คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ครอบครัวใหม่
ครอบครัวใหม่
ไม่ไหวแล้ว
โทโอรุคนสนิทของทาคามุระ เรียวอิจิที่ปาชูริเคนใส่จางเหวินคิด ยิ่งได้เห็นตากลมโตของเด็กน้อยที่กอดคอจางเหวินแน่นพร้อมทั้งเอ่ยข่มขู่เขานั้นมันกำลังทำให้โทโอรุหมดความอดทน ริมฝีปากสีสดยกขึ้นคล้ายจะแย้มยิ้มแต่ถึงกระนั้นการได้จ้องตาแม่หนูคนนี้มันก็สนุกดี
ขู่ฟ่ออย่างกะลูกแมวตัวเล็กขนฟู น่ากลัวตายล่ะ!
“อย่ามองน้องลีกับอาป๊าแบบนั้นนะ!”
รมย์ชลีตวาดแว้ดเป็นภาษาไทยใส่โทโอรุอย่างลืมตัว
“น้องลี...”
จางเหวินเอ่ยเตือนเสียงอ่อย และเป็นถังหย่งคังที่เป็นคนแก้สถานการณ์โดยการเอ่ยเตือนสติเด็กน้อยด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ
“เลิกเกาะคออาเหวินแล้วลงมายืนได้แล้ว หากอยากจะสู้กับใครเราต้องลุกขึ้นยืนด้วยตัวของเราเองให้ได้เสียก่อน”
“ค่ะ”
เด็กหญิงพยักหน้ารับ ก่อนจะยินยอมลงจากอ้อมแขนของจางเหวินแต่โดยดี เรียวขาเล็กก้าวเดินสาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเรียวอิจิและคนสนิทด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้วี่แววถึงความขุ่นข้องหมองใจพร้อมโน้มตัวลงคำนับบุรุษทั้งสามที่สูงวัยกว่าตนเองอย่างสวยงามพลางเอ่ยขึ้นมาเป็นภาษาญี่ปุ่นสำเนียงดีว่า
“ฮาจิเมะมาชิเตะ วาตาชิวะ รมย์ชลี เดส โดโสะ โยโรชิคุโอเนะไกชิมัส” (ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ หนูชื่อรมย์ชลี ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ)
และโดยไม่รอคำตอบรับ เด็กน้อยก็ก้าวเท้าตรงเข้าหาโทโอรุอย่างรวดเร็วก่อนจะกระทืบเท้าของชายหนุ่มด้วยพละกำลังที่ตนเองมีอยู่จนสุดแรง
ผู้ใหญ่หลายๆคนอ้าปากค้างในความกล้าหาญบ้าบิ่นของเด็กน้อย ไม่เว้นแม้กระทั่งโทโอรุผู้ที่กำลังโดนประทุษร้ายรองเท้าหนังแก้วด้วยแรงของลูกมด!
นี่สะกิดกันใช่ไหม?
“นี่!สำหรับน้องลี(ที่ต้องร้องกรี๊ดๆ)” เอ่ยพลางกระทืบที่เท้าของชายหนุ่มซ้ำ “และนี่ สำหรับอาป๊า!”
ฉับพลันเป้าหมายของเด็กน้อยก็แปรเปลี่ยนพร้อมๆกับกำปั้นเล็กๆที่พุ่งเข้าชนกล่องดวงใจของอีกฝ่ายอย่างสุดแรง และหนนี้มันทำให้เขาจุก
เด็กบ้า!กล้าเล่นของสูง!
นักมวยตัวน้อยที่ได้รับการฝึกสอนโดยบิดาและพี่ชายที่ล่วงลับจ้องมองผลงานตรงหน้าอย่างพึงพอใจ เมื่อโทโอรุเคลื่อนมือลงมากุมเป้ากางเกงก่อนบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด
“เก่งเหมือนกันนี่เรา”
เป็นทาคามุระ เรียวอิจิที่เอ่ยชมในขณะที่อาป๊าตีหน้ายักษ์ใส่ด้วยความห่วงใยบุตรสาวบุญธรรม
“ไม่ดีนะคะน้องลี วันหลังหนูอยากจะตื้บใครบอกอาป๊าแทนเข้าใจไหมคะ?”
