คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : [LF 2PM]“MY DARE DEVIL…ปีศาจที่รัก” PART 17
Won Der.
Part 17
ถ้าคิดว่าความอึดอัดใจเป็นเรื่องน่ากระอักกระอ่วนสำหรับอี จุนโฮแล้วล่ะก็..เอาจริงๆ เทียบกับบรรยากาศมาคุในรถนี้ไม่ได้เลยซักกระผีกเดียว มันช่างเป็นความรู้สึกกลืนไม่เข้าแถมด้วยคายไม่ออกแบบจริงจังเลยล่ะ
ในเมื่อหลังจากที่เกิดการแนะนำตัวอย่างน่าใจหายจนจุนโฮเองก็ยังนึกตกใจไปด้วย ชานซองก็เริ่มมีอาการเงียบเป็นเป่าสาก ใบหน้าก็ถมึงทึงเสียจนน่าเป็นห่วง
จุนโฮไม่ได้คิดอะไรเลย นอกจากความรู้สึกของชานซองเท่านั้น
ถามตรงๆเขาเจ็บมากไหม บอกได้เลยว่าเขาเจ็บมากๆ เจ็บเสียใจมันอาจเริ่มด้านชา เพียงแต่น้ำตามันไม่ได้ไหลออกมาเท่านั้น เมื่อรู้ว่าชานซองมีความรู้สึกให้อูยองมากมายแค่ไหน เพียงแต่ในตอนนี้เขามีความรู้สึกเจ็บมากกว่านั้น มากกว่าที่จะเจ็บเพราะชานซองไม่ได้รักเขา
คือการที่เขาเห็นชานซองต้องเจ็บปวดที่มีนิชคุณเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างชานซองและอูยอง นั้นล่ะที่มำให้จุนโฮ เจ็บมากที่สุด
ตอนนั้นจุนโฮจึงทำได้เพียงเดินเข้าไปกุมมือชานซองเอาไว้..แม้ว่าไม่กี่วินาทีชานซองจะสะบัดมือเขาออกก็ตาม แต่อย่างน้อยๆเขาก็เชื่อว่าชานซองรู้อยู่แก่ใจเสมอ ว่าจะมีเขาคอยยืนอยู่ข้างหลังไม่ไปไหน
อยากให้ชายหนุ่มไม่ต้องกังวลว่าเวลาเจ็บจะมีเขาที่เจ็บมากกว่า หรือถ้าชานซองร้องไห้จะมีเขาที่เสียน้ำมากมายกว่านั้นหลายเท่านัก
“ฉันว่า…บรรยากาศมันแหม่งๆ ตัวว่าไหมอ๊ค”คนที่นั่งตีคู่กับคนชับกระซิบเสียงเบา ให้คนที่ขับรถหันมามองเขาแบบเหลือบๆ เพราะสายตายังต้องใช้มองถนนอยู่น่ะ
“เขาก็ว่าแหละปาร์ค”แทคยอนยักไหล่กลืนน้ำลายดังเอื้อก มองที่นั่งด้านหลังอย่างเงียบๆ
ตอนนี้ที่นั่งของรถตู้เล็กถูกแบ่งออกเป็นสี่ที่นั่งพอดี ซึ่งในแถวแรกเป็นทีนั่งของอูยองแะจุนโฮ โดยพ่อน้องชายตวแสบเขาน่ะนั่งติดหน้าต่างฝั่งขวาหลับน้ำลายยืดติดกระจกไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ต่างกับจุนโฮที่นั่งเงียบไม่พูดจาเหม่อมองไปยังนอกกระจกตั้งแต่ขึ้นรถ
ถัดไปถึงแถวหลัวเป็นที่นั่งของหนึ่งพญามารและหนึ่งเทพบุตร นี่ก็นั่งแยกกัน ซึ่งชานซองก็นั่งหน้าบอกบุญไม่รับหันออกนอกหน้าต่าง ในขณะเดียวกันนิชคุณก็เอาหูฟังเสียบหูพร้อมกับอ่านหนังสือไปอย่างสบายอารมณ์ซึ่งไม่เข้ากับเหตุการณ์ซักเท่าไหร่นัก
“นายว่าเรื่องนี้ใครเจ็บสุด”แจบอมเอ่ยถามพร้อมกับถอนหายใจออกมาหนัก อดรู้สึกผิดไม่ได้จริงๆ
“ฉันว่านายรู้อยู่แล้วนะแจบอม”แทคยอนเอามือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับมือเล็กของอีกคนไว้ด้วยความที่รู้ใจว่าคนตัวเล็กนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ในสมองกันแน่
เพียงแต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องคิดมากถึงขนาดนั้น เพราะอันที่จริงเขาว่าการมาเที่ยวครั้งนี้มันก็คงมีข้อดีในตัวของมันเอง อะไรๆมันอาจดีขึ้นก็ได้หลังจากการมาเที่ยวในครั้งนี้จบลง
แต่ก่อนที่มันจะจบ จุนโฮอาจจะได้เจ็บหยั่งเขียดชัวร์!!!
