ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC 2PM]DESTINY ME [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #6 : [SF 2PM]DESTINY ME : PART 5

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 53


     

    Part5

     

    “นี่จุนโฮ นายรู้ไหม..วันนี้ ฉันไปไหนมา”ชายหนุ่มเริ่มเปิดบทสนทนา เมื่ออาหารคำแรกเริ่มเข้าไปในปาก

    “ไม่รู้ไปเรียนจะรู้ได้ยังไงล่ะ..นายนี่ก็แปลกคน”จุนโฮที่นั่งตรงข้ามทำหน้ายิ้มประหลาดใส่เพื่อนตัวเองที่เคี้ยวตุ้ยๆๆ พลางตักอาหารทางบ้าง

     

    “ก็ไปเจอคนมาคนนึงอยากพามาให้นายรู้จัก..เขาน่ารักมากเลย รู้ไหม”ชานซองพูดยิ้มแย้มเพียงแต่ ไม่ได้สังเกตสีหน้าอีกคนที่มันเปลี่ยนไป จากขาว..เป็นขาวซีด..

     

    “ร..หรอ..แล้วเป็นยังไงบ้าง”

    “อื้ม..ก็จิตใจดี ทำอาหารเก่ง ดูแลคนก็ที่หนึ่งเลยล่ะ คล้ายๆนายเลยล่ะ..ฉันว่านะ...”ชานซองก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปเรื่อย แต่อีกคนนี้ซิ..เริ่มกลืนอะไรไม่ลงคอ อาหารในใจชักทำให้ฝืดเฝื่อนไป

     

    มันรู้สึกตื้อๆในหัว จนบางครั้งก็รู้สึกเหมือนจะตายให้ได้ในตอนนี้..

     

    “นายรู้ไหม พี่คุณดูจะถูกใจเขามากเลย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ฉันจะพาเขามาเป็นเพื่อนเล่นกับนาย..อ้าว...เป็นอะไรไปหรือเปล่า”ชานซองที่กินข้าวแบบรวดเดียวหมดเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนที่ทำหน้าเหลอหลา แล้วก็นึกขำกับท่าทีแบบนั้น แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าเพื่อนเป็นอะไร

     

    “ห..หา พี่คุณหรอ..”คนถามคงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเสียงของเขา มันเบาหวิวมากแค่ไหน..

    “ใช่ซิ..พี่คุณ ทำไมหรอ ไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้เลย.. สำออยใหญ่เลย..นี่ขออีกๆๆ”ชานซองยื่นจานเปล่ามาให้ส่งสัญญาณว่าเขาอยากขอเพิ่ม

     

    “อ่า..ได้ๆๆๆ เดี๋ยวตักให้นะ..โธ่ ตกใจแทบแย่..ไอ้เรารึก็นึกว่านายจะชอบเขาเสียอีก..”จุนโฮรับจานมาก่อนจะหันหลังไปตักอาหารเย็นของวันนี้จนพูนจานอีกคน ระหว่างนั้นก็พึมพำกับตัวเอง..

     

    “อะไรนะ จุนโฮ..”

    “ป..เปล่าๆๆ ไม่มีอะไร ไม่มี้ ไม่มี”คนที่ยืนหันหลัง ทำมือลนลาน ไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มรู้ทันของคนที่นั่งรอจานข้าวอย่างอารมณ์ดี ทั้งดีใจ ชอบใจ มีความสุข!!!

     

    “อะ..เอาไปเลย เนี่ย..กินอะไรเยอะแยะขนาดนั้นเนี่ย กระเพาะคนหรืออะไรเนี่ย..”พออารมณ์ดีก็ชักยิ้มแย้ม มีความสุข เพราะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดไปเอง

    “ทำไมทำหน้ายิ้มอย่างนั้นล่ะ..”รู้อยู่หรอก แต่แกล้งแซว

    “อะไร ใครยิ้ม!!! บ้าเปล่า ก็แค่คิดว่า อยากเจอคนที่นายว่าเท่านั้นล่ะ..”จุนโฮว่าพลางยิ้มตาหยี แน่นอนนอกจากชานซอง เขาก็อยากได้เพื่อนเล่นคนอื่นบ้างเหมือนกัน

     

    “งั้นเดี๋ยว...สุดสัปดาห์นี้ ฉันจะพาไปละกัน..”

