NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (My hero academia) สไลม์ทะลุมิติป่วนโลกฮีโร่

    ลำดับตอนที่ #8 : ขี่ม้าศึก

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 65


    "เหนื่อยหน่อยนะทั้งสามคน" ริมุรุเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง

    "แกอีกแล้ว เจ้าเตี้ยนี่" บาคุโกพูดด้วยความโมโหแต่ก็ไม่ลงมืออะไรกับอีกฝ่าย

    "แฮ่ก แฮ่ก ริมุรุจังทำได้ยังไงน่ะ" มิโดริยะเอ่ยถามทั้งที่ยังหอบอยู่ โทโดโรกิเองก็มีท่าทีสนใจไม่น้อย

    "อืม~บินมาด้วยความเร็วล่ะ" ริมุรุตอบอย่างสดใสและปล่อยตัวสุดๆ

    "เอ๋! บินเนี่ย.." มิโดริยะอุทานด้วยความงุนงง

    "ฮิฮิ เดี๋ยวก็คงเห็นละมั้ง" ร่างเล็กบอกและชี้ไปยังหน้าจอที่กำลังฉายภาพของเขาตอนด่านสุดท้ายอยู่ ทุกการกระทำอยู่ในกล้องทั้งหมด เพียงแค่พรีเซ้นไมค์สนใจกับทั้งสามคนมากกว่าเลยทำให้ไม่ทันเห็นริมุรุ

    "สุดยอดไปเลยนะริมุรุจังเนี่ย" มิโดริยะเอ่ยชม

    "ทุกคนก็เก่งเหมือนกันนะ พยายามได้ดีมาก มาเข้ารอบต่อไปด้วยกันนะ" ริมุรุพูดพลางจับมือของทั้ง3คนมารวมกันแล้วเขย่าเบาๆ ด้วยท่าทางน่ารักพาให้หน้าแดง บาคุโกสบถออกมาตลอดไม่ต่างจากมิโดริยะที่พึมพำอะไรสักอย่างส่วนโทโดโรกิก็พอเก็บอาการได้อยู่

    "แฮ่ก แฮ่ก ริมุรุคุงสุดยอดเลย" อุรารากะตามเข้ามารวมกลุ่มพร้อมกับอีดะทีหลังทักขึ้น

    "อุรารากะจังเองก็เก่งมากเลย" ร่างเล็กปล่อยมือของทั้ง3คนก่อนจะเดินไปหาอุรารากะแทน ทิ้งชายหนุ่มให้ยืนเขินอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน

    อันดับประกาศออกมาหลังครบกำหนดเวลา

    ที่1 ริมุรุ

    ที่2 มิโดริยะ

    ที่3 โทโดโรกิ

    ที่4 บาคุโก

    ผู้ผ่านเข้ารอบมีทั้งหมด42คน เด็กห้องAผ่านเข้ารอบกันมาทุกคนตามที่คาดเอาไว้แต่แรก พอพักหายเหนื่อยกันเรียบร้อยก็ได้เวลาเริ่มเกมที่2 ขี่ม้าศึก

    ผู้เข้าแข่งขันจะสร้างทีมขึ้นตั้งแต่2-4คนตามต้องการ ทุกคนจะมีคะแนนติดตัวจากอันดับของเกมก่อนหน้านี้ คะแนนจะเพิ่มขึ้นทีละ5จากล่างสุดส่วนที่1พิเศษคือ10ล้านคะแนน ทุกคนจ้องมองริมุรุกันอย่างดุเดือด เขาได้แต่เหงื่อตกคิดถูกหรือเปล่านะที่เอาที่1มาเนี่ยกลายเป็นเป้าสายตาสุดๆ ไปเลยนี่นา

    ยิ่งเป็นการแข่งขันที่ทำให้คนด้านล่างสามารถขึ้นมาโค่นคนด้านบนและแทนที่ได้ก็ยิ่งปลุกไฟในตัวของนักเรียนยูเอหลายๆ คน

    กติกาง่ายๆ มีเวลา15นาที คะแนนรวมทั้งหมดของทีมจะอยู่ที่ตัวอัศวินหรือคนขี่ต้องสวมผ้าคาดหัวที่มีคะแนนนั้นเอาไว้ แต่ละทีมสามารถคว้าผ้าของทีมอื่นมาได้จนกว่าจะหมดเวลาเพื่อเก็บคะแนนให้ได้มากที่สุด ผ้าที่ฉกมาได้ต้องสวมไว้ที่คอ ระหว่างแข่งสามารถใช้อัตลักษณ์ได้เต็มที่แต่ถ้ามากเกินก็จะโดนให้ออกจากสนาม