“อ่า…จุนโฮยา..”เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้คนที่นั่งสะดุ้งเล็กน้อย ทำให้เจ้าของชื่อต้องรีบหันหลังไปมอง..ซึ่งเป็นนิชคุณที่เรียกเขา
“ค..ครับนิชคุณ”จุนโฮเอ่ยตอบอีกคนก่อนจะเจอหนังสือที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า
“บังเอิญผมไม่ใช่คนเกาหลีแท้ๆ รากฐานผมมาจากประเทศอื่นน่ะครับ ยังไงช่วยอธิบายตรงนี้ให้ฟังทีได้ไหม”ชายหนุ่มเอามือปลดหูฟังออกข้างหนึ่ง รอฟังคำอธิบาย นขณะที่จุนโฮเองก็รับหนังสือท่องเที่ยวในมือของอีกคนมาดู
“อ่า..ความจริงนิชคุณไม่ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ได้นะครับ นี่น่ะมันแถวบ้านผม…ทะเลแถวนี้น่ะให้ผม้ป็นคนพาไปดูด้วยตาตัวเองยังได้เลย แถมตอนกลางคืนถ้าไม่รังเกียจ เดี๋ยวจะให้พี่จางฮยอกพาออกไปลองดูก็ได้นะครับ”จุนโฮแย้มยิ้มเมื่อเห็นรูปวิวทิวทัศน์แสนคุ้นตา ที่ถูกนำมาใช้เป็นภาพประกอบหนังสือ
“ได้อย่างนั้นก็ดีมากเลยครับ ผมเองก็ชอบเที่ยวแบบลุยๆอย่างนี้เหมือนกัน ไม่รังเกียจเลยซักนิดครับ ออกจะขอบคุณด้วยซ้ำไป”นิชคุณว่าก่อนพลิกหนังสือหน้าต่อไปให้อีกคนอ่าน
“เอ่อ..ได้ข่าวว่าที่นี้มีนักประพันธ์เก่งๆอยู่ด้วยนี่ครับ..ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ฝากวานให้อธิบายอีกครั้งได้ไหม”เขายิ้มดีอีกครั้ง
หนึ่งก็ว่า ข้าไม่เคยเจ็บ
สองเป็นว่า ข้าไม่ได้ปวด
สามคงว่า ข้าไม่รู้สึกเสียใจ
หากที่เหลือ คือข้าใคร่รักเจ้าเรื่อยไปจนมิรู้จักเจ็บ จักปวด จักเสียใจ
หากเป็นหนึ่ง ว่าข้าไม่รัก ข้าโกหก
หากเป็นสอง ว่าข้าไม่สน ข้าโป้ปด
หากเป็นสาม ว่าข้่าไม่ห่วงหา ข้ามดเท็จ
เพราะที่เหลือคือ ข้าแสนหลุ่มหลงเจ้ามากมาย ไม่ละไว้ซึ่งความรู้สึกทั้งปวง
“เอ่อ..นี่…มัน”จุนโฮอ่านกลอนนี้ในใจก่อนมองหน้าคนที่ยื่นหน้าหนังสือให้ คนมองจึงเห็นแค่รอยยิ้มของชายหนุ่มเท่านั้น รอยยิ้มอย่างที่รู้ทันจนน่าใจหาย
เขาไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มคนนี้จะรู้เรื่องของเขามากน้อยเท่าไหร่ เพียงแต่เขาแค่กลัว และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกเสียงออกมา แต่มีใครบางคนเองก็ได้ยินถ้อยคำนั้นผ่านความคิดอยู่เช่นกัน..
