ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC 2PM]MY DARE DEVIL…ปีศาจที่รัก [YAOI] CHANHO

    ลำดับตอนที่ #12 : [LF 2PM]“MY DARE DEVIL…ปีศาจที่รัก” PART 12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.03K
      9
      20 ม.ค. 55

     
    “MY DARE DEVIL…ปีศาจที่รัก

    Won Der.

    Part 12 (อันที่แล้วน้ำจิ้ม อันนี้ออเดิร์ฟ)

     

    “เอาเป็นนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันว่ะ”แทคยอนโพล่งออกมาอย่างสงสัย มองไอ้น้องตัวดีที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ เป็นเด็กโดนขัดใจมองแต่ประตูห้องของปาร์ค แจบอมไม่วางตา

     

    “ก็อยากรู้เหมือนกัน”ชานซองเอ่ยเนือยๆ ตอนนี้ปล่อยอูยองให้ลงมานั่งอยู่บนโซฟาข้างๆกันได้แล้ว เมื่อกี้ถ้าไม่จับเอาไว้คงได้วิ่งเข้าใส่จุนโฮอยู่เลย..

     

    จะว่าไป…ก็หายเข้าห้องไปกับแจบอมซักพัก เขาก็มัวแต่ยุ่งไม่ได้สนใจ ใส่ใจเรื่องของจุนโฮเลย จนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างข้างในนั้น ไม่ได้ยิน..ไม่ซิ ไม่ได้ความสนใจกับเสียงนั้นเลย

     

    “แกทำอะไรกับจุนโฮหรือเปล่า”แทคยอนหันมามองหน้าดังขวับ ถ้าเป็นคอคงเคล็ดไปแล้วล่ะเนี่ย

     

    เพียงแต่ชานซองเลือกจะทำหน้านิ่งๆ ไม่ตอบรับหรือปฎิเสธออกไปซักคำพูดเดียว ยิ่งทำให้แทคยอนอึดอัด แต่เขาเชื่อว่ามันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้แน่ๆ เพราะไม่อย่างนั้นจุนโฮคงไม่ยั่วใจปีศาจขนาดนี้เป็นแน่..

     

    พูดอย่างนั้นได้ เพราะแจบอมไม่รู้สึกเหมือนที่พวกเขากำลังเป็น

     

    “ฉันจะถามอีกครั้งเดียวทำหรือเปล่า”แทคยอนเพิ่มความจริงจรังขึ้นมาอีกเท่าตัวมองหน้าชานซองเขม็งยังคงได้รับการกระทำแบบเดิมๆ จนเขาเริ่มชักจะหงุดหงิด

     

    “ทำอะไรๆ ใครทำอะไรใคร เฮ้ย..บอกมั่งดิ”อูยองเริ่มโวยวายออกมาเมื่อไม่มีส่วนร่วมในวงสนทนาที่เขาไม่รู้เรื่อง ความอยากรู้อยากเห็นเลยเริ่มทำงานอย่างหนักหน่วง

     

    หากเพียงแค่เสี้ยววินาที ชานซองถึงกับต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ พยักยอมรับออกมาในที่สุด

     

    “อูยองเข้าห้องแกไปก่อน”แทคยอนพูดทั้งที่มองหน้าชานซองนิ่งๆ

    “ทำไมอะ…ทำไมผมต้องเข้าห้องด้วยล่ะ”คนโดนไล่ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสงสัย ออกอาการไม่อยากให้เห็น

    “อังอัง เข้าห้องไปก่อน!!”คนเป็นพี่เริ่มทำเสียงดุมากขึ้น นั้นเป็นสัญญาณว่าไม่ควรถามอะไรออกมาอีกแล้ว อูยองเลยได้แต่เดินแบบไม่พอใจเข้าห้องไปก็เท่านั้นเอง

     

    รอจนได้ยินเสียงลงกลอนอย่างเรียบร้อยเป็นอย่างดีแทคยอนจึงสูดหายใจเข้าปอดตัวเองลึกๆไปเสียที เพื่อจะเริ่มต้นประโยคของตัวเองบ้าง

     

    “ชานซองฉันว่าฉันขอนายเอาไว้แล้วนะ”คนตัวใหญ่ลงเสียงหนักใจกับอีกคน จ้องหน้าชายหนุ่มไม่ยอมวางตา ไม่ได้จับผิดหรอก เพราะมันผิดให้จับอยู่รอมร่ออย่างนี้

