คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [SF 2PM]DESTINY ME : PART 4
Part4
“นี่มันยังไม่ตายอีกหรอเนี่ย..จะทำยังดี..ที่มันไม่ตาย มันควรจะตายไปซะ!!”ชายที่นั่งหันหลังให้ มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นผู้คนและรถที่สิ่งผ่านไปมาจากชั้นบนสุดของห้องทำงานของตนเอง
พวกมดงานที่ต้องทำงานอย่างหนักซึ่งต่างจากเขาที่คอยแค่ออกคำสั่งเท่านั้น เพื่อรอเพียงแค่เวลาที่จะได้ไปยังจุดที่สูงสุดขององค์กร ที่ที่จะเป็นของเขาไม่ใช่ของคนอื่น..
“ท่านครับผมว่า สั่งให้คนออกตามหาใหม่ดีไหมครับ แล้วก็ให้คนของเราออกล่า”เลขาคนสนิทมองหน้าของเจ้านายตัวที่ส่อแววกังวลและเคร่งเครียด
“มันน่ะยังไม่รู้ตัว..ว่ามัน...เป็นใคร..เพราะฉะนั้น อย่าให้อะไรขวางทางฉันได้..กำจัดมันซะ ให้มันออกไปจากชีวิตของฉัน”ชายหนุ่มกำมือแน่นมากขึ้น เขาทำสายตานิ่ง
“ทำให้มันตายไปซะ..ฉันไม่อยากให้มีชื่อมันอยู่บนโลกนี้อีก คนที่ชื่อนิชคุณ”หากแววตากร้าว..แสดงออกเลยว่ามุ่งร้ายในชีวิตของคนอื่น
มุ่งหวังอยากให้คนๆนึง ไม่เหลือแม้กระทั้งชื่ออยู่บนโลก
...................................
..........................
...............
“โอ้ย..ทำไมมันฮอด เยี่ยงนี้เนี่ย..แล้วแถวนี้นี่ทำไมมันโทรมอย่างงี้พับผ่าซิเอ้ย!!”ชานซองบ่นออกมาเสียงดัง ปาดเหงื่อพระกาฬที่ไหลอย่สงไม่เกรงใจกันบ้างเลย นึกรำคาญสภาพดินฟ้าอากาศของวันนี้อย่างรุนแรง แถมสภาพที่เสื่อมโทรมอย่างนี้ ไม่คิดจริงๆว่าจะเป็นที่อยู่ของมนุษย์หรือนี้
ตาคมมองแผนที่ในมือที่บ้างทีก็ใช้มันแทนพัดโบกไปมา หวังจะให้มันคลายร้อนอีกครั้ง ยืนยันแน่ๆว่าเขาไม่ได้มาผิดที่ แต่ในเอกสารที่ติดมือมาก็บอกว่าไม่ผิด และนับจากที่เขาแอบถามคนละแวกนั้น อีกไม่กี่ช่วงตึกก็คงถึง เลยกัดฟันลากขาฝ่าความร้อนที่น่าหงุดหงิดไปอีกซักหน่อย
“อ่า..ที่นี้นี่..เอง ใช่..หรอว่ะ..”คนตัวใหญ่มองที่อยู่เลยที่บ้าน สถานที่บอกชื่ออพาตเม้นท์ ซึ่งก็ไม่เห็นความผิดพลาดที่บอกเอาไว้ซักกระเบียดเดียว เลยคิดว่าน่าจะมั่นใจว่าใช่แน่
แต่สภาพตึกที่ดูเหมือนจะผุแหล่..ไม่ผุแหล่ และราวขั้นบันไดสังกระสี ที่มีรอยสนิมกัดเป็นรูโหว่ เหมือนกับว่าถ้าเหยียบไปแล้วมันจะทะลุผลุลงไปนั้นทำให้เริ่มไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องลองเสี่ยงดู ถ้าไม่ใช่ก็ไปอีกที ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย
ชายหนุ่มค่อยๆเดินอย่างระมัดระวัง กลัวว่ากลับออกไปจะอาจโดนบาดทะยักถามหาเอาได้ แถมคะเนทางสายตาแล้ว ห้องที่นี้คงแคบเอามากๆ เพราะ ประตหน้าห้องที่ดูถี่เสียขนาดนั้น
35/76
สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องจนได้ พลางคิดไปว่าเลขห้องนี่ดูๆไปก็สวยดีแฮะ แต่ไม่ใช่เวลาจะมาชื่นชมอะไรเสียหน่อย เขามาทำงานไม่ได้มาเดินเล่นนี่..=”=
เขาหยุดฟังเสียงความเคลื่อนไหวในห้องก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งผลที่ได้รับกลับมาว่ามีเสียงโทรทัศน์ดังแว่วลอดออกมาน้อยๆ ก่อนเอาอุปกรณ์บางอย่างที่คล้ายลวดหน้าๆสองเส้นสะเดาะกลอนในห้องของคนอื่นอย่างถือวิสาสะ เขาไม่อยากเคาะประตูห้องด้วยเหตุผลอะไรหลายๆอย่าง
และอย่างยิ่ง ทีมเขากำลังโดนจับตามอง และนี่อาจจะเป็นแผนลวง
แอ๊ด...