เด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างว่างง่าย ก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปหลบหลังจางเหวินตามเดิม ปล่อยให้โทโอรุเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธเคือง ในเมื่อเจ้านายยังชมแล้วเขาจะสะเหล่อด่ายัยตัวเปี๊ยกนั่นได้ยังไง
“อายุเท่าไรคะ?”
เรียวอิจิเอ่ยถามด้วยความเอ็นดู ยิ่งได้เห็นใบหน้าของเด็กน้อยชัดๆเขาก็รู้สึกถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูก ในขณะที่โทโอรุขนลุกไม่แตกต่างไปจากจางเหวินที่ได้ยินคำพูดหวานหูจากเจ้านายตนยามสนทนากับเด็กน้อย ราวกับโดนมนต์สะกด
“jussai” (สิบขวบค่ะ)
เด็กน้อยตอบอย่างฉะฉานส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร
“น้องลีอาป๊าเจ็บแผล พาป๊าไปหาหมอได้ไหมลูก”
จางเหวินเอ่ยขัด เมื่อเห็นสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจของเจ้านายยามเห็นเด็กหญิงตัวน้อยสนทนากับญาติห่างๆอย่างเรียวอิจิ และเด็กอย่างรมย์ชลีมีหรือที่จะตามเล่ห์เหลี่ยมของคนโตๆทัน ครานี้ก็เช่นกันคำตอบที่ให้แก่บิดาบุญธรรมก็คือ
“ไปซีคะ”
“งั้นไปด้วย!”
โทโอรุที่พอฟังภาษาไทยออกเอ่ยขึ้นเสียงดัง พร้อมโน้มตัวลงคำนับชายผู้มีอำนาจทั้งสองคนก่อนจะวิ่งตามไปยังทิศทางที่รมย์ชลีและจางเหวินเดินหายไป ทิ้งให้บรรดาเจ้านายสนทนากันเอง
มือเล็กๆสาละวนกับการช่วยอาป๊าล้างแผลอย่างตั้งอกตั้งใจ แม้เมื่อแรกเริ่มเดิมทีอาจางเหวินจะเป็นคนชวนให้เธอพาไปหาหมอก็ตาม แต่ตอนนี้เขากลับบอกให้เธอทำแผลให้เขาแทน ก่อนจะงัดกล่องปฐมพยาบาลหรือกล่องเครื่องมือแพทย์เธอก็ไม่ทราบได้เพราะในนั้นมีเครื่องมือเยอะเหลือเกิน ไม่เว้นแม้กระทั่งเข็มฉีดยา
“พอแล้วค่ะ พันแผลให้กันขนาดนี้ อาป๊าว่าต่อให้ใครปาชูริเคนมามันก็คงไม่เข้าแถมยังกระเด้งกลับ”
สิ้นเสียงทุ้มนุ่มของจางเหวินเขาก็ได้เห็นเด็กน้อยส่งค้อนให้เขาวงโตก่อนจะปล่อยมือที่จับบริเวณแผลที่ถูกผ้าพันไว้จนพองอย่างไม่ไยดี
“อาจางเหวินใจร้าย!” เด็กน้อยว่าเข้าให้
“อ้าว! เมื่อกี้เรียกอาป๊า ตอนนี้เรียกอาเฉยๆได้ไงกันล่ะ ฮืม?”
“คุณพ่อไม่เคยบ่นเวลาน้องลีทำแผลให้นี่”
เอ่ยเสียงแผ่วอย่างคนขี้น้อยใจ ตากลมโตเริ่มเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ จนจางเหวินต้องรีบเอ่ยปลอบใจเด็กน้อยอย่างลุกลี้ลุกลน
“โอ๋ๆ อาป๊าขอโทษค่ะ”
เอ่ยปลอบประโลมพร้อมทั้งลูบศีรษะที่มีกลุ่มผมสีดำยาวสยายอย่างแผ่วเบาจนเหตุการณ์ระหว่างชายหนุ่มกับเด็กน้อยน่าจะเป็นไปด้วยดีหากไม่มีเสียงๆหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“เด็กขี้แย ยัยลูกแหง่ตัวกะเปี๊ยก!”
“ปากหมา!”
“โอ๊ะ!”