    “แล้วทำไมฉันต้องทำตามด้วย”ชานซองพูดด้วยท่าทีที่แสนสบาย เขาไม่เห็นจะผิดตรงไหน

     

    “แกไม่สงสารเขาบ้างหรือยังไง แค่เขาให้ที่อยู่ที่กินแกก็บุญเท่าไหร่แล้ว”แทคยอนลุกขึ้นยืนพยายามระงับอารมณ์ตัวเองอย่างสุดใจ

     

    กูขอร้องให้ไว้ชีวิตปลาย่าง กับไอ้อีกาเวรบ้านี่ได้ไงว่ะ!!!!

     

    ที่ออกอาการโมโหโทโส ขนาดนี้ก็คงเพราะสู้อุตส่าห์ขอร้องเอาไว้แล้ว และที่สำคัญกว่านั้นคือยังไงเสียจุนโฮเองก็น้อง ก็เพื่อนของเขา ที่เขาเองก็ห่วงเอ็นดู เด็กจิตใจดีอ่างนั้นไม่น่าจะมาเจอไอ้คนอย่างนี้เลย

     

    “ไอ้กลิ่นนรกห่านั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่”เพราะอารมณ์คำพูดเลยแรงไปด้วย

     

    ยิ่งถามถึงก็ยิ่งคิดเยอะ เพราะถ้าเขาได้กิล่น ชานซองได้กลิ่น อูยองไม่ต้องพูดถึง…แล้วปีศาจตัวอื่นๆอีกล่ะ ไม่จ้องจะเข้ามาร่วมวงกินโต๊ะจุนโฮกันยกใหญ่หรอยังไง!! มันผิดปกติมากเลย เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย!!!

     

    “หลังจากที่มีอะไรกันเสร็จแล้ว”ชานซองตอบตามความจริง

     

    ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดเรื่องนี้ แต่เพียงไม่เข้าใจเช่นกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นเลยลองพาออกมาพิสูจน์และมันก็เป็นไปตามที่เขาคาดกาณไม่มีผิด กลิ่นนี้มีผลแค่เฉพาะปีศาจเท่านั้นจริงๆ

     

    “แปลกฉิบหาย แจบอมไม่เห็นเป็นเลย ทำไมจุนโฮถึงเป็นว่ะ..แล้วนี่…ที่แกทำอย่างนี้น่ะ หมายถึงแกเลิกคิดเรื่องอูยองแล้วใช่ไหม ถึงไปเอาจุนโฮน่ะ”แทยอนเดินกลับมามองหน้าอีกคนที่เงียบไป

    “ไม่หรอกน่า..เรื่องอูยองน่ะ..เอาเหอะ ฉันก็แค่งงๆ ว่ามันเพราะอะไร หรือเป็นเพราะฉันเป็นคนทำ เคยได้ยินมาเหมือนกัน..เรื่องนั้นน่ะ ฉันเองก็ไม่เคยสมสู่กับมนุษย์เสียด้วย”ชานซองยังไหล่บอกแบบไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร

     

    “เออ..เคยได้ยินมาเหมือนกัน.. แต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริงเพราะ ไม่เคยมีจ้าวนรกที่สมสู่กับมนุษย์มาหลายพันปีแล้ว มีเมิงนี่ล่ะ แต่..เท่าที่จำได้ ในประวัติเขาบอกว่า ถ้าได้สมสู่กับมนุษย์..มนุษย์ผู้นั้นจะเป็นเหยื่อชั้นดี และจะสามารถนำทางมาหาท่านจ้าวนรกได้อย่างไม่ยาก”แทคยอนเอ่ยออกมา

     

    อ่า..มีตรงเผงทุกข้อเลยแฮะ…

     

    ท่าทางจะไม่ดีสำหรับจุนโฮซะแล้วซิเนี่ย..ไม่ดีสำหรับชานซองด้วย เพราะการนำทางมาหา หมายถึงการนำทาง หรือทิ้งร่องรอยเอาไว้เพื่อที่จะบอกว่า การที่จ้าวนรกอยู่ที่บนพิภพโลก ร่างกายจะไม่สมบูรณ์เช่นเดียวกับการอยู่ในนรก เหมือนเป็นการลงโทษที่ไม่รับผิดชอบงานแล้วหนีขึ้นมานั้นล่ะ และยิ่งถ้าอ่อนแอ การยึดครอง ฆ่าฟันนั้นก็จะง่ายขึ้น