     

    **********************************************************

     

    แต่..ก็อย่างว่า เรามันคนแต่งนิยาย จะรอช้าทำไม อยากให้สัปดาห์หนึ่งมันไวเหมือนโกหก..ก็เลยโกหกมันซะเลยหมดเรื่องหมดราว..

     

    จิ่งกระดุ่ง!!!

    เสียงทักผ่านทางเครื่องมีอิเล็คโทรนิคทำเอาคนที่กำลังดูภาพยนตร์ ผ่านคอมพิวเตอร์อยู่สะดุ้งเฮือกทันที ต่างกับอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ด้วยกันนั้น กลับมีท่าทีที่นิ่งเฉย..

     

    [chon’ ha!! : พี่คุณ..อยู่ป่ะเนี่ย...อยู่ไหน เป็นไง แขนหายยัง หรือพิการซ้ำซ้อนไปแล้วพี่]

    [009732 : อ่า..ชานซองหรอ..ขอโทษที เราอูยองเองนะ เดี๋ยว เราไปเรียก พี่คุณให้]

    [chon’ ha!! : อ้าวๆๆๆ หรอๆๆ เดี๋ยวๆๆๆ นี่ ทำอะไรอยู่เนี่ย ถึงมาตอบแทนได้]

    [009732 : ก็เราเอามาดูหนังกับพี่คุณน่ะ ที่ห้องไม่มีเครื่องเล่นซีดี  ]

    [chon’ ha!! : อันแน่!!ตกลงนี่คอมใครกันแน่เนี่ย ครั้งที่แล้วโทร.ไป นายก็รับ แล้วนี่แอบโหลดหนังป๊มาดูหรือเปล่านี้ สารภาพมาซะดีๆ ]

    [009732 : เอ้ย!! จะบ้าหรอ..ก็หนังธรรมดา ไพเรท ออฟ ดิคาริบเบี่ยน นี่เราแค่ยืมมาดู อีกอย่างส่วนเรื่องโทรศัพท์ เราก็รับแทนเฉยๆ ตอนพี่คุณอาบน้ำ]

    [chon’ ha!! : นั้นแน่มีแก้ตัวๆ โอเค..ฉันฝากบอกพี่คุณหน่อยว่า พรุ่งนี้จะไปหา..]

    [009732 : ได้ๆๆๆ แล้วจะคุยกับพี่คุณไหม..ชานซอง]

    [chon’ ha!! : ไม่ล่ะ..ขอบใจมาก ไปล่ะ บาย..]

     

    สิ้นสุดการสนทนาผ่าน เจ้าคอมพิวเตอร์ที่ถูกติดตั้งลงโปรแกรมมาอย่างดี เจ้าคนที่ได้รับมอบหมายก็หันไปบอกคนที่นอนสบายๆ ดูภาพยนตร์ที่ไปโหลดมาดูด้วยกันทันที

     

    “พี่คุณครับ ชานซองฝากมาบอกว่า วันพรุ่งนี้จะเข้ามาหา..”ดวงหน้ากลมใส หันไปบอกน้อยๆ มองหน้าอีกคนว่าจพอย่างไร เพียงแต่อีกคนพยักหน้านิ่งๆ

     

    สรรพนามที่เรียกกันมันเริ่มเปลียนไปมาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน แน่นอนอูยองรู้ดีว่า ตัวเองเด็กกว่านิชคุณก็หลายปีแต่ตามมารยาทแล้วไม่สนิทสนมจะถึงขั้นจะสามารถเรียกพี่ เรียกชื่อได้ แต่พอนานวันเข้าพ่อรูปหล่อกลับเริ่มรำคาญหู เพราะก็ยังไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหน

     

    แต่ว่าที่ค่อนข้างชัดเจนเลย คือการเป็นอยู่ของอูยอง ที่ดูดีขึ้นมาก ไม่ใช่เพราะมีป๋าเลี้ยงแต่ก็เหมือน จากที่ต้องทำงานร้านสะดวกซื้อ ตอนนี้ก็แค่คอยดูเลนิชคุณ หาซื้อข้าว เช็ดตัวทำแผล ก็สนนราคาที่สูงลิบลิ่ว แม้จะไม่ได้เรียกร้องเพระตอนแรก เรียกไปรวมกับค่าบ้านแค่พอใช้จ่าย

     

