คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - Broken Wing - 1
ONE
แบคฮยอนเดินเท้าเปล่าตามที่นกสองตัวบอก เขาไม่ควรอยู่ตรงนี้นาน สัตว์ป่ามีเยอะแยะ ไหนจะงูเงี้ยวเขี้ยวขออีก มันอันตรายเกินไป..อย่างน้อยเดินไปใกล้ๆน้ำตกหน่อยก็อาจจะดี อย่างน้อยก็ได้ล้างแผลล้างตัว
ชุดขาวที่ใส่มาเกี่ยวไปตามกิ่งไม้จนมันขาดวิ่นไปหมด เลยต้องจำใจฉีกให้เหลือแค่ที่ทำให้คล่องตัว ยังดีที่มีเจ้านกสองตัวคอยนำทางระวังภัย เพราะสัญชาตญาณของสัตว์ช่วยได้มาก หากมีสัตว์ร้ายออะไรเข้ามาใกล้ๆก็รู้ได้ในทันที
“โอย..อีกไม่นานใช่ไหม ชอนซา”ร่างกายเขาเริ่มขาดน้ำ และเท้าของเขาเริ่มเจ็บ อยู่บนฟ้าไม่มีรองเท้าต้องใส่หรอก บางครั้งพวกเขาก็บิน ส่วนพื้นก็เป็นเมฆสะอาด เขาน่ะอยู่แต่ห้องอนุบาล นอนก็นอนกับเด็กๆไปไหนก็ไม่ได้ จะใส่ร้องเท้าก็ไม่จำเป็นเลย
แล้วเขาก็ได้รับคำตอบเป็นเสียงร้อง ที่ดังมาพร้อมกับเสียงน้ำไหล แบคฮยอนเริ่มใจชื้นมากขึ้น ฟ้าเริ่มมืดแล้วและมันกำลังจะค่ำ อากาศไม่ได้หนาวมากจนทำร้ายเขา แต่ตัวคนเดียวทำอะไรไม่เป็นอย่างนี้มันลำบาก
จนเมื่อเห็นธารน้ำตรงหน้า เขาแทบจะรีบวิ่งไปวักน้ำขึ้นมาดื่มและล้างหน้าล้างตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สนใจว่าผ้าผ่อนจะเปียกเลอะเทอะมากแค่ไหน
ก่อนทิ้งตัวลงนอนบนโขดหินเรียบแถวนั้นไปอย่างไม่กลัวสกปรก เสื้อผ้าของเจ้าตัวเปรอะด้วยดินและเศษหญ้าไปหมด ใจก็นึกทั้งกลัวทั้งหิว เลยหาพวกผลไม้ทาน เขาจับปลาไม่ได้ ฆ่าสัตว์นี่ยิ่งแล้วใหญ่ จิตใจอันอ่อนไหวของเขาไม่สามารถกระทำเรื่องแบบนั้นได้เลย
“ขอบใจมากนะ..”แบคฮยอนหันไปขอบคุณเจ้ากระรอกตัวเล็กๆ และสัตว์อื่นที่เริ่มเอาอาหารมาให้เขา อย่างน้อยก็ผลไม้สุกที่กินได้หลายอย่าง จะได้ไม่ต้องทนหิวแล้ว
ก็ได้แต่คิดว่าจะหาทางออกอย่างไรแล้วจะอยู่แบบไหน ใจก็นึกกลัวว่าถ้าหากไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปล่ะทำอย่างไรดี
ราวกับพวกสัตว์จะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของนางฟ้าตัวน้อย จึงพยายามแย่งกันสื่อสารให้กำลังใจ จนคนตัวเล็กยิ้มออกมาได้บ้าง คว้าคอเจ้ากวางป่าตัวเขื่องที่หมอบอยู่ใกล้ๆมากอดให้อบอุ่น
ฟ้าเริ่มมืดลงทุกที คิดอะไรให้มากเกินไปก็ดูจะปวดสมอง แล้วร่างกายก็เริ่มอ่อนล้าเต็มที ดวงตาเรียวจึงปรือปรอยลง หวังว่าตื่นมาแล้วเรื่องทั้งหมดที่เกิดนั้นขอให้เพียงแค่ฝันไป
ขอให้มันเป็นเพียง…แค่….กำลัง….ฝัน..
ปังๆๆๆๆๆ!!!!!!