“นิชคุณ..คือผม”
“ว่าอย่างไรครับ…ผมไม่ค่อยเข้าใจ”เจา้ของใบหน้าสมบูรณ์แบบนั้นกระเซ้าอีกครั้ง พยายามต้อนให้เขาพูดราวกลับจลใจแกล้งเขาอย่างนั้นจนจุนโฮได้แต่อึกอัก
“จุนโฮมานั่งนี่!! ส่วนนาย..จะไปนั่งไหนก็ไป”เสียงทุ้มเข้มออกคำสั่งอย่างไม่พอใจ ติดออกจะอารมณ์เสียนิดๆ ขัดบรรยากาศที่ควรจะเป็นให้ไม่แย่ลงก็ดีขึ้น
จุนโฮสะดุ้งตามเสียงเรียกที่ไม่คิดว่าดังขึ้นมา ก่อนมาหน้าคนที่ทำหน้ายักษ์หน้ามาร จะกินเลือดกินเนื้อเขาอยู่เนี่ย แถมยังพูดเป็นเชิงข่มขู่ท่านเทวดาอีกคนเสียด้วย
“แต่นั่นมันที่ของคุณนิชคุณนะครับ”จุนโฮบอกเสียงมองหน้าคนดุ ที่ยังคงแอบส่งสายตาปรามๆมาว่าให้เขาเลิกพูดจนเขาต้องหดคอกลับที่เดิม
เขาก็แค่บอกเฉยๆ ทำไมต้องทำหน้าตาโหดใส่ด้วยล่ะ จะให้แลกที่กับคุณเขาก็ไม่ใช่เรื่องนี่ครับมันเสียมารยาทมากๆเลยนะนั้นน่ะ
“หยุดต่อว่าในใจด้วย!!! บอกให้มาก็มา อย่าให้ต้องพูดซ้ำสอง”ชานซองกดเสียงหนักมากขึ้นทำเอาจุนโฮหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว เลยได้แต่ส่งสายตาหงอยๆไปหานิชคุณที่ยิ้มอ่อนรอท่าเอาไว้แล้ว
“คุณนิชคุณครับ..”
“ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ วันหลังเรียกแค่นิชคุณก็พอ”คนหล่อบอกอย่างสุภาพก่อนจะจัดการคว้ากระเป๋าของตัวเองมาถือแล้วทำ่าลุกขึ้นก่อนจะจุนโฮต้องค้อมหัวเป็นเชิงขอบคุณในความใจดี
สุดท้ายการสลับก็เป็นไปอย่างดี เมื่อจุนโฮก้าวท้าวดข้าไปแถวหลังมือหนาก็คว้าอีกคนไปนั่งชิดตัวก็เท่านั้นเอง จนคนที่โดนคว้าเองก็ได้แต่ตกใจ แต่ก็ไม่ได้ว่ากระไรปล่อยให้อีกคนทำอย่างที่ใจอยาก
ไม่นานนักเจ้าคนตัวโตก็ทิ้งหัวลบนตักนิ่มของอีกอย่างที่ชอบทำเสมอ จนคนที่ไม่ได้ตั้งตัวตกใจไปบ้าง
“ฉันแค่ง่วง เมื่อคืนนอนไม่พอ”ชานซองบอกเอาไว้ดักคอแล้วจึงหลับตาลง ทิ้งให้จุนโฮได้แต่ถอนใจออกมาเบาๆ เอามือของตัวเองลูบผมอีกคนเบา หวังว่ามันจะทำให้คนที่นอนหนุนอยู่นี้หลับสบาย
เขาทำได้มากที่สุดคือ...รักชานซองให้มากขึ้นทุกวัน รักของเขาจะเติบโต ต่อให้มันไม่สมหวัง มันอาจจะโตขึ้นมาอย่างพิกลพิการเพราะไม่ได้รับการเอาใจใส่จากหัวใจครบสองดวง
แต่จุนโฮจะเลี้ยงความรักนี้ให้เติบโตขึ้นมาด้วยหัวใจเพียงดวงเดียวและสองมือของเขาเอง
ในขณะที่มือขาวค่อยๆลูบไปตามเส้นผมสีเข้มนั้น ข้อมือเล็กกลับถูกจับเอาไว้เสียก่อนจะต้องมีอันหยุดการกระทำลง
“จะเอาอะไหรหรอครับ รำคาญหรือเปล่า”จุนโฮถามเสียงเบาราวกระซิบ เขาไม่อยากให้ชานซองรู้สึกตัวตื่นจากอาการใกล้หลับเช่นนี้ โดยสาเหตุมาจากความไม่ระวังของเขาเอง
“ขอบใจนะ”เพียงแค่นั้นจริงๆ มากพอที่ชานซองจะเอามือเล็กมาวางไว้บนดวงตาของเขาทั้งสอง ทำเหมือนว่ามันจะช่วยบังแสงแดดในตอนเช้าที่มันกำลังทอกระจ่างมารบกวนม่านตาและการนอนของเขาอย่างมาก
