ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฤาสวรรค์สาป

    ลำดับตอนที่ #7 : ซากุระไม่หวนคืน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 159
      1
      14 ก.ย. 57

    ซากุระไม่หวนคืน

     

                    ดาวเดือนเคลื่อนคล้อยตามฤดูกาล นับตั้งแต่วันที่เด็กหญิงเข้าโรงเรียนใหม่เป็นวันแรกจนกระทั่งวันนี้ ผ่านเลยมานับ 5 ปีที่วิถีชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม.

                    เปลี่ยน...จนหัวใจดวงน้อยของเด็กสาววัย 15 ปีสั่นไหวยามห่าง ไกล กับใครอีกคนที่หายลับไปจากชีวิตของเธอ

                    ดวงหน้าหวานแหงนเงยขึ้นรับอากาศเย็นพิสุทธิ์และกลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นลอยล้อตามสายลมที่พัดไหวกระทบผิวหน้า ผิวกายและเรือนผมยาวสยายจนคล้ายร่างน้อยนั้นถูกโอบอุ้มไปด้วยกลีบดอกสีชมพูเล็กๆ ราวภาพประติมากรรมที่งดงามปานนางพราย สะกดสายตาทุกคู่ให้ติดตรึงยากเกินกว่าจะละสายตา

                    พิธีเปิดปีการศึกษาใหม่เป็นอะไรที่เธอเข้าร่วมเป็นประจำอย่างแข็งขันอยู่ทุกปี แต่ปีนี้หัวใจดวงน้อยๆกลับร่ำร้องให้เธอยืนชื่นชมความงามของต้นซากุระที่สวนหลังโรงเรียนแทน

    อย่างน้อย สถานที่แห่งนี้ก็ทำให้จิตใจของเธอสงบลง แม้มันจะเป็นที่สุดท้ายที่เธอได้พบคุณอาก็ตาม

                    “ดอกซากุระสวยจังเลยค่ะคุณอา”

    รมย์ชลีในวัย 10 ปีเอ่ยกับถังหย่งคังในวันแรกที่เธอได้ก้าวเท้าเหยียบย่างเข้าสู่โรงเรียนแห่งนี้

    “รอให้ถึงเทศกาลโอฮะนะมิเสียก่อน อาสัญญาว่าจะพาน้องลีไปชมดอกซากุระบานที่นาโกย่า”

    รอยยิ้มอันงดงามปรากฎที่มุมปากของชายหนุ่มขณะเอื้อนเอ่ยคำสัญญากับเด็กหญิงที่ตอนนี้เกาะแขนเขาแน่นราวกับกลัวว่าเขาจะเลือนหาย

    “คุณอาสัญญาแล้วนะคะ!

    “ใช่ อาสัญญา...” ถังหย่งคังตอบรับเด็กน้อยพลางยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วเล็กที่ยื่นรออยู่ตรงหน้าเขา พร้อมกล่าวย้ำให้กับรอยยิ้มสดใสของเด็กหญิงร่างบางที่จ้องมองเขาอย่างตื่นเต้น “อาสัญญา รมย์ชลี”

    “แล้วคุณอาก็ไม่ทำตามสัญญา...”

    ถ้อยคำตัดพ้อดังลอดออกจากริมฝีปากสีแดงสดแผ่วเบา คล้ายกระซิบฝากไปกับสายลมให้ใครอีกคนรับรู้พร้อมทั้งหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู รินไหลลงมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว จวบจนกระทั่งกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่เธอคุ้นเคยโชยมากับสายลมจนรมย์ชลีอดไม่ได้ที่จะรีบซับน้ำตาด้วยปลายนิ้วมือ ก่อนหันไปส่งยิ้มหวานให้เจ้าของกลิ่นกายหอมกรุ่นนั้นด้วยความคาดหวัง แต่อนิจจา...

