คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การเริ่มต้น
ณ เมืองซานนาตินา
“ข้าไม่ไป ให้ตายยังไงข้าก็ไม่ไป” เสียงตะโกนร้องอย่างขัดใจของเจ้าหญิงเรเนสตาดังขึ้น พร้อมกับเสียงวิ่งออกมาจากห้องที่ประทับของราชินีมารีน
“เรเนสตา” เจ้าหญิงมารีนาร้องเรียกพร้อมกับฉุดมือท่านพี่ของนางไว้
“มารีนา
เจ้าคงได้ยินหมดแล้วใช่มั้ยว่าท่านแม่จะให้เราทั้งสองไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ”
“ข้าได้ยินหมดแล้ว”
“แล้วเจ้ายังจะยืนเฉยๆไม่เดือดร้อนบ้างรึไงนะ!” เรเนสตาร้องถามอย่างขัดใจ
“แล้วถ้าข้าเดือดร้อนขึ้นมา แล้วมันจะช่วยอะไรได้ ท่านก็รู้ ถ้าท่านพ่อมีพระประสงค์สิ่งใดแล้วก็ไม่มีใครขัดพระทัยได้ แม้แต่ตัวท่านพี่เองก็เถอะ ท่านพี่ก็น่าจะรู้ดีกว่าข้าด้วยซ้ำไป ” มารีนาพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“แต่
”
“แล้วอีกอย่าง มันก็เป็นกฎอันศักดิ์สิทธ์ของราชวงค์ที่เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งซานนาตินาเมื่อถึงวัยอันสมควรก็จะต้องไปศึกษาเล่าเรียน ณ สถานที่อันศักดิ์สิทธ์ อย่าว่าแต่เราสองคนเลย เจ้าชายและเจ้าหญิงทุกพระองค์แห่งอาณาจักรซานตาเนียร์ก็ต้องไปเช่นเดียวกัน” มารีน่าขัดขึ้นก่อนที่เรเนสตาจะเถียงขึ้นมาอีก
“แต่ในพระราชวังของเราก็ยังมีพระอาจารย์สอนนี่” เรเนสตายังคงเถียงต่ออย่างข้างๆ คูๆ
“ท่านพี่”
“รู้แล้ว รู้แล้ว เจ้าเลิกทำตัวเป็นพี่สาวข้าซะทีเถอะน่า นี่เจ้าเป็นน้องสาวข้านะ ” เรเนสตารีบพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาของมารีนา “เจ้าคอยดูนะมารีนา หากวันใดข้าได้เป็นกษัตริย์ ข้าจะเปลี่ยนแปลงกฎเสียใหม่” เรเนสตาพูดต่ออย่างมาดมั่น
“ไม่มีทางหรอก ยังไงซะท่านพี่ก็ต้องอภิเษกกับเจ้าชายองค์ใดองค์หนึ่ง ท่านพี่ก็ได้เป็นแค่ราชินีอยู่ดีแหละ ไม่ได้เป็นถึงกษัตริย์หรอก” มารีนายังคงตั้งหน้าตั้งตาขัดเรเนสตาอย่างไม่เลิกรา
“เอ็ะ! เจ้านี่ชอบขัดข้าอยู่เรื่อย เดี๋ยวเถอะ” เรเนสตาพูดขึ้นพร้อมกับเข้าไปแกล้งตีมารีนา “อย่างเจ้าต้องโดนแบบนี้” แล้วสองพี่น้องก็วิ่งไล่ตีกัน หัวเราะกันอย่างสนุกสนานไปทั่วพระราชวัง
.