เสียงสะเดาะที่แผ่วเบาเสียจน หากพลาดไปก็คงไม่ได้ยิน เพียงแต่เด็กหนุ่มค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปทีละนิด แง้มมันออกอย่างช้าๆ เสียงโทรทัศน์นั้นยังดังอยู่เหมือนเดิม และเพียงแต่ใม่ เห็นวี่แววของสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในห้องซักคนเดียว ชายหนุ่มจึงก้าวขาอีกข้างอย่างเบาที่สุด
แกร๊ก..
ความเย็นเยียบและวัตถุบางอย่างที่เขาคุ้นหู ดังเหมือนขึ้นไกนั้นทำให้สัญชาตญาณดิบที่มีเมื่อยามฝึกฝนจนชำนาญการนั้นยิ่งทำให้มันมีประสิทธิภาพอย่างดี โดยการ..
เอานิ้วไปอุดไอ้ปลายประบอกที่ส่องมาตรงกลางหน้าผากมันซะเลย...
“โห..เล่นแรงนะเนี่ยพี่คุณ..”ชานซองบ่นออกมาน้อยๆทำหน้าทะเล้น มองเพื่อนรุ่นพี่ที่ใส่เพียงเสื้อกล้าม กับกางเกงวอร์มสบายๆที่เมื่อวานมีคนไปหาซื้อมาให้เเท่านั้น เขาไม่อยากใส่อะไรทีมันกระทบกระเทือน หรือปกปิดแผลจนเกินไป เดี๋ยวคนที่ไม่ได้อยู่ตอนนี้จะไม่เห็นอะไรช้ำเลือดช้ำหนองแล้วจะมันไม่ดูน่าสงสาร
“แล้วใครเนี่ย..มาบ้านคนอื่นไม่เคาะประตู ดันสะเดาะกลอนเข้ามา บ้าเปล่า”อีกคนลดมือลงไปไว้ที่เดิม เดินเอาปืนไปเก็บไว้ในตู้สื้อผ้าอย่างเรียบร้อย
“อ้าว..กลัวเข้ามาเป็นกับดักทำไง เล่นทีเผลออย่างนี้ล่ะดีแล้ว จะได้ไม่ทันตั้งตัว”ชานซองวางสัมภาระเล็กน้อยลงทั้งหมด แลเห็นพัดลมตัวจ๊อย เลยรีบวิ่งแล่เข้าไปหา เอาหน้าตัวเป่าเสียจน ปลายผมยาวที่หลุดลุ่ยออกมาจากการมัดนั้นปลิวไปตามกำลังลมอ่อนๆ
“ฮ้า ค่อยยังชั่ว นึกว่าต้องตายซะแล้วเนี่ย”
“เอาเข้าไปทำอย่างกับบ้านตัวเอง ว่าแต่ฉันบอกแล้วไม่ใข่หรอชาน ว่าไม่ต้องตามมา..”นิชคุณส่ายหัวน้อยกับความไม่รู้จักโตของเพื่อนรุ่นน้อง ก่อนเดินลงมานั่งข้างๆ พลางเอื้อมมือปิดโทรทัศน์รุ่นเก่า
“ก็ผมเป็นห่วง กลัวพี่จะเป็นตายร้ายดียังไง ก็อยากมาดู แล้วนี่แขนไปโดนอะไรมาเนี่ยพี่ อย่าบอกนะ..ว่าโดนลูกปืน ที่วิ่งหลบมาเมื่อวาน”ชานซองเหลือบไปเห็นแผลที่มีเลือดเกรอะกรังอยู่ตรงหัวไหล่ จึงถามขึ้นพร้อมกับคาดเดาคำตอบที่จะได้รับออกมาด้วยอีกแน่ะ
