คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บ้านเกิดที่ไม่เหมือนเดิม
วัลพัวร์กิสจบลงเรียบร้อยแล้ว ริมุรุกลายเป็น1ในจอมมารทั้ง8 ออคตาแกรม ตอนนี้พวกเขากำลังเดินทางกลับสู่เทมเพสต์โดยมีริมุรุ ชิออน และรันก้า ทั้งสามคนเดินคุยเล่นไปเรื่อยโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อากาศเบื้องหน้าสั่นสะเทือน รอยแยกของมิติสีดำปรากฏขึ้นริมุรุตะโกนเตือนทั้งสองคนให้หาที่ยึดเกาะ ชิออนกอดต้นไม้ใกล้ๆ แขนอีกข้างจับขาของรันก้าไว้แน่นทว่าริมุรุที่อยู่บนตัวของรันก้ากระเด็นลงมาจนต้องจับหางนุ่มฟูเอาไว้แทน
แรงดึงดูดของรอยแยกมิติพยายามเอาตัวริมุรุไปให้ได้สุดท้ายร่างเล็กก็ต้านแรงดึงดูดไม่ไหวและหายเข้าไปโดยมีเสียงของทั้งคู่ตะโกนเรียก
ท่านริมุรุ!!!!!
ภายในห้วงมิติที่มืดมิดร่างกายของริมุรุลอยเคว้งอย่างไร้จุดหมายและไร้สติก่อนจะมีเสียงราบเรียบของวจนะแห่งโลกเอ่ยขึ้น
{ดำเนินการส่งร่างกายของริมุรุ เทมเพสต์ไปยังอีกโลกหนึ่ง}
ราตรีกาลของโลกใบหนึ่งท้องฟ้าปลอดโปร่งที่เต็มไปด้วยดวงดาวสุกสกาวมากมายกับพระจันทร์เต็มดวงช่างเหมาะกับการจิบสาเกชมจันทร์ก่อนจะมีพลังงานความร้อนขนาดใหญ่กำลังพุ่งลงมาสู่พื้นผิวโลก
อุกกาบาตลูกนั้นตกลงที่สนามหญ้าแห่งหนึ่ง ส่งเสียงและแรงสั่นสะเทือนไปไกลหลายกิโลเมตร ผู้คนของสถานที่แห่งนั้นต่างออกมาดูสิ่งแปลกปลอมที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
หลุมขนาดใหญ่ที่ตรงกลางมีก้อนสีฟ้าบางอย่างแผ่รังสีอันตราย หากมีใครจะแตะต้องก็ปล่อยสายฟ้าสีดำออกมาจากร่างกายสร้างแผลฉกรรจ์ให้กับผู้ที่เข้าใกล้พวกเขาจึงทำได้แค่คอยเฝ้าระวังอยู่ห่างๆ แทนเผื่อเกิดอะไรขึ้น
[แจ้งเตือน: ทำการปลุกมาสเตอร์จากห้วงนิทรา]
เสียงในหัวของริมุรุดังขึ้น สติค่อยๆ ฟื้นคืนทีละนิดแต่ยังไม่ได้ลืมตาสำรวจรอบกาย อย่างแรกที่เขาถามคือที่นี่ที่ไหน
[คำตอบ: ประเทศญี่ปุ่น โลกเดิมของริมุรุ เทมเพสต์ค่ะ]
'อะไรนะ!! ญี่ปุ่น มันเกิดอะไรขึ้นแล้วพวกชิออนล่ะ' ริมุรุถามด้วยความตกใจ
[คำตอบ: เพราะมิติที่โลกนั้นเกิดปั่นป่วนและดูดร่างของมาสเตอร์เข้ามาทำให้วจนะแห่งโลกต้องส่งตัวของมาสเตอร์มาที่โลกอื่นแทน ส่วนเหล่าอสูรที่โลกแห่งนั้นคาดการณ์ว่าปลอดภัยดีค่ะ]
'พวกนั้นปลอดภัยดีสินะค่อยสบายใจขึ้นหน่อย แต่ว่านี่มันญี่ปุ่นปีอะไรแล้วล่ะราฟาเอลซัง โลกเปลี่ยนไปมากรึเปล่า' พอสบายใจริมุรุก็ถามข้อมูลของโลกนี้ทันทีเพราะไม่รู้ว่าญี่ปุ่นที่ตนรู้จักกับตอนนี้ต่างกันมากขนาดไหน
[แจ้งเตือน: กำลังรวบรวมข้อมูลภายใน5นาที]