เสียงดังลั่นป่าทำให้สัตว์ทุกตัวแตกตื่นแล้ววิ่งหนีไปทันที แบคฮยอนสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นยืนหันรีหันหันขวาง ความง่วงและเหนื่อยล้าหายไปเป็นปลิดทิ้ง มีแต่ความตกใจ ตัวเขาสั่นเสียจนกลัว ไม่เคยได้ยินเสียงอะไรน่ากลัวอย่างนี้มาก่อน
แบคฮยอนรีบวิ่งสะเปะสะปะไปทั่ว กลับเข้าไปในป่าพยายามหาที่กำบังหรือหลบภัย พวกสัตว์กู่ร้องราวกับตื่นตระหนกเหลือเกิน นั่นคือสัญญาณร้ายแน่นอน เขาเชื่อแบบนั้น จึงได้วิ่งแบบไม่รู้เหนือใต้ไปหมด
เพียงแต่โชคดีไม่มีทางเข้าข้าง ความมืดและสถานที่ซึ่งมีแต่ต้นไม้ มองทางไหนก็เหมือนๆกันไปเสียหมด เขากำลังหลงทางไปที่ไหนก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย ทั้งที่ตามหลักความจริง หากแบคฮยอนรู้สักนิดคงเดินเลาะทางไปตามธารน้ำถึงจะเจอทางหลุดออกจากป่าเขานี้
“มันตายแล้วใช่ไหม ฝังมันแล้วเก็บกวาดซะให้เรียบร้อย”เสียงทุ้มต่ำทำให้แบคฮยอนชะงักขา
ลางร้ายบอกว่าเขามาผิดทาง จึงรีบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ไม่ไกลจากตรงนั้นเขาเห็นไฟอะไรบางอย่าง เป็นไฟดวงใหญ่สองดวงจากเจ้ากล่องสี่เหลียมขนาดใหญ่ และเจอคนอีกสี่ห้าคน ทุกคนเหมือนจะใส่ชุดสีดำกันไปหมด แบคฮยอนไม่ชอบเลยเพราะมันดูน่ากลัว และคนพวกนั้นเองก็น่ากลัวด้วย
ถึงจะอยากเข้าไปขอความช่วยเหลือ แต่ท่าทางแบบนั้นแบคฮยอนควรรีบออกห่าง เขาไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรกับพวกมนุษย์ที่สัตว์วิ่งหนีแบบนี้
แกร่บ…
“นั่นใครน่ะ..พวกมึงไปดูซิ”เสียงบอกทำให้คนเข้ามาใกล้ แบคฮยอนออกวิ่งทันทีที่ประโยคนั้นจบ เขาไม่อยากอยู่ตรงนั้นแล้ว น้ำเสียงคุมคามดูไปปลอดภัยเอาเสียเลย
“นั่นมันคนนี่ เฮ้ย!!! จับมัน!!!”เสียงอีกหลายๆเสียงตามมา จนแบคฮยอนตื่นตระหนก ในใจนึกกลัวจนแข้งขาสั่นไม่มีแรง ลางสังหรณ์บอกว่าอย่าให้โดนจับ
“มานี่เลยไอ้ตัวดี มาแอบฟังอะไรในป่า..”แขนเล็กถูกคว้าเอาไว้ได้ ทำให้เจ้าของแขนพยายามสะบัดตัวออก
“รีบเอามันกลับไปให้นายเร็ว”
“ปล่อยๆๆๆ ปล่อยฉันนะ…ปล่อยซิ”แบคฮยอนสะบัดตัวหากคนในชุดสีดำก็ยังไม่ยอม ทั้งยังลากเขาอย่างรุนแรงมาจนถึงตรงที่มีแสงสว่างเมื่อสักครู่
“นี่ครับ นาย”แบคฮยอนถูกเหวี่ยงอย่างไม่เบานักจากชายสองคน จนล้มลุกคลุกคลานมาอยู่ข้างหน้า เสื้อผ้าสีขาวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำอะไรบางอย่างสีแดง หากเจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจ ร่างเล็กทั้งร่างสั่นระริก
ดวงตาเล็กผินมองคนที่ถูกเรียกว่านายช้าๆ ขายาวก้าวเข้ามาชิดตัวก่อนที่อีกคนจะย่อตัวลงมามองหน้า