แต่สิ่งเหล่านั้นมันทำให้จุนโฮสามารถยิ้มออกมาได้ มันอาจไม่เพียงสามารถหล่อเลี้ยงไปถึงความรักของเขา แต่มันก็ทำให้เขาสุขใจ คำขอบคุณ ต่อให้ชั่งหรือถ่วงมันเท่าไหร่ มันก็ไม่มีค่าเท่ากับคำว่ารักหรอก..ข้อนั้นเขารู้ดี
เสี้ยวหนึ่ง…เขาดีใจ หากส่วนที่เหลือ เขารู้ตัว..หัวใจเขากำลังอ่อนแอลงอีกครั้ง มันไม่แข็งแรงเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว ภูมิต้านทานของมันกำลังถูกทำลายลงเรื่อยๆ
จนเขาไม่สามารถต้านทานอะไรเลยจากชายคนนี้ ทั้งคำพูด ทั้งใบหน้า ทั้งสายตา ทั้งลมหายใจ … เขาแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะเตรียมใจสู้เลยด้วยซ้ำ
แล้วอย่างนั้นจุนโฮจะทำอย่างไรดีล่ะ……
มาถึงตรงนี้..เจ้าของความคิดได้แต่ยิ้มอ่อนๆให้กับตัวเอง มองมือที่วางอยู่บนดวงตาของอีกคนราวกับว่าจะสามารถมองมันลึกลงไปได้ถึงใจของอีกคนอย่างนั้น
ก็คงได้แต่ปล่อยให้ไอ้หัวใจที่แสนขี้โรคนี้ทำอย่างที่มมันอยากทำ ในเมื่อเขาไม่สามารถควบคุมมันให้รักตัวเองได้ เขาคงต้องใช้หัวใจที่ยังเหลือนี้ รักชานซองต่อไปเหมือนกับคำประพันธ์ที่เขาเพิ่งได้อ่านไป
หากที่เหลือ คือข้าใคร่รักเจ้าเรื่อยไปจนมิรู้จักเจ็บ จักปวด จักเสียใจ
ตอนนี้มันอาจจะยังเจ็บ และปวดแต่เชื่อเถอะ…เขายังสามารถทนไหว มันเป็นแค่อุปมาอุปไมยเท่านั้นที่ว่าไม่รู้สึก แต่แท้จริงคงเป็นความอดทนที่จะไม่เจ็บ ไม่ปวดต่างหากเล่า
เพราะที่เหลือคือ ข้าแสนหลุ่มหลงเจ้ามากมาย ไม่ละไว้ซึ่งความรู้สึกทั้งปวง
และก็ใช่ เขาลุ่มหลงในรักนี้มากเสียจนเกินไป มากเกินกว่าจะทนเห็นชานซองต้องทุรนทุรายในรักเช่นเขาเหมือนกัน จนไม่สามารถคิดจะแย่งชิงชายคนนี้จากใครได้เลย
………………………….
……………………
…………..
แต่บางคนกลับเหมือนมีผลประโยชน์กับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรไม่อาจทราบได้ซินะ ไม่ใช่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมหรอก..เขาก็เป็นแค่คนที่กำลังมีความรักอีกคนเท่านั้น และก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นใจมนุษย์ที่แสนดีอีกคนเท่านั้นล่ะ
จุนโฮคนที่น่าสงสาร เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ มีใจกล้าหาญ ซื่อสัตย์ขึ้นตรงกับหัวใจของตัวเอง อย่างที่ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนเกิดมานานกว่ายังต้องละอายเลย
สำคัญที่สุดคงเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่นี้ล่ะมั่งที่อาจทำให้แผ่นดินของสามโลกต้องสะเทือน นางฟ้าผู้ควบคุมฟ้าและฝนยังร้ำไห้เมื่อเด็กคนนี้ร้องไห้ และเทพบุครผู้คุมดวงอาทิตย์กลับเป็นใจยามเด็กคนนี้เบิกบาน
เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าทำให้พิภพเบื้องบนสนใจมากเท่าไหร่ เพียงแต่ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้..ดีที่สุดก็ได้แต่เฝ้ามองเท่านั้น
ชะตาอาจลิขิตให้คนเดินไปข้างหน้าให้เจออุปสรรคใดๆที่ผ่านเข้ามา แต่ชีวิตที่ต้องเลือกเป็นเกิดจากน้ำมือของคนเท่านั้น..เพราะฉะนั้นงานนี้เทพอุ้มสมคงต้องงดทำงานไปชั่วคราวเสียกระมั่ง
