ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฤาสวรรค์สาป

    ลำดับตอนที่ #5 : ครอบครัวใหม่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 137
      0
      6 ก.ย. 57



    ครอบครัวใหม่

     

                    ไม่ไหวแล้ว

    โทโอรุคนสนิทของทาคามุระ เรียวอิจิที่ปาชูริเคนใส่จางเหวินคิด ยิ่งได้เห็นตากลมโตของเด็กน้อยที่กอดคอจางเหวินแน่นพร้อมทั้งเอ่ยข่มขู่เขานั้นมันกำลังทำให้โทโอรุหมดความอดทน ริมฝีปากสีสดยกขึ้นคล้ายจะแย้มยิ้มแต่ถึงกระนั้นการได้จ้องตาแม่หนูคนนี้มันก็สนุกดี

    ขู่ฟ่ออย่างกะลูกแมวตัวเล็กขนฟู น่ากลัวตายล่ะ!

    “อย่ามองน้องลีกับอาป๊าแบบนั้นนะ!

    รมย์ชลีตวาดแว้ดเป็นภาษาไทยใส่โทโอรุอย่างลืมตัว

    “น้องลี...”

    จางเหวินเอ่ยเตือนเสียงอ่อย และเป็นถังหย่งคังที่เป็นคนแก้สถานการณ์โดยการเอ่ยเตือนสติเด็กน้อยด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ

    “เลิกเกาะคออาเหวินแล้วลงมายืนได้แล้ว หากอยากจะสู้กับใครเราต้องลุกขึ้นยืนด้วยตัวของเราเองให้ได้เสียก่อน”

    “ค่ะ”

    เด็กหญิงพยักหน้ารับ ก่อนจะยินยอมลงจากอ้อมแขนของจางเหวินแต่โดยดี เรียวขาเล็กก้าวเดินสาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเรียวอิจิและคนสนิทด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้วี่แววถึงความขุ่นข้องหมองใจพร้อมโน้มตัวลงคำนับบุรุษทั้งสามที่สูงวัยกว่าตนเองอย่างสวยงามพลางเอ่ยขึ้นมาเป็นภาษาญี่ปุ่นสำเนียงดีว่า

    “ฮาจิเมะมาชิเตะ วาตาชิวะ รมย์ชลี เดส โดโสะ  โยโรชิคุโอเนะไกชิมัส” (ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ หนูชื่อรมย์ชลี ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ)

    และโดยไม่รอคำตอบรับ เด็กน้อยก็ก้าวเท้าตรงเข้าหาโทโอรุอย่างรวดเร็วก่อนจะกระทืบเท้าของชายหนุ่มด้วยพละกำลังที่ตนเองมีอยู่จนสุดแรง

                    ผู้ใหญ่หลายๆคนอ้าปากค้างในความกล้าหาญบ้าบิ่นของเด็กน้อย ไม่เว้นแม้กระทั่งโทโอรุผู้ที่กำลังโดนประทุษร้ายรองเท้าหนังแก้วด้วยแรงของลูกมด!

    นี่สะกิดกันใช่ไหม?

    “นี่!สำหรับน้องลี(ที่ต้องร้องกรี๊ดๆ)” เอ่ยพลางกระทืบที่เท้าของชายหนุ่มซ้ำ “และนี่ สำหรับอาป๊า!

    ฉับพลันเป้าหมายของเด็กน้อยก็แปรเปลี่ยนพร้อมๆกับกำปั้นเล็กๆที่พุ่งเข้าชนกล่องดวงใจของอีกฝ่ายอย่างสุดแรง และหนนี้มันทำให้เขาจุก

    เด็กบ้า!กล้าเล่นของสูง!

                    นักมวยตัวน้อยที่ได้รับการฝึกสอนโดยบิดาและพี่ชายที่ล่วงลับจ้องมองผลงานตรงหน้าอย่างพึงพอใจ เมื่อโทโอรุเคลื่อนมือลงมากุมเป้ากางเกงก่อนบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด 

    “เก่งเหมือนกันนี่เรา”

    เป็นทาคามุระ เรียวอิจิที่เอ่ยชมในขณะที่อาป๊าตีหน้ายักษ์ใส่ด้วยความห่วงใยบุตรสาวบุญธรรม

    “ไม่ดีนะคะน้องลี วันหลังหนูอยากจะตื้บใครบอกอาป๊าแทนเข้าใจไหมคะ?”

