ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Prince&Princess ตอน ดาบแห่งนาร์ทอริส

    ลำดับตอนที่ #2 : การเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 49


                 ณ  เมืองซานนาตินา


                “ข้าไม่ไป  ให้ตายยังไงข้าก็ไม่ไป  เสียงตะโกนร้องอย่างขัดใจของเจ้าหญิงเรเนสตาดังขึ้น  พร้อมกับเสียงวิ่งออกมาจากห้องที่ประทับของราชินีมารีน 


                  “เรเนสตาเจ้าหญิงมารีนาร้องเรียกพร้อมกับฉุดมือท่านพี่ของนางไว้


                  “มารีนาเจ้าคงได้ยินหมดแล้วใช่มั้ยว่าท่านแม่จะให้เราทั้งสองไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์  

                  “ข้าได้ยินหมดแล้ว


                  “แล้วเจ้ายังจะยืนเฉยๆไม่เดือดร้อนบ้างรึไงนะ!” เรเนสตาร้องถามอย่างขัดใจ


                  “แล้วถ้าข้าเดือดร้อนขึ้นมา  แล้วมันจะช่วยอะไรได้  ท่านก็รู้  ถ้าท่านพ่อมีพระประสงค์สิ่งใดแล้วก็ไม่มีใครขัดพระทัยได้  แม้แต่ตัวท่านพี่เองก็เถอะ  ท่านพี่ก็น่าจะรู้ดีกว่าข้าด้วยซ้ำไป   มารีนาพูดขึ้นอย่างใจเย็น


                    “แต่…”


                   “แล้วอีกอย่าง  มันก็เป็นกฎอันศักดิ์สิทธ์ของราชวงค์ที่เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งซานนาตินาเมื่อถึงวัยอันสมควรก็จะต้องไปศึกษาเล่าเรียน    สถานที่อันศักดิ์สิทธ์  อย่าว่าแต่เราสองคนเลย  เจ้าชายและเจ้าหญิงทุกพระองค์แห่งอาณาจักรซานตาเนียร์ก็ต้องไปเช่นเดียวกันมารีน่าขัดขึ้นก่อนที่เรเนสตาจะเถียงขึ้นมาอีก


                   “แต่ในพระราชวังของเราก็ยังมีพระอาจารย์สอนนี่เรเนสตายังคงเถียงต่ออย่างข้างๆ คูๆ


                   “ท่านพี่


                   “รู้แล้ว  รู้แล้ว  เจ้าเลิกทำตัวเป็นพี่สาวข้าซะทีเถอะน่า  นี่เจ้าเป็นน้องสาวข้านะ เรเนสตารีบพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาของมารีนา เจ้าคอยดูนะมารีนา  หากวันใดข้าได้เป็นกษัตริย์  ข้าจะเปลี่ยนแปลงกฎเสียใหม่  เรเนสตาพูดต่ออย่างมาดมั่น


                   “ไม่มีทางหรอก  ยังไงซะท่านพี่ก็ต้องอภิเษกกับเจ้าชายองค์ใดองค์หนึ่ง  ท่านพี่ก็ได้เป็นแค่ราชินีอยู่ดีแหละ  ไม่ได้เป็นถึงกษัตริย์หรอกมารีนายังคงตั้งหน้าตั้งตาขัดเรเนสตาอย่างไม่เลิกรา

     
                     “เอ็ะ!  เจ้านี่ชอบขัดข้าอยู่เรื่อย  เดี๋ยวเถอะ  เรเนสตาพูดขึ้นพร้อมกับเข้าไปแกล้งตีมารีนา  อย่างเจ้าต้องโดนแบบนี้แล้วสองพี่น้องก็วิ่งไล่ตีกัน  หัวเราะกันอย่างสนุกสนานไปทั่วพระราชวัง 

                                            ……………………………….