    เขาคนนั้นไม่ใช่ใครที่เธอกำลังเฝ้ารอ

    ฉับพลันรอยยิ้มสว่างไสวที่ทำเอาหัวใจของผู้มาเยือนไหวโอนเต้นไม่เป็นจังหวะกลับเลือนหายเมื่อสายตาของสาวน้อยเล็งเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ในห้วงคำนึง

    “น้ำตา ไม่เหมาะสำหรับวันแรกของการมาเรียน”

    เด็กหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยกับเธอเป็นประโยคแรกพลางยื่นผ้าเช็ดหน้าแบรนด์ดังให้

    “คะ?”

    “รับไว้ ซากุระสวยๆไม่เหมาะที่จะเคล้าไปด้วยน้ำตา”

    เขาย้ำ เมื่อเห็นเด็กสาวตรงหน้ายังมีท่าทีงุนงงพลางถือวิสาสะจับมือบางนั้นแบออกพร้อมทั้งวางผ้าเช็ดหน้าลงบนมือนิ่มก่อนเดินจากไป

    “ขอบคุณค่ะ”

    รมย์ชลีเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ในขณะที่คนกำลังเดินหันหลังให้หยุดชะงัก ยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าเธอยอมใช้ของๆเขาซับน้ำตา ด้วยหวัง ว่าเขาและเธอจะได้พบเจอกันอีกครั้งใต้ต้นซาดุระต้มเดิม เหมือนที่เคยเป็นมา

    ใช่...เหมือนที่เคยเป็นมา แม้เธอจะไม่เคยรู้ก็ตาม

                    เสียงกลุ่มคนที่เริ่มทยอยออกจากหอประชุมเสมือนสัญญาณช่วยเรียกสติของรมย์ชลีให้ออกจากภวังค์ เด็กสาวกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นพลางยกกระเป๋านักเรียนขึ้นแนบอกก่อนออกแรงวิ่งอย่างสุดแรงเกิด เพื่อที่จะได้ไปถึงห้องเรียนก่อนใคร และนั่นก็หมายถึงโอกาสอันดีที่จะได้หลีกหนีการตอบคำถามยากๆที่จะตามมาอีกด้วย

    “อรุณสวัสดิ์ลีจัง”

    มิยูกิเพื่อนสนิทของรมย์ชลีตั้งแต่สมัยเรียนประถมเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มพร้อมยกมือขึ้นโบกยามเห็นเธอวิ่งหน้าแดงเข้ามาภายในห้องเรียน

    “มิกิ ทำไมเธอ...เฮ้อ!

    เสียงหวานเอ่ยออกมาทีละคำอย่างยากเย็น ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจปล่อยวางแล้วยืดตัวตรงสูดลมหายใจเข้าลึกจนเต็มปอด ก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจออกเพื่อเอาแรง ในขณะที่เพื่อนสาวหัวเราะคิกเมื่อเห็นท่าทีของเธอ

    “มานั่งนี่ซี ฉันจองที่ไว้ให้เธอรู้ไหม” ว่าพลางตบมือลงบนโต๊ะตัวริมหน้าต่างที่อยู่ติดกันก่อนจะชี้ไปอีกตัวที่อยู่ด้านหลัง และอีกตัวที่อยู่ด้านข้างทางซ้ายมือ “ตรงนั้นของยูคิเมะ และตรงโน้น ของฮิโรชิล่ะ”

    “ขอบใจจ้ะ”

    “เหนื่อยเหรอ?”

     เอ่ยถามเมื่ออีกฝ่ายทรุดตัวลงนั่ง ดวงหน้าขาวเนียนมีเลือดสูบฉีดจนแดงระเรื่อ

    “อื้อ”

    “เอาน้ำไปกินก่อนซี”กล่าวพลางยื่นขวดน้ำแร่ในช่องเก็บของส่งให้

    “ขอบใจจ้ะ” รมย์ชลีรับมาดื่มทันทีอย่างกระหายก่อนจะเอ่ยถามคำถามที่ค้างคาใจ “เธอไม่ไปเข้าร่วมพิธีเหรอ?”

