ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC 2PM]DESTINY ME [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #14 : [SF 2PM]DESTINY ME : PART 10

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 53








    TBC

     

    Part 10

     

    วลีที่ว่าเวลาไม่เคยคอยท่า และเวลาไม่มีวันหันหลังกลับ ดูท่าทางมันจะเป็นเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคนที่ต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของโลกใบนี้

     

    เวลาไม่กี่ชั่วโมงช่างผ่านไปเร็วราวกับแค่เพียงกระพริบตาเท่านั้นเอง..

     

    0 : 45 AM.

     

    “พี่จะไปแล้วใช่ไหมครับ..”อูยองมองคนที่สวมชุดดำเอาไว้ทั้งตัว..ไล่สายตาไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่มองกี่ทีก็นึกอาลัยอาวรณ์ไม่สร่าง มือเล็กได้แต่กำมือหนานั้นเอาไว้แน่น ไม่อยากปล่อยให้ขาดออกจากกันเลย

     

    นึกกลัวว่าจะมีไม่มีวันที่ได้จับกันอีกครั้ง

     

    ตอนนี้เด็กหนุ่มออกมายืนมองคนตัวสูงของเขากำลังขนของขึ้นรถอย่างช้าๆ อาวุธยุทธโทประกรสัมภาระต่างๆถูกลำเลียงขึ้นไป ราวกับว่าไปสู้รบศึกสงครามที่ใหญ่หลวงเหลือคณานัก

     

    “พี่ต้องไปแล้วจริงๆ”นิชคุณหันมาทั้งตัว เผชิญหน้ากับคนตัวเล็กที่กุมหัวใจของเขาเอาไว้อย่างเต็มตัว

    “พี่..ไม่ไปได้ไหม..”แม้จะช้าไปเสียหน่อย แต่อย่างน้อยมันอาจจะรั้งคนที่เขารักให้เปลี่ยนแล้ว เกิดจะไม่ไปก็เป็นได้..ถ้าเขาจะไม่ไป..แต่ก็เป็นได้ยากจริงๆ

     

    “ไม่ได้หรอก..อูยอง..”มือหนาสัมผัสเบาลงข้างแก้มอิ่มของอีกคน แล้วจึงดึงอีกฝ่ายเข้ามาใกล้..มอบรอยจูบที่แก้มเนียนปลั่งที่ชื่นน้ำตานั้นเบาๆ ราวกับปลอบขวัญเจ้าตัวเล็ก

     

    คนที่เขาแสนรักหนึ่งเดียวคนนี้

     

    “พี่ออกไปครั้งนี้..ก็เหมือนไปรบ..อยากให้นายรอพี่อยู่ที่นี้ให้กำลังใจพี่..พี่จะเอาชีวิตรอดกลับมาหานายให้ได้..จะไม่ยอมให้แผลที่นายฝากไว้หายไปก่อนแน่นอน..”นิชคุณว่าพลาง จูบซับอีกครั้งที่อีกข้างแก้ม...

     

    อยากบอกว่ารักคนคนนี้จริงๆ

     

    “พี่อย่าลืมนะ...พี่อย่าลืม..”อูยองซุกหน้าลงไปกับแผงอกกว้างอีกครั้งหวังจะเก็บเกี่ยวช่วงเลาก่อนลากจาก

    “พี่จะไม่ลืม..ไม่ลืมสัญญา”

     

    ...................................

    .........................

    .............

     

    “ดูแลตัวเองให้ดีนะ..เสร็จงานครั้งนี้แล้วจะรีบกลับมาหา..”ชานซองมองคนที่เกาะแขนเขาเอาไว้แน่น จุนโฮเดินมาส่งเขาไกลได้ที่สุดเพียงแค่หน้าประตูห้องเท่านั้น..

     

    ทำใจให้เดินออกไปไกลมากกว่านี้ก็คงไม่ได้ เพราะระยะเพียงแค่นี้ มือที่เกี่ยวแขนนี้เอาไว้ยังยากจะทำใจปล่อยให้ลาจากได้เลย นับประสาอะไรหากต้องก้าวให้พ้นธรณีประตู

     

    ความรู้สึกของคนเราบางครั้งก็ต้องการเวลาในการทำใจ

     

    “เข้าใจแล้ว..รีบกลับมาอย่างที่พูดให้ได้นะ”คนเล็กกว่าเองก็ตอบรับ มือที่เกาะเอาไว้คลายออกเล็กน้อยเพื่อให้คนตัวโตใส่รองเท้าได้อย่างถนัดใจ

     

    ดวงตาเรียวเล็กมองแผ่นหลังตรงหน้าไม่ว่าจะจ้องมองเท่าไหร่ก็นึกใจหาย..แผ่นลาดหลังกว้างนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนที่กำบังหยาดฝนและพายุเสมอมา หากตอนนี้มันกำลังจะห่างไกลออกไปทุกที...ทุกที.. จนเหมือนสุดเอื้อม ทำไมนะทั้งๆที่มันก็อยู่ตรงหน้าแท้ๆ..

