คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : [LF 2PM]MY DARE DEVIL ปีศาจที่รัก PART 32
MY DARE DEVIL
Part 32
แกร๊ง!!!
เสียงเหล็กคมกล้าปะทะกันจนเกิดเป็นเสก็ดไฟเล็กๆ ด้วยความรุนแรงของการลงดาบนั้นเอง หากไม่ทันไร..มันกลับห่างกันออกไปอีกแล้วจึงกลับมาปะทะกันอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว
“ยังเร็วไม่พอ!! ต้องเร็วกว่านี้!!”เสียงตะโกนก้องแทบจะทำเอาผืนดินสะเทือน เจ้าของเสียงฟาดดาบยาวของตนเองลงอย่างแรงจนคนที่ตั้งการ์ดรับถึงกับย่อตัวลงรับพลังอันมหาศาล
“อ่อนปวกเปียก!!!”ร่างสูงใหญ่ในชาตินักรบ กล่าวเสียงลั่น ชายหนุ่มพลิกตัวหลบคมดาบราวกับสายตาของเขาจับจ้องปลายแหลมนั้นอยู่ตลอด หากไม่ชั่วขณะที่คู่ดาบกระพริบตา
เท้าใหญ่ยันเข้าที่ช่วงหลังของผู้ประมือ จนอีกคนถลาแล้วจึงวิ่งเข้าหาทันที..หากอีกคนกลับไม่ยอมศิโรราบ เขากลับม้วนตัวเพื่อขึ้นมาอยู่ในท่าเตรียมรับดาบคมที่วิ่งเข้าใส่ได้อย่างเฉียดฉิว
เคร้ง!!!!
“กระหม่อมว่าพระองค์ เล่นแรงไปแล้วกระมัง”เสียงหยอกเอินที่เจือแววเหนื่อยล้าบอกออกมาหากกลับได้สายตาดุดันสีชาดเป็นการตอบแทน
“น้อยไปด้วยซ้ำ อย่ามาพูดมาก หากขืนเจ้าที่เป็นราชเลขาฯยังอ่อนหัดเพียงนี้ กองกำลังข้าคงได้นุ่งซิ่นแทนสตรีเพศกันหมด”ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามทำเอาอีกคนฮึดสู้ รวบรวมแรงที่มีผลักตัวของเจ้าเหนือหัวออก
“แรงเจ้ามีแค่นี้หรือ..เข้ามา!!!”สิ้นเสียงของชานซองจึงเกิดเป็นเสียงฟ้าครามดังแว่วมาให้ได้ยิน นั้นก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอะไร หากไอร้อนหนาวของไฟสีดำที่แผ่ออกจากร่างกายของชานซองต่างหากที่น่ากลัวกว่า
ดาบตวัดผ่านอากาศยังคงดังกึดก้องไปทั่วอีกครั้ง ทหารหาญน้อยใหญ่รายล้อมต่างนิ่งเงียบเสียราวกับไม่มีตัวตน ประหนึ่งมีเพียงสองบุคคลที่ประดาบกันเท่านั้น
ปลายคมกริบตวัดผ่านโหนกแก้มของชายหนุ่ม บาดเอาผิวภายนอกออกจนเกิดเป็นแผลเล็ก ที่มีเลือดไหลซึมออกมา หากเจ้าตัวกลับยกยิ้มอย่างพอใจ เจ้าแห่งความตายกระหายเลือด เจ้าตัวเเพียงแค่กระพริบตาครั้งเดียวมันจึงเปลี่ยนนัยตาสีรัตติกาลให้เป็นสีชาตได้อย่างรวดเร็ว
กลิ่นไอที่ที่ทำให้ชวนหนาวยะเยือกพวงพุ่งออกมา จนคนที่ไม่อยู่ในสนามนั้นยังสัมผัสได้ บางตาถึงกับยกมือข้นจับที่หัวใจของตัวเองเมื่อรู้สึกเสียดเข้าไปในอก
ร่างกำยำควงดาบด้วยมือข้างเดียว ใบหน้าไม่ได้มีความโกรธหากเป็นรอยยิ้มที่ดูก็รู้ว่ากำลังนึกสนุกมากขึ้น เสื้อเกราะที่สวมใส่อยู่ถูกเจ้าตัวเขวี้ยงออกจากตัว เผยแผ่นอกแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามชุ่มเหงื่อ
ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นชานซองพุ่งตัวอีกครั้งฟาดดาบลงไปกระทบที่สันของจุนซูอีกครั้ง แรงมหาศาลกดให้ราชเลขาหนุ่มต้องทรุดเข่าลงนั่ง หากกลับรวบรวมกำลังดันออกให้พ้นตัว ก่อนที่จะโดนไล่ต้อนฟาดฟัน จนถึงกับต้องม้วนตัวหนีดาบที่ตัดปลายผมสั้นที่ข้างหู
ใจชักเริ่มกลัว..หากพลาดเพียงแค่มิลลิเมตรเดียว หมายถึงเขาอาจเจ็บหนัก หรือดับไขไปเลยก็ได้ แม้นี่จะเป็นเพียงแค่การซ้อมดาบหากมองจากการกระทำที่เอาจริงของนายเหนือหัวแล้วท่าทางจะไม่เล่นแล้วจริงๆ
เผลอคิดแค่เพียงเสี้ยววินาที เท้าใหญ่กลับเตะเข้าที่ชายโครงจนอีกคนร้องอั่กออกมาก่อนทรุดตัวลงทันทีตามด้วยเท้าใหญ่ที่เหยียบหน้าอกเขาไว้ ดวงตาเล็กของตนเบิกว้างขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นเป็นดาบที่กำลังปักลงมาที่ราวกับภาพตรงหน้าถูกทำให้ช้าลงและมันกลับมาหยุดลงตรงอกของเขาพอดี
“ฮึ..ในสนามรบ เขาห้ามคิดเรื่องอะไรทั้งนั้นเข้าใจไหม..แค่เสี้ยววินาทีเดียว หัวจะหลุดจากบ่าเอา..”ชานซองก้มลงมองหน้าคนใต้ฝ่าเท้าที่นอนแผ่อย่างหมดท่า
เอ่ยปากสอนคำด้วยแววตาจริงจัง ดวงตาสีแดงคืนสภาพกลับเป็นสีนิลกาลเฉกเช่นที่มันควรเป็น
“จำไว้..อีกเพียงสองราตรีกาลที่กำลังเคลื่อนมา จักเป็นวันที่เจ้าต้องสละเลือดสละเนื้อเพื่อข้า ในสนามรบพวกเจ้าไม่มีเวลาคิดในสนามรบมิมีคำว่าปราณี ไม่มีคำว่าอาทรณ์ ไม่มีคำว่าเพี้ยงพร้ำไป จงจำวาจาสิทธิ์ของข้าให้จงดี หากมิมีลมหายใจรอดกลับมา..ข้าขอสาบาน จะไม่ละทิ้งบุคคลอันเป็นที่รักที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง..” ชายหนุ่มตะโกนกึกก้องให้ได้ยินจะพสุธาที่เหยียบยืนสั่นไหว
“เก็บคำบอกรัก ความปรารถนาดี ความโหยหาที่จักบอกกับคนรักเอาไว้กับตัว ปิดใส่กล่องดวงใจของพวกเจ้าเอาไว้…จักนำมันกลับมาเอ่ยคำรำพรรณยามมีชีวิตรอด ท่องให้ขึ้นใจว่าต้องกลับมาให้ได้เท่านั้น!!!!!” ชานซองกำลังปลุกใจเหล่านักรบของตนเอง
เสียงคำรามลั่นของสัตว์นรกดังกึกก้องไปทั่ว เสียงคำรามรับและความภักดีนั้นสั่นสะเทือนจนอาจแตะถึงแผ่นดินของมนุษย์ ด้วยที่รวมกำลังนั้นมีเพียงหนุ่งเดียว
องค์เหนือหัวที่ถูกขานด้วยชื่อ ชานซอง อมุนราบุตรแห่งซาตาน
………………..
………….
….
“ยืนกำมือแน่นเลย..มือแดงเชียว..”ชานซองเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่ เพิ่งรู้สึกหายใจได้อย่างทั่วท้องก็ตอนนี้นี่เอง
จุนโฮอยู่ดูการประมือของบุคคลที่เขารู้จักทั้งสองมาตั้งแต่ต้น ชานซองบอกให้เขามายืนอยู่ที่ตรงนี้ทั้งๆที่ความจริงแล้วไม่ควรเลยซักนิดเดียว หลายต่อหลายครั้งที่ตนเองต้องกลั้นใจมองอย่างไม่รู้
ยิ่งตอนที่อีกคนได้รับแผลตอนนั้นยิ่งเจ็บที่ใจ ทุกปลายดาบที่ตัดเฉียดผ่านไปผ่านมานั้นราวกับตัวเขาเองกำลังโดนกรีดแทงลงที่หัวใจจนมันเป็นแผลบาดเจ็บไปหมด รู้ทั้งรู้ว่านี่คือการซ้อมเท่านั้น..