    "เอาล่ะให้เวลา15นาทีในการจับทีม เริ่มได้" มิดไนท์ประกาศ

    ก่อนที่จะได้ขยับหนีริมุรุก็ถูกบังรอบด้านด้วยชายหนุ่ม3คน มิโดริยะ โทโดโรกิ และบาคุโกที่มองยังไงก็ไม่น่าร่วมทีมกันได้

    "โอ๊ะโอ๋ อะไรกันครับนั่น ที่2 3 4ยืนบังตัวของที่1ไว้หมดเลยครับ หรือว่านี่จะเป็นการรวมทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในสนามอย่างงั้นหรือ" พรีเซ้นไมค์ประกาศออกไมค์ซะดังทุกคนจึงหันไปมองทั้ง4คนทันที

    "เอ่อ~ทั้ง3คนแบบนี้จะไม่โกงเกินไปหน่อยเหรอ" ริมุรุถามขึ้นด้วยความงุนงงและสะกิดอีกฝ่ายเบาๆ เพราะโดนบังทุกทางก็เลยมองข้างนอกไม่เห็น

    "แกน่ะอยู่เฉยๆ แล้วปกป้องคะแนนไปก็พอ" บาคุโกพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดตามฉบับเจ้าตัว

    "ต่อให้อยู่ทีมอื่นยังไงฉันก็เข้ารอบอยู่ดี" โทโดโรกิบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    "ก็ริมุรุจังจะลำบากเพราะคะแนนผมเลยไม่อยากปล่อยให้อยู่คนเดียวน่ะ" มิโดริยะพูดไปเขินไป

    "เฮ้ยๆ เอาจริงดิเจ้าพวกนั้นท็อป3ของห้องไปอยู่ทีมเดียวกับที่1หมดเลยเนี่ยนะอยากเข้ารอบกันแบบขนาดนั้นเลยหรือไง" คิริชิมะเอ่ยด้วยวาจาแดกดันเล็กน้อย

    "ฉันว่าไม่น่าใช่แบบนั้นหรอก" อะซุยพูดขึ้น

    "นั่นสิ ดูจากแววตาของทั้ง3คนนั้นแล้วไม่ได้อยากจะเอาชนะแต่อยากจะปกป้องมากกว่า" ฮางาคุเระบอก ทุกคนมองตาของคนทั้ง3ด้วยความไม่เข้าใจริมุรุเก่งขนาดนั้นยังต้องมีใครปกป้องด้วยเหรอ

    "เอาล่ะ ได้เวลาเริ่มกันแล้วนะ" มิดไนท์ประกาศขึ้นเมื่อเวลาวางแผนหมด

    "เอ้าขึ้นไปซะเจ้าเตี้ย" บาคุโกบอกกับร่างเล็ก

    "เอ๊ะแต่ผมแข็งแกร่งกว่าพวกนายนะ" ริมุรุพูดตรงๆ แทงใจดำทั้ง3คนไปเต็มๆ

    "แกนี่มันน่าหงุดหงิดจริง ตัวก็เตี้ยกว่าชาวบ้านจะให้มาอยู่ด้านล่างมันก็ไม่สมดุลสิฟะ" บาคุโกบ่นด้วยความโมโห

    "เขาพูดถูกเธอขึ้นไปเถอะ" โทโดโรกิช่วยเสริมอีกคน สุดท้ายริมุรุก็ต้องขึ้นไปเป็นอัศวินเพราะความสูงไม่เท่าคนอื่น น่าเจ็บใจชะมัด

    โทโดโรกิอยู่ด้านหน้าเพื่อคอยป้องกันแนวกว้าง มิโดริยะคอยคุ้มกันด้านซ้าย ส่วนบาคุโกคอยกันด้านขวาและด้านหลังแม้มิโดริยะจะไม่สามารถใช้อัตลักษณ์ได้แต่ก็ไม่เป็นปัญหา

    สัญญาณเริ่มเกมดังขึ้นนักเรียนทุกคนยกเว้นห้องAพุ่งเข้าหาทีมริมุรุจากทุกทิศทางแม้แต่ใบหน้าโกรธตลอดเวลาของบาคุโกไม่ได้ทำให้หวั่นใจเลยสักนิด