    “ไม่!

    เสียงใสตอบอย่างร่าเริงก่อนจะส่งยิ้มล้อเลียนให้เพื่อนสนิทที่มีสีหน้างุนงง

    “ถ้าฉันไปก็อดเห็นชอตเด็ดน่ะซี ใครก็ไม่รู้ไปยืนร้องไห้ขี้มูกโป่งใต้ต้นซากุระจนมีหนุ่มรูปงามใจดีเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้ น่าอิจฉาเนอะ”

    “เธอเห็น?”

    เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนเพื่อนสนิทอย่างมิยูกิจับกระแสเสียงที่แฝงความนัยนั้นได้ จึงอดไม่ได้ที่จะถามกลับด้วยความห่วงใย

    “ยังคิดถึงเขาอยู่อีกเหรอ?”

    อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจก่อนตัดสินใจเอ่ยออกมา

    “ถ้าฉันบอกว่าใช่ เธอจะหาว่าฉันโง่ไหมมิกิ”

    “ไม่หรอก แต่ฟังฉันนะน้องลี เรื่องนี้มัน...”

    “เฮ้!รมย์ชลี...มิกิ!

    เป็นมิยาโมโตะ ฮิโรชิที่เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียงดังพร้อมทั้งเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆที่ตอนนี้เริ่มพากันเข้ามาในห้องเรียน เรื่องที่ทั้งสองคนคุยค้างจึงมีอันต้องจบไปโดยปริยาย

                    “ทายซิว่าอาจารย์ประจำชั้นเราเป็นใคร?”

    “ทาเคดะเหรอ?” มิกิเริ่ม

    “ไม่ใช่..”

    “งั้น อาจารย์ฮอนดะ” รมย์ชลีตอบบ้าง ในขณะที่ฮิโรชิส่ายศีรษะอีกครั้งก่อนจะลากเก้าอี้เข้ามาประชิดและทรุดตัวลงนั่ง “ไม่ใช่หรอก อาจารย์เข้าใหม่น่ะ สวยเช้งเลย!ไม่เชื่อถามยูคิดูสิ”

    “จริงเหรอยูคิเมะ?”

    “จริง! อาจารย์ใหม่นะ เธอสวย หรู เลิศ อลังการไปเลยละ”

    ยูคิเมะเน้นย้ำทีละคำพลางวาดมือปัดผมสะบัดขึ้นไปในอากาศด้วยท่วงท่าราวกับนางพญา “แบรนด์เนมทั้งชุด! หน้าอกตึงเปรี๊ยะ!จนไอ้บ้าแถวนี้มันเกือบทำน้ำลายไหลเลยล่ะ”

                    ไอ้บ้าแถวนี้สะดุ้งเฮือกหันไปส่งสายตาวาววับให้ยูคิเมะเพียงนิดก่อนจะส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้มิยูกิอย่างประจบ

    “ยูคิเขาหมายถึงพวกผู้ชายในห้องน่ะ ถึงยังไงฉันก็รักเธอคนเดียวนะมิกิ”

    “แหวะ!!!

    อีกสามสาวพากันประสานเสียงอย่างนึกขันกับอาการหมาหยอกไก่ของฮิโรชิก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกันทั้งสี่คนอย่างร่าเริง การสนทนาหัวข้ออาจารย์คนใหม่ยังคงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน เหตุเพราะข่าวสารที่ฮิโรชิและมิยูกิได้รับรู้นั้นออกแนว รู้ลึก รู้จริง ขนาดชมรมหนังสือพิมพ์ของโรงเรียนยังอาย และน่าใจหายยิ่งกว่านั้น เมื่อคำบอกเล่าของยูคิเมะส่งผลให้รมย์ชลีรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ

    “อาจารย์ซาโยโกะเป็นถึงหลานเจ้าของโรงเรียนแหละ แถมเขายังลือกันอีกว่าคุณหนูตระกูลโฮโจอย่างอาจารย์ซาโยโกะกำลังจะเข้าพิธีดูตัวกับคุณชายใหญ่ตระกูลซานาดะล่ะ!