     

    เพียงแค่สุดแขนแต่ไกลเกินมือจะคว้าเอาไว้ได้

     

    “ถ้าฉันสั่งห้ามนายตอนนี้ยังทันไหม ชาน”จุนโฮมองหน้าอีกคนอย่างนึกห่วงหากคนที่กำลังจับลูกบิดนั้นกับชะงักกึก ไม่สามาถเคลื่อนหวได้ ราวกับต้องมนต์

     

    “ถ้าฉันยืนกรานให้นายไม่ไปจะยังได้ไหม”เสียงนั้นสั่นเครือมากขึ้นทุกทีบอกอารมณ์ของผู้พูดแทนสายตา

     

    อากาศในห้องที่ทั้งสองกำลังยืนอยู่นั้นอบอุ่นากเหลือเกิน เครื่องทำความร้อนที่ส่งเสียงครางอื้ออึงเบาๆนั้นบอกว่ามันทำหน้าที่ของมันได้ดีแล้วเหลือเกิน เสียงกาน้ำร้อนที่ดังบอกว่าเดือดแล้วนั้นร้องเตือนน้อยๆ แต่กลับไม่มีใครเหลียว ส่งที่ทั้งคู่ตระหนักอยู่ในตอนนี้คงจิตใจของคนสองคนถึงได้หนาวเหน็บต่างจากฤดูกาล..

     

    ชายหนุ่มร่างสูงกำลูกบิดนั้นเอาไว้แน่นจนข้อนิ้วยาวขึ้นสีขาว แต่ใจกลับไม่กล้าพอที่จะหันหลังกลับมา กลัว..กลัวใจตัวเองเหลือเกิน..

     

    เข้าเป็นคนเข้มแข็งเหลือทน..แต่ตอนนี้..กลับคนที่เขากำลังจะทิ้งไว้ด้านหลังนี้..เขาทำไม่ลงจริงๆ

     

    “ไป..เถอะ...ไปเถอะชาน...ไปทำในสิ่งที่ถูกต้อง..แล้วฉันจะรอนายอยู่ตรงนี้...ไปเถอะ..”จุนโฮเองเป็นฝายพ่ายแพ้ เขารู้ดีว่าเขาไม่ควรเห็นแก่ตัวรั้งอีกฝ่ายเอาไว้อย่างนี้ เพราะในใจก็รู้ดีว่าคนที่หันหลังให้ลำบากและหนักใจกับคำขอของเขามากเพียงใด

     

    เพราะไม่มีใครที่ไม่เสียใจเจ็บปวดกับเรื่องนี้

     

    หมับ!!!

     

    “ฉันจะกลับมา..รอนะ..รอฉันนะ..อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวฉันนะ เชื่อใจฉันอย่างที่เคยเชื่อมาตลอด”ชายหนุ่มคว้าร่างเล็กกว่านั้นเข้ามากอดเอาไวเต็มรัก ให้ร่างกายของเขาแนบไปกับอีกคน จนจุนโฮเองได้รับรู้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะที่หนักแน่นและมั่นคง..

     

    มั่นคงเหมือนคำสัญญาที่ทำให้ใจได้ยึดเหนี่ยวต่างหน้า ได้แต่วอนขออย่างที่เคยได้ทำทุกค่ำคืน คือให้ความรักที่ยิ่งใหญ่ของเราคุ้มครองให้มีชีวิตกลับมาด้วยเถิด

     

    ...............................

    ...................

    .......

     

    “นี่ๆๆ..เหยิน..รักษาสุขภาพกับชีวิตประหนึ่งรักษาฟันให้ยื่นออกมานอกปากอย่างนี้นะ”คนตัวเล็กที่ช่วยโยนกระเป๋าขึ้นไปบนรถบอกขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนคนตัวโตนั้นหันมามองดังขวับ..