    "จะมาแล้ว" โทโดโรกิเอ่ยเตือนและเตรียมใช้อัตลักษณ์ ทีมที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าตรงๆ ถูกน้ำแข็งแช่ขาจนไม่สามารถขยับได้ บาคุโกเองก็ปล่อยระเบิดใส่คนที่จะเข้ามาใกล้มิโดริยะคอยบอกสถานการณ์ฝั่งตัวเองแล้วให้ริมุรุระวังเอาไว้

    การประสานงานของทั้ง3คนทำได้ดีกว่าที่คิดแม้จะไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนแต่ก็ยังตั้งรับได้เป็นอย่างดีเสมือนป้อมปราการอันแข็งแกร่ง

    'นึกว่าจะไม่มีใครกล้าเข้ามาโจมตีซะอีก เด็กห้องอื่นใจกล้ามากกว่าที่คิดไว้เหมือนกันนะเนี่ย แถมทั้ง3คนยังพยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องคะแนนอีกในฐานะคนเฝ้ามองถือว่าไม่เลว'

    [แจ้งเตือน: โทโดโรกิ โชโตะกำลังจะถึงขีดจำกัด]

    'เวลาเหลืออีกแค่2นาที คงไม่ต้องให้โทโดโรกิคุงใช้อัตลักษณ์แล้วล่ะ'

    "นี่โทโดโรกิคุงไม่ต้องฝืนใช้อัตลักษณ์น้ำแข็งแล้วเธอไม่อยากใช้อีกครึ่งหนึ่งในตัวไม่ใช่หรือ ถ้ามากไปกว่านี้ร่างกายจะรับภาระหนักเอานะ" ริมุรุเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง

    "เวลายังไม่หมดถึงจะไม่มีใครเข้ามาโจมตีแต่ก็ต้องระวังไว้ก่อน" โทโดโรกิเถียงกลับน้ำแข็งเริ่มกัดเซาะเสื้อผ้าและอุณหภูมิร่างกายเริ่มต่ำลงช้าๆ

    "คนอุตส่าห์เป็นห่วงก็ฟังกันหน่อยสิ เธอเห็นผมอ่อนแอต้องปกป้องจนกว่าร่างจะพังเลยหรือยังไง" ริมุรุบ่นออกมาเสียงดังด้วยท่าทีไม่พอใจ คนโดนดุสะดุ้งเล็กน้อยอยากจะหันไปมองอีกฝ่ายก็ทำไม่ได้

    "พอเลย ถ้าเธอไม่ยอมเลิกใช้อัตลักษณ์ผมจะเอาคะแนนไปให้คนอื่นแล้วนะ" ริมุรุพูดขู่ด้วยน้ำเสียงต่างจากปกติเพื่อให้ดูเหมือนจริงโทโดโรกิถึงยอมลดทิฐิของตัวเองลงและปลดอัตลักษณ์น้ำแข็งออก

    ร่างเล็กพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เมื่อไม่มีกำแพงน้ำแข็งคอยบังข้างหน้าพวกที่เหลืออยู่ก็ได้โอกาสชิงคะแนน10ล้านเพื่อขึ้นเป็นที่1 ไม่รอช้าทั้งหมดก็หันมาสนใจกับทีมของริมุรุอีกครั้ง โทโดโรกิคิดจะใช้อัตลักษณ์อีกรอบก็ชะงักกับสัมผัสเบาๆ ที่ลูบหัวจากคนด้านบน

    ริมุรุใช้สายฟ้าฟาดกับพื้นเป็นทางยาวเพื่อให้กลุ่มที่คิดจะเข้ามาแย่งคะแนนหยุดลงพร้อมปล่อยแรงกดดันเล็กน้อยให้อีกฝ่ายไม่กล้าขยับเข้ามาใกล้ จนในที่สุดเวลาการแข่งขันก็หมดลง

    "ช่างเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้ทีมที่ครองอันดับ1ตลอดการแข่งขันและไม่เคยเสียคะแนนไปเลยสักครั้ง ปี1ห้องAทีมริมุรุ เทมเพสต์!!!!!" พรีเซ้นไมค์ประกาศอันดับอย่างยิ่งใหญ่ผู้ชมส่งเสียงโห่ร้องกึกก้องด้วยความสนุก