     

    พูดให้ถูกคือ เป็นตัวล่อมาให้ชานซองโดนโค่นบัลลังค์นั้นล่ะ

     

    “แล้วแกจะเอายังไงเรื่องจุนโฮ กับอูยอง..ไปเอาเขาแล้วเอาให้เคลียร์นะเว้ยเฮ้ย”แทคยอนว่าตอนนี้ห่วงความปลอดภัยของจุนโฮยิ่งกว่าอะไรเสียอีก สงสารก็แต่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ตาใสอย่างนั้น

     

    “ก็ไม่ยังไงหรอก อาหารก็ส่วนอาหาร หัวใจก็ส่วนหัวใจ”ชานซองตอบราวกับมันเป็นเรื่องง่าย คนฟังนี่ซิแทบของขึ้น ที่กล้าโวยวายก็ติดตรงที่มันเกรงใจว่าเขาเหมือนพี่ชายมันอีกคนเถอะ!!!

     

    “แกนี่มัน..พูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง…อ๊ะ..จุนโฮ!!”

     

    ถ้าย้อนเวลากลับไปได้แทคยอนจะไม่โง่ถามคำถามนั้นออกมาอีก จะระวังให้มากกว่านี้ถ้าจะพูดจะถามอะไร จะสัังเกตให้มากกว่าที่เขาเคยเป็นอีก จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีกเลย

     

    เพราะตอนนี้แจบอมพาจุนโฮออกมาข้างนอกห้องแล้ว และ…ประโยคเมื่อกี้จุนโฮเองก็ได้ยินมันอย่างชัดถ้อยชัดคำ

     

    “อ่า…จุนโฮ”แทคยอนอุทานออกมาลอยๆ เขาคิดว่าคงไม่เป็นเรื่องดีแน่กับจุนโฮเพราะดูจากสีหน้านิ่งๆไปอย่างนั้นก็พอบอกได้

     

    ว่าประโยคเมื่อกี้คงทำให้อีกคนคงเสียใจมาก

     

    “เอ่อ..ยังคุยธุระกันอยู่อีกครับ”จุนโฮแสร้งทำเป็นยิ้มออกมา ทั้งๆที่ในใจอยากจะร้องไห้แทบเป็นแทบตาย มาปวดแสบปวดร้อน และเย็นยะเยือกในคราวเดียว

     

    แต่ไม่ว่าจะทางไหน..หัวใจก็เหมือนจะหยุดเต้นไม่ต่างกัน

     

    “ง….งั้น เดี๋ยวผมกลับไปรอที่บ้านก่อนก็แล้วกันนะครับ..”ไม่รอให้ใครถามไถ่ เขาก็อาศัยจังหวะนัน้รีบชิ่งหนีออกมาจากห้องที่ทุกคนไม่ทันได้รั้งเขาเอาไว้เสียก่อน

     

    ไม่อยากฟังอะไรที่มันยิ่งทำให้เจ็บกว่านี้ ไม่อยากได้ยินถ้อยคำทำร้าย…บอกแล้วว่าจะไม่คิด ย้ำตัวเองว่าจะไม่มอง แต่จริงๆแล้วมันทำไม่ได้หรอกนะ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นใคร..ยังจะคาดหวังอยู่ได้

     

    เจ็บเหลือเกิน ความรัก…มันทำให้เจ็บเหลือเกิน

     

    “ไอ้ชาน..แกนะแก รู้อยู่แล้วใช่ไหม…นี่แกรู้ทุกอย่างเรื่องจุนโฮคิดอะไรอยู่แล้วใช่ไหม แล้วทำไมแกยังทำแบบนี้”แทคยอนกระชากเสียงถาม ไม่ได้โมโหหรอก แต่ออกแนวร้อนใจมากกว่า

     

    ชานซองไม่ตอบ ไม่มีคำตอบของคำถาม เขาทำได้แต่เอามือแตะที่หน้าอกข้างซ้ายที่ที่มีหัวใจเหมือนร่างกายของมนุษย์ และสัมผัสได้ว่ามันเหมือนจะเต้นช้าลง จนต้องขมวดคิ้วเบาๆ