เป็นจางเหวินที่อุทานออกมาหลังจากได้ยินคำพูดที่ไม่น่าจะออกจากริมฝีปากจิ้มลิ้มของรมย์ชลีที่เอ่ยต่อว่าโทโอรุทันควันเช่นนั้น ในขณะที่คนโดนต่อว่ากลับส่งเสียงหัวเราะในลำคออย่างไม่แยแสต่อถ้อยคำบริภาษอันแสบสันของเด็กหญิงเลยสักนิด
“เก่งให้ได้ตลอดนะหนูน้อย”
“อันนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว” ยืดตัวขึ้นกอดอกตอบรับอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะโอ่ต่อไปอีกว่า “คุณอาสอนไว้ว่า หากอยากจะสู้กับใครเราต้องลุกขึ้นยืนด้วยตัวของเราเองให้ได้เสียก่อน แต่ถ้าสู้ไม่ไหวแล้วค่อยวิ่งไปหลบข้างหลังแล้วให้อาป๊าจัดการอีกที”
อันนี้น้องลีต่อเติมเอาเอง
“ตามมาทำไมฮึโทรุ หรือแกอยากกินอุ้งตีนหมี?”
จางเหวินเอ่ยถามพลางเน้นความนัยที่รู้กันในขณะที่อีกฝ่ายกลับยักไหล่ด้วยท่าทางยียวน
“เห็นแต่ตีนหมา ไม่น่ากลัวเท่าไร”
“ว่าตัวเองก็เป็นด้วย” เด็กน้อยยกมือขึ้นป้องปากกระซิบกระซาบกับจางเหวินแต่น้ำเสียงไม่ได้ลดระดับเดซิเบลลงเท่าไรนัก
“อย่าสนใจเลยลูก เดี๋ยวอาป๊าเตะปากมันให้เอง”
คุณพ่อมือใหม่เอ่ยเอาใจบุตรสาวด้วยใบหน้าจริงจังขึงขัง เสียจนเด็กน้อยอดเดินเข้ามาโอบกอดชายหนุ่มไม่ได้ แต่ก็ไม่วายเสริมต่อให้อีกว่า
“เอาให้กินเผ็ดไม่ได้เลยนะคะ โทษฐานที่เขาทำให้มืออาป๊ามีแผล ต้องเอาคืนให้หนักจัดไปให้สาสม!”
จางเหวินพยักหน้ารับพลางขยิบตาให้เด็กน้อยอย่างขี้เล่น แม้รมย์ชลีจะมีอายุถึง 10 ปี แต่ทางด้านร่างกายกลับดูบอบบาง กะทัดรัดน่าทะนุถนอมไม่ต่างจากเด็กอายุ 6-7 ปีที่เขาเคยเห็น ดังนั้นการให้ความสนิทใจแก่เด็กหญิงคนนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก
“ฉันเพิ่งรู้นะอาเหวิน ว่าเดี๋ยวนี้แกกลายร่างเป็นพวก...” เอ่ยขึ้นมาอย่างยียวนก่อนจะลากเสียงยานคาง “พ่อลูกอ่อน?”
มือหนาของผู้ที่ถูกกล่าวถึงเอื้อมขึ้นสัมผัสศีรษะเด็กน้อยอย่างเอ็นดูพร้อมทั้งเอ่ยกับรมย์ชลีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแกมสั่งว่า
“ไปหลบอยู่หน้าประตูนะลูก เดี๋ยวป๊าจะเตะปากหมา เอ้ย!ปากคนให้”
“ค่ะ”
รับคำพร้อมทั้งพยักหน้า ก่อนจะวิ่งปรู๊ปร๊าดไปยังหน้าประตูห้องพยาบาลอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายสั่งเป็นรอบที่สอง แต่ก็ไม่วายเอ่ยกำชับกับบิดาบุญธรรมด้วยเสียงใสๆนั้นว่า
“อย่าให้ถึงกับตายนะคะ เอาแค่มีลูกไม่ได้ก็พอ คุณพ่อน้องลีสอนไว้ว่าผู้ชายหากมีลูกไม่ได้ก็อยากตายอย่างเดียว!”
