คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : สัญญาในความทรงจำ
สัญญาในความทรงจำ
“คุณอาหลับตาสิคะ”
เด็กหญิงรมย์ชลีในวัยสิบปีเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอย่างที่เคยทำทุกครั้งเวลาที่ต้องการอะไรจากเขา
“ไม่! จนกว่าน้องลีจะบอกอาก่อนว่าให้หลับตาทำไม”
“คุณอาน่ะ!”
ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยอย่างขัดใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนหวานจนตาหยีซึ่งเป็นท่าไม้ตายของเธอ และมันก็ใช้ได้ผลทุกครั้งเสียด้วยสิ
“โอเค หลับตาก็หลับตา อายอมแพ้แล้ว”
ดวงตายาวรีสีนิลปิดสนิทพลางทรุดตัวลงนั่งตามที่แม่หนูน้อยสั่งการ
“ย่อตัวลงมาค่ะ ทีนี้อยู่นิ่งๆนะคะ”
ร่างน้อยของเด็กหญิงเคลื่อนเข้าหาจนเขาได้กลิ่นสบู่และแชมพูที่เธอชอบใช้พร้อมทั้งความรู้สึกเย็นวาบบริเวณต้นคอเมื่อสร้อยเส้นเล็กๆถูกคนชอบสั่งการสวมใส่ให้เขา
“ลืมตาได้ Happy Birthday ค่ะคุณอา!”
กล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสพลางยื่นริมฝีปากหอมแก้มสากฟอดใหญ่อย่างที่เคยทำทุกครั้งยามถึงวันเกิดบิดากับพี่ชาย
สำหรับรมย์ชลีเธอมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับชายหนุ่มเขากลับรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ ที่มีใครอีกคนคอยให้ความสำคัญกับเขาขนาดนี้ ราวกับเขาเป็นคนสำคัญ เป็นของขวัญและสิ่งล้ำค่าที่สุดสำหรับชีวิตที่เหลือของเด็กน้อยในอ้อมแขน ซึ่งกำลังสวมกอดเขาอย่างแสนรักและไว้วางใจ
“น้องลี...” ถังหย่งคังเอ่ยหลังจากที่เงียบไปนาน “สัญญาอะไรกับอาสักเรื่องได้ไหมคะ?”
“ว่ามาซีคะ หลายๆเรื่องน้องลีก็ให้คุณอาได้ เพราะยังไงเจ้าของวันเกิดก็ต้องพาน้องลีไปเลี้ยงไอติมอยู่แล้ว ฮ่าฮ่า”
เด็กหญิงเอ่ยอย่างใจปล้ำก่อนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างดีใจถึงแผนการที่ตนเองวาดหวังไว้โดยไม่สนใจว่าเจ้าของวันเกิดเขาจะเห็นด้วยหรือไม่
“นอกจากอาแล้ว อย่าไปกอดหรือหอมแก้มใครอย่างนี้อีกได้ไหม?” ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกไปนั้นมันเว้าวอนแค่ไหนเพราะสำหรับเขาแล้วการได้อยู่กับรมย์ชลีมันทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองทุกครั้งที่อยู่ใกล้กัน
“สบายมากค่ะ เรื่องแค่นี้เองจิ๊บจ๊อย” คนรับปากตอบอย่างเร็วปรื๋อก่อนจะนิ่งไปชั่วอึดใจอย่างใช้ความคิด ก่อนเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ “แม้กระทั่งอาป๊าน่ะเหรอคะคุณอา”
แม้กระทั่งอาป๊าก็ไม่ได้ค่ะ
นั่นคือคำตอบที่ดังอยู่ภายในจิตใจก่อนที่ชายหนุ่มจะนิ่งงันไปเช่นกัน
“ว่าไงคะคุณอา แม้แต่อาป๊ากะหม่ามี้ด้วยเหรอคะ” เด็กหญิงเร่งเร้า
“เอาเป็นว่า หนูห้ามไปหอมแก้มผู้ชายคนอื่น เด็กผู้ชายที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบก็ไม่ได้ ส่วนอากับอาป๊าเป็นข้อยกเว้นจ้ะ โอเคไหมคะแม่หนูช่างซัก?”
