ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC 2PM]DESTINY ME [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #8 : [SF 2PM]DESTINY ME : PART 7

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 53


     

    Part 7

     

    ทั้งหกเคลื่อนย้ายตัวเองเข้าสู่สถานที่พักใหม่ เมื่อใกล้รุ่งสางพอดี.. การเดินทางที่ยาวนาน หลายชั่วโมงของค่ำคืนจะไปสิ้นสุดลงที่หมู่บ้านเล็กๆ ชานเมืองมกโพ เมืองที่ห่างไกลตัวเมืองหลวงออกไปอีกหน่อย

    แต่ถึงแม้จะห่างไกลแต่ก็ใช่ว่าไม่มีความเจริญอะไรเลย แน่นอนว่าน้ำไฟ เข้าถึง และยังมีร้านรวงขายของอีกที่สามารถๆ จับจ่ายใช่สอยได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ลำบากมากนัก

     

    ตัวบ้านที่ทั้งหกคนมานั้นเป็นอพาตเม้นท์ขนาดเล็กที่แทคยอนมาเปิดเอาเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองเวลาที่เขารู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่มีอะไรจะทำ ซิ่งแน่นอน สมาชิกทุกคนรู้จัก ยกเว้นบอสและคนอื่นๆในองค์กร แน่ล่ะเพราะมันไม่ใช่สินทรัพย์ของหน่วยงานและบางครั้งเขาก็ไม่ต้องการถูกตามตัว

     

    และที่นี้ มีคนเข้ามาดูแลทำความสะอาดเช็คของในตู้เย็นอยู่เรื่อยๆ

     

    “ฮ้า!!!!!!! เมื่อยมาดๆ..”ชานซองบิดตัวไปซ้ายทีขวาที พาลมองคนที่เดินเมาขี้ตาตามลงมาอย่างติดๆ แล้วจึงกุลีกุจอวิ่งเข้าไปหาไปรับ พ่อหน้ามนคนน่ารัก ลี จุนโฮทันที

     

    “โอ๊ะ..ตัวเอง อย่าเดินหลับซิ..เดี๋ยวตัวเองก็หกล้มหรอก..มาๆๆ มาเขาพาไปดูบ้านนะตัวเอง”ชานซองจับมือที่กำลังเอาขึ้นมาขยี้ตาของอีกฝ่ายเอาไว้

    “อ่า..ไม่เป็นไรหรอก..ว่าแต่นายเถอะ ขาไม่เป็นไรหรอ  ให้ฉันนอนอยู่บนตักนายตลอดคืนเลยนะ”จุนโฮ ยิ้มบางๆให้ ก่อนถามกลับไป เพราะรู้สึกดีอยู่ที่อีกคนเป็นห่วง

     

    “ไม่เป็นไร..คนอึดๆอย่างฉันน่ะสบายมาก..ว่าแต่นายมีอะไรอยากถามฉันไหม..”ทั้งคู่เดินเข้าบ้านโดยไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นัก เขาเอามือประสานสอดไปที่นิ้วมืออีกคนเอาไว้กำมันหลวมๆ แล้วจึงนำทางอีกฝ่ายไว้

    “มีซิ...ชานซอง..มีเรื่องหลายอย่างที่ฉันอยากรู้ เยอะเลย แต่ดูตัวนายซิ เลอะเทอะไปด้วย...เอ่อ..นั้นล่ะ พาฉันไปหาห้องน้ำ ให้ฉันอาบก่อน ส่วนนายก็อาบต่ออีกที แล้วฉันจะหาอะไรให้นายกิน แล้วเราค่อยคุยกันดีกว่านะ”จุนโฮมองหน้าอีกคนก่อนดึงคอเสื้อให้เข้ามาใกล้ๆ รอดูคำโต้ตอบของอีกคน

     

    “ดีซิ..ต้องดีแน่ๆเลย”ชานซองยิ้มเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ ทั้งที่ความจริงเขาน่ะตัวโตเป็นที่สุด

     

    “เฮ้ยๆๆๆๆ คนเยอะแยะ แล้วนี่ก็เหนื่อยจะตายแล้ว.อย่าทำให้อยากอ้วกตอนนี้เลย..”แทคยอนทำเสียงเข้ม และใบหน้าคมนั้นก็ทำท่าจะอือมฉากระกโรแมนติคของเด็กรุ่นใหม่จะแย่

