ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ~งานเลี้ยงครั้งสุดท้าย~
    ใต้แผ่นฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทอแสงเต็มฟากฟ้า ในคืนวันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2547 ในคืนวันคริสต์มาส  งานปาร์ตี้เล็กๆที่อบอวนไปด้วยกลิ่นอายของความรักและความอบอุ่นถูกจัดขึ้นที่ริมหาด บรรยากาศถูกคลอด้วยเสียงเพลงคลาสสิกเบาๆ แสงเทียนถูกจุดขึ้นเพื่อให้แสงสว่างแทนแสงอาทิตย์ที่เพิ่งจะลับขอบฟ้าไป เด็กหญิงสองคนวิ่งเล่นหยอกล้อกันอยู่ไม่ไกลกับ หญิงชายวัยชราที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วไม่ต่ำกว่า60ปี
    ภายในตัวบ้านหันหน้าออกรับลมทะเล จันทร์เพ็ญ หญิงสาววัยทำงานกำลังจัดเตรียมอาหารพร้อมมองออกมานอกบ้านเห็นลูกๆกำลังวิ่งเล่นหยอกล้อก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
    “นานแต่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้มีความสุขร่มกันแบบนี้”เธอหลับตาพริ้มรับลมทะเลที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างแล้วรำพันกับตัวเอง
    “ผมก็จำไม่ได้แล้วหละที่รัก”ชาติชาย ชายหนามวัยใกล้เคียงกันเดินมาโอบกอดเธอ
    “คุณดูลูกๆสิคะ...ดูพวกเขาจะสนุกกันมากเลยเนอะ”
    “ใช่...และตอนนี้ผมเองก็มาความสุขมากเหมือนกัน” ชาติชายกระชับอ้อมกอดแล้วประทับริมฝีปากลงบนแก้มของเดือนเพ็ญ
    “คุณออกไปหาลูกก่อนเถอะค่ะ...ดูสิโบกมือเรียกกันใหญ่แล้ว”เธอพูดขณะชี้มือไปยังลูกของเธอที่กำลังโบกไม้โบกมือเรียก
    “รีบๆตามมานะจ๊ะที่รัก”
    “คุณพ่อขา ทางนี้ค่ะทางนี้”เด็กหญิงดวงดาวและเด็กหญิงแสงเดือนร้องเรียกผู้เป็นพ่อทันทีที่เห็นเขาเดินออกมาตามทางเดินที่ขนาบข้างด้วยแสงเทียน
    “สนุกมั๊ยลูก”เขาเอ่ยถามเด็กๆพร้อมกันกางแขนออกรับอ้อมกอดของลูก
    “คุณพ่อขาลูกยังไม่อยากกลับเลยเราอยู่กันต่ออีกไม่ได้หรอคะ” ดวงดาวพูดอ้อนพ่อ
    “ใช่ค่ะคุณพ่อเดือนก็ไม่อยากกลับ”
    “ไม่ได้หรอกลูกพ่อกับแม่ไม่ได้ลางานไว้...เอาไว้ปีหน้าเราค่อยมากันอีกนะครับ”
    “จริงๆนะคะ”
    “จริงสิ”
    “คุณพ่อสัญญาแล้วนะคะ”
    “ครับ...พ่อสัญญา”
    “เย้ๆแม่มาแล้ว...พี่ดาวไปหาแม่กัน”พูดจบแสงเดือนก็ดึงแขนพี่สาวแล้ววิ่งไปหาแม่ด้วยกัน
ชาติชายยืนเอามือไขว้หลังมองตามลูกไปแล้ว หันไปมองบรรยากาศยามค่ำคืน ที่ทั้งสวยงาม และเงียบสงบ ที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับโลก
    “คุณคะ...มาทานอาหารเถอะค่ะ”จันทร์เพ็ญที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักร้องเรียก