    แต่ไปๆมาๆ ทำไมมันถึงสูงลิ่วไปขนาดนั้น..ก็ไม่รู้ซิแฮะ..=”=

     

    “หรอ..อืม..”นั้นเป็นคำตอบรับของคนที่ประหยัดคำพูด

     

    ความจริงเขาเองก็ไม่อยากให้ชานซองมาเท่าไหร่นัก เพราะก็กลัวว่า ถ้าเป็นคนของบอสจริง เขาต้องให้คนมาคอยประกบชานซองแน่ๆ แต่ของแบบนี้ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงดู ไม่งั้นคงไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวการ

     

    ห่วงก็แต่เจ้าเด็กที่นอนแก้มป่องอยู่นี่เท่านั้นล่ะที่จะลำบากไปด้วย

     

    “ผมต้องเตรียมทำอาหารใช่ไหมครับ พรุ่งนี้ ว่าแต่ทานจุกันไหมครับ”อูยองนอนแบบลงกับพื้นพลางบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยชบออกไป ด้วยนั่งดูภาพยนตร์นานๆ อย่างนี้ก็เอาเรื่องเหมือนกัน

    “รวมเราสองคนเป็นสี่ รู้ไหม..ที่จริงนายทำไว้ซักสิบคนพอกินก็ดีนะ เพราะแค่ไอ้ชานคนเดียวน่ะ ก็ปาเข้าไปเท่ากับสิบคนกินแล้วล่ะ”นิชคุณเอามือไปเล่นผมคนที่นอนอยู่ใกล้ๆขา อย่างนึกเพลินๆ

     

    ยิ่งอยู่นาน ก็ยิ่งเห็นข้อดีและความน่ารักของอีกฝ่ายมากขึ้น แม้จะเป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ แต่ก็รู้สึกผูกพันจนลืมสาเหตุของการมาอยู่ที่แท้จริงไปเสียสนิท

     

    “เห!!!!!!! ขนาดนั้นเลยหรอฮะ..สงสัยวันนั้นต้องมีผู้ช่วยอีกซักคน” อูยองเปรยๆออกมาเล็กน้อย ถึงเขาจะทำอาหารเก่งระดับเสต็ปป์เทพขนาดนี้ แต่..ตัวคนเดียวเลี้ยงปากท้องหลายหลากก็ไม่ไหวนะ กว่าจะทำเสร็จคงเย็นพอดี

    “รับรอง..มีแน่”

     

    ...............................

    ....................

    ........

     

    ก๊อก..ก๊อก

     

    “ยินต้อนรับครับ เชิญเข้าบ้านก่อนนะ..”เจ้าของบ้านตัวเล็กเดินออกมาต้อนรับแขกด้วยสีหน้าจะยิ้มแย้ม แต่ก็แอบไม่สุด เพราะห้องหับเองก็ไม่ได้ดูดี และชีวิตของเขาไม่ได้มีใครมาเป็นเพื่อนมากนักเว้นก็เสียแต่โจวควอนที่เทียวไปเทียวมาบ้าง แต่นักเรียนแพทย์ปีสี่ก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอขนาดนั้นที่จะมาเยี่ยมเยียนได้ทุกวันๆ

     

    “เฮ้..อูด้ง!!”ชานซองเดินนำเข้ามา ก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวเข้ามาในห้อง เรียกกันอย่างสนิทสนม ทั้งที่จริงแล้วก็เจอกันครั้งเดียว คือวันที่เอาคอมพิวเตอร์มาให้ ที่เหลือก็ได้คุยกันในเอ็มบ้าง เพราะชานซองต้องการจะติดต่อนิชคุณ แต่เขาเอาคอมพิวเตอร์ไปเล่นเกมส์บางครั้ง

    “เราบอกนายแล้วไงว่าเราชื่อ อูยอง โอ๊ะ..ใครเนี่ย..”ด่าไม่ทันเท่าไหร่ อีกคนที่ยิ้มตาหยีก็เดินตามเข้ามา พลางก้มหัวทักทายอย่างมีมารยาท เป็นที่สุด ต่างจากนายคนแรกลิบลับ

     

    “ขอโทษด้วยที่ชานไม่ค่อยมีมารยาท ฉันลี จุนโฮนะ”แขกที่มาใหม่ ยิ้มรับไม่พอขอโทษแทนเพื่อนตัวเองที่ทำตัวเสียเหมือนบ้านตัวเอง