    “เฮ้อ!! เห็นด้วย..อย่างแรง”แจบอมที่ยืนอยู่ข้างๆก็พาลถอนใจไปอีกคน

    “ใครถามความเห็นนายบ้างเนี่ย”แทคยอนเลยหันไปสอยซะ เพราะมีช่องโหว่แล้วนี่

     

    “จะเอาใช่ไหม แต่เช้าเนี่ย..ว๊อนท์มากนักหรือไง..เดี๋ยว..เดี๋ยวไม่จบ เหยินเดี๋ยวไม่จบ”แจบอมเท้าเอวมองใบหน้าคมของอีกคนที่ตั้งจะกัดกันมันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี

    “ก็เอาเด่ เตี้ย!!..”

     

    “เฮ้ย จะเลิกทะเลาะกันได้ไหมว่ะ น่ารำคาญ หิวข้าว จะเข้าบ้าน ยืนขวางประตูอยู่ได้!!”นิชคุณทำเสียงแข็งขึ้นมาไม่อยากดูมวยรอบเช้าเสียเท่าไหร่ เดินโอบเอวของอูยองที่มองคนทั้งสองที่เขาเองก็ไม่รู้จักนั้นตาแป๋ว ด้วยสงสัยว่าสองคนนี้ตกลงเป็นเพื่อนกัน หรือว่าจะเป็นศัตรูกันแน่นะ

     

    “ไปเข้าบ้านเถอะ อย่าไปสนใจมันเลย ถ้ามันสองคนกัดกันมากนักค่อยเอาน้ำสาดละกัน” ไม่ได้ใยดีเพื่อนเลย

    “พี่คุณ!! ไปว่าเพื่อนได้ยัไงเนี่ย!!”มือเล็กกระแทกเบาๆไปที่ไหล่ข้างเจ็บนั้นอย่างลืมตัวทำเอา คนที่มีแผลอยู่แล้วสะดุ้งนิดๆ

     

    “อ๋า...นี่มันแผลนี่นา...ผมขอโทษ เจ็บไหม ผมลืมไป..พี่เจ็บมากหรือเปล่า”อูยองรีบเอาเข้าไปดูแผลของอีกคนทันที เพียงแต่ว่า ความจริงแล้วนิชคุณไม่ไดเจ็บมากขนาอนั้นเสียหน่อยนี่

    “เจ็บซิ..เนี่ย..เจ็บมากๆเลย..”ว่าแล้วก็อาศัยช่วงชุลมุนอยู่นั้นเองแอบเอามือข้างที่ไม่เจ็บกลับอ้อมไปโอบเอวเขาให้เข้ามาใกล้อย่างเนียนๆ

    “จริงหรอฮะ..ไหนๆๆ ให้ผมดูดีกว่า..”

     

    “โอ้ย..อูยอง ไอ้คุณมันสำออยชัดๆ..อย่างมันน่ะนะจะเจ็บ สาม~~ออย~~”ยังคงพ่อแทคยอนเจ้าเก่าตัวปล่อยแซวเวลาเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปเรื่อย

     

    “เกะกะประตูบ้านว่ะ ของไม่ช่วยขน แล้วยังมาทำสำออยอีก”และยังคงยิงประตูอย่างเนื่องเมื่อ คนในหัวข้อสนทนาขยับตัวเบี่ยงหลบคนถือของอย่างอัตโนมัติ โดยมีเจ้าเพื่อนตัวเล็กนั้นเดิมถือของอีกคนตามไปติดๆ

     

    “ปล่อยผ่านไปซักเรื่องบ้างไม่ได้เลยนะแกน่ะฮะ ไอ้แทคยอน”นิชคุณเข่นเขี้ยวเล็กน้อย ไม่เหลือเค้าความเจ็บเอาไว้ให้เห็นเลยซักนิด

    “นี่พี่หลอกผมหรอเนี่ย!!!!!!!!!”..ซวยแล้วซิเนี่ย

     

    งานเข้าแล้วล่ะ นิชคุณ!!!

     

    ........................................

    ........................

    ..........