                  “หัวเราะได้แล้วล่ะเพคะโรซานางกำนัลคนสนิทที่แอบไปดูพระธิดาทั้งสองพระองค์กลับเข้ามารายงานราชินี 


                   “มารีนาคงทำให้เรเนสตาอารมณ์ดีได้แล้วล่ะ  ถึงได้หัวเราะกันเสียงดังลั่นขนาดนั้น  ก็คงจะไม่มีปัญหาเรื่องการไปสถานที่ศักดิ์สิทธ์แล้วล่ะ  เพราะมารีนาคงจะเกลี้ยกล่อมเรเนสตาได้สำเร็จ ราชีนีมารีนพูดขึ้นอย่างเบาใจ


                    “ถ้าเจ้าหญิงมารีนาเปรียบเหมือนน้ำ  เจ้าหญิงเรเนสตาก็คงเปรียบเหมือนไฟนะเพคะ  ใช้น้ำดับไฟ  แต่ถ้าเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์ไปแล้วพระราชวังคงเงียบสงบและเหงาน่าดูเลยนะเพคะ


                     ราชินีมารีนคิดว่าโรซาพูดถูก  ถ้าหากเรเนสตาและมารีนาไม่อยู่ที่นี่พระราชวังก็คงจะเงียบเหงา  ปราศจากเสียงหัวเราะไปอีกนาน  เรเนสตาผู้ที่เปรียบเหมือนไฟ  อารมณ์ร้อน  เจ้าเล่ห์  ไม่ยอมใคร  มารีนาผู้ที่เปรียบเหมือนน้ำ  เรียบร้อย  อ่อนหวาน  อารมณ์เย็น  พระธิดาทั้งสองของนางที่ไม่เหมือนกันเลยทั้งลักษณะนิสัยและรูปร่างหน้าตา  เรเนสตาผู้มีผมดำสนิท  ยาวสยาย  ตรง  ปลิวไสวงดงาม เมื่ออยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ ยิ่งทำให้ผมสยายดูเงางามยิ่งขึ้น  แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงจันทร์  แสงจันทร์ก็ยังคงส่องแสงให้ผมของนางงดงามไม่แพ้อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์  ดวงตาของนางกลมโตสีดำ  สดใส  แวววาว  คิ้วเรียวยาว  จมูกเล็กโด่ง  ปลายจมูกเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างคนดื้อรั้น  ริมฝีปากเล็กบางช่างเจรจาเป็นสีชมพูอ่อนน่าดู  พร้อมกับดวงดาวห้าแฉก  สีสว่าง  สดใส ตรงกลางหน้าผาก  รูปร่างแบบบาง  สมส่วน  แต่ทว่าแข็งแกร่ง  ทำให้นางงดงามเหมือนเทพธิดาผู้ร่าเริง  ขี้เล่น  ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้าให้ความสว่างแก่สรรพสิ่งทุกชนิด  ส่วนมารีนาพระธิดาองค์เล็กผู้ใจเย็น  อ่อนหวาน  อ่อนโยน  เป็นผู้มีผมสีบรอนส์ทอง  สวยระยิบระยับดังทองคำยามต้องแสงแดด  นวลสว่างสดใสยามอยู่ภายใต้แสงจันทรา  เป็นผู้มีดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล  ดูเย็นตา  คิ้วโค้งงอนพอดีรูปตา  จมูกโด่ง  ริมฝีปากเรียวงามสีส้มอ่อน  พร้อมกับรูปร่างอรชร  อ่อนแอ้น  งดงามดั่งตุ๊กตา  ดูน่ารักน่าทะนุถนอมปกป้อง 

    หากเรเนสตาและมารีนาจากไปจริงๆ  ที่นี่คงจะเงียบเหงา ไม่มีเสียงหัวเราะอย่างร่าเริง  ไม่มีเสียงทะเลาะกันของลูกรักทั้งสองของข้าไปอีกนาน   ราชีนีมารีนคิดอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมกับหลับตานอนพักลงบนเก้าอี้ตัวโปรด

    ……………………………

                     เสียงถอนหายใจของเรเนสตาดังขึ้นเมื่อทั้งสองหยุดพักจากการไล่ตีกัน  มารีนาจึงหันมาถามเรเนสตาอย่างสงสัย  ท่านเป็นอะไรไปอีกล่ะ