“หัวเราะได้แล้วล่ะเพคะ” โรซานางกำนัลคนสนิทที่แอบไปดูพระธิดาทั้งสองพระองค์กลับเข้ามารายงานราชินี
“มารีนาคงทำให้เรเนสตาอารมณ์ดีได้แล้วล่ะ ถึงได้หัวเราะกันเสียงดังลั่นขนาดนั้น ก็คงจะไม่มีปัญหาเรื่องการไปสถานที่ศักดิ์สิทธ์แล้วล่ะ เพราะมารีนาคงจะเกลี้ยกล่อมเรเนสตาได้สำเร็จ ” ราชีนีมารีนพูดขึ้นอย่างเบาใจ
“ถ้าเจ้าหญิงมารีนาเปรียบเหมือนน้ำ เจ้าหญิงเรเนสตาก็คงเปรียบเหมือนไฟนะเพคะ ใช้น้ำดับไฟ แต่ถ้าเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์ไปแล้วพระราชวังคงเงียบสงบและเหงาน่าดูเลยนะเพคะ”
ราชินีมารีนคิดว่าโรซาพูดถูก ถ้าหากเรเนสตาและมารีนาไม่อยู่ที่นี่พระราชวังก็คงจะเงียบเหงา ปราศจากเสียงหัวเราะไปอีกนาน เรเนสตาผู้ที่เปรียบเหมือนไฟ อารมณ์ร้อน เจ้าเล่ห์ ไม่ยอมใคร มารีนาผู้ที่เปรียบเหมือนน้ำ เรียบร้อย อ่อนหวาน อารมณ์เย็น พระธิดาทั้งสองของนางที่ไม่เหมือนกันเลยทั้งลักษณะนิสัยและรูปร่างหน้าตา เรเนสตาผู้มีผมดำสนิท ยาวสยาย ตรง ปลิวไสวงดงาม เมื่ออยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ ยิ่งทำให้ผมสยายดูเงางามยิ่งขึ้น แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ แสงจันทร์ก็ยังคงส่องแสงให้ผมของนางงดงามไม่แพ้อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ ดวงตาของนางกลมโตสีดำ สดใส แวววาว คิ้วเรียวยาว จมูกเล็กโด่ง ปลายจมูกเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างคนดื้อรั้น ริมฝีปากเล็กบางช่างเจรจาเป็นสีชมพูอ่อนน่าดู พร้อมกับดวงดาวห้าแฉก สีสว่าง สดใส ตรงกลางหน้าผาก รูปร่างแบบบาง สมส่วน แต่ทว่าแข็งแกร่ง ทำให้นางงดงามเหมือนเทพธิดาผู้ร่าเริง ขี้เล่น ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้าให้ความสว่างแก่สรรพสิ่งทุกชนิด ส่วนมารีนาพระธิดาองค์เล็กผู้ใจเย็น อ่อนหวาน อ่อนโยน เป็นผู้มีผมสีบรอนส์ทอง สวยระยิบระยับดังทองคำยามต้องแสงแดด นวลสว่างสดใสยามอยู่ภายใต้แสงจันทรา เป็นผู้มีดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล ดูเย็นตา คิ้วโค้งงอนพอดีรูปตา จมูกโด่ง ริมฝีปากเรียวงามสีส้มอ่อน พร้อมกับรูปร่างอรชร อ่อนแอ้น งดงามดั่งตุ๊กตา ดูน่ารักน่าทะนุถนอมปกป้อง
‘ หากเรเนสตาและมารีนาจากไปจริงๆ ที่นี่คงจะเงียบเหงา ไม่มีเสียงหัวเราะอย่างร่าเริง ไม่มีเสียงทะเลาะกันของลูกรักทั้งสองของข้าไปอีกนาน ‘ ราชีนีมารีนคิดอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมกับหลับตานอนพักลงบนเก้าอี้ตัวโปรด