    “เอ่อ..ไม่เป็นไร..ผม..จาง อูยอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ..”อูยองยิ้มรับอีกครั้ง ก้มตัวลงแสดงความยินดี

    “ยินดีเหมือนกัน”

     

    “ได้ข่าวจากพี่คุณว่า ทำอาหารเก่งเหมือนกันนี่นา ใช่ไหม”อูยองเดินนำร่างโปร่งเข้ามาในบ้านที่ทำเหมือนจะใหญ่แต่ความจริงแล้วเค่สองสามก้าวก็ถึง ห้องอเนกประสงค์ที่เป็นทั้ง ห้องนอน ห้องทานอาหาร หรือแม้แต่ห้องนั่งเล่น

     

    “คงไม่เท่าอูยองหรอก เป็นเชฟขนาดนั้น ต้องเก่งกว่าอยู่แล้ว สวัสดีครับ พี่คุณ”คนถ่อมตนบอกตามความสัจจริง ที่เขาทำได้ก็งูๆปลาๆทั้งนั้น ไม่ได้เก่งอะไรเลิศเลอ แต่แว่บนึงไม่ลืมที่จะโผล่หน้าไปสวัสดี ผู้อยู่อาศัยกิตติมาศักดิ์ แล้วจึงเดินตามอีกคนเข้าครัว

     

    แต่เพียงจุนโฮเองก็ไม่ทันได้สังเกตแขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บของ นิชคุณเช่นกัน เพราะว่าเขาเองก็ตั้งใจที่จะปกปิดบาดแผลเอาไว้ ไม่อยากสรรหาคำตอบมาตอบคำถาม

     

    “อย่าถ่อมตัวไปเลย วันนี้ผมเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ไม่อยากเสียมารยาทใช้แรงงานแขกเลย”เจ้าของห้องบอกนิดๆ พลางหัวเราะกลบเกลื่อน

    “โอ้ย ตามสบายเลย นี่ถ้าความจริงไม่มีชานซอง อาหารมื้อนี้จะประหยัดเยอะเลยแหละ รู้ไหม แต่ท่าทางเตรียมของขนาดนี้ แสดงว่า พี่คุณบอกแล้วแน่ๆ”จุนโฮที่พับแขนเสื้อเตรียมช่วยอย่างเต็มที่ ไม่วายแอบกัดเพื่อนตัวเองไปอีกซักแผลสองแผลพอเป็นกระศัยของชีวิต

     

    “ตัวเองนินทาอะไรเขาหรอ ห้องอูด้งมันแคบเขาแอบได้ยินนะจะบอกให้..”ชานซองพูดเสียงดัง ยืนยันให้รู้ว่าตามนั้นเลยจริงๆ

    “ไม่ได้นินทา แค่พูดถึงเฉยๆ แค่นั้นเอง หูหาเรื่องนะเราน่ะ ไปคุยกับพี่คุณนู่น จะช่วยอูยองทำกับข้าวแล้ว แค่นี้นะ!!”จุนโฮบอกปัด ตัดสายทิ้งมันซะเลย ก่อนจะเริ่มมองดูอูยองที่คว้าข้าวของเครื่องใช่ออกมาเตรียม

    “แค่นี้ล่ะจ้า ที่รัก!!!”นั้นจงใจพูดเสียงดังเลยทีเดียว..

     

    เพล้ง!!!!!!!!!!

    ทำเอาจานที่จุนโฮช่ายอูยองถือหล่นไม่เป็นท่าเลยน่ะซิ ดีนะแค่ใบเดียว..ไม่วาย ลำบากอูยองต้องรีบเข้ามาช่วยเก็บกวาดไปด้วย..

     

    “เป็นอะไรไปครับ จุนโฮ”อูยองที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ถามอย่างนึกเป็นห่วงเพื่อนใหม่ที่ดูท่าจะเข้ากันได้อย่างดี”

    “อ่อ เปล่าน่ะ อยู่ดีๆมือมันก็ไม่มีแรงน่ะ ขอโทษทีนะเรื่องจาน”...ชานซอง กลับบ้านไปนายตายแน่~~!!