ชายหนามเดินเข้ามานั่งข้างๆภรรยาแล้วโอบไหลเธออย่างแผ่วเบา แล้วหญิงสาวก็หันมายิ้มรับอย่างอ่อนโยน
ระหว่างทานอาหารการสนทนาก็เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดระยะ คุณปู่เริ่มเล่าเรื่องสมัยยังหนามให้ลูกๆหลานฟังอย่างได้อรรถรส สอดแทรกด้วยมุขตลกทำให้บรรยากาศในงานไม่เงียบเหงา
เวลาแห่งความสุขล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วไม่นานงานสังสรรค์ก็ต้องเลิกรา
    “ดาว เดือน ไปนอนเถอะลูกดึกแล้ว”ชาติชายบอกลูกๆเมือสังเกตเห็นลูกสาวนั่งตาปรอย
    “เดือนยังไม่ง่วงเลยค่ะคุณพ่อ”เด็กหญิงแสงเดือนบอกพ่อแต่ดูเหมือนว่าเธอจะทนนั่งต่อไปไม่ไหว เพราะตอนนี้เธอโอนไปเอนมาตามกระแสลมแล้วล้มคอพับไปพิงไหล่ดวงดาวผู้เป็นพี่ “พ่อดูยัยเดือนสิคะขนาดไม่ง่วงนะเนี่ย”ดวงดาวพูดหลังจากที่ขบขันกับกริยาของน้องสาว
    “คุณพาลูกไปนอนก่อนเถอะค่ะเดี๋ยวทางนี้เพ็ญจะจัดการเอง”
    “จ้ะ...ไปดาวเดือนไปนอนกันดีว่า”เขาพูดแล้วอุ้มแสงเดือนพาดบ่าและเดินจูงมือดวงดามไปยังตัวบ้าน
    ชาติชายวางแสงเดือนลงบนที่นอนแล้วลากผ้าห่มมาห่มให้
    “คุณพ่อคะ...พรุ่งนี้ก่อนกลับบ้านดามขอเล่นน้ำอีกได้มั๊ยคะ
    “อืม...จะได้รึเปล่าน้า”ชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด
    “นะคะคุณพ่อ...นะคะ”
    “จ้า...แต่ว่าลูกต้องรีบนอนนะจะได้ตื่นมาเล่นเช้าๆเราจะได้ไม่กลับถึงบ้านกันดึกเกินไปนะจ๊ะ”พูดจบชายหนามก็จูบที่หน้าผากของลุกสาวทั้งสองคนก่อนที่จะเดินไปปอดไปและออกจากห้องไป
    ชาติชายเดินออกมาที่ชายหาดอีกครั้ง
      “พ่อกันแม่ไปนอนแล้วหรอจ๊ะ”เขาถามภรรยาที่กำลังเก็บกวาดข้าวของอยู่
    “ค่ะ...เพิ่งไปเมื่อครู่นี้เอง”
    “มาผมช่วย”ชาติชายอาสา
    “ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวเพ็ญทำเอง”
    “ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวผมออกไปเดินเล่นแถวนี้หน่อยแล้วกัน”
    “แล้วรีบกลับมาพักผ่อนนะคะ...พรุ่งนี้ต้องขับรถเดี๋ยวจะไม่มีแรง” หญิงสาวพูดด้วยท่าทางเป็นห่วง
    “ครับ...”ชายหนุ่มพูดแล้วเดินหายไปในความมืด
    เขาเดินลงไปใกล้ๆทะเลและเดินเรื่อยไปตามแนวชายหาด คลื่นน้ำเล็กๆเคลื่อนตัวเข้ามากระทบกับเท้าของเขาเป็นระยะเหมือนกับเป็นการต้อนรับอย่างเป็นมิตรทำให้เขารู้สึก อบอุ่นและปลอดภัยแม้จะเดินอยู่โดดเดียวยามค่ำคืนอย่างบอกไม่ถูก
    เขาเลือกที่จะนั่งดื่มดั่มกับบรรยากาศท้องทะเลอยู่ที่โขดหินเล็กก้อนหนึ่ง สายลมแผ่วเบาพัดเอากลิ่นความเค็มอ่อนๆจากท้องทะเลมากระทบกับกายของเขา เขาคิดว่าบั้นปลายชีวิตของเขาจะมาใช่ชีวิตที่ทะเลแห่งนี้กับภรรยาและลูกๆ อย่างสงบสุข และเขาก็วาดฝันถึงภาพเขาและจันทร์เพ็ญนั่งดูพรอาทิตย์ตกดินด้วยกัน มองดูหลายวิ่งเล่นที่ริมชายหาก