     

    หลังจากไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัว ล้างกลิ่นและคราบคาวของเลืออดที่ติดตามหน้าตาเนื้อตัว ออกแล้ว อาหารที่พ่อสองหน่อที่อาบน้ำก่อนใคร เพราะรู้ดีว่า หน้าที่นี้ก็คงไม่พันเขาสองคนไปได้เลยต้องรีบหน่อย ดีอย่างที่ว่าบ้านที่พวกเขามาพัก ในตู้เย็นนี้พอมีอาหารที่ทำได้บ้างอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ถ้าหากสำหรับคนหกคนมันก็เพียงแค่มื้อเดียวเท่านั้น

     

    เนื่องจาก ทั้งคนนี้ไม่ได้กินอะไรเลย มาตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้วน่ะซิ และตอนนี้ นาฬิกาก็บอกเวลา เก้าโมงเช้าแล้วเสียด้วย

     

    “นี่ๆๆ อูยองนายว่าอันนี้โอเคไหม.”จุนโฮยกช้อนขึ้นมาจ่อไปที่ปากอิ่มของเพื่อนใหม่เพิ่งตกได้มาเมื่อวาน ซึ่งอีกคนเองก็อ้าปากชิมอย่างว่าง่ายเหมือนกัน

    “อ่า..โอเคแล้วนะ อร่อยออก จุนโฮ ทำอาหารเก่งนะเนี่ย..”อูยองเอ่ยปาดชมน้อยๆจนอีกคนยิ้มตาหยี ถูกใจ ก็แหมคนที่เรียนทำอาหารมานานขนาดนั้น เอ่ยปากชมก็ต้องรู้สึกดีอยู่แล้วล่ะนะ

     

    “งั้นจัดขึ้นโต๊ะเลยดีไหม..”จุนโฮถามความเห็นอีกครั้ง

    “เอาซิ..ได้ยินเสียงตึงตังอย่างนี้คงลงมากันแล้วล่ะ”ทั้งสองคนเลยริบตักข้าวใส่ถ้วยจนเต็ม แล้วหลังจากนั้นอูยองจึงตักแกงกิมจิ ในขณะที่จุนโฮเองก็รีบคีบผักชุบไข่ทอกขึ้นมาจากกระทะทันที

     

    “อ๋า...ชาน..นายไปเอากิมจิจัดใส่จานเล็กที มาพอดีเลยนี่ เร็วๆเข้า”จุนโฮที่เหลือบไปเห็นเพื่อนตัวเองเดินเข้าครัวมาเลยได้โอกาสหาคนช่วยมันก็คราวนี้เลยล่ะ

     

    คนตัวโตที่หวังแค่เดินตามมาเพราะได้กลิ่นอาหารหอม เลยทำหน้าเหลอหลาทำตามอีกฝ่าย แต่ก็ยังแอบอ้อมไปหมายจะหยิบ บล๊อคคอลลี่ทอดเสร็จใหม่ เพียงได้ไม่โดนเล็บจิกเสียก่อนคงเข้าปากไปแล้ว..

     

    “หยุดเลย ไอ้คนตะกละ ที่ให้ช่วยทำยังไม่ทำเลย..ไม่ต้อง มาฉกก่อนคนอื่นเลยนะ”จุนโฮพยายามหรี่ตาทั้งๆที่มันก็เล็กอยู่แล้ว คราวนี้มันเลยกายเป็นเส้นตรงไปเลยน่ะซิ

    “โถ...อันเดียวก็ไม่ได้...ทำเสร็จแล้ว ตัวเองต้องเอาให้เขากินด้วย..”ชานโฮทำเสียงหงุงหงิงก่อนจะเอามือตักกิมจิใส่ถ้วยเล็กๆ

    “อย่าบ่น ทำไปๆๆ”ว่าแล้วอีกคนก็ทำเสียงดุใส่อีกซักรอบ ชานซองเลยได้แต่คอตกอย่างจำใจ

     

    ไม่นานนักทั้งอาหารและน้ำดื่ม รวมไปถึงข้าวปลาต่างๆก็ถูกจัดขึ้นโต๊ะเรียงเอาไว้อย่างสวยงามและเป็นสัดส่วน อาหารบนโต๊ะ ประกอบไปด้วย หมูผัดซอส แกงกิมจิ ผักชุบไข่ทอด ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็ดูหน้าตาน่าทานสุดๆไปเลย ในเวลาที่หิวโซกันมาแบบนี้