“บอกมาซิใครใช้ให้แกมาสืบ”เสียงทุ้มกดต่ำ ทำให้แบคฮยอนผวา
“สืบอะไร..ฮ..ฮึก..ไม่รู้…ปล่อยฉันนะไป”คนตัวเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้นตอบ เขาไม่รู้เรื่องที่ชายตรงหน้าพูดสักนิดเดียว และแม้คนตรงหน้าจะหล่อเหลามากแค่ไหนแต่แบคฮยอนก็ไม่ได้ลดความกลัวลงเลย
“เห็นไอ้นั้นไหม ที่มันนอนอยู่น่ะ ถ้าไม่อยากถูกฆ่าแล้วฝังไว้ใต้ดินเหมือนมันก็บอกมา”ชายหนุ่มกล่าวและแบคฮยอนก็พยักหน้า คำว่าฝังดินทำให้คนตัวเล็กเข้าใจไปว่าเขาต้องถูกพาไปโลกใต้ดินยิ่งทำให้กลัวจับใจ
“อ..อย่าทำอะไรฉันเลย ไม่เอาแล้ว ไม่อยู่แล้ว ไม่ไปโลกใต้ดิน ไม่ไปนะ”แบคฮยอนสะอื้นฮัก เขากลัวคนพวกนี้มากเหลือเกิน
คนตัวเล็กขยับสยายปีกของตัวเองออก แสงสะท้อนจะไฟดวงใหญ่ส่องให้เห็นชัดเจนว่าสีของปีกขนนั้นขาวเงิน ทอประกายน่ามอง สะกดสายตาคนมองเอาไว้ ปีกคู่ใหญ่นั้นพยายามสยายออกแต่เนื่องจากว่ามันบาดเจ็บเลยไม่เป็นไปดังใจ
แบคฮยอนพยายามลืมความเจ็บและพาตัวเองหนีให้เร็วที่สุด ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ มันดูเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว แม้จะต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมากก็ตาม ร่างเล็กทรงตัวน้อยๆเมื่อพร้อมจะทะยานขึ้นฟ้าหากมันกลับช้ากว่าคนที่นั่งตรงหน้าของเขาเสียแล้วเมื่อมือใหญ่คู่นั้นกำลังกำรอบข้อเท้าของเขาเอาไว้
“ปล่อยมือนะ…ฮึก ปล่อยซิ”แบคฮยอนสะบัดข้อมือ ปีกเขาไม่มีทางพาน้ำหนักของคนสองขึ้นไปได้แน่
“เธอเป็นตัวอะไร..”ร่างสูงถามขึ้น ในขณะที่มืออีกข้างก็รีบคว้าเข้าที่ปลายปีกทันที
“โอ้ย..เจ็บนะ..”แบคฮยอนบอกอย่างนั้น เมื่อหงายหลังลง เขาไม่สามารถซ่อนมันได้ถ้าหากถูกจับเอาไว้อย่างนี้
“บอกมะซิ ว่าเธอเป็นตัวอะไร ไม่งั้นฉันจะตัดปีกเธอออกซะ”เขาเริ่มต้นขู่อีกครั้ง ดวงตากลมสวยบอกท่าทีว่าเอาจริงจนแบคฮยอนต้องเอามือป้องหูตัวเองด้วยความกลัว
“ฉ..ฉัน..ฉันเป็น…น…นางฟ้า”
คนฟังกำลังบอกตัวเองว่าไม่มีทาง แต่สิ่งที่เห็นตอกย้ำว่าเป็นเรื่องจริง เขากำลังสัมผัสปีกที่ขยับได้อยู่ที่ปลายมือ ดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่สุด ลืมเรื่องสายสืบไปได้เลย แน่นอนในตอนนี้
“ชื่อ”
“บ…แบคฮยอน…”แบคฮยอนตอบพยายามขยับปีกให้พ้นจากมืออีกคน และเมื่อมันหลุดออกเขาก็รับซ่อนมันไว้ในทันทีราวกับปาติหารย์
“เธอเก็บมันไปไหน”คนถามถามด้วยน้ำเสียงเรียบ แม้ในใจจะแปลกใจมาก มองใบหน้าขาวเปื้อนน้ำตาด้วยความสนใจ
“ในตัว ปล่อยฉันไปเถอะนะ มันแสบตา…น…นั่นคืออะไร”แบคฮยอนพูดเรื่องจริง เขาชี้ไปที่รถคันใหญ่ด้านหลังชายหนุ่มซึ่งพอมองหลับไปมันคือรถ..