    “เพ็ญ...”เมื่อนึกถึงภรรยาทำให้เขานึกถึงคำพูดที่ภรรยากำชับว่าให้รีบกลับ เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินกลับบ้านพัก
    ภายในตัวบ้านหันหน้าออกรับลมทะเล จันทร์เพ็ญ หญิงสาววัยทำงานกำลังจัดเตรียมอาหารพร้อมมองออกมานอกบ้านเห็นลูกๆกำลังวิ่งเล่นหยอกล้อก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
    “นานแต่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้มีความสุขร่มกันแบบนี้”เธอหลับตาพริ้มรับลมทะเลที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างแล้วรำพันกับตัวเอง
    “ผมก็จำไม่ได้แล้วหละที่รัก”ชาติชาย ชายหนามวัยใกล้เคียงกันเดินมาโอบกอดเธอ
    “คุณดูลูกๆสิคะ...ดูพวกเขาจะสนุกกันมากเลยเนอะ”
    “ใช่...และตอนนี้ผมเองก็มาความสุขมากเหมือนกัน” ชาติชายกระชับอ้อมกอดแล้วประทับริมฝีปากลงบนแก้มของเดือนเพ็ญ
    “คุณออกไปหาลูกก่อนเถอะค่ะ...ดูสิโบกมือเรียกกันใหญ่แล้ว”เธอพูดขณะชี้มือไปยังลูกของเธอที่กำลังโบกไม้โบกมือเรียก
    “รีบๆตามมานะจ๊ะที่รัก”
    “คุณพ่อขา ทางนี้ค่ะทางนี้”เด็กหญิงดวงดาวและเด็กหญิงแสงเดือนร้องเรียกผู้เป็นพ่อทันทีที่เห็นเขาเดินออกมาตามทางเดินที่ขนาบข้างด้วยแสงเทียน
    “สนุกมั๊ยลูก”เขาเอ่ยถามเด็กๆพร้อมกันกางแขนออกรับอ้อมกอดของลูก
    “คุณพ่อขาลูกยังไม่อยากกลับเลยเราอยู่กันต่ออีกไม่ได้หรอคะ” ดวงดาวพูดอ้อนพ่อ
    “ใช่ค่ะคุณพ่อเดือนก็ไม่อยากกลับ”
    “ไม่ได้หรอกลูกพ่อกับแม่ไม่ได้ลางานไว้...เอาไว้ปีหน้าเราค่อยมากันอีกนะครับ”
    “จริงๆนะคะ”
    “จริงสิ”
    “คุณพ่อสัญญาแล้วนะคะ”
    “ครับ...พ่อสัญญา”
    “เย้ๆแม่มาแล้ว...พี่ดาวไปหาแม่กัน”พูดจบแสงเดือนก็ดึงแขนพี่สาวแล้ววิ่งไปหาแม่ด้วยกัน
ชาติชายยืนเอามือไขว้หลังมองตามลูกไปแล้ว หันไปมองบรรยากาศยามค่ำคืน ที่ทั้งสวยงาม และเงียบสงบ ที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับโลก
    “คุณคะ...มาทานอาหารเถอะค่ะ”จันทร์เพ็ญที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักร้องเรียก
ชายหนามเดินเข้ามานั่งข้างๆภรรยาแล้วโอบไหลเธออย่างแผ่วเบา แล้วหญิงสาวก็หันมายิ้มรับอย่างอ่อนโยน
ระหว่างทานอาหารการสนทนาก็เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดระยะ คุณปู่เริ่มเล่าเรื่องสมัยยังหนามให้ลูกๆหลานฟังอย่างได้อรรถรส สอดแทรกด้วยมุขตลกทำให้บรรยากาศในงานไม่เงียบเหงา