                      “เบื่อเรเนสตาพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย งั้นเราไปขี่ม้าไปที่น้ำตกในป่ากันเถอะ


                      “เรา?” มารีนาถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น


                      “เราก็หมายถึงเจ้ากับข้านั่นแหละ  อย่างมัวลีลาอยู่เลยน่า  รีบไปเถอะ เดี๋ยวมืดกลับมาไม่ทันเรเนสตาฉุดมารีนาขึ้นมาแล้ววิ่งลากไปยังคอกม้าอย่างเร็ว


                      ทั้งสองควบม้าอย่างเร็วผ่านเมืองอันวุ่นวาย  พลุกพล่าน  เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าร้องขายของกัน  ดูคึกคัก ออกไปยังชายป่าซึ่งไกลจากพระราชวังพอสมควร  ชายป่าอันเงียบสงบผิดกับสภาพในเมืองที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง  ทั้งสองขี่ม้าผ่านป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์  เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ  ซึ่งแผ่กิ่งก้านสยายออกมา มีเถาวัลย์เลื้อยพันขึ้นรอบๆต้นไม้  ต้นไม้บางต้นโน้นกิ่งลงมาดั่งเชิญชวนให้ผู้ที่ผ่านไปหยุดทักทายปราศัยยามเหนื่อยอ่อน  ใต้ต้นไม้ยังมีเห็ดหลากสีสันสวยงาม  ประชันกับดอกไม้สีสวยที่ขึ้นรายล้อมไปตลอดทาง  พร้อมกับฟังเสียงลมพัดเสียงนกร้อง  สูดกลิ่นธรรมชาติจากป่าไม้ไปอย่างเบิกบานใจ  ทั้งสองตั้งใจมุ่งหน้าไปยังน้ำตกที่ทั้งสองเป็นผู้ค้นพบมัน  และตั้งชื่อว่า 
    น้ำตกมารีนเนสตา  ซึ่งมาจากชื่อของทั้งสองคนรวมกันนั่นเอง  แต่ก่อนที่จะได้ชื่อนี้มาก็ต้องเถียงกันแทบเป็นแทบตาย  เพราะต่างคนก็ต่างจะเลือกชื่อที่ตัวเองตั้งไม่ยอมเอาชื่อที่อีกฝ่ายหนึ่งตั้งมาเป็นชื่อของน้ำตก  เลยต้องนำชื่อของทั้งสองมาตั้งเป็นชื่อของน้ำตกแทนเพื่อความยุติธรรมของทั้งสองฝ่าย  น้ำตกนี้อยู่ลึกเข้าไปในป่า  ความสูงประมาณ  6  ชั้น  อยู่ท่ามกลางป่าไม้ที่ธรรมชาติสร้างมาไว้อย่างเหมาะเจาะพอดี  สวยงาม  วิจิตรพิศดารราวกับไม่ใช่ฝีมือของธรรมชาติหากแต่เป็นเหล่าทวยเทพมาเนรมิตรไว้เพื่อเป็นวิมานเมื่อเวลาเสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์  มีหินสีสันสวยงามเรียงรายอยู่รอบๆบริเวณ  ดูราวกับมีผู้นำมาประดับตกแต่งเพื่อเพิ่มความงามให้กับน้ำตกแห่งนี้


                   เมื่อทั้งสองมาถึงน้ำตกก็ลงจากม้า  ปล่อยม้าให้พักผ่อนตามใจโดยไม่ผูกมันไว้  ส่วนตัวเองก็ไปชื่นชมธรรมชาติและความงามของน้ำตกอย่างเบิกบานใจ


                    “สดชื่นจังเลยเสียงของเรเนสตาดังขึ้นหลังจากวักน้ำล้างหน้าจากน้ำตก  ให้ข้าอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตข้าก็อยู่ได้นะเนี่ย


                     “……..”


                    “จริงๆนะ  ที่นี่สวยงาม  บรรยากาศก็ดีมาก


                     “……..”


