาอธิบายพร้อมกับนั่งลงที่หัวโต๊ะของห้องอาหารกริมโมลด์เพลส
“พวกเราเข้ากันได้เป็นอย่างดี, ศาสตราจารย์” เฮอร์ไมโอนีโกหก แล้วเธอก็แทบจะเขกหัวตัวเองในทันทีเมื่อนึกได้ว่าเธอกำลังพูดอยู่กับพ่อมดที่สุดแสนจะฉลาดและเก่งกาจอยู่ และไม่มีอะไรที่จะรอดพ้นจากสายตาของพ่อมดชราคนนี้ไปได้
ดัมเบิ้ลดอร์ยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดแก้ตัวเล็กๆนั้น “ฉันอาจจะไม่ได้อยู่ที่นั้นตลอดเวลานะคุณเกรนเจอร์ แต่ฉันเองก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและมัลฟอยเป็นอย่างไร”
“แล้วมัลฟอย รู้แผนการนี้หรือป่าว?” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างมีอารมณ์โกรธน้อยลง แต่ยังคงพยามยามที่จะหยุดยั้งแผนการนี้เพื่อทีจะกลับเข้าสู่สภาพปกติ
“ไม่, เรายังไม่ได้คุยกับเขาเลย แต่เธอวางใจได้ เราจะหาโอกาสคุยกับเขาในไม่ช้านี้ล่ะ พวกเราคิดว่าควรที่จะบอกกับเธอก่อนเป็นคนแรก” มูดดี๊พูดขึ้นมาบ้าง
ศาสตราจารณ์ดับเบิ้ลดอร์หลิ่วตาให้เธอเล็กน้อยก่อนจะเริ่มต้นพูดอีกครั้ง
“เพื่อพวกเราทุกคนในภาคี และเพื่อเธอ เธอจะยอมพิสูจน์ตัวเธอเองว่าจะอยู่ร่วมกับศัตรูของเธอได้โดยสันติหรือเปล่า มันอยู่ที่เธอ คุณเกรนเจอร์ ไม่มีใครบังคับเธอได้ถ้าเธอไม่ต้องการจะทำ แต่ฉันคิดว่าเธอมีความกล้าหาญพอที่จะไม่หลบหนีปัญหานี้แน่ จริงไหม” ดับเบิ้ลดอร์ยิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่เหมือนที่ผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจ โกรธที่ไม่สามารถทำอะไรได้ และรู้สึกเหนื่อยเหมือนกับตกนรก เธอจึงเลิกล้มความพยายาม เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืนอย่างท้อแท้และหมดกำลังใจ เธอหันไปมองดับเบิ้ลดอร์ที่ยิ้มให้เธอ ดูเหมือนเขาจะรู้คำตอบในแววตาของเธออยู่แล้ว
“ก็ได้..แต่ตอนนี้. หนูต้องการพักผ่อน ราตรีสวัสดิ์, ศาสตราจารย์” เธอพูดจบแล้วหมุนตัวออกเดินจากประตูไปโดยไม่ยอมฟังใครอีกเลย
เวลาปัจจุบัน
สถานที่พักตากอากาศ ที่ชายหาดลากูน่า สถานที่ ที่ดับเบิ้ลดอร์เตรียมไว้ให้เธอและศัตรูของเธอ เดรโก มัลฟอยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ห้ามใช้ไม้วิเศษ และห้ามทะเลาะกัน เฮอร์ไมโอนีคร่ำครวญเล็กน้อยกับชะตากรรมที่เธอได้รับ พลางเหลือบไปมองเวลาที่หัวเตียง ตอนนี้ 7.33 นาฬิกา ซึ่งยังเช้าอยู่ แต่เธอไม่สามารถที่จะล้มตัวลงนอนได้อีกแล้ว เนื่องจากการที่เธอต้องตื่นแต่เช้าและนอนดึกอยู่บ่อย จึงทำให้ตอนนี้รู้สึกสบายๆ เธอลุกออกจากเตียงอย่างช้าๆเพื่อไปอาบน้ำ หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลา 9.07 น. เธอเดินออกจากห้องและเดินลงมาด้านล่างตรงไปยังห้องครัว โดยหวังว่ามัลฟอยยังคงนอนหลับอยู่ หรือไม่จะเป็นการดีมากถ้าเขาจะไม่ยอมมา
ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่เปิดประตูห้องครัวเข้าไปเธอพบกับภาพที่น่ากลัวอยู่เบื้องหน้า ใช่แล้ว, มัลฟอยกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เธอเบ้ปากพยายามอดกลั้นที่จะไม่เดินหนีและตัดสินใจที่จะเข้าไปพูดคุยเพื่อกระชับความสัมพันธ์ แต่เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่ อย่างไรก็ตามเธอก็พยายามที่จะทำ