หากพลอยฟ้าพลอยฝนอดคิดไม่ได้เลยว่า..ในสนามรบคงดุเดือดยิ่งกว่านี้แน่
มือบางเอื้อมไปแตะแก้มที่มีแผลของอีกคน ดวงตาเรียวสื่ออามรมณ์กังวลชัดเจน ดวงตาใสนั้นสั่นระริกราวกับว่าแผลนั้นสร้างความเจ็บปวดมากมายหากชานซองเองกลับเจ็บที่ใจไม่แพ้กัน เขารับรู้ได้อย่างดีทุกครั้งที่ฟาดฟันดาบลงไป
เขาบอกตามตรงว่า..เขาเสียสมาธิไปมากเหลือเกินที่จุนโฮยืนอยู่ที่ตรงนี้ ยอมรับกับตนเองว่า จุนโฮทำให้เขาแรงตก ทุกครั้งที่ดาบกระทบหรือเขาเงื้อมือหมายฟาดฟันความรู้สึกของจุนโฮนั้นชัดเจนจนเข้าสะดุดร่ำไป
“ถึงอยากทำให้หลับไงเล่า..”ชานซองคว้ามืออีกคนมากดจูบที่ปลายนิ้วมือเล็ก
นี่คือการทดสอบ เขาแค่อยากรู้ว่าหากจุนโฮอยู่ตรงนี้เขาจะเป็นอย่างไร รู้ได้เลยว่าเขากังวลใจ ว้าวุ่นมากมายดังนั้นสิ่งที่คิดไว้ในตอนแรกดีที่สุดแล้วไม่อย่างนั้น..เขาคงไม่เป็นอันรบแน่นอน
“จะหลับตาลงไหมเนี่ย แค่นี้ก็สะดุ้งตั้งไม่รู้กี่ที เจ็บมากไหมครับชานซอง”อีกคนว่าเสียงสั่นราวกับจะร้องไห้
“ฮึ..แผลเท่ายุงกัดแค่นี้ ชายชาติทหารอย่างฉันน่ะ มากว่านี้ก็เคยโดนมาแล้ว..”ชานซองว่าหากคนตัวเล็กกว่ากลับจูงมือของเขาเดินมานั่งที่เก้าอี้ กล่องปฐมพยาบาลถูกวางเอาไว้อยู่แล้วที่ในเขตพื้นที่ส่วนพระองค์
จุนโฮจัดแจงเตรียมอุปกรณ์ขึ้นมาทำแผลอย่างด้วยความชำนาญ ดวงตาก็คอยสำรวจดูแผลที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้
“ตลอดระยะการศึกคงไม่มีผลชี้ชัดแน่ในวันเดียว..ฉันจะกลับมาปลุกให้นายทำแผลให้ทุกวัน..ดีไหม”ชานซองพูดเจือแววขบขันแต่อีกคนนี่หน้างอเป็นจวักไปแล้วน่ะซิ
“ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลยครับชานซอง ถ้าปลุกผมขึ้นมาแผลทุกวัน พอต้องไปนอน..ผมจะหลับลงไหม ใจร้ายจังเลยครับ”ว่าไปพลางอยากจะแกล้งทำแผลให้คนรักแรงๆแต่สุดท้ายก็ได้แต่ค่อยๆเช็ดอย่างเบามือ
เช็ดไปก็เป่าไปอย่างกับคนตัวโตหัวร้างข้างแตก ความจริงแผลนะเล็กเท่าแมวข่วน
“นี่แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น วันข้างหน้ามันคงใหญ่โตและน่ากลัวกว่านี้ นายจะรับไหวไหม หากรับไม่ไหว..ฉันจะเลือกไม่ปลุกนายขึ้..!!”