    ปัง! ขวดน้ำที่อยู่ในมือรมย์ชลีล่วงลงสู่พื้น รอยยิ้มที่อยู่บนดวงหน้าหวานเหือดหายไปพร้อมกับสีเลือดที่สูบฉีดบนใบหน้าจนมันขาวซีดอย่างน่ากลัว คุณชายตระกูลซานาดะ ตระกูลคุณแม่ของคุณอา แล้วคนที่อาจารย์ซาโยโกะกำลังจะดูตัวคงเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่คนที่ชื่อ ถังหย่งคัง

    คุณอาใจร้ายสิ้นดี!

    “น้องลี...”

    มิยูกิเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทพลางกุมมือบางนั้นไว้อย่างอ่อนโยนเพื่อเป็นกำลังใจ และช่วยเรียกสติของคนที่ตอนนี้หน้าขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษจนกลัวเหลือเกินว่าเพื่อนเธออาจจะอยู่ในอาการช๊อค ท่ามกลางความงุนงงของฮิโรชิและยูคิเมะที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกและความผูกพันของรมย์ชลีที่มีต่อถังหย่งคัง

    ทั้งสองรับรู้แค่ว่ารมย์ชลีเป็นลูกบุญธรรมของชายชาวจีนที่มีนามสกุลว่าจางและเป็นมือขวาของผู้มีอิทธิพลท่านหนึ่งเท่านั้นเอง

    ซึ่งแตกต่างจากเพื่อนสนิทอย่างมิยูกิอย่างสิ้นเชิงที่ถึงแม้จะอยู่กลุ่มเดียวกันแต่เธอก็รู้เรื่องมากกว่านั้น

    อาจเป็นความถูกชะตาและนิสัยใจคอที่เข้าและยอมรับกันได้  จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่เคยมีความลับต่อกันไม่เว้นแม้กระทั่งความรู้สึกนึกคิดของรมย์ชลี เด็กหญิงตัวเล็กที่จากบ้านเกิดเมืองนอนและกำพร้าครอบครัวที่แท้จริงจากเมืองไทยเมื่อครั้งที่มีอายุเพียง 10 ปี เดินทางสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัย แล้วไยชายคนนั้นจึงต้องห่างเหินเพื่อนของเธอไปอย่างไม่หวนคืนเช่นนี้เล่า เธอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน...

    เสียงพูดคุยภายในห้องเรียนเงียบกริบดั่งต้องมนต์สะกดเมื่ออาจารย์ประจำชั้นคนใหม่ที่ถูกกล่าวถึงเยื้องกรายเข้ามาภายในห้องด้วยท่วงท่าสง่างามดุจนางพญา  ซาโยโกะเป็นที่สุดของสัญลักษณ์แห่งความเป็นหญิง เธอมีใบหน้างดงามราวเทพธิดา ทรวดทรงของเธอนั่นเล่าช่างอรชรอย่างยั่วยวนใจ ทั้งเอวคอดกิ่วและทรวงอกอวบอิ่มดุจรูปร่างของนาฬิกาทรายที่ไม่ว่าชายใดต่างก็ยอมสิโรราบเพียงแค่ได้พบสบตา

    คุณอาของเธอก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน แต่เธอก็ยังหวังว่า ขออย่าให้มันเป็นเช่นนั้นเลย

    “สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคน ครูชื่อโฮโจ ซาโยโกะนะคะ มาเป็นอาจารย์ประจำชั้นของปี 1/2 นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปยังไงก็...”เสียงหวานทิ้งทวนเล็กน้อยก่อนขยิบตาซ้ายให้นักเรียนภายในห้องอย่างขี้เล่น “ฝากตัวด้วยนะจ้ะ!