     

    ทำไมมันถึงเต้นช้าได้และเร็วได้ ช่างแปลกยิ่งนัก แค่เพียงจุนโฮรู้สึกเจ็บปวดมันกลับเต้นช้าลงราวสั่งได้อย่างนั้นเลย

     

    นั้นซินะเขาเองก็อยากรู้ว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้

     

    “แล้วนี่….ปล่อยให้กลับเองแบบนี้จะดีหรอเนี่ย”แจบอมเอ่ยถามออกมานั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนแทบจะลืมไปเสียสนิทใจ..เพราะวันนี้เขาเพิ่งพูดออกไปว่า จุนโฮเป็นเหยื่อชั้นดี

     

    !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    …………………………….

    …………………….

    ……………..

     

    การเดินทางมันเหนื่อย..

     

    วันนี้เหมือนวันนั้นเลยซินะ..แม้จะผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว แต่มันก็เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ..

     

    วันที่ฝนกำลังตก และวันที่ผู้คนคราคร่ำไปด้วยความเร่งรีบ วันที่รถและการสัญจรช่างติดขัด วันที่จุนโฮเคยเดินตากฝนคนเดียวไปตามทางทั้งๆที่ตกงาน

     

    และเป็นวันที่เขาได้พบกับชานซอง ที่ไม่คิดว่าจะมาเป็นคนที่เขารักมากถึงขนาดนี้ในเวลาอันแสนสั้น

     

    คนอย่างจุนโฮไม่เคยมีคนรัก และไม่เคยรักใครมาก่อน ชีวิตของเขาช่างเรียบง่ายและไม่ได้คำนึงถึงการมีคนรักด้วยอายุยังน้อยและไม่ค่อยได้สนใจ

     

    ในชีวิตอย่างที่เคยว่าเขามีเพื่อนไม่มาก เพราะอย่างนั้นเรื่องคนรักน่ะ ไม่เคยคำนึงถึงเลยซักนิด

     

    ชานซองเป็นคนแรก..ชานซองเป็นคนสอนให้เขารู้จักกับคำว่ารัก ในฐานะที่จะเรียกว่าคนรัก ไม่ใช่ พ่อ แม่ หรือเพื่อน แต่เป็นคนรัก และสอนให้รู้ว่าความรักจะมีแต่การให้

     

    และไม่รู้จักคำว่าเอาคืน มีแต่ให้เท่านั้น เขาว่ารักครั้งแรกมันมักไม่สมหวัง ทำให้คนเราเจ็บลึก และแสนยาวนาน ท่าทางจะจริง

     

    จุนโฮแค่นยิ้มเดินตากฝนไปเรื่อยๆทั้งๆที่ร่างกายเขาเองก็ไม่สมบูรณ์ดี มองไปตามถนนหนทางเห้นคนมีคู่ที่แทรกตัวอยู่ใต้ชายคาร่มเดียวกันแล้วอดอิจฉาไม่ได้ที่เขาสมหวังในรัก

     

    ไม่รู้ว่าคนคู่นั้นจะรักกันยาวนานแน่ไหน แต่อย่างน้อยๆก็เชื่อว่าในช่วงเวลามี่เขาได้คู่กันมันจะเป็นความสุข

     

    เจ้าตัวลากขามาจนเกือบถึงป้ายรถประจำทางข้างสวนสาธารณะ ความเย็นของน้ำฝนทำให้เขาเริ่มหนาวกาย มองไปรอบๆผู้คนเริ่มน้อยลงจนบางตา หรือแทบไม่มีคน

     

    ฝนตกก็ดีเขาว่า เพราะเวลาเขาร้องไห้ ก็จะไม่มีใครรู้ น้ำฝนจะปะปนกับน้ำตาเสียจนแยกไม่ออก

     

    โง่…ยังไงคนโง่ก็ยังเป็นคนโง่ เห็นไหม..รู้ส่าไม่มีทางสมหวังกับเขาแน่ๆแล้ว ยังจะไปหน้าด้านหน้าทนรักเขาอยู่ได้ไม่ยอมตัดใจ

     