“รับทราบครับผม!” รับคำพลางยกมือขึ้นทำท่าวัณทยาหัตถ์อย่างแข็งขันจนคนมองอดหยิกแก้มกลมๆนั้นอย่างอดใจไว้ไม่อยู่ แม้อีกฝ่ายจะส่งเสียงประท้วงอู้อี้ก็ตาม “อ๋อย น้องลีเจ็บน้าคุณอา...”
ภาพความทรงจำครั้งเก่ายังคงฉายชัด ไม่เคยเลือนหายไปจากหัวใจสร้อยคอสีเงินเส้นยาวที่มีล็อกเกตรูปหัวใจยังคงสวมไว้เช่นเดิมนับจากวันแรกที่ได้รับผ่านเลยมากระทั่ง 5 ปี
“แล้วนี่เอาอะไรมาให้อาใส่คะ ล็อกเกตรูปหัวใจ หวานแหววเป็นเด็กผู้หญิงเลย เอ้า!มีพระห้อยมาข้างๆด้วยอีกต่างหาก”
“ของน้องลีเองค่ะ แต่ตอนนี้น้องลีใส่ของคุณแม่แล้ว เลยตัดเอารูปคู่ของเราสองคนใส่ให้คุณอาเวลาที่คิดถึงกันไงคะ ส่วนพระเนี่ยจะได้มีไว้คอยช่วยคุ้มครองภัยให้คุณอาค่ะ” อธิบายเสียงเจื้อยแจ้ว ก่อนเอ่ยย้ำอีกครั้งแกมสั่งแต่แฝงความหม่นหมองในน้ำเสียง “คุณอาห้ามถอดออกนะคะ ถ้าอายก็ใส่กระเป๋าเสือไว้ก็ได้ตอนน้องลีให้พี่พัฒน์ พี่พัฒน์ก็ทำแบบนั้น”
“อย่าห่วงเลย อาจะสวมสร้อยเส้นนี้ไว้ตลอด อาสัญญา...”
ใช่! เขาสัญญากับเธอไว้อย่างนั้น จวบจนกระทั่งวันที่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเด็กหญิงขึ้น คำสัญญาต่างๆจึงไม่อาจทำให้มันเป็นจริงได้ เขาเป็นชายหนุ่มส่วนรมย์ชลีเป็นเด็กหญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยสาว
การใกล้ชิดกันมากเกินไปมันจึงไม่เหมาะสม แม้มันจะบริสุทธิ์ใจ แต่ความห่วงใยและความผูกพันที่ถักทอขึ้นระหว่างเขาและรมย์ชลีนั้นมันมากเกินไป
มาก จนอันตรายขึ้นทุกวันตามกาลเวลา
มาก จนเขากลัวว่าหากปล่อยให้ความใกล้ชิดของเขาและรมย์ชลีเกิดขึ้นต่อไป เขาจะเป็นฝ่ายผูกมัดและพันธนาการตัวเธอเอาไว้เอง ดุจดั่งนกน้อยในกรงทองที่เขาเฝ้าเลี้ยงดู แต่จะไม่มีวันได้โผบินออกไปสู่ท้องฟ้าได้เริงร่าหยอกล้อกับแสงตะวันอย่างมีอิสระ และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
แม้เธอจะเปรียบดั่งดวงตะวันที่ให้แสงสว่างแก่เขา แต่ดวงตะวันควรที่จะมีโอกาสได้เลือกว่าจะฉายแสงสว่างอันอบอุ่นนั้นไปที่ใคร
เขาควรให้เวลาเธอเลือกและตัดสินใจด้วยตนเอง แม้เขาจะทำได้แค่เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆก็ตาม
และถ้าหากเธอยังคงยืนยันที่จะผูกชีวิตและฉายแสงสว่างให้แก่เขา.เขาก็สาบานได้เลยว่าจะไม่มีวันปล่อยเธอให้ห่างกายเป็นครั้งที่สองอีกแน่นอน เพราะชีวิตเขานับจากวันนั้นเป็นต้นไปจะเป็นของเธอเพียงผู้เดียว
รมย์ชลี บริรักษ์นุกุล เด็กสาวผู้เปลี่ยนถังหย่งคังชายผู้เย็นชาคนนี้ ให้กลายเป็นคนเต็มคนกับเขาเสียที
“อาขอโทษน้องลี อาขอโทษ...”
เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบายามเอื้อนเอ่ยกับเด็กน้อยหน้าตาน่ารักที่ส่งยิ้มหวานออกมาจากรูปในล็อกเกต
ขอโทษ ที่เขาไม่เคยกลับไปหา
ขอโทษ ที่เขาไม่เคยเอ่ยคำลา
ขอโทษ ที่เขาเหลือไว้เพียงวาจาโป้ปดในความทรงจำ
และ
ขอโทษอีกครั้ง....ที่อาไม่เคยทำตามคำสัญญาที่ให้แก่เธอเลย
“นายครับ พี่เหวินขออนุญาตลากลับบ้านครึ่งวันครับ!”
น้ำเสียงร้อนรนที่ดังแว่วมาตามสายอินเตอร์คอม ส่งผลให้ภวังค์ความคิดของถังหย่งคังชะงักค้างเร่งประมวลผลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อเกิดคำถามแรกที่ดังขึ้นในใจนั่นคือ
ใครเป็นอะไร? เพราะคนอย่างจางเหวินหากไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้นล่ะก็ไม่มีทางที่จะหนีงานไปกลางคันเด็ดขาดแม้เป็นการขอลาหยุดครึ่งวันเช่นนี้ก็ตาม
มือหนาค่อยๆหย่อนสร้อยคอที่ตนเองรักและหวงแหนลงในกระเป๋าเสื้อสูททางด้านซ้ายอย่างทะนุถนอม ก่อนจะเคลื่อนกายผลักบานประตูไม้สักแกะสลักให้เปิดออกอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินเสียงลูกน้องคนสนิทรายงาน
“เกิดอะไรขึ้น”
เสียงทุ้มนุ่มหากแต่ทรงอำนาจอย่างมหาศาลเอ่ยถามเหล่าพนักงานหน้าห้องที่ต่างเป็นคนของกลุ่มซานาดะทั้งสิ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก แต่ใครจะรู้บ้างว่าลึกๆภายในจิตใจของเขานั้นเป็นเช่นไร
หัวใจมันสั่นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็น อัตราการเต้นของมันนั้นเล่าก็เร็วผิดปกติจนเกรงว่าอาจจะหลุดออกมาจากอก หากแสดงความรู้สึกทางสีหน้าและน้ำเสียงให้คนอื่นๆได้เห็นมากเกินไป จุดอ่อนมักจะปรากฎและแสดงถึงอนาคตที่ต้องปราชัยต่อศัตรู!
ความเงียบเข้าครอบคลุมทั่วทั้งโถงบริเวณเพียงชั่วอึดใจ ก่อนที่คาซึยะเลขาหน้าห้องจะเอ่ยรายงานด้วยรายละเอียดอันน้อยนิดเท่าที่ตนเองจะเอ่ยถามจางเหวินในช่วงเวลาฉุกละหุกนั้นได้
“ภรรยาพี่เหวินโทรมาตามให้แกกลับบ้านด่วนครับ รู้สึกว่าลูกสาวคนโตกลับมาที่บ้านพร้อมเพื่อนๆตั้งแต่สิบโมงเช้าครับ”
ถ้อยคำรายงานของคาซึยะเต็มไปด้วยรายละเอียดและใจความที่ส่งผลให้หนังตาข้างขวาของถังหย่งคังกระตุกวูบ ความตั้งใจเดิมดับสูญ เหลือเพียงความปรารถนาที่ถูกเก็บกดเอาไว้เนิ่นนานเข้ามาแทนที่ และชัดเจนในทุกๆความรู้สึกภายในจิตใจ
รองเท้าสีดำมันปลาบเคลื่อนไปตามจังหวะการขยับกายของผู้เป็นนายอย่างมั่นคง ยามเดินกลับเข้าไปภายในห้องทำงานอันหรูหรา ก่อนจะเพิ่มอัตราการเคลื่อนไหว เมื่อเจ้าของร่างงามสง่าได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในกำมือ การเคลื่อนกายของถังหย่งคังนั้นมั่งคงและสม่ำเสมอทุกๆย่างก้าว แต่กลับรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อจุดหมายปลายทางคือลิฟต์ของผู้บริหารโดยมีชายหนุ่มในชุดสูทสีดำมันปลาบตามมาติดๆถึงสองคน
รถยนต์ยุโรปสีดำคันหรูพุ่งตัวออกจากลานจอดรถอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงเศษฝุ่นละอองและชายฉกรรจ์สองคนที่ยืนมองหน้ากันอย่างงุนงงปนหารือ เมื่อถังหย่งคังสั่งการห้ามไม่ให้พวกเขาติดตามก่อนขับรถจากไป
“เอาไง?”