     

    ไม่มองไงไหวเคยอวยพรซักครั้งไม่มีอะ

     

    “เอ่อ...จะพยายามนะ..”อีกคนตอบแบบไปไม่ค่อยเป็นเล็กๆ ก็นะคนไม่ชิน

    “อ้าว เฮ้ย ตอบอย่างงี้ได้ไงว่ะ ไม่ใช่ว่าจะพยายามดิ ต้องเป็น จะกลับมาให้ได้ซิ เหยินนี่ยังไงว่ะ ฟันยื่นแล้วยัง..”ดวงตาเรียวสวยเหล่มองเล็กน้อย แอบรู้สึกขัดใจเล็กๆที่อีกคนดูไม่จริงจังในสิ่งที่เขาบอกเอาเสียเลย

     

    “รู้แล้วน่า..รู้แล้ว มือระดับนี้แล้วพลาดได้ไงเล่า เตี้ยนี่เว้ย”แทคยอนส่ายหัวไปมาทำหน้ายิ้มๆ ก่อนจะมองอีกคนที่ที่เช็คดูของในกระเป๋าใบสุดท้าย ก่อนจะหันมามองเห็นอีกคนที่ยิ้มเผล่อยู่

     

    “อ้าว มาโชว์ฟันอะไรเล่า..มีอะไร”แจบอมมองอีกคนอย่างสงสัย เอียงคอน้อยๆ

    “นี่..เตี้ย..ทางนี้คนเดียงไหวใช่ไหม..”แทคยอนจับมืออีกคนเอาไว้ทั้งสองข้างพร้อมกับถาม

    “ฮึ..ทางนี้น่ะไม่ต้องห่วงหรอกเหยิน สบายมาก!! แต่ทางนั้นซิสามต่อร้อย ไหวแน่หรอ”แจบอมแค่นยิ้มน้อยๆ รู้สึกโหวงในอกอย่างประหลาด นึกแล้วว่าไม่อยากให้อีกคนไปเลย

     

    แค่กลับเกิดอยากจะร้องไห้ขึ้นมา โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่คนขี้แยเสียเลย

     

    “ในเมื่อบอกว่าไหวก็ต้องไหวซิ..”รอยยิ้มที่จริงใจและดูสบายๆนั้นยังประดับอยู่บนใบหน้าคม แต่นั้นยิ่งทำให้แจบอมอยากร้องไห้มาขึ้น

    “งั้น..รีบกลับมานะเว้ย..เพราะถ้าแกไม่อยู่ ฉ..ฉันจะเถียงกับใครว่ะเหยิน..กลับมาให้ได้นะเว้ยแก..ฉันจะรอ..”ความพยายามอย่างที่สุดแล้วสุดท้ายก็ขี้แยต่อหน้าคนคนนี้จนได้

     

    แทคยอนยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับถอนใจ..ใช่ว่าเขาไม่ห่วงแจบอมเสียเมื่อไหร่ ห่วงจะตายไป ห่วงมาก...มากเกินกว่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะเป็นห่วงอีกคนด้วยซ้ำไป

     

    “ไม่ให้นอนเหงาปากนานหรอก..เชื่อดิ จะรีบกลับมก่อนเฉาแล้วกันดีไหม”แทคยอนบอกกลั้วหัวเราะน้อยๆ เอามือปาดน้ำตาคนที่ก้มหน้าไม่ยอมมอง

     

    “แจบอม..อย่าร้องไห้ซิ..ฉันใจไม่ดี..อะไรกัน จะแช่งให้ฉันตายหรือไง นายถึงร้องไห้เนี่ย..ไม่เอาอย่าร้องนะ..”แทคยอนเอามืออีกข้างปาดมันออกเช่นกัน

     

    “ฉันกลับมาแน่ไม่ต้องห่วง เชื่อใจฉันเถอะ..รับรอง..”

     

    *********************************************************

     

    การเดินทางเป็นไปอย่างไม่รีบร้อนมากนัก ซึ้งเป็นเหตุให้ใช้เวลาอยู่มากโขกว่าที่จะถึงที่หมาย  ถ้าให้พูดถูกก็ปาเข้าไปสายๆของอีกวันกว่าที่ทั้งหมดจะมาถึงตัวเมืองโซล แน่นอนว่าคนพวกนี้ไม่คิดที่จะบุกเข้าไปตอนนี้แน่ๆ ควรรอเวลาให้อาทิตย์ตกดินเสียก่อนแล้วกะว่าค่อยฝ่าเข้าไปอย่างอาจหาญและรอบคอบ ด้วยแผนที่ได้ตระเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี

     

    ทั้งสามคนจึงตัดสินใจ กลับมาพักที่ห้องเช่าของชานซองก่อน เพราะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่า คนของอดีตนายจ้างต้องคาดไม่ถึงหรือไม่ก็อาจจะมาเยือนและจากไปแล้ว

     