“ไม่ได้โดนลูกปืนหรอก โดนสปาต้าร์ ตอนแรกคิดว่าแขนขาดแล้ว ดีนะแค่ถากแรงๆ ไม่โดนเส้นเลือดสำคัญ อะไรเทือกๆนั้นน่ะ ดีที่เพื่อนเจ้าของห้องเขาช่วยแล้วน่ะ เลยดีหน่อย”นิชคุณตอบ รู้สึกไปเองหรือเปล่าก็รู้ว่าห้องมันแคบๆยังไงก็ไม่รู้ อาจจะเพราะคนตัวโตๆอยู่ในห้องแคบๆแบบนี้ก็เป็นได้
“อ่อ..ว่าแต่เจ้าของห้องใจดี นายจาง อูยองไปไหนแล้วล่ะพี่..”ชานซองมองหา หวังในใจ อยากฝากผีฝากไข้พี่ชายเขาเสียหน่อย แหม..ให้คนแปลกหน้ามาพักที่ห้องอย่างนี้ต้องจิดใจดีน่าดู
“หมอนั้นไปเรียนแล้วน่ะ เดี๋ยวอีกซักพักคงกลับมา..”เดินไปเอาน้ำมาให้อย่าคล่องแคล่ว
“โห..มาอยู่ได้คืนเดียว นี่ทำเหมือนเป็นเจ้าของห้องเลยนะ เอ่อ..พี่ มาเข้าเรื่องก่อนเลย ผมไม่ได้แค่มาเยี่ยมพี่หรอกนะ ผมมีเรื่องที่ผิดพลาดของพี่ที่เมื่อวานผมวิเคราะห์มาให้แล้ว”ชานซองมองซ้ายมองขวา ว่าดูแล้วปลอดภัย เขาเลยเริ่มเล่าเรื่อง..เรื่องเดียวกับที่เขาคุยกับเพื่อนร่วมงานมาเมื่อคืน
..............................
......................
...........
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ พี่โอเคไหม..”ชานซองมองหน้าพี่ชายของเข่ที่ดูเงียบลงไปเมื่อรู้เรื่องราว สีหน้าขาวนั้นกลับดูเคร่งเครียดมาก จนใบหน้าที่เคยดูหวานนั้น กลับกลายเป็นนิ่งขรึมและน่ากลัว..
“ฉันโอเค แต่นายก็รู้ว่านอกจากเราสี่คนแล้วก็มีแต่บอสเท่านั้น..บอสเท่านั้นที่จะรู้เรื่อง แต่ฉันก็ไม่อยาก ปักใจเชื่อ บอสดีกับฉันมาก”นิชคุณสูดหายใจเข้าปอด ขาเริ่มสับสนกับตนเอง ระหว่างความจริงและบุญคุณที่เจ้านายของเขาเคยมี
“ผมก็ว่าอย่างนั้น เราต้องรอดีไปก่อน..ยังไง ระหว่างนี้ พี่ก็เก็บตัวอยู่ที่นี้ อ่ะผมเอาของใช้จำเป็นมาให้ นี่ๆๆๆ แล๊บท็อป รับรอง ตัวนี้ตังโปรแกรมกันการตรวจสอบไว้หมดแล้ว แล้วก็นี่โทรศัพท์ ติดตั้งแล้วเหมือนกัน พี่โทร.เข้าเบอร์แรกที่ผมเซฟไว้เลยนะ นั้นต่อตรงถึงผมเลย เผื่อมีอะไรเริ่มไม่สงบ พี่จะได้เรียกผมได้ทันท่วงทีเลยไง”ชานซองยิ้มแป้นเอาของจำเป็นมาให้คนป่วยที่ต้องกบดาน
“ขอบใจมากนะ ชาน..”ชายหนุ่มรับมันมาดู ก่อนลองพลิกไปพลิกมาอีกนิดหน่อย
“ไม่เป็นไรพี่..นิดหน่อยเอง..ว่าแต่ห้องนี่..สภาพนี้ไหวหรอ..”ชานซองมองไปรอบๆ สภาพที่เกือบย่ำแย่แต่ดูสะอาดสะอ้านอย่างนี้ เป็นสิ่งเดียวที่ดูดี
“ไม่..หรอก มันมีอะไรดีกว่านั้น..”