ซึบาสะชายร่างสูงถึง 180 เซนติเมตรเอ่ยถามเคนอิจิเพื่อนร่วมชะตากรรมที่ตอนนี้มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน
“ขับตามไปดิ!”
อีกฝ่ายตอบพลางเลิกคิ้วขึ้นสูงยามเบือนหน้าไปทางรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สุดแพงของเพื่อนตาย MV Agusta F4 1000R เสียด้วย หรูชะมัด!
“เออ! งั้นมึงนั่งนิ่งๆเดี๋ยวกูซิ่งตามนายไปเอง”
กล่าวกำชับหลังจากที่อีกฝ่ายวาดขาขึ้นซ้อนท้ายก่อนบิดคันเร่งที่ก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นลานจอดรถยามออกตัว
ให้มันรู้ไปว่า Augusta หรือจะไม่มีปัญญาตามทัน MERCEDES-BENZ
“ตกลงจะมีใครบอกหม่ามี้ได้บ้างว่าทำไมน้องลีถึงได้ตาแดง หน้าซีดขนาดนั้น”
อายูมิเปิดฉากสนทนาอย่างหมดความอดทน เมื่อลับร่างของบุตรสาวที่มุ่งสู่ชั้นสองของบ้านตรงเข้าสู่ห้องนอนโดยไม่ยอมพูดจากับใคร
“คือ...พวกหนูก็ไม่ค่อยแน่ใจค่ะหม่ามี้”
มิยูกิเอ่ยตอบอย่างขลาดๆเนื่องจากไม่เคยเห็นมารดาบุญธรรมของเพื่อนสนิทอยู่ในอารมณ์โกรธถึงขนาดนี้
“แต่หนูเห็นอาจารย์ซาโยกะไปกระซิบกระซาบอะไรกับลีจังก็ไม่รู้ พออาจารย์ออกจากห้องไปเท่านั้นแหละลีจังก็ร้องไห้โฮ เอาแต่บอกว่าอยากกลับบ้านอย่างเดียว”
“ซาโยโกะไหน?” เอ่ยถามราวกับมีสัมผัสพิเศษ “ที่โรงเรียนไม่มีอาจารย์ชื่อนี้ไม่ใช่หรือ?”
“อาจารย์มาใหม่ครับชื่อโฮโจ ซาโยโกะครับเขาเป็นอาจารย์ประจำชั้นพวกเราด้วย” ฮิโรชิเอ่ยเสริมในขณะที่สองสาวพยักหน้ายืนยัน
ภรรยาเจ้าของบ้านทำเสียงรับรู้ในลำคอพลางเอ่ยเชื้อเชิญให้เด็กๆนั่งพักที่ห้องรับแขกก่อนตนเองจะปลีกตัวไปนำขนมและน้ำชามาต้อนรับโดยไม่ลืมกดโทรศัพท์ติดต่อหาผู้เป็นสามี
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ” นั่นคือประโยคแรกที่เธอเอ่ยกับสามี
“อะไรคุณ นี่เพิ่งจะสิบโมงเองนะ คิดถึงผมจนทนไม่ไหวเชียวหรือ?”
ปลายสายเอ่ยเย้าตามวิสัย ก่อนจะยื่นเครื่องมือสื่อสารออกห่างจากใบหูเพราะอีกฝ่ายตะโกนเข้ามาเต็มเสียง
“น้องลีมีเรื่อง กลับมาบ้านตั้งแต่เก้าโมงกว่าแล้วเนี่ย คุณรีบมาเลยนะ ไม่งั้นก็ไม่ต้องกลับมาอีกเลยตลอดชีวิต!”