    "4ทีมแรกจะได้เข้าสู่รอบต่อไป เราจะกลับมาชมการแข่งขันในช่วงบ่ายกันอีกทีครับ" พรีเซ้นไมค์ทำหน้าที่พิธีกรได้เป็นอย่างดีและตอนนี้ก็ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว

     

    ภายในห้องพักเล็กๆ ห้องหนึ่งริมุรุถูกโทโดโรกิลากตัวเข้ามาหลังประกาศพัก1ชั่วโมง เจ้าตัวนั่งเงียบมาเกือบ5นาทีแล้ว

    "พ่อของฉันคือเอ็นเดเวอร์ ฮีโร่อันดับ2 ถึงจะมีชื่อมากมายในฐานะฮีโร่แต่ก็ไม่เคยแซงหน้าออลไมท์ได้สักที พอเป็นแบบนั้นเขาก็เลยวางแผนใหม่" โทโดโรกิเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเย็นชา

    "เธอเคยได้ยินเรื่องแต่งงานเพื่ออัตลักษณ์ไหม เป็นการเลือกคู่ครองเพื่อเสริมสร้างอัตลักษณ์ของตัวเองและส่งต่อไปยังลูก บังคับให้แต่งงานเป็นความคิดแบบสมัยเก่าที่ไร้จริยธรรม" ชายหนุ่มพูดพร้อมกำหมัดแน่น

    "เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของตัวเองเขาใช้แม่ของฉันเพื่อสร้างให้ฉันเป็นฮีโร่ที่เหนือกว่าออลไมท์ น่ารำคาญสิ้นดี ฉันไม่อยากเป็นเครื่องมือของสวะพรรค์นั้นหรอก" โทโดโรกิกล่าวด้วยแววตาที่แค้นเคือง

    "เท่าที่จำได้แม่ของฉันร้องไห้อยู่ตลอด 'ด้านซ้ายของแกมันอัปลักษณ์' แม่พูดตอนที่เอาน้ำเดือดราดใส่ฉัน เพราะงั้นฉันน่ะจะปฏิเสธหมอนั้นด้วยการเป็นที่1โดยไม่ใช้อัตลักษณ์ไฟนี่" โทโดโรกิพูดอย่างแน่วแน่ หลบซ่อนความโศกเศร้าไว้ภายใต้ท่าทางที่มั่นคง

    ริมุรุลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปหาอีกฝ่าย โทโดโรกิเงยหน้าขึ้นมองร่างเล็กที่มีหน้ากากปิดบังใบหน้าก่อนจะตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ริมุรุดึงเด็กน้อยตรงหน้าเข้ามากอดปลอบเพราะเขาตัวเล็กและอีกฝ่ายก็นั่งอยู่ทำให้ใบหน้าของโทโดโรกิแนบชิดกับหน้าท้องพอดี

    "ไม่เป็นไรนะ มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก" ริมุรุเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบหัวสองสีของอีกฝ่ายเบาๆ

    "ยังไม่จำเป็นต้องใช้มันตอนนี้ก็ได้แต่ถึงยังไงมันก็คือส่วนหนึ่งของนายเพราะงั้นมันคือของนายไม่ใช่ของเขา นายมีสิทธิ์ที่จะใช้มันเพื่อแข็งแกร่งขึ้นและทำตามความฝัน" ริมุรุยังคงพูดปลอบอยู่และสอนอีกฝ่ายไปด้วย

    โทโดโรกิกอดตอบรับความอบอุ่นที่ร่างเล็กมอบให้ มือหนากำชุดของอีกฝ่ายไว้แน่นปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างเงียบเชียบไร้เสียงสะอื้น

    เด็กน้อยที่น่าสงสารเกิดมาพร้อมพลังอันยิ่งใหญ่แต่ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสนองตัณหาราวกับไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ถูกแม่ผู้ให้กำเนิดรังเกียจเพียงเพราะมีพลังเหมือนกับคนที่พรากความสุขไปจากเธอ เขาไม่เคยได้รับความรักจากคนรอบกายและเติบโตมาอย่างเข้มแข็งทว่าความจริงเปราะบางกว่าที่เห็นนัก เด็กหนุ่มต้องการเพียงแค่ใครสักคนที่ยอมรับฟังและปลอบโยนตนแม้สักนิดก็ยังดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×