“กลับมาแล้วฮะ..นิชคุณทานยาหรือยัง..เย้ย!!! ใครเนี่ย!!”เด็กหนุ่มเจ้าของห้องตัวจริง เดินเข้ามาในขณะที่ คนอื่นเขากำลังสำรวจเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเทคที่คนแปลกหน้า ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้อยู่ด้วย
“อ้าว..กลับมาพอดีเลย นี่รุ่นน้องฉัน ชื่อชานซอง เขามาเยี่ยม อ๊ะ!!”นิชคุณเอามือข้างเจ็บยกขึ้นแนะนำ หาก ยกขึ้นสูงไปนิดเลยร้องออกมาเสียงดัง ทำเอาคนน่ารักต้องรีบวิ่งเข้าไปดู
“นิชคุณฮะ..ไหงเอามือนี้ยกล่ะ ก็รู้อยู่ว่าเจ็บนี่ฮะ..”อูยองกุลีกุจอ มองแผลที่ดูท่าทางยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะไม่มีเลือดซึมออกมาเท่าไหร่ คงยังไม่ปริ แล้วเลยเอ่ยปากดุน้อยๆ
หากคนที่สามอย่าชานซองมองสีหน้าเจ็ดปวดน้อยๆ ของรุ่นพี่ พร้อมกับเลิกคิ้วนิดๆปนสงสัย ดูไม่น่าเชื่อว่าเมื่อกี้นี้ยังเห็นถือปืนได้อยู่เลย จะมาร้องโอดครวญ เห็นจะว่าเป็นเรื่องแปลกจริงๆ
“ขอโทษที มันลืมตัว” ว่าแล้วก็ส่งยิ้มให้อีกคน ทำท่าทางลำบากเวลาขยับตัว จนคนขี้ใจอ่อนต้องมาช่วย
“เอ่อ สวัสดีครับ ผมอูยอง แล้วนี่คุณจะขยับตัวทำไมมากๆเนี่ย!!”เจ้าตัวเล็กนึกขึ้นมาได้เลยหันมาทักทายก่อนจะจัดให้อีกคนอยู่ในท่าที่สบาย ชานซองลอบมองใบหน้ายิ้มๆอย่างเอ็นดูของรุ่นพี่ เวลาที่มองคนน่ารักจัดแจงท่าทีให้เขาอย่างคล่องแคล่ว จึงเข้าใจทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น เลยมองสบตาพี่ชายตัวหน่อยพลางยิ้มอย่างกวนๆส่งสัญญาณป็นอันว่ารู้กัน
“เฮ้อ.คุณ..ชานซองใช่ไหมฮะ.. ว่าแต่จะมารับนิชคุณกลับหรอครับ”แว่บเดียวที่เห็นแววตาเสียดาย หากพอกระพริบตาอีกครั้ง ชานซองก็เห็นว่ามันหายไปแล้ว
“อ๋อ..เปล่าหรอกครับ เผอิญ..ผมเอาของมาให้เขาเฉยๆ ยังไง ขอรบกวนฝากเข้าไว้ซักพักก่อนนะครับ เพราะทางนั้นเองก็มีปัญหาเหมือนกัน หวังว่าคงเข้าใจ”ชานซองเอ่ยน้อยๆ กับคนรู้จักหมาดๆ
“อ้าว..หรอครับ งั้นผมคงไม่ละลาบละล้วง คิดว่าช่วยแล้วก็คงต้องให้ถึงที่สุดเหมือนกัน..โห..แล้วนี่อะไรเนี่ย เต็มโต๊ะไปหมดเลย โทรศัพท์ใคร คอมฯใครล่ะเนี่ย..O__O”อูยองมองของบนโต๊ะด้วยตาลานๆ ชีวิต ได้เล่นคอมพิวเตอร์อย่างมากก็ที่มหาวิทยาลัย แถมไอ้รุ่นที่วางเนี่ย ตัวละเฉียดสามล้านวอนเลยน่า!!!!!!!!!!.