สิ้นเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อย การต่อสู้ของชายหนุ่มทั้งสองคนภายในห้องจึงเริ่มขึ้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง สำหรับจางเหวิน โทโอรุและเจ้านายของมันนั้นเปรียบดั่งไม้เบื่อไม้เมาของเขาและนายท่านมาเนิ่นนาน และแน่นอนว่าโดยส่วนตัวแล้วเขากับโทโอรุมักจะมีเรื่องให้ ปะฉะดะ กันบ่อยมากที่สุด
และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้เขาหวาดกลัวยามได้เผชิญหน้ากับเรียวอิจิก่อนหน้านี้ ด้วยกลัวเหลือเกินว่ารมย์ชลีอาจจะเจอลูกหลงเข้าโดยไม่รู้ตัว
พลั่ก! หมัดขวาของจางเหวินซัดเข้าที่ใบหน้าซีกขวาของโทโอรุเข้าอย่างจังในขณะที่อีกฝ่ายก็สวนกลับเข้าที่บริเวณหน้าท้อง รองเท้าหนังแก้วสีดำมันปลาบของโทโอรุถูกเจ้าของเหวี่ยงขาขึ้นหมายจะฟาดต้นคอคู่ต่อสู้เพื่อเอาชนะและกลับต้องปะทะกับต้นแขนแข็งแรงของจางเหวินที่ยกขึ้นตั้งการ์ดอย่างรู้ทันก่อนจะเหวี่ยงกำปั้นเข้าหาริมฝีปากสีสดของชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นจนสุดแรง
การต่อสู้ของทั้งสองในสายตาของรมย์ชลีนั้นเป็นอะไรที่ ดุ เดือด เลือดผล่าน เหมือนกับที่เคยเห็นทางจอทีวีบ่อยๆยามดูละครของBBCกับบิดาและพี่ชาย แต่ภาพตรงหน้านั้นเป็นอะไรที่โหดร้ายยิ่งกว่า เพราะซาวด์เอฟเฟ็คและสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คที่แถมท้ายด้วยเลือดสีแดงฉานนั่นเป็นของจริง แสตนอินตกงานอย่างแน่นอน!
“เล่นกันพอหรือยัง?”
เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยถาม ส่งผลให้การต่อสู้ของสองหนุ่มหยุดลง มือข้างขวาของโทโอรุชะงักค้างอยู่กลางอากาศในขณะที่เท้าข้างขวาของจางเหวินที่หมายจะสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายก็หยุดชะงักกลางคันเช่นกัน ร่างสูงของบุรุษผู้ได้รับสมญาณามว่าพญามังกรแห่งถังก้าวเข้ามาภายในห้องพยาบาลด้วยท่วงท่าสง่างามนั้นสามารถสยบอารมณ์อันพลุ่งพล่านของชายหนุ่มเลือดร้อนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
“โทรุ ฉันจำได้ว่านายเป็นบอดี้การ์ดของฉันไม่ใช่หรือ?” เรียวอิจิที่ตามมาสมทบเอ่ยขึ้นกับคนสนิทของตนเอง “แล้ววันนี้นึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงได้เล่นชกมวย K-1 ให้เด็กผู้หญิงอย่างน้องลีดู”
หนังตาข้างขวาของหย่งคังกระตุกหลังสิ้นคำพูดของเรียวอิจิ
“น้องลี?”
ทั้งสองคนไปสนิทกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน มันถึงได้หาญกล้าเรียกรมย์ชลีด้วยท่าทางรักใคร่ เอ็นดูถึงเพียงนี้! คนหน้าเฉยอยู่เป็นนิจเริ่มมีใบหน้าบึ้งตึง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างน่าขันหากดวงตายาวรีสีนิลจะไม่วาววับทอประกายน่ากลัวเช่นนั้น
และนั่นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของโทโอรุไปได้ แม้เพียงเสี้ยววินาที ท้ายทอยของเขาลุกชันจนเริ่มหวั่นกลัวแทนผู้เป็นนาย ที่ยังไม่รู้สึกรู้สา เอาแต่ยิ้มเล่นหัวกับหนูน้อยตัวกะเปี๊ยกจอมปากเก่งอยู่หน้าประตู ความรับผิดชอบต่อหน้าที่เอ่อท้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ณ เวลานี้เขาควรละเว้นเรื่องบาดหมางกับจางเหวินเอาไว้เสียก่อน เมื่อความปลอดภัยของเจ้านายนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มเลือดอาทิตย์อุทัย100% จึงผละออกห่างจากคู่กรณีตรงปรี่เข้าหาร่างของเจ้านายทันที
ใครจะรู้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะคนอย่างถังหย่งคังนั้น คาดเดาได้ยากยิ่งนัก!