                    “เจ้าเป็นอะไรไปหึ  ข้าพูดกับเจ้าหลายคำแล้วนะ  เจ้าก็ไม่ยอมตอบข้าเลยสักคำเรเนสตาถามอย่างสงสัยเต็มกำลัง


                        มารีนาหันมาตอบอย่างเรียบๆ
    ก็ข้ากำลังคิดอยู่ว่า  ณ สถานที่ศักดิ์สิทธ์ที่เราจะต้องไปคราวนี้มีเจ้าชายเจ้าหญิงองค์ใดในเมืองไหนที่สมควรจะต้องไปอีกบ้าง  ท่านพี่ช่วยข้าคิดหน่อยสิ ท่านพี่เกิดก่อนข้าน่าจะจำได้มากกว่า


                         “อืม….” เรเนสตาใช้ความคิด ที่ข้าพอจะนึกออกนะ  ก็มีเจ้าชายรอตโตเจ้าชายรอนโตแห่งเมื่องมาร์ช  แล้วก็เจ้าชายราเชฟแห่งคลอโรซานนา  เจ้าหญิงลอเรนซาแห่งเมืองอาร์เซน  ……  ใช่! แล้วที่ขาดไม่ได้เลย  เจ้าชายเนฟแห่งนอร์ทสตาร์


                          “ใช่ ! ใช่ ! เจ้าชายองค์นี้ข้าจำได้ มารีนาร้องขึ้นอย่างดีใจเมื่อนึกขึ้นได้  เรเนสตาจึงต่อให้ว่า เจ้าชายที่สูงๆ ผอมๆ  ผอมมากกกก  ดูยังกับคนขี้โรคแน่ะ  เหมือนตัวอะไรก็ไม่รู้  เจ้าคงจำได้นะพร้อมกับหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อนึกถึงภาพเจ้าชายผอมๆองค์นั้น  มารีนาที่เมื่อนึกภาพออกก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เช่นกัน  แต่ถึงปากจะหัวเราะแต่ก็ยังมีกระใจเถียงแทนเจ้าชายองค์นั้น ท่านก็พูดเกินไป  เค้าก็ไม่ได้น่าเกลียดถึงขนาดนั้นหรอกน่า  เพียงแต่อาจจะมีบ้างนิดหน่อยแต่เมื่อพูดจบก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกรอบ  ตามด้วยเสียงหัวเราะชอบใจของอีกฝ่ายในคำพูดนั้น


                         ทั้งสองยังคงคุยไปหัวเราะไปไม่หยุดอีกนานแสนนานเหมือนกับเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีก่อนการจากลา 

     ……………………………..


                          ‘เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร  ในที่สุดก็ถึงวันที่เจ้าหญิงเรเนสตาและเจ้าหญิงมารีนาต้องเดินทางออกจากเมืองเพื่อไปศึกษาการปกครอง  เวทมนตร์คาถาชั้นสูง ณ สถานที่อันศักดิ์สิทธ์  เจ้าหญิงทั้งสองจะต้องเดินทางโดยม้า  และมีทหารนำขบวนไปจำนวนหนึ่ง


                            “น่าเบื่อจังเลย จะเดินทางไปเองก็ไม่ได้ ต้องมีทหารติดตามไปด้วยเรเนสตาบ่นด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นทหารม้าจำนวนหนึ่งในการตามเสด็จ  เธอคิดว่าจะได้เดินทางตามลำพังกับมารีนาเพียงสองคน  เพราะจะได้เถลไถลเที่ยวป่า  เที่ยวสถานที่ต่างๆ ก่อนจะต้องไปศึกษาเล่าเรียนอันแสนน่าเบื่อในความคิดของเธอ  ไม่ใช่แต่เรเนสตาที่คิดเช่นนี้  มารีนาเองก็เช่นเดียวกัน  ถึงแม้ว่าเธอเองจะเป็นคนที่เชื่อฟังบุพการี  แต่บางทีเธอเองก็ยังอยากที่จะทำอะไรเพียงลำพังไม่ต้องการให้ใครคอยติดตามอย่างนี้


                       “อย่าว่าแต่ท่านเลยเรเนสตา  ข้าเองก็เหมือนกัน  ถึงแม้ข้าจะเต็มใจไปแต่ก็อยากไปเองโดยไม่ต้องมีผู้ติดตาม