    จุนโฮเข้ามานั่งหลบอยู่ใต้ชายคาของป้ายรถประจำทาง กอดตัวเองเบาๆเพราะความหนาวเย็น ที่ต้องมีคนนั่งอยู่ด้วยคนอีกคนแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ตอนนี้มีอต่อารมณ์คิดถึงตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้นล่ะ

     

    “I miss those blue eye,how you kiss me at night, I miss the way we sleep,like there’s no sunrise like the taste of your smile I miss the way we breath..but I never told you what I should have said No, I never told I just held it in~~**”

    (ฉันคิดถึงดวงตาสีฟ้าคู่นั้น คิดถึงวิธีที่คิดจูบฉันในตอนกลางคืน ฉันคิดถึงวิธีการนอนหลับของเรา ราวกับว่าจะไม่มีพระอาทิตย์ขึ้นอีกแล้ว ไม่ต่างจากรอยยิ้มของคุณ ฉันคิดถึงวิธีที่เราแบ่งปันลมหายใจร่วมกันเหลือเกิน…แต่ฉันก็ไม่เคยบอกอะไรก็ตามที่ฉันจำเป็นต้องบอก ไม่ ฉันไม่เคยบอก ฉันแค่เก็บมันเอาไว้เท่านั้นเอง)

     

    จุนโฮนั่งฮัมเพลงไป น้ำตาที่เคยปะปนกับหยาดน้ำฝนค่อยๆหลั่งไหลออกมาอย่างเชื่องช้า ทิ้งตัวเอื่อยลงสองข้างแก้ม บทเพลงที่เขาชอบมันช่างตอกย้ำกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเหลือเกินจนน่าตกใจ

     

    ใช่..เขาคิดถึงและจดจำมันเป็นอย่างดี และเก็บเอาไว้ในใจของตัวเองลึกๆเท่านั้น ใส่กล่องที่เรียกว่าหัวใจของตัวเองแม้ว่ามันจะแสนเจ็บปวดแต่ความรักก็ยังเป็นความรักอยู่ดี

     

    คนตัวเล็กมัวแต่ก้มหน้าก้มตาจนไม่ได้สังเกตเห็นปลายรองเท้าที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา จะรู้ตัวก็เมื่อเงานั้นบดบังแสงไฟจากเสาไฟฟ้าเท่านั้นทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมามอง

     

    “..คุ..คุณ…!!!!”จุนโฮมองใบหน้าของคนที่ยืนค้ำหัวเขาก่อนจะเบิกตาที่ชื้นน้ำใสนั้นกว้างมากขึ้น

     

    รูปร่างของคนแต่ใบหน้าที่เห็นกลับไม่ใช่คนอย่างที่เขาคิด ใบหน้านั้นมีเกล็ดราวกับงู และดวงตารียาวนั้นก็เหมือนงู จนทำให้เขานิ่งแข็งค้าง

     

    “หอม…หอมเหลือเกิน..หอม…กลิ่นหอม…กลิ่นเหยื่อของจ้าวปีศาจ..กลิ่นหอมช่างน่ากิน”อมนุษย์ตรงหน้าพูดราวกับเพ้อออกมา นั้นทำให้จุนโฮสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัวจับใจ

     

    สัญชาตญาณของการเอาชีวิตรอดบอกเอาไว้ว่า เขาควรจะต้องหนี ดังนั้นร่างกายของเขาจึงสั่งให้เขาวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต

     

    เด็กหนุ่มลุกขึ้นอย่างเร็ว ออกตัววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เพียงแต่แถวนั้นก็ร้างผู้คนจนไม่สามรถขอให้ใครช่วยได้เลย หากเพียงก้วไม่กี่ก้าวเขากลับต้องลมลงอย่างแรงด้วยข้อเท้าที่ถูกพันธนการเอาไว้…

     

    “อ๋า!!!!! ช่วยด้วย!!!!!!!”จุนโฮตะโกนออกมาจนสุดเสียง ปลายเท้าเขาถูกพันเอาไว้ด้วยลิ้นสองแฉก และรูปร่างของคนก็ค่อยๆกลายร่างเป็นงูที่ตัวใหญ่ขึ้น จนเกือบเท่าคน

     

    “หนีไม่พ้นหรอกเจ้ามนุษย์โง่ มาให้เรากินเสียดีๆ อาหารของท่านเจ้านักคงอร่อยลิ้นและหอมหวาน มาสมสู่กับเราเสียเถิด”เสียงแหบหร่าและน่ากลัวนั้นทำให้จุนโฮแทบตาเหลือก