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ใบนั้นมันก็เก่ามากแล้ว เอาเป็นว่า แค่ไม่บาดเจ็บก็ดีแล้วครับ”เจ้าแก้มป่องยิ้มให้ อย่างน่ารักถูกใจจุนโฮน้อยอย่างดี คราวนี้เห็นด้วยจริงจังแล้วว่าท่าทางจะได้เพื่อนเล่นคนใหม่

     

    “อ่า..งั้นมาเริ่มทำกันเลยนะฮะ..อ่า..อาหารวันนี้ มีไม่กี่อย่างแต่มันเยอะ..เพราะคนกินจุ เน้นปริมาณอย่างเดียวก็เลยจะทำพิมพิบับ ไก่ตุ๋นโสม หมูผัดซอส แล้วก็ ยำแมงกระพรุนเย็นน่ะครับ”อูยองว่าแล้วก็มองวัตถุดิบที่ไปขนซื้อมาเมื่อเช้า แถมยังต้องไปคนเดียวแน่ะ เกือบแขนลากแล้ว

     

    จะว่าตั้งแต่มีนิชคุณอยู่ ชายหนุ่มก็ไม่เคยเดินไปไกลกว่าเขตประตูห้องเลย เรียกว่ากบดานจริงๆ

     

    “โอเค..เริ่มดีกว่าเนอะ เดี๋ยวจะเย็นพอดี..”

     

    “จะแกล้งเขาไปถึงเมื่อไหร่..ก็รู้ว่าเขารักไม่ใช่หรอ ไม่รักก็ยกให้คนอื่นเขาไป”นิชคุณนั่งมองโทรทัศน์ที่กำลังโฆษณาอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ก็คู่แก้เซ็งเฉยๆ

    “แล้วใครว่าไม่รักล่ะ แต่พี่คนอย่างเรามีคนรักได้หรือ บอกได้หรอ ว่าเราทำงานอะไร..แล้วชีวิตเขาจะไม่ลำบากไปกับเราหรอพี่..” ชานซองเปรยๆอย่างเบื่อๆ แต่ในใจมันก็อัดอั้น

     

    “ก็จริง แต่ถ้าเขารักเราจริงๆ เขาก็จะเข้าใจ โดยเฉพาะจุนโฮ เขาเป็นคนดี ฉันเชื่อว่าเขาเจะเข้าใจนาย ชานซอง”นิชคุณพาลคิดถึงเรื่องของตัวเอง กับคนที่เพิ่งพบเจอกัน เหมือนพรหมลิขิต

    “หรอครับ แต่ผมกลัว..กลัวเขาจะเป็นอันตราย..”เจ้าคนตัวโตได้แต่เหม่อมองบางสิ่งบางอย่าง โดยที่ในหัวนั้นคิดอยู่ก็แต่เรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน

     

    “แล้วจะปิดไปอีกนานเท่าไหร่”คนเจ็บที่แผมเริ่มสมานถามขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ใช้ความคิด

    “คงซักระยะครับ ไม่ก็จนกว่าจะปิดไม่ได้..”

     

    ....................................

    .......................

    .............

     

    “อาหารเสร็จแล้วครับ..”

     

    หลังจากสิ้นคำ วงอาหารเล็กๆ แต่มากปริมาณจึงเริ่มขึ้นอย่างสนุกสนาน มีการพดคุยมากมายเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว การเมือง สังคม ดารา หรือแม้แต่เรื่องเรียน และที่อยู่อาศัย สัพเพเหระที่จะสามารถยกขึ้นมาพูดได้ก็ขนมันขึ้นมาทุกเรื่อง จนปากที่ทำหน้าที่เคี้ยวอาหารไม่มีการหยุดพักผ่อน

     

    และก็เป็นจริงอย่างที่คาด  จุนโฮ กับอูยองข้ากันได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยทีเดียว นั่งคุยกันเป็นต่อยหอย น่ารักน่าชัง สนิทเสียจนเปลี่ยนสรรพนามจากชื่อ จนกลายเป็นเรากับนายไปแล้ว และส่วนพ่อสองหนุ่มนั้นน่ะหรือ ก็คุยกันเอง เพียงไม่รู้คุยอะไรกันก็เท่านั้น..