เวลาแห่งความสุขล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วไม่นานงานสังสรรค์ก็ต้องเลิกรา
    “ดาว เดือน ไปนอนเถอะลูกดึกแล้ว”ชาติชายบอกลูกๆเมือสังเกตเห็นลูกสาวนั่งตาปรอย
    “เดือนยังไม่ง่วงเลยค่ะคุณพ่อ”เด็กหญิงแสงเดือนบอกพ่อแต่ดูเหมือนว่าเธอจะทนนั่งต่อไปไม่ไหว เพราะตอนนี้เธอโอนไปเอนมาตามกระแสลมแล้วล้มคอพับไปพิงไหล่ดวงดาวผู้เป็นพี่ “พ่อดูยัยเดือนสิคะขนาดไม่ง่วงนะเนี่ย”ดวงดาวพูดหลังจากที่ขบขันกับกริยาของน้องสาว
    “คุณพาลูกไปนอนก่อนเถอะค่ะเดี๋ยวทางนี้เพ็ญจะจัดการเอง”
    “จ้ะ...ไปดาวเดือนไปนอนกันดีว่า”เขาพูดแล้วอุ้มแสงเดือนพาดบ่าและเดินจูงมือดวงดามไปยังตัวบ้าน
    ชาติชายวางแสงเดือนลงบนที่นอนแล้วลากผ้าห่มมาห่มให้
    “คุณพ่อคะ...พรุ่งนี้ก่อนกลับบ้านดามขอเล่นน้ำอีกได้มั๊ยคะ
    “อืม...จะได้รึเปล่าน้า”ชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด
    “นะคะคุณพ่อ...นะคะ”
    “จ้า...แต่ว่าลูกต้องรีบนอนนะจะได้ตื่นมาเล่นเช้าๆเราจะได้ไม่กลับถึงบ้านกันดึกเกินไปนะจ๊ะ”พูดจบชายหนามก็จูบที่หน้าผากของลุกสาวทั้งสองคนก่อนที่จะเดินไปปอดไปและออกจากห้องไป
    ชาติชายเดินออกมาที่ชายหาดอีกครั้ง
      “พ่อกันแม่ไปนอนแล้วหรอจ๊ะ”เขาถามภรรยาที่กำลังเก็บกวาดข้าวของอยู่
    “ค่ะ...เพิ่งไปเมื่อครู่นี้เอง”
    “มาผมช่วย”ชาติชายอาสา
    “ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวเพ็ญทำเอง”
    “ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวผมออกไปเดินเล่นแถวนี้หน่อยแล้วกัน”
    “แล้วรีบกลับมาพักผ่อนนะคะ...พรุ่งนี้ต้องขับรถเดี๋ยวจะไม่มีแรง” หญิงสาวพูดด้วยท่าทางเป็นห่วง
    “ครับ...”ชายหนุ่มพูดแล้วเดินหายไปในความมืด
    เขาเดินลงไปใกล้ๆทะเลและเดินเรื่อยไปตามแนวชายหาด คลื่นน้ำเล็กๆเคลื่อนตัวเข้ามากระทบกับเท้าของเขาเป็นระยะเหมือนกับเป็นการต้อนรับอย่างเป็นมิตรทำให้เขารู้สึก อบอุ่นและปลอดภัยแม้จะเดินอยู่โดดเดียวยามค่ำคืนอย่างบอกไม่ถูก
    เขาเลือกที่จะนั่งดื่มดั่มกับบรรยากาศท้องทะเลอยู่ที่โขดหินเล็กก้อนหนึ่ง สายลมแผ่วเบาพัดเอากลิ่นความเค็มอ่อนๆจากท้องทะเลมากระทบกับกายของเขา เขาคิดว่าบั้นปลายชีวิตของเขาจะมาใช่ชีวิตที่ทะเลแห่งนี้กับภรรยาและลูกๆ อย่างสงบสุข และเขาก็วาดฝันถึงภาพเขาและจันทร์เพ็ญนั่งดูพรอาทิตย์ตกดินด้วยกัน มองดูหลายวิ่งเล่นที่ริมชายหาก
    “เพ็ญ...”เมื่อนึกถึงภรรยาทำให้เขานึกถึงคำพูดที่ภรรยากำชับว่าให้รีบกลับ เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินกลับบ้านพัก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น