ไม่แน่ก็อาจกำลังนั่งน้ำตาตกในที่ทำให้ทั้งสองมาเจอกันจนเด็กน้อยคนนี้ต้องเศร้าโศกมากกว่าสุขสม
เอาเถอะๆ…เขามันก็แค่ตัวแปรและตัวเร่งปฏิกริยาเท่านั้นแหละ อย่างน้อยๆถ้าทำให้จุนโฮสมหวังไม่ได้ กลับไปรายงานตัวที่สวรรค์ครั้งหน้าคงได้หูชาไปเป็นเดือนๆเพราะเหล่าน้องฟ้าแห่งอากาศ และฤดูกาลผู้แสนใจอารีย์นั้นต้องโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟ บ่นมากมายจนลมฝนแปรปรวนเป็นแน่
ชายหนุ่มหันมองคนที่นอนหลับอืดติดกระจกเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวไปมา ไอ้เจ้านั้นก็ดูท่าทางจะไม่ได้รู้ตัวว่าตัวเองน่ะเป็นตัวแสบที่สุด ทำคนอื่นเขาร้องไห้ได้อย่างไม่รู้ตัวจริงๆ
“เฮ้อ..ไอ้ตัวยุ่งเอ่ย..”นิชคุณกระซิบเสียงเบาราวบอกกับตัวเอง มือหนาค่อยจับหัวอีกคนที่หลับยาวตั้งแต่ออกเดินทางมาให้พิงกับไหล่กว้างของเขา จนแอบเห็นคราบน้ำลายที่ติดขอบกระจกเป็นวง ถึงกับส่ายหน้านึกขำอย่างระอา
ความรักนี่ก็แปลกนะ..ทำให้เขามองข้ามไอ้ความสกปรกตรงนั้นไปได้อย่างหน้าตาเฉยจริงๆ
*******************************************************************************
กลิ่นไอแดดอ่อนๆ ที่โชยมาจากหน้าต่างที่เปิดรัยลมทำให้จุนโฮสูดมันเข้าไปอย่างเต็มปอดทั้งสองข้าง ภาพของสองข้างทางที่ไม่ว่าจะดูกี่ครั้งก็สบายตา เมืองเล็กที่ห่างไกลแต่สำหรับเขามันกลับดูดีกว่าเมืองที่มีแต่ตึกรามบ้านช่อง มีรถ มีคนมากมายให้วุ่นวายหัวใจ ท้องฟ้าใสๆ ทุ่งเขียวๆที่ตอนนี้มันอาจจะแห้งไปบ้างกระเพราะจากหน้าฝนกำลังผลัดฤดูในไม่ช้า
ต้องชื่นชมคนที่ขับรถเก่งอย่างแทคยอนที่ทำหน้าที่ได้ดีเหลือเกิน พาคนทั้งคันรถมาถึงที่โดยไม่หลงทางและปลอยภัยทั่วทุกคน
“เดี๋ยวเลี้ยวขวาข้างหน้านี้นะครับ…บ้านหลังคาสีน้ำตาลนั้นแหละครับบ้านผม”จุนโฮบอกเสียงร่าเริงกว่าครั้งไหนๆ ชี้ให้คนขับดูแม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ด้านหลังสุดแต่ก็ยังทำท่าได้อีก
คงหลายเดือนแล้วล่ะมั่งที่จากบ้านมา เขาคิดถึงสวนเล็กของแม่ที่แม่เป็นคนปลูกเอง…เจ้าดอกโพทะเล สีแดงอมส้มที่แม่ปลูกเอาไว้มองเวลาที่คิดถึงเขาจะออกดอกไปหรือยังนะ หรือจะเป็นเรือเก่าๆของพ่อที่ชอบพาเขาออกทะเล ก่อนกลับบ้านครั้งสุดท้ายพ่อจับมันทาสีซะใหม่เอี่ยมเป็นสีแดงสวยเชียวบอกว่า อีกหน่อยถ้าเขาจะต้องผิดหวังจากเมืองใหญ่มันจะช่วยเขาหาเงินได้ไม่น้อย
แต่ที่คิดถึงมากกว่าสิ่งอื่นใด เขากลับคิดถึงตักอุ่นๆของแม่..ที่ที่เขาหนุนนอนตั่งแต่เมื่อยามลืมตาบนโลกอันกว้างใหญ่เกินกว่าที่เขาจะรู้จัก เขามีเรื่องมากมายอยากบอกแม่เหลือเกิน อยากเป็นเด็กที่ร้องไห้กระจองอแงอยู่บนตักนั้น บอกว่าเขาเจ็บเขาปวดมากเท่าไหร่ ให้มือของแม่คลอยลูบปลอบหลังให้พ่อคอยเช็ดน้ำตาให้กำลังใจ