     เด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างว่างง่าย ก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปหลบหลังจางเหวินตามเดิม ปล่อยให้โทโอรุเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธเคือง ในเมื่อเจ้านายยังชมแล้วเขาจะสะเหล่อด่ายัยตัวเปี๊ยกนั่นได้ยังไง

    “อายุเท่าไรคะ?”

    เรียวอิจิเอ่ยถามด้วยความเอ็นดู ยิ่งได้เห็นใบหน้าของเด็กน้อยชัดๆเขาก็รู้สึกถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูก ในขณะที่โทโอรุขนลุกไม่แตกต่างไปจากจางเหวินที่ได้ยินคำพูดหวานหูจากเจ้านายตนยามสนทนากับเด็กน้อย ราวกับโดนมนต์สะกด

    jussai” (สิบขวบค่ะ)

    เด็กน้อยตอบอย่างฉะฉานส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร

    “น้องลีอาป๊าเจ็บแผล พาป๊าไปหาหมอได้ไหมลูก”

    จางเหวินเอ่ยขัด เมื่อเห็นสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจของเจ้านายยามเห็นเด็กหญิงตัวน้อยสนทนากับญาติห่างๆอย่างเรียวอิจิ และเด็กอย่างรมย์ชลีมีหรือที่จะตามเล่ห์เหลี่ยมของคนโตๆทัน ครานี้ก็เช่นกันคำตอบที่ให้แก่บิดาบุญธรรมก็คือ

    “ไปซีคะ”

    “งั้นไปด้วย!

    โทโอรุที่พอฟังภาษาไทยออกเอ่ยขึ้นเสียงดัง พร้อมโน้มตัวลงคำนับชายผู้มีอำนาจทั้งสองคนก่อนจะวิ่งตามไปยังทิศทางที่รมย์ชลีและจางเหวินเดินหายไป ทิ้งให้บรรดาเจ้านายสนทนากันเอง

                    มือเล็กๆสาละวนกับการช่วยอาป๊าล้างแผลอย่างตั้งอกตั้งใจ แม้เมื่อแรกเริ่มเดิมทีอาจางเหวินจะเป็นคนชวนให้เธอพาไปหาหมอก็ตาม แต่ตอนนี้เขากลับบอกให้เธอทำแผลให้เขาแทน ก่อนจะงัดกล่องปฐมพยาบาลหรือกล่องเครื่องมือแพทย์เธอก็ไม่ทราบได้เพราะในนั้นมีเครื่องมือเยอะเหลือเกิน ไม่เว้นแม้กระทั่งเข็มฉีดยา

    “พอแล้วค่ะ พันแผลให้กันขนาดนี้ อาป๊าว่าต่อให้ใครปาชูริเคนมามันก็คงไม่เข้าแถมยังกระเด้งกลับ”

    สิ้นเสียงทุ้มนุ่มของจางเหวินเขาก็ได้เห็นเด็กน้อยส่งค้อนให้เขาวงโตก่อนจะปล่อยมือที่จับบริเวณแผลที่ถูกผ้าพันไว้จนพองอย่างไม่ไยดี

    “อาจางเหวินใจร้าย!” เด็กน้อยว่าเข้าให้

    “อ้าว! เมื่อกี้เรียกอาป๊า ตอนนี้เรียกอาเฉยๆได้ไงกันล่ะ ฮืม?”

    “คุณพ่อไม่เคยบ่นเวลาน้องลีทำแผลให้นี่”

    เอ่ยเสียงแผ่วอย่างคนขี้น้อยใจ ตากลมโตเริ่มเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ จนจางเหวินต้องรีบเอ่ยปลอบใจเด็กน้อยอย่างลุกลี้ลุกลน

    “โอ๋ๆ อาป๊าขอโทษค่ะ”

    เอ่ยปลอบประโลมพร้อมทั้งลูบศีรษะที่มีกลุ่มผมสีดำยาวสยายอย่างแผ่วเบาจนเหตุการณ์ระหว่างชายหนุ่มกับเด็กน้อยน่าจะเป็นไปด้วยดีหากไม่มีเสียงๆหนึ่งดังแทรกขึ้นมา

    “เด็กขี้แย ยัยลูกแหง่ตัวกะเปี๊ยก!

    “ปากหมา!

    “โอ๊ะ!