บรรยากาศในเมืองไทยระหว่างเรียวอิจิและถังหย่งคังเป็นเช่นไร คนทางแดนอาทิตย์อุทัยมิอาจรู้ แต่ถึงกระนั้นสำหรับอายูมิหญิงสาวเชื้อสายอเมริกัน-ญี่ปุ่น กลับตกแต่งห้องนอนภายในบ้านด้วยความอิ่มเอมใจยิ่งนัก เธอเป็นคนที่มีผิวขาวนวลเนียนและมีริมฝีปากแดงสดเหมือนชาวญี่ปุ่นทั่วไป หากดวงตากลับเป็นสีฟ้าสวยสดใส งดงามประดุจดั่งน้ำทะเลและแปลกยิ่งกว่าเดิมคือ เธอมีเรือนผมยาวสยายสีทอง
นิ้วเรียวสวยไล้ผ้าม่านสีชมพูหวานสลับขาวอย่างเผลอไผลพลางจ้องมองรอบห้องด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือการตกแต่งของตนเอง เธอแต่งงานกับจางเหวินมา 5 ปีและแน่นอนตัวเธอนั้นปรารถนาที่จะมีบุตรเป็นที่สุด หากเป็นฝ่ายสามีของเธอเองที่มักบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงด้วยคำว่า
“ผมยังไม่พร้อม”
แม้รู้ดีว่าสาเหตุที่เขาเอ่ยอ้างไม่อยากมีเจ้าตัวเล็กๆในบ้านนั้นเป็นเพราะห่วงใยในสวัสดิภาพของคนในครอบครัว แต่วันนี้เขากลับมีเซอร์ไพรส์ด้วยการโทรทางไกลมาขออนุญาติรับเด็กหญิงกำพร้าวัย 10 ขวบมาเป็นลูกบุญธรรม ภายในใจของเธอนั้นจึงสั่นรัวด้วยความยินดีและรีบตอบตกลงโดยไม่ต้องเสียเวลาทบทวน
ห้องนอนขนาด 8 เสื่อ*ทาทามิ ที่เคยถูกร้างราโดนแปลงสภาพด้วยการทาสีผนังห้องใหม่ให้เป็นสีชมพูหวานตัดกับสีครีมอย่างมีสไตล์ ดูสดใส อ่อนหวาน น่ารัก ตามที่คุณแม่คนใหม่อยากให้บุตรสาวบุญธรรมของตนเองเป็นและหวังว่าความเอาใจใส่ในการตกแต่งห้องของเธอจะสามารถสื่อให้เด็กน้อยรู้ถึงความรักที่เธอมีให้แม้มิใช่บุตรในอุทรก็ตามที
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวจางนะคะน้องลี”
อายูมิเอ่ยด้วยรอยยิ้มใส่รูปถ่ายของเด็กน้อยที่จางเหวินส่งมาให้ผ่านทาง e-mail นับจากนี้อีก 1 อาทิตย์ เด็กหญิงรมย์ชลี บริรักษ์นุกุลจะเปลี่ยนเป็น รมย์ชลี จาง บุตรสาวของอายูมิและจางเหวินอย่างสมบูรณ์
--------------------------------------------------- --------------------------------------------------------
รายละเอียดตามภาพ กรุณาอ่านให้ครบนะคะ
ราคาปกติ 420-
ราคาจองเหลือ 390- บาท ส่งฟรีลงทะเบียน!!!
เปิดจองวันนี้ 4/9/2557 - 4/10/2557
จัดส่งไม่เกิน 24 ตุลาคม 2557
โอนเงินมาที่
ธ.ไทยพาณิชย์ 5432305678
สุวิมล ถาวร
แล้วเมล์รายละเอียด วันเวลาที่ทำรายการ+ชื่อที่อยู่
ทาง sweet_berryii@hotmail.com
*** พิมพ์ตามจำนวนยอดจองเท่านั้นค่ะ ***
หรือถ้าใครอดใจรอแบบรูปเล่มไม่ไหว แนะนำ E-book ตามลิงก์ด้านล่างนี้ค่ะ
http://www.hytexts.com/ebook/book/B003147
ความคิดเห็น