กล่าวทิ้งท้ายพร้อมวางกระบอกโทรศัพท์ในมือลงบนเครื่องดังโครมเพื่อระบายอารมณ์ หญิงสาวยืนตัวตรง สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อบรรเทาความเคียดแค้นที่ตนมี
โฮโจ ซาโยโกะ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรกับลูกสาวฉัน พรุ่งนี้หล่อนได้เจอดีแน่นอน!
ถาดขนมเค้กหน้าตาน่ารับประทานและถ้วยน้ำชาถูกนำมาเสิร์ฟลงบนโต๊ะกระจกใสสี่ขาตัวเตี้ยที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างโซฟาตัวยาวทั้งสามตัวภายในห้องรับแขกโดยฝีมือของอายูมิที่ส่งยิ้มฝืดเฝื่อนให้บรรดาเพื่อนๆของบุตรสาวหลังจากที่ตนฉุกคิดได้ว่า ได้แสดงมรรยาทที่ไม่ดีออกไปยามเอ่ยถามผู้อ่อนวัยกว่าถึงต้นสายปลายเหตุด้วยความกราดเกรี้ยวเมื่อรมย์ชลีมาถึงบ้าน
“ขอบคุณค่ะ/ครับ”
เด็กหนุ่มสาวทั้งสามเอ่ยพร้อมกันเมื่อเริ่มลงมือดื่มน้ำชาและขนมเค้กที่อายูมินำมาให้
“สรุปคือ เราสามคนก็ไม่รู้ใช่ไหมว่าอาจารย์คนใหม่พูดอะไรกับน้องลี”
“ค่ะ/ครับ”
“ถ้างั้น หม่ามี้ขอตัวขึ้นไปหาน้องลีก่อนนะจ้ะเชิญพวกหนูตามสบายเลย แต่หม่ามี้ขอฝากอาตงไว้แป๊ปหนึ่งจะได้ไหม?”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพวกหนูเลี้ยงน้องให้เอง”
ยูคิเมะรีบรับอาสา ก่อนรับร่างจ้ำม่ำของเด็กชายจางตงเข้ามาสวมกอดอย่างมันเขี้ยวท่ามกลางสายตาชื่นชมอย่างเปิดเผยของอายูมิที่บุตรสาวคนโตของตนเลือกคบคนไม่ผิด เพราะเพื่อนๆในกลุ่มของเด็กสาวเท่าที่เธอได้รู้จักต่างก็เป็นเพื่อนแท้และเด็กดีทั้งนั้น น่าปลาบปลื้มใจเสียจริง
ทางด้านรมย์ชลี หลังจากที่เด็กสาวเข้ามาถึงภายในห้องนอนสิ่งแรกที่เธอทำคือ ตรงเข้าสู่ห้องน้ำแล้วล้างหน้าล้างตาตนเองให้สะอาดสะอ้านและดีพอที่จะช่วยให้ความหมองเศร้าที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าได้ลดลงไปเสียบ้าง
แต่ก็ไม่เลย ดวงตาและจมูกของเธอยังคงแดงช้ำ เป็นเครื่องหมายที่ชี้ชัดว่าเธอได้เสียน้ำตาไปมากแค่ไหน และเธอไม่อยากให้ใครได้รับรู้ถึงความอ่อนแอเพื่อมาสมน้ำหน้าหรือแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าสมเพช เธอไม่ต้องการ!
“รูปนี้สวยจังเลยค่ะคุณอา ซื้อมาจากไหนเหรอคะ?”