[คำตอบ: ผ่านมาเกือบ200ปีจากสมัยที่มาสเตอร์เคยอยู่ ญี่ปุ่นในตอนนี้มีพลังเหนือธรรมชาติที่คล้ายกับเวทมนตร์เกิดขึ้นเรียกกันว่า อัตลักษณ์ ครั้งแรกที่ประเทศจีนและลามมาหลายๆ ประเทศโดยไม่รู้สาเหตุ ปัจจุบันทุกประเทศกลายเป็นสังคมยอดมนุษย์ที่ประชากรโลกราวๆ 80เปอร์เซ็นต์จะมีลักษณะพิเศษและด้วยพลังเหล่านี้ทำให้มีผู้ประสงค์ร้ายใช้พลังในทางที่ผิด จึงถือกำเนิดอาชีพพิเศษที่คอยปกป้องเมืองจากวายร้ายซึ่งก็คือ ฮีโร่ ส่วนอาชญากรจะถูกเรียกว่า วิลเลิน มีกฎหมายห้ามฮีโร่ฆ่าวิลเลินโดยเด็ดขาดจะต้องจับเป็นเท่านั้นค่ะ]
'ละเอียดสมกับเป็นราฟาเอลซัง ถ้าไม่มีคุณผมคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ' ริมุรุเอ่ยชมความฉลาดของราฟาเอลที่เป็นเหมือนเพื่อนคู่ชีวิต แม้แต่อยู่ในโลกอื่นราฟาเอลก็ยังหาข้อมูลอย่างละเอียดมาให้เขาได้
[คำตอบ: ขอบคุณค่ะมาสเตอร์ ฉันใช้วิธีเจาะเข้าสิ่งที่เรียกว่าระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อรวบรวมข้อมูลหากอยากทราบเรื่องอื่นฉันสามารถตอบให้ได้ทั้งหมดเลยค่ะ]
'ถ้าอย่างนั้นลองสำรวจกันก่อนดีกว่าว่าเราอยู่ที่ไหน' ว่าจบริมุรุก็เปิดประสาทการรับรู้รอบตัวขึ้น ภาพพื้นดินเป็นหลุมปรากฏสู่สายตาและยังสัมผัสได้อีกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว
ก้อนสีฟ้ามีการเคลื่อนไหลเกิดขึ้น ผู้คนที่เฝ้าระวังจึงเตรียมอัตลักษณ์พร้อมสำหรับต่อสู้ ริมุรุมองคนรอบกายด้วยสายตาตื่นเต้นถึงในร่างสไลม์จะไม่มีใครเห็นก็เถอะ นั่นคงเป็นอัตลักษณ์ที่ราฟาเอลซังบอกไว้ ตอนนี้คงต้องแสดงความเป็นมิตรเอาไว้จะได้ไม่วุ่นวาย
"ยินดีที่ได้รู้จัก! ผมเป็นสไลม์ชื่อริมุรุ ไม่ใช่สไลม์ที่ไม่ดีหรอกนะ"
ริมุรุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงและเป็นมิตรพลางโบกมือในร่างสไลม์ไปมาสร้างความตื่นตกใจให้กับหลายคนตรงนั้น ใครจะไปคิดว่าเจ้าก้อนฟ้าๆ นั่นจะเป็นสิ่งมีชีวิตได้กัน
"ดีจ้า!"
เสียงสดใสทักทายกลับจากในฝูงชน ริมุรุมองหาอีกฝ่ายก่อนจะสบเข้ากับหนูขาวตัวเท่ากันกับเขาแถมยังใส่สูทอีกต่างหาก
[แจ้งเตือน: ปัจเจกนาม เนซึ อัตลักษณ์ไฮสเปค เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีความเฉลียวฉลาดกว่าสัตว์ชนิดอื่น]
'ขอบคุณครับราฟาเอลซัง' ริมุรุตอบกลับในใจ
"อะแฮ่ม! เธอช่วยทำอะไรสักอย่างกับสายฟ้ารอบตัวหน่อยได้รึเปล่า" เนซึเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มเล็กน้อย ริมุรุจึงสังเกตตัวเองและพบว่าตัวเขาปล่อยสายฟ้าทมิฬออกมาอยู่ตลอดเวลา ระบบป้องกันตัวทำงานได้อย่างดีเยี่ยมเลยนะเนี่ย ว่าแล้วก็เก็บพลังทุกอย่างเข้าตัวเหมือนเดิม
"ขอโทษที่ทำให้ตกใจน้า~ มันปล่อยออกมาเองน่ะ" ริมุรุกล่าวขอโทษด้วยเสียงที่ดูจะสำนึกผิดถึงจะไม่มากก็เถอะ
"ขอถามหน่อยสิว่าทำไมเธอถึงพุ่งลงมาจากฟ้าได้ล่ะ" เนซึถามเข้าประเด็นทันทีที่เห็นว่าปลอดภัย พวกเขายังไม่รู้ตัวตนและเจตนาของร่างตรงหน้าจึงต้องระแวงไว้ก่อน
'ราฟาเอลซัง ผมควรตอบไปว่าอะไรดี' ริมุรุเอ่ยถามผู้มากปัญญาของตน
[คำตอบ: มาสเตอร์ควรตอบไปดังนี้......]