    เป็นจางเหวินที่อุทานออกมาหลังจากได้ยินคำพูดที่ไม่น่าจะออกจากริมฝีปากจิ้มลิ้มของรมย์ชลีที่เอ่ยต่อว่าโทโอรุทันควันเช่นนั้น ในขณะที่คนโดนต่อว่ากลับส่งเสียงหัวเราะในลำคออย่างไม่แยแสต่อถ้อยคำบริภาษอันแสบสันของเด็กหญิงเลยสักนิด

    “เก่งให้ได้ตลอดนะหนูน้อย”

    “อันนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว” ยืดตัวขึ้นกอดอกตอบรับอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะโอ่ต่อไปอีกว่า “คุณอาสอนไว้ว่า หากอยากจะสู้กับใครเราต้องลุกขึ้นยืนด้วยตัวของเราเองให้ได้เสียก่อน แต่ถ้าสู้ไม่ไหวแล้วค่อยวิ่งไปหลบข้างหลังแล้วให้อาป๊าจัดการอีกที”

    อันนี้น้องลีต่อเติมเอาเอง

    “ตามมาทำไมฮึโทรุ หรือแกอยากกินอุ้งตีนหมี?”

    จางเหวินเอ่ยถามพลางเน้นความนัยที่รู้กันในขณะที่อีกฝ่ายกลับยักไหล่ด้วยท่าทางยียวน

    “เห็นแต่ตีนหมา ไม่น่ากลัวเท่าไร”

    “ว่าตัวเองก็เป็นด้วย” เด็กน้อยยกมือขึ้นป้องปากกระซิบกระซาบกับจางเหวินแต่น้ำเสียงไม่ได้ลดระดับเดซิเบลลงเท่าไรนัก

    “อย่าสนใจเลยลูก เดี๋ยวอาป๊าเตะปากมันให้เอง” 

     

    คุณพ่อมือใหม่เอ่ยเอาใจบุตรสาวด้วยใบหน้าจริงจังขึงขัง เสียจนเด็กน้อยอดเดินเข้ามาโอบกอดชายหนุ่มไม่ได้ แต่ก็ไม่วายเสริมต่อให้อีกว่า

    “เอาให้กินเผ็ดไม่ได้เลยนะคะ โทษฐานที่เขาทำให้มืออาป๊ามีแผล ต้องเอาคืนให้หนักจัดไปให้สาสม!”

                    จางเหวินพยักหน้ารับพลางขยิบตาให้เด็กน้อยอย่างขี้เล่น แม้รมย์ชลีจะมีอายุถึง 10 ปี แต่ทางด้านร่างกายกลับดูบอบบาง กะทัดรัดน่าทะนุถนอมไม่ต่างจากเด็กอายุ 6-7 ปีที่เขาเคยเห็น ดังนั้นการให้ความสนิทใจแก่เด็กหญิงคนนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก

    “ฉันเพิ่งรู้นะอาเหวิน ว่าเดี๋ยวนี้แกกลายร่างเป็นพวก...” เอ่ยขึ้นมาอย่างยียวนก่อนจะลากเสียงยานคาง “พ่อลูกอ่อน?”

                    มือหนาของผู้ที่ถูกกล่าวถึงเอื้อมขึ้นสัมผัสศีรษะเด็กน้อยอย่างเอ็นดูพร้อมทั้งเอ่ยกับรมย์ชลีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแกมสั่งว่า

    “ไปหลบอยู่หน้าประตูนะลูก เดี๋ยวป๊าจะเตะปากหมา เอ้ย!ปากคนให้”

    “ค่ะ”

    รับคำพร้อมทั้งพยักหน้า ก่อนจะวิ่งปรู๊ปร๊าดไปยังหน้าประตูห้องพยาบาลอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายสั่งเป็นรอบที่สอง แต่ก็ไม่วายเอ่ยกำชับกับบิดาบุญธรรมด้วยเสียงใสๆนั้นว่า

    “อย่าให้ถึงกับตายนะคะ เอาแค่มีลูกไม่ได้ก็พอ คุณพ่อน้องลีสอนไว้ว่าผู้ชายหากมีลูกไม่ได้ก็อยากตายอย่างเดียว!