รมย์ชลีในวัย 10 ปีเอ่ยถามถังหย่งคังพลางจ้องมองภาพวาดขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนฝาผนังห้องทำงานของชายหนุ่ม ภาพของหงส์ฟ้าที่กำลังโบยบินคู่กันท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี โดยมีเพียงแสงสีของดวงดาวและเงาจันทร์เป็นเครื่องนำทาง
“เป็นภาพที่คุณแม่วาดให้อาป๊าของอา”
เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ในขณะที่เด็กหญิงตัวน้อยยังคงซุกซนปีนป่ายเก้าอี้เพื่อขึ้นไปดูภาพวาดนั้นให้ชัดๆ ก่อนจะสะดุดตาข้อความที่เขียนไว้ใต้ต้นหลิวของภาพ
“ขอเทพเจ้ามังกรและเทพหงส์อำนวยพรให้คุณโชคดี รักเราเป็นดั่งเช่นหงส์ตลอดไป ...ซาวาโกะ...” เด็กหญิงอ่านออกเสียงอย่างช้าๆด้วยความสนใจ แต่ก็ไม่วายเกิดคำถามอยู่ดี “รักเราเป็นดั่งเช่นหงส์มันจะดีเหรอคะคุณอา เป็ดหลังบ้านที่พ่อของน้องลีเคยเลี้ยงไว้มันยังมีตัวเมียตั้งหลายตัวเลย ไม่เห็นจะดีตรงไหน”
ปากกาในมือชายหนุ่มหยุดการทำงานเมื่อแม่หนูจำไมยังคงตั้งคำถามไม่หยุดหย่อน จนชายหนุ่มต้องวางมันลงอย่างหมดซึ่งความพยายามที่จะทำงาน
ทำไมนะ ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรมย์ชลีเขาจะต้องใส่ใจ
ทำไม ตัวเขาจะต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตามทั้งๆที่ไม่เคยยอมให้ใครสักคนก้าวล้ำอาณาเขตของเขาได้มากมายถึงเพียงนี้
ทำไม เขาถึงไม่เคยเย็นชาใส่เธอได้เลยเสียที
และ...
ทำไม พอเห็นรอยยิ้มอ่อนหวานที่ส่งให้เขายามนี้ เขาจึงทำได้เพียงแค่เพียงอ่อนใจ ยอมตอบข้อสงสัยของเด็กน้อยในทันที
“อย่าเอาหงส์ไปเปรียบเทียบกับเป็ดสิ หงส์เนี่ยเขาถือว่าเป็นสัตว์ที่เป็นตัวแทนของความรัก เพราะหงส์จะมีคู่เพียงตัวเดียวตลอดชีวิต หากว่าคู่ชีวิตตายจากหรือมีอันเป็นไป อีกตัวก็จะอยู่ต่อไปโดยไม่มีคู่ใหม่และส่วนมากมักจะตายตามกันไปในไม่ช้านับเป็นวัฒนธรรมของสัตว์ที่มนุษย์เองก็ยากจะกระทำตามแบบนี้ได้ เข้าใจหรือยังคะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ น้องลีขอแกะภาพนี้ไปถ่ายเอกสารได้ไหมคะ?”
“ฮืม? จะเอาไปทำไมละ”
“ก็น้องลีชอบนี่นา ภาพก็สวยความหมายก็ดี น้องลียอมเป็นหงส์ตัวเล็กที่คอยบินตาม ยกให้คุณอาเป็นหงส์ตัวใหญ่เลยเอ้า!”
เอ่ยอย่างคนใจปล้ำราวกับเป็นเจ้าของภาพเสียเอง
“ถ้างั้นก็อย่าแกะให้วุ่นวายเลย อายกให้น้องลี”
“จะดีหรือครับนาย”
จางเหวินเอ่ยแย้ง เมื่อเห็นว่าสิ่งที่หนุ่มกำลังหยิบยื่นให้บุตรสาวของตนนั้นมันมีค่ามากเพียงใด ของเตือนใจถึงบิดาผู้มีอันเป็นไปเมื่อตอนที่ผู้เป็นนายยังเป็นเด็กเล็กนัก ของรักชิ้นสุดท้ายที่นายเพิ่งได้กลับคืนมา
“วาจาใดที่เอ่ยออกมาจากปากฉัน นั่นคือคำศักดิ์สิทธิ์ นายลืมกฎข้อนี้ไปแล้วหรืออาเหวิน”
“น้องลีไม่เอาแล้วก็ได้ค่ะอาป๊า คุณอา”รมย์ชลีรีบเอ่ยแทรกอย่างตัดใจ ด้วยตนไม่อยากให้คนที่ตนเองรักทั้งสองคนมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกัน “เอาไว้น้องลีอยากมาดู ค่อยมาหาคุณอาดีไหมคะ?”