     

    “หวา...อะไรเนี่ย ดีจังเลย ถึงแม้ว่าต้องหนีตาย แต่เราก็มีอาหารกินไปตลอดแน่ๆ”แจบอมมองอาหารบนโต๊ะเล้วจึง ดึงเก้าอี้เบือกทำเลที่ดีที่สุด ก่อนที่ชานซองจะเป็นอีกคนที่ทำแบบนั้นโดยไม่ลืมจะหนีบจุนโฮมานั่งด้วยกัน

     

    โดยที่ที่เหลือก็หาๆที่นั่งกันไปล่ะนะ

     

    “เอ่อ..สรุปแล้ว จะเอายังไงดีล่ะ เริ่มกินก่อนละกันนะ..เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”แจบอมมองกับข้าว พูดเองเออเองแล้วก็ตักเข้าปากเองโดยไม่สนใจใคร

     

    “ถามหน่อยซิ..พี่รู้ได้ไง ว่าผมอยู่นี้..หมายถึงมีคนบุกมาที่นี้ ตอนที่ผมไปหา พี่คุณที่ห้องของอูยอง”ชานซองถามน้อยๆ ในขณะที่มีอาหารมากมายกองอยู่เต็มปากไปหมด

    “มีคนบอกมา แต่ตอนนี้พูดไม่ได้..แล้วเอาไว้..เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว”แทคยอนเลี่ยงการพูดถึงเล็กน้อย ไม่เชิงเก็บมันเป็นความลับ แต่แค่ไม่อยากให้คนนอกรู้มากเกินไป เพื่อความปลอดภัยของตัวจุนโฮ และอูยองเอง

     

    แต่เอาเป็นว่า ไม่ใช่เรื่องเศร้า แค่เงียบนิดหน่อย เพราะว่าทุกคนเข้าใจมัน เพียงแค่นั้นเอง

     

    “อ่า..งั้นหลังอาหารแล้ว ในตู้เย็นคงมีอาหารบางอย่างพอทำของหวานได้บ้าง แต่ก็ใกล้หมดแล้วเต็มที ผมว่าผมคงต้องหาเพื่อนออกไปซื้อเสียหน่อย”อูยองทำหน้ายิ้มๆ เขารู้ดีว่า บ้านหลังนี้มีพื้นที่พอให้คนหกคนอยู่ได้สบาย หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น และหนึ่งห้องครัว

     

    แต่ไม่มีที่มากพอสำหรับคุยธุระ หรือเรื่องที่เป็นความลับ เพราะฉะนั้นแล้ว เขาจึงคิดว่า ชานซองเองก็มีเรื่องต้องคุยกับจุนโฮ ส่วนแทคยอนเองก็เรื่องที่ต้องคุยเช่นกัน..

     

    “ฉันปล่อยนายไปคนเดยวไม่ได้หรอก ตอนนี้ถึงหนีมาที่นี้ก็ยังไม่ปลอดภัย”นิชคุณ คีบข้าวคำสุดท้ายเขาปาก มองหน้ากลมนั้นจริงจัง

    “แต่กับข้าวมัน..”อูยองทำหน้าแหย เอานิ้วเขี่ยไปมา บอกว่า เราอยู่ได้ไม่ถึงเที่ยงแน่ๆเลย แค่เห็นชานซองกินก็น่ากลัวแล้ว อยู่ไม่ถึงแน่ๆแล้วจริงๆนั้นแหละ

     

    “งั้นฉันไปเป็นเพื่อนก็ได้..”แจบอมบอกก่อนทำหน้าหมายมั่น

    “เออ ดีแล้ว นายไปเถอะ..ทางนี้จะได้คุยธุระต่อ เพราะยังไงนายก็รู้เรื่องหมดแล้วนี่..”แทคยอนที่ไม่กัดเพื่อนอย่างเคยเพราะตอนนีเริ่มเข้าสู่โหมดเป็นการเป็นงาน

     

    “งั้น..ผมขอไปคุยกับจุนโฮก่อนนะฮะ..ใครไม่ทำหับข้าวก็ล้างจานด้วยเน้อ..ไปล่ะ..”แล้วก็เผ่นแน่บครับ..