เสียงถอนหายใจของเรเนสตาดังขึ้นเมื่อทั้งสองหยุดพักจากการไล่ตีกัน มารีนาจึงหันมาถามเรเนสตาอย่างสงสัย “ท่านเป็นอะไรไปอีกล่ะ”
“เบื่อ” เรเนสตาพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย “งั้นเราไปขี่ม้าไปที่น้ำตกในป่ากันเถอะ”
“เรา?” มารีนาถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
“เราก็หมายถึงเจ้ากับข้านั่นแหละ อย่างมัวลีลาอยู่เลยน่า รีบไปเถอะ เดี๋ยวมืดกลับมาไม่ทัน” เรเนสตาฉุดมารีนาขึ้นมาแล้ววิ่งลากไปยังคอกม้าอย่างเร็ว
ทั้งสองควบม้าอย่างเร็วผ่านเมืองอันวุ่นวาย พลุกพล่าน เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าร้องขายของกัน ดูคึกคัก ออกไปยังชายป่าซึ่งไกลจากพระราชวังพอสมควร ชายป่าอันเงียบสงบผิดกับสภาพในเมืองที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองขี่ม้าผ่านป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ ซึ่งแผ่กิ่งก้านสยายออกมา มีเถาวัลย์เลื้อยพันขึ้นรอบๆต้นไม้ ต้นไม้บางต้นโน้นกิ่งลงมาดั่งเชิญชวนให้ผู้ที่ผ่านไปหยุดทักทายปราศัยยามเหนื่อยอ่อน ใต้ต้นไม้ยังมีเห็ดหลากสีสันสวยงาม ประชันกับดอกไม้สีสวยที่ขึ้นรายล้อมไปตลอดทาง พร้อมกับฟังเสียงลมพัดเสียงนกร้อง สูดกลิ่นธรรมชาติจากป่าไม้ไปอย่างเบิกบานใจ ทั้งสองตั้งใจมุ่งหน้าไปยังน้ำตกที่ทั้งสองเป็นผู้ค้นพบมัน และตั้งชื่อว่า “น้ำตกมารีนเนสตา” ซึ่งมาจากชื่อของทั้งสองคนรวมกันนั่นเอง แต่ก่อนที่จะได้ชื่อนี้มาก็ต้องเถียงกันแทบเป็นแทบตาย เพราะต่างคนก็ต่างจะเลือกชื่อที่ตัวเองตั้งไม่ยอมเอาชื่อที่อีกฝ่ายหนึ่งตั้งมาเป็นชื่อของน้ำตก เลยต้องนำชื่อของทั้งสองมาตั้งเป็นชื่อของน้ำตกแทนเพื่อความยุติธรรมของทั้งสองฝ่าย น้ำตกนี้อยู่ลึกเข้าไปในป่า ความสูงประมาณ 6 ชั้น อยู่ท่ามกลางป่าไม้ที่ธรรมชาติสร้างมาไว้อย่างเหมาะเจาะพอดี สวยงาม วิจิตรพิศดารราวกับไม่ใช่ฝีมือของธรรมชาติหากแต่เป็นเหล่าทวยเทพมาเนรมิตรไว้เพื่อเป็นวิมานเมื่อเวลาเสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์ มีหินสีสันสวยงามเรียงรายอยู่รอบๆบริเวณ ดูราวกับมีผู้นำมาประดับตกแต่งเพื่อเพิ่มความงามให้กับน้ำตกแห่งนี้
เมื่อทั้งสองมาถึงน้ำตกก็ลงจากม้า ปล่อยม้าให้พักผ่อนตามใจโดยไม่ผูกมันไว้ ส่วนตัวเองก็ไปชื่นชมธรรมชาติและความงามของน้ำตกอย่างเบิกบานใจ
“สดชื่นจังเลย” เสียงของเรเนสตาดังขึ้นหลังจากวักน้ำล้างหน้าจากน้ำตก “ให้ข้าอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตข้าก็อยู่ได้นะเนี่ย”
“
..”
“จริงๆนะ ที่นี่สวยงาม บรรยากาศก็ดีมาก”
“
..”