“นายออกไปรอข้างนอกก่อนอาเหวิน” อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่เสออกคำสั่งกับคนสนิทแทน ซึ่งจางเหวินเองก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี
“สำหรับน้องลี จะมาหาอาที่นี่เมื่อไร วันไหนก็ได้ อาไม่ห้าม”เขาเริ่มเรื่องทันทีเมื่อจางเหวินหายลับไปทางประตู “แต่ภาพๆนี้ อายกให้น้องลีเพราะอยากให้ โดยมีข้อแม้เพียงข้อเดียว”
“ข้อแม้อะไรเหรอคะ”เอ่ยถามด้วยความสนใจ
“ข้อแม้ที่ว่า น้องลีจะต้องดูแลรักษาภาพนี้ให้ดี แล้วอีก 10 ปีอาจะไปทวงคืน”
“อีก 10 ปีเลยเหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ 10 ปีทำให้อาได้ไหม? คิดเสียว่าอาฝากให้น้องลีดูแล”
เด็กหญิงนิ่งคิดไปเพียงชั่วครู่อย่างชั่งใจ การดูแลภาพวาดสำหรับเธอนั้น แค่คอยเช็ดปัดไม่ให้ฝุ่นเกาะก็คงเพียงพอกระมัง
“ตกลงค่ะ” ว่าพลางพยักหน้ารับอย่างมั่นใจ “อีก 10 ปีคุณอามารับภาพวาดนี้คืนได้เลยน้องลีจะรักษามันเท่าชีวิต น้องลีขอสัญญาค่ะ!”
นิ้วเรียวยาวลูบไล้ภาพวาดสีน้ำมันที่ตนได้รับมาอย่างหลงใหล ยามใดที่ใจคิดถึงหรือเกิดความขุ่นข้องในตัวคุณอา เธอมักจะมองภาพนี้เพื่อช่วยย้ำเตือนถึงความทรงจำดีๆที่มีให้แก่กัน เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีก 10 ปีข้างหน้าคุณอาถึงจะมาเอาภาพนี้คืน แต่คำพูดหนึ่งของคุณอาที่ช่วยเตือนสติเธอได้ดีในยามนี้ก็คือ
“อย่าเชื่อคำพูดใครมากไปกว่าอา เพราะอาจะมีแต่ความจริงให้น้องลีเสมอ ทุกๆอย่างจงฟังจากปากของอาเอง”
ใช่!คุณอาสอนเธอไว้เช่นนั้น แล้วไยเธอจึงต้องแคร์กะอีแค่คำพูดของผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมงด้วยเล่า หากคุณอาไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับเธอแล้ว เธอมั่นใจว่าคุณอาจะเป็นคนตัดความเกี่ยวพันด้วยการเอ่ยลากับเธอเองอย่างแน่นอน
คิดได้ดังนั้นเด็กสาวจึงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเป็นการเรียกกำลังใจให้ตนเองพลางปลอบใจว่าการทดสอบจากสวรรค์ว่าตัวเธอนั้นควรค่าที่จะอยู่ในโลกของคุณอาหรือไม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว จงอย่ายอมพ่ายแพ้เพียงเพราะคนๆเดียวที่ไม่เคยมีบุญคุณใดๆต่อเธอ!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รายละเอียดตามภาพ กรุณาอ่านให้ครบนะคะ
ราคาปกติ 420-
ราคาจองเหลือ 390- บาท ส่งฟรีลงทะเบียน!!!
เปิดจองวันนี้ 4/9/2557 - 4/10/2557
จัดส่งไม่เกิน 24 ตุลาคม 2557
โอนเงินมาที่
ธ.ไทยพาณิชย์ 5432305678
สุวิมล ถาวร
แล้วเมล์รายละเอียด วันเวลาที่ทำรายการ+ชื่อที่อยู่
ทาง sweet_berryii@hotmail.com
*** พิมพ์ตามจำนวนยอดจองเท่านั้นค่ะ ***
หรือถ้าใครอดใจรอแบบรูปเล่มไม่ไหว แนะนำ E-book ตามลิงก์ด้านล่างนี้ค่ะ
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NToiMjY3MDEiO3M6NzoiYm9va19pZCI7czo1OiIxNjA2OSI7fQ
และที่นี่ค่ะ
http://www.hytexts.com/ebook/book/B003147
ความคิดเห็น