     

    ********************************************************

     

    “นี่..ตกลงมีอะไรอยากถามไหม..อยากตอบแล้วนะ..”ชานซองนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงมองหน้า คนที่นั่งพิงหัวเตียงดูโทรทัศน์ไปเพลิน เพราะอยู่ดีๆก็โดนลากเข้ามาในห้องปิดประตูล๊อคหน้าตาเฉย

    “ก็มี..ก็มีนะ..อย่างแรก...นายเป็นใครกันแน่ บอกฉันหน่อยซิ..ฉันเหมือนไม่รู้จักนายเลย”จุนโฮพูดเสียงเบามองหน้าอีกฝ่ายน้อยๆ เพราะเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

     

    “ฉัน..ชื่อฮวาง ชานซอง เป็นนักศึกษามหาลัยโซล แผนกกฎหมาย ปีสี่ ที่ไม่มีพ่อ มีแม่ และไม่ค่อยมีเพื่อน อายุเท่ากับลี จุนโฮ และมีรูมเมท ชื่อลี จุนโฮ ชอบกินเป็นทีหนึ่ง เก่งคอมพิวเตอร์เป็นที่สอง นิสัยไม่โตเสียที เพราะมีคนแถวนี้ชอบตามใจ เสป็คคนในฝัน ต้องทำอาหารเก่งแล้วก็ใจดี”ชานซองลำดับออกมาให้อีกคนฟังอย่างช้าๆ จนคิดว่ามันน่าจะหมดแล้ว

     

    คนฟังจึงได้แต่ยิ้มตอบรับว่าเขาพอใจในคำตอบอันยืดยาวของคนที่นอนจ้องหน้าเขาตาแป๋วอยู่อย่างนี้

     

    “แล้วนาย..ชอบกินอะไร..”จุนโฮถามคำถามเรื่อยๆ อะไรก็ตามที่เขาอยากรู้

    “ชอบกินกล้วย กินขนมทุกชนิด กินรามยอน และกินอาหาร ที่ลี จุนโฮทำ”เมื่ออีกคนถามมา  ชานซองก็ทำแค่ตอบไป ตอบในสิ่งที่เป็นความจริง เหมือนกันการเล่นtruth or dare

     

    “แล้วนายทำงานอะไร..”คำถามที่สำคัญยิ่งถูกถามออกมาแล้ว

    “ตอนนี้ทำงานอยู่บริษัท JMK ที่เบื้องหน้าเป็นสำนักงานส่งออกเครื่องยนตร์ แต่เบื้องหลังเป็นโรงงานผลิตนักฆ่า และก็ทำงานอยู่ทีมเดียวกับ พี่คุณ พี่แทค เละก็พี่เจย์ ฉันเป็นแฮ๊คเกอร์และคนวางแผน พี่คุณเป็นมือปืน พี่แทคเป็นหัวหน้าทีม และพี่เจย์เป็นคนประสานงาน เงินเดือนที่ได้หารสี่ ซึ่งมากพอ..ข้อนั้นนายคงรู้ดี..”ชานซองเองก็ตอบตามจริงอีกอย่างไม่มีบิดพลิ้ว..

     

    “นาย..ทำงานนี้ทำไม..”จุนโฮยอมรับคำตอบนั้นโดยง่าย ไม่แสดงอาการยินดียินร้ายกับมันเท่าไหร่นัก แล้วจึงกลั้นใจถามต่อไปอีกครั้ง

    “เพราะ ทีมของฉันมาจากสถานเด็กกำพร้าเดียวกัน พวกเราอยู่กับบอสมาตั้งแต่เล็ก และถูกฝึกมาโดยเฉพาะ ทีมของเราจึงเป็นมือหนึ่ง ที่มีเงินเข้ามาไม่เคยขาด”ชายหนุ่มมองหน้าอีกคนแน่วแน่ เพื่อยืรยัน

     

    “เคยคิดอยากจะเลิกบ้างไหม”จุนโฮรู้ดีว่าเขาไม่ควรถาม แต่ก็อีกที่อยากรู้เหลือเกิน

    “ทุกวันที่ทำ..แม้ว่าคนที่ถูกสั่งให้ไปฆ่า ล้วนเป็นคนเลวก็เถอะ”ในคำตอบนี้ จุนโฮมองเห็นเววตามที่สะท้อนภาพของเขาออกมา ว่ามันเศร้าสร้อยมากแค่ไหน

     

    “แล้วเมื่อไหร่ ที่คิดจะเลิก..”