“ปลุกเถอะครับ ขอร้อง..ให้ผมตื่นขึ้นมาทำแผลให้ชานซองเถอะนะครับ ต่อให้ทรมานใจยังไงก็ดีรู้ว่าชานซองยังอยู่กับผม..”ดวงตาเล็กช้อนมองใบหน้าคมอย่างอ้อนวอน
เจ็บที่หัวใจใครจะรับผิดชอบนอกจากคนสองที่ร่วมแบ่งปันหัวใจสองดวงที่ตอนนี้รวมเป็นหนึ่งเดียว
“งั้นก็อดทนให้มาก ฉันเจ็บกายน่ะเล็กน้อยแป่บเดียวก็หาย แต่เจ็บที่ใจน่ะหายช้ากว่านัก…”ชานซองกดจูบแรงๆทีหลังมือของอีกคนส่งต่อความรักและอาทรณ์ที่มีมาก
อย่างที่เจ้าตัวลั่นวาจาเอาไว้ เขาจะไม่บอกรักจุนโฮเลยถ้าหากเขาหายไปจากศึก ปล่อยให้คำว่ารักนั้นตายไปกับตัวเขาเองเสียดีกว่า..
มันดีกว่าที่สุด…ดีกว่าการที่เขารักษาสัญญาว่าจะกลับมาหาจุนโฮอีกไม่ได้
……………….
………….
…..
เสียงกลองดังกึกก้องกังวาลทำเอาใจระทึก หัวใจดวงเล็กของจุนโฮสั่นไหวรุนแรงและบีบอัด แม้เขาจะอยู่ส่วนที่ลึกที่สุดของนรกภูมิก็ตาม หากแตรสังข์ดังบาดลึกเข้าไปถึงขั่วหัวใจของคนที่ได้ยินราวกับวามันกำลังกัดกร่อนหัวใจดวงน้อยให้แตกสลายลงอย่างช้าๆ
นางกำนัลสองคนสุดท้ายที่อยู่ถวายงานอารักษ์ขาเดินมายื่นถาดพร้อมถ้วยชาแก้มเล็กที่ใส่ของเหลวสีแดงเข้มเอาไว้จนเต็ม..จุนโฮรู้แก่ใจว่าในแก้วนั้นมีอะไร
สุธารสไวน์ที่ผสมยานอนหลับเอาไว้ถูกกำในมือแน่น..คนที่เดินมาส่งเขาเมื่อกี้คือชานซอง ไม่มีคำบอกรัก ไม่มีคำพูดหวานซึ้งอย่างที่เขาคิดเอาไว้
ของแทนใจที่เขามองให้ สร้อยดักฝัน..หวังว่ามันจะดักเอาภยันตรายทั้งหมดทั้งปวงให้มลายหายไปกับสายลม หมายว่ามันจะพัดพาความเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวงให้หายไปด้วย
สิ่งที่ได้กลับมาคือ..แหวนเล็กๆสีนิล เขาจำได้ว่าชานซองได้บอกว่า หากเมื่อมีภัยมาถึงตัวให้ถอดแล้วเหวี่ยงมันลงพื้น..เขาจำได้แค่เพียงเท่านั้น อละถูกท่องให้จำขึ้นใจ
เสียงแตรสังข์ดังอีกครั้ง..สัญญาณที่เขาจะต้องดื่มยารสหวานที่ขมในใจให้ลงคอ..มือเล็กๆของตัวเองกลับสั่นเทาขึ้นมาอย่างยากจะควบคุม พยายามบอกกับตัวเองให้ดื่มเข้าไป บังคับตัวเองให้ดิื่มเพียงแต่มันทำยากเหลือเกิน กลัวว่าถ้าหลับไปแล้วหากต้องตื่นขึ้นมาไม่เจอชานซองเขาจะทำอย่างไร
แต่คงทำตัวเป็นภาระของอีกคนไม่ได้
จุนโฮกลั้นใจ ยกยาขึ้นดื่มรวดเดียว ภาวนาต่อชานซองในตอนนี้ ก่อนทีสติจะถูกความมืดมิด เขาขอนึกถึงชานซองเป็นสิ่งสุดท้าย นึกถึงใบหน้าเป็นสิ่งสุดท้าย
ถ้าหากคนไม่มีค่าอย่างจุนโฮจะภาวนา จะขอภาวนาให้เทพแห่งชัยชนะโปรยยิ้มให้กับคนที่เขารักที หากเป็นไปได้ก็ขออย่าให้คนที่เขารักเจ็บปวดเลย..อย่าให้มีบาดแผลต้องดาบ กลับมา..แต่น้อยที่สุดไม่ว่าจะกลับมาสภาพไหน ก็ขอให้มีลมหายใจกลับมาทีเถอะนะ
จุนโฮยินดีจะดูแลคนอย่างชานซองไปตลอดนิรันดร์ หากต้องพ่ายแพ้ขอแค่ชีวิตของชานซองเอาไว้ จุนโฮจะไม่ร้องขออะไรอีก
ลาภยศ เงินทอง หรือความสุข….ขอแค่ชานซองของเขาเท่านั้นก็พอแล้ว
เมื่อความมืดมิดเข้าแทนที่…ความฝันของจุนโฮจึงถูกปลุกให้ตื่น
ภาพของชานซองในห้วงของความทรงจำ..เสียงของชานซองที่คอยพูดกับเขา..คนอย่างจุนโฮน่ะมีแค่เพียงชานซองเท่านั้นไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น และจิตใต้สำนึกก็เต็มไปด้วยความทรงจำทั้งดีทั้งร้ายของชานซอง
ขอให้เขาตื่นมาเห็นหน้าชานซองอีกซักครั้งเถอะนะ..