“เธอไม่รู้จักหรอ”เขาถาม และได้คำตอบเป็นการส่ายหน้าไปมาทำให้ชายหนุ่มยิ้มรับในใจ เชื่อว่าคนตรงหน้าคงไม่โกหก
เพราะอะไรน่ะหรือ อย่างแรกคนอย่างเขามาถึงจุดนี้ได้ก็ผ่านคนมามาก กับอีแค่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้มีหรือจะมองไม่ออก และสองถ้าเป็นนางฟ้าจริงซึ่งก็คิดว่าจริงไปมากกว่าครึ่ง นางฟ้าโกหกไม่เป็นหรอก
“อยากให้ฉันพาไปดูไหม”ชายหนุ่มหลอกล่อคนตัวเล็ก แม้สายตาคนที่บอกว่าตัวเองเป็นนางฟ้าจะยังดูตระหนก แต่ความอยากรู้อยากเห็นนั่นเขาสัมผัสได้
แบคฮยอนมองใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มตา น้ำเสียงข่มขู่ที่เคยได้ยินเปลี่ยนไป เป็นน้ำเสียงทุ้มลึกที่น่าฟัง แบคฮยอนอยากรู้ซิ เขาไม่เคยเห็น เขาสงสัย โลกบนฟ้าไม่มีอะไรแบบนี้เลย
แสงจ้าๆยังคงส่องเข้าตาจนเขาเริ่มมึนไปหมด มองมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ มีความรู้สึกบางอย่างกำลังเกิดขึ้น ในความกลัวเหมือนมีอะไรอยู่ในนั้นที่เขาไม่เข้าใจ
“มาซิ..ฉันชื่อชานยอล ถ้าเธออยากรู้”ชานยอลยังคงอดทนยื่นมือมาให้ และก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อมือเล็กๆที่นิ่มนวลราวกับปุยนุ่นนั้นยื่นมาจับมือเขาเอาไว้
ชานยอลเดินพาคนตัวเล็กไปดูในสิ่งที่เจ้าตัวสนใจเบื่องหน้าเป็นรถเอสยูวีคันหรู กันกระสุนอย่างดีรอบคัน สีดำเป็นเงาเพราะได้รับการดูแลอย่างดีมาโดยตลอด
“มันคืออะไร”แบคฮยอนถามอย่างนึกสงสัย
“รถ..มีเอาไว้พาเราไปที่อื่น โดยไม่ต้องเดิน”ชานยอลบอก พาคนตัวเล็กที่ทำเสียงตื่นเต้นตกใจจนลืมความกลัวไปเกือบหมด
“จริงหรอ ใหญ่กว่าปีกของฉันอีก ต้องไปได้ไกลมากๆแน่เลย”แบคฮยอนหันมาบอกอย่างร่าเริง
“ไปไกลซิ จะไปที่ไหนก็ได้”ชานยอลบอกอย่างนั้น
“แล้วพาฉันกลับไปโลกบนฟ้าได้ไหม”แบคฮยอนเกาะแขนแกร่งเขย่าเบาๆ คนของชานยอลทำท่าจะเข้ามาใกล้เพียงแต่ชานยอลส่งสัญญาณว่าไม่จำเป็น
“ไม่ได้หรอก มันบินไม่ได้”
“งั้น..พอจะให้ฉันอาศัยด้วยได้ไหม จนกว่าจะได้กลับไป”คำพูดนั้นทำให้ชานยอลยกยิ้มมุมปากกว้างขึ้นกว่าเก่า เขาเหมือนไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
“ได้ซิ..ทำไมจะไม่ได้ ตอนนี้ก็ลองขึ้นไปนั่งรถก่อนละกัน จะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างไร”ชานยอลบอกพาอีกคนขึ้นรถ โดยคนตัวเล็กก็ทำตามอย่างว่าง่ายเหมือนกัน
มันดีซะอีกสำหรับชานยอล นางฟ้าหรือตัวอะไรก็ช่าง แต่แบคฮยอนคงมีค่าตัวมหาศาลแน่หากคิดเป็นเงิน
หน้าตาน่ารัก แยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย รูปร่างอรชร ผิวขาวไม่ต่างจากงาช้างสะอาด แบบนี้ต่อให้ไม่มีปีกก็ขายได้ มีตาแก่ตัณหากลับพร้อมจ่ายเงินงามๆให้เขาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันมีมากกว่านั้น หากเขาขายนางฟ้าแบบเช่าชั่วโมงคงได้ราคางามแบบระยะยาว