                        “นั่นสิเรเนสตายังคงมองเหล่าทหารม้ารักษาพระองค์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ  แต่แค่แวบเดียวก็กลายเป็นยิ้มอย่างมีเลสนัย มารีนาเจ้าเอียงหูมานี่สิ  ข้ามีความคิดดีๆแล้วเรเนสตากระซิบกระซาบกับมารีนาพักนึงแล้วมารีนาจึงยิ้มออกมาบ้าง  เมื่อเจ้าหญิงทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยแล้ว  เสียงเป่าแตรก็ดังขึ้น  ถึงเวลาที่สองพี่น้องต้องเดินขึ้นไปกราบบังคมทูลลาพระราชบิดาและพระราชมารดา


                          “ลูกทูลลาเพคะท่านพ่อ  ท่านแม่เจ้าหญิงเรเนสตาและเจ้าหญิงมารีนาถอนสายบัวทูลลาพระราชบิดาพระราชมารดา 


                           กษัตริย์บาเรตโตดึงพระราชธิดาทั้งสองมากอดและจุมพิตที่หน้าผากเพื่อเป็นการให้พร
    พ่อขอให้เจ้าทั้งสองจงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้ดีที่สุด เพื่อชาวเมืองของเรานะลูก


                              “ลูกจะทำตามพระประสงค์เพคะเจ้าหญิงทั้งสองตอบรับอย่างเต็มใจ ราชินีมารีนตื้นตันใจจนน้ำตาไหล  มองดูลูกอันเป็นที่รักทั้งสองของนางเดินออกไปขึ้นม้าด้วยท่าทางที่ทรนงแกร่งกล้าสมกับเป็นขัตติยะนารี  ขอพลังแห่งองค์บรรพกษัตริย์ทั้งห้าแห่งอาณาจักรซานตาเนียร์จงช่วยปกป้องคุ้มครองทายาทแห่งพระองค์ด้วยเถิดราชินีมารีนร้องขึ้นในใจพร้อมกับมองเจ้าหญิงทั้งสองขี่ม้าออกไปจนลับตา

                                                …………………………………

                         เมื่อคณะเจ้าหญิงพร้อมด้วยเหล่าทหารผู้ติดตามออกเดินทางจากเมืองที่มีผู้รอส่งเสด็จกันเป็นจำนวนมากแล้วจึงมาถึงเขตชายป่าซึ่งคณะเดินทางชุดนี้จะต้องเดินทางผ่านเพื่อไปสถานที่ศักดิ์สิทธ์  คณะเดินทางรีบเดินทางกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยผ่านป่าไม้ขึ้นเขาลงห้วย  บางทีก็ขี่ม้าผ่านป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ตามแต่ที่เจ้าหญิงทั้งสองจะขี่ไปที่ไหน  การเดินทางที่ลำบากเช่นนี้ทำให้เหล่าทหารม้ารักษาพระองค์เริ่มเหนื่ออ่อนกันบ้างแล้ว  ยิ่งทหารม้ารักษาพระองค์เหนื่อยอ่อนมากขึ้นเท่าไหร่เจ้าหญิงเรเนสตาและเจ้าหญิงมารีนาก็ยิ่งเร่งเดินทางและหันมาสบตากันด้วยความพอใจมากขึ้นเท่านั้น  เพราะทั้งสองตกลงกันตามความคิดของเจ้าหญิงผู้เป็นพี่ไว้ว่า  เมื่อขี่ม้าเข้ามาในป่าเจ้าหญิงทั้งสองจะเป็นฝ่ายนำขบวน  โดยจะเดินทางผ่านที่ซึ่งลำบากมากๆเพื่อให้ทหารเหนื่อยอ่อนและขอหยุดพัก  เมื่อทหารหยุดพักทั้งสองพระองค์จะทำใจดีแจกน้ำให้เหล่าทหารกิน  ซึ่งในน้ำนั้นใส่ยาสลบลงไป  มีผลออกฤทธ์  24  ชั่วโมง  พอมีเวลาให้เจ้าหญิงเกเรทั้งสองหนีไปโดยไม่มีทางที่ทหารเหล่านี้จะตามทัน  ความคิดของเจ้าหญิงเรเนสตาได้ผลเร็วเกินคาด  เมื่อมีทหารขี่ม้าตามมาทูลว่าของหยุดพักเพราะว่ามีทหารที่เหนื่ออ่อนมาก  ขอให้หยุดพักการเดินทางเพื่อให้ทหารได้พักผ่อนบ้าง