เขา…..คิดถึงมันเหลือเกิน
“จอดตรงหน้าบ้านได้เลยครับ”จุนโฮยิ้มจะแก้มปิด เงาของแม่..เขาจำได้ดี เห็นกำลังเดินมาเปิดประตูบ้าน เพราะได้ยินเสียงรถ ในขณะเดียวกันเขาเองก็ปลุกคนที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นนั่ง แม้จะยังสะลึมสะลือแต่ก็ลุกขึ้นได้โดยง่าย จนจุนโฮสามารถเดินลงจากรถผ่านคนอื่นๆไปเสียหมด
“บ้านนายน่าอยู่จังเลยจุนโฮ”แทคยอนว่าเดินลงมาสูดอากาศดีๆที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่
“แน่ซิครับ บ้านผมทั้งที แม่ครับ!!!!!!”ยังไม่ทันตอบอีกคนได้จบประโยคดี เจ้าตัวก็วิ่งเข้าใส่หญิงวัยกลางที่เดินออกมาต้อนรับเสียแล้ว
“จ้าๆๆ ว่าไงจ้าวจอม กว่าจะกลับบ้านได้ หายไปนานเลยนะเรา..กลับมาคราวนี้ทำไมผอมลงล่ะลูก ไม่ใช่ว่าส่งเงินมาให้พ่อกับแม่จนเราเดือดร้อนนะ”ว่าแล้วก็ทักทายลูกก่อนเลยเป็นอันดับแรก มองความเปลี่ยนแปลงแล้วหล่อนเองก็อดใจหายไม่ได้
“โธ่แม่ครับ ที่ผมทำให้ผอมเนี่ย กะว่ากลับบ้านมาอาทิตย์นี้ ผมจะให้แม่ขุนผมให้อ้วนเลยครับ รับรอผมจะตะกละกินจนแม่ต้องบ่นหูดับแน่ๆ แต่ก่อนอื่น…แม่ครับนี่เพื่อนๆพี่ๆผมครับ ส่วนทุกคนครับ นี่คุณนายอี อึนจูคนสวย”เจ้าตัวดีเอามือคล้องเอวของมารดาก่อนจะพามาเจอเพื่อนๆของเขา ซึ่งทุกคนต่างเข้ามาโค้งทำความเคารพเป็นอย่างดี
รวมถึงท่านเจ้านรกเองก็ยังไม่มีข้อละเว้นเช่นกัน ในขณะเดียวกันทุกคนเองก็ลงความเห็นเอาไว้ในใจแล้วด้วยว่า รู้แล้วล่ะว่าลูกเค้าน่ารักได้ใครมา
“แหม..หน้าตาดีอย่างนี้เพื่อนบ้านไม่อิจฉาแม่ตายหรอเนี่ย ทำไม่เราไม่หล่อเหมือนพี่เค้าบ้างล่ะลูก”เล่นเอาคนเป็นแม่เค้าอดแซวไม่ได้ ก็ไม่รู้อีท่าไหนยิ่งลูกชายเขาโตมายิ่งเหมือนทางตัวหล่อนไปเสียอย่างนั้น
“แม่ครับ…ผมไม่คุยกับแม่แล่ว ผมจะอ้อนพ่อก็ได้ พ่อไปไหนครับแม่..”จุนโฮที่กำลังยกของออกจากรถเมื่อกระเป๋าของเขากลับโดนคนตัวโตแย่งเอาไว้ก่อน
“ผมถือได้ครับชานซอง”จุนโฮกระซิบเบาๆ พยายามแย่งกระเป๋าจากมือของอีกคนมาถือเสียเอง
“นายไปคุยกับแม่นายเถอะ”ชายหนุ่มบอกนิ่งๆแบบที่สติยังไม่เข้ารูปเข้าลอยดีนัก แต่นั้นก็ถือว่าดีไปอย่างสำหรับจุนโฮ….เพราะเขาชอบเวลานี้
“พ่อหรอ..โน้นจ๊ะ ออกปากอ่าวไปกับจางฮยอกแล้วมั้งน่ะ เห็นถ้าว่านั้นลูกกับเพื่อนไม่กินปลากับกุ้งสดแล้วล่ะก็จะไม่ยอมกลับมากันเลยคืนนี้”คนเป็นได้แต่หัสเราะต่อกระซิกในความคิดห่วงลูกของคุณพ่อ หากแต่คนฟังน่ะหันตามทีเดียว
“เอ๋…ทำไมทำแบบนั้นล่ะครับแม่ พ่อจะออกก็ออกไปคนเดียวซิ จะพาพี่จางฮยอกออกไปทำไมกัน ผมกลับมาน่ะ อยากมาเจอแม่กับพี่จางฮยอกหรอกไม่ได้อยากเจอพ่อซะหน่อย”จุนโฮว่าพลางเดินเข้าไปพะเน้าพะนอคนเป็นแม่จนเกือบแทบลืมแขกที่มากด้วยกันไปเลย
“พูดไปอย่างนี้เดี๋ยวพ่อก็เสียใจหรอกลูก จะหาว่ารักคนข้างบ้านมากกว่าคนในบ้าน มัวแต่มาอ้อนแม้อยู่ได้ไม่อายเพื่อนเขาหรอเราโตแล้วนะ”อึนจูที่รู้ว่าลูกเย้าแหย่เลยป้ายสีเข้าไปอีกนิด