ริมุรุพยักหน้าเข้าใจก่อนจะพูดตามที่ราฟาเอลบอกมา "ผมจำไม่ได้อะว่ามาที่นี่ได้ยังไง" พูดจบก็หัวเราะแห้งอีกเล็กน้อยทำเอาทุกคนได้แต่กุมขมับกับท่าทางไม่เอาไหนของสิ่งมีชีวิตประหลาดตรงหน้า
สุดท้ายเนซึก็พาริมุรุไปยังห้องสอบสวนเพื่อถามข้อมูลที่พอจะระบุตัวตนได้ โดยมีออลไมท์ฮีโร่อันดับหนึ่งและอีเรเซอร์เฮดที่ราฟาเอลบอกมาอีกที คอยตามคุมตัวเขาเพื่อความปลอดภัย
ความจริงต่อให้เขาจะขัดขืนก็สามารถทำได้ จากที่ราฟาเอลทำการวิเคราะห์ต่อให้เป็นฮีโร่อันดับหนึ่งก็ไม่สามารถสู้กับริมุรุที่กลายเป็นจอมมารไปแล้วได้เลยสักนิดแต่ถ้าเขาเผลอไปฆ่าใครเข้าต้องถูกตามล่าเอาแน่ๆ เลยเลือกที่จะร่วมมือกับฝ่ายนั้นอย่างยินดี ก็เขาเป็นสไลม์รักสงบจะตายไปนี่นา
"เอาล่ะมาเริ่มเก็บข้อมูลกัน เธอมีชื่อว่าอะไร" ตำรวจคนหนึ่งที่รออยู่ก่อนในห้องถามขึ้นเมื่อริมุรุนั่งบนเก้าอี้ด้วยร่างสไลม์
"อืม..ชื่อเก่าก็มิคามิ ซาโตรุ แต่ตอนนี้ชื่อริมุรุ เทมเพสต์" ริมุรุตอบไปตามตรงเพราะยังไงก็หาข้อมูลของเขาไม่เจออยู่แล้วผ่านมาตั้ง200ปี
"อายุล่ะ แล้วพ่อแม่ชื่ออะไร" อีกฝ่ายถามต่อเมื่อเห็นว่าคำตอบไม่มีปัญหาเพราะอัตลักษณ์ของตนคือการจับเท็จ
[แจ้งเตือน: ตรวจพบอัตลักษณ์จับโกหกต้องการป้องกันหรือไม่]
'โอ้! ฝากด้วยนะราฟาเอลซัง' ริมุรุตอบกลับในใจ เขาไม่คิดจะให้ข้อมูลจริงทั้งหมดอยู่แล้ว
"อายุ14 พ่อแม่ตายหมดแล้ว" ริมุรุตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แน่นอนว่าอายุปลอมเพื่อให้ตรงกับร่างมนุษย์ของเขา ยังไงอีกฝ่ายก็ต้องถามว่าเขาเป็นตัวอะไรแน่ๆ
"ฉันไม่เจอชื่อเธอในระบบเลย อัตลักษณ์ของเธอคืออะไร มีร่างมนุษย์หรือเปล่า" ตำรวจไม่เอะใจกับคำตอบและถามต่อ
"คงเรียกว่าสไลม์ละมั้ง แน่นอนว่ามีร่างมนุษย์อยู่" พูดจบริมุรุก็เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ทันที ร่างกายที่สูงราว120เซนติเมตรกับนัยน์ตาสีทองคำ ผมสีเงินอมฟ้ายาวสลวยทั้งสี่คนที่เป็นพยานได้แต่ตกตะลึงกับความงดงามตรงหน้า แม้ร่างกายจะยังเล็กแต่ก็มั่นใจแล้วว่าถ้าโตไปจะต้องเป็นสาวงามล่มเมืองแน่นอน ริมุรุยังสวมชุดที่ใส่ในวัลพัวร์กิสไว้อยู่
"อะแฮ่ม..เธอเป็นเด็กผู้หญิงสินะ" ตำรวจกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเขินๆ
"ไม่ไม่ไม่ ถึงจะหน้าตาแบบนี้แต่ผมเป็นผู้ชายนะแม้สไลม์จะไม่มีเพศก็เถอะ" ริมุรุปฏิเสธทันทีก่อนที่จะโดนเข้าใจผิด จิตใจของเขาเป็นชายนี่นา
"งั้นเหรอ โทษทีนะ แล้วอัตลักษณ์สไลม์ของเธอทำอะไรได้บ้าง" ตำรวจเอ่ยขอโทษอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
"ก็หลายอย่าง สายฟ้าที่พวกคุณเห็นเมื่อกี้ก็ส่วนหนึ่ง" ริมุรุตอบคลุมเครือก่อนจะยกมือขึ้นแสดงสายฟ้าทมิฬก้อนเล็กบนนั้น แต่แค่กลุ่มก้อนพลังเล็กจิ๋วก็สร้างความกดดันให้คนในห้องไม่น้อยเลย
"อะ...โอเค ช่วยเก็บเจ้านั่นกลับเข้าไปก่อนละกันนะ" ตำรวจนายนั้นบอกและซับเหงื่อข้างขมับช้าๆ ริมุรุจงใจให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน
"งั้นเราจบกันแค่นี้ดีกว่าเนอะ พวกเราขอออกไปคุยกันข้างนอกสักเดี๋ยวนะ" เนซึพูดขึ้นเพื่อระบายบรรยากาศน่าอึดอัด ทั้งสี่คนพากันออกไปด้านนอกห้องแต่หารู้ไม่ว่าระยะห่างแค่นี้ริมุรุได้ยินหมดทุกอย่าง
"ผมลองค้นหาทุกอย่างแล้วแต่ไม่พบข้อมูลของเด็กคนนั้นเลยครับผู้อำนวยการเนซึ ทั้งประวัติส่วนตัวหรือคดีก็ไม่มีเลยราวกับไม่มีตัวตนอยู่บนโลก" นายตำรวจบอกกับคนที่เหลือ ทั้งสี่จึงช่วยกันคิดว่าควรจะทำยังไงต่อ ยิ่งได้เห็นพลังอันตรายแบบนั้นก็ยิ่งกังวลว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อเมือง
"ให้เขาเข้าศึกษาที่นี่ในหลักสูตรฮีโร่ก็ได้ ต้นอ่อนที่แข็งแกร่งขนาดนี้หากตกไปอยู่ฝ่ายวิลเลินทางเราจะลำบากกันซะเอง" เนซึเสนอขึ้น
"แต่ผู้อำนวยการเนซึมันอันตรายต่อตัวนักเรียนนะครับ" อีเรเซอร์เฮดหรือไอซาวะ โชตะ แย้งขึ้นถึงจะแข็งแกร่งยังไงแต่ความปลอดภัยของคนในโรงเรียนต้องมาก่อน
"ฉันว่าหนุ่มน้อยคนนั้นเป็นคนดีอยู่นะ เซ้นส์ของฉันมันบอกแบบนั้น" ออลไมท์หรือยางิ โทชิโนริ บอกกับเพื่อนของตนพร้อมรอยยิ้ม เด็กหนุ่มคนนั้นแข็งแกร่งเขารู้สึกได้อาจจะมากกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำ
"งั้นก็เอาตามนี้ ห้องเรียนฮีโร่เดี๋ยวฉันจะเพิ่มที่พิเศษสำหรับเด็กคนนั้นไว้แต่ถึงยังไงก็ต้องให้เข้าร่วมการทดสอบด้วยจะได้รู้ว่าอัตลักษณ์ของเขาทำอะไรได้บ้าง" เนซึบอก ด้วยสมองอันชาญฉลาดของตัวเองการเก็บข้อมูลน่าสงสัยทุกอย่างย่อมเป็นกลยุทธ์ของเขา พอตกลงกันเสร็จเรียบร้อยพวกเขาก็กลับเข้าห้องเพื่อบอกข้อเสนอให้กับริมุรุและหวังว่าเจ้าตัวจะไม่ปฏิเสธ
ความคิดเห็น