แล้วถ้าหมดประโยชน์…ก็ยังแยกชิ้นขายได้ไม่ใช่หรือยังไง
ตอนนี้แค่รอฝึกให้รับแขกได้ จากนั้นก็รอให้ไอ้ปีกเว้าๆแหว่งๆนั่นหายก่อนเถอะ
“ขอบคุณมากเลย ถ้ามีโอกาสฉันจะตอบแทนให้นะ”แบคฮยอนบอกอย่างดีใจ
“มีโอกาสแน่ๆ…เชื่อฉันซิ”ชานยอลตอบแค่นั้นก่อนรุนหลังบางให้ขึ้นไปนั่งบนรถ
ท่าทางคนตัวเล็กดูตื่นที่เล็กน้อย บ่งบอกความสนใจไปรอบกายซึ่งมันก็ดูน่ามอง เขาไม่อาจปฏิเสธได้ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขา
หรือว่าก่อนจะขายทอดตลาดเขาควรจะสอนงานให้นางฟ้าองค์นี้ด้วยตัวเขาเอง ได้นางฟ้าเป็นนางบำเรอนี่ก็ได้กำไรดีไปอีกแบบเหมือนกัน
นางฟ้ามีสองประเภทอันได้แก่ผู้ที่ตายไปแล้วเป็นนางฟ้าโดยกำเนิด กับผู้ที่เกิดจากการผสมเกสร และนั่นทำให้เกิดชนชั้น คือชนชั้นแรงงานและชนชั้นผู้ปกครอง แต่ต่อให้เรียกอย่างนั้นก็ไม่ดีการกดขี่หรือเอารัดเอาเปรียบใดๆต่อกัน เพียงแต่ชั้นผู้ปกครองนั้นคือผู้ที่สะสมความดีมามากจึงได้สิทธิ์ในการมีความรู้ทั้งเรื่องสามโลกเป็นอย่างดี ต่างกับพวกชนชั้นแรงงานที่พอมีความรู้ติดตัวบ้างแค่พอรู้ แต่เมื่อเติบโตก็จะต้องไปทำงานในที่ของตน
แต่โดยปกติแล้วนางฟ้าที่เกิดจากดอกไม้จะมีพรวิเศษอยู่หนึ่งข้อ บางคนอาจมีเหมือนกันหรือต่างกันคละเคล้ากันไป แล้วแต่ใครจะได้อะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเองหรือตามความเหมาะสม พูดๆไปก็เหมือนพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
ของแบคฮยอนเองก็ได้สิ่งที่เหมาะสมกับเขาเอง รวมถึงหน้าที่ที่เขามีในสวรรค์นั้นคือการใช้เสียง เขามีน้ำเสียงที่น่าฟังและยังร้องเพลงได้ไพเราะอีกต่าง
เงียบเถิดอย่าดิ้นเลย เจ้าเอยอย่าร้องไห้
หลับไปบนสายธารไหลนอง
ขอจำจนขึ้นใจ เสียงเพลงที่แม่ร้อง
ให้ก้องดั่งเจ้ายังอยู่ข้างแม่
คนตัวเล็กที่เริ่มปรับตัวกับการนั่งอยู่บนสิ่งที่เรียกว่ารถได้แล้ว จึงพยายามร้องเพลงที่ตัวเองถนัดเพื่อลดอาการประหม่า เขาไม่ได้รู้จักเพลงอะไรมากนอกเสียจากเพลงกล่อมเด็กที่นางฟ้าอนุบาลคนก่อนถ่ายทอดให้
แน่นอนว่านางฟ้าเองก็มีอายุไขไม่ต่างจากคนบนดิน ยิ่งพวกเขาที่เกิดมากจากเกสรดอกไม้ย่อมเกิดตายไม่ต่างจากมนุษย์ ต่างจากพวกอายุยืนอย่างชนชั้นปกครอง
“หึ..”ชานยอลแค่เพียงแค่นยิ้ม คำนวนมูลค่าในตัวของแบคฮยอนที่มันปรับเพิ่มขึ้นและกิจกรรมที่เจ้าตัวต้องทำเพิ่มค่อยๆผุดขึ้นมาทีละอย่างสองอย่าง แน่นอนว่ามันดีที่กำไรในอนาคตกำลังค่อยๆไหลเข้ามาเรื่อยๆ
“ฉันร้องไม่เพราะหรอ”แบคฮยอนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนที่นั่งถัดกันอดให้นึกสงสัยไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่เขาร้องเพลงส่วนใหญ่นางฟ้าองค์น้อยทั้งหลายมักจะพากันง่วงเหงาหาวนอน