                            “เห็นมั้ยล่ะ  ข้าบอกท่านแล้วเรเนสตาว่าไม่ควรมาทางนี้  มารีนาแกล้งพูดว่าเรเนสตาตามแผนที่วางไว้ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะอ่อนแอกันถึงเพียงนี้  แต่ก็เอาเถอะข้ายอมรับผิดก็ได้  เพื่อเป็นการไถ่โทษเจ้าช่วยข้านำน้ำไปแจกให้เหล่าทหารก็แล้วกัน   เรเนสตาก็ตอบรับทันควันอย่างไม่น้อยหน้าเช่นกัน  ก็เป็นแผนที่เธอคิดขึ้นเองนี่  ก็ต้องตีบทให้แตกไม่งั้นมันจะไม่สมจริง  


                      แล้วเจ้าหญิงจอมวางแผนกับเจ้าหญิงผู้แสนเรียบร้อยก็นำน้ำไปให้ทหารดื่มดับกระหายกันอย่างถ้วนหน้า  เหล่าทหารรับน้ำมาด้วยความรู้สึกตื้นตันใจในพระกรุณาของเจ้าหญิงทั้งสองเป็นอันมาก  ที่เจ้าหญิงทั้งสองไม่ถือพระองค์แถมยังมีพระกรุณาห่วงใยนำน้ำมาให้โดยไม่รู้ซักนิดถึงแผนการของเจ้าหญิงทั้งสอง  และไม่นานนักแผนการณ์ก็ประสบผลสำเร็จตามการคาดการณ์ของเจ้าหญิงจอมวางแผน  เหล่าทหารสลบไม่รู้เรื่องกันทั้งหมด  เจ้าหญิงทั้งสองจึงรีบควบม้าหนีออกมาอย่างรวดเร็ว  เมื่อหนีออกมาไกลพอสมควรที่เหล่าทหารไม่สามารถตามทันแล้วจึงได้ผ่อนฝีเท้าม้าให้วิ่งเบาลงพอประมาณ 


                            “น่าสงสารพวกทหารเหมือนกันนะ  ต้องนอนสลบกันไม่รู้เรื่องอยู่ในป่าอีกตั้งหลายชั่วโมงเจ้าหญิงมารีนาเริ่มเป็นห่วงพวกทหารในป่าขึ้มมาบ้าง  แต่ก็โดนเจ้าหญิงผู้วางแผนสวนขึ้นมา  ทำให้หายเป็นห่วงได้ทันควันเหมือนกัน หรือเจ้าอยากจะเดินทางไปพร้อมกับทหารเหล่านั้นโดยไม่ได้เที่ยวเลยก็ตามใจเจ้านะ  อยากกลับก็เชิญตามสบาย


                              เมื่อเรเนสตาเห็นมารีนาเงียบก็รีบขี่ม้าเข้ามาพูดอย่างเอาใจ
    ช่างมันเถอะน่ามารีนา ไหนๆเราก็เดินทางออกมาตั้งไกลแล้วนี่  จะกลับไปอีกก็เสียเวลาไปเปล่าๆ  อย่ามัวแต่รู้สึกผิดอยู่เลย ทำตัวให้ร่าเริงสมกับที่ได้เที่ยวหน่อยเถอะนะ….นะมารีนาคนดี๊  คนดี  มารีนาจึงยิ้มออกมาได้เมื่อเรเนสตาเข้ามาพูดด้วยอย่างเอาใจ ก็ได้! ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่  ข้าก็ไม่อยากทำให้ท่านหมดสนุกไปด้วยทั้งสองจึงเดินทางต่อไปอย่างร่าเริงเมื่อตกลงกันได้แล้ว 

                                                      ……………………………

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×