“นิ..นิชคุณ..เขาเอาไอ้นี่มาให้คุณหรอ..”อูยองทำมือไม้สั่นไม่กล้าแตะ เล่นเอาชานซอง และนิชคุณยิ้มขำกับท่าทีที่ดูตลกๆของอีกคน
“ผมเอามาเองแหละครับ ว่าแต่พี่คุณ ท่าทางเจ้าของบ้านพี่ น่าจะพาไปแนะนำให้เป็นเพื่อนเล่นกับจุนโฮนะเนี่ย ดูทท่าทางรายนั้นจะเข้ากันได้ดี”ชานซองพุดเสียงเบาในขณะที่จับจ้องความอยากรู้อยากเห็นของคนตัวเล็กไม่วางตา
“อยากลองเล่นก็เปิดดูซิ”คนเจ็บเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดี ทำให้คนถูกเชิญชวนหันมามองตาเป็นมัน แต่พอกลับไปมองเจ้าคอมพิวเตอร์ นึกถึงราคาแล้วก็แตะไม่ลง กลัวเป็นรอย ทำเครื่องเขาพัง ต่างๆนาๆ จะคิดไปเอง
“ไม่เอาหรอกครับ..กลัวทำเสีย..ไม่มีปัญญาซื้อใช่..”อูยองทำหน้าลีบๆ ไม่กล้ามองสบตา เขาไม่ได้มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีมากเท่าไหร่นักหรอก เลยเอาเป็น อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆก็แล้วกันนะ
“ไม่เป็นไรหรอก เสียก็ซื้อใหม่ได้ ชาน นายเปิดให้อูยองดูซิ สอนเขาเล่นด้วยล่ะ..”นิชคุณพยักเพยิดหน้าให้เพื่อนรุ่นน้องเขาไป
**********************************************************
“กลับมาแล้ว..”
“กลับมาแล้วหรอ ชานซอง กินอะไรมาหรือยัง..”จุนโฮโผล่หน้าออกมาจากห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นเสียงแจ๋วๆตะโกนออกมาของเพื่อนร่วมห้องตัวใหญ่ของตัวเองอีกคน ความจริงเขาเองก็เพิ่งจะถึงห้องได้ไม่เท่าไหร่ ยังไม่ทันจะได้ทำอาหารอะไรเลยซักอย่าง
“กินแล้ว แต่ยังกินได้อีกเยอะ!!!!!!!!..”ชานซองว่าพลาง วิ่งกระโดดเข้าชาตต์ใส่คนที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างแรง จนอีกคนหงายหน้าลงไปนอนราบอยู่ตรงโซฟานุ่มตัวเพราะแรงถามเข้ามา แขนแกร่งโอบอีกฝ่ายเอาไว้แน่นหนา พลางออดอ้อนอย่างที่ชอบทำบ่อยครั้ง
“นี่!!! ฉันบอกกี่ทีแล้วเนี่ย ว่าอย่าโถมตัวมาแบบนี้!!! มันอันตรายนะ นายฮวาง ชานซอง!!!”จุนโฮตะโกนเสียงดัง พยายามดันหัวอีกคนที่ซุกอยู่ตรงอกให้ขึ้นมามองหน้ากัน
“ที่พูดนี่ฟังบ้างหรือเปล่าเนี่ย!!!”