“ไม่อายหรอกครับ..ผมมีแม่คนเดียว ผมมีพ่อคนเดียว คนอื่นก็คงเข้าใจ ใช่ไหมครับ”จะว่าไปกว่าจะพาเข้ามาถึงในตัวบ้านพอดีกับที่ถามสารทุกข์สุขดิบเสร็จพอดี
“ก็จริงครับ ผมน่ะลูกกำพร้าตัวคนเดียว..ถ่้ามีก็คงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”แจบอมบอกในขณะที่นางเอามือขึ้นปิดปากเมื่อรู้ความจริงที่น่าเศร้าใจ
“งั้น..หนูสนใจเรียกแม่ว่าแม่ไหมจ๊ะ..”นางปล่อยมือเล็กของลูกชายก่อนเดินไปหาชายหนุ่มตัวเล็ก กอบกุมมือคู่ใหม่นั้นขึ้นมา นั้นคือมือของแจบอม เพื่อนของลูกชาย
เล่นเอาคนโดนจับแบบไม่ทันตั้งตัวนั้นน้ำตาเอ่อขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน…นานเหลือเกิน ที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้
“พี่แจบอมครับ..ผมไม่หวงแม่ผมหรอกนะครับ…พี่ชาย เอ้าๆๆ ทุกคนเอาของเข้าบ้านก่อนเถอะครับ”จุนโฮเลยปล่อยให้เขาทำเรื่องซึ้งๆกันไป ส่วนเขาขอนำทุกคนเข้าไปเก็บของก่อนะกัน
ไม่แม้แต่แทคยอนที่จะอยู่รอ ร่างสูงใหญ่กำยำที่ทำแค่เดินเข้าหา ยกมือขึ้นตบไหล่บางที่กำลังสะอึกสะอื้นได้ที่เพียงแค่นั้นก่อนจะปล่อยให้คุณผู้หญิงของบ้านเป็นคนปลอบไปเสียมันคงจะดี
ส่วนพวกคนที่เข้ามาบ้านแล้วก็ได้แต่มองบ้านแบบกลางเก่าของจุนโฮเล็กน้อย..แม้จะไม่กว้างขวางมาก แต่ก็มีอาณาเขตเป็นของตัวเองแบบ บ้านชั้นเดียวตามแบบของบ้านพื้นเมืองเกาหลีทั่วไปที่เห็นตามนิตยสาร ซึ่งมันอาจไม่คุ้นตามากนักเพราะคนเมืองส่วนใหญ่มักอยู่แต่คอนโดมิเนียนหรูๆเท่านั้น
“ทางด้านในนั้นห้องของคุณผู้ชาย และคุณนายอี ส่วนห้องนั้นของผม ซึ้งผมว่ามันอาจไม่พอนอนทั้งหมด เลยต้องแยกไปนอนห้องแขกอีกห้อง ที่นี้เราไม่มีเตียงนะครับ ถ้าเกิดว่านอนไม่ไหวยังไง..เดี๋ยวผมจะติดต่อห้องพักแถวนี้ให้”จุนโฮที่นั่งจุ้มปุ่กลงกับพื้นบ้านตัวเองบอกเล็กน้อย
เขารู้สึกไม่่ค่อยดีที่บ้านเขาอาจต้อนรับทุกคนได้ไม่ดีพอ หรืออาจทำให้แขกไม่ค่อยประทับใจก็ตรงที่บ้านเขาอาจไม่รู้เหมือนโรงแรมนัก
“เฮ้ย นี่ก็ดีแล้ว ที่นอนก็ฟรี แถมเดินจิ๊ดเดียวถึงทะเลอีก ข้าวก็ฟรีเปรมจะตายไปสบายมากน่ะ ว่าแต่นายกับหมอคุณอยู่ได้ไหมครับ”แทคยอนที่เป็นคนง่ายๆ ตอบอย่างดีจนจุนโฮยิ้มออก แล้วจึงหันไปมองสองหนุ่มใหญ่ที่เหลือ
“ผมเป็นคนง่ายๆครับ ตามไหนตามนั้น”นิชคุณแค่ตอบสั้นๆปลายตามองชานซองที่เล่นกับอูยองตั้งแต่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเฉยๆไม่ยินดีและไม่ยินร้าย สำหรับเขามันแค่…เพื่อนเล่นกันเท่านั้นล่ะ
“ไอ้ตัวเล็กแกนี่..มันน่าตีจริงๆเลย”ว่าแล้วชายหนุ่มก็บีบปลายจมูกเล็กของอูยองที่ทำท่าจะเข้าไปตอแยกับจุนโฮเพราะว่าไอ้กลิ่นนมขนมหวานนี่ล่ะ นี่ถ้าไอ้แมวนี่มันไม่ง่วงหลับน้ำลายหนืดมาตลอดทางแล้วล่ะ ก็คงได้เข้าไปขอแทะตัวจุนโฮจนพรุนไปหมดแน่ๆ
ในเมื่อกลิ่นนี้มันมีผลกับแค่ปีศาจเท่านั้นนี่นา..