“เจ้าเป็นอะไรไปหึ ข้าพูดกับเจ้าหลายคำแล้วนะ เจ้าก็ไม่ยอมตอบข้าเลยสักคำ” เรเนสตาถามอย่างสงสัยเต็มกำลัง
มารีนาหันมาตอบอย่างเรียบๆ “ ก็ข้ากำลังคิดอยู่ว่า ณ สถานที่ศักดิ์สิทธ์ที่เราจะต้องไปคราวนี้มีเจ้าชายเจ้าหญิงองค์ใดในเมืองไหนที่สมควรจะต้องไปอีกบ้าง ท่านพี่ช่วยข้าคิดหน่อยสิ ท่านพี่เกิดก่อนข้าน่าจะจำได้มากกว่า”
“อืม
.” เรเนสตาใช้ความคิด “ที่ข้าพอจะนึกออกนะ ก็มี
เจ้าชายรอตโตเจ้าชายรอนโตแห่งเมื่องมาร์ช แล้วก็
เจ้าชายราเชฟแห่งคลอโรซานนา เจ้าหญิงลอเรนซาแห่งเมืองอาร์เซน
ใช่! แล้วที่ขาดไม่ได้เลย เจ้าชายเนฟแห่งนอร์ทสตาร์”
“ใช่ ! ใช่ ! เจ้าชายองค์นี้ข้าจำได้ ” มารีนาร้องขึ้นอย่างดีใจเมื่อนึกขึ้นได้ เรเนสตาจึงต่อให้ว่า “ เจ้าชายที่สูงๆ ผอมๆ ผอมมากกกก ดูยังกับคนขี้โรคแน่ะ เหมือนตัวอะไรก็ไม่รู้ เจ้าคงจำได้นะ” พร้อมกับหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อนึกถึงภาพเจ้าชายผอมๆองค์นั้น มารีนาที่เมื่อนึกภาพออกก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เช่นกัน แต่ถึงปากจะหัวเราะแต่ก็ยังมีกระใจเถียงแทนเจ้าชายองค์นั้น “ท่านก็พูดเกินไป เค้าก็ไม่ได้น่าเกลียดถึงขนาดนั้นหรอกน่า เพียงแต่อาจจะมีบ้างนิดหน่อย” แต่เมื่อพูดจบก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกรอบ ตามด้วยเสียงหัวเราะชอบใจของอีกฝ่ายในคำพูดนั้น
ทั้งสองยังคงคุยไปหัวเราะไปไม่หยุดอีกนานแสนนานเหมือนกับเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีก่อนการจากลา
..
‘เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร’ ในที่สุดก็ถึงวันที่เจ้าหญิงเรเนสตาและเจ้าหญิงมารีนาต้องเดินทางออกจากเมืองเพื่อไปศึกษาการปกครอง เวทมนตร์คาถาชั้นสูง ณ สถานที่อันศักดิ์สิทธ์ เจ้าหญิงทั้งสองจะต้องเดินทางโดยม้า และมีทหารนำขบวนไปจำนวนหนึ่ง
“น่าเบื่อจังเลย จะเดินทางไปเองก็ไม่ได้ ต้องมีทหารติดตามไปด้วย” เรเนสตาบ่นด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นทหารม้าจำนวนหนึ่งในการตามเสด็จ เธอคิดว่าจะได้เดินทางตามลำพังกับมารีนาเพียงสองคน เพราะจะได้เถลไถลเที่ยวป่า เที่ยวสถานที่ต่างๆ ก่อนจะต้องไปศึกษาเล่าเรียนอันแสนน่าเบื่อในความคิดของเธอ ไม่ใช่แต่เรเนสตาที่คิดเช่นนี้ มารีนาเองก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเธอเองจะเป็นคนที่เชื่อฟังบุพการี แต่บางทีเธอเองก็ยังอยากที่จะทำอะไรเพียงลำพังไม่ต้องการให้ใครคอยติดตามอย่างนี้