“เพราะซิ..ดีเลย”ชานยอลตอบเหมือนกับชมทั้งที่จริงๆก็แค่กันไม่ให้คนตัวเล็กสยายปีกหนี เขาแค่รอเวลาเท่านั้นเอง รอให้ถึงบ้าน
ชานยอลไม่ได้บอกให้คนตัวเล็กหยุดร้อง เพียงแต่มองแผ่นหลังบางที่สนใจสิ่งรอบข้างไปพร้อมกับร้องเพลง มองหลังที่เคยมีปีกงอกออกมา และมันกลับหดหายไปได้ราวกับไม่เคยมีมันอยู่
“จะพาฉันไปไหนหรอ”แบคฮยอนเรียกร้องถาม มองใบหน้าคมหล่อของอีกคนที่มองเขาอยู่แล้ว อยู่ดีๆในอกก็เต้นแรงขึ้นมาด้วยสายตาคมที่เฝ้ามองเขาแบบนี้
ชานยอลไม่มีคำตอบให้เขาทำเพียงแค่ยิ้ม ยิ้มที่ปากเท่านั้น ใจของเขาไม่ได้ยิ้มเลยแม้เพียงนิดเดียว มันก็แค่รอยยิ้มที่บังหน้าเท่านั้น
รถเอสยูวีคันงามกำลังเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าเข้าสู่ถนนของตัวเมือง ที่นี่ที่ไหนไม่มีใครรู้แต่ความเร็วของรถคันนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ทำให้คนนั่งรู้สึกตัวแม้แต่นิดเพราะราคาที่ไม่น้อยของมัน
ต้นไม้ใบหญ้าและป่ากำลังถูกแทนที่ไปด้วยป่าคอนกรีตขนาดใหญ่ มีตึกรามบ้านช่องสูงจนทำให้คนตัวเล็กต้องเกาะกระจกมองอย่างสุดจะสนใจ
“ทำไมที่นี่มีแต่แท่งสูงๆ”คนตัวเล็กอุทาน แน่นอนว่ามันแปลกตาไปมาก ไม่มีส่วนไหนที่คล้ายกับเมืองสวรรค์
“ที่นั่นเป็นยังไง”
“ที่นั่นก็มีวัง มีที่ต่างๆแยกกัน..ไม่ได้มีตึกสูงๆแบบนี้”แบคฮยอนบอกอย่างร่าเริง นึกถึงที่อยู่ตัวเองขึ้นมาแล้วก็เกิดจะเศร้าใจ
ไม่รู้ว่าเด็กๆจะเป็นอย่างไรบ้าง เป็นห่วงพวกคนที่เหลือจะดูแลไหวไหม ป่านนี้จะร้องไห้งอแงหรือเปล่า เพราะว่าแบคฮยอนเป็นคนดูแลที่นั่นเกือบทั้งหมด แล้วอย่างนี้ใครจะมาคอยร้องเพลงให้เด็กๆฟัง คิดไปก็นึกไปสารพัด
โดยที่ตัวเองไม่มีวันรู้เลยว่าก่อนที่จะห่วงคนอื่น ในเวลานี้แบคฮยอนควรจะห่วงตัวเองที่เชื่อคนง่ายและยอมตามเขามาแบบนี้
“แล้วชอบแบบนี้ไหม”ชายหนุ่มถามต่อ
“ไม่ มันดูอึดอัด”คนตัวเล็กว่าด้วยท่าทางใสซื่อ ตามที่ตัวเองคิดจริงๆ นอกจากที่นี่จะอึดอัดแล้ว นางฟ้าอย่างเขาไม่ควรมาอยู่ที่โลกบนดิน มันอาจทำให้สมดุลผิดเพี้ยนไป
“งั้นหรอ”เป็นเพียงแค่คำตอบรับเท่านั้น
หากก่อนที่การสนทนาจะดำเนินต่อไป รถคันงามก็ก้าวข้ามผ่านเขตแดนของชานยอลพอดี ตึกสูงระฟ้าที่เป็นสำนักงานส่งออกอะไหล่เครื่องยนต์ระดับชาติที่มีเจ้าของเป็นปาร์ค ชานยอลแต่เพียงผู้เดียว โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังนี้มีธุรกิจอะไรแอบแฝงอยู่บ้าง
เมื่อหน้าฉากมีไว้เพียงเพื่อฟอกเงินสกปรกให้ขาวสะอาด แต่ภายในกลับเน่าไปด้วยธุรกิจขายผู้หญิง หรือผู้ชายระดับพรีเมี่ยมให้กับนักการเมืองหรือนักธุรกิจกระเป๋าหนักที่มีเงินมากพอจะมาเป็นสมาชิกลับๆของที่นี่ หรือการส่งออกค้าของเถื่อนหายาก ไม่ว่าลูกค้าต้องการอะไร ถ้ามีเงินซื้อได้ ชานยอลก็พร้อมจะจัดหาได้โดยไม่เลือกวิธีการ ตั้งแต่ของง่ายๆอย่างยาเสพติด ไปจนถึงภาพวาดดาวินชี่