     

    “นี่ๆๆ นายรู้ไหม..ตอนที่ต้องผ่าหมูแรกๆนะ ถึงมันจะมาเป็นตัวที่ตายแล้ว และเอาเครื่องในออกมาก็เถอะ แต่ก็อดสงสารหรือกลัวๆไม่ได้จริงๆนะ..แบบว่าตอนทำจะแย่ให้ตายเถอะ มันพระเจ้ามาก แต่พอหลังๆนี่ชักชิน เริ่มคล่องแล้วล่ะ อีกหน่อยคาดว่าอาจถึงขึ้นผ่าตัดคนได้”อูยองพูดถึงเรื่องวิชาการทำอาหารของตัวเองน้อยๆ

    “จริงดิ..อย่างนี้ก็ต้องมันน่ะซิ แต่เรียนทำอาหาร คงไม่ได้ใช้หมูอย่างเดียวใช่ไหม”ด้วยที่ตัวจุนโฮเองก็เป็นคนชอบทำครัวเลยยิ่งอยากรู้อยากเห็นเข้าไปใหญ่

     

    อย่างง่า พอสนิทกันอะไรก็น่าฟังไปหมดแหละ ได้แต่ยิ้มปั้นจิ้มปั้นเจ๋อไปด้วย

     

    “ใช่ๆๆ แค่ที่ทำไม่ลงที่สุดเลยนะ คือเนื้อกระต่าย แต่รู้ไหม กระต่ายที่เขาเอามาทำ มันไม่ได้น่ารักเหมือนกับที่เราเลี้ยงหรอก จริงๆ แล้วเป็นกระต่ายเนื้อ ตัวใหญ่กว่าแมวอีก!! เลยพอทำใจได้บ้าง แต่ก็แย่เอาการอยู่”อูยองถอนหายใจเฮือกออกมา ก่อนมองดูสีหน้าคนฟัง

    “โหยเข้าใจเลยอะ..”

     

    กึก..

     

    เสียงประหลาดที่ดังแผ่วเบานั้นไม่ได้ทำให้คนที่คุยกันอย่างสนุกสนานรู้ตัวเลยซักนิด เว้นก็แต่คนสองคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่อีกมุม ที่หันขวับมามอง..

    “จุนโฮ..อูยอง เงียบก่อนนะ..”ชานซองพูดเสียงเครียด ผิดแผกจากที่เคยเป็นทำเอาคนที่เม้าท์กันเองเงียบจนแทบสนิท อารามทั้งตกใจและเกรงๆชอบกล

     

    กึก..

     

    “ชาน..แกพาใครมาด้วยหรอเนี่ย..” นิชคุณขมวดคิ้ว สิ่งที่คิดไว้เป็นจริงเอาเสียด้วย ไม่คิดเลย..

    “ผมไม่ได้พามา แต่พวกสัมพะเวสีพวกนี้มันชอบมาเกาะแกะนี่พี่ แถมพวกนี้ก็คนกันเองอีกต่างหาก”ชายซองยิ้มเหี้ยมมองหน้าเพื่อนรุ่นพี่ของเขาที่นิ่งงันจนน่ากลัว..

     

    “ฮึ..สุดท้าย ก็เป็นเจ้านายจริงๆซินะ..”นิชคุณเปรยออกมาน้อยๆ ค่อยๆเดินไปหยิบปืนออกมาจากลิ้นชักอย่างใจเย็น ในขณะที่ชานซองเรียกสองหน่อนั้นหลบเข้าไปอยู่ในห้องน้ำเสียก่อน

     

    อูยองดูจะตกใจเล็กๆ แต่ด้วยความที่พอคาดเดาความเป็นมาได้เลาๆจึงไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับจุนโฮที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนั้นดูจะตกใจไม่น้อย เพราะตอนนี้สิ่งที่เพื่อนเขาควักออกมาจากกระเป๋า แล้วกระชับอยู่บนมือ มันคือปืนพกกระบอกมันวาว นั้นเอง เพียงแต่ความรีบร้อนนั้น ทำให้เขาไม่ได้ถามออกไปทำได้เพียง ทำตามที่อีกคนสั่งเท่านั้น..

     

    “พี่..พร้อมหรือยัง..”คนตัวโตหันไปถามร่างสูงของอีกคนที่ หมุนคอไร้ความเมื่อยขบจากการนั่งนานๆออกไปอย่างสบายๆดูไม่เดือดร้อนเท่าไหร่นัก อยู่ด้านข้าง

    “ก็เอาซิ..อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง..”

     

    ********************************************************

     

    TBC มาแล้วไปแล้ว...ไปสอบอีกซักรอบ..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×