“อย่าว่าแต่ท่านเลยเรเนสตา ข้าเองก็เหมือนกัน ถึงแม้ข้าจะเต็มใจไปแต่ก็อยากไปเองโดยไม่ต้องมีผู้ติดตาม”
“นั่นสิ”เรเนสตายังคงมองเหล่าทหารม้ารักษาพระองค์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่แค่แวบเดียวก็กลายเป็นยิ้มอย่างมีเลสนัย “มารีนาเจ้าเอียงหูมานี่สิ ข้ามีความคิดดีๆแล้ว” เรเนสตากระซิบกระซาบกับมารีนาพักนึงแล้วมารีนาจึงยิ้มออกมาบ้าง เมื่อเจ้าหญิงทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เสียงเป่าแตรก็ดังขึ้น ถึงเวลาที่สองพี่น้องต้องเดินขึ้นไปกราบบังคมทูลลาพระราชบิดาและพระราชมารดา
“ลูกทูลลาเพคะท่านพ่อ ท่านแม่” เจ้าหญิงเรเนสตาและเจ้าหญิงมารีนาถอนสายบัวทูลลาพระราชบิดาพระราชมารดา
กษัตริย์บาเรตโตดึงพระราชธิดาทั้งสองมากอดและจุมพิตที่หน้าผากเพื่อเป็นการให้พร “พ่อขอให้เจ้าทั้งสองจงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้ดีที่สุด เพื่อชาวเมืองของเรานะลูก”
“ลูกจะทำตามพระประสงค์เพคะ” เจ้าหญิงทั้งสองตอบรับอย่างเต็มใจ ราชินีมารีนตื้นตันใจจนน้ำตาไหล มองดูลูกอันเป็นที่รักทั้งสองของนางเดินออกไปขึ้นม้าด้วยท่าทางที่ทรนงแกร่งกล้าสมกับเป็นขัตติยะนารี ‘ขอพลังแห่งองค์บรรพกษัตริย์ทั้งห้าแห่งอาณาจักรซานตาเนียร์จงช่วยปกป้องคุ้มครองทายาทแห่งพระองค์ด้วยเถิด’ ราชินีมารีนร้องขึ้นในใจพร้อมกับมองเจ้าหญิงทั้งสองขี่ม้าออกไปจนลับตา
เมื่อคณะเจ้าหญิงพร้อมด้วยเหล่าทหารผู้ติดตามออกเดินทางจากเมืองที่มีผู้รอส่งเสด็จกันเป็นจำนวนมากแล้วจึงมาถึงเขตชายป่าซึ่งคณะเดินทางชุดนี้จะต้องเดินทางผ่านเพื่อไปสถานที่ศักดิ์สิทธ์ คณะเดินทางรีบเดินทางกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยผ่านป่าไม้ขึ้นเขาลงห้วย บางทีก็ขี่ม้าผ่านป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ตามแต่ที่เจ้าหญิงทั้งสองจะขี่ไปที่ไหน การเดินทางที่ลำบากเช่นนี้ทำให้เหล่าทหารม้ารักษาพระองค์เริ่มเหนื่ออ่อนกันบ้างแล้ว ยิ่งทหารม้ารักษาพระองค์เหนื่อยอ่อนมากขึ้นเท่าไหร่เจ้าหญิงเรเนสตาและเจ้าหญิงมารีนาก็ยิ่งเร่งเดินทางและหันมาสบตากันด้วยความพอใจมากขึ้นเท่านั้น เพราะทั้งสองตกลงกันตามความคิดของเจ้าหญิงผู้เป็นพี่ไว้ว่า เมื่อขี่ม้าเข้ามาในป่าเจ้าหญิงทั้งสองจะเป็นฝ่ายนำขบวน โดยจะเดินทางผ่านที่ซึ่งลำบากมากๆเพื่อให้ทหารเหนื่อยอ่อนและขอหยุดพัก