     

    เขากระเสือกกระสนคลานหนี หากยิ่งคลานกลับยิ่งถูกดึงเข้าหา ลิ้นเมือกเหนียวนั้นทำให้เขาขยะแขยงจนอยากอาเจียนเพียงแต่เขาก็ไม่สามรถทำอะไรได้นอกเสียจากพยายามเอาชีวิตรอดเท่านั้น…

     

    กลิ่นคาวเมือกเริ่มใกล้เข้ามาเตะจมูกจนเขาต้องหลับตาแน่นๆ มือบางทั้งสองข้างเจ็บแสบจากการกระเสือกกระสนไปตามพื้นถนนที่ฝนตก หากกลับไม่มีใครแถวนั้นเลยผ่านมา

     

    “อย่า..ปล่อย..ปล่อย!!!!! ฮ..ฮึก…ปล่อย ช่วยด้วย…”จุนโฮร้องออกมาด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ

     

    ผลัวะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    เสียงที่เกิดขึ้นพร้อมแรงดึงปลายขาที่คลายตัว ทำให้จุนโฮทิ้งตัวลงพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน  ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงหยุดแต่ตอนนี้เขาต้องพนีก่อนที่มันจะเกิดอะไรขึ้นอีก เพียงแต่แรงของเขาไม่มากนัก จึงทำได้แค่คลานช้าๆเท่านั้น

     

    เสียงฝีเท้ากำลังก้าวเข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เขากลัวมากขึ้นไปอีก..ยิ่งออกแรงคลานหนีเพื่อไปให้ไกล

     

    “จุนโฮ!!!!!”เพียงแต่เสียงเรียกชื่อที่คุ้นเคยทำให้เขาหยุดชะงัก เพื่อหันกลับไปมองคนที่กำลังวิ่งเข้ามา และน้ำตาแห้่งความปิติค่อยๆหลั่งไหลออกมามากมาย

     

    “ดูจุน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”เป็นเสียงที่เปล่งออกมาสุดท้าย ก่อนที่ภาพทั้งหลายจะหายไปจากการมองเห็นจริงๆ

     

    *********************************************************************************

     

    หลังจากเหตุการณ์อุกอาจที่เกิดขึ้นกับจุนโฮ ดูจูนก็พาเขากลับมาที่ห้องของจุนโฮทันที พร้อมกับผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชื้นให้อีกคนอย่างเรียบร้อย

     

    มากมายที่เขาจะต้องอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ทั้งอารมณ์โกรธ และอารมณ์อยากในคราเดียว

     

    เขา…ดูจุน คนที่ดูแลจุนโฮอย่างดี แม้จะอยู่ห่างๆ แต่เขาก็เฝ้าดูแลมานาน มองภาพเนื้อตัวที่ประปรายไปด้วยร่องรอยของการร่วมรัก จะให้เขามีความรู้สึกปิติอย่างนั้นหรอ

     

    ไหนจะไอ้รอยที่เกิดวันนี้ มุมปากช้ำ มือบางที่ถลอกไปหมดจากการเอาชีวิตรอด และไอ้กลิ่นหอมๆบ้าที่ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า จุนโฮเป็นของของชานซองไปแล้ว

     

    เขาไม่สนใจไอ้อาณาเขตของชานซองที่จะบั่นทอนชีวิตของเขาเลยซักนิด คิดเอาไว้ว่าจุนโฮน่ะสำคัญกว่านั้นมากนัก

     

    แล้วไอ้ยมบาลนรกนั้นมันไปไหนของมันว่ะ!!!!

     

    ดูจุนคิดอย่างเดือดดาล พยายามทำเป็นไม่สนใจกลิ่นหอมหวานยั่วใจนั้นเลยซักนิดเดียว มองใบหน้าเหนื่อยอ่อน และอมไข้ของจุนโฮที่นอนอยู่บนเตียงแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้

     

    เขาน่าจะ…จัดการจุนโฮตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ไม่น่ารอเวลาให้มาถึงชานซองเลย

     

    “อ…อือ…ช่วยด้วย..”จุนโฮเพ้อด้วยพิษไข้ จนดูจุนต้องขยับเข้าใกล้

    “อะไรนะ…จุนโฮ..จะเอาอะไรหรอ”ดูจุนยืนหน้าเข้าไปใกล้เพื่อฟังสิ่งที่อีกคนกำลังบอก

     