                    สิ้นเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อย  การต่อสู้ของชายหนุ่มทั้งสองคนภายในห้องจึงเริ่มขึ้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง สำหรับจางเหวิน โทโอรุและเจ้านายของมันนั้นเปรียบดั่งไม้เบื่อไม้เมาของเขาและนายท่านมาเนิ่นนาน และแน่นอนว่าโดยส่วนตัวแล้วเขากับโทโอรุมักจะมีเรื่องให้ ปะฉะดะ กันบ่อยมากที่สุด

    และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้เขาหวาดกลัวยามได้เผชิญหน้ากับเรียวอิจิก่อนหน้านี้ ด้วยกลัวเหลือเกินว่ารมย์ชลีอาจจะเจอลูกหลงเข้าโดยไม่รู้ตัว

                    พลั่ก! หมัดขวาของจางเหวินซัดเข้าที่ใบหน้าซีกขวาของโทโอรุเข้าอย่างจังในขณะที่อีกฝ่ายก็สวนกลับเข้าที่บริเวณหน้าท้อง รองเท้าหนังแก้วสีดำมันปลาบของโทโอรุถูกเจ้าของเหวี่ยงขาขึ้นหมายจะฟาดต้นคอคู่ต่อสู้เพื่อเอาชนะและกลับต้องปะทะกับต้นแขนแข็งแรงของจางเหวินที่ยกขึ้นตั้งการ์ดอย่างรู้ทันก่อนจะเหวี่ยงกำปั้นเข้าหาริมฝีปากสีสดของชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นจนสุดแรง

                    การต่อสู้ของทั้งสองในสายตาของรมย์ชลีนั้นเป็นอะไรที่ ดุ เดือด เลือดผล่าน เหมือนกับที่เคยเห็นทางจอทีวีบ่อยๆยามดูละครของBBCกับบิดาและพี่ชาย แต่ภาพตรงหน้านั้นเป็นอะไรที่โหดร้ายยิ่งกว่า เพราะซาวด์เอฟเฟ็คและสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คที่แถมท้ายด้วยเลือดสีแดงฉานนั่นเป็นของจริง แสตนอินตกงานอย่างแน่นอน!

     “เล่นกันพอหรือยัง?”

    เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยถาม ส่งผลให้การต่อสู้ของสองหนุ่มหยุดลง มือข้างขวาของโทโอรุชะงักค้างอยู่กลางอากาศในขณะที่เท้าข้างขวาของจางเหวินที่หมายจะสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายก็หยุดชะงักกลางคันเช่นกัน ร่างสูงของบุรุษผู้ได้รับสมญาณามว่าพญามังกรแห่งถังก้าวเข้ามาภายในห้องพยาบาลด้วยท่วงท่าสง่างามนั้นสามารถสยบอารมณ์อันพลุ่งพล่านของชายหนุ่มเลือดร้อนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี

    “โทรุ ฉันจำได้ว่านายเป็นบอดี้การ์ดของฉันไม่ใช่หรือ?” เรียวอิจิที่ตามมาสมทบเอ่ยขึ้นกับคนสนิทของตนเอง “แล้ววันนี้นึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงได้เล่นชกมวย K-1 ให้เด็กผู้หญิงอย่างน้องลีดู”

                    หนังตาข้างขวาของหย่งคังกระตุกหลังสิ้นคำพูดของเรียวอิจิ

                    “น้องลี?”

    ทั้งสองคนไปสนิทกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน มันถึงได้หาญกล้าเรียกรมย์ชลีด้วยท่าทางรักใคร่ เอ็นดูถึงเพียงนี้! คนหน้าเฉยอยู่เป็นนิจเริ่มมีใบหน้าบึ้งตึง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างน่าขันหากดวงตายาวรีสีนิลจะไม่วาววับทอประกายน่ากลัวเช่นนั้น

                    และนั่นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของโทโอรุไปได้ แม้เพียงเสี้ยววินาที ท้ายทอยของเขาลุกชันจนเริ่มหวั่นกลัวแทนผู้เป็นนาย ที่ยังไม่รู้สึกรู้สา เอาแต่ยิ้มเล่นหัวกับหนูน้อยตัวกะเปี๊ยกจอมปากเก่งอยู่หน้าประตู ความรับผิดชอบต่อหน้าที่เอ่อท้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ณ เวลานี้เขาควรละเว้นเรื่องบาดหมางกับจางเหวินเอาไว้เสียก่อน เมื่อความปลอดภัยของเจ้านายนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มเลือดอาทิตย์อุทัย100% จึงผละออกห่างจากคู่กรณีตรงปรี่เข้าหาร่างของเจ้านายทันที

                    ใครจะรู้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะคนอย่างถังหย่งคังนั้น คาดเดาได้ยากยิ่งนัก!