“ฟังอยู่..แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็เหมือนไม่ถึงบ้านซิ..”ชานซองทำเสียงงุ่งงิ่ง จนอีกคนอ่อนใจ อย่างนี้ไม่ให้รักได้ไงล่ะ มานัวเนียวันล่ะสามสิบรอบ อย่างนี้ก็ไม่หลงไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
“ไม่เอาน่า...ดูซิตัวชื่นหมดเลย..อ๋อ..นี่จะเอาเหงื่อมาป้ายกันใช่ไหม!!!!!!!!!!!!!”พอเริ่มรู้สึกถึงความชื่น ร่างโปร่งของคนโดนกอดก็ตวาดแฟ่ดเข้าให้ แต่มีหรือจะสะดุ้งสะเทือน ไม่มี!! กอดแน่นกว่าเก่า สบายใจเฉิบเลยแฮ
“ก็ตัวเองมันหอมนี่ ไปเรียนมาไม่เห็นเหม็นเหมือนกันเลย ไม่เอา เขาอยากตัวหอมอย่างงี้น่ะ กอดไว้อย่างนี้จะได้หายเหม็น”ชานซองล๊อคแขนเอาไว้ เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมแขนเริ่มพยศแล้ว
“หอมเหิมอะไรเล่า ปล่อยเลยนะ จะไปทำข้าวเย็น ปล่อย!!!”ว่าแล้ว เสื้อตัวเองก็เริ่มซึมไปตามแนว ชักจะเหนียวตัวขึ้นมาแล้ว
“อ๋อ..นี่พยศหรอ..เดี๋ยวนี้คิดจะเป็นกบฏหรอ..ไม่ได้ อย่างนี้ต้องปราบ..”ว่าแล้วก็เอามือข้างหนึ่งกักตัวเอาไว้ แล้วลงมือจี๋เอวคนบ้าจี้นั้นอย่างจัง จนเจ้าตัวคนถูกแกล้งงอเป็นกุ้งตาตี่เลยทีเดียว..
“อย่า...ฮ่าๆๆๆ อ..อย่าๆๆๆ ชาน..หยุดนะ...ไอ้ชานซอง!!!”จุนโฮดิ้ดปัดๆๆ ด้วยความจั๊กกระจี้ แต่เท่าไหร่มันก็ไม่ยอมหยุดไปเสียที คราวนี้เลยเอามือทั้งสองข้างดันหัวและตัวโตๆอีกแรง
“อ๋อเรียกไอ้หรอ..นี่แนะๆๆๆๆ”
“พอแล้ว..พอแล้ว..แฮ่กๆๆ ยอมแล้ว..”จุนโฮบอกออกมาอย่าเหนื่อยอ่อน เขาไม่ไหวแล้วจริงๆ เห็นทีของขาดใจ..
เสียงหัวเราะและเสียงหอบหายใจดังแว่วๆมาในอากาศ ชานซองมองใบหน้าขาวที่ตอนนี้แดงก่ำจนแทบไม่เหลือสีเดิมอย่างนึกชอบใจ จนในที่สุดก็เผลอไผล กดจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนหอมที่ชื่นเหงื่อเหมือนแก้มเด็กนั้นไม่ได้ ไม่พอกลับสูดเข้าไปเสียเต็มรัก จนรู้สึกชื่นใจ
“อ๊ะ...ชาน..ซอง..”คนถูกขโมยหอมช้อนตามองเล็กๆ เขารู้สึกเขินอายที่เพื่อนตัวเองทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เต็มใจแต่แค่ไม่เข้าใจในการกระทำ
“จ๋าจ๊ะ ตัวเอง อยากตัวหอมเองช่วยไม่ได้..ไม่แกล้งแล้วๆ ว้า!! เล่นมากไปและ หิวข้าวจัง ทำข้าวให้กินหน่อยนะ”ชานซองยังคงทำท่าทางไม่แปลกออกไป ซึ่งมันก็ดีสำหรับจุนโฮเองด้วยในแง่ของการปฏิบัติตัว
“งั้นชาน นายก็ลุกออกไปก่อนซิ..ไม่อย่างงั้น ฉันจะเดินไปยังไง..”หลังจากจบคำ ร่างสูงจึงดึงอีกฝ่ายขึ้นมา อย่างว่าง่าย ซึ่งจุนโฮเองก็พยายามจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย
แต่เพียงแค่ชั่ววินาที มือแกร่งกลับดึงอีกคนลงมาหาอย่างแรง บรรจงหอมแก้มอีกครั้งเป็นการส่งท้าย..
“อุ้ยลืมไป..หอมข้างซ้าย และยังไม่หอมข้างขวา..เดี๋ยวจะหามันไม่เท่ากัน..”
*********************************************************
TBC ขอลาไปสอบก่อนนะคะ...=”=
ความคิดเห็น