ไม่รู้ว่าตัวเองนอนไปนานแค่ไหน..นอนนานเท่าไหร่ ในโลกแห่งความตายเวลาที่เดินนั้นไม่สามารถกำหนดได้ว่าเชื้องช้าหรือรวดเร็ว แต่มันนานราวกับชั่วกาลป์ของจุนโฮ กว่าจะรู้ตัวอีกที เมื่อไหร่เล็กถูกแตะและเจ้าตัวกลับสะดุ้งเฮือกขึ้นมา
เมื่อดวงตาเรียวเล็กเห็นใบหน้าที่คุ้นชินเมื่อก่อนจะหลับไป..จึงผวาเข้ากอดทันที
“อ..อึก..”เสียงกลั้นเจ็บทำให้จุนโฮผงะตัวถอยหลังกลับมาทันที จึงได้มองเห็นใบหน้าคมของชานซองอย่างเต็มตา
ใบหน้าคมที่เคยสะอาดกลับมีคราบเขม่าควันดำเป็นปื่น ไหนจะบาดแผลที่หัวคิ้ว และปลายคางก็มีเลือดออก ดวงตาสีแดงคู่นั้นยังเป็นสีแดง บาดแผลบางส่วนกำลังสมานท์ตัวเองแต่บางที่กลับดูเหมือนว่ามันไม่ได้สมานเลยแม้แต่น้อย
ใจดวงเล็กแทบหยุดเต้น
“ช…ชานซอง…เจ็บมากไหม..ครับ…ฮ..ฮึก..ผ..ผม...เอายามาที..หมอหลวงอยู่ไหน..ผมจะทำแผลให้องค์เหนือ..หัว”จุนโฮตะโกนสั่งลั่นทำให้นางกำนัลรีบวิ่งไปหาสิ่งที่อีกคนต้องการ
มือเล็กที่รีบจับถอดเครื่องทรงของอีกคนออกอย่างรีบร้อนและกระวนกระวาย ทั้งที่เตรียมใจเอาไว้แต่เมื่อมาเห็นแผลที่อีกคนได้รับจริงๆกลับรับแทบไม่ไหว หัวใจเจ็บปวดราวกับเป็นผู้บาดเจ็บเสียเอง มือไม้สั่นแรงนั้นประคองเกราะหนักออกจากร่างกายเห็นแผลรอบไหม้ยาวที่ข้างแขนแล้วนึกเจ็บแทน
“เจ็บ…มาก…ร…หรือเปล่า..ครับ”จุนโฮถามเสียงสั่น ไม่กล้าสัมผัสแผลนั้นโดยตรงได้แต่ค่อยล้างน้ำลงไปอย่างเบามือ
มือแกร่งจึงเอื้อมมือมาประคองมือเล็กให้ค่อยๆล้างแผลเขาอย่างมั่นคง มุมปากยกยิ้มอ่อนๆ ใบหน้ายังคงนิ่งและมั่นคงเหมือนเมื่อตอนจากไป
“ไม่เจ็บหรอก..ไม่เจ็บเลย นี่แค่สามราตรีแรกเท่านั้นเอง..แผลแค่นี้ยังนับว่าน้อย”ชานซองบอกทำเอาจุนโฮตวัดสายตาที่เปื้อนน้ำตาขึ้นมอง
“นี่..ทำศึกติดต่อกันมาวันแล้วหรือครับ!!”จุนโฮถามด้วยความตกใจ ไม่สังเกตว่าในห้องแห่งนี้เหลือเพียงแค่เขาสองคนเท่านั้น
“มันเป็นเรื่องปรกติของสงคราม”
“แต่มันไม่ปรกติสำหรับผมเลย..”จุนโฮเอ่ยเสียงสั่นพร่ามือกำผ้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดของอีกคน เขาทำเพื่อกดแผลให้เลือดจางก่อนใส่ยาเอาไว้ รู้ว่ามันจะต้องเจ็บเป็นแน่ แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไร
จนเมื่อชานซองบีบมือน้อยเขาเอาไว้แล้วแนบริมฝีปากที่แห้งผากของเจ้าตัวลงบนหน้าผากเล็กของเขาเบาๆ สัมผัสได้เลยว่าชายหนุ่มรีบมาหาเขาเมื่อพักศึก..ไม่มีเวลาแม้แต่จะดื่มน้ำหรือทำอะไรทั้งสิ้น
เชื่อว่าอีกคนเองก็อยากมาหาเขาเป็นคนแรกเช่นกัน เหมือนที่เขาอยากตื่นมาหาชานซองให้เร็วที่สุด
“ในสนามรบนั้นฉันคิดถึงแต่หน้าของนาย คิดถึงว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาหา..อยากกอดแย่างที่ทำอยู่อย่างนี้ คิดว่าถ้านายเห็นแผลฉันคงจะร้องไห้น้ำตาท่วมแน่ๆ”ชานซองพูดติดตลกหากอีกคนกลับร้องไห้หนักกว่าเก่าเสียอีก
“จริงอย่างที่นายว่า..พอเสร็จจากการลงดาบสุดท้าย..ฉันก็มาหานายเลย มาตามที่เคยรับปากว่าแผลนี้จะให้นายเป็นคนทำ…”ชานซองจับมือที่กำผ้าเปียกเอาไว้แล้วเช็ดลงกับแผลของตัวเองทำราวกับมันไม่มีความรู้สึก
“รู้ไหม..มันไม่เจ็บหรอก เทียบไม่ได้กับสามวันที่ไม่ได้เจอกันเลย..ซักนิดเดียว”ชานซองเอ่ยบอกหากจุนโฮกลับผวาเข้ากอดรอบคอแกร่งของอีกคนเอาไว้แน่น สะอึกสะอื้นปานขาดใจ
เขาไม่มีคำพูดใดๆเลยนอกจากร้องไห้ เสียงกำศรวลอันโศกเศร้าไม่ต่างจากบทเพลงรักแสนเจ็บปวด ถ้าหากตัวเขารับบาดแผลแทนชานซองได้ล่ะก็..หากจับดาบรบเคียงบ่าของบุคคลที่เป็นที่รักได้ล่ะก็เขาจะทำหากเพียงได้ปกป้องชานซองบ้าง
“อย่าให้ต้องจับดาบเลย…จุนโฮ ถ้านายมีแม้แต่แผลเดียว..ใจฉันคงทุรนทุราย อยู่รอคอยรักษาแผลให้ฉันเถอะนะ”ชานซองใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าเล็กเบาๆ ก้มลงมองใบหน้าที่ไม่ยอมสบตาเขา
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าจุนโฮเจ็บปวดแค่ไหน ชานซองใช้หัวใจและความรู้สึกร่วมกับจุนโฮมานานมากแล้ว นายจนเขาเคยชิน เขาย่อมรู้ถึงความเจ็บปวดของจุนโฮได้ดี
เพียงแต่การที่เขาต้องเป็นหลักให้คนตัวเล็กในตอนนี้ย่อมสำคัญกว่า
“ไม่รู้ว่ามันจะจบเมื่อไหร่ แล้วทุกครั้งที่ผมตื่นมามันจะเลวร้ายมากขึ้นแค่ไหน…ผมสงสารใจตัวเอง”จุนโฮบอกพยายามกลั้นสะอื้น มือบางกลับค่อยๆหยิบยาขึ้นมาทาไปตามแผลบนตัวของชายหนุ่ม ภาใต้อ้อมกอดที่อีกคนคอยประคองตัวของเขาเอาไว้
ทำมันทั้งน้ำตาที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดไหลเลยซักนิด
ความเงียบกำลังโรยตัวลงมาอย่างเชื่องช้าและโหดร้าย ความอบอุ่นที่ทั้งสองคนกอดกันเอาไว้เท่านั้นที่มันพอจะบรรเทาความหนาวเหน็บที่กำลังก่อตัวเข้ากัดกินความรัก ความแข็งแกร่งที่ทั้งสองเพียรสร้างขึ้นมา