และตอนนี้ความโชคดีกำลังวิ่งเข้าใส่เขาอย่างจังเมื่อจู่ๆก็บังเอิญไปได้สินค้าที่ไม่ว่าอย่างไรก็ขายได้แน่ ต่อให้ราคาสูงเพียงแค่ไหน แต่ก่อนอื่นคงต้องถามซินแสก่อนว่าจะทำอย่างไรกับสินค้าชิ้นนี้ดี จะเก็บชิ้นส่วนไว้ หรือแยกขายหรือจะอะไรก็ตาม
ชานยอลไม่ใช่คนงมงาย แต่โลกมืดนี้มีหลายคนที่ก็อาศัยเรื่องเหนือธรรมชาติ และเห็นชัดว่ามันมีจริง โดยคนตัวเล็กนี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แต่อย่างไรก็ตามแต่ เขาจะยังไม่วู่วามขายทอดตลาดเด็กน้อยคนนี้เร็วๆนี้แน่
“ถึงแล้วแบคฮยอน คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้าน”ชานยอลบอกอย่างนั้นก่อนเดินไปเปิดประตูให้คนตัวเล็กเดินตามลงมาซึ่งเจ้าตัวก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง
ซึ่งเจ้าตัวไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรที่กำลังรอตนเองอยู่ ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสพื้นโลกบนดิน โดยหารู้ไม่ว่าอาจไม่มีโอกาสได้กลับขึ้นไปเหยียบโลกบนฟ้าอีกแล้ว
แบคฮยอนมองไปรอบๆอย่างไม่คุ้นชินมา ตั้งแต่เข้ามาเขาถูกพาเข้ามาในห้องอะไรก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆมีที่นอนที่นั่งให้พอได้เข้า บ้านที่โลกบนฟ้าไม่ได้ต่างจากที่นี่มากนัก ทุกอย่างก็ถูกปรับแต่งมาให้มีความคล้ายคลึงกัน แต่โลกบนฟ้าจะยังผสมผสานธรรมชาติเอาไว้มากกว่าและเครื่องทิพย์มากมายที่ยังคงธรรมเนียนแบบเก่าก่อนไว้ให้ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
แต่ที่นี่ก็ไม่เหมือนโลกบนฟ้าเสียทีเดียว อยู่ที่นี่จะกางปีกสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เพราะอาจทำให้มุนษย์แตกตื่น ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เดินดินเหมือนคนปกติ และสวดภาวนาให้กับตัวเองและพระผู้เจ้าให้รับเขากลับไปเสียที
…
เสียงเปิดประตูเรียกความสนใจจากคนตัวเล็กที่มัวแต่สนใจสิ่งรอบข้างต่างๆ รวมทั้งภาพทิวทัศน์ที่มองลงมาจากหน้าต่างใจกลางเมืองแบบนี้
“ชานยอลมาแล้ว ฉันหิวจังมีอะไรทานได้ไหม”แบคฮยอนบอกอย่างร่าเริง
“ได้ซิ อยากกินอะไรล่ะ”ชานยอลว่าและเดินลงนั่งข้างๆ ไล่มือไปตามผิวเนียนนุ่มราวกับทดสอบสินค้าไปในตัวโดยที่ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวเลยสักนิด
“ไม่ชอบกินพริกหยวก ชอบกินน้ำผึ้ง”เจ้าตัวเล็กบอกอย่างใสซื่อทำใหชานยอลยิ้มออกมา
“นางฟ้านี่เขากินเนื้อได้ไหม”ชานยอลเอ่ย ความจริงเขาเองก็มีความอยากรู้อยากเห็นอยู่เยอะเหมือนกัน