    เสียงโห่ฮาและเสียงปรบมือดังขึ้นทันทีที่อาจารย์สาวแสนสวยกล่าวจบ ก่อนจะเงียบกริบด้วยความแปลกใจระคนตกใจเมื่อคุณครูประจำชั้นคนใหม่เอ่ยถามถึงรมย์ชลี

    “คนไหนชื่อรมย์ชลีจาง จ้ะ?”

    “หนูค่ะ”

    เด็กสาวขานรับเสียงแผ่วด้วยความประหลาดใจพลางยกมือขึ้นสูง ในเมื่อวันนี้เปิดการศึกษาเป็นวันแรก อาจารย์ใหม่อย่างครูซาโยโกะไม่น่าจะถามถึงเธอหรือรู้ชื่อของเธอได้

                    เรือนร่างระหงเคลื่อนกายเข้าหาเธออย่างเชื่องช้า ประดุจนางสิงห์เตรียมเข้าจู่โจมขย้ำเหยื่อ ตากลมโตของอาจารย์คนใหม่เปล่งประกายแรงกล้าอย่างน่ากลัว เมื่อความนัยในนั้นมันคือ ความเกลียดชัง!

     ริมฝีปากอิ่มสีชมพูเข้มจ่ออยู่ข้างใบหูของรมย์ชลีพลางเอื้อนเอ่ยถ้อยคำอย่างแผ่วเบา แต่ดังก้องซ้ำๆกันอยู่ในโสตประสาทของเธอตลอดไป ราวกับย้ำในหัวใจของตนเองว่า ไร้ซึ่งสิทธิ์และเสียงที่จะเกี่ยวพันแม้ความทรงจำก็ไม่เหลือค่าอันใด ก่อนร่างงามจะผละเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้แต่ความทุกข์ทรมานที่ฉายชัดอยู่บนดวงหน้าขาวซีดของเด็กสาวพร้อมทั้งน้ำตาที่รินไหลออกมา

    “ลีจัง!!”สามเสียงประสานกันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรีบแย่งกันเอ่ยถามเธอดังลั่นด้วยความห่วงใย

    “อาจารย์เขาพูดอะไรกับเธอ?”

    “น้องลี เป็นอะไรไป”

    “เฮ้! อย่าร้องไห้ซี”

    ฮิโรชิเอ่ยพลางซับน้ำตาให้เพื่อนด้วยปลายนิ้ว โดยหารู้ไม่ว่านั่นเสมือนเป็นการกระทำที่ซ้ำรอยกับใครอีกคนที่เธอนึกถึงเขาเสมอมา

    “ฉันอยากกลับบ้าน...”

    ริมฝีปากสีแดงสดราวลูกเชอร์รี่เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากเหตุเพราะมันคั่นไปด้วยเสียงสะอื้นไห้ แต่ถึงกระนั้นเพื่อนสนิททั้งสามคนต่างก็ยอมทำตามใจเธอแต่โดยดี เพราะมันน้อยครั้งนักที่จะเห็นอาการตื่นตะลึงและเศร้าโศกเสียใจถึงขนาดนี้ของรมย์ชลี

                    ทั้งสามช่วยกันเก็บของใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมที่จะเก็บข้าวของของรมย์ชลีมาด้วย ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไปท่ามกลางความงุนงงของใครหลายคนภายในห้องเรียน

    “สี่คนนั้นมันโดดกันตั้งแต่เช้าวันแรก พรุ่งนี้ไม่ใครก็ใครคงได้เจอดี”

    นั่นคือคำพูดของหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นที่ดังแว่วมา แต่ใครจะไปสนล่ะ! ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องรีบพารมย์ชลีออกจากโรงเรียนและตรงไปสู่บ้านครอบครัวจางให้ไวที่สุด ก่อนคนหน้าซีดจะเป็นลมล้มลงไปจริงๆ