    “ตอนแรกคิดว่ารอพร้อม แล้วทุกคนตกลงใจจะเลิก เพราะชดใช้บุญคุณบอสได้หมดแล้ว แต่ตอนนี้ เพราะว่า ฉันได้มาเจอนาย..”ชานซองเอามือของตัวเองจับมือบางอีกคนเอาไว้กุมมันหลวมๆ

     

    หากนี้เป็นคำตอบที่ทำเอาคนฟังหัวใจเต้นแรง แรงเสียจนกลัวว่ามันอาจจะกระโดดหมุนตัวออกมาจากอกก็เป็นได้ ดวงตาเรียวรีของเขาพยายามไม่สนใจดวงตาคมวาวๆนั้นแม้แต่น้อย

     

    “คำถามสุดท้ายแล้วนะ...ชานซอง”จุนโฮมองหน้าอีกคนคราวนี้ตัวเขาเองตัดสินใจว่าจะไม่ถอยหนีไปไหน..ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไรก็ยินดีที่จะรับฟัง

    “นายรักฉันบ้างไหม..”พอถามเสร็จกลับปิดตาแน่น แม้จะทำใจเอาไว้แล้วแต่ก็ยังไม่กล้าอยู่ดี

     

    “รักซิ....รักมาก....รักขนาดที่ชาตินี้จะไม่ยอมเสียให้ใคร หรือ ไม่ยอมให้ใครมาพรากเลยล่ะ“ชานซองผลุดลุกขึ้นประจันหน้ากัน คราวนี้เขาคว้ามือนั้นเอาไว้ทั้งสองมือ..

     

    “มองตาฉันนะ จุนโฮ ก่อนหน้านี้ ที่ฉันไม่บอกนายและก็ไม่อยากแสดงความรู้สึกอะไรให้นายรับรู้อย่างชัดเจน เพราะฉันกลัว กลัวว่านายจะเกลียดฉัน  กลัวว่าเราสองคนจะไม่เหมือนเดิม กลัวว่านายจะเป็นอันตรายไป แล้วจะเข้ามาพัวพันกับสิ่งที่เกิดขึ้น..แต่สุดท้ายแล้ววันนี้มันก็มาถึงจนได้ ฉันเลยอยากถามนายบ้างหมือนกันว่า..”คราวนี้เป็นฝ่ายที่ชานซองกลั้นใจบ้างแล้ว

     

    “นายจะยังรักฉันที่เป็นแบบนี้ จะยังเดินร่วมทางทั้งๆที่รู้ว่ามันอันตรายอยู่อีกไหม แต่ฉันสัญญาจะปกป้องนายให้ดีที่สุด เท่าที่ชีวิตฉันจะทำได้ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น จะยังยืนอยู่ข้างๆคนอย่างฉันอีกหรือเปล่า..”ชานซองมองใบหน้าสับสนของอีกคนแล้วกลับใจเสียขึ้นมาเล็กๆ

     

    แต่ไม่นานใบหน้านั้นกลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่แสนคุ้นเคย รอยยิ้มที่คอยปลอบใจทุกครั้งหลังจากเวลาเขาออกนอกลู่นอกทางแล้วโดนบ่นเสียหูชา รอยยิ้มที่ยิ้มอย่างดีใจทุกครั้งเห็นเขาทานอาหารที่ชอบ รอยยิ้มอ่อนๆปนเหนื่อยใจทุกครั้งที่เขาตัวทำงอแงเป็นเด็กเอาแต่ใจ

     

    รอยยิ้มสดใสที่เขานึกตกหลุมรัก ตั้งแต่แรกเห็น..

     

    “ไม่รักแล้วจะตามมาถึงขนาดนี้หรอ..โง่เปล่าเนี่ย!!

     

    ********************************************************

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×