เมื่อทหารหยุดพักทั้งสองพระองค์จะทำใจดีแจกน้ำให้เหล่าทหารกิน ซึ่งในน้ำนั้นใส่ยาสลบลงไป มีผลออกฤทธ์ 24 ชั่วโมง พอมีเวลาให้เจ้าหญิงเกเรทั้งสองหนีไปโดยไม่มีทางที่ทหารเหล่านี้จะตามทัน ความคิดของเจ้าหญิงเรเนสตาได้ผลเร็วเกินคาด เมื่อมีทหารขี่ม้าตามมาทูลว่าของหยุดพักเพราะว่ามีทหารที่เหนื่ออ่อนมาก ขอให้หยุดพักการเดินทางเพื่อให้ทหารได้พักผ่อนบ้าง
“เห็นมั้ยล่ะ ข้าบอกท่านแล้วเรเนสตาว่าไม่ควรมาทางนี้ ” มารีนาแกล้งพูดว่าเรเนสตาตามแผนที่วางไว้ “ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะอ่อนแอกันถึงเพียงนี้ แต่ก็เอาเถอะข้ายอมรับผิดก็ได้ เพื่อเป็นการไถ่โทษเจ้าช่วยข้านำน้ำไปแจกให้เหล่าทหารก็แล้วกัน ” เรเนสตาก็ตอบรับทันควันอย่างไม่น้อยหน้าเช่นกัน ก็เป็นแผนที่เธอคิดขึ้นเองนี่ ก็ต้องตีบทให้แตกไม่งั้นมันจะไม่สมจริง
แล้วเจ้าหญิงจอมวางแผนกับเจ้าหญิงผู้แสนเรียบร้อยก็นำน้ำไปให้ทหารดื่มดับกระหายกันอย่างถ้วนหน้า เหล่าทหารรับน้ำมาด้วยความรู้สึกตื้นตันใจในพระกรุณาของเจ้าหญิงทั้งสองเป็นอันมาก ที่เจ้าหญิงทั้งสองไม่ถือพระองค์แถมยังมีพระกรุณาห่วงใยนำน้ำมาให้โดยไม่รู้ซักนิดถึงแผนการของเจ้าหญิงทั้งสอง และไม่นานนักแผนการณ์ก็ประสบผลสำเร็จตามการคาดการณ์ของเจ้าหญิงจอมวางแผน เหล่าทหารสลบไม่รู้เรื่องกันทั้งหมด เจ้าหญิงทั้งสองจึงรีบควบม้าหนีออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อหนีออกมาไกลพอสมควรที่เหล่าทหารไม่สามารถตามทันแล้วจึงได้ผ่อนฝีเท้าม้าให้วิ่งเบาลงพอประมาณ
“น่าสงสารพวกทหารเหมือนกันนะ ต้องนอนสลบกันไม่รู้เรื่องอยู่ในป่าอีกตั้งหลายชั่วโมง” เจ้าหญิงมารีนาเริ่มเป็นห่วงพวกทหารในป่าขึ้มมาบ้าง แต่ก็โดนเจ้าหญิงผู้วางแผนสวนขึ้นมา ทำให้หายเป็นห่วงได้ทันควันเหมือนกัน “หรือเจ้าอยากจะเดินทางไปพร้อมกับทหารเหล่านั้นโดยไม่ได้เที่ยวเลยก็ตามใจเจ้านะ อยากกลับก็เชิญตามสบาย”
เมื่อเรเนสตาเห็นมารีนาเงียบก็รีบขี่ม้าเข้ามาพูดอย่างเอาใจ “ช่างมันเถอะน่ามารีนา ไหนๆเราก็เดินทางออกมาตั้งไกลแล้วนี่ จะกลับไปอีกก็เสียเวลาไปเปล่าๆ อย่ามัวแต่รู้สึกผิดอยู่เลย ทำตัวให้ร่าเริงสมกับที่ได้เที่ยวหน่อยเถอะนะ
.นะมารีนาคนดี๊ คนดี” มารีนาจึงยิ้มออกมาได้เมื่อเรเนสตาเข้ามาพูดด้วยอย่างเอาใจ “ก็ได้! ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่ ข้าก็ไม่อยากทำให้ท่านหมดสนุกไปด้วย” ทั้งสองจึงเดินทางต่อไปอย่างร่าเริงเมื่อตกลงกันได้แล้ว
ความคิดเห็น