    “เธอบอกฉันได้ไหม ว่าอาจารย์ซาโยโกะเขาพูดอะไรกับเธอ”

    มิยูกิเอ่ยถามเพื่อนสนิทระหว่างที่รอฮิโรชิโบกรถเรียกแท็กซี่ แต่คำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิม คือ อาการส่ายหน้าจนเส้นผมกระจายของแม่ร่างบาง

    ฉันจะบอกเธอได้ยังไงมิกิ เมื่อคำพูดของผู้หญิงคนนั้นมันช่างทำร้ายจิตใจของฉันเหลือเกิน

    “เป็นแค่เด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยงอย่าได้คาดหวังอะไรมากนัก ของขวัญที่เธอคอยส่งไปให้เขาน่ะ มีที่เดียวที่มันจะอยู่นั่นคือในถังขยะแค่ความเอ็นดูเล็กๆน้อยๆที่เขาเคยมีให้ต่อเธออย่าได้ตีความไปผิดๆล่ะ ครูไม่อยากเห็นลูกศิษย์เสียใจ อ้อ!แล้วก็อย่าได้ห่วงไปนะจ้ะว่าใครจะคอยดูแลเขาเพราะต่อไปนี้คุณอาของเธอจะมีครูคอยดูแล เทคแคร์เขาตลอดเวลา ทั้งวัน...ทั้งคืนเลยล่ะหากเขาต้องการ...”

    “พวกเรา! รถมาแล้วขึ้นรถเร็ว!

    ฮิโรชิตะโกนเรียกเพื่อนๆในขณะที่มิยูกิและยูคิเมะต่างพากันกึ่งลากกึ่งจูงรมย์ชลีให้เดินตามมา

                    หมดสิ้นแล้วสายไยผูกพันระหว่างเรา นี่คือสาเหตุที่คุณอาไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับน้องลีใช่ไหมคะ? เพราะคุณอามีคนสำคัญเข้ามาในชีวิต น้องลีจึงไม่ควรพบเจอคุณอาอีกต่อไป เปรียบดั่งดอกซากุระที่หลุดออกจากกิ่งก้านของลำต้นแล้วไม่อาจหวนคืน เหมือนความสัมพันธุ์ดีๆของเราสองคน

    น้องลีจะยอมเข้าใจและยอมรับมันค่ะหากคุณอาต้องการให้เป็นเช่นนั้น น้องลีจะลืมคุณอาให้หมดไปจากหัวใจ แม้มันอาจต้องใช้เวลานานเพียงใด แต่น้องลีขอสัญญาว่าจะลืมมันให้ได้ น้องลีขอสาบานด้วยเกียรติของบริรักษ์นุกุล!!


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

                    เปิดให้สั่งจองนิยายเรื่อง "ฤาสวรรค์สาป" แล้วนะคะ

    รายละเอียดตามภาพ กรุณาอ่านให้ครบนะคะ   

    ราคาปกติ 420- 
    ราคาจองเหลือ 390บาท ส่งฟรีลงทะเบียน!!!

    เปิดจองวันนี้ 4/9/2557 - 4/10/2557
    จัดส่งไม่เกิน 24 ตุลาคม 2557

    โอนเงินมาที่
    ธ.ไทยพาณิชย์ 5432305678
    สุวิมล ถาวร

    แล้วเมล์รายละเอียด วันเวลาที่ทำรายการ+ชื่อที่อยู่
    ทาง sweet_berryii@hotmail.com

    *** พิมพ์ตามจำนวนยอดจองเท่านั้นค่ะ ***

    หรือถ้าใครอดใจรอแบบรูปเล่มไม่ไหว แนะนำ E-book ตามลิงก์ด้านล่างนี้ค่ะ

    http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NToiMjY3MDEiO3M6NzoiYm9va19pZCI7czo1OiIxNjA2OSI7fQ

    และที่นี่ค่ะ

    http://www.hytexts.com/ebook/book/B003147


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×