    “ช..ช่วยด้วย...ช..ชานซอง..ผม..กลัว”จุนโฮกหลับตาแน่น ความชื่นซึมไปตามปลายหางตา หากดูจุนได้แต่กำหมัดแน่น แม้กระทั้งในฝันนั้นยังเป็นของชานซอง

     

    ถ้าเพียงแต่จุนโฮจะเป็นของดูจุน…ถ้ามันจะเป็นอย่างนั้น เสี้ยวหนึ่งของด้านมืดในดูจุนกำลังถูกปลุกขึ้นมา และมันเป็นสิ่งยั่วยวนที่แสนน่าสนใจ

     

    ดูจุนมองใบหน้าชื้นเหงื่อและแดงเรื่อของคนที่นอนกระสับกระส่ายน้อยๆ ผิวขาวราวน้ำนมกำลังแดงไปทั้งตัวราวกับเชื้อเชิญ และกิ่นหอมหวานอบอวลนั้นกลับกระตุ้นเขาอย่างร้ายกาจ

     

    นั้นซินะ..ถ้าเขาทำให้จุนโฮเป็นของเขาทุกอย่างอาจจะจบ

     

    “ฉัน..ขอโทษ..นะจุนโฮ”คำขอโทษคือการตัดสินใจ ดูจนเดินเข้าไปชิดขอบเตียงสีเหลี่ยมนั้น เขาค่อยๆนั่งลงที่ขอบเตียงเล็กของอีกฝ่ายมองใบหน้าที่เขานึกรักอย่างเต็มตา เอามือไล้ไปตามร่างกายร้อนเพราะพิษไข้รุมเร้านั้นเบาๆ

     

    “อือ….ใครน่ะ..ดูจุนเองหรอ”คนป่วยเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นจึงปรือตาขึ้นมอง เห็นเป็นเพื่อนสนิทที่กำลังมองเขาอยู่เช่ันกันจึงยิ้มให้

     

    หากดูจุนไม่ขานรับ เขากลับโน้มตัวลงมาใกล้อีกคนเรื่อยๆ จนคนอ่อนแรงขมวดคิ้วเป็นปม ไม่นานริมฝีปากนั้นจึงสัมผัสกันหากเป็นจุนโฮเองที่เหลือกตากว้าง

     

    “อื้อๆๆๆ”เจ้าตัวพยายามดิ้นตัวหนี หากดูจุนกลับกดตัวของเขาเอาไว้เสียแน่น และอาจจะเพราะเขาไม่สบายเขาจึงไมาสามารถออกแรงอะไรได้เลย

     

    ไหนจะพลังชีวิตที่ถูกดูดกลืนจากจูบ หากไม่นานนักดูจุนก็ผละออกไป

     

    “ท..ทำอะไรน่ะ..อ..อย่า ดูจุน..อย่าทำ เลยนะ ฮ..ฮึก”จุนโฮร้ำไห้เสียงเบา เขาเพิ่งเจอเรื่องแย่ๆมา และไม่คิดว่าเพื่อนสนิทที่เขามีจะกำลังทำสิ่งน่ารังเกียจอย่างนั้นเช่นกัน เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขากำลังจะทำอะไร เมืื่อเห็นสายตาแบบนั้นที่กำลังจ้องมองมา

     

    “ขอโทษ แต่มันจะดีกว่า ถ้า..นายเป็นของฉัน”ชายหนุ่มว่า แล้วจึงโน้มตัวไปจดจมูกสูดความหอมหวานที่ซอกคอของอีกคน

     

    “อ..อย่า..ดูจุน..ฉัน..ขอร้อง”จุนโฮร้องออกมาเสียงดัง เขานึกรังเกียจสัมผัสนี้เหลือเกิน และอีกครั้งที่เขาเริ่มกลัว แม้ดูจุนจะไม่ได้ทำรุนแรงอะไรกับเขา

     

    แต่เขาก็กลัว มันไม่เหมือนกับความรู่้สึกทีี่เขาทำกับชานซองซักนิด

     

    “ด..ดูจุน ได้..โปรด..ฮ..ฮึก”

     

    **************************************************************************

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×