“อรุณสวัสดิ์ มัล---เดรโก” เธอพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มหวาน และเป็นครั้งแรกที่เธอพยายามยิ้มใหกับเขา เถอะน่าถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งก็ช่าง เถอะ เธอหวังว่าอย่างน้อยรอยยิ้มหวานๆของเธอคงจะไม่เป็นรอยยิ้มที่ต้องการที่จะฆ่าใครสักคนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าในเวลาต่อมาหรอกนะ
“อ๊ะ... เกรนเจอร์ เซอร์ไพรส์ เธอก็คงจะรู้อย่างที่ฉันรู้แล้วสินะว่าดัมเบิ้ลดอร์คนแก่ที่เอาแต่ใจ วางแผนการนี้ขึ้นมาเพื่อทำการทดสอบฉัน และเธอ ” เขาพูดโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ และโดยที่ไม่แยแสว่าเขาพูดอะไรออกมา
เฮอร์ไมโอนีพยามยามไม่แสดงสีหน้าบึ้งตึ้ง และพูดว่า “ดัมเบิ้ลดอร์ไม่ได้เป็นชายแก่ที่เอาแต่ใจตัว! เขาเป็นพ่อมดที่ฉลาดที่สุด! แต่ก็ใช่ ฉันเห็นด้วยกับเธอว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้เป็นแผนการบ้าๆของเขา”
เฮอร์ไมโอนี่ชะงักเล็กน้อยเธอกัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บ โอ..พระเจ้า นี่ฉันอยู่ที่นี่กับเขาน้อยกว่า 5 นาทีแต่ฉันเห็นด้วยในเรื่องนี้กับเค้าไปแล้ว! ช่วงที่อยู่ที่นี่ฉันต้องมีสติไม่ปกติเหมือนคำสาปที่ถูกลืมแน่ๆ เธอคิด
มัลฟอยหันหน้าออกห่างจากหนังสือพิมพ์ แล้วหันมามองเธอ มีรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แต่เป็นรอยยิ้มที่ถือดีเสียมากกว่า
“ว้าว, เธอเห็นด้วยงั้นหรอ......ครั้งแรกน่ะเนี่ย” เขาตอบและมองไปที่เธอแบบทำแกล้งตกใจ
เฮอร์ไมโอนี่กอดอกมองดูเขาที่ทำเสียงกวนประสาทและท่าทางถือดีของเขาที่มองมายังตัวเธอ
“มันกำลังจะเข้าสู่ขุมนรกตลอดฤดูร้อนนี้สำหรับฉัน” เธอพร่ำบ่นกับตัวเอง จากนั้นเธอก็มองหาอาหารเช้า โดยได้ยินมัลฟอยพูดกระแทกกลับออกมา เช่นกัน
“ใช่, ถูกแล้ว มันเป็นขุมนรกของฉันด้วย เช่นกัน เกรนเจอร์”
ตัวอย่างตอนต่อไป
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!” เขาตะโกนใส่เธอ ด้วยความตกใจ มือของเขายังคงถือไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่โทรทัศน์ แต่ยังไม่มีคาถาหรือเวทมนต์ออกมา
เฮอร์ไมโอนีเดินไปที่ที่เธอสามารถเห็นว่ามีอะไรอยู่ในโทรทัศน์ และเธอก็หัวเราะออกมา โชคดีของเธอ ที่โซฟาอยู่ด้านขวามือที่เธอล้มลง เธอกลิ้งตัวไป-มา พร้อมกับหัวเราะจนน้ำตาไหล
พูดคุยกันหน่อย
อ่านแล้วมาคุยกันหน่อยนะ เป็นฟิคใสๆสนุกๆค่ะมันเป็นฟิคแปลนะค่ะถ้าใครไปอ่านที่ต้นฉบับ(ภาษาอังกฤษ)แล้วมันไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่อย่ามาว่ากันนะเพราะว่าเราเรียบเรียงใหม่ในแบบฉบับเราเองอ่ะมีสอดแทรกเพิ่มเติมให้มีสีสันมากขึ้นแต่ถ้าใครอยากอ่านแบบต้นฉบับเปะๆเนี่ยตามไปอ่านได้ที่บอร์ดตัวกวนหรือมักเกิ้ลไทยนะเพราะเราเอาลงที่นั่นด้วย (แต่เราคงเค้าความเดิมไว้เกือบๆ80 % แน่ะไม่เพี้ยนมากมายเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะต้องเข้าใจนะค่ะว่าภาษาเขากับเราไม่เหมือนกันบางทีแปลออกมาคนอ่านยังงงเลย เพราะคำพูดคำจาเขาออกแนวห้วน กุดๆสั้นแปลกๆ เลยเอามาดัดแปลงเป็นออกแนวของเราซะงั้น เอาเป็นว่าอ่านเพื่อความสนุกก็แล้วกันนะ)
ความคิดเห็น