     

    บรรยากาศในเมืองไทยระหว่างเรียวอิจิและถังหย่งคังเป็นเช่นไร คนทางแดนอาทิตย์อุทัยมิอาจรู้ แต่ถึงกระนั้นสำหรับอายูมิหญิงสาวเชื้อสายอเมริกัน-ญี่ปุ่น กลับตกแต่งห้องนอนภายในบ้านด้วยความอิ่มเอมใจยิ่งนัก เธอเป็นคนที่มีผิวขาวนวลเนียนและมีริมฝีปากแดงสดเหมือนชาวญี่ปุ่นทั่วไป หากดวงตากลับเป็นสีฟ้าสวยสดใส งดงามประดุจดั่งน้ำทะเลและแปลกยิ่งกว่าเดิมคือ เธอมีเรือนผมยาวสยายสีทอง

                    นิ้วเรียวสวยไล้ผ้าม่านสีชมพูหวานสลับขาวอย่างเผลอไผลพลางจ้องมองรอบห้องด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือการตกแต่งของตนเอง เธอแต่งงานกับจางเหวินมา 5 ปีและแน่นอนตัวเธอนั้นปรารถนาที่จะมีบุตรเป็นที่สุด หากเป็นฝ่ายสามีของเธอเองที่มักบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงด้วยคำว่า

    “ผมยังไม่พร้อม”

    แม้รู้ดีว่าสาเหตุที่เขาเอ่ยอ้างไม่อยากมีเจ้าตัวเล็กๆในบ้านนั้นเป็นเพราะห่วงใยในสวัสดิภาพของคนในครอบครัว แต่วันนี้เขากลับมีเซอร์ไพรส์ด้วยการโทรทางไกลมาขออนุญาติรับเด็กหญิงกำพร้าวัย 10 ขวบมาเป็นลูกบุญธรรม ภายในใจของเธอนั้นจึงสั่นรัวด้วยความยินดีและรีบตอบตกลงโดยไม่ต้องเสียเวลาทบทวน

                    ห้องนอนขนาด 8 เสื่อ*ทาทามิ ที่เคยถูกร้างราโดนแปลงสภาพด้วยการทาสีผนังห้องใหม่ให้เป็นสีชมพูหวานตัดกับสีครีมอย่างมีสไตล์ ดูสดใส อ่อนหวาน น่ารัก ตามที่คุณแม่คนใหม่อยากให้บุตรสาวบุญธรรมของตนเองเป็นและหวังว่าความเอาใจใส่ในการตกแต่งห้องของเธอจะสามารถสื่อให้เด็กน้อยรู้ถึงความรักที่เธอมีให้แม้มิใช่บุตรในอุทรก็ตามที

    “ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวจางนะคะน้องลี”

    อายูมิเอ่ยด้วยรอยยิ้มใส่รูปถ่ายของเด็กน้อยที่จางเหวินส่งมาให้ผ่านทาง e-mail นับจากนี้อีก 1 อาทิตย์ เด็กหญิงรมย์ชลี บริรักษ์นุกุลจะเปลี่ยนเป็น รมย์ชลี จาง บุตรสาวของอายูมิและจางเหวินอย่างสมบูรณ์


    ---------------------------------------------------  --------------------------------------------------------

       เปิดให้สั่งจองนิยายเรื่อง "ฤาสวรรค์สาป" แล้วนะคะ

    รายละเอียดตามภาพ กรุณาอ่านให้ครบนะคะ   

    ราคาปกติ 420- 
    ราคาจองเหลือ 390บาท ส่งฟรีลงทะเบียน!!!

    เปิดจองวันนี้ 4/9/2557 - 4/10/2557
    จัดส่งไม่เกิน 24 ตุลาคม 2557

    โอนเงินมาที่
    ธ.ไทยพาณิชย์ 5432305678
    สุวิมล ถาวร

    แล้วเมล์รายละเอียด วันเวลาที่ทำรายการ+ชื่อที่อยู่
    ทาง sweet_berryii@hotmail.com

    *** พิมพ์ตามจำนวนยอดจองเท่านั้นค่ะ ***


    หรือถ้าใครอดใจรอแบบรูปเล่มไม่ไหว แนะนำ E-book ตามลิงก์ด้านล่างนี้ค่ะ
    http://www.hytexts.com/ebook/book/B003147

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×