“กินได้แต่เราไม่ทำเอง เราใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ หลายๆอย่างคล้ายกันเลย”แบคฮยอนบอกแบบนั้น ชานยอลจึงแค่พยักหน้ารับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งอาหารให้ก่อนเดินกลับมานั่งข้างกันอีกครั้ง
“งั้นหรอ แล้วเธอตกลงมาได้ยังไง”
“ไม่รู้ อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนจะร่วงลงมา แล้วก็มาโผล่อีกทีในป่าเมื่อกี้”แบคฮยอนบอกอย่างนั้น
มือใหญ่เอื้อมมือไปจับแก้มใสที่ตอนนี้มอมแมมเพราะคราบดิน คราบเศษใบไม้ที่เปรอะอยู่ตามตัวของคนตัวเล็ก
ผิวเนียนนุ่มมือทำให้นึกอยากสัมผัสอีกครั้ง อยากรู้ว่าผิวพรรณจริงๆใต้ร่มอาภรณ์ขาวที่เต็มไปด้วยตะกอน
ชานยอลเป็นคนที่มีมาตรฐานสูง คนระดับเขากว่าจะไต่ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของชีวิต ตั้งแต่เด็กวิ่งยา ไต่มาเรื่อยๆจนได้เหยียบหัวคนทุกคน เขาไม่มีวันที่จะกลับไปจุดนั้นอีกแล้ว จากนี้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการต่ำช้าแค่ไหนคนอย่างชานยอลก็เลือกทำได้เพื่อความสบายของตัวเอง
ดังนั้นทุกอย่างที่เขามีตอนนี้ต้องดีที่สุด สบายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ของทุกชิ้นต้องถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆก็ตาม คนอย่างเขาต้องดีเสมอ
เมื่อคนไม่เคยมีได้มี มันก็ต้องเป็นแบบนั้น
และในตอนนี้เขามีของหายากในมือ เรื่องอะไรจะปล่อยไปง่ายๆ อาจจะดีก็ได้ถ้าเขาฝึกเด็กคนนี้ก่อน ใช่..ชานยอลควรทำแบบนั้น ถ้าเด็กคนนี้ไม่ได้บุบสลายมากก็ยังคงขายได้ แล้วทำไมจะไม่ล่ะ นางฟ้า…ต่อให้แปดเปื้อนยังไงก็ยังคงมีคนต้องการของเหลือเดนอยู่ดี
“กินข้าวเสร็จแล้วไปอาบน้ำซะนะ”ชานยอลพูดเมื่ออาหารนำมาวางตรงหน้า
“อื้อ ชานยอลใจดีกับฉันมากเลยนะ”แบคฮยอนหันมายิ้มโชว์ฟันขาวของตัวเองให้ ตาเรียวเล็กปิดลงเกือบสนิทจนดูหน้าตาน่าเอ็นดู
แล้วจะคอยดู…ว่าฉันจะใจดีกับเธอมากแค่ไหน
ชานยอลนั่งมองคนตัวเล็กที่หยิบอาหารขึ้นมาทานอย่างเรียบร้อย ใบหน้าเล็กยิ้มหวานด้วยได้ทานอาหารของถูกใจมากมาย ความใสซื่อไม่มีอะไรเจือปนนั้นมีราคาค่างวดของมันเอง
บนโลกที่เน่าเฟะมีคนอยู่มากมายที่ต้องการความบริสุทธิ์มาทดแทนความดำมืดในใจของตนเพียงแต่บางคนเพียงแค่ต้องการซึมซับ เสพสิ่งที่ตนเองไม่มี แต่กับบางคนแค่ต้องการทำให้มันแปดเปื้อนด้วยความสะใจ
คนอย่างชานยอลไม่ได้เป็นทั้งสองอย่างที่ได้กล่าวมา เพราะเขาเป็นพ่อค้าความบริสุทธิ์เหล่านั้น
**********************************************************************************
TBC มาแบบงงๆ ก๊งๆ มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นค่ะ บิขอไม่กล่าวถึงใครตามทวิตเตอร์บิคงทราบดี ขอบคุณที่ยังรอกันอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ #ฟิคนางฟว้า
ความคิดเห็น