“ชานซองอา..นายจะตีฉันหรอ นายจะตีฉันทำไม”อูยองทำเสียงกระเง้ากระงอดจนอดไม่ได้ที่อีกคนจะดึงจมูกอีกครั้ง
เป็นการหยอกล้อกันที่จุนโฮไม่อยากมอง..เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นก็ได้แต่คิดว่าอย่างไรซะ..เขาก็ต้องมองต้องเห็นไม่เป็นอื่นแน่ๆ เพียงมันน่าใจมันเจ็บจนเหมือนจะแตกออกเสียอย่างนั้น..
ไม่ชิน…ยังไงเขาก็ไม่ชินกับมันเสียที
หากไม่นานนิชคุณกลับเดินไปจับตัวของอูยองให้ออกห่างด้วยสองมือจนเจ้าตัวเล็กนั้นร้องโวยวายลั่น เพียงแต่ชั่วพริบตาชานซองกลับคว้าข้อมืออูยองเอาไว้ได้เสียก่อน ชายหนุ่มทั้งสองเลยได้เล่นศึกจ้องตากันอย่างลดละ ราวกับมีประกายไฟที่มองไม่เห็นแล่นไปมาเสียอย่างนั้น
ใจนิชคุณน่ะ..เขาไม่ได้หึงหรอกนะ ก็แค่…อยากทำ แต่สำหรับชานซองเมื่อเห็นอย่างนั้นเขากลับรู้สึกเหมือนจะหึงแต่ก็ไม่ใช่ แต่เป็นความรู้สึกของการโดนขัดใจที่ยอมไม่ได้ เพราะเขาคือผู้กำชะตาของคนตาย ไม่เคยมีใครคิดจะขัดใจแม้แต่คนเดียว
เพียงแค่ตอนนี้…สมองมันกลับหลอกตัวเองว่าเขา…กำลังหึงต่างหาก
“นิชคุณครับ…ชานซองครับ”จุนโฮเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเรียก เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแม้จะรู้ว่าชานซองนั้นเก่งและสามารถปกป้องตัวเองได้อย่างดี
แต่เมื่อรัก เขาก็ห่วง…อย่างยิ่ง ภาพตรงหน้าเขาเองก็ไม่อยากมอง ไม่อยากให้ชานซองปกป้องคนอื่นเลยนอกจากเขา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้
จุนโฮได้แต่เม้มปากบางของตัวเองเอาไว้ พยายามสะกดกลั้น..กลืนเอาก้อนของความเสียฝขให้มันลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ไม่อยากให้มันออกมาเพ่นพ่าน จนสุดท้ายเขาต้องแสดงความเสียใจออกมาให้คนอื่นได้เห็น
“เฮ้ย!!!!!! ไอ้สองตัวนั้นน่ะ..บ้านคนอื่นมีความเกรงใจซะบ้าง!!! ยังไม่ทันได้กินข้าวก็จะกัดกันซะแล้ว”กลายเป็นแทคยอนซะเองที่เป็นฝ่ายลึกขึ้นมาห้ามทัพเสียก่อนจะมีความรุนแรง งานนี้เลยได้เรียกสติคนทั้งสองให้หยุด
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!!!”ชานซองบอกอย่างหัวเสีย
“มาเอาคืนได้เสมอ..แต่ผมไม่ให้..”นิชคุณว่าอย่างท้าทาย แล้วจึงยิ้มอย่างที่ชอบทำคือยิ้มที่แสนดีและดูจริงใจอย่างที่สุด
“เอ…หรือเอาอย่างนี้ดีไหมครับ….คุณก็แค่เอาคุณจุนโฮมาแลกกับผม…”
*******************************************************************************
TBC ทำไมเดี๋ยวนี้คนเม้นท์น้อยลงเยอะจัง....หรือเป็นเพราะบิแต่งฟิคไม่ดีเองค่ะ TT^TT
ความคิดเห็น