    และก็เป็นไปตามที่คาดหมายเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยนเลย เมื่อทั้งสามคนมาถึงกลับต้องพบกับสภาพกระจุยกระจายไม่เหลือชิ้นดีราวกลับผ่านมรสุมพายุมาก่อน

    ไม่ว่าจะเป็นโซฟาผ้าเนื้อนุ่มสีสวยตัวแพงที่จุนโฮบอกว่ามันนั่งสบาย เศษจานกระเบื้องอย่างดีที่จุนโฮบอกว่ามันทนไฟและใช้ได้นานกลับแตกกองเต็มพื้น เศษผ้าม่าน หมอนอิงที่เขารู้ว่าจุนโฮชอบสีนี้ หรือแม้แต่โทรทัศน์แอลซีดีขนาดใหญ่ที่ล้มลงไปกองอยู่รวมกับลำโพงเครื่องเสียงที่เขาทั้งคู่ชอบมานั่งใช้เวลาร่วมกัน

     

    มองแล้วก็พาลใจหาย..เพราะสถานที่นี้เป็นที่ที่เขาอยู่ร่วมกับคนที่เขารักถูกทำลายไปไม่เหลือเลย

     

    “นี่เล่นกันขนาดนี้เลยหรอว่ะเนี่ย”ชานซองสบถออกมาน้อยๆ กัดฟันแน่นด้วยแรงอารมณ์ นึกอาลัยให้กับห้องแห่งความทรงจำที่ตนเคยอาศัย

    “ใจเย็นนะเว้ย..ชาน..”แทคยอนเดินเข้ามาตบบ่ากว้างเอาไว้เบาๆ ให้กำลังใจเพื่อนและรุ่นน้องของตัวเองอย่างจริงใจ ระคนเห็นใจไปด้วย

     

    “ผมรู้แล้วครับ..ขอบคุณพี่มาก..ว่าแต่ตอนนี้..ผมว่าลองเช็คความปลอดภัยห้องก่อนเถอะเผื่อมีอะไร..กันไว้ก่อนน่ะ”หลังจากทำใจอยู่ไม่กี่อึด ชานซองจึงหันมายิ้มเข้าโหมดจริงจังอย่างเคย

    “ต้องอย่างงี้ดิว่ะ..”

     

    ว่าแล้วทั้งสามคนจึงจัดแจงค่อยๆตรวจเช็ดไปตามซอกตามมุมของบ้าน มองหาอาวุธหรือสิ่งแปลกปลอมที่อาจฝังตัวอยู่ที่นี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นระเบิดจับเวลา ไดนาไมท์ ตัวจุดชนวน เครื่องดังฟัง เรดาห์ หรือแม้แต่กล้องวงจรขนาดเล็ก..

     

    แต่กลับมาพบอาวุธอันตรายใดๆ

     

    RRRRRRRRRRRRRR

     

    เสียงโทรศัพท์บ้านของชานซองดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ..เรียกให้ทุกคนหันไปมอง นิชคุณเป็นคนที่ใกล้ที่สุดหันหน้ามองสมาชิกที่เหลืออย่างขอความเห็น หากเพียงแต่ทุกคนกระชับอาวุธในมืออยู่อย่างนั้น..

     

    ชายหนุ่มได้รับสัญญาณว่าให้คว้ามันขึ้นมา..

     

    [ฮัลโหล..]ปลายสายกรอกเสียงกลับมา หากแต่ไม่มีใครตอบกลับไป

     

    [ถ้านั้นเป็นเจ้าของบ้าน..ผมจุนซู อยากบอกว่า เที่ยงคืนวันนี้ ให้พวกคุณเข้ามาที่นี้ได้ เพราะผมทำเรื่องปลอมแปลงเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่จะไปกระจายที่สาขาย่อย ซึ่งเวลาสะดวกที่คุณจะมาที่นี้..และคุณจะพบผมได้ที่ประตูทางเข้าหน้าลิฟ์สาม..]จุนซูบอกอย่างรวดเร็ว

     

    [ผมมีเวลาไม่มากนัก คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม..แต่ก่อนที่ผมอาจถูกดักสัญญาณได้..ช่วยเตรียมตัวและอาวุธให้ครบมือด้วย ขอให้โชคดี] พอพูดจบอีกฝ่ายก็วางสายลงทันที คงเหลือแต่สัญญาณตัดไป

     

    คราวนี้จะเชื่อหรือไม่ก็คงให้ชะตานำพาแล้ว..ความไว้ใจอาจจะดูไม่มีความหมายสำหรับเวลาแบบนี้ แต่ขอนไม้ที่ลอยน้ำมาท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

     

    ก็มีค่าให้เกาะเอาไว้มิใช่หรือย่างไร

     

    **********************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×