ทุกบาดแผล..ทุกฝีเข็มที่จุนโฮบรรจงเย็บแผลโดยมีหมอหลวงคอยกำกับ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่หยดลงต้องผิวเนื้อกายและบาดแผลฉกรรจ์ ชานซองซึมซับมันด้วยทั้งหมดที่เขามี
จำได้ดีเมื่อตอนที่เขากำลังยาตราทัพเข้าสนามรบ เสียงภาวนาของจุนโฮดังกึกก้องเข้ามาในหัวใจของเขา ทุกถ้อยความคำพูดที่พรั้งพรูเข้ามา เขาจดจำเอาไว้ในทุกๆคำ
ในสนามที่การฆ่าฟัน ชีวิตของคนที่ตายถูกคร่าไม่ต่างจากผักปลา กลิ่นคาวเลือดที่เคยคิดว่าหอมรัญจวนเมื่อครั้งเก่ากลับน่าสะอิดสะเอียนจนชวนให้นึกสำรอก
เพียงแค่คิดเอาไว้ว่าจะต้องเอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้ สามยาม สามราตรีที่จับดาบ..ไม่กิน..ไม่นอน ดื่มกินได้แต่ไอซากศพที่นอนตายเกลื่อนพื้น ไม่สู่ไออุ่นจากเนื้อกายนวลของจุนโฮซักนิดเดียว
แต่ต้องทนเพื่อกลับมาหาจุนโฮให้ได้เท่านั้น..เมื่อศัตรูล่าถอยเขาจึงรีบกลับจากที่มั่นเพื่อมาหาอีกฝ่ายทันทีที่ทำได้
“ต้องออกศึกที่ครั้งเมื่อไหร่ครับชานซอง..”จุนโฮเอ่ยปากถามเมื้อแผลสุดท้ายถูกใส่ยาพันเอาไว้เรียบร้อย ใบหน้าเล็กช้อนดวงตาเปื้อนน้ำขึ้นมองทำให้ใจแกร่งนั้นสั่นคลอนอย่างง่ายดาย สงสารคนที่รักจับใจ
“ไม่เกินรุ่นสางนี้…ก็ต้องกลับไปแล้ว..”คำพูดที่โหดร้ายนั้นทำให้จุนโฮก้มหน้าลงนิ่ง ว่าจะไม่ร้องไห้แล้วแต่น้ำตากลับไปฟังเจ้าของอย่างเขาเลย
มันยังคงไหลรินลงมาเรื่อยๆราวกับว่ามันมีมากจนไม่อาจหมดสิ้นได้เลย
ชายหนุ่มกระชับกอดอีกคนเอาไว้ให้แน่นมากขึ้น สัมผัสได้ถึงไหล่เล็กที่สั่นสะท้านเข้ามาข้างในลึกๆได้อย่างดี
“ได้โปรดกลับมานะครับ..จะเจ็บกว่านี้ก็ขอให้กลับมานะครับ..”
************************************************************************************************
TBC คนแต่งจะตายให้ได้…จะตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะพยายามมาแต่งอย่างต่อเนื่องค่ะ ใกล้แล้วๆๆๆ มันใกล้จะจบแล้วซินะ จิบิ…อ่า… ถ้าจบคงคิดถึงฟิคเรื่องนี้มากๆ และคิดว่าจะทำเล่มแน่ๆค่ะ อย่าลืมมาบอกกันนะคะว่าอยากได้ไหม..ให้ดีลงชื่อเอาไว้จะดีมากเลยค่ะ อยากนับจำนวนฝากช่วยกันรีทวิตบอกเพื่อนๆด้วยนะค้าบบบบบบบบ เพราะถ้าจำนวนน้อยคงทำไม่หวายยย
ฝากติดแท๊กซ์ #ปีศาจที่รัก บอกเรื่องฟิคกันทีนะครับ
ความคิดเห็น